คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [ตอนที่9] :: ช่วยทุกคนสำเร็จ! โบกมือลา Llama ji land มุ่งสู่การผจญภัยครั้งใหม่!
ตอนที่9
ช่วยทุกคนสำเร็จ โบกมือลา Llama ji land มุ่งสู่การผจญภัยครั้งใหม่!
ปุ้ง!!!!!
“โซโล... ซันจิ... ลูฟี่!!!!!!” ฉัน
ทุกอย่างแทบจะทำให้ฉันใจสลาย เมื่อทั้งคาเซคิที่อัดแรงดันเข้าไปที่หน้าของโซโลและซันจิ แล้วไหนจะชาเมลที่จะหยุดการเต้นของหัวใจลูฟี่อีก ฉันแทบจะทนรับมันไม่ไหวอยู่แล้ว หยุดมันที ฉันไม่อยากเห็น...
“ทะ... ทุกคน...” ช๊อปเปอร์ที่นิ่งค้างเช่นเดียวกับฉัน ที่ยอมรับความเป็นจริงไม่ได้ เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้น... มันผ่านไปแล้ว ถึงจะไม่กี่วินาทีก็เถอะ แต่มันก็สามารถทำให้ทั้งฉันและช๊อปเปอร์น้ำตาไหลได้ ไม่จริงใช่มั้ย...
“กะ... แก!!”
“หืม” ฉันที่ก้มหน้าก้มตาจะร้องไห้อยู่ ต้องชะงักเพราะเสียงของนายชาเมลและคาเซคิพูดขึ้นมา อะไรกัน... อ๊ะ! นี่มัน!!!
โซโลและซันจิที่ดันมือของคาเซคิไปข้างตัวก่อนที่แรงอัดนั้นจะโดนตัว ส่วนลูฟี่จับที่ข้อมือของนายชาเมลเอาไว้... พวกเขา...
“โซโล!! ซันจิ!! ลูฟี่!!!” ช๊อปเปอร์ตะโกนเรียกทั้งสามด้วยน้ำตา น้ำตาแห่งความดีใจ!! พวกเขาไม่เป็นอะไรกัน! มันช่างดีจริงๆ!!
“ร้องไห้อะไรกัน... เจ้าบ้า” โซโล
“ถ้าฉันจะตาย อย่างน้อยก็ต้องไม่ใช่ข้างๆ หมอนี่อยู่แล้ว” ซันจิพูดพร้อมหันหน้าไปมองโซโล
“คิดว่าแกคนเดียวรึไงที่คิดอย่างนั้น =__=^^” โซโล
“พวกแก!!” คาเซคิที่ถูกดึงข้อมือเอาไว้ ถีบเข้าที่ท้องของทั้งคู่ แล้วกระโดดออกมา
ชาเมลที่ยังนิ่งอึ้งเพราะลูฟี่ที่ถูกแรงอัดอัดเข้าไปเต็มๆ หน้าขนาดนั้นแล้วยังไม่ตาย ลูฟี่มีเลือดไหลอาบหัว แต่ก็สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของชาเมลได้อยู่!!
“ละ... ลูฟี่” ฉันเรียกชื่อเขาทั้งน้ำตา... เขาไม่เป็นไร ดีจริงๆ
“ฉัน... ไม่เป็นไรหรอก... ก็บอกแล้วไง... ว่าเราจะกลับไปด้วยกัน” ลูฟี่พูดพร้อมหันหน้ามาทางฉัน ฉันที่นิ่งอึ้งอยู่นาน น้ำตาก็ไหลรินมากยิ่งขึ้น
“ลูฟี่! รีบจัดการ... กับชาเมลซะ จัดการซะ เพราะถ้าหมอนั่นหายไป... โรบินก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม พวกเราจะปลอดภัย... พวกเราจะกลับไปด้วยกัน!!” ฉันตะโกนไปทั้งน้ำตา ลูฟี่ที่มองมาทางฉันฉีกยิ้ม
“ไม่ต้องบอก... ฉันก็ทำอยู่แล้วน่า!!” ลูฟี่
พรึบ!!
ชาเมลสะบัดข้อมือออกจากมือของลูฟี่ แล้วกระโดดหนีออกมา ชาเมลตั้งท่าจะโจมตีอีกครั้ง แล้วพุ่งตัวเข้าใส่ลูฟี่ ลูฟี่ที่เห็นอย่างนั้น เขาไม่หลบอีกต่อไป แต่เขาวิ่งตรงเข้าไปหาชาเมลเลยต่างหาก! พร้อมง้างมือเตรียมต่อยชาเมล
“โกมุ โกมุ โน เจ็ต ไรฟุรุ!!!” ลูฟี่
“แกนะแก!!!” ชาเมล
ผัวะ!!!!~
เสียงของการปะทะกันของทั้งคู่ดังกึกก้อง เมื่อทุกอย่างเริ่มเห็นผล... ลูฟี่ที่ถูกชาเมลซัดเข้าเต็มหน้า แต่ชาเมลเองก็เหมือนกันที่ถูกลูฟี่อัดเข้าเต็มหน้า ทั้งคู่กระเด็นไปตามแรงต่อยของแต่ละคน
“ฉันไม่ปล่อยแกไว้แล้วคาเซคิ แกทำให้คุณนามิต้องร้องไห้!!!” ซันจิคุงที่ตะโกนขึ้นมา พร้อมกระโดดเข้าไปใช้หลังเท้ากระแทกเข้าที่ตัวของคาเซคิอย่างจัง คาเซคิล้มลงกับพื้นอย่างเจ็บปวด
“ฉันไม่หยุดแค่นั้นหรอกนะ!!” ซันจิ
“เดียเบิ้ล จัมบ์ พรีเมี่ย ฮาเช่!!” เท้าของซันจิที่ลุกเป็นไฟพุ่งตรงไปทางคาเซคิที่นอนอยู่ แต่คาเซคิก็ใช้มือรับมันไว้ได้และใช้แรงดันดันเท้าของซันจิเอาไว้ ก่อนจะใช้มืออีกข้างของตัวเองวางราบกับพื้นแล้วใช้แรงงอัด อัดให้ตัวลุกขึ้น ซันจิที่เห็นอย่างนั้นจึงกระโดดถอยหลังออกมา
“อึดจริงนะแก แต่ไม่ปล่อยไว้หรอก! เดียเบิ้ล จัมบ์ เอกซ์ตร้า ฮาเช่!!” ซันจิพุ่งเท้าเข้าหาคาเซคิทันที คาเซคิรีบตั้งมือรับแล้วใช้แรงดันดันเอาไว้
“มีดีแค่นี้หรือไง!!” ซันจิใช้เท้าอีกข้างเตะเข้าที่ต้นไหล่ของคาเซคิจนกระเด็นไปในทันที
โครม!!!
คาเซคิกระเด็นเข้ามาไม่ไกลจากตัวฉันเท่าไหร่ ท่าทางเขาจะดูเหนื่อยมากเลยนะ ก็นะ... สู้กับคนตั้งสองคนนี่หน่า
“เฮ้ยๆ แกบ้าไปแล้วหรือไง” โซโลที่เดินเข้ามาคุยกับซันจิ ที่ตอนนี้เหมือนไฟจะลุกเต็มตัวไปแล้ว
“ก็หมอนั่นทำให้คุณนามิต้องร้องไห้ ฉันไม่ปล่อยเอาไว้แน่ ย้า~” ซันจิที่เตรียมจะวิ่งมาอีกครั้งถูกโซโลจับไหล่เอาไว้ไม่ให้ไปไหน
“นายพอได้แล้วน่า หมอนั่นน่ะเจียงตายแล้วล่ะ” โซโล
“ฉันจะไปอัดมันให้ตายไปเลยเว้ยย =[]=!!!” ซันจิ
“เลิกบ้าซักทีเจ้าคิ้วม้วน!!” โซโล
“แกว่าไงนะ ไอ้หัวสาหร่าย =[]=^^^” ซันจิ
แล้วทั้งคู่ก็ทะเลาะกัน
ฉันที่หันหน้าไปมองทางคาเซคิที่นอนอยู่ เหมือนเขาจะหมดแรงแล้วจริงๆ นั้นแหละ...
“แกนอนทำบ้าอะไรอยู่ตรงนั้นคาเซคิ! ลุกขึ้นมาสิ ทำตัวให้มันเหมาะสมกับการเป็นเจ้าชายหน่อย แกจะแพ้ให้กับพวกต้อยต่ำแบบนี้ไม่ได้นะ!!” ชาเมลตะโกนขึ้นมา เมื่อคาเซคิได้ยินแบบนั้น เขาก็ยันตัวลุกขึ้น เมื่อเขายืนได้ตัวของเขาก็เซไปเซมาเลยแหละ นายไม่ไหวของคาเซคิ พอได้แล้ว!
