คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #47 : [ตอนที่43] :: เหตุผลแห่งการก่อตั้งการทดลอง ความจริงที่อยู่เบื้องหลังความโหดร้าย
ตอนที่43
เหตุผลแห่งการก่อตั้งการทดลอง ความจริงที่อยู่เบื้องหลังความโหดร้าย
“จริงๆ อย่างงั้นเหรอราชันย์?... มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เหรอ... ?” ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
มันถึงกับทำให้ราชันย์ต้องหันหน้ามองมาทางฉันทันที
“ทำไม... ทำไมนายต้องโกหกพวกเราด้วยล่ะ?” ฉัน
“...”
ราชันย์นิ่งเงียบไม่ตอบกลับอะไรฉันมาสักอย่าง เขาทำเพียงแค่มองตรงมาทางฉันแล้วเบียนหน้าหนีไป
พรึบ!!!
ลูฟี่ตวัดขาปัดมือของราชันย์ลงสู่พื้นก่อนจะพุ่งหมัดชกไปที่หน้าของราชันย์เต็มแรงจนทำให้เขาล้มลงกระแทกกับพื้น
“กัปตัน!!” เสียงของนาอิดังขึ้น ก่อนที่จะโดนรีทาวน์เอื้อมมือไปจับที่ไหล่ของเขาเป็นการห้ามปราม
“แต่... แต่ยังไงเขาก็เป็นเพื่อนของพวกเรานะ!” นาอิหันหน้ามองไปทางรีทาวน์
“ไม่ใช่... นั่นไม่ใช่เพื่อนของฉัน...” รีทาวน์พูดพร้อมมองตรงไปในดวงตาของนาอิด้วยสายตาโกรธแค้น
“รีทาวน์...” นาอิพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งอึ้ง
ผัวะ!!
ราชันย์ที่ยันตัวลุกขึ้นมาจากพื้นหมุนตัวใช้เท้าถีบไปที่ท้องของลูฟี่เต็มๆ และเพราะราชันย์เองก็มีฮาคิ มันจึงทำให้ลูฟี่ถึงกับกระอั่กเลือด
โครม!!
ตัวของลูฟี่กระเด็นไปกระแทกกับพื้นที่อยู่ใกล้ๆ กับเก้าอี้ตัวใหญ่ ซึ่งมีชายแก่คนหนึ่งนั่งอยู่
“บ้าเอ๊ย...” ลูฟี่สบถก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง
“พอได้แล้ว... วุ่นวายเกินไปแล้วนะ” ชายแก่คนนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเกินบรรยาย
เขาเหลือบตามองลงไปยังลูฟี่ที่นั่งอยู่แทบเท้าของเขา
“เห... ลุงเป็นใครเนี่ย” ลูฟี่เองก็เงยหน้ามองไปที่ชายคนนั้นก่อนจะเอียงคอถามเขาไป
“นายคงจะเป็นหมวกฟางลูฟี่สินะ” ชายแก่คนนั้นพูดพลางมองหน้าของลูฟี่
“อื้มใช่ ว่าแต่ลุงเป็นใครกันล่ะ” ลูฟี่
“หึ... งั้นแปลว่าเหลืออีกแค่คนเดียวก็จะครบแล้วสินะ” ชายแก่คนนั้นหันหน้าไปถามราชันย์
“อืม...” ราชันย์พูดพร้อมกับเอามือเช็ดเลือดที่มุมปากของตัวเอง
“งั้นฉันขอเชิญให้นาย... หมวกฟางลูฟี่... นั่งลงที่เก้าอี้ก่อนสิ ฉันมีเรื่องจะคุยนิดหน่อย” ชายแก่คนนั้นพูดพร้อมผายมือไปยังเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ข้างๆ เก้าอี้ที่เขานั่งอยู่
“หะ... เห?... คุยงั้นเหรอ?” ลูฟี่
“ใช่แล้ว... แล้วก็ปล่อยคนอื่นๆ ออกมาจากกรงได้” ชายคนนั้นพูดพร้อมเหลือบตามองไปทางเหล่าผู้ชายที่ยืนอยู่รอบๆ ห้อง
เมื่อสิ้นประโยคนั้นของเขา ผู้ชายเหล่านั้นก็เดินมาพร้อมกับเก้าอี้และจัดเรียงเก้าอี้ให้พวกเราทุกคนนั่งลง
กริ๊ก...
เสียงของกุญแจกรงขังถูกปลดออกพร้อมกับประตูกรงขังที่เปิดออก
“ปะ... ปล่อยพวกเราเฉยเลย” อุซปพูดด้วยน้ำเสียงอึ้งๆ
หมับ!
“เชิญนั่งได้เลยครับ”
จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งเดินมาแตะที่ไหล่ของฉัน ทำเอาฉันตกใจแทบตาย
สุดท้าย พวกเราทุกคนก็นั่งลงกันที่เก้าอี้ที่ถูกจัดเรียงเป็นวงกลม ซึ่งศูนย์กลางของวงกลมนี้คือเก้าอี้ตัวใหญ่ของชายแก่คนนั้น ด้านขวามือของชายคนนั้นคือ ราชันย์ และด้านซ้ายมือของเขาคือ ลูฟี่
ส่วนด้านนอกเก้าอี้ของพวกเราถูกล้อมด้วยเก้าอี้อีกเจ็ดตัว ซึ่งตอนนี้เก้าอี้เจ็ดตัวนั้นว่างไปถึงสามที่ด้วยกัน
พรึบ!
“เมื่อไหร่จะพูดซะทีล่ะ ฉันขี้เกียจมานั่งรอเฉยๆ นะ” คลาวน์ที่ล้มตัวลงนั่งที่เก้าอี้ยังไม่ถึงหนึ่งนาทีก็เริ่มส่งเสียงบ่นทันที
“นายก็อดทนรอสักหน่อยเถอะ” อีกคนหนึ่งที่พูดขึ้นมานั่นก็คือ ทรอย ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ คลาวน์
“ฉันรอมาสองปีแล้วเฟ้ย...” คลาวน์พูดพร้อมบิดขี้เกียจ
“วันนี้มาตินไม่ได้มาเข้าร่วมด้วยงั้นเหรอ... หรือว่าเขาสายกันล่ะ” ชายตัวใหญ่ที่นั่งอยู่พูดพลางมองตรงไปทางเก้าอี้ที่ว่างเปล่า
“หึๆ... หมอนั่นไม่มาหรอก” คลาวน์พูดพร้อมหัวเราะในลำคอ
“ที่นายพูดหมายความว่ายังไงน่ะ” ชายร่างใหญ่หันไปถาม
“ฉันคิดว่ามันไม่กล้าโผล่หัวมาหรอก... ถ้าโผล่มาล่ะก็ มันคงจะไม่สวยเท่าไหร่ล่ะนะ” คลาวน์พูดพร้อมหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดที่ใบหน้าของตัวเอง
“ยังไม่เลิกพฤติกรรมแปลกๆ แบบนั้นอีกงั้นเหรอ” หญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่พูดทั้งๆ ที่ไม่มองหน้าของคลาวน์
เอ๊ะ... เธอคนนั้น... หน้าตาคุ้นๆ เหมือนฉันเคยเจอที่ไหนเลย... บาดแผลขนาดใหญ่ที่ใบหน้านั่น...
“มันช่วยไม่ได้นี่หน่า~” คลาวน์หัวเราะ
แอ๊ด...
“ขอโทษที่ทำให้รอนานนะ K ~”
จู่ๆ ประตูที่เปิดออก ก็ปรากฏเป็นชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ
แต่เดี๋ยวนะ... เมื่อกี้เขาเรียกชายแก่คนนั้นว่า K งั้นเหรอ!?
“ลุงคือ K งั้นเหรอ” ลูฟี่ทำหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะมองไปทางชายแก่ที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา
“เดี๋ยวค่อยแนะนำตัวอย่างเป็นทางการแล้วกันนะ” ชายคนนั้นทำเพียงแค่หันหน้าไปส่งยิ้มให้กับลูฟี่
จะ... จริงด้วยสินะ! ชายคนนี้คือหัวหน้าของงานทดลองนี้... คนที่พวกเราต้องจัดการนี่หน่า!
“เฮ้อ... กำลังสนุกอยู่เลยแท้ๆ ทำไมต้องมาขัดกันด้วยน้า!”
เสียงของชายอีกคนที่เดินตามเข้ามาดังขึ้น เมื่อมองไปก็พบว่าเป็นชายที่เราเคยพบที่เกาะแบมบู ไอแลนด์!
“แค่กๆๆ...”
“ซันจิ!!” พวกเราประสานเสียงด้วยความตกใจ
เหตุผลเพราะอะไรน่ะเหรอ นั่นก็เพราะคนที่เดินตามชายคนนั้นมาก็คือซันจิคุงในสภาพที่ตัวเปียกไปหมด ท่าทางของเขาดูไม่มีแรงเลยแม้แต่น้อย
“นั่งตรงนั้นนะขาดำ” ชายที่เราพบที่เกาะแบมบู ไอแลนด์พูดพร้อมกับชี้ไปที่เก้าอี้
“แค่กๆๆๆ.. อึก!” จู่ๆ ซันจิคุงที่เดินมาก็ล้มตัวลงอย่างกระทันหัน!
“ซันจิ!” ลูฟี่
พรึบ!!
ในจังหวะที่ซันจิคุงกำลังจะล้มตัวลงกับพื้น ลูฟี่ก็พุ่งตัวไปรับตัวของเขาได้อย่างทันเวลา เป็นอะไรน่ะซันจิคุง!
“เอาล่ะ นั่งลงก่อน อย่าตื่นตกใจไป” ชายที่ได้ชื่อว่า K พูดขึ้นพร้อมกับมองตรงมาทางพวกเราที่เผลอยันตัวลุกขึ้นกับอาการของซันจิคุง
“พวกแกทำอะไรกับซันจิ!!” ลูฟี่แผดเสียงไปทางชายที่เดินนำมา
“อะไร ฉันป่าวนะ... ไม่ได้ทำอะไรเลย” ชายที่เราพบที่เกาะแบมบู ไอแลนด์พูดพลางฉีกยิ้ม
“หน๊อยแก!!” ลูฟี่วางซันจิลงก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปหาชายคนนั้นอย่างเดือดจัด
“คิม...” K
“ครับ”
ผัวะ!!!
แต่ยังไม่ทันที่หมัดนั้นของลูฟี่จะกระแทกเข้าที่หน้าของชายที่เราพบที่แบมบู ไอแลนด์ ชายร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ พุ่งตัวเข้าไปรับหมัดของลูฟี่อย่างรวดเร็ว!
“อย่ามายุ่ง!!” ลูฟี่แผดเสียง
“อย่าสร้างความวุ่นวายมากกว่านี้เลยหมวกฟาง” ชายร่างใหญ่พูดพรางก้มลงมองลูฟี่
“ไม่เป็นอะไรนะซันจิ!”
