คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [ตอนที่7] :: การช่วยนามิล้มเหลวและความลับของราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่
ตอนที่7
การช่วยนามิล้มเหลวและความลับของราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่
“ละ... ลูฟี่...” ฉันยังคงช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น... ลูฟี่ที่หล่นลงจากปราสาทไปแล้วด้วยน้ำมือของคาเซคิ ฉันที่ใช้กระบองคุริมาไม่ทัน น้ำตาของฉันอยู่ๆ ก็ไหลออกมาไม่หยุด ไม่รู้ว่าเพราะโกรธมากหรือเพราะเสียใจกันแน่
“คงตายแล้วเนอะ” คาเซคิมองลงไปข้างล่างปราสาทที่ลูฟี่หล่นลงไป
“ไม่รู้สิ” ชาเมล
“คงไม่รอดแล้วแหละ ไม่ขยับเลย... ดีแล้ว สวะก็ตายอย่างสวะนั่นแหละ” คาเซคิหันหน้ามามองทางชาเมลแล้วแลบลิ้นเหมือนจะพูดว่า ก็ช่วยไม่ได้นี่หน่า ก่อนจะหันหน้ามามองฉันที่ทรุดตัวนั่งนิ่งน้ำตาไหลไม่หยุด
“อ้าว มายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยเธอ” คาเซคิ
“...” ฉันนิ่งไม่ตอบ มือที่กำกระบองคุริมาแน่นอย่างโกรธสุดๆ
“ไอ้กระบองนั่นอีกแล้ว =O=~” คาเซคิ
“แก...” ฉัน
“หา?” คาเซคิมองหน้าฉันอย่างงงๆ
“ทำกับลูฟี่ได้นะ ตายซะเถอะ สวิง...!!” ฉันที่กำลังจะใช้พลังไฟฟ้าช็อดเข้าที่ตัวของนายคาเซคิให้ตายไปเลย! กลับถูกนายชาเมลที่ยืนอยู่ข้างหลังวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงใช้มือปัดกระบองของฉันกระเด็นไปอีกทาง ฉันที่ไม่มีกระบองอยู่ในมือแล้วพุ่งตัวเข้าไปหาคาเซคิ อย่างน้อย! แค่อย่างน้อย! ขอแค่ได้ชกนายสักครั้งเถอะ!!
“เฮ้ยๆ เธอจะทำอะไรน่ะ!” คาเซคิเหวอกับการที่ฉันวิ่งเข้าไปจะชกหน้าเขา เขาจับที่ข้อมือของฉันไว้ทั้งสองข้าง ฉันที่ต่อยเขาไม่ได้ก็พยายามที่จะเตะ แต่นายคาเซคิก็กระโดดหนีไปอีกครั้ง
“ยัยนี่คลั่งอะไรเนี่ย!” คาเซคิ
“นาย... นายทำแบบนั้นกับลูฟี่ได้ยังไง!!” ฉันวิ่งเข้าไปหาคาเซคิอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับถูกนายชาเมลล็อคแขนเอาไว้
“ทำให้ยัยนี่หยุดคลั่งทีเหอะ” ชาเมล
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง -___-” คาเซคิทำหน้างง
“ก็ ทำอย่างที่นายเคยทำก่อนหน้านี้ -O-” ชาเมล
“เหวอ ไม่เอาด้วยหรอก ฉันไม่ชอบทำร้ายผู้หญิง นายก็ทำเองสิ =O=” คาเซคิโบกมือปฏิเสธ
“อะไรกัน ฉันก็ไม่ชอบทำร้ายผู้หญิง ฉันเป็นกษัตริย์นะ ทำตามคำสั่งกษัตริย์หน่อยสิ =O=!” ชาเมล
“ฉันก็เป็นน้องชายกษัตริย์นะ ไม่ทำหรอก -___-” คาเซคิ
“งั้นก็... เอายัยนี่ไปที่ห้องกลาง แล้วล็อคเอาไว้อีกแล้วกัน เดี๋ยวก็หายบ้าเองแหละ โอ๊ย!!” ชาเมลร้องเสียงหลง เมื่อฉันกระแทกส้นเท้าเข้าที่เท้าเขาเต็มๆ เมื่อได้จังหวะ ฉันจึงรีบวิ่งหนีออกจากห้องนั้นทันที
“เฮ้ๆๆ เดี๋ยวก่อนสิ!” แต่ก็ดันโดนนายคาเซคิจับตัวเอาไว้อีกครั้ง หมอนั่นลากฉันออกจากห้องเดิม แล้วพาไปที่ไหนซักแห่ง มันเป็นห้องโล่งๆ ธรรมดาๆ ห้องหนึ่ง ที่ไม่มีทั้งหน้าต่างและประตูอื่น นอกจากประตูทางเข้า
“เธออยู่ในนี้ไปก่อนแล้วกัน แล้วหยุดบ้าเร็วๆ ด้วยล่ะ!” คาเซคิโยนฉันเข้าไปไว้ในห้องแล้วปิดประตูทันที ฉันรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ประตูแต่ประตูนั้นก็กลับล็อคแล้ว บ้าเอ๊ย!!
กระบองคุริมาก็ไม่มี แล้วก็ลูฟี่... เพราะลูฟี่มาช่วยเราแท้ๆ
ฉันทรุดตัวลงนั่งเอาหลังชนกับประตูนั่งชันเข่าแล้วก้มหน้าลงร้องไห้... ฉันไม่ได้อยากร้องไห้หรอกนะ แต่สำหรับ... คนที่เราควรจะช่วยได้ แต่มันช่วยไม่ทัน แล้วไหนจะเป็นคนสำคัญอีกด้วย มัน... ทรมานเป็นบ้า
[บันทึกพิเศษ ; ซันจิ]
ความรู้สึกหนักอึ้งเกิดขึ้นรอบตัวเมื่อผมเริ่มได้สติ อะไรเนี่ย หนักเป็นบ้า เมื่อผมลืมตาขึ้นมาก็เจอแต่ความมืดที่มีแสงสว่างเล็ดลอดออกมาเพียงเล็กน้อย ผมขยับตัวพยายามลุกขึ้นแต่ก็ต้องเจ็บแปล๊บที่หน้าท้อง โอ๊ยๆๆ เจ็บจัง อะไรเนี่ย...
จริงสิ... ผมโดนเจ้าบ้าชาเมลนั่นเล่นงานนี่หน่า แล้วคุณนามิล่ะ! คุณนามิยังสบายดีอยู่หรือป่าวนะ!! ลูฟี่ล่ะ... ใช่! แล้วลูฟี่จัดการไอ้บ้านั่นได้รึยังนะ!
ครืนนน...
ผมยันตัวลุกขึ้นจากเศษอิฐ เศษปูน เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองบนปราสาท... ทำไมมันเละอย่างงี้วะ =[]=!!
