ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มายาล่ารัก

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่สอง - เหตุแห่งชัยชนะสิบประการ (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 57


    “ฉันตายแน่แกเอ้ย!” เสียงสบถที่มาพร้อมกับสีหน้าเหมือนใครไปฆ่าแมวข้างบ้านของสโรชาทำให้เพื่อนสาวควบตำแหน่งรูมเมทถึงกับต้องละสายตาจากหน้าหนังสือเพื่อหันมามอง

    “เป็นอะไรของแก” หญิงสาวผู้เป็นเพื่อนสนิทหนึ่งเดียวของสโรชาเอ่ยถามด้วยอาการเรียบเฉย ไม่ตกอกตกใจไปตามอีกฝ่ายเพราะนิสัยขี้ตื่นตกใจจนเกินพอดีของเพื่อนรักจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว

    หญิงสาวอึกอักก่อนจะตอบเพื่อนรักออกไปด้วยเสียงผะแผ่ว

    “ฉัน...ถูกเลี้ยงต้อย”

    “ห๊า!!!” และคราวนี้ก็เรียกอาการตื่นตระหนกที่มีไม่ค่อยบ่อยนักจากอีกคนที่กำลังรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ “แกไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่มั้ย”

    “ปฏิเสธไม่ได้ด้วยคราวนี้” สโรชาแทบจะเอาบาทาก่ายหน้าผากให้กับความจริงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ครั้งนี้

    “เขาเป็นใคร?

    “เห็นว่าชื่อครองภพล่ะมั้งนะ” คิ้วเรียวของ มีนา กาญจนวัตร แทบขมวดเป็นปม เมื่อชื่อของใครบางคนที่เพื่อนรักเอ่ยถึงนั้นมั่นมันช่างคุ้นหูเสียนี่กระไร

    “หล่อมั้ย?

    “มาก” เมื่ออีกฝ่ายถามตรงประเด็น มีหรือที่เธอจะเบี่ยงเบนความจริงเพราะเป็นสิ่งที่เห็นกับตา

    “แล้วแกจะคิดมากทำไม”

    “อ้าวไอ้นี่...เป็นเด็กเสี่ยก็หมายถึงเสียตัวนะแกลืมข้อนี้ไปได้ยังไง ไม่มีเสี่ยที่ไหนที่จ่ายเงินแล้วเอาเด็กมานั่งจ้องตาเฉย ๆ กันหรอก”

    “เออ...มันก็จริงของแก”

    แล้วทั้งคู่ก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง...

    ใบหน้าหวานที่เคยมีเครื่องมีสำอางแต่งแต้มก่อนหน้ามาบัดนี้ถูกลบเลือนและแทนที่ด้วยแว่นตาหนาเตอะบดบังความงดงามที่เคยเฉิดฉายจนมีเสี่ยอยากได้ไปขึ้นเตียงมานักต่อนัก สโรชาในยามปกติจะกลายร่างเป็นแม่สาวแว่นหัวฟูและหน้าจืดจนแทบจะไม่เหลือเค้าพริตตี้สาวสวยหุ่นสะบึมอวบอึ๋มเลยแม้แต่น้อย และก็ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเธอมีอาชีพเสริมเป็นอะไรนอกจากเพื่อนรักเพื่อนตาย มีนา กาญจนวัตร และพรศักดิ์หรือพอลล่าผู้ที่หางานมาให้เธอทำจนถึงปัจจุบัน ใช่ว่าเธอจะอับอายกับอาชีพนี้ แต่เพราะไม่อยากให้ใครต่อใครมากะลิ้มกะเหลี่ยหรือเข้าหาเพราะคิดว่าเธอง่ายและได้ไม่ยาก เพราะต้องทำงานโชว์เนื้อหนังมังสา ไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ทำอาชีพนี้ ก็ไม่ได้คิดอยากจะรวยทางลัดไปเสียทุกคน