“คาเซคิ นายไม่ไหวแล้วนะ...” ฉัน
“หุบปาก!! ฉันยังไหว!!” คาเซคิพูดพร้อมพุ่งตรงไปทางซันจิและโซโล ทั้งคู่ที่ทะเลาะกันอยู่นั้นผละออกจากกันทันที
“เห็นมั้ยฉันบอกแล้วว่าต้องเอามันให้ตาย!!” ซันจิ
“ไม่รู้แหละ!” โซโล
“ฆ่าม๊านนนนนนนนนน!!” ซันจิ
ซันจิกระโดดเตรียมตัวเตะคาเซคิ ส่วนโซโลที่ทำท่าจะพุ่งดาบเข้าหาคาเซคิเช่นเดียวกันทำให้ฉันที่นั่งอยู่นิ่งๆ ไม่ได้อีกต่อฉัน ฉันรีบวิ่งไปบังการโจมตีของสองคนนั้นไว้
“เหวออ!!” โซโล/ซันจิ
โซโลและซันจิถึงกับเหวอเมื่อจู่ๆ ฉันก็มาขัดการโจมตีของพวกเขา ทั้งคู่รีบหยุดการโจมตีของตัวเองในทันที คาเซคิที่อึ้งมากๆ กับการกระทำของฉัน
“ทะ... ทำอะไรของเธอ” คาเซคิ
“ฉันก็แค่จะช่วยนาย... เพราะอย่างน้อยนายก็ช่วยฉัน” ฉัน
“แต่ฉัน... ทำกับเธอไว้ขนาดนั้น...” คาเซคิยังตกใจไม่หาย ฉันจึงหันหน้าไปมองทางคาเซคิแล้วส่งยิ้มให้
“ขอบคุณสำหรับกุญแจ แล้วไหนนายจะยอมโดนพี่ชายนายต่อยอีก ต้องขอบคุณจริงๆ” ฉัน
“แต่ตอนหลังสุด... ฉันก็ไม่ได้ช่วยเธอไม่ใช่หรอ...” คาเซคิ
“งั้นถือว่าหายกัน” ฉัน
“คุณนามิ๊~~ ทำอะไรน่ะครับ ผมเกือบทำร้ายคุณแล้วรู้มั้ยยย” ซันจิรีบวิ่งเข้ามาหาฉันทันที
“อา... ขอโทษนะที่มาขว้างพวกนาย แต่พวกนายอย่าทำอะไรเขาเลยนะ...” ฉัน
“ทำไมล่ะครับ/ทำไมล่ะ” โซโลและซันจิประสานเสียงกันถามฉัน
“เพราะหมอนี่เคยจะช่วยฉันแหกคุก ถึงตอนหลังสุดฉันจะโดนจับได้ก็เถอะ” ฉัน
“ถ้าคุณนามิพูดอย่างนั้น...” ซันจิ
“ก็แล้วแต่เธอ” โซโล
“แต่แล้วถ้ามันหันกลับมาทำร้ายคุณนามิล่ะจะทำยังไง” ซันจิพูดพร้อมดึงตัวฉันออกห่างจากคาเซคิ
“ถึงตอนนั้น... นายจะทำอะไรก็ได้เลย” ฉัน
“ครับ คุณนามิ!” ซันจิ
“แต่ต้องรีบไปดูอาการของพวกโรบินนะ เหมือนจะอาการหนักกันมาก” ฉัน
“หะ... โรบินจังง~~” แล้วซันจิกับโซโลก็เดินกันเข้าไปหาพวกนั้น
ฉันที่กำลังจะเดินไปด้วยกลับถูกคาเซคิดึงแขนเอาไว้ก่อน ฉันหันไปมองหน้าเขาอย่างแปลกใจ
“อะไรหรอ?” ฉัน
“เธอไม่เห็นจำเป็นต้องมาช่วยฉัน” คาเซคิ
“ฉันไม่ได้ช่วยนาย” ฉัน
“ก็เห็นๆ กันอยู่” คาเซคิ
“ฉันบอกว่าไม่ได้ช่วยก็คือไม่ได้ช่วยสิ อย่างน้อย ฉันก็ไม่ติดหนี้บุญคุณนายอีกแล้ว” ฉัน
“...” คาเซคินิ่งเงียบ เขาหันหน้ามามองฉัน จ้องเข้าไปในตาของฉัน
“นายดูเจ็บหนักนะ ตามมาสิ เดี๋ยวฉันจะให้ช๊อปเปอร์รักษาให้” ฉัน
“หา?” คาเซคิ
“ให้ช๊อปเปอร์รักษาให้” ฉันพูดพร้อมดึงแขนเขามาด้วย คาเซคิตอนแรกก็ดูจะขัดขืน แต่ไปๆ มาๆ ก็ยอมเดินมาพร้อมกับฉัน แต่เขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงของคนๆ หนึ่งตะโกนเรียกเขาขึ้นมา
“แกทำอะไรน่ะคาเซคิ!!!” ชาเมลนั้นเอง... ที่เป็นคนตะโกนขึ้น ตอนนี้ทั้งเขาและลูฟี่ กำลังพยุงตัวเองลุกขึ้นมา
“แกทำไมไม่ต่อสู้ แกจะทรยศฉันงั้นหรอ!!!” ชาเมล
คาเซคินิ่งอึ้ง มือของเขาที่ฉันจับอยู่เริ่มสั่น
“ทำไมแกไม่พูดอะไรซักอย่างล่ะ แกทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง สารเลว! น้องไม่รักดี!!” ชาเมล
คาเซคิยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบกลับ ชาเมลจึงถือโอกาสต่อว่าเขาต่อ
“แกมันเลว สุดท้ายแกก็แพ้ทางผู้หญิง แล้วบอกว่าจะจงรักภักดีกับฉัน แล้วนี่ฉันอะไร สุดท้ายก็เดินตามผู้หญิงไป แล้วทอดทิ้งพี่ชายแท้ๆ ของแกไว้ข้างหลัง แกมันเลว!! แกมันทรยศ!!!” ชาเมล
ฉันและทุกคนถึงกับอึ้ง เมื่อชาเมลตะโกนด่าคาเซคิต่อหน้าพวกเรา เขาตะโกนด่าน้องแท้ๆ ที่ไม่มีทางสู้ เขาจึงเลือกวิธีที่สันติ แต่สำหรับชาเมลมันไม่ใช่ ในสายตาของชาเมลเห็นน้องชายของตัวเองเป็นแค่หมาขี้แพ้
“แกมันแย่ที่สุด ฉันน่ะไม่อยากมีน้องชายแบบแกเลย เลว!! ชะ...”
ผัวะ!!!!
ชาเมลที่พูดยังไม่ทันจบประโยค ถูกลูฟี่อัดเข้าใส่หน้าเต็มๆ ชาเมลที่ไม่ทันได้ตั้งตัวหันหน้าไปมองลูฟี่อย่างตกตะลึง
“แก... แกกล้าต่อยฉันอย่างนั้นหรอ!!!” ชาเมลลุกขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปหาลูฟี่ทันที ลูฟี่ที่ยืนอยู่กับที่ยืดมือไปข้างหลัง แล้วพุ่งมันไปข้างหน้าเต็มเหนี่ยว
“โกมุ โกมุ โน เจ็ต บูเรตโต้!!”
ผัวะ!!!!
และมันก็โดนเข้ากับชาเมลอย่างจัง ชาเมลที่ถูกต่อยเข้าที่ท้องถึงกับเลือดกระอัก เขากระเด็นไปกระแทกกับผนังของห้องนี้ทันที
“แกน่ะ...” ลูฟี่
“แกมันขี้ขลาด... แกมันเลวที่สุดเลย... ชาเมล!!!” ลูฟี่พุ่งตรงเข้าไปหาชาเมลแล้วระดมหมัดใส่หน้าของชาเมลทันที ชาเมลพยายามจะหลบหมัดพวกนั้น แต่ตอนหลังสุดก็ต้องโดนอยู่ดี
ลูฟี่ที่ฟิวร์ขาดต่อยชาเมลไม่ยั้งมือ คาเซคิเองก็ยืนอึ้งอยู่เหมือนกัน เขาค่อยกุมมือของฉัน และกุมมันแน่นขึ้นและแน่นขึ้นไปอีก น้ำตาของคาเซคิเริ่มไหลอีกครั้ง ฉันที่พอจะรู้ว่าเพราะอะไร รีบตะโกนเพื่เรียกสติของลูฟี่ทันที
“ละ...”
แต่ก็ถูกสกัดไว้โดยคาเซคิ ฉันที่ไม่เข้าใจหันหน้าไปมองคาเซคิ เขาไม่ได้ทำอะไรนอกจากร้องไห้และส่ายหน้า เป็นเชิงว่าไม่ต้องให้ฉันพูดอะไร
“มันควรจบแล้ว...” คาเซคิ
“หมายความว่ายังไง! ฉันรู้นะว่านายต้องการให้ลูฟี่หยุด เดี๋ยวฉันบอกเขาให้ไง” ฉัน
“ไม่ต้อง... ไม่เป็นไรหรอก มันควรจบแล้ว...” คาเซคิ
“...” ฉันนิ่งอึ้งฟังคำพูดของคาเซคิต่อ
“มันควรจบแล้วจริงๆ ฉันเบื่อโลกใบนี้จะตายอยู่แล้ว เธอไม่รู้หรอกว่าการมีชีวิตอยู่ตลอดร้อยกว่าปีของฉันมันน่าเบื่อแค่ไหน...” คาเซคิ
“แต่นั้น... พี่ชายนายนะ” ฉัน
“เพราะเขาเป็นพี่ชายของฉัน ฉันถึงต้องการให้เธอไม่ต้องพูดอะไร ปล่อยให้หมอนั่นทำไปเถอะ” คาเซคิ
“แต่เขาจะฆ่าพี่ชายของนายนะ!” ฉัน
“ฉันรู้ว่าทำไมพี่ชายถึงไม่ยอมหยุด พี่ของฉัน... เขาห่วงทุกคนในอาณาจักร เขานั่งคิดตลอดว่าถ้าเขาตายไปแล้วใครจะปกครอง ถ้าตายไปพวกคนในหมู่บ้านจะคิดถึงเขามั้ย เขาก็แค่อยากได้อะไรพวกนั้น ทั้งๆ ที่ไม่รู้เลย ว่าจริงๆ น่ะ พี่ต้องการ... ความตายขนาดไหน” คาเซคิ
อะไรกัน! มนุษย์คนไหนจะต้องการความตายหรอก! มีแต่พวกที่ต้องการมีชีวิตอยู่ทั้งนั้นแหละ ไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก!!
“เธอคงคิดว่ามันบ้าสินะ... เธอไม่รู้หรอก ว่าทุกคนที่พี่ลืมตาตื่น สายตาของพี่ไม่เคยมีความสุขเลย” คาเซคิ
“พี่เขาที่อยากจะตาย อยากจะหลับอย่างสงบ ก็ทำไม่ได้เพราะห่วง... ห่วงทุกคนในอาณาจักร” คาเซคิ
“โกมุ โกมุ โน เจ็ต บาซูก้า!!” ลูฟี่ที่ต่อสู้กับชาเมลอย่างไม่สนใจอะไร ชาเมลเองก็เช่นเดียวกัน ทั้งคู่ต่างหลบการโจมตีของอีกฝ่าย แล้วก็โจมตีเรื่อยๆ อย่างบ้าคลั่ง มันเป็นการต่อสู้แบบไหนกันแน่นะ... ฉันชักไม่เข้าใจแล้วสิ
“ไอ้น้อง... ทรยศ!!” ชาเมล
ผัวะ!!!
เมื่อชาเมลละสายตาจากลูฟี่หันมาด่าทอคาเซคิต่อ ก็โดนลูฟี่ปล่อยหมัดหนักใส่เข้าไปที่หน้าอย่างจัง ตอนนี้ชาเมลไม่มีแรงเหลืออีกแล้ว เขาพยายามรั้งตัวเองให้ยืน เมื่อลูฟี่เห็นอย่างนั้น ลูฟี่ก็ต้องชะงักทันที ชาเมลฉีกยิ้มแล้วตะโกนใส่หน้าลูฟี่
“แก! รู้หรือป่าว... ว่าทำไมน้องชายของฉันถึงทรยศ!!!” จู่ๆ ชาเมลก็พูดขึ้นมา ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นหันไปสนใจ
“...” ลูฟี่ไม่ตอบ เขานิ่งเงียบเหมือนต้องการจะฟังคำพูดของชาเมลอย่างตั้งใจ
“ก็เพราะ... ผู้หญิงคนนั้นไงล่ะ!!!” ชาเมลพูดพร้อมหันหน้ามาทางฉัน ฉันตกตะลึง อะไรกัน คาเซคิทรยศเพราะฉัน...? อย่ามาพาลกันอย่างนี้นะ!!!
“แกพูดอะไรของแก” ลูฟี่พูดเสียงเรียบ
“พวกแกมองกันไม่ออกหรือไง... ว่าหมอนั่นน่ะ... รักชอบยัยนั่นแค่ไหน!!!” ชาเมล
“!!!”
ทุกคนตกใจ นั้นก็รวมถึงคาเซคิด้วย อะไรนะ! รักชอบ!!?
“ว่าไงนะ!” ลูฟี่ตะโกนออกไปอย่างตกใจ
“หมอนั่นน่ะ พอเจอกับยัยบ้านั่นแล้ว! มันก็เริ่มไขว้เขว ในหัวมันมีแต่ยัยนั้น มันน่ะ พยายามจะช่วยยัยนั้นก็หลายครั้งแล้ว แค่นี้อย่าคิดว่าฉันดูไม่ออกนะ คาเซคิ!!!” ชาเมลพูดพร้อมหันมาชี้หน้าคาเซคิ ฉันเองก็หันหน้าไปมองคาเซคิอย่างตกใจ ดูเหมือนคาเซคิจะอึ้งไปเลย
“แกไม่รู้สินะ... ว่าสองคนนี้น่ะ ลึกซึ้งกันขนาดไหน!! ไหนจะกอดกัน จับมือ ในหัวหมอนั่นเลยมีแต่ยัยนั่นไง!!!” ชาเมล
ปึง!
คาเซคิเหวอจนล้มลงไปนั่งอย่างเข่าอ่อน สายตาจับจ้องพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองอย่างตกตะลึง
“แล้วไหนจะพาเข้าไปในห้อง คุยอะไรกันก็ไม่รู้ ทำอะระ...”
ผัวะ!!!!!
“หุบปากเน่าๆ ของแกซะ ไอ้เวรเอ้ย!!!!” ลูฟี่หปล่อยหมัดเร็วและแรงเข้าไปที่หน้าของชาเมลอย่างจัง หมอนั่นกระเด็นไปติดกับผนังปราสาทเลย
“หุบปาก! หุบปาก!! หุบปาก!!!” ลูฟี่ระดมหมัดต่อยลงไปที่ตัวของชาเมลอย่างไม่หยุดยั้ง ทุกคนที่อยู่ที่นั่นยังคงตกลึงกับเรื่องที่ได้ยิน และนั่นก็รวมถึงฉันด้วย!!