เกิดอะไรขึ้นตอนที่ผมสลบไปเนี่ย! เมื่อผมลุกขึ้นยืน ผมเดินอย่างยากลำบากเพื่อที่จะขึ้นไปดูว่า บนปราสาทนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเดินไปได้ไม่มากเท่าไหร่ ก็เจอพวกทหารซะแล้ว บ้าเอ๊ย!
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ผู้บุกรุก!!”
หยุดก็โง่สิ! เผ่นล่ะ!
วิ่งได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุด เจ็บท้องชะมัด! วิ่งแทบไม่ได้เลย!
“ตายซะเถอะแก!!” ทหารคนหนึ่งกระโดดมาพร้อมหอกในมือ ผมหันหลังไปเตะมันกระเด็นทันที
อั่ก!!
เมื่อเตะมันไปแล้วก็ต้องชะงัก เลือด... เลือดกระอักออกมาจากปากของผม เราคงไม่ไหวจริงๆ แฮะ แล้วไหนจะพวกทหารที่มากตรงหน้าอีก ทำยังไงดีเนี่ย เราจะมาจบลงแค่นี้หรอ!
“อาร์มพอยน์ต!!”
พลัก!!
“อ๊ากก!” เสียงของทหารแถวข้างหลังดังมาแต่ไกล ผมรีบหันหน้าไปมองทันที... เสียงนั้นมัน...
“อ๊ากๆๆๆ!”
“ช๊อปเปอร์!!” ผม
“อ้าว ซันจิ! อยู่ที่นี่ด้วยหรอ!” ช๊อปเปอร์
“อืม...” ผม
“อะไรกัน ไปทำอะไรมาน่ะซันจิ สภาพนี้มัน!!” ช๊อปเปอร์มองมาทางผมอย่างทึ่งๆ ผมได้แต่ฉีกยิ้มแล้วทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เลือดที่กระอักออกมาทางปากกระอักออกมาอีกครั้ง ให้ตายเหอะ...
“ไม่เป็นไรนะซันจิ ฉันจะรักษานายเดี๋ยวนี้แหละ!” ช๊อปเปอร์วิ่งมาดูอาการของผม ก่อนที่จะวิ่งไปจัดการพวกทหารพวกนั้นจนหมด
“นายไปโดนอะไรมาเนี่ยซันจิ!” ช๊อปเปอร์
“เจ้านั่น... ชาเมล” ผม
“ชาเมล... ราชาของอาณาจักรนี้น่ะหรอ!!” ช๊อปเปอร์
“!!” ผมอึ้งไป นั่นสินะ ชาเมลชื่อของกษัตริย์ของอาณาจักรนี้นี่หน่า กษัตริย์ของเมืองนี้... ดูหนุ่มจังนะ
“ใช่” ผม
“นิ่งๆ นะซันจิ” ช๊อปเปอร์เริ่มรักษาผม
ผมที่นอนนิ่งอยู่กับหญ้าสีเทามีช๊อปเปอร์คอยปฐมพยาบาลอยู่ ในใจของผมเริ่มกระวนกระวาย มันไม่มีเสียงการต่อสู้แล้ว แปลว่าการต่อสู้จบแล้วงั้นสิ? แล้วใครเป็นคนชนะล่ะ? ลูฟี่งั้นหรอ? ถ้าเป็นลูฟี่... จริงๆ แล้วหมอนั่นน่าจะมาหาผมสิ ถ้าเป็นลูฟี่ชนะจริงๆ หรือมันอาจจะตรงกันข้ามกันด้วยซ้ำ... ถ้าลูฟี่แพ้ล่ะ?
ถ้าหมอนั่นแพ้ แล้วคุณนามิล่ะ!?
“เป็นอะไรไปซันจิ” ช๊อปเปอร์เหมือนจะจับสังเกตผมได้ถามขึ้น
“ลูฟี่น่ะสิ” ผม
“ลูฟี่! เขาทำไมหรอ!?” ช๊อปเปอร์
“หมอนั่นก็ต่อสู้เหมือนกัน หมอนั่นสู้กับคาเซคิ” ผม
“งั้นก็แปลว่า คาเซคิกลับมาที่ปราสาทจริงๆ สินะ!” ช๊อปเปอร์
“ใช่...” ผม
“ไม่เห็นเหมือนมีการต่อสู้เลยนะ!” ช๊อปเปอร์
“ใช่ ฉันก็คิดอย่างนั้น มันไม่มีเสียงการต่อสู้มานานแล้ว ฉันไม่รู้ว่าลูฟี่จะเป็นยังไงบ้าง” ผม
“!! งั้นต้องรีบตามหาลูฟี่สินะ!” ช๊อปเปอร์ลุกขึ้นยืน
“ใช่ เดี๋ยวฉันช่วยด้วย อะ!” ผม
“นายนอนนิ่งๆ เถอะซันจิ... แต่คงทิ้งนายไว้นี่ไม่ได้ ถ้าทหารมาเจอตัวนายแล้วจะแย่เอา” ช๊อปเปอร์
“ไม่เป็นไร ฉันพอเดินไหว” ผมพูดพร้อมพยุงตัวขึ้นนั่ง
“ซันจิ! นอนลงเถอะ เดี๋ยวร่างกายนายจะไม่ไหวเอานะ!” ช๊อปเปอร์
“ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่เดินคงไม่เป็นไรหรอก อีกอย่าง ที่สำคัญมากกว่าคือตัวลูฟี่ไม่ใช่หรอ หมอนั่นน่ะ ทั้งจะต้องสู้กับคาเซคิ แล้วก็ต้องปกป้องคุณนามิอีก...” ผม
“...” ช๊อปเปอร์เงียบไปนานเพื่อคุมคิด ก่อนจะพยักหน้าแล้วช่วยพยุงตัวผมให้ลุกขึ้น
“รีบตามหาลูฟี่กันเถอะ” ผม
“อื้ม!” ช๊อปเปอร์วิ่งนำผมไปเล็กน้อย ผมค่อยๆ พยุงตัวเดินตามไปช้าๆ เมื่อเดินไปได้ไม่นาน ช๊อปเปอร์ก็หยุดชะงัก
“ทำไมหรอช๊อปเปอร์” ผม
“ซะ... โซโลนี่!” ช๊อปเปอร์
“หา?” ผมอุทานอย่างงงๆ ช๊อปเปอร์พุ่งตัวเข้าไปหาโซโลที่นอนอยู่ทันที อะไรเนี่ย! ทำไมหมอนั่นถึงมีสภาพแบบนี้ เกิดอะไรขึ้น! หรือว่าหมอนี่จะไปช่วยตอนลูฟี่สู้กันนะ? สภาพแบบนี้... หรือว่า!
