คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : [ตอนที่8] :: พบกันอีกครั้ง การต่อสู้ที่แท้จริงเริ่มต้นขึ้นแล้ว!!
ตอนที่8
พบกันอีกครั้ง การต่อสู้ที่แท้จริงเริ่มต้นขึ้นแล้ว!!
ย้อนไปราวๆ สองชั่วโมงก่อนเมื่อลูฟี่ตื่นขึ้นมาได้ไม่นาน
[บันทึกพิเศษ ; นามิ]
เมื่อชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง มันทำให้ฉันกับคาเซคิที่กำลังคุยกันอยู่ถูกขัดจังหวะเข้าอย่างจัง เมื่อฉันหันหน้าไปมอง หมอนั่นก็คือ... ชาเมล?
“ชาเมล...” คาเซคิ
“ถึงเวลาแล้ว ออกมาได้แล้ว” ชาเมล
“อะไรกัน ถึงเวลาแล้วหรอ!” คาเซคิ
“ใช่ เอายัยนั่นมาได้แล้ว ถึงเวลาแล้ว” ชาเมล
“เวลาอะไรหรอ?” ฉันหันหน้าไปถามคาเซคิ หมอนั่นมองตาฉันอยู่นาน ก่อนจะรีบหลบสายตา เขายืนขึ้น แล้วลากฉันที่สวมกุญแจมือร่วมกับเขาอยู่ออกไปนอกห้อง
“อะไรกัน เวลาอะไร!” ฉัน
“เวลาของ เครื่องสังเวยอัญมณี” ชาเมล
“อะไรนะ!!” ฉัน
“ก็อย่างที่ได้ยินนั้นแหละ” ชาเมล
“อะไร ใคร เครื่องสังเวยอัญมณี?” ฉันหันไปถามคาเซคิ เขาไม่หันมามองหน้าฉันเลยแม้แต่น้อย
“เธอไง เครื่องสังเวย” ชาเมลพูดพร้อมฉีกยิ้ม
“อะไรกัน! หมายความว่ายังไง!” ฉันเหวอทันที อะไร ฉันเนี่ยนะ เครื่องสังเวยอัญมณี... แล้วมันเป็นยังไง =[]=!!!
“หุบปากแล้วเดินตามคาเซคิไปซะเธอน่ะ” ชาเมลผลักหลังฉันให้ไปหาคาเซคิ
“หมายความว่ายังไงน่ะคาเซคิ เครื่องสังเวยอะไรกัน!” ฉันหันไปถามคาเซคิ เขาไม่พูดอะไรนอกจากเดินนำหน้าไป ฉันที่ถูกแรงดึงและแรงผลักจากข้างหลังทำให้ต้องเดินตามเขาไปด้วย เครื่องสังเวย... ฉันเป็นเครื่องสังเวย แล้วจะทำไปทำไมกันนะ... อัญมณีอย่างนั้นหรอ...
“ที่นี่มันที่ไหนเนี่ย!!” ฉันตะโกนถามคาเซคิรอบที่สองร้อยสามสิบหก แต่หมอนั่นก็ไม่ปริปากพูดกับฉันสักคำ ตอนนี้พวกเรากำลังเดินผ่านอุโมงค์อะไรก็ไม่รู้ แต่ที่ดูๆ เหมือนมันจะมีแต่ดินราบไปทั้งทาง อะไรกัน ความรู้สึกแบบนี้ เหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา...
“!!”
เมื่อเดินไปถึงจุดหมาย คาเซคิที่หยุดเดินมองไปรอบๆ สถานที่นั้น ที่นี่มันอะไร มีเครื่องมืออะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด และมีหลอดแก้วขนาดใหญ่กว่ามนุษย์อีกมั้งเรียงรายกันอยู่เต็มไปหมด ไหนจะสายอะไรก็ไม่รู้ที่เชื่อมกันไปมั่ว ที่นี่ที่ไหนเนี่ย!
“เอายัยนี่ไปขังไว้ตรงนั้นก่อน” ชาเมลเดินมาหาคาเซคิแล้วชี้ไปทางกรงเหล็กที่ตั้งอยู่ไม่ไกล อะไรนะ ขังฉันไว้ในที่แบบนั้นเนี่ยนะ =[]=!!
ชาเมลที่ยื่นกุญแจมาให้คาเซคิแล้วก็หันหลังเดินไปกดปุ่มอะไรก็ไม่รู้บนเครื่องอะไรซักอย่างที่ตั้งอยู่ คาเซคิดึงฉันเข้าไปใกล้กับกรงนั้นเรื่อยๆ แต่ฉันก็พยายามจะหนีสุดขีด
“ปล่อยฉันนะเจ้าบ้า ฉันไม่เข้าไปในนั้น!!” ฉันร้องโวยวาย คาเซคิที่ไม่ตอบโต้แต่พยายามดึงฉันเข้าไปหา แล้วเขาก็ใช้กุญแจดอกหนึ่งไขกุญแจของมือของฉันกับเขาออก ก่อนจะผลักฉันเข้าไปในกรงโดยที่ไม่ทันตั้งตัว แล้วจัดการปิดประตูกรงและล็อคมันทันที
“ปล่อยฉันนะ!!” ฉันรีบวิ่งไปคว้าคอเสื้อของคาเซคิที่ยังเดินไปไหนได้ไม่ไกลมาก เขามองเข้าไปในตาฉันก่อนจะดึงมือฉันออกแล้วเดินไปหาชาเมล
ทำยังไงดี... ต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ แต่จะออกไปยังไงล่ะ... ลูฟี่ ช่วยฉันด้วย...
ผัวะ!!!
“แกบ้าหรือไงคาเซคิ!!!”
จู่ๆ ชาเมลที่ซัดหมัดเข้าไปที่หน้าของคาเซคิ คาเซคิล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง อะไรกัน เมื่อกี้เขาพูดอะไรกัน ทำไมต้องใช้กำลังกันด้วย
“แกอย่าให้มันมากเกินไปนะ บอกว่ายัยนี่ก็คือยัยนี่ ถ้านายยังพูดมากอีก ฉันไม่ปล่อยไว้แน่!!” ชาเมล
“...” คาเซคินิ่งเงียบ เขาจับหน้าของตัวเองบริเวณที่ถูกนายชาเมลชก ชาเมลไม่สนใจคาเซคิอีกต่อไป เขาหันหลังกลับไปทำงานของเขาต่ออย่างเคร่งเครียด เหลือแต่คาเซคิที่ยืนขึ้นแล้วเดินไปทางฉัน
“...” คาเซคิไม่ได้พูดอะไร เขาได้แต่มองหน้าฉันเงียบๆ แล้วก็นั่งลงช้าๆ ตรงหน้าของฉัน เมื่อเห็นอย่างนั้นฉันจึงนั่งลงกับเขาบ้าง
“เกิดอะไรขึ้นหรอคาเซคิ” ฉันถามเขา เขานิ่งเงียบไปได้ซักพักแล้วหันหน้าไปทางอื่น
“เป็นรอยเลยนะ” ฉันมองไปที่แผลของเขา ดูเหมือนคาเซคิจะอึ้งไปเลยกับคำพูดของฉัน เขาตกใจได้แว๊บหนึ่งเท่านั้น แล้วเขาก็ลุกขึ้นแล้วทำท่าจะเดินออกจากที่นี่ไป แต่ก็ถูกชาเมลเรียกตัวเอาไว้ก่อน คาเซคิหันหน้าไปมองทางชาเมลด้วยสายตา... มีความหวัง? จะเรียกอย่างนั้นก็ได้มั้ง?
“ถ้าจะออกไป ใส่นี่ไว้ด้วย” ชาเมลโยนหน้ากากให้คาเซคิแล้วหันหน้าไปทำงานต่อ คาเซคิดูอารมณ์เสียมาก แล้วโยนหน้ากากลงพื้นแล้วเดินเตะข้าวของบริเวณนั้นแล้วเดินหายไป
“เธอน่ะ ทำกับมันได้นะ” ชาเมลพูดขึ้นมา ฉันหันหน้าไปมองทางชาเมลอย่างไม่เข้าใจ
“อะไรของนาย” ฉัน
“ทุกทีมันไม่เคยเป็นแบบนี้ เพราะเธอนั้นแหละ” ชาเมล
“อะไร ฉันทำไม -___-” ฉันยังงงต่อไป ชาเมลที่ไม่สนใจคำพูดของฉันอีก เขาหันหน้าไปทำงานของเขาต่อ ทำอะไรกันนะ...
โครม!!!