“เพราะ... ยัยนั่น... ยัยนั่นมัน... ปีศาจ!!!” ชาเมล
“หยุดว่าร้ายนามิซักที! ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่ความจริง!! หุบปากของแกไปซะ!!!” ลูฟี่
ผัวะ! ผัวะ!! ผัวะ!!!
ลูฟี่ระดมหมัดต่อยจนชาเมลไม่ขยับตัวอีกและดูเหมือนเขาจะไม่หยุดด้วย เมื่อเห็นท่าไม่ดี ซันจิก็รีบวิ่งไปรั้งลูฟี่เอาไว้
“พอได้แล้วลูฟี่!!” ซันจิ
“แต่มัน!!” ลูฟี่
“พอได้แล้ว นายบ้าไปแล้วหรือไง!!!” ซันจิ
“หมอนั่นว่าร้ายพวกพ้องของฉันนะ ใครจะไปยอมกัน มันโกหก!!” ลูฟี่
“ก็โกหกไง นายก็อย่าไปถือสาสิ ลูฟี่ นายขาดสติไปแล้วหรอ!!” ซันจิ
“ลูฟี่...” ฉันที่วิ่งเข้าไปหาลูฟี่ที่เหมือนจะเริ่มคลั่งแล้ว เมื่อฉันเรียกชื่อของเขา ลูฟี่หยุดนิ่งแล้วหันมามองทางฉัน
“มันไม่จริงใช่มั้ยนามิ” ลูฟี่
“...” ฉันนิ่งเงียบไม่ตอบ ฉันได้แต่มองหน้าของลูฟี่เท่านั้น ลูฟี่ที่เห็นฉันไม่ตอบจึงสะบัดมือของซันจิแล้วเดินจากไป
“คุณนามิ...” ซันจิ
“ไม่หรอก เขาไม่ผิด...” ฉัน
“มันไม่ใช่ความจริง จริงๆ ใช่มั้ยคุณนามิ” ซันจิ
“มันไม่ใช่ความจริงหรอก” ฉัน
“ผมดีใจนะที่มันไม่ใช่ความจริง” ซันจิพูดแล้วยิ้ม
ฉันส่งยิ้มกลับไปให้ซันจิคุง และหันไปมองทางชาเมล... เขา... ตายแล้วงั้นหรอ?
“เขา...” ฉัน
“คงไม่รอดแล้วล่ะครับ...” ซันจิ
“...” ฉันดึงหมวกของลูฟี่ที่สวมอยู่ที่หัวออกมาเพื่อไว้อาลัย คาเซคิที่เดินเข้ามาหาฉันมองสภาพของพี่ชายของตัวเองแล้วร้องไห้ ก่อนจะเผยยิ้มออกมา
“นายยิ้มงั้นหรอ?” ฉัน
“พี่ของฉัน... คงไปดีแล้วมั้ง” คาเซคิเดินไปแบกร่างของพี่ชายของตัวเองขึ้นมา ช๊อปเปอร์ที่ยืนดูสถานการณ์อยู่วิ่งเข้ามาเพื่อขอดูสภาพร่างกาย คาเซคิวางร่างของพี่ชายลงให้ช๊อปเปอร์ดู เมื่อช๊อปเปอร์ดึงมือของชาเมลขึ้นมาตรวจชีพจร เขาก็ทำหน้าตกใจ แล้วค่อยๆ วางมือลง ก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่ทันแล้วล่ะ” ช๊อปเปอร์
“พี่ฉัน ไปดีแล้วจริงๆ ด้วย...” คาเซคิ
“อึก...”
“โรบิน!!” ช๊อปเปอร์และฉันหันหน้าไปมองตามเสียง โรบินที่ตอนแรกนอนไม่ได้สติกลับลุกขึ้นมาได้... แปลว่า... พลังของผลปีศาจหมดลงไปแล้ว เขาคง... ไปแล้วจริงๆ
“โรบิน เธอไม่เป็นไรนะ” ช๊อปเปอร์วิ่งไปดูอาการ
“ความรู้สึกเหมือนพึ่งกลับมาจากนรกเลย...” โรบิน
“โรบิน... เธอไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” ช๊อปเปอร์โผเข้ากอดโรบิน โรบินตกใจเล็กน้อยก่อนจะฉีกยิ้มให้กับช๊อปเปอร์
“ฉัน... สบายดีแล้วล่ะ” โรบิน
“ดีจริงๆ กีจริงๆ เลยนะโรบิน TT^TT!!” ช๊อปเปอร์
“ส่วนฉันเอง... ก็ต้องไปแล้วนะ” คาเซคิหันหน้ามามองฉัน ฉันทำหน้างงใส่เข้าเล็กน้อยก็จะอ๋อขึ้นมาทันที... พลังของผลปีศาจหมดไปแล้ว และเขาที่ได้รับผลของผลปีศาจคือหยุดการเจริญเติบโต... ก็คงต้องสลายไปสินะ
“นาย... คิดแบบนั้นจริงๆ หรอ” ฉัน
“คิดอะไร” คาเซคิ
“ก็อย่างที่พี่ชายนายพูดไง...” ฉันพูดไป คาเซคิตกใจขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้ม
“จริงก็บ้าน่ะสิ ฉันไม่มีทางชอบสามัญชนแอย่างเธอหรอกนะ” คาเซคิพูดอย่างเย่อหยิ่ง
“นั่นสินะ” ฉันพูดพร้อมอมยิ้ม
“อะไรกันเธอ ด่าแค่นี้ก็หง่อยละหรอไง -O-” คาเซคิ
“ป่าวซะหน่อย!” ฉัน
“อา... งั้น คงถึงเวลาที่ฉันต้องไปแล้วล่ะ... ใช่จริงๆ ด้วย” คาเซคิพูดพร้อมหันไปมองทางมือของเขา ตอนนี้มือของเขาค่อยๆ สลายไปกับแสงแดด
“ฉันว่านะ การมีชีวิตน่ะ...” คาเซคิ
“นายอย่าพูดว่าการมีชีวิตมันน่าเบื่อนะ ฉันไม่ชอบ” ฉัน
“ฉันไม่ได้จะพูดแบบนั้นซะหน่อย -O- พี่ฉันจะพูดน่ะ ก็คือ... การมีชีวิต มันก็สนุกดีนะ...” คาเซคิ
“ก็ดีแล้ว” ฉัน
“มันดีเพราะ... ฉันได้เจอเธอนั่นแหละ” คาเซคิพูดพร้อมฉีกยิ้ม ฉันที่อึ้งไปกับคำพูดของเขามองเขาไม่วางตา ตอนนี้ร่างของเขากำลังจะสลายหายไปหมดแล้ว
“แล้วจำไว้อีกอย่างนะยัยหัวส้ม...” คาเซคิ
“อะไร...” ฉัน
“ฉันน่ะ ถึงจะหายไปแล้ว แต่แม่ฉันบอกว่า ถ้าเทพแห่งสายลมจากไป ก็จะไปเกิดเป็นลมนะ” คาเซคิ
“...แล้วไงล่ะ?” ฉัน
“ไม่อะไรหรอก” คาเซคิ
ลูฟี่ที่จู่ๆ ก็เดินมาทางข้างหลังฉัน มองหน้าคาเซคิแล้วทำหน้าบูด เมื่อคาเซคิเห็นแบบนั้นแล้วก็ยิ้ม แล้วจู่ๆ ที่ยื่นปากมาใกล้หูฉันพร้อมกระซิบอะไรบางอย่าง
“แล้วอีกอย่างนะ...” คาเซคิ
“!!!” ฉันตกใจมากกับการพูดของเขา ฉันรีบหันหน้าไปมองเขาอย่างตกตะลึง ก่อนจะส่งยิ้มให้
“ขอบคุณนะ” ฉัน
“ได้เสมอ ^^” รอยยิ้มสุดท้ายของคาเซคิหายไปต่อหน้าฉัน เขา... สลายไปหมดแล้ว
“หมอนั่นพูดอะไรกับเธอ ทำไมต้องกระซิบด้วย!!” ลูฟี่พูดอย่างเอาเรื่อง ฉันหันหน้าไปมองลูฟี่ก่อนจะส่งยิ้ม
“ไม่... บอก ^^” ฉัน
“อะไรกัน บอกมาเดี๋ยวนี้นะ!!” ลูฟี่
ฉันสะบัดหน้าหนีลูฟี่ มองพระอาทิตย์สีแดงที่เจิดจ้า เมื่อชาเมลหายไปแล้ว อาณาจักรแห่งนี้ก็กลับไปเป็นสีสันเหมือนเดิม... สวยจริงๆ เลยนะ
‘ฉันน่ะถ้าไปเกิดเป็นลมแล้ว ฉันจะเป็นลมที่พัดพาเรือของเธอไปสู่ทะเลที่กว้างใหญ่ ฉันจะคอยปกป้องเธอจากสวรรค์นะ... นามิ’ คาเซคิ
“บอกมาเซ่... บอกมา” ลูฟี่ยังคงตื้อไม่เลิก ฉันที่เดินทำท่าไม่สนใจ เดินเข้าไปหาโรบิน
“ไม่เป็นอะไรนะโรบิน” ฉันถามอย่างเป็นห่วง โรบินส่งยิ้มให้ฉัน
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ” โรบิน
“แล้วคนอื่นๆ เป็นไงบ้างล่ะช๊อปเปอร์” ฉันหันไปมองทางช๊อปเปอร์ที่กำลังปฐมพยาบาลทุกคนอยู่ ช๊อปเปอร์หันหน้ามาหาฉันแล้วยิ้มให้
“ไม่เป็นไรกันแล้วล่ะ แค่นอนพักก็พอแล้ว” ช๊อปเปอร์
“ดีจังนะ ^^” ฉัน
“อื้ม ^^” ช๊อปเปอร์
“เฮ้ ก็บอกให้บอกมาไง!” ลูฟี่ยืนกอดอกทำหน้าบูดใส่หน้าฉัน ฉันหันหน้าไปมองเขาแล้วดึงหมวกจากหัวของตัวเองไปยัดใส่หัวเขา
“ไม่มีอะไรหรอกน่า อย่าคิดมากสิ” ฉัน
“แล้วไอ้ที่ชาเมลอะไรนั่นบอกเป็นเรื่องจริงหรอ =__=” ลูฟี่จับที่หมวกของตัวเองแล้วยังมองหน้าฉันไม่วางตา
“ไม่จริงซักหน่อย” ฉัน
“แน่ใจ -O-” ลูฟี่
“เอ๊ะ นายจะเอายังไงกับฉันกันแน่เนี่ย! ไม่จริงก็คือไม่จริงสิ -O-” ฉัน
“อ่า เชื่อก็ได้ อัก!” จู่ๆ ลูฟี่ก็กระอักเลือดออกมาทางปากแล้วก็ล้มลงกับพื้น
“ลูฟี่!!” ฉันรีบนั่งลงดูอาการของเขาทันที ช๊อปเปอร์ที่เห็นอย่างนั้นก็รีบวิ่งมาดูอาการด้วยเช่นเดียวกัน
“อะไรเนี่ย” ฉันหันไปถามช๊อปเปอร์อย่างตกใจ
“แผลเก่ามันกำเริบน่ะสิ จริงๆ ลูฟี่ยังไม่หายจากแลเก่าหรอกนะ แต่เขาอยากช่วยนามิมากๆ เลยล่ะ” ช๊อปเปอร์พูดพร้อมเอาลูฟี่นอนราบกับพื้น แล้ววิ่งไปเอาเครื่องปฐมพยาบาลที่อยู่ไม่ไกล ฉันที่เห็นแบบนั้นน้ำตาก็เริ่มไหล ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ฉันก็ดึงตัวลูฟี่ขึ้นมาแล้วสวมกอด ลูฟี่ที่ได้สติอยู่บ้างตกใจอย่างแรง
“ขอบคุณนะลูฟี่ ที่เป็นห่วงฉัน” ฉัน
“อะ... เอ่อ... ไม่เป็นไร =O=” ลูฟี่
“นายนอนพักเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปตามหาลามิ....” ฉัน
“จริงสิ!! ลามิล่ะ ต้องตามหาลามิ!!” ลูฟี่ทำท่าจะลุกขึ้นอีกครั้ง แต่ฉันดึงคอเสื้อของเขาแล้วดึงลงให้นอนกับพื้นอีกครั้ง
“อย่าพึ่งบ้าสิ ฉันหาลามิเจอแล้วล่ะ” ฉัน
“หา? เธอหาเจอแล้วงั้นหรอ” ลูฟี่
“อื้ม งั้นเดี๋ยวฉันจะไปเอามันมาก่อนนะ นายพักผ่อนให้มากๆ ล่ะ ลูฟี่” ฉันส่งยิ้มให้ลูฟี่ ลูฟี่เองก็ส่งยิ้มให้ฉันเช่นเดียวกัน แล้วช๊อปเปอร์ก็วิ่งมาดูอาการของลูฟี่พร้อมเครื่องมือปฐมพยาบาลมากมาย
ฉันลุกขึ้นทำท่าจะเดินไปหาลามิ แต่ก็ถูกซันจิคุงเดินเข้ามาขัดจังหวะซะก่อน
“คุณนามิจะไปไหนหรอคร้าบ~” ซันจิคุง
“อ๋อ ฉันจะไปหาลามิ...” ฉัน
“เดี๋ยวผมไปด้วยนะครับ เพราะมันมีทหารตั้งมากมาย ผมจะคอยดูแลคุณนามิเอง~” ซันจิ
“ขอบคุณจ๊ะ ^^” ฉันส่งยิ้มให้ซันจิคุง ซันจิยิ้มกลับให้ฉันแล้วผายมือไปข้างหน้า ประมาณว่าให้ฉันเดินไปก่อน
แล้วฉันก็เดินนำหน้าซันจิคุงไป เมื่อเดินไปถึงสถานที่ที่ควรจะมีทหารอยู่ แต่มันกลับไม่มี อะไรกันเนี่ย ทีตอนฉันจะหนีมียืนกันเต็มไปหมด =O=!!