“โซโล!” ช๊อปเปอร์วิ่งไปดูอาการของโซโล ผมค่อยๆ เดินตามไป โซโลที่นอนไม่ได้สติอยู่ที่พื้น ช๊อปเปอร์ดูช็อกกับอาการของโซโลมาก เขารีบดึงเครื่องปฐมพยาบาลขึ้นมา แล้วรีบรักษาโซโลทันที
“อะไรกัน ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้...” ช๊อปเปอร์
“ไม่รู้...” ผม
โซโลที่นอนอยู่ เสื้อผ้าฉีกขาด เสื้อที่ขาดเป็นลอยโบ๋ตรงท้อง หรือว่า... เจ้าชาเมลงั้นหรอ? หรือว่าเจ้า คาเซคิ?
“เขาอาการหนักมากเลย!” ช๊อปเปอร์
“นายรักษาเขาไปนะ ฉันจะลองไปตามหาลูฟี่ดู” ผม
“แต่ถ้าทหาร...!” ช๊อปเปอร์
“ไม่เป็นไรหรอกน่า” ผมฉีกยิ้มน้อยๆ แล้วเดินตามกำแพงของปราสาทไป สภาพของพวกทหารที่นอนระเนระนาดเต็มพื้นไปหมด ไหนจะเศษอิฐที่หล่นลงมาจากการต่อสู้ของพวกผมกับคาเซคิ... ความเสียหายมีเยอะเหมือนกันนะเนี่ย
กึก!
เท้าของผมไปติดกับอิฐก้อนใหญ่ที่หล่นอยู่ ทำไมอิฐพวกนี้ทำกองเป็นภูเขางี้นะ... หรือว่า!
ผมรีบวิ่งไปดึงพวกอิฐก้อนใหญ่ออกทันทีเมื่อคิดได้ ใช่หรือป่าวนะ! ขอให้คิดผิดด้วยเถอะ!
กึก!
มือของผมไปสัมผัสเข้าที่ตัวของใครบางคน เมื่อเอาอิฐออกมากขึ้นๆ...
“ลูฟี่!!” ผมร้องอย่างตกใจ
ลูฟี่ที่ตัวอาบไปด้วยเลือด นอนไม่ได้สติอยู่กับพื้น หมอนี่! แพ้อย่างนั้นหรอ! เป็นไปไม่ได้!
“ลูฟี่! ลูฟี่!” ผมเขย่าตัวของลูฟี่ แต่มันก็ไม่ได้ผล ลูฟี่ไม่ได้สติ ผมจึงตัดสินใจ ดึงหมอนั่นขึ้นมา แล้วแบกร่างของหมอนั่นไปหาช๊อปเปอร์ แต่เพราะร่างกายไม่เอื้อ มันเลยลำบากนิดหน่อย แต่ยังไงก็ต้องเอาหมอนี่ไปให้ถึงมือของช๊อปเปอร์ให้ได้
อย่าพึ่งเป็นอะไรมากนะ ลูฟี่!
[จบบันทึกพิเศษ ; ซันจิ]
ฉันที่ตอนนี้เริ่มได้สติขึ้นมาบ้างแล้ว พยายามหาทางหนีออกจากห้องนี้ทันที แต่จะออกก็ออกไม่ได้ ห้องนี้ไม่มีแม้แต่หน้าต่างด้วยซ้ำ! จะทำยังไงดีเนี่ย!
“เฮ้! ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยฉันสิ!” ฉันทุบประตูอยู่นาน แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ เจ้าสองคนนั้นหายไปไหนเนี่ย! มาเปิดประตูให้ฉันก่อน!
แล้วลูฟี่ล่ะ เขาคงไม่ตายใช่มั้ย... พูดอะไรโง่ๆ นะเรา เขาไม่มีทางตายหรอก!
“เฮ้! นายคาเซคิ นายชาเมล! ใครก็ได้! เปิดประตูให้ฉันหน่อย!!” ฉันยังคงทุบประตูต่อไป
“เลิกบ้าแล้วแน่เรอะ”
เอ๊ะ... นั่นมัน... เสียงของนายคาเซคินี่หน่า หมอนั่นมาแล้ว!
“ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ!!” ฉัน
“เลิกบ้าหรือยังล่ะ” คาเซคิ
“บ้าอะไรของนาย! ฉันไม่ได้บ้านะ! ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้เลย!” ฉัน
แอ๊ด...
คาเซคิแง้มประตูออกมามองหน้าฉันเล็กน้อย เมื่อฉันเห็นแบบนั้นฉันจึงรีบดึงประตูออกเพื่อหนีทันที แต่นายคาเซคิแรงเยอะกว่า! เขารีบดึงประตูขึ้นปิดอีกครั้ง
“นายคาเซคิ! เจ้าบ้า! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!!” ฉัน
“เธอยังไม่หายบ้าเลยนี่ ถ้าฉันปล่อยเธอออกมา เธอก็ฆ่าฉันสิ!” คาเซคิ
“ฉันไม่ฆ่านายหรอกน่า!” ฉัน
“ใครจะเชื่อเธอกัน” คาเซคิ
“นายไงต้องเชื่อฉัน ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้!” ฉันดึงประตู
“ไม่มีทาง” คาเซคิ
หน๊อย... ทำไมไม่ปล่อยฉันซักที จะเอายังไงดีนะ?
“ถ้านายไม่เปิดประตู ฉันจะกัดลิ้นตายอยู่นี่แหละ!!” ฉันตะโกนขึ้นท้าทายนายคาเซคิ หมอนั่นเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะตะโกนตอบ
“ฉันไม่เชื่อว่าเธอกล้าทำหรอก” คาเซคิ
“แล้วแต่นาย ฉันไม่ยอมอยู่ในห้องนี้ตลอดชาติหรอก ฉันจะกัดลิ้นตายเดี๋ยวนี้แหละ อ๋า!!” ฉันอ้าปากเตรียมตัวกัดลิ้นตัวเอง จริงๆ ก็ไม่คิดจะกัดหรอกนะ น่ากลัว -___-
“...”
เงียบ... ทำไมหมอนั่นไม่เชื่อฉันเนี่ย!! ขนาดบอกว่าจะกัดลิ้นยังไม่เชื่อเลยงั้นหรอ หมอนั่นไม่ยอมเปิดประตูเลย!! โอยย อะไรมันจะรู้ใจฉันขนาดนั้น เชื่อในสิ่งที่ฉันโกหกหน่อยก็ได้นะ =[]=!!!
อ๊ะ งั้นก็คงต้อง...
ปึง!!
“ทำอะไรน่ะยัยบ้า” คาเซคิ
“...”
“เฮ้ ยังอยู่ไหม!” คาเซคิ
“...”
“ฉันไม่เชื่อว่าเธอกัดลิ้นตายหรอกนะ อย่ามาหลอกซะให้ยาก!” คาเซคิ
“...”
“...โถ่เว้ย!”
แอ๊ด...
ผัวะ!!!
เมื่อประตูเปิดออก ฉันก็กระโดดเตะเท้าที่ท้องของนายคาเซคิเต็มเหนี่ยว สุดท้ายก็เชื่อฉันสินะ เจ้าบ้า!! ฮะฮ่า!