ช๊อปเปอร์ที่วิ่งตรงไปทางซันจิคุงมองดูอาการของเขาอย่างกังวล
“แค่กๆๆ!” ซันจิคุงไม่ตอบอะไร ทำได้เพียงแค่สำลักน้ำจำนวนมากออกมา
“ฉัน... ไม่เป็นไร แค่กๆ” ซันจิคุงพูดพรางค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น
“แน่ใจเหรอ!?” ช๊อปเปอร์
“อื้ม... ไม่เป็นไรแล้ว... รีบทำให้มันจบๆ เถอะ...” ซันจิคุงพูดพร้อมเดินตรงมานั่งลงที่เก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ ซึ่งมันเป็นเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างๆ ฉันนั้นเอง
“เกิดอะไรขึ้นน่ะซันจิคุง” ฉันรีบลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปหาซันจิคุง
“แหะๆ... คุณนามิมาเห็นผมสภาพนี้มันไม่เท่เอาซะเลย... แต่ก็ดีใจนะครับ แค่กๆๆ... ที่คุณนามิเป็นห่วงผม” ซันจิคุงพูดพรางส่งยิ้มให้กับฉัน
“นายควรจะขอโทษในสิ่งที่ทำนะ... ยูเซย์จิ” K พูดพร้อมกับมองตรงไปทางชายที่เราพบที่เกาะแบมบู ไอแลนด์
เขาทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ระบายยิ้มออกมา
“ขอโทษแล้วกันนะขาดำ” ยูเซย์จิพูดพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ
“พอใจหรือยังล่ะหมวกฟาง...” K พูดพร้อมมองตรงไปทางลูฟี่ที่ทำหน้าหาเรื่องชายร่างใหญ่
ลูฟี่หันหน้ามองตรงไปทาง K ก่อนจะสะบัดมือออกจากชายร่างใหญ่คนนั้น แล้วเดินตรงไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง
“ทีนี้ก็นั่งที่กันได้แล้ว เราจะได้เริ่มคุยกันเลย” K พูดพร้อมมองตรงมาทางพวกเราทุกคน
ฉันจึงค่อยๆ เดินไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเองเหมือนเดิม พร้อมกับมองไปรอบๆ ตัวของพวกเรา พวกของทรอยและคลาวน์นั่งล้อมพวกเราไว้ทั้งหมดเลย... แบบนี้ถ้าจะหนีจะต้องเป็นเรื่องยากแน่
“เอาล่ะ งั้นมาเริ่มกันเลย... ฉันขอแนะนำตัวก่อน... ฉันมีชื่อว่า คุสึบารุ ทันโร เป็นหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของการทดลอง SDF-1 หรือคือการทดลองการรีดคั้นผลปีศาจ ทุกคนคงจะรู้จักในชื่อของ K แล้วล่ะนะ... จะได้ไม่เป็นการเสียเวลา ฉันจะให้เหล่ามือขวาของฉันได้แนะนำตัวกัน” K พูดพร้อมมองตรงไปยัง คลาวน์ ที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขา
“ว่าไง... ฉันคลาวน์” คลาวน์พูดพร้อมฉีกยิ้มมองมาทางพวกเราทุกคน
“ทรอยครับ” ต่อมาทรอยก็ลุกขึ้นพร้อมกับโค้งให้กับพวกเราทุกคน
“ฮิชิรุ ยูเซย์จิ” ชายที่เราพบที่เกาะแบมบู ไอแลนด์พูดขึ้นบ้าง
“จูเลียส” หญิงสาวที่มีแผลขนาดใหญ่ที่ใบหน้าพูดขึ้น
“ฉัน ลิตเติล คิม...” ชายร่างใหญ่ลุกขึ้นพร้อมกับโค้งตัวอย่างสุภาพ
“ฉันชื่อว่าแจ็ค... ส่วนคนที่จริงๆ จะต้องนั่งตรงนั้นชื่อว่า มาติน” ชายท่าทางประหลาดๆ ที่เดินนำฮิชิรุมาพูดพร้อมผายมือไปที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่
“ส่วนพวกนายฉันรู้จักทั้งหมดอยู่แล้ว คงไม่ต้องเสียเวลาแนะนำตัวหรอกนะ” K หรือ คุสึบารุ พูดพร้อมส่งยิ้มให้กับพวกเรา
“ที่เรียกพวกเรามาที่นี่ แค่ต้องการจะแนะนำตัวเท่านั้นหรอ” โซโลเป็นคนแรกที่เริ่มเปิดประเด็น
“โซโล!” อุซปและฉันรีบประสานเสียงห้ามอย่างตกใจ
หมอนี่จะพูดจาหาเรื่องเขาทำไมน่ะ! ไม่เห็นหรือไงว่าเรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากนะยะ!
“มันก็ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะโซโลคุง...” คุสึบารุ
“ฉันก็แค่ต้องการพบกับกลุ่มโจรสลัดที่มายุ่งไม่เข้าเรื่องกับการทดลองของฉันก็เท่านั้น... การเข้ามายุ่งกับการทดลองแบบนี้มันผิดกฎหมายนะ รู้ไหม...” คุสึบารุพูดพร้อมมองตรงไปทางโซโล
“เหรอ ไม่เห็นจะรู้มาก่อนเลย” โซโลพูดพรางฉีกยิ้ม
“จริงๆ แล้วฉันก็นึกว่าจะมีแค่กลุ่มโจรสลัดผมทองเท่านั้นที่รู้เรื่องการทดลองนี้... ที่แท้ฉันก็จะปล่อยไปนะ ถ้ามีแค่กลุ่มของผมทองน่ะ.. แต่พวกนายดันไปรู้เรื่องนี้ด้วยน่ะสิ แย่เลยนะ” คุสึบารุ
“ถ้ามีแค่พวกเรารู้ก็จะปล่อยไปงั้นเหรอ อย่ามาพูดเหมือนดูถูกกันหน่อยเลย!” นาอิพูดขึ้นพร้อมมองตรงไปยังคุสึบารุอย่างไม่กลัวเกรง
“ป่าว... ฉันไม่ได้ดูถูกพวกนายนะ แต่เพราะดันมีคนสำคัญของฉันอยู่ในกลุ่มของพวกนายเท่านั้นแหละ... ฉันจึงจะปล่อยไปไง” คุสึบารุพูดพร้อมฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์
มันทำเอาพวกเราทุกคนถึงกับเหลือบตามองไปทางราชันย์ทันที
“พูดจาน่าสะอิดสะเอียนซะจริง” ราชันย์พูดพร้อมขมวดคิ้ว
“ได้ยินแบบนั้นทำเอาฉันเสียความรู้สึกเลยนะ ราชันย์...” คุสึบารุพูดพร้อมเหลือบตามองไปทางราชันย์
“สรุปก็คือ... พวกนายแค่เรียกพวกเรามาที่นี่ เพื่อที่จะจัดการให้มันจบๆ สินะ” แฟรงกี้พูดพร้อมมองไปยังคุสึบารุ
“โดยรวมมันก็แค่นั้นแหละนะ แต่จริงๆ มันก็มีอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้น” คุสึบารุ
“พูดมาให้หมดสิ” แฟรงกี้
“มันไม่ใช่เรื่องของพวกนายทั้งหมดหรอกนะ และส่วนมากก็เป็นเรื่องของผมทองซะด้วย... นายเองก็มาที่นี่เพื่อรู้สิ่งเหล่านี้ใช่มั้ยล่ะ” คุสึบารุพูดพรางมองไปทางราชันย์
“ถูกต้อง” ราชันย์
“แปลว่านายก็รู้อยู่แล้วสินะว่าถ้าหากพวกเรามาที่นี่ พวกเราจะโดนอะไร” โซโลหันหน้าไปถามราชันย์
“เรื่องแบบนั้นฉันไม่รู้หรอก... มันเป็นเรื่องที่ฉันจะไม่เสียเวลาไปสนใจ” ราชันย์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“มาที่นี่เพื่อผลประโยชน์ของตัวนายเองคนเดียวเลยสินะราชันย์...” รีทาวน์
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” ราชันย์
“...” เมื่อรีทาวน์ได้ยินอย่างนั้น เขาถึงกับสะบัดหน้าหนีราชันย์ทันที
“จะ... จะจัดการกันอย่างงี้เลยเหรอ” อุซปพูดพร้อมมองไปรอบๆ ตัว ที่มีแต่ศัตรูล้อมอยู่เต็มไปหมด
“ฉันคิดว่ามันง่ายและรวดเร็วดี อีกอย่างหนึ่งคือ... พวกนายจะหายไปโดยที่ทุกคนบนโลกไม่รู้ด้วยซ้ำ” คุสึบารุ
“ฮะ..ฮะ...”
เสียงหัวเราะเสียงหนึ่งดังขึ้นในสถานการณ์ที่ตึงเครียด มันทำเอาพวกเราทุกคนต้องหันหน้ามองไปตามต้นเสียงทันที
“พูดอะไรแบบนั้นเล่า... จะจัดการพวกเรางั้นเหรอ”
ลูฟี่พูดพรางเอามือจับที่หมวกของตัวเองแล้วฉีกยิ้ม
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะลุง” ลูฟี่พูดพร้อมมองไปทางคุสึบารุ
“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่ามันจะต้องไม่ง่ายแน่ๆ แต่อย่างที่ว่าน่ะนะ... ยังไงฉันก็จะต้องจัดการพวกนายทุกคนอยู่ดี” คุสึบารุพูดพร้อมฉีกยิ้ม
พรึบ!
“งั้นก็รีบสู้กันให้จบๆ ไปเลยดีกว่า ฉันมาที่นี่เพื่อจัดการนายเหมือนกัน!” ลูฟี่เด้งตัวลุกจากเก้าอี้ ก่อนจะตั้งท่าเตรียมต่อสู้พร้อมกับหันตัวไปทางคุสึบารุ
“หึ... เป็นเด็กนี่ดีจังน้า...” คุสึบารุพูดพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย
“อะไรของลุง?” ลูฟี่
“เป็นเด็กน่ะ ดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือเคลื่อนไหวตัวได้อย่างคล่องแคล่วผิดกับคนแก่อย่างฉัน... แต่ว่านะหมวกฟาง...” คุสึบารุ
“...” ลูฟี่
“ระดับมันต่างกัน... ระดับของฉันกับนายน่ะ” คุสึบารุพูดพร้อมเหลือบตามองไปทางลูฟี่พร้อมฉีกยิ้มเยือกเย็น
เมื่อลูฟี่เห็นอย่างนั้นก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหาคุสึบารุทันที! เขาชูหมัดขึ้นเหนือหัวก่อนที่พุ่งมันไปตรงหน้าของคุสึบารุอย่างรวดเร็ว!
ปึ้ง!!
ก่อนที่จู่ๆ คลาวน์ก็พุ่งตัวเข้ามาแล้วรับหมัดของลูฟี่ด้วยมือของเขา!!
“แกอีกแล้ว!” ลูฟี่แผดเสียง
“แน่นอน” คลาวน์พูดพร้อมฉีกยิ้ม
พรึบ!!
คลาวน์ปัดมือของลูฟี่ออกจากการเกาะกุมก่อนจะตวัดเท้าตรงไปที่สีข้างของลูฟี่ แต่โชคดีที่ลูฟี่กระโดดหลบออกมาได้อย่างทันเวลา
“ฉันจะตันหน้าตาแก่นั่น! นายจะเข้ามายุ่งทำไม!” ลูฟี่โวยวายพร้อมมองไปทางคลาวน์อย่างอารมณ์เสีย
“ก็ไม่อยากยุ่งนักหรอก ฉันก็แค่มาป้องกันเขาตามหน้าที่เท่านั้น จนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องต่อสู้จริงๆ” คลาวน์พูดพร้อมเอียงคอมองหน้าลูฟี่
“จนกว่าจะถึงเวลาต่อสู้จริงๆ ?” ลูฟี่
“ใช่แล้ว ถ้านายจะเข้ามา... ฉันก็พร้อมจะปัดนายออกไป” คลาวน์พูดพร้อมฉีกยิ้ม
“แล้วแต่นายก็แล้วกัน” ลูฟี่พูดพร้อมพุ่งเข้าไปหาคุสึบารุอย่างไม่ลังเลและไม่สนใจคลาวน์ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ผัวะ!! พลืดดด!!
และทุกครั้งที่ลูฟี่พุ่งตัวเข้าโจมตีคุสึบารุทีไร คลาวน์ก็จะเป็นคนปัดเขาออกมาจากตัวของคุสึบารุจริงๆ
“คงทนนั่งดูเฉยๆ ไม่ได้แล้วล่ะนะ” โซโลพูดพร้อมฉีกยิ้มพร้อมกับยันตัวลุกขึ้น
“โอ๊ะโอ... ใจเย็นๆ โรโรโนอา โซโล”
แต่ยังไม่ทันที่โซโลจะลุกขึ้นจู่ๆ ตัวของเขาก็ล้มลงไปนั่งที่เดิมอย่างไร้สาเหตุ สีหน้าของโซโลดูตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก
“อย่าทำให้ทุกอย่างมันต้องวุ่นวายกว่านี้เลย” คลาวน์พูดพร้อมมองไปทางโซโลแล้วฉีกยิ้ม
“บ้าเอ๊ย!” โซโลสบถพร้อมกับมองไปทางคลาวน์อย่างโมโห
“เกิดอะไรขึ้นน่ะโซโล!” เมื่อฉันที่จะยันตัวลุกขึ้นบ้าง ก็ถูกอะไรบ้างอย่างกดตัวลงนั่งกับเก้าอี้อีกครั้ง!
ฉันมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตกใจ ก่อนจะมองตรงไปที่คลาวน์ทันที
“ทุกคนที่นี่ จะไม่สามารถลุกขึ้นได้ จนกว่าฉันต้องการจะให้ลุก” คลาวน์พูดพร้อมฉีกยิ้มให้กับพวกเราทุกคน
เมื่อพวกเราได้ยินแบบนั้น ทุกคนจึงรีบพยายามยันตัวลุกขึ้นทันที แต่มันก็ไม่สำเร็จ
เห็นได้อย่างชัดเจน! ตอนนี้พวกเราทุกคนกำลังตกอยู่ในสภาวะอากาศที่ถูกควบคุมโดยคลาวน์ ทั้งๆ ที่เขากินผลปีศาจผลคาเซะ คาเซะ(ลม ลม) เท่านั้น แต่ทำไมถึงใช้พลังควบคุมอากาศทั้งหมดได้แบบนี้ ความรู้สึกเหมือนมีแรงโน้มถ่วงที่หนักอึ้งกดพวกเราเอาไว้เลย!!