“เกือบแย่แล้ว ทหารเกือบเห็นหน้าฉันแหน่ะ!!” จู่ๆ คาเซคิที่วิ่งปิดหน้าปิดตามาแต่ไกลก็สะดุดรังไม้ที่ขนาดคนตาบอดยังมองเห็นเข้า อะไรของเขาเนี่ย =__=
“ก็บอกให้ใส่หน้ากากก็ไม่ยอมใส่” ชาเมลพูดพร้อมหันหน้าไปมองทางคาเซคิ ก่อนจะหยิบหน้ากากที่คาเซคิโยนทิ้งไป แล้วยื่นไปให้ เอ๊ะ ภาพแบบนี้มันเหมือน...
เหมือน พี่น้อง...(จริงๆ มันก็พี่น้อง) เหมือนพี่น้องที่รักกัน... มากๆ เมื่อฉันเห็นแบบนั้น ในใจก็หวนคิดถึงโนจิโกะขึ้นมาทันทีเลยแฮะ... ตอนนี้โนจิโกะจะสบายดีมั้ยนะ
“ไม่ได้จริงๆ น่ะหรอ... ชาเมล” คาเซคิพูดขึ้น แล้วมองหน้ากากที่พี่ชายของเขาพึ่งยื่นให้ไม่นานมานี้ ชาเมลหันหน้าไปมองทางคาเซคิก่อนจะถอนหายใจ
“ไม่” ชาเมลตอบสั้นๆ คาเซคิทำสีหน้าเจ็บปวดแบบสุดๆ ก่อนจะค่อยๆ ระบายยิ้มออกมา
“งั้นก็ช่างเถอะ” คาเซคิ
“ฉันดีใจที่นายเข้าใจ” ชาเมล
“อืม” คาเซคิ
“นี่ ยัยหัวส้ม!” คาเซคิพูดพร้อมหันหน้ามาทางฉัน... ยัยหัวส้ม? คิดไงเรียกฉันแบบนี้เนี่ย =[]=!!
“อะไรของนาย!!” ฉันตะโกนกลับไป
คาเซคิเดินเข้ามาหาฉันอีกครั้ง เขามองหน้าฉันนิ่งอีกซักพัก ก่อนจะเริ่มปากปากพูด
“หันหน้าไปอีกทางสิ” คาเซคิพูดขึ้น ฉันที่นั่งอยู่กับพื้นมองเขาอย่างงงๆ
“อะไรของนาย =___=” ฉัน
“บอกให้ทำก็ทำไปเถอะน่า!” คาเซคิขึ้นเสียง ฉันที่ขมวดคิ้วมองไปทางคาเซคิ จ้องเข้าไปในตา เขาต้องการจะทำอะไร =__=? สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง ฉันจึงค่อยๆ หันหน้าไปอีกทางตามคำสั่งของเขาอย่างงงๆ ก็คือ ตอนนี้เหมือนฉันนั่งหันหลังให้เขานั้นแหละ
พรึบ!
“อ๊ะ!”
ฉันร้องอย่างตกใจแล้วรีบหันหลังไปมองทันที คาเซคิ... เขานั่งลงตรงข้างหลังฉันแล้วเอาหัวพิงไว้กับหลังของฉัน ใบหน้าของเขายิ้มแย้มอย่างมีความสุข มือของเขาทั้งสองข้างจับที่เอวของฉันเอาไว้... เขาทำอะไรเนี่ย =[]=!!!!
“ฮะ... เฮ้ นะ... นายทำอะไรเนี่ย” ฉันพูดตะกุกตะกัก
“หอมดี” คาเซคิ
“หา? หอมอะไร?” ฉัน
“กลิ่นของเธอไง...” คาเซคิ
“พะ... พูดอะไรบ้าๆ ยะ ไอ้คนลามก =[]=!!” ฉันกระโดดหนีไปอีกฝั่ง คาเซคิเงยหน้าขึ้นมามองฉันแล้วส่งยิ้มหวาน
“มันไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ฉันเคยอยู่ใกล้น่ะ ส่วนมากจะเป็นกลิ่นของแป้งและเครื่องสำอางมากกว่า แต่เธอน่ะไม่ใช่... กลิ่นของเธอเหมือน... ส้ม” คาเซคิพูดแล้วเอามือเท้าคางมองฉัน
อ๊า!! หมอนี่มันอะไรเนี่ย มาดมกลิ่นคนอื่น เป็นหมาหรือไงเนี่ย! ทำบ้าอาร๊ายยย อยู่ๆ ก็มาดมกลิ่นฉัน หมอนี่มันบ้าไปแล้วแน่ๆ เลย =[]=~
“อย่าเข้ามาใกล้ฉันอีกนะ ไอ้คนลามก =[]=!!” ฉัน
“ฉันไม่ได้ลามกนะเฟ้ย ไม่ใกล้หรอก ใครจะไปอยากใกล้สามัญชนอย่างเธอกัน ฉันเป็นเจ้าชายนะ -O-” คาเซคิพูดพร้อมลุกขึ้นยืน
แล้วเมื่อกี้นายมาใกล้ฉันทำไม =___=?
“เอาเถอะ ไม่พูดกับเธอแล้ว น่าเบื่อที่สุด~~” คาเซคิหันหลังแล้วเดินจากไป อะไรของหมอนี่เนี่ย บ้าไปแล้ววววว!
วิ้ง~
แต่เอ๊ะ... นั่นมันอะไรน่ะที่พื้น... เมื่อฉันเดินไปใกล้ๆ จุดที่ฉันเคยนั่งอยู่ ก็ต้องตกตะลึงกับของที่วางอยู่ตรงนั้น
กุญแจ!!!
ฉันรีบคว้ากุญแจนั้นเอาไว้ แล้วมองซ้ายมองขวา มาได้ยังไงเนี่ยยย!~ เอ๊ะ หรือว่า...
สายตาฉันทอดมองไปที่คาเซคิ ตอนนี้หมอนั้นกำลังยืนคุยอยู่กับชาเมล แต่ดูเหมือนคาเซคิจะเป็นฝ่ายพูดฝ่ายเดียวมากกว่า ชาเมลไม่ทำอะไรนอกจากพยักหน้ารับก็แค่นั้น... หมอนั่น... ช่วยฉันอย่างงั้นหรอ? แล้วจะช่วยฉันไปทำไมกันนะ...
ไม่รู้แหละ ช่วยก็คือช่วย! ฉันต้องหนีออกไปให้ได้!!
ว่าแต่จะหนียังไงล่ะเนี่ย มีกุญแจน่ะใช่ แต่ไอ้ที่ว่าจะออกไปน่ะ มันไม่ง่ายเลยนะ ในเมื่อมีไอ้สองพี่น้องยืนดักอยู่นั่นน่ะ โฮ!!~ คงต้องทำอะไรซักอย่าง... แต่ทำอะไรดีล่ะ =[]=!!!
“นี่ชาเมล ฉันมีอะไรจะให้ดูล่ะ!” คาเซคิ
“...อะไร” ชาเมลหันหน้าไปมองทางคาเซคิที่พยายามเรียกร้องความสนใจอย่างเห็นได้ชัด
“เออ ลืมหยิบมาว่ะ O_O” คาเซคิ
“งั้นก็ไปเอามาสิ” ชาเมลพูดแล้วหันไปกดๆ จิ้มๆ ไอ้เครื่องมือนั้นต่อ
“อืม... ฉันจำไม่ได้แฮะว่าเอาไปไว้ไหน....” คาเซคิทำหน้าคุมคิด
“งั้นเดี๋ยวค่อยไปหาก็ได้” ชาเมล
“ไม่ๆ ฉันอยากให้นายเห็นเดี๋ยวนี้เลยนะ” คาเซคิ
“แล้วจะทำไง -___-” ชาเมล
“ไปช่วยฉันหาสิ *O*” คาเซคิ
“ไร้สาระ เสร็จงานก่อนค่อยดูก็ได้” ชาเมล
“แต่ฉันอยากให้นายดูมันจริงๆ นะชาเมล ไปเหอะ เร็วเข้าๆๆ” คาเซคิพยายามดึงแขนชาเมลออกจากเครื่องมือ แต่ชาเมลกลับสะบัดมือเขาทิ้งแล้วหันหน้าไปมองคาเซคิอย่างเอาเรื่อง
“ฉันรู้นะว่านายต้องการอะไร ทำแบบนี้ไปก็ไม่ได้ผมหรอก ถ้าคิดจะถ่วงเวลาน่ะนะ...” ชาเมล
“อึก!... บ้า~~ ถ่วงเวลาอะไร ไม่ได้ถ่วงเลย =O=” คาเซคิ
“...” ชาเมลนิ่งเงียบมองหน้าคาเซคิอย่างจับผิด
“ไม่ได้ถ่วงเวลาจริงๆ นะ ไม่ได้คิดเลย -O-... จริงๆ นะเว้ย ไม่เชื่อใจน้องชายเลยรึไง ._.” คาเซคิที่ทนสายตาจับผิดไม่ไหว รีบหันหน้าหนี ชาเมลถอนหายใจอย่างระอาแล้วพูดต่อ
“ถ้ามันไม่เด็ดอย่างที่นายพูดจริงๆ ฉันจะฆ่านาย” ชาเมลพูดพร้อมดึงเอาหน้ากากที่อยู่ไม่ไกลมือขึ้นมาสวม แล้วหันหลังเดินนำหน้าคาเซคิไป คาเซคิทำหน้าตาดีใจแล้วหยิบหน้ากากขึ้นมาสวม แล้ววิ่งตามชาเมลไป
หมอนั่น... ยอมบ้าได้ขนาดนี้เลยหรอเนี่ย เพื่อให้ฉันหนีงั้นหรอ?... หรือว่าเขามีอะไรจะให้พี่ชายดูจริงๆ กันแน่นะ?... เอาเหอะ ไปล่ะจ้า คุกจ๋า!!