คาเซคินอนดิ้นไปดิ้นมาอยู่ที่พื้น ฉันถือโอกาสแล้ววิ่งหนีทันที ต้องออกจากปราสาทนี่!
“เฮ้! หยุดนะยัยบ้า!” คาเซคิตะโกนไล่ลังมา ไม่หยุดหรอก เฮอะ -__-!!
“นั่น! ผู้บุกรุก!”
“ว้าย =[]=!!” ฉันร้องเสียงหลง อ๊ากกก พวกทหารร! พวกทหารมากมายยืนอยู่ไม่ไกล หนึ่งในนั้นชี้มาทางฉันแล้วตะโกนเรียกร้องความสนใจ ไม่ต้องก็ได้นะนาย! ฉันหักเลี้ยววิ่งหนีต่อไป ทางไหนไม่รู้แหละ! ปราสาทนี้ใหญ่จะตาย มั่วทางไป เดี๋ยวก็ออกจากปราสาทได้เองแหละ!!
หมับ!
“จะไปไหน” ใครที่ไหนก็ไม่รู้ใส่หน้ากากปิดทั้งหน้าคว้าต้นแขนของฉันเอาไว้ ใครน่ะ! ฉันง้างมือเตรียมจะตบชายคนนั้น แต่ก็ถูกรั้งมือเอาไว้ทัน หมอนี่!!... ผมสีแดง... เสียงนั้นด้วย!... ชาเมลงั้นหรอ!!
“อ๊ะ! ราชา!” ทหารที่วิ่งเข้ามาหาฉัน หยุดชะงักเมื่อเห็นชาเมลยืนอยู่ ทหารทุกคนก้มหัวทำความเคารพนายชาเมลทันที
“ขอประทานโทษครับ! ผู้บุกรุกนั่น...”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ชาเมล
“แต่พระองค์...”
“นี่คือคำสั่ง ไปไหนก็ไป!” ชาเมลขึ้นเสียง
“คะ... ครับ!!” ทหารทุกคนหันหลังวิ่งหนีไป ชาเมลที่สวมหน้ากากหันหน้ามามองฉัน
“เธอนี่มันดื้อด้านจริงๆ แล้วคาเซคิล่ะ” ชาเมล
“โอ๊ยยย~” เสียงของนายคาเซคิดังขึ้นจากข้างหลัง หมอนั่นวิ่งมาตอนไหนเนี่ย! แล้วไอ้สองพี่น้องคู่นี้มันมีกี่ร่างกัน! ฉันวิ่งไปไหนก็เจอตลอด จะหนีได้มั้ยเนี่ย!!
“ใส่หน้ากากซะคาเซคิ ทหารเดินกันเต็มปราสาท” ชาเมลพูดพร้อมโยนหน้ากากที่อยู่ในมือให้คาเซคิไป คาเซคิรับหน้ากากนั้นไว้ ทำหน้าเบื่อหน่ายกับมันก่อนจะสวมลงไป
“ยัยนี่! หนีออกมาตลอดเลย ตามจับตลอด น่าเบื่อชะมัด!!” คาเซคิพูดพร้อมชี้หน้าฉัน
อะไร? ก็ฉันไม่ชอบอยู่ในที่แบบนี้หนิ ถ้าไม่อยากให้ฉันหนี ก็ปล่อยฉันไปสิ -__-
“เอาเถอะ เดี๋ยวพอถึงเวลา นายก็ไม่ต้องตามจับแล้ว” ชาเมล
“...จะเอายัยนี่จริงๆ หรอ ไม่ดีม้าง เราน่าจะหาคนอื่น...” คาเซคิ
“นายแปลกๆ ไปนะคาเซคิ ทุกทีนายไม่เคยปล่อยเหยื่อให้หลุดไปไหนได้ แต่ต่างกับยัยนี่ ยัยนี่หนีนายมาได้ตลอดเลยนายสังเกตบ้างรึป่าว นายอย่าไขว้เขวนะคาเซคิ”
จบประโยคของชาเมลแค่นั้น นายคาเซคอเหมือนจะนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ
“ฉันไม่เป็นอย่างที่นายคิดอยู่แล้วน่า...” คาเซคิ
“ขอให้จริงเหอะ เพราะถึงจะเป็นพี่น้อง ถ้าคิดจะหักหลัง ฉันก็ไม่ปล่อยไว้หรอกนะ” ชาเมล
ถึงชาเมลจะสวมหน้ากากปิดบังหน้าเอาไว้ แต่ฉันก็พอจะรู้ว่าสายตาของเขาเป็นยังไงตอนนี้ ฉันที่ถูกเขาจับตัวไว้ยังรู้สึกถึงรังศีอำมหิตนี่เลย... เป็นชายที่น่ากลัวจริงๆ
“เอายัยนี่ล็อคไว้กับตัวนาย ยัยนี่จะได้ไม่หนีไปไหนอีก” ชาเมลพูดพร้อมผลักฉันไปทางคาเซคิ
“หา? ทำไมล่ะ” คาเซคิ
“ฉันอยากพิสูจน์นายด้วย แล้วอย่าให้ยัยนี่หนีไปไหนได้อีกล่ะ” ชาเมล
“...” คาเซคินิ่งเงียบ เขามองหน้าพี่ชายของตัวเองเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“เข้าใจใช่มั้ยคาเซคิ” ชาเมล
“...อือ” คาเซคิตอบรับเบาๆ แล้วดึงกุญแจมือขึ้นมาล็อคข้อมือของฉันเอาไว้พร้อมกับเขา... ล็อคไว้กับเขาเนี่ยนะ =[]=!!!
“นายทำอะไรของนายเนี่ย!!” ฉันเหวอ พยายามจะวิ่งหนี แต่ข้อมือที่ถูกล็อคเอาไว้กับข้อมือของคาเซคินั่นทำให้ฉันเจ็บ
“อย่าดึงสิ มันเจ็บ” คาเซคิ
ถ้าเจ็บแล้วนายจะล็อคทำพระอะไร =[]=!!!
“เอากุญแจมาด้วย” ชาเมลยื่นมือมาตรงหน้าของคาเซคิ... หา? เอากุญแจให้นายชาเมลงั้นหรอ จะบ้าหรอ!! แล้วฉันจะหนียังไง๊ =[]=!!!
“...อะ” คาเซคิล้วงมือไปหยิบกุญแจแล้วส่งมันให้กับชาเมล
“ดีมาก จะทำอะไรก็ทำ เมื่อถึงเวลาค่อยเจอกัน” ชาเมลพูดเสร็จ ก็หันหลังเดินจากไปทันที ฉันที่ยืนอึ้งกับสภาพของตัวเองอยู่ยังไม่อยากเดินไปไหน... อะไรเนี่ย ฉันโดนล้ามไว้กับนายคาเซคิงั้นหรอ ม๊ายยยยยยย =[]=!!!
“งั้นเราก็ไปกันเถอะ” คาเซคิหันหน้ามามองฉัน
“ไปไหนของนาย ไม่ไป ฉันจะออกจากที่นี่!” ฉันพยายามดึงมือออกจากกุญแจมือ อ๊ากก! ทำไมมันแน่นอย่างนี้เนี่ย!