“นายก็ควรจะไปนั่งซะนะหมวกฟาง” คลาวน์พูดพร้อมหันหน้ามองไปส่งยิ้มให้กับลูฟี่ที่พุ่งตัวเข้าไปชกคุสึบารุ
ทันทีที่จบประโยคนั้นของคลาวน์ ตัวของลูฟี่ก็ถูกพัดปลิวไปกระแทกกับเก้าอี้ตัวที่เขานั่ง!
“จะคุย จะเคลียร์อะไรก็เอาให้มันจบๆ เร็วเถอะ ฉันจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นซะที” คลาวน์พูดพรางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก่อนที่เขาจะหายวับไป แล้วไปโผล่ที่เก้าอี้ของตัวเอง
“นายน่าจะมีความเคารพแก่คุณคุสึบารุบ้างนะคลาวน์!” คิมพูดพร้อมกับหันหน้าไปทางคลาวน์อย่างไม่พอใจ
“เอาเถอะน่า จะพูดอะไรก็พูดมาเลย” คลาวน์พูดพร้อมมองไปทางคุสึบารุ
กึก!
อะไรกัน! ทำไมพวกเรายังขยับตัวไม่ได้อีก! อย่าบอกนะว่าคลาวน์ยังไม่ถอนพลังออกไปน่ะ
ทั้งๆ ที่เขานั่งลงกับเก้าอี้และทำท่าทางเหมือนไม่จริงจังอะไรกับพวกเราแล้ว แต่ทำไมพลังของเขาถึงไม่หายไปนะ หรือว่าเขาจะคอยระวังตัวอยู่ตลอดเวลา... พลังที่กดพวกเราไว้กับเก้าอี้นิ่งๆ นี่แข็งแกร่งมาก...
เขาสามารถกดตัวของพวกเราทั้งสิบสองคนได้ด้วยตัวคนเดียวอย่างงั้นเหรอ!?
“บ้าเอ๊ย ขยับตัวไม่ได้”
ซันจิคุงที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันพูดขึ้นเบาๆ พร้อมกับพยายามจะยันตัวลุกขึ้น แต่ก็ไม่สำเร็จผล
“พลังของหมอนั่นแข็งแกร่งมาก” โซโลพูดพร้อมมองตรงไปทางคลาวน์
“...หึ”
คลาวน์ที่เหมือนจะได้ยินเสียงเชยชมตัวเองลอบยิ้มพร้อมมองตรงมาทางฉัน เมื่อฉันเห็นอย่างนั้น ฉันจึงรีบเบือนหน้าหนีเขาทันที
“ปล่อยฉันนะ!” ลูฟี่ที่กำลังนอนแนบกับพื้นอยู่พูดขึ้นพร้อมกับพยายามยันตัวลุกขึ้นจากพื้น
“ถ้าปล่อยไปนายก็วุ่นวายอีกน่ะ หมวกฟาง นอนอยู่นิ่งๆ แบบนั้นแหละดีแล้ว” คลาวน์พูดพร้อมตวัดมือลงเล็กน้อย เป็นการส่งสัญญาณว่าเขากำลังใช้พลังกดตัวของลูฟี่ลงไปแนบกับพื้นมากขึ้นอีก
“ยังไงซะตัวของนายนั้นก็เป็นยางใช่มั้ย... ต่อให้ถูกกดให้จมดินยังไง ก็คงไม่ส่งผลอะไรกับนายเท่าไหร่” คลาวน์
“...”
“ตัวนายที่แบนติดดิน... ฉันว่ามันน่าสนใจไม่น้อยเลยนะ” คลาวน์พูดพร้อมหัวเราะ
“อย่าทำเกินไปนะคลาวน์...”
การเล่นสนุกของคลาวน์จบลงเพราะประโยคสั้นๆ ของคุสึบารุ เขาทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ คลายพลังของเขาออกจากตัวของลูฟี่
“รู้อะไรมั้ยหมวกฟาง ผลปีศาจบนโลกนี้น่ะ มีมากมายหลายอย่าง หลายความสามารถ... ฉันเห็นมามากมายจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้... พลังเหล่านั้นน่ะ มีคนหลายคนต้องฆ่ากันเพื่อมัน ฉันว่ามันเป็นเรื่องที่ตลกที่คนเราพยายามจะฝืนธรรมชาติ โดยการกินของแบบนั้นเข้าไป... นายคิดแบบนั้นมั้ย?” คุสึบารุพูดพร้อมมองไปทางลูฟี่
“พูดอะไรของลุง ฉันไม่เห็นจะเข้าใจเลย” ลูฟี่
“หึ... แน่นอนอยู่แล้ว นายไม่มีทางเข้าใจหรอก... แล้วนายอยากรู้เหตุผลมั้ย ว่าทำไมพวกเราถึงทำการทดลองนี้ขึ้นมา?” คุสึบารุ
“...ฉันไม่รู้เหตุผลหรอกนะว่าลุงทำไปเพื่ออะไร แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วยล่ะนะ” ลูฟี่พูดพร้อมทำหน้าเบื่อหน่าย
“อืม... ไม่อยากรู้งั้นเหรอ น่าเสียดายแย่เลยนะ” คุสึบารุพูดพร้อมหัวเราะในลำคอ
“เลิกพูดอะไรไร้สาระซักที ฉันเสียเวลามามากแล้วนะ ถึงเวลาที่นายจะบอกเรื่องที่นายสัญญากับฉันแล้ว!” ราชันย์ที่ทนนั่งอยู่เฉยๆ มานาน พูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย
“นายควรจะใจเย็นๆ หน่อยนะผมทอง” คุสึบารุพูดพร้อมมองไปทางราชันย์อย่างเหนื่อยใจ
“...” ราชันย์ได้แต่สบถเบาๆ ก่อนจะเหลือบตามองมาทางฉันเล็กน้อย
เมื่อเขาเห็บว่าฉันกำลังมองเขาอยู่เช่นกัน เขาจึงเบือนหน้าหนีฉันไป
“ฉันคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีนะ K รีบทำทุกอย่างให้มันเสร็จๆ ไปเถอะ ฉันจะได้ไปนอน” คลาวน์พูดพร้อมบิดขี้เกียจอยู่บนเก้าอี้
“คิดว่าอย่างงั้นเหรอ... ก็โอเคนะ... งั้นเราจะเริ่มจากอะไรกันดีล่ะ” คุสึบารุพูดพร้อมเหลือบตาไปมองคลาวน์ก่อนจะลอบยิ้ม
“ฉันอยากเห็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวล่ะ K” แจ็คพูดขึ้นบ้างก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“หืม... เป็นความคิดที่ดีนะ” คุสึบารุพูดพร้อมระบายยิ้มออกมา
“ตัวต่อตัวเหรอ! ว้าววว! ฉันเองก็อยากดูโชว์แบบนั้น” ฮิชิรุพูดพร้อมหัวเราะ
“พวกโรคจิต...” จูเลียส
“ทำอย่างกับเธอปรกติอย่างนั้นแหละ” ฮิชิรุพูดพร้อมหันหน้าไปเบ้ปากใส่จูเลียส
“จะเล่นอย่างงั้นจริงๆ เหรอ ฉันก็ชอบนะ!” คลาวน์พูดพร้อมตาลุกวาว
“พวกนี้มันบ้าไปแล้วแน่ๆ” ซันจิคุงพูดขึ้นพร้อมมองตรงไปยังคุสึบารุที่กำลังยิ้มกับการตัดสินใจของเหล่าลูกน้อง
“งั้นฉันขอเป็นคนแรกแล้วกัน คันไม้คันมือจะตายอยู่แล้ว” คลาวน์เป็นคนแรกที่ยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนที่เขาจะเดินตรงมายืนอยู่ศูนย์กลางของเก้าอี้ทั้งหมด
“ไหน ดูหน่อยซิ... จะจัดการใครเป็นคนแรกดีน้า...” คลาวน์พูดพร้อมมองพวกเราเรียงไปทีละคน ก่อนที่เขาจะหยุดสายตาไว้ที่คนๆ หนึ่ง
“ขอดูพลังหน่อยก็แล้วกันนะ...” คลาวน์พูดพร้อมลอบยิ้ม
พรึบ!
ก่อนที่จู่ๆ แรงกดที่กดตัวฉันไว้กับเก้าอี้ก็ถูกปลดออก!
“...คุณต้นหนเรือ หึๆ”
เมื่อเขาพูดจบทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็มองตรงมาทางฉันอย่างตกใจสุดขีด
“ว่าไงนะ!!” ซันจิคุงที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันพูดขึ้นอย่างตกใจ
“ฉันจะสู้กับเธอ” คลาวน์พูดพร้อมชี้นิ้วตรงมาทางฉัน
“บะ... บ้าน่า...” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งอึ้ง
“อย่านะเฟ้ย!! เจ้าบ้า!!!” ลูฟี่ที่นั่งอยู่กับพื้นรีบยันตัวลุกขึ้นทันที
“ฉันเลือกแล้ว หมวกฟาง...” คลาวน์พูดพร้อมมองตรงไปทางลูฟี่ ก่อนที่ตัวของลูฟี่จะถูกพัดกระเด็นไปนั่งที่เก้าอี้ของเขา!
“เกินไปแล้วนะ ยัยนี่เป็นผู้หญิงนะ!!” โซโล
“แล้วไง?” คลาวน์พูดพร้อมอมยิ้ม
“เอ้า! ลุกขึ้นสิ!” คลาวน์พูดพร้อมมองตรงมาทางฉัน ก่อนที่จะมีพลังบางอย่างดึงฉันขึ้นจากเก้าอี้!
“หยุดนะ!!!” ลูฟี่แผดเสียงก้อง ก่อนจะพยายามยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ก็ไม่เป็นผล
“เลือกสู้กับผู้หญิงเนี่ยนะ? เชื่อเขาเลยนะคลาวน์~” ฮิชิรุ
“จะได้ไม่เสียแรงเยอะไง ฮ่าๆ” คลาวน์หันหน้าไปหัวเราะกับฮิชิรุ
ส่วนตัวฉันที่ถูกทำให้ลุกขึ้น ถึงกับก้าวขาไม่ออก ว่าไงนะ! สู้กับหมอนั่นเนี่ยนะ บ้าไปแล้วเหรอ!
“เรียกให้มา... ก็มาสิ!” คลาวน์พูดพร้อมกวักนิ้วเรียกฉันเข้าไป เมื่อฉันไม่ขยับ จู่ๆ ก็มีลมพัดมาจากด้านหลังซะจนตัวของฉันเริ่มขยับเข้าไปใกล้กับคลาวน์!!
“อย่ายุ่งกับนามินะ!!!” ลูฟี่พูดพร้อมยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้อีกครั้ง การยันตัวขึ้นของเขาทำเอาที่วางแขนของเก้าอี้แตกเป็นเสี่ยงๆ!
“หึๆๆ” คลาวน์หันหน้ามองตรงไปทางลูฟี่ ก่อนจะหัวเราะออกมา แล้วลากตัวฉันเข้าไปใกล้แบบสุดๆ พร้อมกับหันหน้าไปยิ้มเยาะเย้ยลูฟี่
“บ้าเอ๊ย!” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับก้มตัวหยิบเอากระบองคุริมะซอคเซอรี่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจ่อกระบองไปที่หน้าของคลาวน์ที่อยู่ในระยะประชิด!
“สวิง อาร์ม!!”
เปรี้ยง!!!
กระแสไฟฟ้าที่พุ่งออกมาจากก้อนเมฆเล็กๆ ในกระบองคุริมะพุ่งตรงไปที่หน้าของคลาวน์อย่างเต็มแรง!
เมื่อได้จังหวะนั้นฉันจึงรีบวิ่งออกมาไกลๆ จากตัวของคลาวน์
“สุดยอดเลยนามิ!” เสียงของลูฟี่ดังตามมาทันที
“หึ...หึๆๆ... หึๆๆ”
เสียงหัวเราะในลำคอของคลาวน์ดังขึ้น เมื่อควันค่อยๆ ส่างตัวลง พวกเราก็พบกับร่างของคลาวน์ที่ไร้หัว!!
“อะไรน่ะ!” ฉันร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นร่างที่มีแต่ส่วนไหล่ลงมาของคลาวน์ยืนนิ่ง แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะของเขาดังขึ้นอยู่
“เป็นพลังที่แปลกใหม่ดีนะ~” เสียงของคลาวน์ดังขึ้นทั่วบริเวณ ฉันจึงรีบตั้งท่าเตรียมโจมตีทันที!