“แปลกๆ นะ ไม่มีทหารเลย” ฉัน
“นั่นสิครับ” ซันจิคุง
“เอาเถอะ ไม่มีก็ดีแล้ว ลามิอยู่ที่ห้องนี้แหละ” ฉันพูดพร้อมเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นเจ้าลามิสีทองกำลังเดินไปเดินมาอยู่ทั่วห้อง เมื่อมันเห็นฉันเปิดประตูเข้าไป มันก็กระโจนเข้าใส่ฉันทันที
“ไม่เอาน่า จั๊กจี้นะ >O<!!” ฉัน
“ลามิ~ ลามิ~~” เจ้าลามิไม่ยอมหยุด มันยังนัวเนียตัวฉันไม่หาย จนตอนหลังสุดซันจิคุงต้องดึงมันออกไป
“ตัวหนักจังจังเลยลามิเนี่ย” ซันจิ
“ลามิ~~” ลามิ
“เอาเถอะ เราได้มันกลับมาแล้ว เดี๋ยวเราต้องออกเรือแล้วล่ะ เพราะเดี๋ยวคนในหมู่บ้าน Llama ji land จะเดือดร้อนเอา” ฉัน
“คร้าบ ได้เสมอ” ซันจิคุงพูดพร้อมยิ้มให้ฉัน ก่อนที่เราสองคนจะเดินออกไปจากห้องโดยมีลามิเดินตามอยู่ข้างหลัง เมื่อเดินไปได้ไม่นานก็พบเหล่าทหารวิ่งเข้ามาในปราสาทกันเป็นฝูง!
“ผู้บุกรุก!!”
“อะไรเนี่ย นึกว่าจะพ่นไปแล้วซะอีก” ซันจิคุงพูดพร้อมเดินมาบังตัวฉันเอาไว้ ทหารหนึ่งในนั้นพุ่งตัวเข้ามาหาซันจิ แต่ก็ถูกซันจิโดดเตะจนปลิวไปเลย
“ใครเป็นคนต่อไป มาได้เลย” ซันจิ
“อึก!!” เสียงกลืนน้ำลายของเหล่าทหารด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่ทหารแถวหลังๆ จะตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจว่า
“อะ... อะไรเนี่ย!! ทำไมหญ้าถึง... มีสีสัน!!”
“ว่าไงนะ!” ทหารทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว สำหรับคนในอาณาจักรนี้คงจะเป็นอะไรที่แปลกมากสินะ ที่ได้เห็นหญ้าเป็นสีเขียวสวยขนาดนี้ ระหว่างที่พวกเขากำลังตกตะลึง ฉันกับซันจิก็แบกลามิแล้วโกยกันทันที
ระหว่างที่ฉันกับซันจิวิ่งหนีออกมา ฉันก็นึกขึ้นได้ กระบองคุริมาของฉัน!! ต้องไปเอามันมาก่อน!
"ทำไมหรอครับคุณนามิ" ซันจิคุงหันหน้ามาถามฉัน
"ฉันต้องไปเอากระบองคุริมาก่อน นายรออยู่นี่แหละ ฉันไปไม่นานหรอก" ฉันวิ่งไปที่ห้องที่คาเซคิและลูฟี่เคยต่อสู้กัน ห้องนี้ดูเละเทะมากๆ เลยทีเดียว แต่เมื่อเดินไปไม่นานก็เจอแล้ว กระบองคุริมา!! ฉันคว้ากระบองคุริมา แล้ววิ่งกลับมาหาซันจิคุงโดยทันที
“กลับมาแล้วหรอนามิ” ช๊อปเปอร์หันมามองฉัน ฉันส่งยิ้มให้กับช๊อปเปอร์ ก่อนที่ลามิจะกระโดดออกมาจากข้างหลังฉันแล้วกระโดดใส่ช๊อปเปอร์ทันที
“แกก็กลับมาแล้วอย่างนั้นหรอลามิ ฮ่าๆ ฉันจั๊กจี้นะ >__<” ช๊อปเปอร์
“ลามิ~” ลามิ
“งั้น ตอนนี้พวกเราก็ทำทุกอย่างสำเร็จแล้วน่ะสิ คงจะต้องกลับแล้วสินะ” แฟรงกี้
“ใช่” ฉัน
“แต่ต้องให้พวกลูฟี่พักผ่อนก่อนนะค่อยไปกัน” ช๊อปเปอร์
“อ่า” ทุกคนประสานเสียง
[บันทึกพิเศษ ; อากาเนะจัง]
ระหว่างที่หนูกำลังเดินไปเดินมาอยู่แถวหมู่บ้านด้วยความกระวนกระวาย พวกพี่นามิจะสบายดีกันหรือป่าวนะ หวังว่าคงสบายดีกันนะคะ...
หนูที่กำลังยืนคุมคิดอยู่ อยู่ดีๆ สุดสายตาที่มีแต่หญ้าสีเทา เหมือนมันจะ... เริ่มกลายเป็นสีสันงั้นหรอ!!
หญ้าสีเทาเริ่มกลายเป็นสีสันที่สวยงาม อะไรเนี่ย ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ ต้นไม้ที่หนูยืนอยู่ไม่ไกลจากที่เป็นแค่ต้นไม้สีเทาไม่มีใบ กลับกลายเป็นต้นไม้ที่มีสีสันและมีผลสีสดอีก อะไรเนี่ย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ O_O
“ดูสิ! สีสันหนิ!” คนในหมู่บ้านคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
“ว่าไงนะ!” ชายอีกคนพูดขึ้นอีกบ้าง ทุกคนดูตกใจกับการที่ทุกอย่างเริ่มมีสีสัน ก่อนที่คุณลุงคนหนึ่งจะเดินมาแล้วยิ้มออกมาก่อนที่น้ำตาจะไหล
“นี่สินะ... นี่สินะสีสัน... มันกลับมาแล้ว...” คุณลุงคนนี้ คือลุงที่พวกเราคนในหมู่บ้านเคารพมากๆ เพราะเขามีอายุถึงร้อยสามสิบสี่ปีแล้ว
“หมายความว่ายังไงครับลุง! ทำไมมันถึงมีสีสันเกิดขึ้นได้!!” ชายคนหนึ่งตะโกนถามคุณลุง คุณลุงหันหน้าไปมองทางชายคนนั้นแล้วส่งยิ้มให้
“นี่แหละ ที่เรียกว่าสีสัน มันคือความสวยงาม” คุณลุง
“แต่สีสันมันคือปีศาจนะครับ! แบบนี้เราจะแย่เอานะ!!” ชายคนนั้นยังไม่หยุกตกใจ
“เธอไปได้ยินมาจากไหนกัน ว่าสีสันคือปีศาจ สีสันน่ะ มันคือชีวิตต่างหาก” เมื่อคุณลุงพูดอย่างนั้น หนูที่ยืนหลบคนในหมู่บ้านอยู่หันไปมองอย่างสนใจ สีสัน... ไม่ใช่ปีศาจ? สีสัน? คือชีวิตอย่างนั้นหรอ?
“แม่หนูคนนั้นน่ะ” คุณลุงที่เห็นว่าแนแอบมองอยู่ตะโกนเรียกฉันขึ้นมา ฉันเองที่ตกใจ รีบหันหลังหลบหลังต้นไม้ทันที
“ไม่ต้องกลัวหรอก หนูออกมาหาลุงสิ” ลุงเขาพูดยิ้มๆ ก่อนจะค่อยๆ เดินหันหลังไปนั่งตรงกล่องไม้ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล หนูที่สนใจในตัวลุงคนนี้อยู่แล้ว ค่อยๆ เดินไปหาลุงคนนั้นอย่างช้าๆ
“แม่หนู... ชื่ออะไรหรอ” คุณลุงถามฉัน
“อากาเนะค่ะ” ฉัน
“เป็นชื่อที่น่ารักจริงๆ เลยนะ” คุณลุงเขาพูดพร้อมดึงผ้าคลุมที่ฉันสวมอยู่ออกมา ปรากฏเห็นสีผมและนัยน์ตาที่ทุกคนมองวามันคือปีศาจ...
“ยัยเด็กปีศาจนี่!!”
“ไหน!”
เมื่อคนในหมู่บ้านเริ่มเห็นสีผมของฉัน เขาก็หยิบก้อนหินขึ้นมาแล้วปาใส่ฉันอีกครั้ง ฉันรีบวิ่งไปหลบหลังคุณลุงทันที คุณลุงเขาหันไปมองทางชายที่ปาหินมาใส่ ชายคนนั้นถึงกับตกใจเลยล่ะ
“เขายังเป็นเด็กอยู่นะ” คุณลุง
“แต่ยัยเด็กนั้นมัน...”