“เปล่าประโยชน์น่า เธอถอดมันไม่ได้หรอก นอกจากจะตัดมือของตัวเองเท่านั้นแหละ” คาเซคิ
“ว่าไงนะ =[]=!!” ฉัน
“ว่าอย่างที่ว่านั้นแหละ ไปได้แล้ว ฉันอึดอัดกับไอ้หน้ากากนี่จะตายแล้ว” คาเซคิเดินนำหน้าฉันไปไหนก็ไม่รู้ ตอนแรกฉันก็จะไม่เดินตามเขาหรอกนะ แต่เพราะไอ้กุญแจมือนี่เนี่ยแหละ ทำให้ฉันต้องเดินตามเขาไป!
“ถึงละ” คาเซคิ
“ถึงไหน =__=” ฉัน
“ห้องของฉัน” คาเซคิ
“ห้องของนาย!! เอาฉันมานี่ทำไม!!” ฉันร้องเสียงหลง คาเซคิไม่ฟังฉันอีกต่อไป เขาเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้อง แล้วก็ลากฉันเข้าไปด้วย อ๊ากกกกกกกกก!!!
เมื่อเดินเข้ามาในห้อง มันก็ไม่มีอะไรมาก นอกจาก เตียง โซฟา โต๊ะน้ำชา เตาผิง ตู้เสื้อผ้า กระจก คาเซคิถอดหน้ากากแล้วเอามันวางไว้กับโซฟาก่อนที่เขาจะนั่งลงที่โซฟา
“...” ฉันยืนทำหน้าบูด ไม่ขยับมองหน้าคาเซคิ หมอนั่นเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้ามามองฉันแล้วขมวดคิ้ว
“จะยืนอีกนานมั้ย นั่งสิ -___-” คาเซคิ
“ไม่ล่ะ -__-”ฉัน
“มีที่ให้นั่งสบายๆ ไม่ยอมนั่ง อยากยืน บ้าจริงนะเธอน่ะ” คาเซคิ
ฉันไม่มีทางนั่งได้หรอก ลูฟี่น่ะ...
“ลูฟี่...” ฉัน
“อะไร ฉันไม่ใช่หมอนั่นซะหน่อย” คาเซคิ
“ลูฟี่... จะเป็นยังไงบ้าง?” ฉัน
“จะไปรู้หรอ ตายแล้วมั้ง โดนฉันอัดไปซะขนาดนั้น” คาเซคิฉีกยิ้ม
“ทำไมนายถึงใช้แรงดันลมได้ นายกินผลปีศาจงั้นหรอ” ฉัน
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้กินน่ะ” คาเซคิ
“แล้วทำไมนายถึงใช้แรงอัดได้ ทำไมกัน” ฉัน
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกเธอหนิ” คาเซคิหันหน้าไปอีกทาง
ฉันยืนนิ่ง มองหน้าของคาเซคิไม่ละสายตา นานมากๆๆๆ เลยแหละ หมอนั่นไม่ยอมหันหน้ามามองฉัน สีหน้าของคาเซคิเปลี่ยนจากเฉยๆ เป็นเริ่มเหงื่อตก แล้วก็เริ่มเบ้ปากขมวดคิ้ว ตอนหลังสุดก็ทนแรงกดดันของฉันไม่ไหว หันหน้ามามองฉันอย่างเอาเรื่อง
“จ้องอะไรของเธอนักหนา!” คาเซคิ
“=___=” ฉัน
“ฉันถามว่าจ้องอะไร!” คาเซคิ
“รอนายให้คำตอบ -__-” ฉัน
“คำตอบอะไรของเธอ!” คาเซคิ
“ทำไมนายถึงใช้แรงอัดได้ -___-+” ฉัน
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่บอก!!” คาเซคิ
“บอกมาเถอะ” ฉันเริ่มทำหน้าจริงจัง คาเซคิชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกทางอย่างอารมณ์เสีย
“เพราะฉันคือเทพแห่งลม! บอกละ พอใจยัง!” คาเซคิ
“นายเนี่ยนะเทพแห่งลม?” ฉัน
“เออ!” คาเซคิ
แล้วจะขึ้นเสียงทำไมฟะ =[]=!!!
แต่... เทพแห่งลมเนี่ยนะ จะบ้าหรอ!! ทำไมหมอนี่ถึงเป็นเทพแห่งลมล่ะ!
“ทำไมนายถึงเป็นเทพแห่งลม =___=” ฉัน
“เพราะแม่ฉันเป็นเทพแห่งลม และพ่อฉันเป็นเทพแห่งลม” คาเซคิตอบอย่างกวนๆ อะไรของนายเนี่ย! เอาเถอะ ใจเย็นๆ เราต้องเจาะเอาความลับของหมอนี่ออกมาให้หมด แล้วถ้าหนีไปได้ ก็ต้องเอาไปบอกลูฟี่...
“แล้วทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” ฉันยังคงตั้งคำถามต่อไป คาเซคิหันหน้ามาแล้วขมวดคิ้วอีกครั้ง
“ก็พ่อและแม่ฉันอยู่ที่นี่ -___-” คาเซคิ
“อยู่ที่นี่!!?” ฉันร้องอย่างตกใจ
“เคยอยู่ที่นี่ -___-!!” คาเซคิ
“แล้วทำไมนายต้องมาอยู่ที่อาณาจักรสีเทาแห่งนี้ด้วย” ฉัน
“ก็ฉันเกิดที่นี่” คาเซคิ
ช่วยตอบอะไรที่มันมีสาระหน่อยได้มั้ย แล้วฉันจะถามเอาข้อมูลไปเพื่ออะไรถ้านายตอบมาแค่นี้น่ะ =[]=!!
“นายชอบสีเทางั้นหรอ” ฉัน
“...” คาเซคินิ่งเงียบไป เขาหันหน้ามามองฉัน ก่อนจะหลบสายตาไปทางอื่น อะไรกัน? สายตาเมื่อกี้... ทำไมมันดู... เศร้า...