“คุณนามิ! ข้างหลัง!!” เมื่อสิ้นเสียงของซันจิคุงก็ทำให้ฉันต้องหันหลังมองไปตามที่เขาบอก
หมับ!!!
ในจังหวะที่ฉันกำลังจะใช้ท่า สวิงอาร์ม อีกครั้ง จู่ๆ ก็มีมือๆ หนึ่งเอื้อมมาจับที่กระบองคุริมะของฉันไว้แน่น!
“กระบองนี่คือลูกเล่นสินะ” คลาวน์พูดขึ้นพร้อมกับปรากฏกายออกมาที่ด้านหน้าของฉัน
หมับ!!
ก่อนที่จะใช้มืออีกข้างเอื้อมมาบีบที่คางของฉัน
กึกๆๆๆ...
เขาพยายามจะดึงเอากระบองคุริมะออกจากมือของฉัน แต่ฉันก็พยายามที่จะยื้อมันไว้อย่างสุดกำลัง แต่ทุกอย่างก็ต้องจบลงเมื่อเขายกตัวของฉันขึ้นเหนือพื้น
พรึบ!
ในที่สุดเขาก็เอากระบองคุริมะไปจากฉัน!!
พลืด...
มือของเขาที่บีบคางของฉันอยู่เริ่มออกแรงบีบแรงขึ้น จนฉันเริ่มรู้สึกเจ็บ
“แค่นี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วสินะ” คลาวน์พูดพร้อมดึงตัวของฉันเข้าไปใกล้ๆ ตัวเขา ก่อนที่เขาจะมองตรงเข้ามาในตาของฉันแล้วหัวเราะ
“ปล่อย... ฉันนะ!!” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับเตะไปที่ขาของเขา
“ปล่อย... นามิเดี๋ยวนี้!!!” ลูฟี่ที่คลานลงมาจากเก้าอี้ ตรงมาจับที่ข้อเท้าของคลาวน์เอาไว้
แรงกดนั้นของคลาวน์ยังไม่ถอนไปไหน มันยังกดตัวของลูฟี่ไว้แนบกับพื้น!
“นายเหมาะกับด้านล่างแบบนั้นจริงๆ นั่นแหละนะหมวกฟาง...” คลาวน์พูดพร้อมขยับเท้าไปเหยียบที่หัวของลูฟี่ก่อนจะออกแรงกดหัวของลูฟี่ลง!
“อย่าทำอะไรเขานะ!” ฉันพูดพร้อมใช้มือข่วนไปที่มือของคลาวน์ พร้อมกับใช้เท้าเตะไปตามลำตัวของเขา แต่มันก็ไม่ส่งผลอะไรเลย!!
“ไม่คิดว่าฉันสุดยอดบ้างเหรอ... ที่ทำแบบนี้ได้น่ะ หืม?” คลาวน์พูดพร้อมดึงหน้าของฉันเข้าไปใกล้ๆ
“อ๊ะจริงสิ...” คลาวน์ทำหน้าเหมือนคิดบางอย่างได้ ก่อนที่เขาจะก้มลงมองไปทางลูฟี่
“ยัยนี่เป็นผู้หญิงของนายหนิ ใช่มั้ย หมวกฟาง” คลาวน์พูดพร้อมเลื่อนตัวฉันเข้าไปใกล้ๆ พร้อมกับจูบลงที่ไหล่ของฉัน!
“แก!!!!” ลูฟี่แผดเสียงพร้อมกับเอามือจับที่เท้าของคลาวน์ที่เหยียบที่หัวของเขาก่อนจะปัดมันออก แล้วยันตัวลุกขึ้น!
“หืม...” คลาวน์ทำเสียงแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะเอียงตัวหลบหมัดของลูฟี่อย่างรวดเร็ว!
“ปล่อยนามิเดี๋ยวนี้!!!” ลูฟี่พุ่งตรงเข้ามาหาคลาวน์อย่างเหลืออด
“กับพลังของฉัน หมอนี่ยังลุกขึ้นได้อีกเหรอเนี่ย... หึๆๆๆ”
ในจังหวะที่ลูฟี่พุ่งหมัดตรงมาที่หน้าของคลาวน์ คลาวน์ก็สามารถเบี่ยงตัวหลบได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่ลูฟี่จะเสียหลักตัวเอนไปด้านหน้าและมันจึงเป็นจังหวะเหมาะที่คลาวน์จะพุ่งหมัดเข้าไปที่หน้าของลูฟี่ได้อย่างง่ายดาย!
ผัวะ!!!
หมัดที่เคลือบฮาคิของคลาวน์พุ่งไปกระแทกหน้าของลูฟี่จนเขากระเด็นไปกระแทกกับพื้น! และเพราะพลังของคลาวน์ที่กดตัวของลูฟี่เอาไว้ มันจึงทำให้ลูฟี่ขยับตัวอย่างยากเย็น!
“ลูฟี่!!” ฉันร้องออกมาพร้อมกับมองตรงไปที่ลูฟี่อย่างตกใจ เพราะตอนนี้เลือดนั้นไหลออกมาจากตัวของลูฟี่เต็มไปหมด!!
หมับ...
คลาวน์เดินตรงไปขยุ้มหัวของลูฟี่ก่อนจะทำให้เขามองมาทางฉัน
“ถ้าทำแบบนี้นายน่าจะแฮปปี้นะ” คลาวน์พูดพร้อมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉัน ก่อนที่เขาจะประกบริมฝีปากของเขามาที่ปากของฉัน!
“!!!” ฉัน
ชิ้ง!!!
“หยุดซะ” แต่ก่อนที่ริมฝีปากของคลาวน์จะประกบปากของฉัน จู่ๆ ก็มีดาบเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาแทรกระหว่างริมฝีปากของเราทั้งคู่อย่างทันเวลา... และคนๆ นั้นก็คือ...
“ราชันย์!” ลูฟี่พูดขึ้นด้วยเสียงอึ้งๆ
“...อะไรของนายเนี่ยผมทอง” คลาวน์มองตรงไปที่ราชันย์อย่างไม่สบอารมณ์
“ปล่อยนามิ... เดี๋ยวนี้” น้ำเสียงสุดเยือกเย็นของราชันย์มาพร้อมกับการหันคมดาบไปที่ปากของคลาวน์
“...หึ... อย่างนี้นี่เอง... เข้าใจแล้ว~” คลาวน์ลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะปล่อยคางของฉันออกจากมือ
พรึบ~
“อะ...” ฉันเอามือจับที่คางของตัวเองเพราะรู้สึกเจ็บ
“นายควรเลิกเล่นอะไรโง่ๆ” ราชันย์พูดพร้อมเดินตรงมาบังตัวของฉันเอาไว้
“ราชันย์...” ฉันพูดออกมาเบาๆ ด้วยความตกใจที่จู่ๆ เขาก็มาช่วยฉันเอาไว้... ทำไมล่ะ?
“ลูฟี่!” เมื่อฉันนึกขึ้นได้ ฉันก็รีบก้มตัวลงไปดูอาการของลูฟี่ทันที
“นามิ...” ลูฟี่
“ไม่เป็นไรนะ เลือดนายออกเต็มเลย!” ฉันพูดพร้อมเอามือจับไปที่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดของเขา
“ไม่ต้องห่วง ฉันโอเค” ลูฟี่พูดพร้อมฉีกยิ้ม
“นายไม่โอเคหรอก หมวกฟาง เลิกอวดเก่งสักที” ราชันย์พูดพร้อมเหลือบตามองลูฟี่
“ยุ่งน่าเจ้าบ้า!” ลูฟี่พูดขึ้นพร้อมกับมองตรงไปทางราชันย์ ก่อนที่เขาจะนิ่งไปเล็กน้อย
“นายไม่ได้ทรยศหนิ...” ลูฟี่พูดพร้อมอมยิ้มเล็กน้อย
“...” ราชันย์นิ่งเงียบไปก่อนจะเบือนหน้าหนีมองไปทางคลาวน์
“ฉันไม่ได้จะช่วยนาย... ฉันช่วยนามิ” ราชันย์พูดอย่างไม่มองหน้าลูฟี่
“รักสามเศร้านี่แย่หน่อยนะ” คลาวน์พูดขึ้นพร้อมกับฉีกยิ้ม
“ไปให้พ้น” ราชันย์จ่อดาบไปทางคลาวน์
“พูดจาอะไรระวังปากหน่อยไอ้หนู” คลาวน์พูดพร้อมเอื้อมมือจับที่คมดาบของราชันย์อย่างไม่กลัวเกรง
“คลาวน์พอแค่นั้นแหละ”
แต่ทุกอย่างก็ต้องจบลง เมื่อจู่ๆ คุสึบารุก็พูดขึ้น และเพราะนั้นแหละ จึงทำให้ คลาวน์ชักสีหน้าทันที
“แล้วค่อยมาเล่นกันใหม่นะ” คลาวน์พูดพร้อมหันหลังเดินตรงไปที่เก้าอี้ของตัวเอง
พรึบ!! เคร้ง!!
ก่อนที่จู่ๆ ดาบในมือของราชันย์ก็หลุดออกจากมือของเขาหล่นลงกระแทกกับพื้นและมันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คลาวน์ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ด้วยความไม่พอใจ
“...” ราชันย์นิ่งเงียบไม่พูดอะไร เขาทำเพียงแค่หันหลังมองตรงมาทางฉัน
“...ขอบคุณนะ” ฉันเอ่ยสั้นๆ ก่อนจะยิ้มให้เขา
“แดงหมดเลยนะ” ราชันย์พูดพร้อมเอื้อมมือมาทางฉัน ก่อนจะหยุดชะงักที่กลางอากาศ
“วันหลังก็ระวังตัวให้มากกว่านี้” ราชันย์พูดทิ้งท้ายไว้เท่านั้น ก่อนจะดึงมือของตัวเองกลับแล้วเดินตรงไปนั่งที่เก้าอี้ของเขา
พลืด...
พลังของคลาวน์ถอนออกจากตัวของลูฟี่ เมื่อลูฟี่รู้อย่างนั้นเขาจึงค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง
“พลังเขาแข็งแกร่งมาก” ฉันพูดพร้อมเหลือบตามองไปทางคลาวน์เล็กน้อย
“ฉันจะจัดการหมอนั่นซะ” ลูฟี่
“...ฉันรู้ว่านายต้องทำได้” ฉันพูดพร้อมฉีกยิ้มให้กับลูฟี่
“ขอโทษที่ฉันทำอะไรไม่ได้เลย” ลูฟี่พูดพร้อมเอามือจับที่คางของฉัน ที่มีรอยแดงกร่ำจากการถูกบีบโดยคลาวน์
“นายไม่ผิดซะหน่อย” ฉัน
“มาต่อกันเถอะ ฉันอยากเห็นคู่อื่นสู้กันบ้างแล้ว!” แจ็คพูดแทรกขึ้นมาเสียงดัง
“เลิกเล่นได้แล้ว... มันไม่สนุกเลยสักนิด”
โครม!!
เสียงๆ หนึ่งพูดขึ้นมาบ้างพร้อมกับเสียงของเก้าอี้ที่ถูกผ่าออกไปครึ่งท่อน
โซโลลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเหลืออดกับเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น
“คลายพลังของนายออกซะ แล้วมาสู้กันแบบลูกผู้ชาย” โซโลพูดพร้อมชี้ปลายดาบไปที่คลาวน์
คลาวน์ทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะเผยยิ้มออกมา
“วันนี้มีแต่คนแข็งแกร่งนะ พลังของฉันควบคุมไม่ไหวเลย” คลาวน์พูดพร้อมตวัดมือขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่ทุกคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้จะเริ่มขยับตัวได้
“พลังคลายแล้ว” ช๊อปเปอร์
“รู้สึกตัวเบาหวิวเล้ยย~” อุซปพูดพร้อมลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วกระโดดไปมา
ตึกๆๆๆ ผัวะ!!!
ในจังหวะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายกันอยู่ จู่ๆ ก็เกิดเสียงการปะทะกันเกิดขึ้นอย่างที่พวกเราไม่ทันตั้งตัว! แล้วเมื่อพวกเราหันไป ก็พบกับซันจิคุงที่วิ่งตรงเข้าไปหาคลาวน์พร้อมกับลูกเตะของเขา!
“ขาดำ...?” คลาวน์ที่ใช้มือจับที่เท้าของซันจิได้ทันเวลาพูดขึ้น
“แกไม่มีสิทธิ์แตะต้องคุณนามิแบบนั้น!!” ซันจิคุง
“โฮ... โมโหด้วยงั้นเหรอ” คลาวน์พูดพร้อมฉีกยิ้มยียวน
“เจ้าบ้านี่!!” ซันจิคุงพูดพร้อมตวัดเท้าอีกข้างเตะตรงไปที่หัวของคลาวน์!