กริ๊ก!
ฉันไขกุญแจของกรงขัง แล้วกระโจนหนีออกจากที่นั่นทันที ว้าว กุญแจนี้ใช้ได้จริงๆ แฮะ นึกว่ามันเป็นของปลอมซะอีกนะ >_<!
ฉันวิ่งไปตามอุโมงค์อย่างรวดเร็ว แต่วิ่งไปได้ไม่นานก็ต้องรีบชะลอฝีเท้า เพราะได้ยินเสียงของนายคาเซคิบ่นพึมพัมออกมาไม่ไกล
“มันสุดยอดจริงๆ นะ!” คาเซคิ
“อืม” ชาเมลตอบสั้นๆ
“ช่วยทำเสียงให้มันตื่นเต้นหน่อยได้มั้ย =___=!!” คาเซคิ
“ว้าว จริงหรอ น่าตื่นเต้น เย เย เย” ชาเมลทำเสียงเนือยๆ โบกมือของตัวเองไปมาช้าๆ เห็นได้ชัดว่าเต็มใจรับสุดๆ =__=
“ขอบคุณนะพี่ชาย =___=” คาเซคิ
“ได้เสมอเพื่อน้องรัก” ชาเมล
“เฮอะ -___-”
แล้วทั้งสองคนก็หักเลี้ยวไปทางด้านซ้ายกัน ฉันที่ย่องตามมาไม่ไกล เมื่อไม่เห็นแผ่นหลังของสองคนนั้นแล้ว ก็รีบโกยแน็บไปทางด้านขวาทันที บ้ายบายตลอดกาล ปราสาทสีดำมรณะ~~
“อัก!” ฉันอุทานขึ้นมาเบาๆ
ฉันว่าบ้ายบายตอนนี้ก็ไม่ได้ล่ะสิ ทหารเดินกันเต็มปราสาทเลย อะไรกันเนี่ยยยย =[]=!!!
“หนึ่ง สอง สาม หนึ่ง สอง สาม หนึ่ง สอง สาม” เหล่าทหารเตรียมอนุบาลนับเลขหนึ่งสองสามแล้วเดินไปมาเป็นจังหวะ แต่ละคนทำหน้าตาตั้งใจมาก ตั้งใจนับหนึ่ง สอง สาม...
“หยุด!! นั่นน่ะ!!!” ทหารคนหนึ่งตะโกนขึ้นแล้วชี้มาทางฉัน อี๋!!!! เห็นงั้นหรอ เห็นฉันหรอ บ้าน่า!! ฉันรีบกระโดดหลบหลังเสาทันที เห็นหรอ ตายล่ะหว่า! มันเห็นฉัน ทำไงดี ทำไมดี๊!!!
“นั่นน่ะ เสา เอ้า หนึ่ง สอง สาม หนึ่ง สอง สาม...”
อยากฆ่าไปทหารเวรพวกนี้เป็นบ้า =[]=^^^
ต้องรีบไปแล้วสิ ถ้าทางนั้นไปไม่ได้ ก็ไปอีกทางก็แล้วกัน... ฉันย่องๆ วิ่งหลบไปเรื่อยๆ ซะจนเจอกระตูที่น่าสนใจ ขอให้มันเป็นประตูทางออกด้วยเถอะ~~~
แอ๊ดด...
“ลามิ!~”
“!! ลามิ!!!”
ฉันร้องเสียงหลงอย่างตกใจ ทำให้ทหารที่อยู่แถวนั้นหันหน้ามามองด้วย กรี๊ดดด! ฉันรีบกระโดดเข้าไปในห้องนั้นทันที ห้องนี้... ลามิ! ลามิ!! เจอตัวลามิแล้ว!! >O<!!!!
“ลามิ แกเป็นอะไรหรือป่าว!” ฉันวิ่งตรงไปที่ลามิที่ถูกล้ามโซ่อยู่ มันหันหน้ามามองฉัน แล้วดมกลิ่นฟุดฟิดๆ ก่อนจะตรงเข้ามานัวเนียตัวฉันจนรู้สึกจั๊กจี้
“ฮ่าๆ พอน่าลามิ ฉันจั๊กจี้นะ >___<!” ฉัน
“ลามิ~ ลามิ~” ลามิที่ไม่ยอมหยุดนัวเนียตัวฉัน ขนนุ่ม มากๆ เลยเจ้าลามิเอ๊ย น่ารักสุดๆ >O<!!!
ปัง!
“ผู้บุกรุก!!!” ทหารกลุ่มใหญ่เปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างดัง พร้อมตะโกนเรียกฉันซึ่งเป็น ‘ผู้บุกรุก’ ในสายตาของพวกเขาทันที
ไอ้ลามะเวร T____T!!!!
“พวกเราจับตัวผู้บุกรุกได้ครับราชาชาเมล!!” ทหารหนึ่งในนั้นลากฉันไปหา ‘ราชาชาเมล’
“มันอยู่ในห้องของลามะ มันคงคิดจะขโมยลามะตัวนั้น ฆ่าทิ้งเลยไหมครับ!!!” ทหารอีกคนตะโกนขึ้นมาบ้าง
อย่านะ อย่าฆ่าฉันน้า T[]T!!!
“...” ชาเมลนิ่งเงียบ ส่วนคาเซคิที่ยืนอยู่ไม่ไกลทำท่าตกใจเป็นอย่างมาก ฉันส่งซิกให้เขาประมาณว่า ฉันพยายามที่สุดแล้ว ขอโทษจริงๆ ฮืออ T___T!
“ไม่ต้องฆ่าหรอก ส่งตัวผู้บุกรุกมาให้ฉัน” ชาเมล
“พะย่ะค่ะ!!” ทหารคนที่จับตัวฉันอยู่ ผลักฉันจนล้มลงไปอยู่แทบเท้าของนายชาเมล นายชาเมลดึงตัวฉันขึ้นแล้วบีบต้นแบนฉันอย่างแรง
“เราคงมีเรื่องต้องคุยกัน... เยอะเลยล่ะ...” ชาเมลพูดแล้วหันไปมองทางคาเซคิ ซึ่งคาเซคิที่รีบหันหน้าหนีความผิดทันที
ผัวะ!!!