“ว่าไง?” ฉันถามแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาตัวเดียวกับคาเซคิ เขาดูตกใจเล็กน้อยที่ฉันมานั่งโซฟาตัวเดียวกับเขา
“ไม่ได้ชอบหรอก” คาเซคิ
“แล้วทำไมไม่สร้างให้อาณาจักรแห่งนี้มีสีสันขึ้นล่ะ...” ฉันเขยิบเข้าไปใกล้คาเซคิมากยิ่งขึ้น หมอนั่นรีบเขยิบหนีทันที ก่อนจะตั้งการ์ดรับฉัน
“อย่าเข้ามาใกล้นะ ฉันเป็นเจ้าชาย ไม่อยากอยู่ใกล้พวกสามัญชน -__-” คาเซคิ
“=___= จ๊ะ พ่อคุณ” ฉันเขยิบออกห่างจากคาเซคิ
“ฉันจะไปสร้างได้ไง อาณาจักรนี้ไม่ใช่ของฉัน” คาเซคิ
“แต่มันก็เป้นของพี่นาย ถ้านายลองคุยกับพี่ชายนาย เขาก็อาจจะเปลี่ยนก็ได้นะ” ฉันลองพูดเกลี่ยกล่อม ก็พอรู้มาจากอากาเนะจังบ้างอะนะ ว่านายชาเมลอะไรนี่ชื่นชอบในสีเทา แต่ถ้าเป็นน้องชายเขาพูด เขาน่าจะเปลี่ยนมันได้ แล้วอาณาจักรแห่งนี้จะได้ดูมีสีสันมากยิ่งขึ้น เพราะที่ดูๆ มาแล้ว เหมือนอาณาจักรแห่งนี้... เหมือนกำลังจะอดตาย
“คุยไปก็เท่านั้นแหละ สำหรับหมอนั่นน่ะ” คาเซคิพูดพร้อมกำมือแน่น
“ทำไมล่ะ” ฉัน
“ทำไมฉันต้องบอกเธอ!!” คาเซคิขึ้นเสียงใส่ฉันอย่างหัวเสีย ฉันที่แอบตกใจกับอาการของเขาเหวอเล็กน้อย อยู่ๆ ก็ขึ้นเสียง ตกใจหมด =[]=!!
“ทำไมเมืองนี้มีแต่สีเทาล่ะ” ฉันยังคงไม่หยุดตั้งคำถาม คาเซคิที่ดูจะอารมณ์เสียมากหันหน้ามองมาทางฉันอย่างเอาเรื่อง
“เธอจะถามอะไรของเธอกันนักกันหนา! ฉันรำคาญนะ!!” คาเซคิ
“ฉันก็แค่อยากรู้เท่านั้นเอง...” ฉัน
“เธอไม่จำเป็นต้องรู้ เพราะอีกไม่นานเธอก็จะ...!!” คาเซคิเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่ก็หยุดชะงัก ก่อนที่จะสะบัดหน้าหนีฉันไป
“ฉันจะ?” ฉัน
“ไม่มีอะไรหรอก” คาเซคิพูดด้วยเสียงที่อ่อนลง
“ฉันจะทำไม!” ฉัน
“ไม่มีอะไรหรอกน่า... อาณาจักรนี้มีแต่สีเทา เพราะพี่ของฉันไงล่ะ” คาเซคิที่ตอนแรกจะไม่ตอบคำถามฉันกลับเปลี่ยนเรื่องแล้วมาตอบคำถามของฉันซะเฉยๆ อะไรกัน ฉันจะอะไร? มันต้องมีอะไรแน่ๆ...
“...” ฉันนิ่งเงียบคุมคิด ไม่ตั้งคำถามต่อซะจนคาเซคิที่นั่งอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ ต้องหันหน้ามามองฉัน
“ไม่ถามอะไรต่อแล้วหรือไง” คาเซคิ
“นายดูไม่อยากตอบฉันเท่าไหร่ ฉันก็ไม่อยากถามนายหรอก” ฉัน
คาเซคิเงียบไป เขากัดปากของตัวเองเบาๆ ก่อนจะเมินหน้าหนีไปซักพัก แล้วก็หันหน้ากลับมาหาฉันอีกครั้ง
“ถามๆ มาเถอะ ฉันไม่ได้ว่าอะไร” คาเซคิ
“ก็ไหนนายบอกว่ารำคาญไง” ฉันหันหน้าไปมองคาเซคิ หมอนั้นตกใจ แล้วก็เบ้ปาก
“จะถามอะไรก็รีบถาม!” คาเซคิ
“...” ฉันนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ยิ้มออกมา
“ยิ้มอะไรของเธอ” คาเซคิ
“ป่าว ไม่มีอะไรหรอก... แล้วเมื่อก่อน อาณาจักรนี้ก็เป็นสีเทาหรอ” ฉัน
“ป่าว เมื่อก่อนมันไม่ใช่แบบนี้” คาเซคิ
“หา?” ฉัน
“อย่างที่ได้ยินนั้นแหละ... ที่จริงมันไม่ใช่สีเทา เมื่อก่อนมันเต็มไปด้วยสีสัน” คาเซคิ
“แล้วทำไมมันถึงกลายมาเป็นสีเทาได้ล่ะ!” ฉัน
“พี่ชายของฉัน... เขากินผลปีศาจเข้าไป มันเป็นผลปีศาจที่จะทำให้ทุกอย่างกลายเป็นสีเทา และหยุดเจริญเติมโต” คาเซคิ
(ไม่รู้หรอกนะคะว่าผลปีศาจนี้มีอยู่จริงรึป่าว มันอาจจะซ้ำในเรื่องหรือป่าวก็ไม่รู้ หรืออาจจะยังไม่มี แต่ก็อยากจะให้เรื่องนี้มีผลปีศาจบ้าง ก็คือ ผลปีศาจชนิดนี้ เราเป็นคนคิดเองนะจ๊ะ : ไรท์เตอร์)
“ซึ่งมันก็ดีมากสำหรับพี่ที่ชอบสีเทา เมื่อพ่อกับแม่จากไป พี่ก็ต้องขึ้นปกครองอาณาจักร พี่เปลี่ยนทุกอย่างให้กลายเป็นสีเทาด้วยผลปีศาจและหยุดการเจริญเติมโตของตัวเองและฉัน” คาเซคิ
“หา? ไงนะ?” ฉันเหวอ
“อะไร -__-” คาเซคิ
“หยุดการเจริญเติบโตของนาย? ยังไง ไม่เข้าใจ” ฉัน
“ก็... พี่ไม่อยากสูญเสียอีกแล้ว หลังจากที่พ่อกับแม่จากไป พี่เขาก็เสียใจมาก จึงหยุดการเจริญเติบโตของฉันและตัวของพี่เอง” คาเซคิ
“=[]=... หยุดการเจริญเติบโต... งั้นนาย... ตอนนี้อายุเท่าไหร่เนี่ย =[]=!!” ฉัน
“ผมหรอ ตามร่างกายจะอายุ สิบเก้า แต่ถ้าเป็นความจริง อืม... กี่ร้อยปีแล้วหนอ...” คาเซคิทำหน้าคุมคิด
“ร้อยปี =[]=!!?” ฉันเหวออีกครั้ง
“อืม... ไม่รู้สิ ก็นานแล้วแหละ” คาเซคิพูดพร้อมหัวเราะ... หมอนี่มันบ้านี่หว่า =[]=!!