หวืดด!!
“นายเองก็มีฮาคิสินะ” คลาวน์ที่หลบฝ่าเท้าของซันจิคุงได้อย่างง่ายดายพูดขึ้น พร้อมกับวาบหายตัวไปยืนอยู่อีกที่
“ฉันจะอัดเจ้านี่เอง!” ลูฟี่พูดพร้อมเด้งตัวลุกขึ้นยืน
“อย่าแย่งเหยื่อกันสิ” โซโลพูดพร้อมตั้งท่าเตรียมโจมตี
“เห... จะรุมกันเลยเหรอ” คลาวน์พูดพร้อมฉีกยิ้ม
“ใครไปถึงตัวก่อน คนนั้นได้” โซโลพูดพร้อมพุ่งตรงเข้าไปหาคลาวน์ ในขณะที่ลูฟี่และซันจิคุงได้ยินแบบนั้น ทั้งคู่ก็รีบวิ่งเข้าไปหาคลาวน์ทันที!
มันกลายเป็นเกมล่าสัตว์หรือไง!?
ชิ้ง!!(เสียงดาบของโซโล) พรึบ!!(เสียงตวัดเท้าของซันจิ) พรึบ!!(เสียงปล่อยหมัดของลูฟี่)
“โอะโอ” คลาวน์พูดพร้อมทำหน้าตาตกใจ แต่ในจังหวะที่ดาบ เท้า และหมัดของทุกคนจะปะทะเข้าไปหาคลาวน์นั้น จู่ๆ ก็มีเหล่าชายมาป้องกันเอาไว้!
เคร้ง!!
“บ้าจริง... แกมาขัดอีกแล้วนะ!” โซโลพูดขึ้นในจังหวะที่คมดาบของเขาถูกสกัดกั้นด้วยดาบของทรอย
“...” ทรอยนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เขาทำเพียงแค่สะบัดดาบของโซโลออกไปให้พ้นตัว
ปึง!!!
“แก!” ซันจิคุง
“มาจัดการกันต่อให้จบเถอะขาดำ~” ฮิชิรุพูดพร้อมฉีกยิ้ม ในขณะที่ใช้มือสกัดลูกเตะของซันจิคุงได้ทันเวลา
หมับ!!! ฟิ้วว!
“เหวอ!!” ลูฟี่ร้องเสียงหลงเมื่อหมัดของเขาถูกปัดไปด้านหลังจนตัวเขากระเด็นไปตามแรงหมัดอย่างง่ายดาย!
โครม!!
ตัวของลูฟี่กระเด็นไปชนกับเก้าอี้จนเก้าอี้เหล่านั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ!
“จะเล่นกันแค่สามคนได้ยังไง” คิม ที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้พูดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืน ร่างกายของเขาบ่งบอกถึงความพร้อมที่จะต่อสู้
“ขอประทานโทษนะครับ...” บรู๊คที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้พูดพร้อมเดินตรงไปหาคิม
“หืม เจ้าโครงกระดูกอีกแล้ว?” คิม
“เมื่อกี้คุณจัดการผมซะหมดสภาพเลย ครั้งนี้ผมขอเอาคืนล่ะ” บรู๊คพูดพร้อมโค้งตัวลง
“สู้กับโครงกระดูกอย่างแก มันเสียเวลาฉัน” คิมพูดพร้อมปัดมือไปมาอย่างดูถูก
“อ๋องั้นเหรอครับ... ชื่อของคุณมันไม่เหมาะกับร่างกายของคุณจริงๆ นั่นแหละน้า~” บรู๊ค
“หืม เมื่อกี้แกว่ายังไงนะ?” คิมพูดด้วยน้ำเสียงเริ่มมีน้ำโห
“บอกว่าชื่อของคุณกับร่างกายของคุณมันไม่สัมพันธ์กันเลยสักนิดไงล่ะคร๊าบบ โยโฮะโฮะโฮ~” บรู๊ค
“ถ้าแกอยากตายนัก ฉันจะจัดให้!!” คิมพูดพร้อมพุ่งตรงเข้าไปหาบรู๊คทันที!
ปัง!!!
“โยโฮะโฮะโฮ!!~”
“นาย! ครั้งนี้ฉันจะจัดการนายซะ! แล้วจะทำรายการทดลองป่าเถื่อนนี่!” ช๊อปเปอร์พูดพร้อมหันหน้ามองไปทางแจ็คอย่างโมโห
“เห...? มาจัดการผมคนแรกเลยงั้นเหรอคุณหมอ” แจ็คพูดด้วยน้ำเสียงยียวน
“ฉันจะไม่ยอมให้นายทำอะไรทุกคนทั้งนั้น!” ช๊อปเปอร์
“ทุกคนที่คุณหมอหมายถึง... ก็คือพวกทาสไร้ค่าพวกนั้นใช่มั้ย” แจ็คพูดพร้อมฉีกยิ้ม
“พวกเขาไม่ได้ไร้ค่า! ฮอร์น พอยต์!” ช๊อปเปอร์พูดพร้อมกลายร่างเป็น ร่างที่มีเขาขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ยคลึงกับมนุษย์วัยรุ่น
“มียาแปลกๆ ด้วยสินะ น่าลองเอามาทดลองจริงๆ!” แจ็คพูดพร้อมเอามือแตะที่พื้นหิน
“สโตนเฮนจ์...” แจ็คพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วพร้อมกับพื้นหินที่ยกตัวขึ้นสูงตามมือของเขา!
“ฮอร์นแคนนอน!!!” ช๊อปเปอร์พูดพร้อมพุ่งตัวเข้าไปหาแจ็คด้วยความรวดเร็ว!
“...ชิเรียว! (ป้องกัน)” แจ็ค
ปึง!!!
หินเหล่านั้นของแจ็คพุ่งตัวเข้าปกป้องตัวเขาจากเขาแสนแข็งแรงของช๊อปเปอร์อย่างทันเวลา!
“นะ... นี่ นามิ!” เสียงๆ หนึ่งดังมาข้างหลังของฉัน มันทำเอาฉันสะดุ้ง
“อุซป! ไหงนายมาอยู่นี่เนี่ย!” ฉันรีบหันหน้ามองไปทางอุซปทันที
“เรารีบใช้โอกาสนี้ไปจัดการกับการทดลองพวกนี้กันเถอะ!” อุซป
“นั่นสินะ ใช้จังหวะที่ทุกคนกำลังวุ่ยวาย” ฉัน
“อื้ม!” อุซป
“เดี๋ยวก่อนสิอุซป! ฉันต้องไปเอากระบองคุริมะก่อน!” ฉันพูดพร้อมชี้ไปทางกระบองคุริมะที่อยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบของพวกลูฟี่
“แล้วจะไปเอามายังไงล่ะ!” อุซป
“ฉันก็ไม่รู้!” ฉัน
“จริงสิ! ฉันมีนี่!” อุซปพูดพร้อมเอามือล้วงในกระเป๋าของเขา พร้อมกับชูเมล็ดพันธุ์บางอย่างออกมา
“นี่มันอะไรน่ะ?” ฉัน
“มันคือ เถาวัลย์มามูชิ มันจะช่วยให้เราเอากระบองคุริมะมาได้!” อุซป
“อื้ม! งั้นจัดการเลย!” ฉัน
“โอเค!” อุซปพูดพร้อมโยนเมล็ดพันธุ์ของเขาลงพื้น ก่อนที่มันจะกลายออกมาเป็นเถาวัลย์สีเขียวเติบโตขึ้นมา!
“เอาล่ะ ทีนี้ก็ทำให้มันกลายเป็นตะขอซะ” อุซปพูดพร้อมดัดเถาวัลย์ให้กลายเป็นตะขอ ก่อนจะยื่นมันไปทางของกระบองคุริมะ
“ระหว่างที่ฉันจะเกี่ยวเอากระบองคุริมะมา เธอต้องร้องเพลงนะ!” อุซป
“ฮะ! ร้องเพลงเนี่ยนะ! ร้องทำไม!?” ฉันรีบโวยวายทันที
“เถาวัลย์พวกนี้ชอบเสียงเพลง เราจำเป็นต้องร้องเพลงเพื่อให้มันโตเร็วขึ้นยังไงล่ะ!” อุซป
“อะ... แล้วจะให้ฉันร้องเพลงอะไร?” ฉัน
“ไม่รู้! แล้วแต่เธอสิ!” อุซป
“เอ่อออ!... อ่า! เอาเพลงนี้ก็แล้วกัน!” ฉันทำหน้าครุ่นคิดเพลงเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มร้องเพลงที่ตัวเองคิดได้ แล้วเมื่อฉันเริ่มร้องเพลง เถาวัลย์ก็เริ่มขยับตัว พร้อมกับเลื่อยไปมาเป็นแนวยาว
“ร้องไปเรื่อยๆ นะนามิ! อีกนิดเดียวเถาวัลย์ก็จะยาวพอเกี่ยวกระบองคุริมะมาได้แล้ว!” อุซป
“อื้ม!” ฉันพูดพร้อมเริ่มร้องเพลงต่อ
เถาวัลย์เหล่านั้นงอกเงยอย่างรวดเร็ว จนมันยาวไปถึงกระบองคุริมะแล้ว!
“ถึงแล้ว!... เอาล่ะ.. ได้มาแล้ว!” อุซปพูดพร้อมเกี่ยวเอากระบองคุริมะของฉันออกมา
“อะนี่!” อุซปพูดพร้อมยื่นกระบองคุริมะมาให้ฉัน
“ขอบใจนะ” ฉัน
“งั้นเราไปกันเถอะ!” อุซปพูดพร้อมรีบวิ่งตรงไปทางประตูห้องทันที
ฉันเองก็รีบวิ่งตามอุซปไปทันที อีกนิดเดียวพวกเราก็จะถึงประตูแล้ว!
พรืด!!!
ก่อนที่จู่ๆ จะมีใยแมงมุมพุ่งตรงเข้ามาสะกัดกลั้นทางเดินของฉันกับอุซปเอาไว้!
“คิดจะหนีไปไหนกันงั้นเหรอ” เสียงหวานๆ ที่คุ้นหูพูดขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวที่แสนน่าตกใจ!
“อะไรกันน่ะ!” อุซปร้องอย่างตกใจ
“ไม่เคยเห็นใยแมงมุมกันหรือไง...? หรือไม่เคยเห็นเยอะขนาดนี้!” จูเลียสที่กำลังยืนอยู่ที่ผ่าผนัง! พูดขึ้นพร้อมกับฉีกยิ้ม ใยแมงมุมมากมายที่สร้างขึ้นมาตอนไหนก็ไม่รู้พันอยู่รอบตัวของเธอเต็มไปหมด พร้อมกับแมงมุมตัวเล็กๆ ที่อยู่ในใยแมงมุมนั้น!
“ขนลุกชะมัด!” ฉันพูดพร้อมเอามือลูบๆ แขนตัวเอง
มันน่าขนลุกมากนะ ที่แมงมุมพวกนั้นเดินไปรอบๆ แขนของผู้หญิงคนนั้น! ยี๋!!
“อย่ามาพูดแบบนั้นกับลูกๆ ของฉันนะ!” จูเลียสพูดด้วยน้ำเสียงโมโห
“อะ เอ่อ... ฉันขอโทษ มัน... น่ารักมากเลย” ฉันพูดพร้อมเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“นั่นพยายามชมแล้วงั้นเหรอ!” จูเลียสโวยวาย
“เอาเถอะๆ... ขอโทษทีน้า ปล่อยพวกเราไปได้หรือป่าว... คือว่า... พวกเราต้องไปทำธุระนิดหน่อยน่ะ ฮี่ๆ” อุซปพูดพร้อมเอามือมาตบไหล่ฉันเบาๆ
“ทำธุระงั้นเหรอ...?” จูเลียสพูดพร้อมเอียงคอมองหน้าพวกเรา
“ใช่แล้ววว~” อุซปพูดพร้อมฉีกยิ้ม
“พูดง่ายดีนี่... แต่คงปล่อยให้ไปไม่ได้หรอกนะ” จูเลียสพูดพร้อมฉีกยิ้มบ้าง
“งั้นเหรอ... แฮ่ๆ แย่จริงๆ น้า~ งั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ!” อุซปพูดพร้อมรีบหยิบเมล็ดพันธุ์แปลกๆ ออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะยิงมันตรงไปทางจูเลียสอย่างที่เธอไม่ทันตั้งตัว!
ปัง!!!
“กรี๊ดดดด!!” จูเลียสร้องเสียงหลง เมื่อเมล็ดพันธุ์นั้นแตะออกกลายเป็นลูกไฟขนาดกลาง มันเผาใยแมงมุมของเธอจนแทบไม่เหลือ!