“แกทำแบบนี้ได้ยังไงคาเซคิ!!!” ชาเมลพุ่งหมัดเต็มแรงไปที่หน้าของน้องชายอีกครั้ง ตอนนี้ฉันถูกจับตัวเอาไว้ ในห้องๆ เดิมที่พึ่งหนีออกมาได้ไม่นาน ห้องทดลอง หรืออะไรซักอย่างนี้แหละ
“แกกล้าดียังไง! ฉันเป็นพี่ชายแกนะ!!!” ชาเมล
“...” คาเซคิเงียบ ไม่พูดจา เขาที่นอนอยู่กับพื้นเพราะแรงต่อยของพี่ชายตัวเองนั่งนิ่ง ไม่สบสายตาชาเมลเลยแม้แต่น้อย
“ก็บอกแกแล้วใช่มั้ย ว่าอย่าทำอะไรแบบนี้ แกหักหลังฉัน แกกล้าดียังไง!!!” ชาเมล
“...” คาเซคิ
“แกจะไม่พูดอะไรซักอย่างเลยหรอ!!!” ชาเมล
“ฉันไม่มีอะไรจะพูด” คาเซคิ
“แกมันบ้าไปแล้ว!! แกช่วยยัยนี่ไปทำไม!! แกรู้มั้ยว่ายัยนี่สำคัญกับเราขนาดไหน!!!” ชาเมล
“ก็เพราะสำคัญไง!!!” คาเซคิขึ้นเสียงตอบกลับพี่ชายของเขาบ้าง ชาเมลดูอึ้งไปมากกับการขึ้นเสียงของคาเซคิในครั้งนี้
“ฉันไม่อยากพูดอะไรมาก ฉันก็แค่อยากจะถามแกว่า ต่อไปนี้แกจะเอายังไง แกเลือกที่จะเคียงข้างฉัน หรือจะช่วยยัยบ้านี่!!!” ชาเมล
คาเซคินิ่งไป เขากัดริมฝีปากของตัวเองแน่นและกำมือแน่นมากๆ ด้วย
“ฉันให้แกเลือกแค่ครั้งเดียวนะ คาเซคิ” ชาเมลเริ่มเสียงอ่อนลง มือของคนที่บีบต้นแขนของฉันแรงๆ เริ่มผ่อนแรงลงไปบ้าง พี่น้องเขาทะเลาะกัน... ได้รุนแรงขนาดนี้เลยหรอ...
“...” คาเซคิยังนิ่งเงียบไม่ตอบ
“ทำไมนายถึงเป็นแบบนี้นะคาเซคิ” ชาเมลพูดพร้อมสะบัดหน้าหนีคาเซคิ
“ฉันไม่รู้ มันเป็นไปเอง ฉันก็ไม่อยากทำหรอก แต่ใจหนึ่งมันก็อยากทำ แล้วจะให้ฉันเลือกอะไร!! ฉันเลือกไม่ถูก... ฉันเลือกไม่ถูกจริงๆ...” คาเซคิ
“ฉัน... ฉันไม่รู้ถึงความรู้สึกของนายหรอกนะคาเซคิ เพราะฉันไม่เคยรู้สึกแบบนายมาก่อน” ชาเมลพูดพร้อมดึงคาเซคิให้ลุกขึ้น เขาจับที่ไหล่ของคาเซคิแล้วกำแน่น
“ฉัน... ไม่อยากเสียมันไปอีก นายรู้ใช่มั้ยว่าคืออะไรคาเซคิ...” ประโยคที่ชาเมลพูดนั้น ทำให้คาเซคิอึ้งไปในทันที คาเซคิกำมือแน่นขึ้นกว่าเก่า น้ำตาของเขาเริ่มไหลรินออกมา
“ฉันขอโทษ...” คาเซคิพูดสั้นๆ ก่อนจะใช้มือของเข้าขึ้นไปจับไหล่อีกข้างของพี่ชายเอาไว้
“เรามาทำให้มันจบๆ เถอะ” คาเซคิ
“นี่สิ น้องชายของฉัน” ชาเมลพูดพร้อมยิ้ม เขาหันหน้ามองมาทางฉัน ก่อนจะดึงตัวฉันเข้าไปใกล้กับหลอดอะไรซักอย่าง แล้วผลักฉันเข้าไปในนั้นพร้อมปิดหลอดแก้วนั้นในทันที
อะไรเนี่ย!!
“ปล่อยฉันนะ!!” ฉันทุบหลอดแก้วอย่างบ้าคลั่ง ชาเมลหันหน้ามามองฉันแล้วฉีกยิ้ม
“เริ่ม... การสังเวยอัญมณี!”
ติ๊ด!!
ซ่า!!
น้ำอะไรซักอย่างไหลเข้ามาในหลอดแก้วที่ฉันยืนอยู่ เมื่อฉันเริ่มไหลเข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ระดับน้ำพุ่งสูงขึ้น... อะไรกัน... หรือว่าเขาจะ!!
“ปล่อยฉันนะ คิดจะฆ่ากันหรือไง ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!!!” ฉับทุบหลอดแก้วนั้นอีกครั้ง ก่อนจะหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากคาเซคิ ตอนนี้เขาไม่มองหน้าฉันเลยแม้แต่น้อย... เขาก็ต้องการให้ฉันตายงั้นหรอ!!
“ช่วยด้วย! ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน!!” ฉันยังตะโกนต่อไป คาเซคิหยิบหน้ากากที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาสวม การกระทำแบบนั้นทำให้ชาเมลอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด อะไรกัน อึ้งทำไม... ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย ใครก็ได้!!!
สามสิบนาทีผ่านไปโดยประมาณ
ฉันที่ทุบไอ้หลอดแก้วนี้จนเจ็บไปหมด แต่ก็ไม่เกิดผลอะไรสักอย่าง น้ำเริ่มไหลขึ้นมาถึงเอวของฉันแล้ว ในตายเถอะ ทำไมหลอดแก้วนี้มันหนาจังนะ ทำยังไงดี
ปึงๆๆ!!
“ปล่อยฉันสิ ปล่อย!!!”
ฉันตะโกนแบบนั้นตลอด แต่ก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือเลยแม้แต่น้อย ฉันเริ่มเหนื่อยแล้วนะ ทุบก็ทุบไม่แตก แล้วจะให้ฉันทำยังไง ลูฟี่และทุกคนเป็นยังไงบ้างนะ เขาจะมาช่วยฉันหรือป่าว... หวังว่าทุกคนจะรอดนะ แล้วมาช่วยฉันที ฉันทำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ
“อีกประมาณสามสิบนาทีน้ำก็เต็มหลอดแล้วล่ะ” ชาเมลหันไปพูดกับคาเซคิ คาเซคิที่สวมหน้ากากพยักหน้ารับ
“นายไม่ต้องใส่ก็ได้นะ หน้ากากน่ะ มันไม่ใช่เรื่องหน้าอาย” ชาเมล
“อะไรกัน พอฉันใส่ก็ยุให้ฉันถอด พอฉันไม่อยากใส่ก็อยากให้ใส่จัง” คาเซคิ
“ก็อย่างว่า มันไม่ใช่เรื่องหน้าอาย แล้วมันหยุดแล้วงั้นหรอ...” เมื่อชาเมลพูดอย่างนั้น คาเซคินิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ถอดหน้ากากออก
“หยุดแล้วล่ะ ครั้งแรกเลยมั้งเนี่ย” คาเซคิ
“ฉันไม่อยากให้มันมีครั้งต่อไปนะ” ชาเมล
“อืม คงไม่มีอีกแล้วล่ะ” คาเซคิตอบกลับชาเมล เขาพูดถึงเรื่องอะไรกัน?
“อือ... งั้นอีกสามสิบนาที คงต้องรอแหละนะกว่าน้ำจะเต็ม” ชาเมล
“อะไรกัน คิดจะให้ฉันจมน้ำตายเลยงั้นหรอ ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ =[]=!!!” ฉันทุบหลอดแก้วซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชาเมลหันหน้าไปมองฉันแล้วขมวดคิ้ว
“เธอทำอะไรมันไม่ได้หรอก เธอไม่มีทางทำลายมันได้ และไม่มีใครทำลายมันได้ด้วย...” ชาเมล
“ทำไมพวกนายต้องทำแบบนี้!!” ฉัน
“อยากรู้ไปทำไม เพราะอีกไม่นานก็จะตายอยู่แล้ว ฉันไม่จำเป้นต้องบอกเธอหรอก” ชาเมลพูดพร้อมหยิบหน้ากากขึ้นมาสวมแล้วเดินออกจากห้องไป เหลือเพียงแต่ฉันกับคาเซคิที่ยืนอย่าไม่ไกล ได้ทีล่ะ!!
ปึงๆ!
“ปล่อยฉันออกไปเร็วคาเซคิ ได้โอกาสแล้วนะ ปล่อยฉันที ช่วยฉันด้วย!” ฉันตะโกนเรียกคาเซคิ หมอนั่นหันหน้ามองมาทางฉันด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินตามชาเมลไป อะไรกัน!! มาปล่อยฉันก่อน!
“เฮ้! รอเดี๋ยวสิ!! คาเซคิ คาเซคิ!” ฉันตะโกนเรียกชื่อเขาจนหมอนั่นลับสายตาไป... อะไรเนี่ย น้ำมันก็ไหลเข้ามาเรื่อยๆ ด้วยสิ จะปิดมันเอาไว้ก็ไม่ได้หรอก ว่าแต่... นี่มันน้ำอะไรกันนะ
ฉันตักน้ำนั้นขึ้นมาแล้วดมกลิ่น... เหมือนกลิ่นของเกลือเลย... เกลืองั้นหรอ!!