“งั้นเรื่องที่สีสันคือปีศาจล่ะ!” ฉัน
“ก็พี่ฉันไม่ชอบสีอื่นนอกจากสีเทา เลยสร้างเรื่องต่างๆ นาๆ ออกมาเป่าหูคนในหมู่บ้านมานานแล้วล่ะ ว่าสีสันคือปีศาจ...” คาเซคิ
“แต่สีผมของนายและพี่ของนาย... มันไม่ใช่สีเทาหนิ?” ฉัน
“ที่จริงน่ะ พี่ของฉันอยากจะเปลี่ยนสีผมเหมือนกัน แต่เพราะสีผมของพี่เป็นสีเดียวกับแม่ และนัยน์ตาเหมือนพ่อ ทำให้พี่ไม่อยากจะเปลี่ยนมันเหมือนกัน” คาเซคิ
“พวกนายทำแบบนี้น่ะ... รู้หรือป่าวว่าคนในอาณาจักรเป็นยังไงบ้าง อาหารดีๆ เขาไม่เคยมีกิน ใช้ชีวิตอย่างอดๆ อยากๆ พี่ของนายไม่เคยแยแสเลยงั้นหรอ” ฉัน
“พี่ของฉันตอนแรกก็ไม่รู้หรอก แต่ก็พึ่งมารู้เมื่อไม่นานมานี้ พี่เลยต้องออกจากอาณาจักรไปเพื่อหาเงินไงล่ะ” คาเซคิ
“ออกจากอาณาจักร?” ฉัน
“ใช่... พี่ฉันมักจะพาฉันออกไปนอกอาณาจักร แล้วก็ชอบขโมยอะไรติดไม้ติดมือมาด้วยตลอดน่ะนะ มันก็เพื่ออาณาจักรนั่นแหละ ที่จริงอาณาจักรนี้ไม่มีอะไรกินนอกสร้างสมุนไพรหรอกนะ” คาเซคิ
“หา?” ฉัน
“อืม... ที่จริงที่นี่ไม่มีอะไรจริงๆ หลังจากที่พ่อแม่จากไป พี่ฉันที่ปกครองอาณาจักรไม่เป็น และเกลียดพวกสีสัน ก็สั่งฆ่าสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่มีสีสันนอกจากมนุษย์ และทำให้ทุกอย่างกลายเป็นสีเทา ตอนนั้นมันก็ผ่านมานานแล้วล่ะ กว่าคนจะปรับตัวเข้ากับการเป็นอยู่แบบนี้ได้ก็นานเหมือนกัน แต่สุดท้ายพวกเขาก็เก็บสมุนไพรกิน” คาเซคิ
“แต่มันมีขนมปังนี่หน่า...” ขนมปังรสชาติแย่มากซะด้วย
“มันมีก็เพราะพี่ฉันนั้นแหละ เป็นคนนำมันเข้ามา” คาเซคิ
“แต่พี่นายก็ทำเกินไปนะ” ฉัน
“ไม่รู้สิ พี่ของฉันเห็นอย่างนั้นก็ซื่อนะ หึๆ” คาเซคิ
“ใช่ ฉันมีอีกหนึ่งคำถามสุดท้ายจะถามนาย” ฉัน
“อะไรล่ะ” คาเซคิ
“พวกนายรู้ใช่มั้ย ว่าอัญมณีสีเขียวที่ทำให้เกิดน้ำวนนั้นเกิดขึ้นมาได้ยังไง เพราะที่ฟังๆ มาแล้ว พวกนายนั้นแหละที่ขโมยลามิ ใช่มั้ยล่ะ...” ฉัน
“...ใช่ ฉันกับพี่เป็นคนขโมยลามิ และไอ้อัญมณีนั้นน่ะ... ใช่พวกเราสร้างมันขึ้นมาเอง” คาเซคิ
“ทำได้ยังไงกัน!” ฉัน
“เธอบอกจะถามฉันคำถามสุดท้ายไม่ใช่หรอ” คาเซคิ
“อีกหนึ่งคำถามน่า” ฉัน
“ก็...” คาเซคิที่ยังไม่ทันได้ตอบคำถามของฉัน ก็ถูกขัดขึ้นมาเพราะมีคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง คาเซคิที่ตกใจมากรีบหยิบหน้ากากขึ้นมาสวมแล้วหันหน้าไปมองคนที่เปิดประตูเข้ามาทันที
“ชาเมล...” คาเซคิ
“ถึงเวลาแล้ว ออกมาได้แล้ว” ชาเมล
“อะไรกัน ถึงเวลาแล้วหรอ!” คาเซคิ
“ใช่ เอายัยนั่นมาได้แล้ว ถึงเวลาแล้ว” ชาเมล
“เวลาอะไรหรอ?” ฉันหันหน้าไปถามคาเซคิ หมอนั่นมองตาฉันอยู่นาน ก่อนจะรีบหลบสายตา เขายืนขึ้น แล้วลากฉันที่สวมกุญแจมือร่วมกับเขาอยู่ออกไปนอกห้อง
“อะไรกัน เวลาอะไร!” ฉัน
“เวลาของ เครื่องสังเวยอัญมณี” ชาเมล
“อะไรนะ!!” ฉัน
[บันทึกพิเศษ ; ลูฟี่]
แสงแดดที่แยงตาผมเข้ามาทำให้เริ่มรู้สึกตัว อะไรเนี่ย...
“อ๊ะ! ลูฟี่ตื่นแล้วล่ะ!”
“ช๊อปเปอร์... หรอ” ผม
“อื้ม ฉันเอง” ช๊อปเปอร์พูดแล้วยิ้ม ผมที่งงเล็กน้อยส่งยิ้มคืนให้กับช๊อปเปอร์ อะไรเนี่ย... เจ็บไปทั้งตัวเลย
“ฟื้นแล้วหรอลูฟี่” ซันจิที่เดินมาพร้อมอาหาร ซันจิวางซุปไว้ตรงหน้าของผมก่อนจะยิ้มให้
“อืม ฟื้นแล้ว...” ผมที่กำลังคิดว่าทำไมถึงได้เจ็บไปทั้งตัวขนาดนี้... อืม... ทำไมกันนะ ทำไมถึงรู้สึกเจ็บไปทั้งตัวแบบนี้...?
จริงสิ!!!
พรวด!!
“ลูฟี่!” ช๊อปเปอร์ร้องอย่างตกใจ เมื่ออยู่ๆ ผมก็เด้งตัวลุดขึ้นนั่ง
“นามิ! นามิล่ะ!!” ผมตะโกนออกไป ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเปลี่ยนจากสีหน้าตกใจเป็นสีหน้าเศร้าสร้อย
“คุณนามิถูกจับตัวไป เราไปช่วยไม่ได้ เพราะแต่ละคนก็โดนมาหนักเหมือนกัน” ซันจิเป็นคนแรกที่ตอบผม จริงสินะ... เจ้าบ้านั่น เจ้าคาเซคิ!! หมอนั่น!