“จังหวะนี่แหละนามิ!” อุซปพูดพร้อมคว้าแขนของฉันแล้ววิ่งออกไปด้านนอกห้องอย่างรวดเร็ว!
“ฉลาดมากเลยอุซป!” ฉันพูดพร้อมฉีกยิ้ม
“มันคงรั้งยัยนั่นได้ไม่เท่าไหร่ เพราะงั้นเราต้องรีบวิ่ง!” อุซปพูดพร้อมหันหน้ามองมาทางฉัน
“ห้องทดลองฉันเคยเห็นอยู่นะ!” ฉัน
“จริงเหรอ!” อุซป
“ตามฉันมาเลย!” ฉันพูดพร้อมคว้ามือของอุซปวิ่งไปตามทาง
ห้องทดลองที่ฉันเจอพร้อมกับโซโลและลูฟี่ ที่นั้นจะต้องเป็นห้องทดลองหลักแน่ๆ!
[บันทึกพิเศษ ; แฟรงกี้]
ในตอนนี้ทุกคนกำลังวุ่นวายกับการต่อสู้ มันเป็นจังหวะที่เหมาะที่ผมจะไปช่วยโรบิน!
ปัง!!!
เสียงของระเบิดดังขึ้นจนทำให้ผมต้องหันหน้าไปมอง
“จังหวะนี่แหละนามิ!”
เมื่อผมหันไปก็พบกับอุซปและนามิที่กำลังวิ่งออกนอกห้องไป โดยทิ้งให้ยัยแมงมุมนั่นร้องเสียงหลง
อ่า! ผมก็จะออกไปเหมือนกัน!
ตึกๆๆๆ!!
ผมรีบวิ่งตรงไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อจู่ๆ ก็มีใยแมงมุมพุ่งเข้ามาที่เท้าของผม!
“บ้าเอ๊ย!” ผมสบถ
“เจ็บใจนัก! หนีไปจนได้!” เสียงของยัยแมงมุมดังขึ้นจากด้านหลังของผม
“นี่เจ้! หน้านี่ดูไม่ได้เลยน้า~” ผมพูดพร้อมมองไปที่หน้าของเธอ ซึ่งมีรอยไหม้เกรียมเป็นที่ๆ
“พูดดีนักนะ” จูเลียสพูดพร้อมกระโดดลงมาจากผนัง พร้อมกับค่อยๆ เดินตรงมาทางผม
“นายเป็นหุ่นยนต์... พลังของฉันใช้อะไรกับนายไม่ได้สินะ” จูเลียสพูดพร้อมเอามือลูบที่ไหล่ของผมเบาๆ
“คิดว่านะ” ผม
“ทุกส่วนคือเครื่องจักรงั้นเหรอ” จูเลียสพูดพร้อมเดินวนมาอีกด้านหนึ่งของตัวผม
อะไรของยัยนี่เนี่ย ทำไมน้ำเสียงถึงได้ออดอ้อนขนาดนั้น... หรือว่าจะเพี้ยนไปแล้ว?
“ฉันคือไซบอร์ก” ผมพูดพร้อมกอดอก
“แล้วภายใต้แว่นกันแดดนี่เป็นยังไงอย่างงั้นเหรอ...” จูเลียสพูดพร้อมเอื้อมมือขึ้นมาลูบที่หน้าของผม ก่อนจะถอดแว่นกันแดดของผมออก พร้อมกับหยิบมันไปใส่
“ทำอะไรของเธอน่ะ! แว่นฉัน!” ผมรีบโวยวายทันที
“ใส่แล้วมันมืดจังนะ” จูเลียสพูดพร้อมค่อยๆ ถอดแว่นของผมออก ก่อนจะกัดที่ด้ามแว่นเบาๆ
“มันก็ต้องมืดสิ ก็มันคือแว่นกันแดด” ผม
“เวลาที่มันอยู่บนหน้านาย มันทำให้นายดูดีมากเลยรู้มั้ย?” จูเลียสพูดพร้อมเดินวนรอบตัวของผมอีกครั้ง ก่อนจะผุบๆ โผล่ๆ ซ้ายขวาที่ด้านหลังของผม อะไรเนี่ย!
“เอาแว่นฉันคืนมาซะที!” ผมรีบโวยวาย
“มาเอาสิ” จูเลียสพูดพร้อมเอาแว่นของผมใส่ไว้ที่หน้าอก! ก่อนจะเดินถอยหลังไปเล็กน้อย
“เธอจะทำให้มันยุ่งยากทำไมนะ” ผมพูดพร้อมเอื้อมมือไปเตรียมจะหยิบแว่นกันแดดออกมาจากหน้าอกของจูเลียส
พริ้วว...
ผมถึงกับชะงักเมื่อจู่ๆ ตรงมือของผมก็มีมืองอกออกมา ก่อนที่มือนั้นจะเอื้อมไปหยิบแว่นกันแดดของผม พร้อมกับเอื้อมมาสวมแว่นกันแดดให้ผมซะเสร็จสรรพก่อนที่จะหายไป!
พลังนี่มัน...
“นิโค โรบิน!” จูเลียสพูดขึ้นพร้อมกับผละไปเล็กน้อย
“อ้าววว โรบิน!” ผมรีบหันหน้ามองไปทางโรบินทันที ตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่ที่ประตูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“...” โรบินเงียบไม่ตอบอะไรผม
“ฉันกำลังจะไปหาเธอเลยล่ะ ดีจริงๆ ที่เธอไม่เป็นไรนะ ซูปเปอร์!!” ผมพูดพร้อมฉีกยิ้มให้กับโรบิน
แต่แทนที่โรบินจะส่งยิ้มกลับให้ผมเหมือนทุกที เธอกลับมองหน้าผมพร้อมกับส่งรังสีอำมหิตบางอย่างออกมา! ก่อนที่เธอจะเดินตรงไปหาจูเลียส พร้อมกับตั้งท่าเตรียมต่อสู้
“ขอโทษจ๊ะ ไม่ทันเห็นเธอ” จูเลียสพูดพร้อมฉีกยิ้ม
“เธอเห็นมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วต่างหาก” โรบินพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“แหม ท่าทางน่ากลัวจัง เพราะฉันงั้นเหรอ ?” จูเลียสพูดพร้อมเอียงคอถาม
“คงงั้นล่ะมั้ง” โรบินพูดพร้อมงอกเงยมือขึ้นที่ตัวของจูเลียส ก่อนที่มือนั่นจะรวบตัวทั้งตัวของจูเลียสเอาไว้ พร้อมกับหุกกระดูกของเธออย่างรวดเร็ว!
กร๊อบๆๆ!!
เสียงดังรัวๆ ของกระดูกที่หักทำเอาผมขนหัวลุก ทะ... ทำไมถึงโหดอย่างนี่เนี่ย!
“ฉันจะไม่ยอมให้เธอลุกขึ้นมาอีก” โรบินพูดพร้อมคลายพลังออก ในขณะที่จูเลียสถึงกับเป็นลมหมดสติไปเลย!
“โห... โหดเป็นบ้าเลยนะเธอน่ะ” ผมพูดพร้อมมองไปทางโรบิน
ชิ้ง!
ตะ... แต่กลับได้สายตาอำมหิตกลับมาซะงั้น!
“ฉันทำอะไรงั้นเหรอ?” ผมรีบถามทันที
“=______=+” โรบินนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร ทำเอาแค่มองหน้าของผมเท่านั้น
“พูดกับฉันสิ เธอโกรธอะไรงั้นเหรอ” ผมพูดพร้อมขยับแว่นกันแดดอย่างงงๆ
โรบินมองมาที่แว่นกันแดดของผมเล็กน้อย ก่อนจะแบมือมาตรงหน้าของผม
“จะเอาแว่นกันแดดของฉันงั้นเหรอ?” เมื่อผมถามไป เธอก็พยักหน้าเบาๆ ทันที
“เอาไปทำอะไรกันล่ะ ตั้งแต่ยัยแมงมุมนั่นแล้วนะ มันพิเศษอะไรงั้นเหรอ แว่นกันแดดของฉัน” ผมพูดพร้อมถอดแว่นกันแดดแล้วยื่นมันให้กับโรบิน
“...” เธอรับแว่นกันแดดของผมไปก่อนจะก้มลงมองมันเล็กน้อย
แก๊ก!!
ก่อนจะหักแว่นกันแดดของผมเป็นสองท่อน!!
“เธอทำอะไรน่ะโรบิน!!” ผมร้องเสียงหลงพร้อมกับรีบวิ่งไปแย่งแว่นกันแดดของตัวเองคืนมา!
“หักหมดเลย! เธอทำแบบนี้ทำไมน่ะฮะ! อ้าว เฮ้ย! อย่าพึ่งไปเส้ คุยกันให้จบก่อน!” ผมพูดพร้อมรีบวิ่งตามโรบินที่เดินหนีไปซะเฉยๆ! เธอเป็นอะไรเนี่ย!
[จบบันทึกพิเศษ ; แฟรงกี้]
ตึกๆๆๆ!
เสียงฝีเท้าของฉันกับอุซปดังไปทั่วห้องโถงกว้าง แต่มันไม่ได้มีแค่พวกฉันหรอกนะ...
“หยุดนะ!!!”
พวกทหารเรือก็ตามมาเพียบเลยน่ะนะ!!
“เราควรแยกกันนะ!” ฉันหันไปพูดกับอุซป
“ถ้าแยกกันเราก็หลงน่ะสิ!” อุซปโวยวาย
“งั้นวิธีเดียวก็คือจัดการซะ” ฉันพูดพร้อมชี้ไปทางพวกทหารเรือ
“นั่น กลุ่มหมวกฟาง!!” ทหารเรืออีกกลุ่มวิ่งตรงมาขวางทางพวกเราเอาไว้!
“เธอจัดการด้านหน้านะนามิ!” อุซปพูดพร้อมหันหลังไปพร้อมกับยิงเมล็ดพันธุ์ของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว!
ปุ๋งๆๆๆ
เสียงของก้อนเมฆก้อนเล็กๆ ลอยขึ้นไปกับอากาศ ก่อนจะแตกตัวแล้วรวมกันเป็นกลุ่มก้อนเมฆสีดำขนาดใหญ่
“ธันเดอร์แลนซ์ซิทเทมโปว์!!”
เปรี้ยง!!!
กระแสไฟฟ้ามากมายผ่าลงมาสู่ทหารกลุ่มด้านหน้าของเรา จนพวกนั้นล้มลงกับพื้น!
“รีบไปต่อกันเลย!” ฉันพูดพร้อมกับกระโดดข้ามทหารเรือเหล่านั้น แล้ววิ่งตรงไปทางห้องทดลองที่เคยพบ
“นั่นไง ห้องนั้นแหละ!” ฉันพูดพร้อมชี้ไปทางห้องทดลอง
“ห้องนั้นเองสินะ!!” อุซปพูดพร้อมวิ่งไปจนถึงห้องทดลอง เมื่อเขาทำท่าจะเอื้อมมือไปจับที่ประตู เขากลับต้องชะงักไป
“อะไรงั้นเหรออุซะ อุ๊บ!” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบประโยค อุซปก็เอามือมาปิดปากของฉันเอาไว้!
“ชู่วว ได้ยินเสียงอะไรมั้ย” อุซปกระซิบกระซาบกับฉัน
“เอ๋?” ฉันทำหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเงี่ยหูฟังเหมือนอย่างอุซป
“ทำไมต้องเป็นที่ห้องนี้...”
“ฉันว่ามันเป็นที่ที่เป็นส่วนตัวที่สุดแล้ว...”
“ใครกับใครน่ะ” ฉันหันไปกระซิบกับอุซป
“ประตูมันเปิดไว้นิดหน่อยน่ะ” อุซปพูดพร้อมชี้ไปที่ช่องของประตูที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย
เมื่อเห็นอย่างนั้น ฉันกับอุซปก็รีบพุ่งตัวไปแอบดูทันที
“มันเป็นความลับขนาดที่ต้องออกมาจากห้องนั้นเลยงั้นเหรอ”
“มันสำคัญมาก”
เมื่อพวกเราทั้งคู่ได้ลองมองดู ก็พบว่าเป็น คุสึบารุและราชันย์! เขากำลังคุยกันเรื่องที่ราชันย์ย้ำนักน้ำหนาว่าให้บอกเขาสินะ แล้วที่ว่าสำคัญนั้นมันอะไร!?