ฉันแตะน้ำนั้นขึ้นมาชิมเล็กน้อย ใช่จริงๆ ด้วย มันคือน้ำทะเล... น้ำทะเล!!
แต่เหมือนมันจะไม่ใช่น้ำทะเลธรรมดาๆ ยังไงก็ไม่รู้ เหมือนมันจะมีแรงดันมากกว่าน้ำทะเลทั่วๆ ไป แล้วไหนจะความรู้สึกที่เริ่มหายใจไม่ออกขึ้นไปทุกทีๆ ด้วย ทำยังไงดีนะ คงต้องหยุดไอ้น้ำนี้ให้ได้ ต้องใช้เครื่องมือตรงนั้นสินะ... แล้วฉันจะไปกดมันยังไงดีล่ะเนี่ย!!~
ปึง!!
ฉันลองพยายามใช้แรงผลักไอ้หลอดแก้วนี้ให้อย่างน้อยมันเอียงลงบ้างก็ยังดี
ปึง... ปึง... ปึง!!
ไม่ได้ผลเลยแฮะ!!
รู้สึก... หายใจไม่ออกด้วยสิ แย่ชะมัด... เหมือนจะเริ่มหมดแรงไปทุกทีๆ เลยนะ...
“ยี่สิบนาทีแล้ว คงใกล้เต็มแล้วแหละ” เสียงของชาเมลดังมาแต่ไกล ฉันที่พยายามตะเกียดตะกายให้หัวลอยเหนือน้ำให้ได้อยู่นาน มันก็จิงอย่างที่หมอนั่นพูด มันใกล้จะเต็มแล้ว!!
“อ่า ใกล้จะเต็มแล้วจริงๆ นั้นแหละ” ชาเมลเดินมาใกล้ๆ ฉัน
“เดี๋ยวก็ได้อัญมณีใหม่แล้ว เมืองนี้จะได้สงบสุขซักที!” ชาเมล
อะไรเนี่ย ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร... ฉันเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะ!!
สิบนาทีผ่านไป
“อื้อๆๆๆ!!”
น้ำที่บรรจุเต็มหลอดแก้วทำให้ฉันหายใจไม่ออก แย่แล้วล่ะ ต้องกั้นใจให้ได้... ทำยังไงดี นายชาเมลไม่มีท่าทีจะปล่อยน้ำออกเลยด้วยสิ ฉันจะจมน้ำตายจริงๆ น่ะหรอ ใครก็ได้ ช่วยด้วย!
ปึง ปึง ปึง
ฉันทุบหลอดแก้วอีกครั้ง คาเซคิหันหน้ามามองฉัน ตอนนี้เขาถอดหน้ากากออกแล้วแหละ สายตาของเขาช่างว่างเปล้าจริงๆ ช่วยฉันทีคาเซคิ ใครก็ได้!
ปึง... ปึง...
อึก! เริ่มไม่ไหวแล้วสิ...
ตึกๆๆๆๆๆ
นั่น.. เสียงอะไรน่ะ เสียงเหมือนมีคนกำลัง... วิ่งมาเลย ใครกันนะ...
ตึกๆๆๆ เอี๊ยด!!
“O_O!!” ฉันตกตะลึง นั่นมัน...!!
“นามิ!!!”
ลูฟี่!! ลูฟี่เขามาแล้ว ลูฟี่! ช่วยฉันด้วย!
“อื้มๆๆๆๆ!” ฉันทุบหลอดแก้วนั้นอีกครั้ง ลูฟี่ที่ดูตกลึงกับสภาพของฉันไม่น้อย ยืนนิ่งอึ้งอยู่
“คาเซคิ!!!” ลูฟี่กวาดสายตาไม่เจอกับคาเซคิ เขาตะโกนเรียกชื่อของคาเซคิ
“อ้าว แกยังไม่ตายอีกหรอเนี่ย อึดจริงๆ นะ” คาเซคิ
“ฉันไม่ยอมตายแน่ ถ้ายังไม่ได้ซัดหน้าแก!!!” ลูฟี่ตะโกนดังกึกก้อง!
“หึ! แกน่ะหรอจะซัดหน้าฉัน” คาเซคิ
“ใช่” ลูฟี่ตอบสั้นๆ
“งั้นมาวัดกันเลย...” คาเซคิฉีกยิ้มแล้วพุ่งตัวเข้าหาลูฟี่ทันที ลูฟี่ที่ไหวตัวทันกระโดดหลบหมัดของคาเซคิอย่างฉิวเฉียด!
“เกียร์ ซีคอด์น!!” ร่างกายของลูฟี่กลายเป็นสีแดงอีกครั้ง แต่แทนที่เขาจะวิ่งเข้าไปซัดกับคาเซคิ เขากลับวิ่งเข้ามาหาฉัน... ลูฟี่!
พลัก!!!
“อัก!!” ลูฟี่จุกเพราะแรงเตะของชาเมลที่วิ่งเข้ามาขว้างลูฟี่เอาไว้
“หน๊อย... แกอีกแล้ว...” ลูฟี่
“สวัสดีอีกครั้ง ^^” ชาเมลฉีกยิ้ม
“เดียเบิ้ล จัมบ์ เอกซ์ตร้า ฮาเช่!!!” ซันจิที่กระโดดเข้ามาหานายชาเมล ด้วยขวาข้างขวาของเขามีสีแดงเหมือนไฟ!!
หวืดดด...
“เกือบไปแหน่ะ...” ชาเมลเบียดตัวหลบลูกเตะของซันจิ
“เฮ้ๆ อย่าลืมฉันเซ่” ซันจิฉีกยิ้มกลับไปให้ชาเมลบ้าง
“ลูฟี่! นายไปช่วยคุณนามิซะ เจ้านี่น่ะ... เดี๋ยวฉันจะรั้งมันไว้เอง!” ซันจิ
“อ่า!” ลูฟี่
“ฝันไปเถอะแก!!” คาเซคิกระโดดตรงเข้ามาหาลูฟี่ แต่ก็ถูกสกัดไว้โดย...
“โซโล!” ลูฟี่
“นายรีบไปช่วยยัยนั่นซะ” โซโล
“...อื้ม!!” ลูฟี่วิ่งตรงมาทางฉันอีกครั้ง แต่ตอนนี้ฉันชักจะไม่ไหวแล้วนะเฟ้ยยย อึก! น้ำทะเล... กลืนไปเยอะแล้วนะเนี่ย ลูฟี่...
พลัก!!!
เคร้ง!!!!
ซ่า!!
หลอดแก้วที่ฉันอยู่ในนั้นแตกออก น้ำทะเลจำนวนมากสาดกระเด็นออกมาโดนตัวของลูฟี่ ดูเหมือนลูฟี่จะช็อคกับมันเหมือนกัน เพราะน้ำทะเลนี้ ทำให้คนที่กินผลปีศาจอย่างลูฟี่อ่อนแรงลงไงล่ะ!!
“ไม่เป็นไรนะ... นามิ” ลูฟี่ฉีกยิ้มให้ฉันที่พยายามสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนที่เข่าฉันจะอ่อนและล้มตัวลง
หมับ!!
“นามิ!!” ลูฟี่รีบดึงฉันเอาไว้ก่อนที่ฉันจะล้มลง เขาตะโกนเรียกชื่อฉันอย่างตกใจ
“เป็นอะไรน่ะนามิ!!” ลูฟี่
“ไม่... เป็นไรหรอก แค่... พักสักหน่อยก็หาย...” ฉันส่งยิ้มให้กับลูฟี่ ลูฟี่ที่ตอนแรกทำสีหน้าตกใจ เขาเปลี่ยนมันเป็นรอยยิ้มแล้วพูดกับฉันต่อ
“ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวก็กลับแล้ว ^^” ลูฟี่
“ลูฟี่... ชาเมลน่ะ หมอนั่นน่ะ... กินผลปีศาจเข้าไปนะ มันคือผลที่สามารถหยุดการเติบโตของสิ่งมีชีวิตได้ นาย... ต้องระวังตัวนะ” ฉันกำเสื้อของลูฟี่แน่น ลูฟี่ส่งยิ้มอ่อนโยนให้ฉันก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบหมวกบนหัวของเขาแล้วสวมมันให้กับฉันแล้วพูดต่อ
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เป็นไรอยู่แล้ว ขอบคุณที่บอกนะ” ลูฟี่
“อื้ม... จัดการ... มันให้ได้นะ” ฉัน
“แน่นอน!!” ลูฟี่ตะโกนเสียงดังลั่น เขาอุ้มฉันไปไว้ในที่ปลอดภัยแล้ววิ่งกลับไปในการต่อสู้ ช๊อปเปอร์รีบวิ่งเข้ามาหาฉันในทันที
“เป็นอะไรหรือป่าวนามิ!” ช๊อปเปอร์
“แค่สำลักน้ำนิดหน่อย” ฉันส่งยิ้มให้ช๊อปเปอร์ ช๊อปเปอร์ที่ส่งยิ้มให้ฉันกลับแล้วน้ำตาเริ่มคลอเบ้า
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วนามิ ดีแล้ว T___T;;” ช๊อปเปอร์
“อื้ม... นาย ช่วยดูแลลูฟี่ให้ฉันด้วยนะ” ฉันส่งยิ้มให้ก่อนจะเริ่มหลับตา ง่วงชะมัด...