“ต้องรีบไปช่วยนามิ!!” ฉันลุกขึ้นยืน ช๊อปเปอร์รีบดึงให้ผมกลับไปนั่งใหม่อีกครั้ง
“ไม่ฝืนตัวสิลูฟี่!! นายยังไม่หายดีนะ” ช๊อปเปอร์
“แต่นามิ...” ผม
“พวกเรารู้ว่านายเป็นห่วงนามิ แต่นายก็ช่วยห่วงตัวเองหน่อยเถอะ อย่างน้อยก็เป็นห่วงโซโลบ้าง” แฟรงกี้
“โซโล... จริงสิ โซโลเป็นยังไงบ้าง!!” ผม
“ยังไม่ได้สติเลย แต่ปลอดภัยแล้วล่ะ” ช๊อปเปอร์พูดพร้อมหันหน้าไปทางโซโลที่นอนนิ่งอยู่กับพื้น
“กินอะไรซะ แล้วพักสักหน่อยเถอะลูฟี่” ซันจิ
“ไม่มีเวลามากินหรอก นามิน่ะ ถูกจับตัวไปนะ!” ผม
“ยังไงก็เถอะ เราควรจะพร้อมในการต่อสู้ แล้วค่อยไปสู้นะ... เพราะพวกนั้นน่ะ... ไม่ใช่เล่นๆ เลย” ซันจิ
“...”
นั่นสินะ พวกนั้น... ทั้งๆ ที่ทุ่มไปขนาดนั้น ยังชนะไม่ได้ เพราะอะไรกันล่ะ... เราโดนซัดซะหมอบ พวกนั้นแข็งแกร่งจริงๆ... แต่ยังไง... ก็ต้องช่วยนามิ ก็นามิน่ะเป็น...
“กินซุปซะเถอะลูฟี่” ซันจิเดินมาแล้วเอาซุปวางไว้ที่ตักผม
“แล้วนายไม่เป็นไรแล้วหรอซันจิ” ผมหันไปมองทางซันจิที่มีผ้าพันแผลเต็มตัวพอๆ กับผม แต่ก็สามารถเดินไปเดินมาได้
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ฉันพักมานานแล้ว” ซันจิ
“อืม...” โซโล
“โซโล!” ทุกคน
โซโลที่ครางออกมาเพราะเริ่มได้สติ โซโลตื่นแล้ว!!
“คุณโซโล เป็นยังไงบ้างครับ” บรู๊คที่นั่งอยู่ข้างๆ โซโลถามขึ้น โซโลตื่นขึ้นมา มองซ้ายมองขวาอย่างงงๆ แล้วก็หันหน้ามองมาทางผม
“ลูฟี่!!” โซโล
“หา” ผม
“นายไม่เป็นไรหรอ แล้วไอ้เจ้า... คาเซคิ?” โซโล
“...”
ทุกคนเงียบอีกครั้ง โซโลมองหน้าทุกคนอย่างงงๆ แล้วพูดขึ้นมาอีกว่า
“พวกเรา... แพ้หรอ?” โซโล
“ขอโทษนะที่ฉันชนะไม่ได้” ผมพูดไปแล้วก้มหน้าลงมองซุปที่อยู่บนตัก
“ไม่เป็นไรหรอกน่า... พักมากๆ แล้วเราค่อยไปช่วยนามิไง ดีมั้ย!” อุซปกระโดดขึ้นมาให้กำลังใจทุกคนที่นิ่งเงียบ
“นั่นสินะ...” ผม
“พวกเราต้องไปช่วยคุณนามิ... แน่นอนอยู่แล้ว!” ซันจิ
“นั่นสิ เพราะงั้น พักผ่อนให้เพียงพอ และทานอาหารให้มากๆ นะ” ช๊อปเปอร์
เมื่อผมได้ยินอย่างนั้น ผมจึงหยิบช้อนขึ้นมาแล้วตักซุปเข้าปากทันที... อื้ม อร่อย >O<!!
เมื่อเวลาผ่านไปได้ไม่นาน พวกเราทุกคนพร้อมที่จะสู้ ผมที่บอกช๊อปเปอร์ว่าไม่รู้สึกเจ็บอะไรแล้วลุกขึ้น
“แน่ใจหรอว่าไม่เป็นไรน่ะลูฟี่” ช๊อปเปอร์
“ฉันไม่เป็นไรแล้วน่า ยังไงก็ต้อง... ไปช่วยนามิ” ผมฉีกยิ้มให้ช๊อปเปอร์
“นั่นสินะ... งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ!” แฟรงกี้
“โอ้วววว!” ทุกคน
เมื่อเราเข้ามาในตัวปราสาท ก็ไม่พบอย่างอื่นนอกจากพวกทหารที่มีไม่จบไม่สิ้นซะที เมื่อเราตะลุยกันไปเรื่อยๆ ผ่านห้องต่างๆ ความรู้สึกเหมือนอาการจะกำเริบของผมก็เกิดขึ้น
อึก!
“เป็นอะไรน่ะลูฟี่” ซันจิที่จับสังเกตได้ถามผม
“ป่าว ไม่เป็นไรหรอก” ผมพูดอย่างนั้น ก่อนจะกระโดดขึ้นต่อยทหารพวกนั้นต่อ นามิ เธออยู่ไหนเนี่ย!!
“ช๊อปเปอร์! ดมกลิ่นหานามิที!” ผมที่วิ่งตามหานามิอยู่นานตะโกนพูดกับช๊อปเปอร์ ช๊อปเปอร์หันหน้ามองมาทางผม แล้วดมกลิ่น ฟุดฟิดๆ ทันที
“ทางนี้!” ช๊อปเปอร์วิ่งนำพวกเราทุกคนไป
พวกเราที่วิ่งตามช๊อปเปอร์ไปเรื่อยๆ ไล่จัดการกับพวกทหารที่ยืนอยู่ในจุดต่างๆ จนราบคาบ
“ที่นี่แหละ นามิอยู่ในนี้” ช๊อปเปอร์หยุดยืนอยู่ที่ประตูไม้สีเท้าขนาดใหญ่บานหนึ่ง ผมเดินนำหน้าไปแล้วผลักประตูบานใหญ่ แล้วเดินเข้าไป
ตามทางเดินนั้นมีแต่ดินสีเทาเป็นทางยาว และเมื่อเดินมาได้ไม่ไกลก็เจอรอยเท้าของคน... สามคน หนึ่งในนั้นคงจะมีนามิด้วยแน่ๆ!
ผมเริ่มออกตัววิ่งนำหน้าทุกคน เมื่อไปถึงสุดทางก็ต้องช็อกสุดขีด
“นามิ!!!” ผม
“อื้มๆๆๆ”
นามิที่อยู่ในหลอดแก้วอะไรก็ไม่รู้ที่บรรจุเต็มไปด้วยน้ำ และชายที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากหลอดแก้วนั้นก็คือ...
“คาเซคิ!!!”
“อ้าว แกยังไม่ตายอีกหรอเนี่ย อึดจริงๆ นะ” คาเซคิ
“ฉันไม่ยอมตายแน่ ถ้ายังไม่ได้ซัดหน้าแก!!!!” ผม
ขอบคุณธีมสวยๆ จาก
ความคิดเห็น