“เด็กคนนี้ไม่ใช่ปีศาจ เด็กคนนี้เคยทำอะไรกับเธอไว้อย่างนั้นหรอ? เธอถึงปาหินใส่เขาแบบนี้” คุณลุง
“...” ชายคนนั้นนิ่งอึ้งไป
“มองกลับกัน เธอเองก็เหมือนปีศาจนะ ที่ทำร้ายเด็กที่ไม่มีทางสู้ แล้วเขาก็ไม่เคยทำอะไรให้เธอเลยด้วย ขอโทษเด็กคนนี้ซะสิ” คุณลุง
“...ขะ... ขอโทษ” ชายคนนั้นพูดเสียงอ่อนลง ฉันที่แอบอยู่หลังของคุณลุงเงยหน้าขึ้นมองชายคนนั้น ชายคนนั้นทรุดลงกับพื้นแล้วร้องไห้
“หนูจะให้อภัยชายคนนี้หรือป่าว อากาเนะจัง” คุณลุงหันมาถามฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นมองหน้าของคุณลุงก่อนจะส่งยิ้ม แล้วพยักหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณลุง หนูไม่โกรธคุณลุงหรอก” ฉันหันไปพูดกับชายคนทรุดตัวลงนั่งกับดิน เมื่อเขาเห็นฉันพูดอย่างนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองฉันแล้วส่งยิ้มให้
“เห็นมั้ยว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ปีศาจ” คุณลุงพูดต่อหน้าทุกคนในหมู่บ้าน ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นด้วยเริ่มส่งเสียงร้องไห้ จนทุกคนต้องหันหน้าไปสนใจ เธอที่กกำลังร้องไห้อยู่ค่อยๆ ถอดผ้าคลุมสีดำออก เผยให้เห็นสีผมสีทองที่สวยงาม ทุกคนต้องตะลึง
“มันไม่ใช่ปีศาจใช่มั้ยคะ แปลว่าฉันไม่ใช่ปีศาจใช่มั้ยคะ” ผู้หญิงคนนั้นพูดพร้อมร้องไห้ และชายอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลลก็ถอดผ้าคลุมออก เผยเห็นสีผมที่ไม่ใช่สีเทา และอีกหลายๆ คนก็ถอดผ้าคลุมออก แต่ละคนมีสีผมที่ต่างกัน ทุกคนต่างร้องไห้เพราะดีใจที่รู้ว่าตนเองไม่ใช่ปีศาจ
“สีสันไม่ใช่ปีศาจ จริงๆ นะ” คุณลุงก้มลงไปเด็ดดอกไม้ที่งอกออกมาใกล้ๆ กับลังไม้ มันเป็นดอกไม้สีสดสวยงาม ลุงเขายื่นไปตรงหน้าคนที่มีผมสีเทาและนัยน์ตาสีดำ ชายคนนั้นค่อนข้างจะตกใจอย่างมาก
“นี่น่ะเขาเรียกว่าสีสัน มันคือสีแดง...” คุณลุงพูดพร้อมยื่นมันไปให้ ชายคนนั้นรับมันขึ้นมา แล้วดมดอกไม้สีแดง? ดอกนั้น
“มัน... หอมจริงๆ” ชายคนนั้นพูดขึ้น
“มันสวยงามๆ เลยด้วย” ผู้หญิงอีกคนที่มีผมสีเทาพูดขึ้น
“มันไม่ใช่ปีศาจ เพราะเมื่อก่อนอาณาจักรนี้ก็เต็มไปด้วยสีสัน...” คุณลุง
“ว่าไงนะ!” ทุกคนรวมถึงหนูด้วยร้องอย่างตกใจ อะไรนะ? หมู่บ้านนี้เคยมีสีสันงั้นหรอ?
“หมู่บ้านนี้เมื่อหลายร้อยปีก่อน... มันเต็มไปด้วยสีสัน ทั้งนี้ที่เป็นสีแดง และหญ้าที่เป็นสีเขียว” คุณลุง
“...” ทุกคนยังคงตกใจมาก รวมถึงหนูด้วย พวกเรายืนฟังเรื่องราวที่สวยงามและเต็มไปด้วยสีสันของอาณาจักรนี้ของคุณลุง ทุกคนดูจะชื่นชอมในสีสันเอามากๆ และชายคนที่ปาหินใส่ฉันก็ตะโกนขึ้นมา เมื่อคุณลุงพูดจบ
“พวกเราจะอนุรักษ์สีสัน เพราะสีสันคือชีวิต!!”
“สีสันมันสวยงามมาก...” ผู้หญิงอีกคนหนึ่งพูดขึ้นมาบ้าง
“มันสวยงามจริงๆ ฉันดีใจมากที่ฉันไม่ใช่ปีศาจ” ผู้หญิงที่มีผมสีทองพูดขึ้น และเมื่อทุกคนเริ่มเข้าใจกันดี ฉันที่ถือตุ๊กตาลามะที่พี่นามิให้มาส่งยิ้มและบอกลาคุณลุง ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน พ่อ... ต้องบอกพ่อให้ได้
ตึกๆๆๆ
เมื่อฉันวิ่งไปถึงที่บ้าน พอเปิดประตูเข้าไปในบ้านก็ไม่พบใครอยู่แล้ว พ่อไปไหนกันนะ? ฉันวิ่งออกไปทางข้างหลังบ้าน เมื่อประตูออกไปก็พบพ่อ... ที่กำลังยืนมองทิวทัศน์รอบๆ อย่างตกตะลึง
“พ่อคะ...” ฉัน
“อากาเนะ....” พ่อหันหน้าไปมองฉัน ก่อนน้ำตาจะเริ่มคลอเบ้า
“มันกลับมาแล้ว สีสัน...” พ่อพูดพร้อมร้องไห้หนักขึ้น ฉันที่เห็นพ่อร้องไห้ก็ตกใจไม่แพ้กัน ฉันเดินเข้าไปหาพ่อแล้วกอดเข้าที่เอวของพ่อ
“พ่อคะ พ่อไม่มีเกลียดหนูใช่มั้ย” ฉันถามอย่างต้องการคำตอบมากที่สุด พ่อของฉันชะงักเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ก้มตัวลงมาแล้วสวมกอดฉันกลับบ้าง
“พ่อไม่ได้เกลียดลูก... พ่อขอโทษที่ทำแบบนั้นกับลูก พ่อขอโทษจริงๆ” พ่อของฉันที่นานมาแล้ว หลังจากที่แม่ถูกจับตัวไป ไม่เคยเรียกฉันว่าลูกมาก่อน แต่ตอนนี้พ่อพูดมันออกมาแล้ว... พ่อเรียกฉัน... ว่าลูกแล้ว
“พ่อ... หนูรักพ่อนะคะ” ฉันพูดพร้อมร้องไห้
“พ่อก็รักลูก” พ่อของฉันเองก็สวมกอดแน่นขึ้นแล้วร้องไห้หนักขึ้น
“อ๊ะ” ฉันร้องอย่างตกใจ เมื่อพ่อเห็นอย่างนั้น พ่อจึงหันหน้าไปมองตามสายตาของฉัน ก่อนที่พ่อจะอึ้งเช่นเดียวกับฉัน
“...ซากุระ” พ่อพูดขึ้น
ตรงหน้าของพวกเราทั้งสองคน....คือ... แม่
แม่ที่ยืนอยู่แล้วส่งยิ้มมาให้พวกเรา แม่เดินเข้ามาแล้วสวมกอดเราทั้งสองคน ฉันและพ่ออึ้งกับสิ่งที่ได้เห็นมาก
แม่ค่อยๆ ถอนกอดแล้วส่งยิ้มให้ฉันกับพ่ออีกครั้ง
“ฉันกลับมาแล้วนะคะคุณ...” แม่ของฉันพูดขึ้น พ่อของฉัน้องไห้ทันที
“ซากุระ...” พ่อ
“ฉันรักคุณนะคะ แล้วแม่ก็รักลูกด้วยนะอากาเนะ” แม่
“แม่...” ฉัน
“ถึงแม่จะไม่อยู่แล้ว... แต่ใจแม่อยู่กับทั้งสองคนตลอดนะ แม่จะคอย... เฝ้าดูทั้งสองคน จากบนฟ้านะ...” แม่
“หมายความว่ายังไงซากุระ!” พ่อฉันพูดออกมาอย่างตกใจ
“ฉันรักคุณนะ รักมากๆ ด้วย ฉันอยากให้คุณรักอากาเนะให้มากๆ นะ ฉันอยู่กับคุณได้ไม่นาน ต้องขอโทษจริงๆ...” แม่
“ไม่นะ ซากุระ!” พ่อพูดพร้อมพุ่งตัวเข้าสวมกอดแม่ของฉันอย่างคิดถึง พ่อร้องไห้หนักมากขึ้น แม่ของฉันค่อยๆ เอามือลูบหลังของพ่อแล้วพูดต่อว่า
“อย่าร้องไห้ต่อหน้าลูกสิ มันไม่ดีนะ” แม่
“แต่ซากุระ...” พ่อ
“ฉันจะคอยปกป้องทุกคน... จากบนฟ้าเอง คุณ... ต้องดูแลอากาเนะนะ” แม่
“...” พ่อของฉันนิ่งไปก่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ ถอนกอดจากแม่ แม่ของฉันเดินเข้ามาใกล้ๆ ฉัน
“โตขึ้น... ยอะเลยนะอากาเนะ” แม่
“แม่... แม่คะ!” ฉันกระโดดเข้าหาแม่อย่างเสียใจ ฉันทั้งเสียใจทั้งคิดถึง แม่... ในที่สุดแม่ก็กลับมาแล้ว...
“แม่รักหนูนะ...” แม่ของฉันพูดพร้อมหันมาหอมแก้มฉัน ก่อนจะค่อยๆ ถอนกอดออกจากฉัน แม่เดินถอยหลังไปอยู่ตรงหน้าของต้นไม้ต้นหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ โบกมือบ้ายบายฉันกับพ่อ
“แม่... รักทั้งสองคนที่สุดเลยนะ” สิ้นเสียงของแม่ ร่างกายของแม่ก็หายไป ร่างกายของแม่สลายไปเหลือแต่ต้นหญ้าอ่อนที่งอกออกมา... มันเป็นต้นหญ้า... สีทอง
“พ่อคะ” ฉันหันหน้าไปมองทางพ่อ
“พ่อ... พ่อก็รักแม่... แล้วพ่อก็รักลูกด้วยนะ” พ่อเอามือปิดตาเอาไว้แล้วร้องไห้ ฉันสวมกอดพ่ออีกครั้งแล้วร้องไห้ หนู... ก็รักทั้งพ่อและแม่เลยนะคะ...
[จบบันทึกพิเศษ ; อากาเนะจัง]
ฉันเดินไปนั่งข้างๆ โรบินแล้วคุยเรื่องต่างๆ นาๆ จนช๊อปเปอร์ตะโกนขึ้นมาว่า
“ลามิ! ลามิจะช่วยรักษาพวกลูฟี่ล่ะ!” ช๊อปเปอร์เดินมาพร้อมทำหน้าดีใจ ช่วยรักษา? ยังไงเนี่ย...
“ยังไงล่ะ” โรบินหันไปถามช๊อปเปอร์
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไปดูก่อนเถอะ >O<” ช๊อปเปอร์พูดพร้อมวิ่งเข้าไปหาลามิ ตอนนี้ทุกคนล้อมเป็นวงกลมโดยมีลามิยืนอยู่ตรงกลาง
“ลามิ ลามิ~” ลามิ
“ลามิบอกให้เราจับมือกันน่ะ” ช๊อปเปอร์พูดพร้อมหันหน้าไปจับมือโรบิน โรบินหันมาจับมือฉัน ฉันจับมือแฟรงกี้ แฟรงกี้จับมืออุซป อุซปจับมือซันจิ ซันจิจับมือลูฟี่ ลูฟี่จับมือบรู๊ค บรู๊คจับมือโซโล โซโลหันมาจับมือช๊อปเปอร์ต่อ
“ลามิ~”
จู่ๆ ตัวของลามะก็เรืองแสงสีทองขึ้นมา ประกายที่สวยงามกระจายตัวและพุ่งตัวขึ้นไปหัวของพวกเราแต่ละคน ก่อนที่มันจะค่อยๆ หล่นลงมาอย่างช้าๆ เมื่อประกายแรกสัมผัสเข้าที่ตัวของฉันเท่านั้นแหละ ความรู้สึกถึงพลังก็พุ่งเข้ามาในร่างกายทันที อะไรเนี่ย! ทำไมมันถึง... สบายแบบนี้ เหมือนมีพลังเต็มร่างกายไปหมดเลย
“ไม่เจ็บแล้วแฮะ” ลูฟี่พูดอย่างตกตะลึง
“ใช่ ไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย” อุซปเองก็พูดขึ้นมาบ้าง
“ความรู้สึกถึงความซูปเปอร์เลยล่ะ!” แฟรงกี้
“สบายจริงๆ เลย” โรบินพูดพร้อมอมยิ้ม
“นั่นสิ...” ซันจิ
“รู้สึกพลังเลยล่ะครับ โยโฮะๆ” บรู๊คคุง
“ฮะๆ ลามิ ขอบคุณนะ” ช๊อปเปอร์หันหน้าไปมองลามิ
“ลามิ ~” ลามิ
“ตอนนี้ฉันไม่เป็นไรแล้ว! เริ่มนำตัวลามิกลับหมู่บ้านกันเถอะ >O<!!” ลูฟี่
“นั่นสิ” ช๊อปเปอร์
แล้วพวกเราก็เดินออกจากปราสาทมา ทุกคนในหมู่บ้านยืนดักรอเราอยู่ที่หน้าปราสาท อึ๋ย... แย่แล้ว!