“ฉันอยากรู้ พูดมาซะที” ราชันย์พูดพร้อมมองตรงไปทางคุสึบารุที่นั่งอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่
“ไม่นั่งก่อนหรอ” คุสึบารุ
“ไม่” ราชันย์ตอบอย่างไร้ความกลัวเกรง
“งั้นมาเริ่มกันเถอะ... จำได้มั้ย ที่ฉันถามหมวกฟางน่ะ ว่าอยากรู้มั้ย ว่าฉันทำการทดลองนี้ไปทำไม” คุสึบารุตั้งคำถาม
“ฉันจำได้” ราชันย์
“นี่แหละคือสิ่งที่ฉันจะพูด เหตุผลว่าทำไมฉันถึงทำการทดลองนี้” คุสึบารุ
“อะไรกัน... งั้นมันก็ไม่เกี่ยวข้องกับฉันเลยสักนิด มันผิดข้อตกลงนะ!” ราชันย์ขึ้นเสียง
“มันเกี่ยวสิ มันเกี่ยวกับนายตรงๆ เลยด้วยผมทอง” คุสึบารุ
“ที่นายบอกว่ารู้เรื่องของพ่อและแม่ฉันน่ะ มันเกี่ยวอะไรกับการทดลองนี้!” ราชันย์
“!!!” ฉันกับอุซปรีบมองหน้ากันอย่างตกใจทันที
“มันคงไม่เกี่ยวหรอก ถ้าไม่ติดว่าฉันคือพ่อของนาย” คุสึบารุ
“!!!” ราชันย์
“!!!” ฉันกับอุซปถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินประโยคนั้นจนฉันเผลอเซไปชนกับประตูห้องเล็กน้อย!
แอ๊ด...
“ใครน่ะ!” คุสึบารุพูดขึ้นพร้อมกับยันตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“บ้าจริง! โดนจับไว้แล้ว!” อุซปพูดขึ้นพร้อมกับยันตัวขึ้น ก่อนจะรีบโกย!
ปึง!!
“ใคร!!.. น่ะ...”
ยังไม่ทันที่พวกเราจะวิ่งหนีกันทัน จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก พร้อมกับราชันย์ที่ปรากฏตัวขึ้นมา
“นามิ?... อุซป?” ราชันย์มองหน้าพวกเราด้วยความตกใจ
“อะ... เอ่อ... พวกเราไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นแหละนะ!” อุซปพูดพร้อมฉีกยิ้ม
“...” ราชันย์นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
“พวกเราไม่ได้ยินจริงๆ นะ! ไม่ได้ยินอะไรสักอย่างเล้ยยย!!” อุซปรีบแถทันที
“พอเถอะอุซป... เราโดนจับได้แล้วนะ” ฉันพูดพร้อมเอื้อมมือไปจับที่บ่าของอุซปเบาๆ
“ก็อย่าไปยอมรับง่ายๆ เส้!” อุซปโวยวายใส่ฉันทันที
“ในเมื่อยังไงพวกเธอก็ได้ยินแล้ว ก็เข้ามาฟังด้วยกันสิ” ราชันย์พูดพร้อมผายมือเข้ามาในห้อง
“หา???” ฉันกับอุซปประสานเสียงด้วยความตกใจทันที!
พลุบ...
ตอนนี้ฉันกับอุซปกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาตรงข้ามกับคุสึบารุ! โดยข้างหลังเป็นราชันย์ที่ยืนอยู่!
“...”
ทุกคนในห้องเงียบมาก ไม่มีใครพูดอะไรเลยสักประโยค! จะเอายังไงดีล่ะเนี่ย!?
“เอ่อ...” อุซปที่แลดูจะรู้สึกแบบเดียวกับฉัน รีบทำลายความเงียบทันที
“ปะ... เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ... ทะ... ที่คุณเป็นพ่อของเขา” อุซปพูดพร้อมชี้ไปทางคุสึบารุ ก่อนจะชี้ไปทางราชันย์
“จะให้ฉันเล่าต่อหน้าสองคนนี้เลยงั้นเหรอ” คุสึบารุพูดพร้อมมองไปทางราชันย์
“...พูดไปเถอะ คนพวกนี้เป็นคนดี” ราชันย์พูดทั้งๆ ที่ไม่มองหน้าของคุสึบารุ
“อืม... ผู้หญิงคนนี้สินะ ที่นายเข้าไปปกป้องทั้งๆ ที่กำลังจะถึงฉากสนุก” คุสึบารุพูดพร้อมชี้มาทางฉัน
“อืม” ราชันย์ตอบสั้นๆ
“ทำไมถึงเข้าไปแบบนั้น ตอนนั้นฉันยังตกใจไม่หายเลยนะ” คุสึบารุพูดพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ
“...” แต่เสียงหัวเราะของเขาก็ต้องจบลง เมื่อราชันย์ไม่ขำด้วยเลยสักนิด
“งั้น... ฉันจะพูดต่อเลยนะ ฉันคือพ่อของนาย...” คุสึบารุ
“ไม่จริงหรอก!” ราชันย์ขึ้นเสียง
“มันคือความจริง...” คุสึบารุ
“พ่อของฉันไม่มีทางเป็นแก พ่อของฉันคือคนที่ตายไปพร้อมกับแม่ พ่อคือคนที่อยู่กับแม่จนถึงวินาทีสุดท้าย! ไม่มีทางที่ท่านจะยังมีชีวิตอยู่!” ราชันย์
“แต่ฉันยังมีชีวิต... นายควรจะฟังความด้านฉันบ้างนะ” คุสึบารุ
“ไม่มีทาง!! พ่อของฉันน่ะไม่...!!” ราชันย์
“ราชันย์... ใจเย็นๆ” ในตอนที่ราชันย์กำลังจะขึ้นเสียง ฉันรีบเอื้อมมือไปแตะที่แขนของเขาเบาๆ เพื่อเป็นการห้ามปราม... จริงแล้ว หน้าตาของคุสึบารุกับราชันย์ก็มีความคล้ายคลึงกันเล็กน้อยนะ
“ลองเล่ามาสิ!” ราชันย์นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพูดกับคุสึบารุ
คุสึบารุหันหน้ามองมาทางฉันเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้าไปมองราชันย์อีกครั้ง
“แม่ของแกน่ะ เป็นผู้หญิงที่น่ารักที่สุด ฉลาดที่สุด และร่าเริงที่สุด เธอเป็นนักวิทยาศาสตร์ของกองทัพเรือที่วิจัยเกี่ยวกับผลปีศาจ... คือ ฉันก็พบเธอที่นั้นนั้นแหละนะ ฮะๆ...” คุสึบารุพูดพร้อมระบายยิ้มออกมา
“เมื่อฉันกับโรซาลีน เรารู้จักกัน เราก็รักกันทันทีเลยล่ะ และไม่นานนัก ก็มีแกออกมา และเพราะอย่างนั้น โรซาลีนจึงขอลาออกจากการเป็นนักวิทยาสาสตร์เพื่อเลี้ยงดูแก แต่เธอก็ยังหลงใหลในผลปีศาจอยู่ดี ทุกครั้งที่ฉันเจอผลไม้ปีศาจใหม่ๆ ฉันมักเอาไปให้เธอดูก่อนเสมอ และเธอจะมีความสุขมากที่ได้เห็นมัน ผลไม้ปีศาจที่โรซาลีนอย่างเห็นมากที่สุดคือผล มิสุ มิสุ(น้ำ น้ำ) เธอเข้าเป็นนักวิทยาศาสตร์แผนกผลปีศาจเพราะว่าเธออยากเห็นมัน... ฮ่ะๆ เหตุผลตลกดีว่ามั้ย” คุสึบารุพูดพร้อมหลับตาแล้วเงยหน้าขึ้นมองฟ้า
“แล้วอยู่มาวันหนึ่ง... ฉันได้รับผลไม้ปีศาจ ผลมิสุ มิสุมาจาก โจรสลัดกลุ่มหนึ่ง เมื่อฉันได้รับมา ฉันก็รีบเอามันไปให้โรซาลีนดูทันทีเลย เมื่อเธอเห็นมันครั้งแรกเธอดีใจมาก... จนเผลอทำอาหารกลางวันตกเลยล่ะ เมื่อฉันเห็นแววตาของเธอตอนมองมันครั้งแรก มันทำเอาฉันไม่อยากส่งมันคืนให้กับกองทัพเลยล่ะนะ ฉันจึงตัดสินใจฝากมันไว้ที่เธอก่อน แล้วตกเย็นฉันจะมาเอาไปคืนกองทัพ เมื่อเธอได้ยินอย่างนั้นเธอดีใจมากที่ได้อยู่กับมันนานขึ้น ฉันคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีแล้วที่ทิ้งผลมิสุ มิสุ ไว้ที่เธอ... แต่ฉันคิดผิด...” คุสึบารุพูดพร้อมลืมตาขึ้นมา
“ยังไม่ทันถึงสามสิบนาทีเลยที่ฉันกลับเข้าไปในกองทัพ... ชาวบ้านคนหนึ่งวิ่งเข้ามาบอกฉันว่ามีกลุ่มโจรสลัดกลุ่มหนึ่งเข้ามาที่เมือง และไปทางโซนบ้านของเรา... เมื่อฉันได้ยินอย่างนั้น ฉันจึงรีบกลับไปที่บ้านทันที” คุสึบารุพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา
“เมื่อฉันไปถึงบ้าน สิ่งแรกที่เห็นคือโรซาลีน... เธอกำลังนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นโดยที่ในอ้อมแขนของเธอกอดแกไว้แน่น... ไม่ไกลนักคือ เจ้าโจรสลัด... กลุ่มโจรสลัดที่พวกเราได้ยึดเอาผลมิสุ มิสุมาจากมัน... ในมือของมันมีผลมิสุ มิสุอยู่ มันหันหน้ามองมาทางฉัน ก่อนจะฉีกยิ้มอย่างเลือดเย็น... ก่อนที่มันจะหายไปพร้อมกับผลมิสุ มิสุ” คุสึบารุพูดพร้อมเอามือปาดน้ำตาที่คลอออกมาเล็กน้อย
“เมื่อฉันเข้าไปดูอาการของโรซาลีน... เราช่วยเธอไม่ทัน บาดแผลของเธอมันสาหัตเกินไป... ชาวบ้านบอกว่าเธอพยายามปกป้องผลปีศาจ แต่เจ้าโจรสลัดชั่วนั่นกลับเอาแกมาเป็นตัวประกัน เธอไม่เสียเวลาแม้แต่จะคิดเลย เธอรีบโยนผลมิสุ มิสุให้กับโจรสลัดนั้น ก่อนจะวิ่งเข้าไปรับตัวแกมา... แต่โจรก็คือโจร... มันฆ่าเธอ!” คุสึบารุ
“...” ราชันย์นิ่งเงียบไม่พูดอะไร แต่ฉันสังเกตได้ถึงมือของเขาที่สั่นระรัว
“ไม่นานนัก ฉันจึงเอาแกไปฝากไว้กับน้องชาย และจะมารับแกไปเมื่อแกอายุครบสิบเจ็ด... แต่เมื่อฉันกลับไปแกก็ไม่อยู่แล้ว... น้องชายของฉันบอกว่าแกออกทะเลไปเป็นโจรสลัด ตอนนั้นฉันแทบจะพลิกทะเลหาแก... แต่หายังไงก็หาไม่เจอ... ช่วงนั้นฉันก็ได้เลื่อนตำแหน่ง ฉันจึงได้ตั้งการทดลองการรีดคั้นผลปีศาจขึ้นมา... เพราะเผื่อว่าอนาคตได้พบกับเจ้าโจรสลัดชั่วนั่นอีก ฉันจะจับมันมาแล้วรีดคั้นพลัง ผลมิสุ มิสุออกมาซะ... แต่แทนที่ฉันจะได้พบเจ้าโจรสลัดนั้น ฉันกลับพบ กลุ่มโจรสลัดผมทอง ที่กัปตันเริ่มมีค่าหัวที่ร้อยล้านเบรี... แค่มองภาพของแกแวบแรกฉันก็รู้แล้วว่าเป็นแกแน่ๆ” คุสึบารุ
“ทำไมถึงมั่นใจได้ขนาดนั้น” ราชันย์
“เพราะหน้าตาของแก... เหมือนกับโรซาลีนอย่างกับแกะแม่พิมพ์กันออกมา... ฉันไม่คิดว่าจะได้พบแกแล้ว แต่ว่าโลกมันก็ช่างบังเอิญนะ” คุสึบารุพูดพร้อมฉีกยิ้ม