“นามิ!” ช๊อปเปอร์
“ฉันแค่อยากนอนเท่านั้นแหละ” ฉันตอบกลับเบาๆ แล้วเข้าสู่ความฝันอย่างสวยงาม
[บันทึกพิเศษ ; ลูฟี่]
ผมที่พึ่งอุ้มนามิไปจุดที่ปล่อยภัย วิ่งกลับมาหาพวกโซโลและซันจิที่ต่อสู้อยู่กับเจ้าคาเซริ คาเซคิอะไรซักอย่าง กับ เจ้าชาเมล เจ้าชาเมลมีพลังจากผลปีศาจงั้นสินะ... ตามที่นามิบอกว่า ผลที่ทำให้หยุดการเจริญเติบโตได้ยังงั้นหรอ... มันเป็นยังไงกันน้า =O=~
“ฉันมาแล้ว!” ผมตะโกนบอกโซโลกับซันจิ แต่ดูเหมือนสองคนนั้นจะไม่สนใจผมเท่าไหร่แฮะ เพราะสองคนนั้นเอาแต่สู้อยู่กับคาเซคิกับชาเมล เฮ้ = )--( =
“ใครกัน... ที่เป็นคนเอานามิไปไว้ในหลอดแก้ว” ผมตะโกนถามขัดการต่อสู้ ดูเหมือนแต่ละคนจะชะงัก ชาเมลที่ได้โอกาสจึงรีบใช้มือจับที่ท้องของซันจิแล้วใช้แรงดันนั้นอัดเข้าที่ท้องของซันจิเต็มๆ!
ปึง!!
ซันจิกระเด็นไปโดนเครื่องมือต่างๆ ของสองพี่น้องนั้น หว่าๆๆ =[]=!!
“ฉันนี่แหละ มีปัญหาอะไรหรือป่าว?” ชาเมลพูดพร้อมฉีกยิ้มแล้วหันหน้ามาทางผม
“นี่คาเซคิ... สองคนน่ะ... พอได้รึป่าว?” ชาเมลหันไปถามคาเซคิที่ต่อสู้อยู่
“หืม... สองงั้นหรอ สบายๆ” คาเซคิฉีกยิ้ม
“อย่าละสายตาจากศัตรูสิ” โซโลใช้ดาบฟันเข้าไปตรงหน้าของคาเซคิ หมอนั่นเอนตัวหลบอย่างฉิวเฉียด
“เกือบไปๆ” คาเซคิ
“ครั้งต่อไปคงไม่เกือบแล้วล่ะ” โซโล
“อย่างที่หมอนั่นบอก ละสายตาจากศัตรูมันไม่ดีนะ ไอ้หนู...” จู่ๆ ชาเมลก็มาอยู่ตรงหน้าของผม ทำเอาตั้งตัวไม่ทัน หมอนั้นใช้มือด้านซ้ายต่อมาทางท้องของผม จะใช้แรงอัดงั้นหรอ!
ฟิ้วว!
ผมกระโดดหลบทันที ก่อนที่ผมจะใช้พลัง เกียร์ ซีคอด์น อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น
“ไอ้ท่านี้อีกแล้ว ช่วยเปลี่ยนหน่อยไม่ได้หรือไง น่าเบื่อ” ชาเมลพูดพร้อมพุ่งตัวเข้ามา ผมรีบกระโดดหลบทันที หมอนี่มันเร็วชะมัดเลยแฮะ
“ช้าไป”
“ห้ะ!” ผมร้องอย่างตกใจ ชาเมลที่อยู่ๆ ก็มาอยู่ข้างหลังผมอัดแรงดันลมเข้าหลังผมเต็มๆ
ปึง!!!
ร่างผมถูกอัดลงพื้นอย่างจัง โอ๊ย... อาการแบบนี้อีกแล้ว
“ลูฟี่!!” เสียงของช๊อปเปอร์ดังมาไม่ไกล ก่อนที่ผมจะเห็นช๊อปเปอร์วิ่งมาด้วยความเร็วสูงแล้วอัดหมัดใส่หน้าของชาเมลเต็มๆ!
ผัวะ!!!
“เป็นไงล่ะ...” ช๊อปเปอร์พูดยังไม่ทันขาดคำ ก็โดนชาเมลหมุนตัวแล้วใช้เท้ากระแทกเข้าที่หลัง แล้วตกลงพื้นสภาพไม่ต่างจากผม
“ไม่แสบไม่คันเลย” ชาเมลพูดยิ้มๆ
ผมลุกขึ้นแล้ว หันมือข้างซ้ายไปทางชาเมล แขนยืดตรง มืออีกตั้งท่าเตรียมต่อย
“อะไรของแกอีกล่ะเนี่ย...” ชาเมล
“โกมุ โกมุ โน... เจ็ต พิตโตรุ”
ผัวะ!!!!
หมัดของผมพุ่งตรงไปที่หน้าของชาเมลจังๆ หมอนั่นที่ไม่ทันได้ตั้งตัวกับหมัดของผม เซไปข้างหลังเลยทีเดียว ก่อนจะหันกลับมามองหน้าผมอย่างเครียดแค้น
“แก... แกทำให้เลือดของฉันต้องไหล แกไม่ปล่อยแกไว้แน่!!” ชาเมลพุ่งตัวเข้ามาหาผมอย่างเร็ว แล้วพุ่งหมัดเข้ามา ผมเบียดตัวหลบอีกครั้ง แต่ก็ไม่ทันการ เหมือนหมอนั่นจะรู้การเคลื่อนไหวของผมยังไงก็ไม่รู้ มันจึงเปลี่ยนวิถีหมัด แล้วพุ่งใส่หน้าผมเต็มๆ
“ทีนี้แหละ ตายซะแก” มันเอามือมาจ่อหน้าของผม อัดแรงดันใส่หน้าผมทันที! แต่โชคดีที่ผมหลบทัน อ๊าก เกือบไปแล้ว =[]=
“เกือบแย่แล้วสิ” ผมพูดออกมาเบาๆ
“ครั้งต่อไปไม่ใช่แค่เกือบแน่!!” ฉันพุ่งหมัดเข้ามาอีก ผมเบียดตัวหลบอีกครั้ง แล้วซัดหมัดใส่หัวมันทันที!!
ผัวะ!!!
โดนเต็มๆ เลย...
“ชาเมล!” นายคาเซคิที่กำลังสู้กับโซโลและซันจิที่ลุกขึ้นมาแล้วอยู่ ตะโกนเรียกชื่อพี่ชายอย่างตกใจ... พี่ชายงั้นหรอ
“เลิกเล่นได้แล้วชาเมล!!” คาเซคิตะโกนพูดกับชาเมลที่นอนนิ่งอยู่กับพื้น
“ทำให้มันจบๆ ไปที ฉันก็บอกนายแล้วไง!!!” คาเซคิ
“...นั่นสินะ” ชาเมลยันตัวลุกขึ้นมา แล้วหันหน้ามามองผม เหวอ O_O
ชาเมลพุ่งหมัดใส่หน้าผม ผมรีบเบียดตัวหลบทันที แต่หมอนั่นก็ใช้มืออีกข้างจ่อที่ท้องของผมแล้วอัดแรงดันใส่เท้าผมเต็มแรง อึก!!
เมื่อผมยืนจุกอยู่ ชาเมลก็กระโดดเตะเข้าที่หน้าของผม ทำให้ผมปลิวไปกระแทกกับผนังห้องนี้ทันที! เจ็บเป็นบ้า...
“เลิกเล่นจริงๆ นั่นแหละ” ชาเมลเดินมาจ่อมือไว้ที่หัวของผม แย่แล้ว...
“ตายซะ...” ชาเมล
หมับ!!