“พวกนายมายืนอะไรกันตรงนี้หรอ” ลูฟี่ถามอย่างสงสัย คนในหมู่บ้านส่งยิ้มให้พวกเรา ก่อนที่อากาเนะจังจะเดินออกมาจากฝูงชน
“พี่ลูฟี่...” อากาเนะจัง
“อ้าว นากาเนะเองหรอ” ลูฟี่
“ทุกคนในหมู่บ้านต้องขอบคุณพวกพี่จริงๆ เลยนะคะที่นำเอาสีสันกลับมาให้หมู่บ้านขอวเรา” อากาเนะ
“อื้ม... ไม่เป็นไรหรอกน่า” ลูฟี่พูดพร้อมฉีกยิ้ม
“หนูกับพ่อน่ะ... เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วนะคะ” อากาเนะพูดพร้อมยิ้ม
“ดีจริงๆ เลยนะ อากาเนะจัง ^^” ช๊อปเปอร์
“พี่ช๊อปเปอร์... นั่นสิคะ ดีแล้ว” อากาเนะจังพูดแล้วยิ้มให้ช๊อปเปอร์ ก่อนจะค่อยๆ หันหน้ามามองทางฉัน ฉันส่งยิ้มบางๆ ให้กับอากาเนะ อากกาเนะเดินเข้ามาใกล้ๆ ฉันแล้วยื่นตุ๊กตาลามะที่ฉันให้อากาเนะจังคืนให้ฉัน
“หนูเอาคืนนะคะพี่นามิ ^^” อากาเนะจัง
“อะ.... ไม่เป็นไรหรอกอากาเนะจัง อากาเนะจังเก็บไว้ก็ได้นะ...” ฉัน
“ไม่เป็นไรค่ะ” อากาเนะพูดพร้อมเรียกให้ฉันก้มตัวลง ฉันก้มตัวลงตามที่อากาเนะจังบอก อากาเนะยื่นปากมาใกล้ๆ หูของฉันแล้วกระซิบกับฉันว่า
“หนูรู้ว่ามันเป็นของสำคัญของพี่ ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้หนูยืม” อากาเนะ
“อากาเนะจัง” ฉันมองอากาเนะจังอย่างอึ้งๆ ก่อนจะรับตุ๊กตาตัวนั้นมา แล้วกอดมันแน่น
“ขอบคุณจ๊ะ อากาเนะจัง” ฉัน
“หนูสิควรจะขอบคุณพวกพี่ๆ” อากาเนะส่งยิ้มให้ฉัน ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาพ่อของเธอที่เดินมาพอดี
“พวกพี่ทำทุกอย่างสำเร็จแล้ว... พวกพี่จะไปแล้วหรอคะ” อากาเนะจังหันมาถามฉัน
“อื้ม พวกเราต้องไปแล้วล่ะ ต้องเอาลามะไปส่งที่บ้านของมันน่ะ” ฉัน
“น่าเสียดายนะคะ... แต่ก็... ถ้าพี่มาอีก อย่าลืมแวะมาหาพวกเรานะคะ” อากาเนะ
“อ่าใช่... ว่าแต่ เราจะออกจากที่นี่ยังไง ที่เราเข้ามามันเพราะน้ำวนหนิ” โซโลพูดขึ้น พวกเราทุกคนหันหน้าไปมองหน้าโซโลอย่างตะลึง
“อะไร?” โซโลมองพวกเราอย่างงงๆ
“จริงสิ แล้วเราจะออกไปยังไง!!!” ทุกคนประสานเสียงพร้อมทำหน้าเหวอ
มันก็วิ่งนะ แล้วเราจะออกไปยังไง =[]=!!!
ฟิ้วววว...
จู่ๆ สายลมแรงก็พัดเข้าที่พวกเรา ฉันที่สงสัยในสายลมนี้ หันหน้าไปมองตามทางที่สายลมพัดไป นั่นมัน...
“ดูนั่นสิ” ฉันชี้ ทุกคนหันหน้าไปมองอย่างสนใจ แล้วทุกคนก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก
“ซะ... ซันนี่ไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง =[]=!!” แฟรงกี้
“นั่นสิ ว๊ากกก” ลูฟี่
“ทำไมเป็นงี้อะ =[]=!!” ช๊อปเปอร์
เรือซันนี่ ที่ตอนแรกอยู่ในถ้ำที่ไม่มีน้ำซักหยด แต่ตอนนี้กลับลอยอยู่ที่แม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลออกมา มันไปอยู่ตรงนั้นได้ยัง? ทุกคนต้องสงสัย เพราะแม่น้ำนั้น... เหมือนมันจะเชื่อมไปออกสู่ทะเลซะด้วย... อะไรเนี่ย เป็นไปได้ยังไง...
ฟิ้วววว
สายลมพัดเข้ามาอีก ฉันอมยิ้มแล้วหันไปมองทางท้องฟ้า...
คาเซคิ... นายสินะ...
“ขอบคุณ” ฉันพูดออกมาเบาๆ แต่ดูเหมือนลูฟี่จะได้ยิน หมอนั่นหันมองมาทางฉันอย่างสงสัย
“อะไรหรอนามิ” ลูฟี่
“ป่าวหรอก เราขึ้นเรือกันเถอะ” ฉันพูดพร้อมส่งยิ้มให้ลูฟี่ ก่อนที่จะวิ่งไปที่เรือก่อนเป็นคนแรก ขอบคุณจริงๆ นะ... คาเซคิ ^^!!
“ทุกอย่างพร้อมนะ กางใบเรือ” ฉัน
“ครับคุณนามิ!” ซันจิวิ่งขึ้นไปกางใบเรือ ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว ถึงเวลาที่เราจะเอาตัวลามิไปคืนแล้วล่ะ
“พร้อมแล้วคร้าบบบ” ซันจิตะโกนขึ้นมา
“อื้ม! ออกเรือ!!” ฉัน
“พี่นามิคะ!!~” เสียงของอากาเนะจังดังมาไม่ไกล ฉันหันไปมองตามต้นเสียง เธอยืนจับมือกับพ่อแล้วโบกบายบ้ายบายฉัน ฉันส่งยิ้มกลับให้เธอ แล้วโบกมือบ้ายบาย
“ฉันขอโทษที่ว่าพวกเธอนะ!!” พ่อของอาการเนะจังตะโกนมาบ้าง
“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันฉีกยิ้มกลับให้พ่อของอากาเนะจัง
เอ๊ะ... นั่นมัน...
“...”
คาเซคิ... เขานั่งอยู่บนต้นไม้แล้วส่งยิ้มให้ฉัน ก่อนที่จะมีลมพัดเข้ามาหาฉันอย่างแรงทำให้ต้องหลับตา แต่พอลืมตาขึ้น คาเซคิก็หายไป... คาเซคิ... นายน่ะ ได้เกิดเป็นสายลมแล้วนะ...
“นามิดูสิ ตัวฉันมีสีทองติดเต็มเลย >O<” ลูฟี่วิ่งมาโชว์ฉัน... ตัวของเขามีที่ทองจริงๆ แฮะ คงเพราะลามิล่ะมั้ง
“อ่า สวยดีนะ” ฉัน
“เท่ใช่มั้ยล่า ช๊อปเปอร์ดูฉันสิ >__<” ลูฟี่เดินไปอวดช๊อปเปอร์ที่เล่นกับลามิบ้าง
“โอ้วววววว *O*!!” ช๊อปเปอร์
“เฮ้ ฉันขอบ้างสิ!~” อุซป
แล้วทั้งสามคนก็กระโดดเข้ากอดลามิเพื่อให้ลามิทำให้ตัวเองเป็นสีทองบ้าง เฮ้อ ติ๊งต๊องเหลือเกินนะ
“คุณนามิ น้ำส้มมั้ยครับ ^^” ซันจิเดินมาพร้อมยื่นน้ำส้มให้ฉัน ฉันส่งยิ้มให้ซันจิแล้วรับมันมา
เอาล่ะ... กลับไปที่หมู่บ้าน Llama ji land กันดีกว่า!
“นั่น เห็นเกาะแล้ว!” อุซปใช้กล้องส่องทางไกลมอง อ่า ถึงแล้วหรอเนี่ย
“ไหนๆๆ” ลูฟี่วิ่งไปแย่งกล้องส่องทางไกลมาดู
ฉันค่อยๆ เดินไปดูบ้าง ก่อนจะแย่งกล้องส่องทางไกลจากลูฟี่ขึ้นมาส่อง เอ๊ะ... ทำไมไม่เหมือนเกาะ Llama ji land ที่อุดมสมบูรณ์เลยนะ มันดูแห้งแล้งยังไงก็ไม่รู้... ทำไมล่ะ
‘คืออาการที่ เมื่อลามะทองคำหายตัวไปจากเกาะ ฉันไม่เคยเห็นหรอกนะ แต่เรื่องเล่าที่เคยเล่าต่อๆ กันมา มันจะเป็นอาการแบบนี้เลย เมื่อลามะทองคำออกจากเกาะไป ลามะทุกตัวจะล้มป่วย ไม่สบาย... แล้วพวกมันจะล้มตายกันไปในที่สุด’
เสียงของคุณลุงผู้ใหญ่หมู่บ้านพุ่งตรงเข้ามาในหัวฉันทันที... จริงสินะ คงต้องรีบเอาตัวลามิคืนสู่เกาะแล้วล่ะ
“มันดูแห้งแล้งจังเนอะ” โรบินเดินมาพูดกับฉัน ฉันหันไปมองโรบินแล้วพยักหน้า
“รับเอาตัวลามิคืนเกาะนั้นดีกว่านะ” ฉัน
“นั้นน่ะสิ” โรบิน
“อ๊ะ... เรือของพ่อหนุ่มคนนั้นหนิ เขากลับมาแล้ว!!” เสียงหนึ่งของคนในหมู่บ้านตะโกนมาอย่างดัง ซะจนพวกฉันที่แล้นเรือไปเกือบจะถึงเกาะแล้วยังได้ยิน
“ว่าไงนะ กลับมาแล้วหรอ”
แล้วไม่นานคุณลุงผู้ใหญ่หมู่บ้านก็เดินออกมา เมื่อเขาเรือเรือของพวกเราก็ยิ้มล่า
“กลับมาแล้วนะลุง!!!” ลูฟี่ตะโกนบอกคุณลุงอย่างดัง คุณลุงเองก็ยิ้มแล้วพยักหน้ารับ
“ลามิ~” ลามิเองก็กระโดดขึ้นเกาะกับขอบเรือเพื่อมองหาลุงผู้ใหญ่หมู่บ้านบ้างเช่นเดียวกัน
ตึก...