“เลิกเป็นโจรสลัด... แล้วกลับมาอยู่ด้วยกันเถอะนะ... ราชันย์” คุสึบารุยันตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินตรงมาจับที่ไหล่ของราชันย์
“...คงไม่ได้” ราชันย์พูดพร้อมจับมือของคุสึบารุพร้อมกับดึงมันออก
“ทำไมล่ะ? ไม่อยากกลับมาอยู่แบบครอบครัวอีกแล้วเหรอ?” คุสึบารุพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ฉันไม่ได้ไม่อยากกลับ... แต่ตอนนี้ฉัน... ไม่สิต้องแทนว่าผม... ผมมีครอบครัวอยู่แล้ว... และผมจะไม่ทิ้งพวกเขาไปแน่นอน” ราชันย์พูดพร้อมฉีกยิ้มเล็กน้อย
“ครอบครัว? หมายถึงกลุ่มโจรสลัดนั่นน่ะนะ?” คุสึบารุ
“ใช่แล้ว... ถึงจะเจอกันได้ไม่นาน แต่พวกเขาก็คือครอบครัว พวกเขาคือคนที่อยู่กับผมเสมอไม่ว่าผมจะทุกข์หรือจะสุข... ยังไงผมก็จะไม่กลับไปแล้ว” ราชันย์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“แต่...” คุสึบารุ
“อีกอย่าง... คุณได้ทำการทดลองนั้นกับเพื่อนของผม.. เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมรับไม่ได้ ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณใช้วิธีการยังไงในการรีดคั้น... แต่คุณเอาพลังของเพื่อนผมไปใส่ให้กับใครก็ไม่รู้... ทั้งๆ ที่คุณรู้ว่านั้นเป็นเพื่อนของผม... แล้วยังเรียกตัวเองว่าพ่อได้อีกเหรอ?” ราชันย์
“ราชันย์!” ฉันพูดขึ้นอย่างตกใจเมื่อเขาพูดประโยคนั้นขึ้นมา
และเพราะประโยคนั้นนั่นแหละ มันเลยทำให้คุสึบารุถึงกับอึ้ง
“ฉันจะไม่ยอมรับ... คนที่ทำร้ายเพื่อนของฉันหรอก” ราชันย์พูดพร้อมหันหน้ามองมาทางฉันด้วยสีหน้าจริงจัง
“...นั่นสินะ... ไม่แปลกหรอกที่แกจะไม่ให้อภัยพ่อ... แต่ฉันสามารถเอาเพื่อนของลูกกลับมาได้นะ... แค่ให้โอกาสพ่อเท่านั้น” คุสึบารุพูดพร้อมส่งยิ้มให้กับราชันย์
“สามารถเอากลับมาได้?” ราชันย์
“ใช่แล้ว... เขาอยู่ที่อิมเพลดาวน์... ฉันเคยคุยกับเขาเรียกของแกมาบ้างนิดหน่อย” คุสึบารุ
“เอาเขากลับมาได้งั้นเหรอ... ด้วยอำนาจของนาย?” ราชันย์
“ถูกต้อง แค่ให้ฉันได้ไถ่โทษ... ที่ไม่ได้เลี้ยงดูแกมานะ” คุสึบารุ
“...ไม่ต้องหรอก” ราชันย์พูดพร้อมระบายยิ้มออกมา
“ทำไมล่ะ!? ฉันอยากจะช่วยแกจริงๆ นะราชันย์!!” คุสึบารุพูดพร้อมวิ่งมาเขย่าตัวของราชันย์
“ขอบคุณสำหรับความหวังดีจริงๆ ครับ... แต่ว่าผมสัญญาไว้แล้ว... ว่าจะไปช่วยเขาเอง... พร้อมกับทุกคน” ราชันย์
“แต่ว่า มันอันตรายมากเลยนะ! ไม่เคยมีใครแหกคุกอิมเพลดาวน์ได้!” คุสึบารุ
“ฮ่าๆ คุณตกข่าวอะไรไปหรือป่าว? เคยมีคนแหกคุกมาแล้ว... ราชาโจรสลัดของยัยนี่ยังไงล่ะ” ราชันย์พูดพร้อมชี้มาทางฉัน
หา? ราชาโจรสลัดของฉัน??
“ราชาโจรสลัด? หมายความว่ายังไง?” คุสึบารุ
“ก็หมอนั่นบอกว่าอย่างงั้นนี่หน่า หมอนั่นบอกว่าเขาคือราชาโจรสลัด ฮ่าๆๆ” ราชันย์พูดพร้อมหัวเราะ
“งั้นฉันก็ช่วยอะไรแกไม่ได้สักอย่างเลยสิ?” คุสึบารึพูดพร้อมทำหน้าเศร้าเล็กน้อย
“ไม่หรอก... คุณน่ะ ทำให้ผมรู้อดีตของตัวเองมากขึ้นนะ... ดีใจมากเลย” ราชันย์พูดพร้อมฉีกยิ้ม
“ราชันย์...” คุสึบารุพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งอึ้ง
“ขอบคุณนะครับ” ราชันย์ฉีกยิ้มกว้าง
คุสึบารุมองไปที่หน้าของราชันย์เล็กน้อย ก่อนจะร้องไห้ออกมา เขาร้องไห้ทั้งรอยยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมา
ดูเหมือนว่าอะไรๆ ก็จะเริ่มดีขึ้นนะ?
ถ้าไม่ติดตรงที่ว่า...
ปึง!!! โครม!!!
จู่ๆ ผนังของห้องก็พังทลายลง! ทำเอาพวกเราทุกคนในห้องถึงกับอึ้ง!
“อ๋ออ นี่สินะ ความลับที่ปิดฉันมาตลอดสามปี!”
เสียงคุ้นหูดังขึ้นหลังม่านควันของเศษฝุ่น เมื่อควันเริ่มหายไป พวกเราทุกคนก็พบกับพวกลูฟี่ คลาวน์ และทุกๆ คนที่อยู่ในห้องที่เราหนีออกมาเมื่อกี้! ทะ... ทำไมถึงเป็นห้องข้างๆ กันล่ะ!!?
“ทำไม... ทำไมถึง...” คุสึบารุพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งอึ้ง
“โทษทีนะลุง... ฉันบอกให้พวกสถาปนิกสร้างห้องสองห้องนี้มาอยู่ข้างกันเองนั้นแหละ ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดหรอกนะ แต่ลุงไม่ขอดูแปลนก่อสร้างเอง~” คลาวน์พูดพร้อมหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดหน้าของตัวเอง
“แก... ทรยศงั้นเหรอ!!” คุสึบารุพูดด้วน้ำเสียงเดือดจัด
“ก็ไม่ได้ร่วมมือมาด้วยตั้งแต่แรกอะนะ... ฉันอุส่าต์เข้าร่วมกับการทดลองโง่ๆ นี่เพื่อจะเอาผลไม้ปีศาจดีๆ สักหน่อย แต่ไม่คิดเลยนะ ว่ากว่าจะทำมันสำเร็จน่ะ มันใช้เวลานานขนาดนี้! เบื่อจะตายแล้ว ทนไม่ไหวแล้วเฟ้ย!” คลาวน์พูดพร้อมหัวเราะออกมา
“แต่แกก็เข้าร่วมกันทดลองนี้แล้วนี่...” คุสึบารุ
“ถูกต้อง แล้วก็ได้อะไรมาเยอะแล้วล่ะ ไม่ต้องการอะไรเพิ่มอีกแล้ว” คลาวน์พูดพร้อมเอานิ้วชี้มาที่หัวของคุสึบารุ ก่อนจะทำมือเป็นรูปของปืน
“ลุงก็หมดประโยชน์แล้วเหมือนกัน...” คลาวน์พูดพร้อมฉีกยิ้ม ก่อนที่พวกเราทุกคนจะได้ยินเสียง ฟิ้ว! ออกมา!
“ระวัง!!” ราชันย์ที่ไหวตัวทันรีบวิ่งไปผลักตัวของคุสึบารุออก แต่เขากลับเป็นคนที่โดนกระสุนลมแทน!
พลัก!!
“อั่ก!!” ราชันย์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ราชันย์!” รีทาวน์เป็นคนแรกที่ได้สติ เขารีบวิ่งเข้ามาพยุงตัวของราชันย์ทันที
“ไม่เป็นไรนะกัปตัน!!” ก่อนที่ทุกคนในกลุ่มโจรสลัดผมทองจะวิ่งกรูกันเข้ามาหากัปตันของเขาทันที
“ทำไมพวกนาย...” ราชันย์
“พวกเรารู้แล้วว่ากัปตันมาที่นี่ทำไม แล้วก็ไม่โกรธแล้วด้วย! เพราะงั้นอย่าตายนะ!” นาอิรีบโวยวายก่อนจะโผเข้ากอดราชันย์
“เจ้าโง่... อึก!... โดนแค่ไหล่เฟ้ย” ราชันย์
“โถ่ๆๆ... ยิงผิดเลยล่ะนะ... ครั้งนี้ไม่ผิดแน่ๆ” คลาวน์พูดพร้อมหันนิ้วไปทางคุสึบารุที่ยังอึ้งกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่
“ลุง... ยืนทำหน้าไม่ไหวเลยนะ ไม่อยากตายหล่อๆ หน่อยหรือไง” คลาวน์พูดพร้อมหัวเราะ
“คลาวน์... เกินไปแล้วนะ” ทรอยพูดขึ้นพร้อมกับเดินตรงมาหาคลาวน์
“อย่ามาห้ามน่า น่ารำคาญจริง!” คลาวน์หันหน้าไปโวยวายใส่ทรอยอย่างเหลืออด มันจึงทำให้เขามีช่องโหว่!
ผัวะ!!!
คุสึบารุจึงวิ่งตรงเข้าไปต่อยที่หน้าของคลาวน์อย่างเต็มแรง!
พลัก!!
จนตัวของคลาวน์ถึงกับกระเด็นไปนอนกับพื้น!
พรึบ!!
คุสึบารุไม่ปล่อยให้เสียโอกาส เขารีบวิ่งตรงไป พร้อมกับนั่งครอบตัวของคลาวน์เอาไว้ พร้อมกับตั้งท่าชกหมัดที่สอง!
พลึบ!!!
“ล็อค!!” คลาวน์รีบตั้งมือขึ้นมาป้องกันการโจมตีอย่างรวดเร็ว จนหมัดที่คุสึบารุจะชกหน้าเขาต้องหยุดชะงักไว้ที่กลางอากาศ
“หมดเวลาเล่นแล้ว” คลาวน์พูดพร้อมจ่อนิ้วไปที่กลางหน้าผากของคุสึบารุ โดยที่ล็อคการเคลื่อนไหวของคุสึบารุไว้ทั้งหมด!
“หยุดนะ!!” ลูฟี่พูดพร้อมพุ่งตัวเข้าไปหาคลาวน์ทันที
“อย่านะ!!” ราชันย์เองก็รีบยันตัวลุกขึ้นแล้ววิ่งตรงไปหาคลาวน์ทันที!
“บ๊ายบ่าย...” คลาวน์
ปึง!!!!!
บรรยากาศทุกอย่างเหมือนกับหยุดชะงัก เมื่อร่างกายของคุสึบารุกระเด็นไปตามแรงกระสุนลมของคลาวน์ เขาหงายหลังล้มลงแทบเท้าของคลาวน์อย่างต่อกรอะไรไม่ได้เลย
“ฟู่วว...” คลาวน์พูดพร้อมเอาเท้าถีบเอาร่างใหญ่ๆ ของคุสึบารุออก
พรึบ!!
ราชันย์ถึงกับทรุดตัวลงต่อหน้าพ่อของตัวเองอย่างทำอะไรไม่ถูก
“ไม่นะ... ไม่...” ราชันย์รีบเขย่าตัวของคุสึบารุ แต่มันก็ไม่ทำให้เขาขยับตัว
“อย่าเสียใจไปเลยน้าพ่อหนุ่ม... พ่อแม่น่ะ เป็นอุปสรรคชีวิตนะรู้มั้ย” คลาวน์พูดพร้อมดินไปนั่งยองๆ ใกล้ๆ กับราชันย์แล้วหัวเราะ
“คลาวน์!!!” ลูฟี่
พริ้ว!!!
ลูฟี่ที่พุ่งตัวเข้ามาคลาวน์พร้อมกับลูกเตะของเขา แต่คลาวน์ที่ไหวตัวทันรีบหายวับไปกับอากาศ ก่อนจะไปปรากฏตัวที่ข้างหลังของลูฟี่
“อะไรของแกเนี่ยหมวกฟาง” คลาวน์พูดพร้อมเอามือปัดผมของตัวเอง
“ฉันจะซัดหน้านาย!!! ไม่ว่ายังไงก็ตาม!!!” ลูฟี่แผดเสียงออกมาอย่างเหลืออด
ตอนนี้ความโกรธของลูฟี่พุ่งขึ้นถึงขีดสุดแล้ว!!!
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ขอบคุณธีมสวยๆ จาก
ความคิดเห็น