“อะไรเนี่ย...” ชาเมลหน้าเหวอ เพราะจู่ๆ ก็มีมือโผล่ขึ้นมาจากมือของเขา ก่อนจะบิดมือของชาเมลให้ตัดขึ้น และตามตัวของเขาก็มีมือโผล่ขึ้นมาอีกมากมาย ก่อนจะล็อคแขนและขาของชาเมลไว้... พลังนี้มัน...
“โรบิน!!” ผม
“จะช่วยเองนะ... ลูฟี่” โรบินพูดพร้อมส่งยิ้มให้ผม
“ทวิสต์!”
หมับ!
“อึก!!” ร่างกายของชาเมลถูกบิด หมอนั่นดูทรมานมาก แต่ก่อนที่สายตาของหมอนั่นจะเปลี่ยนไป ใบหน้าที่มีรอยยิ้มขึ้นมา
“หึ...” ชาเมล
“อะไรกัน!” โรบินร้องอย่างตกใจ จู่ๆ มือที่โผล่ขึ้นมาตามตัวของคาเซคิก็กลายเป็นสีเทา แล้วเหมือนมันจะค่อยๆ คลายตัวด้วย อะไรเนี่ย!!
“ทำไม ควบคุมไม่ได้!” โรบิน
“เธอ... นิโค โรบิน สินะ เหมือนจะเคยเห็นผ่านๆ” ชาเมลพูดพร้อมหันหน้าไปมองทางโรบิน
“นาย... อ๊ะ!!” โรบิน
จู่ๆ ชาเมลก็พุ่งตัวเข้าไปอยู่ตรงหน้าของโรบินด้วยความเร็วสูง หมอนั่นเผยยิ้มออกมาแล้วพูดต่อว่า
“หลับให้สบายนะ ^^” ชาเมลเตะเข้าตรงหัวใจของโรบิน โรบินดูช็อคมาก! ก่อนจะล้มลงไปนอนกับพื้น อะไรน่ะ!!
“โรบินจัง!!” ซันจิตะโกนออกมาอย่างตกใจ โรบินที่นอนนิ่งอยู่กับพื้นแทบเท้าของชาเมล อะไรกัน... เกิดอะไรขึ้น!?
“โรบิน!!” ผมวิ่งเข้าไปหาโรบินทันที แต่ก็ถูกนายชาเมลหันหน้ามาแล้วเตะเข้าเต็มท้อง!
พลัก!!
“อัก!!” ผมกระเด็นไปติดกับกำแพงอีกครั้ง ไม่นะ! โรบิน!!
“เอาล่ะ ใครจะเป็นรายต่อไป” ชาเมลพูดพร้อมฉีกยิ้ม
“แกนะแก เก่งมากใช่มั้ย...” แฟรงกี้ที่เดินเข้ามาตรงหน้าของชาเมล เพราะตัวที่สูงใหญ่กว่า ทำให้ชาเมลต้องเงยหน้ามอง
“อะไรเนี่ย กอลลิล่า?” ชาเมล
“ฉันไม่ใช่กอลลิล่า ฉันคือไซบอร์ก!!” แฟรงกี้
“ไซบอร์ก?” ชาเมลพูดทวนอีกครั้ง
“ใช่... สตรองแฮมเมอร์!!!” แฟรงกี้พุ่งหมัดเข้าใส่ชาเมล ชาเมลเบียดตัวหลบก่อนจะใช้มือเตะที่หัวใจของแฟรงกี้บ้าง แต่มันก็ไม่ได้ผล ทำให้ชาเมลเหวอไปมากเลยทีเดียว
“อะไรกัน” ชาเมล
“ก็บอกแล้วไง! ว่าฉันคือไซบอร์ก!! สตรองแฮมเมอร์!!” แฟรงกี้
“น่ารังเกียจชะมัด!!” ชาเมลเบียดตัวหลบอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งไปด้านหลังของแฟรงกี้ แฟรงกี้ดูตกใจมากกับการกระทำแบบนั้น
“ฉันรู้น่า ว่าจุดอ่อนนายอยู่ไหนนะ” ชาเมลฉีกยิ้ม แล้วเตะเข้าไปที่กลางหลังของแฟรงกี้ แฟรงกี้อึ้งไป ก่อนจะค่อยๆ ล้มตัวลงไปนอนกับพื้นและขยับตัวไม่ได้
“อะไรเนี่ย ขยับตัว... ไม่ได้!!” แฟรงกี้
“หึ น่ารังเกียจ ไซบอร์ก...” ชาเมลเอาเท้าขึ้นเหยียบที่หลังของแฟรงกี้ ก่อนจะจ่อมือเข้าไปที่หัวของแฟรงกี้
“ลาขาด” ชาเมล
“กระสุนไฟฟินิกซ์!!!”
ปุ้ง!!!
“เป็นไงล่ะแก ห้ามเตะต้องพวกพ้องของฉันนะ!” อุซปพูดด้วยเสียงสั่นๆ การโจมตีของเขาได้ผล เพราะมันทำให้ชาเมลหยุดเคลื่อนไหวได้ ที่จริง... กระสุนนั้นพุ่งไปที่หลังของชาเมลเต็มๆ เลยด้วยซ้ำ!
“แก...” ชาเมลหันหน้าไปมองทางอุซป อุซปเหวอ เข่าสั่นทันที แต่ก็ตั้งการ์ดเตรียมตัวยิง
“ยะ... อย่า เข้ามานะแก ฉะ... ฉันไม่ได้กลัวแกหรอกนะ! ฉันน่ะ มีลูกน้องอีกตั้งแปดพันคน ทุกคนต่างเรียกฉันว่า อุซปผู้ยิ่งใหญ่!!!” อุซป
“แกน่ะหรอ ยิ่งใหญ่?” ชาเมลพูดพร้อมเดินเข้าไปใกล้กับอุซปเรื่อยๆ อุซปเหวอไปเลยทีเดียว
“ชะ... ใช่!! ฉันนี่แหละ รับนี่ไปซะ! กระสุนเพลิงสามนัด!!” อุซปยิงกระสุนเข้าใส่ชาเมล แต่หมอนั่นก็เบียดตัวหลบวิถีกระสุนได้อย่างสวยงาม จนตัวเข้าไปประชิดกับอุซปซะแล้ว!
“อะ... อะ” อุซปตกใจจนพูดไม่ออก ผมที่ยืนดูสถานการณ์มามากแล้วทนไม่ไหว
“ช๊อปเปอร์ ดูแลโรบิน แฟรงกี้ด้วยนะ!! ส่วนนาย ชาเมล!!” เมื่อผมตะโกนออกไปอย่างนั้น ชาเมลที่ทำท่าจะเล่นงานอุซปหยุดชะงัก ก่อนจะหันหน้ามามองผมอย่างช้าๆ
“อะไร... ของแก?” ชาเมล
“ฉันคือผู้ต่อสู้ของแก... อย่าไปยุ่งกับคนอื่นนะ!!” ผม
“ยุ่งแล้วจะทำไม” ชาเมลฉีกยิ้มแล้วหันไปอัดแรงดันเข้าใส่ตรงหัวใจของอุซปทันที!
“อุซป!!!!” ผม
ปึง!!
ร่างของอุซปล้มลองกองที่พื้น ผมที่ตกตะลึงกับการกระทำของชาเมลนั้นยังคงยืนนิ่งไม่หาย... หมอนี่... หมอนี่...
“แก!!!!” ผมตะโกนออกมาอย่างเหลืออด ตอนนี้ผมกำลังหงุดหงิดมากๆ ขอตันหน้าแกเลยละกัน ชาเมล!!!
“โกมุ โกมุ โน เจ็ต บาซูก้า!!!”
“เฮ้อ...” ชาเมลถอนหายใจ แล้วเบียดตัวหลบ อะไรกัน หมอนี่!!!
“ก็บอกแล้วไง ว่าน่าเบื่อ...” ชาเมลจ่อมือมาที่แขนของผมที่พุ่งไป หมอนั้นอัดแรงดันเข้าไปที่แบนของผมจนต้องกระเด็นตาม
“อ๊าก!!” ผมร้องอย่างเจ็บปวด อะไรกัน!! ทำไมมันถึงเจ็บแบบนี้! ผมที่เป็นยางไม่น่าจะเจ็บได้ขนาดนี้นี่หน่า!!