“เอาล่ะทอดสมอได้” ฉัน
“ลามิ ลามิ!!” คุณลุงวิ่งไปรับตัวลามิทันที ลามิที่เห็นคุณลุงก็รีบกระโจนลงจากเรือไป ก่อนจะนัวเนียกับตัวของคุณลุงอย่างคิดถึงมากๆ
“แกกลับมาแล้วนะลามิ รีบไปดูลูกๆ ของแกเถอะ” คุณลุง
“ลามิ~ ลามิ~” ลามิ
“พวกเราไปดูด้วยสิ *O*” ลูฟี่
“มาสิ” ลูฟี่กระโดดลงจากเรือแล้ววิ่งแข็งกับลามิไปที่รัง ฉันที่เห็นอย่างนั้นจึงกระโดดลงจากเรือบ้าง
เมื่อลามิวิ่งเข้าไปที่เกาะ เมื่อมันวิ่งผ่านต้นไม้ที่ใกล้ตาย ประกายสีทองของมันก็กระจายไปโดนกับต้นไม้เหล่านั้นจนมันเติบโตขึ้นอีกครั้ง เกาะนี้เริ่มมีสีเขียวขึ้นอีกครั้ง
“ลามิ~” ลามิกระโดดเข้าไปในรัง แล้วเลียที่ตัวของลูกมันทั้งสามตัวที่นอนหลับอยู่ เจ้าสามตัวนั้นที่ตอนแรกนอนไม่กระดิก พวกมันก็ค่อยๆ ขยับตัวแล้วลุกขึ้นดูดนมของลามิทันที
“น่ารักจริงๆ เลยเนอะ” คุณลุงหันไปถามลูฟี่
“อื้ม~” ลูฟี่ยิ้ม
“ลูฟี่ วิ่งนำมาไม่รอกันเลยนะ” ฉันวิ่งตามลูฟี่มาแล้วมองไปที่ลามิที่นอนอยู่กับลูกๆ ของมัน ตอนนี้คนในหมู่บ้านวิ่งมาดูลามิกันเต็มไปหมด ทุกคนดีใจมากที่พวกเราเอาตัวลามิมาได้
“เธอวื่งช้าต่างหากล่ะ” ลูฟี่หันมาทำหน้าบูดใส่ฉัน
“เอาล่ะ เราออกจากที่นี่กันเถอะ” คุณลุง
“หา? ออกทำไมอะลุง?” ลูฟี่หันไปถามลุงอย่างงงๆ
“ลามิต้องการการพักผ่อนนะ เราต้องให้ลามินอนพักบ้าง พวกเธอไปในเมืองกันเถอะ วันนี้เราต้องฉลอง!” คุณลุง
“อ่าใช่ คุณลุงครับ” ช๊อปเปอร์ที่เดินตามมาหันไปพูดกับคุณลุง
“หืม อะไรหรอ” คุณลุงยิ้มให้ช๊อปเปอร์
“ลุงชื่ออะไรหรอครับ” ช๊อปเปอร์
“อ๋อ ชื่อโทโร่” คุณลุงพูดพร้อมอมยิ้ม
“อา... คร้าบผม ^^” ช๊อปเปอร์ยิ้มกลับให้ลุงโทโร่แล้ววิ่งตามลูฟี่ที่วิ่งไปกลางทุ่งหญ้าสีเขียว
ฉันเองก็เดินตามไปบ้าง ลมเย็นสบายดีจังนะ
“นามิ ดูสิมีดอกไม้ขึ้นตรงนี้ด้วย~” ลูฟี่วิ่งไปชี้ที่ดอกไม้ที่มันขึ้นตรงกลางทุ่งหญ้าที่มีแต่สีเขียว
“สวยดีนะ” ฉัน
มันเป็นดอกไม้สีฟ้า.. และมันมีแค่ดอกเดียวซะด้วยสิ ทำไมอยู่ๆ มางอกตรงนี้ได้นะ
ลมแรงที่พัดมา พัดดอกซากุระที่อยู่ในหมู่บ้านมาด้วย ลมเย็นสบาย แล้วก็ได้กลิ่นของซากุระเต็มไปหมดเลยด้วย สบายจัง~
“ดอกไม้ติดหัวแหน่ะ” ลูฟี่ลุกขึ้นยืนแล้วค่อยๆ เอื้อมมือมาดึงกลีบดอกซากุระที่พัดมาติดกับผมของฉันออก เมื่อเขาดึงมันออกมาแล้วก็โชว์ให้ฉันดู... อา...
“เข้าไปในหมู่บ้านกันเถอะ เขาต้องเลี้ยงเนื้ออีกแน่ๆ เลย >__<!!” ลูฟี่คว้าที่ข้อมือของฉันไว้แล้วดึงให้วิ่งไปที่หมู่บ้าน ฉันที่ตามใจเขา จึงยอมวิ่งไปด้วยดีๆ
“มีเนื้อมั้ยยย~” ลูฟี่เมื่อเข้าไปถึงใจกลางหมู่บ้านก็ตะโกนร้องเรียกหาเนื้อในทันที
“อ่า... เนื้ออยู่ฝั่งนู้นแหน่ะ อาใช่... ลุงมีคนอยากให้พวกเธอรู้จัก” ลุงโทโร่ยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะหันหน้าไปเรียกใครสักคนหนึ่งออกมา
“ใครหรอลุง” ลูฟี่
“นี่ไง หลานสาวของลุงเอง เธอชื่อ รีเทล รีเทลทำความรู้จักกับเขาทั้งสองคนไว้สิ” ลุงโทโร่ผายมือให้กับหลานสาวของลุง
หลานสาวของลุงเป็นผู้หญิงที่อายุประมานพวกฉัน มีผมสีน้ำตาลอ่อน นัยน์ตาสีทองเป็นประกาย ผิวขาว เธอเป็นคนที่สวยมากเลยล่ะ เมื่อเธอเดินมาถึง เธอส่งยิ้มให้กับลูฟี่และฉัน แล้วยื่นมือไปตรงหน้าของลูฟี่ ลูฟี่ทำหน้างงเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือเธอไว้
“ฉันรีเทลค่ะ ^^” รีเทล
“อ่า ฉันลูฟี่” ลูฟี่
“แล้วคนข้างหลัง...” รีเทลพูดพร้อมหันหน้ามาทางฉัน
“อ่า ฉันนามิ” ฉัน
“ค่ะ ^^” รีเทล
“รีเทล นำทางสองคนนี้ไปที่วางเนื้อทีสิ ลูฟี่คุงเขาอยากกินเนื้อน่ะ” ลุงโทโร่
“ได้ค่ะลุง” รีเทล
“ตามมาเลย... ลูฟี่” รีเทลส่งยิ้มให้ลูฟี่แล้วเดินนำทางลูฟี่ไป ลูฟี่ยิ้มร่าแล้วเดินตามเธอไป ฉันเองก็เดินตามไปเช่นเดียวกัน
“ตรงนี้แหละค่ะ เชิญทานได้ตามสบายเลยนะคะ” รีเทล
“อ่า ขอบใจนะ” ลูฟี่ยิ้มแล้วดึงเนื้อเข้าปากทันที รีเทลมองลูฟี่ยิ้มๆ แล้วนั่งลงข้างๆ ลูฟี่ ฉันจึงเดินไปนั่งข้างๆ เธอบ้าง
“รีเทลเป็นหลานของลุงโทโร่หรอ” ฉันส่งยิ้มให้รีเทล รีเทลหันหน้าไปมองฉันมองด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม
“ค่ะ ^^” รีเทล
“เธอสวยจังเลยนะ ^^” ฉัน
“ขอบคุณ” รีเทลใช้หางตามองฉัน ก่อนจะหันหน้าไปมองทางลูฟี่ต่อ อะไรกัน... ความรู้สึกถึงความเป็นศัตรูมันพุ่งเข้ามายังไงก็ไม่รู้ =[]=~
“คุณลูฟี่กินเยอะๆ เลยนะคะ เดี๋ยวฉันไปหยิบมาให้อีก ^^” รีเทล
“อื้ม ขอบใจนะ” ลูฟี่
“ค่า ^^” รีเทลยิ้มแล้วลุกพรวดขึ้นมาทันที แล้วแขนของเธอก็ดันมาชนที่เก้าอี้ที่ฉันนั่งอยู่ ไอฉันที่นั่งธรรมดาๆ ถึงกับล้มเลยทีเดียว
โครม!!
“โอ๊ยยย” ฉันร้อง
“อ๊ะ! คุณนามิเป็นอะไรหรือป่าวคะ” รีเทลรีบหันมาช่วยฉันทันที น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“อา... ไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณจ๊ะ” ฉันลุกขึ้นตามแรงดึงของเธอ
“ซุ่มซ่ามจังนะนามิ” ลูฟี่หันหน้ามามองฉัน
โป๊ก!!!
“นายมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉันยะ” ฉัน
“เจ็บบ >[]<!!” ลูฟี่เอามือกุมหัวของตัวเอง
เมื่อตกดึก ทุกคนในหมู่บ้านก็นั่งล้อมกันเป็นวงกลม โดยมีกองไฟอยู่ตรงกลาง ทุกคนจะเล่าประสบการณ์ชีวิตของตัวเองที่สนุกที่สุดออกมาทีละคน และเรื่องเล่าต่างๆ ของเกาะนี้
“อ่า... ถึงตาของท่านอุซปแล้วสินะ!” อุซปลุกขึ้นยืนเตรียมตัวเล่าเรื่องของตัวเอง
“ฉันน่ะมีลูกน้องถึงแปดพันคน ตอนนั้นฉันท่องไปตามทะเลแล้วเจอจ้าวทะเล มีสิบตา สิบคลีบ สิบปาก ตัวใหญ่กว่าเกาะอีกนะ!! ตัวมันยาวมากกเลย แต่ฉันน่ะ ไม่เคยกลัวมันหรอกนะ ฉันใช้ลูกกระสุนยิงไปที่กลางลำตัวของมัน มันร้องไม่เป็นเสียงเลยล่ะ ฮ่าๆๆๆ” อุซปคุยโอ้อย่างมีความสุข
“นายเคยเป็นงั้นด้วยหรออุซป สุดยอดดด *O*!!” ลูฟี่ตาเป็นประกาย
“แน่นอน ตอนหลังสุดมันก็ร้องของชีวิตฉัน และเพราะฉันมีจิตใจเมตตาจึงปล่อยมันไป ฮ่าๆๆ มันสู้ฉันไม่ได้เลยซักนิด!!~” อุซป
“อุซปสุดยอดดด *O*!!!” ลูฟี่/ช๊อปเปอร์
“แน่นอนๆ ~” อุซป
“งั้นก็ตาฉันเล่าแล้วหรอเนี่ย” คุณลุงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ กับอุซปพูดขึ้น ทุกคนพยักหน้าบอกให้ ใช่ ถึงตานายแล้ว
“อืม... เอาเรื่องอะไรดีนะ ชีวิตฉันไม่ได้น่าตื่นเต้นเหมือนพ่อหนุ่มคนนี้ซะด้วยสิ... เอาเป็นเรื่องเล่าแล้วกันนะ~” ลุงเขา
“เอาเลยๆ~” คนในหมู่บ้านพูดขึ้น
“ทุกคนเชื่อเรื่องปลายสายรุ้งกันหรือป่าว! ที่ว่าแหกเจอปลายสายรุ้งแล้ว จะเจอหม้อทองคำน่ะ~” ลุงเขา
“โห่ มีอยู่จริงหรอ เรื่องพันนั้น O_O!” ลุงคนหนึ่งพูดขึ้น
“มีจริงซิ~ เมื่อก่อนน่ะ เคยมีเรื่องเล่ามาว่าปลายสายรุ้งเคยมาจบลงที่เกาะนี้ด้วยนะ มีผู้ไปพบมันมาแล้วด้วยหม้อทองคำน่ะ~”
“จริงอะ OoO” ลูฟี่ อุซป ช๊อปเปอร์ ทำหน้าตกตะลึง
“จริงซี่ หลังจากที่ชายคนนั้นเจอหม้อทองคำ เขาก็กลายเป็นคนที่ร่ำรวยมากๆ เลยล่ะ หม้อทองคำน่ะ มีอยู่จริงนะ~”
“โห้ววว ไม่เชื่อหรอก ฮ่าๆๆ” ลุงคนหนึ่งพูดขึ้น แล้วทุกคนในหมู่บ้านก็หัวเราะอย่างมีความสุข
“นั้นสิ จะไปมีจริงได้ยังไง ฮ่าๆ”
“ไม่แน่นะแก อาจมีจริงนะ~” ลุงคนที่เล่าเรื่องนั้นพูดขึ้น
“บ้าน่าไม่มีหรอก ฮ่าๆๆ”
“นั้นสินะ ไม่รู้สิ ฉันก็ได้ยินมาจากหลายๆ คนน่ะ คงโม้มั้ง! ฮ่าๆๆๆ” ลุงคนเล่าเรื่องหัวเราะบ้าง
ปึง!!