ชาเมลเดินตรงมาทางผม แต่ก็ถูกสกัดไว้โดยบรู๊คคุง
“บรู๊คคุง!!” ผม
“ไม่ต้องหรอกครับคุณลูฟี่ ผมจะรั้งมันไว้เอง!” บรู๊คคุง
“โครงกระดูกเดินได้นี่หน่า...” ชาเมล
“คุณทำให้ทุกคนต้องบาดเจ็บ ผมคงให้อภัยคุณไม่ได้หรอกนะครับ!!” บรู๊คคุง
“หึ อะไรของนาย” ชาเมล
“เอาเลยนะครับ!!” บรู๊คคุงพุ่งตัวเข้าหาชาเมล เขาชักดาบออกมา แล้วพุ่งตัวเข้าแทงชาเมล แต่หมอนั่นก็เบียดตัวหลบอย่างสวมงาม ก่อนจะหันหลังมาเตะเข้าที่กลางหลังของบรู๊คจนกระเด็น!!
ผัวะ!!!
“บรู๊คคุง!!!!” ผม
“ฉันจะทำให้แกไปเกิดใหม่เอง เจ้ากระดูก...” ชาเมลพุ่งตัวเข้าไปหาบรีค จ่อมือเข้าไปที่กลางหน้ากากของบรู๊ค... พอ... พอ... พอซักที!!!
“หยุดเดี๋ยวนี้!!!!” พูดตะโกนออกไปอย่างดังกังวาน
เพราะการตะโกนนั้นทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่นิ่งและช็อกกันไปเลย โซโลกับซันจิที่สู้อยู่ก็นิ่งเงียบ ชาเมลและคาเซคิก็เช่นเดียวหัน ทั้งหมดหันมามองทางผมอย่างตกตะลึง
“บ้าน่า... ฮาคิ...” คาเซคิพูดอย่างตกตะลึงไม่หาย แต่ผมตอนนี้ที่อารมณ์เสียสุดๆ เพราะอาการบาดเจ็บของพวกพ้อง ทำให้กระโจนเข้าใส่ชาเมลอย่างเหลืออด ชาเมลเองที่ตอนแรกยังคงตกตะลึง แต่ตอนนี้ได้สติแล้ว แต่ก็ไม่สามารถหลบหมัดของผมทัน
“โกมุ โกมุ โน เจ็ต ไรฟุรุ!!!”
ผัวะ!!!!
“แกต้องชดใช้... ที่ทำกับทุกคน!!!” ผม
[จบบันทึกพิเศษ ; ลูฟี่]
ฉันที่เริ่มได้สติจากการพักผ่อน เริ่มตื่นขึ้น ความรู้สึกเหนื่อยนั้นหายไปแล้ว เฮ้อ...
“แกต้องชดใช้... กับสิ่งที่ทำกับทุกคน!!!”
เสียงของลูฟี่เข้ามาในหูของฉันเป็นเสียงแรก ฉันรีบหันหน้าไปมองดูสถานการณ์ในทันที... โซโลกับซันจิที่สู้กับคาเซคิอยู่ และลูฟี่ที่ดูเหมือนกำลังสู้กับชาเมล และ... ทุกคน!!!
“อะไรกัน!”
ฉันร้องอย่างตกใจ เพราะทั้ง โรบิน บรู๊ค แฟรงกี้ อุซป ทุกคนนอนนิ่งอยู่กับพื้น โดยปีช๊อปเปอร์รีบปฐมพยาบาลทุกคนอย่างเหน็ดเหนื่อย ฉันที่เห็นอย่างนั้น รีบวิ่งเข้าไปหาช๊อปเปอร์ในทันที
“ช๊อปเปอร์!!” ฉัน
“นามิ! แย่แล้ว โรบิน! หัวใจของโรบินเต้นเบาลงไปเรื่อยๆ แล้ว!!” ช๊อปเปอร์
“ว่าไงนะ!! เกิดอะไรขึ้น!!” ฉัน
“ชาเมล... หมอนั่นทำอะไรก็ไม่รู้ จู่ๆ โรบินก็ล้มลงไปนอนเลยน่ะสิ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติ แล้วอาการก็แย่ลงทุกทีๆ ด้วย!!” ช๊อปเปอร์
มันคงเป็นเพราะพลังของผลปีศาจสินะ... พลังในการหยุดการเติบโตของสิ่งมีชีวิต!!!
“แล้วคนอื่นๆ อีก... ฉันไม่รู้จะรักษาใครดี ทุกคนอาการหนักเหมือนกันหมด!” ช๊อปเปอร์พูดด้วยเสียงสั่นๆ เหมือนเขากำลังจะร้องไห้ ฉันที่เห็นอย่างนั้น จึงรีบวิ่งไปลากตัวบรู๊ค อุซป และทุกคนที่อยู่ไกลมือของช๊อปเปอร์มาให้เขาทันที
“ไม่ต้องห่วงนะช๊อปเปอร์ โรบินเดี๋ยวฉันจะดูไว้เอง นายไปรักษาคนอื่นต่อเถอะ” ฉัน
“...อะ... อื้ม!” ช๊อปเปอร์วิ่งไปรักษาคนอื่นๆ ต่อ ฉันที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดีเหมือนกัน นั่งกระสับกระส่าย จะทำยังไงดี... คงต้องปั้มหัวใจก่อนล่ะนะ อย่างน้อยเผื่อมันจะได้ผล!
ฉันกดมือลงไปที่หัวของโรบิน ซ้ำแล้วซ้ำแล้ว แล้วก็ตรวจชีพจรอีก แต่เหมือนมันจะไม่ทำให้ดีขึ้นเท่าไหร่... จะทำยังไงดี!!
“โกมุ โกมุ โน เจ็ต วิป!!!” ลูฟี่ที่ยังคงต่อสู้กับชาเมลอยู่ต่อไป พยายามที่จะทั้งเตะทั้งต่อยตัวของชาเมล แต่หมอนั่นก็หลบได้ตลอด จนลูฟี่เริ่มจะอารมณ์เสียมากขึ้นๆ ทุกที
ผัวะ!!!
หมัดของชาเมลพุ่งตรงไปที่หน้าของลูฟี่เต็มๆ ลูฟี่ที่โดนแรงหมัดนั้นกระเด็นไปติดกับกำแพง ฉันที่ทนดูไม่ได้ รีบหันหน้าไปมองทางซันจิและโซโลทันที
โซโลที่พุ่งตัวเข้าไปฟันคาเซคิ แต่ก็ถูกหมอนั่นสกัดวิถีดาบได้ด้วยแรงดันในมือ และซันจิที่พยายามจะเตะก็ถูกแรงดันจากมืออีกข้างของคาเซคิ หยุดไว้เช่นเดียวกัน ก่อนที่เขาทั้งสองคนจะทนแรงดันของคาเซคิไม่ไหว ทำให้กระเด็นไปกระแทกกับกำแพงคนละทิศละทาง อะไรกัน... เหมือนเรากำลังจะแพ้เข้าไปทุกทีๆ คนพวกนี้แข็งแกร่งเกินไปอย่างนั้นหรอ!!
ผัวะ!!!
โครม!!!
ฉันรีบหันไปมองตามต้นเสียงทันที ลูฟี่ที่ถูกชาเมลซัดกระเด็นไปติดกับกำแพง แล้วก็ถูกซ้ำตัวแรงดันอากาศอีก เขาตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ลูฟี่ที่สติเริ่มเรือนราง ถูกชาเมลดึงตัวขึ้นเหนืออากาศ แล้วอัดแรงดันเข้าไปที่หน้าของลูฟี่เต็มๆ!!
ผัวะ!!!
ทางด้านของซันจิและโซโลก็เช่นเดียวกัน ทั้งคู่ถูกซัดลงไปนอนกับพื้น คาเซคิที่มีสภาพบาดเจ็บไม่ต่างจากสองคนนี้เช่นเดียวกัน เดินเข้าไปหาโซโลและซัน พร้อมทั้งเหยียบที่อกของเขาทั้งคนด้วยเท้าทั้งสองข้าง ก่อนจะใช้มือด้านซ้ายจ่อไปที่หน้าของโซโล และมือด้านขวาจ่อไปที่หน้าของซันจิ
“จบ... ซะที...” ชาเมลและคาเซคิประสานเสียง ชาเมลที่ดึงคอเสื้อของลูฟี่ไว้อยู่ เอามือจ่อไปตรงหัวใจของลูฟี่ ไม่นะ... อย่านะ ถ้าทำแบบนั้นล่ะก็...
“หยุดนะ!!!!”
“ตายซะ” ชาเมล/คาเซคิ
ปุ้ง!!!!!
“โซโล... ซันจิ... ลูฟี่!!!!!!” ฉัน
ความคิดเห็น