ทุกคนต้องตกใจ เพราะจู่ๆ รีเทลที่นั่งอยู่เฉยๆ ก็ทุบลงที่พื้นดินอย่างรุนแรง ทุกคนหันไปมองตาเป็นตาเดียว
“มีจริงสิ ปลายสายปุ้ง หม้อทองคำ มีอยู่จริงๆ นะ!!!” รีเทลตะโกนขึ้นมา
“โห้วๆ ใจเย็นๆ สิรีเทล” ลุงที่นั่งอยู่ข้างๆ รีเทลพูดขึ้น
“มันมีอยู่จริงๆ!!” รีเทลยังไม่หยุดพูด
“รีเทลเอ้ย... อย่าเชื่อเรื่องพันนี้เลยนะ” คุณลุงเขาปลอบโยนรีเทลอีกครั้ง
“บอกว่ามีอยู่จริง ก็คือมีอยู่จริงสิ!!” รีเทลลุกขึ้น แล้ววิ่งออกจากวงล้อมไป ทุกคนที่เคยหัวเราะเงียบลง
“ยัยนั่นเป็นอะไรน่ะ” ลูฟี่ถามมาอย่างสงสัย
“อา... ก็พ่อของเด็กคนนั้นน่ะสิ” ลุงที่นั่งข้างๆ รีเทลพูดขึ้น
“พ่อของเด็กคนนั้นน่ะ เชื่อหมดใจว่าปลายสายรุ้งน่ะมีอยู่จริง แล้วออกตามหามันอยู่ตลอดๆ” ลุงเขาพูดต่อ
“แล้วตอนนี้พ่อของรีเทลอยุ่ไหนล่ะคะ” ฉันถามอย่างสงสัย
“ออกไปตามหาปลายของสายรุ้งน่ะสิ ไม่กลับมาเป็นสี่ห้าปีแล้วล่ะ เด็กคนนั้นที่รักพ่อมากก็คิดว่าปลายสายรุ้งมีอยู่จริงเหมือนกัน เธอมักจะอ่านหนังสือที่พ่อเธอส่งมาให้ทุกเดือน แต่เดี๋ยวนี้ไม่ส่งมาแล้วล่ะ” ลุงเขา
“ทำไมล่ะคะ” ฉัน
“ไม่รู้สิ บ้างก็บอกว่าโดนฟ้าผ่าตาย บ้างก็บอกว่าตกหน้าผา บ้างก็บอกว่าหนีไปแล้ว” ลุงเขา
“งั้นเด็กคนนั้นก็คง...” ฉัน
“อื้ม”
ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่ารีเทลจะมีอดีตที่น่าสงสารแบบนี้...
วันต่อมา
ตอนนี้พวกฉันเตรียมตัวจะออกเรือเดินทางกันต่อแล้ว เราเสียเวลามามากแล้วนะเนี่ย
“จะไปแล้วหรอเนี่ย” ลุงโทโร่
“ต้องไปแล้วล่ะลุง” ลูฟี่พูดพร้อมส่งยิ้มให้ลุงโทโร่
“นั้นสินะ... อาหารพอหรือป่าว” คุณลุงโทโร่พูด
“มากพอแล้วล่ะ ขอบคุณลุงมากๆ เลยนะ ^^” ลูฟี่ฉีกยิ้มกว้าง
“ไม่เป็นไรหรอก เดินทางให้สนุกนะ ^^” ลุงโทโร่
“เออ ใช่ลุง... ผู้หญิงที่ชื่อรีเทลอะไรนั้นน่ะ เป็นไงบ้าง” ลูฟี่
“อืม... เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านน่ะ ยังไม่เดินออกมาเลย” ลุงโทโร่
“หรอ... แล้วมันเป็นเรื่องจริงหรอ เรื่องปลายสายรุ้งเคยมีจบลงที่นี่” ลูฟี่
“หึๆ ไม่รู้สิ บางคนก็บอกว่ามี บางคนก็บอกว่าไม่” ลุงโทโร่พูดพร้อมอมยิ้ม
“นั่นสินะ มีจริงก็ดีน่ะสิ” ฉันเดินไปพูดคุยกับลุงโทโร่บ้าง
“มันอาจจะมีจริงๆ ก็ได้นะแม่หนู ^^” ลุงโทโร่
“ฮ่าๆ ฉันก็ขอให้เป็นแบบนั้นนะ ไปก่อนนะคะลุง” ฉัน
“อื้ม ถ้าเดินทางมาอีก อย่าลืมแวะมาหาด้วยนะ ^^” ลุงโทโร่
“แน่นอนอยู่แล้วลุง~” ลูฟี่
“ลามิ~~~”
จู่ๆ ลามิก็วิ่งมาที่ท่าเรือ มันหันหน้าไปมองทางลูฟี่ พวกเราทุกคนรีบวิ่งมาหาลามิอย่างตกใจ
“อ้าว แกทอิ้งลูกมาแบบนี้จะดีหรอลามิ” ลูฟี่
“ลามิ~” ลามิ
“เขาบอกว่าอยากจะมาบอกลาน่ะ” ช๊อปเปอร์
“หา? มาบอกลางั้นหรอ~ อ่า บ้ายบายนะลามิ แล้วเจอกันใหม่!!” ลูฟี่
“ลามิ~~” ลามิร้องแล้วกระโดดไปมาเป็นวงกลม พวกเราทุกคนบอกลาลามิและทุกคนในเกาะ
“เอาล่ะ กางใบเรือ เตรียมออกเรือกันได้แล้ว!” ฉัน
“คร้าบคุณนามิ~ /อืม” โซโลและซันจิวิ่งขึ้นไปกางใบเรืออีกครั้ง แล้วสายลมก็พัดให้เรือของเราแล่นออกสู่ทะเล
“เฮ้อ ออกมาสู่ทะเลอีกจนได้นะ” แฟรงกี้
“นั้นสิ ต้องคิดถึงพวกลุกโทโร่แน่ๆ เลย” ลูฟี่พูดพร้อมฉีกยิ้ม
“เอาเถอะ เดี๋ยวเราค่อยมาเยี่ยมใหม่ก็ได้” ฉัน
เวลาผ่านไป แล้วแล้นเรือมาไกลจนไม่เห็นเกาะ Llama ji land แล้ว เฮ้อ... เอาเถอะ
“ซันจิ อาหารเช้า~~” ลูฟี่ร้องโวยวายขึ้นมาทันทีเมื่อถึงเวลาอาหารเช้า นั้นสินะ หิวแล้วๆๆ
“น่า เดี๋ยวก่อนสิลูฟี่ ฉันยังจัดของไม่เสร็จเลย” ซันจิ
“มาเดี๋ยวช่วย” ลูฟี่และแฟรงกี้เดินเข้าไปที่รังต่างๆ ที่บรรจุอาหารเต็มไปหมด เพื่อที่จะลากไปให้ซันจิ
“เอ๊ะ” ลูฟี่กับแฟรงกี้ประสานเสียงอย่างตะใจ
“อะไรหรอ” ฉันเดินเข้าไปหาอย่างสงสัย
“หา!!!” ฉันร้องเสียงหลง
“หวา... ถูกจับได้ซะแล้วว =O=~”
“รีเทล!!!” ทุกคนประสานเสียงอย่างตกใจ รีเทล!! แอบขึ้นเรือเรามา ได้ยังไง =[]=!!?
“ฉันขอติดเรือพวกนายไปด้วยนะ >___<” รีเทล
“ได้อยู่แล้วคร้าบบบ~~” ซันจิรู้สึกจะดี๊ด๊าเป็นอย่างมาก ลูฟี่และทุกคนที่ยังตะลึงไม่หาย
“เธอแอบขึ้นเรือของพวกเรามานะ!” อุซป
“ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย -3-” รีเทล
“ไม่ได้ตั้งใจ แล้วมาโผล่ที่นี่ได้ไง =[]=!!!” อุซป
“ฉันขอไปด้วยนะลูฟี่~” รีเทลหันหน้าไปออดอ้อนลูฟี่ทันที
“ทำไมเธอต้องขึ้นมาบนเรือของเราล่ะ เธอมีจุดประสงค์อะไร” โรบินถามขึ้น เธอนิ่งเงียบๆผ ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงสมุดบันทึกอะไรซักอย่าง แล้ววางไว้กับพื้น
“ฉันต้องการ... ตามหาปลายสายรุ้ง!!” รีเทล
“เธอจะบ้าหรอ!!” ฉัน
“ป่าวซะหน่อย” รีเทล
“ปลายสายรุ้งน่ะ มีจริงด้วยหรือไง” โรบินพูดขึ้น
“มีสิ จากหนังสือที่พ่อส่งๆ มาให้ มันมีอยู่จริงๆ นะ ดูสิ!!” เธอกางหน้าสมุดยื่นให้พวกเราดู ลูฟี่ที่เงียบอยู่นานหันหน้าไปมองทางรีเทล
“เธออยากได้หม้อทองคำอย่างนั้นหรอ” ลูฟี่
“ฉันไม่ได้อยากได้ซักหน่อย! ฉันก็แค่... ถ้าเจอปลายสายรุ้งที่ไหน ฉันว่าพ่อของฉันต้องอยู่ที่นั้นแน่ๆ ฉันไม่เชื่อหรอกนะ ว่าพ่อของฉันจะตายน่ะ พ่อไม่มีทางตายหรอก ฉันอยากออกตามหาพ่อ!!” รีเทล
“หรอ...” ลูฟี่
“ใช่ เพราะงั้น!! ให้ฉันเดินทางไปกับพวกนายเถอะนะ ถ้าเจอหม้อทองคำแล้วฉันจะให้หม้อทองคำกับพวกนายให้หมดเลย ขอแค่... ขอแค่ให้ฉันได้เจอพ่อของฉันอีกซักครั้ง... นะ!!” รีเทล
“ได้สิ” ลูฟี่ตอบรับแบบไม่คิด ว่าไงนะย้า =[]=!!!!
“นายจะบ้าหรอลูฟี่” โซโล
“ทำไมอะ?” ลูฟี่หันหน้าไปมองทางโซโลอย่างงงๆ
“จู่ๆ จะรับมาเฉยเลยเนี่ยนะ!” โซโล
“ก็เขาอยากเจอพ่อหนิ ส่วนฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าหม้อของคำน่ะมีจริงรึป่าว เพราะงั้น รับๆ ไปเถอะน่า” ลูฟี่
“จริงหรอลูฟี่ *O*” รีเทลมองหน้าลูฟี่ตาเป็นประกาย ลูฟี่ฉีกยิ้มแล้วพยักหน้ารับ รีเทลฉีกยิ้มอย่างดีใจแล้วโผเข้ากอดลูฟี่ทันที
“ดีจริงๆ เลย ลูฟี่คุงใจดีจริงๆ ฉันชักจะหลงรักลูฟี่เข้าให้แล้วสิ >___<!!” รีเทล
“หา!!!!” ทุกคน
อะไรของยัยนี่เนี่ยยยยย =[]=!!!!
ความคิดเห็น