    สโรชาในวัยยี่สิบเอ็ดปีพอดิบพอดีพยายามหาวิธีไม่เสียตัวฟรีกับเสี่ยรูปหล่อพ่อรวย ถึงแม้อีกฝ่ายจะคุณสมบัติพร้อมไปทุกประการแค่ไหน แต่เธอก็ไม่อยากเป็นแค่เครื่องบำบัดความใคร่ในยามเหงาของพวกเศรษฐีตัณหากลับ อีกแค่เทอมเดียวเธอก็จะหลุดพ้นจากการเป็นนักศึกษาและออกไปหางานทำเป็นเรื่องเป็นราว และงานเสริมที่ทำที่เสี่ยงต่อการเสียตัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแบบนี้ก็จะได้ฤกษ์จรลีจากมันไปอย่างถาวร

    “แกว่าฉันควรจะทำยังไงดีวะ เอาแบบที่ว่าเงินก็ได้ และไม่เสียตัวไรเงี้ย!

    “โอ้โห...ฟังดูแล้วมันทำยากนะเพื่อน” คนฟังแทบจะกุมขมับ เมื่อเงื่อนไขของเพื่อนรักมันช่างทำยากเสียนี่กระไร

    “คนเจ้าแผนการแบบแกต้องคิดได้” ไม่มีอะไรที่หนอนหนังสืออย่างมีนา กาญจนวัตรคิดไม่ได้ เพื่อนสาวของเธอผู้นี้นอกจากจะเป็นว่าที่เกียรตินิยมแล้ว ด้วยความที่หล่อนเป็นคนช่างอ่านมาแต่ไหนแต่ไร ทำให้มีความรู้มากมายและยังเป็นนักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนที่กำลังเป็นที่โด่งดังในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คอยู่ในขณะนี้

    “ไหนแกลองบอกชื่อของตาเสี่ยใจป้ำคนนั้นให้ฉันฟังอีกรอบสิ”

    “ครองภพ เขาบอกแค่นั้น แล้วแกจะเอาชื่อเขาไปทำไม เอาไปทำคุณไสยเหรอ” คนที่เพิ่งเอ่ยถามลอบถอนใจให้กับความไม่เข้าใจของเพื่อนรัก

    “รู้เขารู้เรา รบร้อยชนะร้อย คิดจะทำการใหญ่ต้องรู้จักอีกฝ่ายให้มาก”

    “เอ่อ...ฉันแค่อยากจะหนีเสี่ย ไม่ได้ไปรบกับใครนะเว้ย”

    “มันก็เหมือนกันนั่นแหละ” นิ้วเรียวกดลงไปบนแป้นพิมพ์ของโน้ตบุ้คขนาดกะทัดรัด เพื่อค้นหาสิ่งที่ตนต้องการ จากการสันนิษฐานด้วยชื่อเสียงเรียงนามที่ไร้นามสกุลเช่นนี้ ทำให้การค้นหาที่มีเป็นไปได้ยาก แต่ในเมื่อบุคคลผู้นั้นเป็นระดับป๋าอาเสี่ยอยากเลี้ยงต้อย คงจะกระเป๋าหนักไม่น้อยและน่าจะเป็นที่รู้จักในวงสังคม

    “คนนี้แหละแก!” ใช้เพียงเวลาไม่นาน ก็ค้นพบทั้งชื่อ ประวัติ รูปภาพ และข่าวคาวไม่คาวทั้งหลายแหล่ ปรากฏบนเครื่องมือช่วยหาข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลกจนคนทั้งสองแทบไม่รู้ว่าจะต้องศึกษาหาแหล่งที่มาจากที่ไหนก่อน

    “ครองภพ สิทธิธรรม โอ้! หล่อสุด ๆ ไปเลยแก ถ้าเป็นฉันนี่ให้ฟรีก็ยอม!” หญิงสาวผู้มากจินตนาการทำปากเก่งจนเพื่อนสาวแอบเบ้หน้าใส่ด้วยความหมั่นไส้ล้วน ๆ

    “ปากดี ลองมาเจอคนเผด็จการแบบนี้ฉันว่าแกวิ่งหนีแทบไม่ทัน”

    “ขนาดนั้นเชียว”

    “เออ! ไม่งั้นฉันจะถูกมัดมือชกแบบนี้เหรอ กี่ราย ๆ ก็ปฏิเสธได้หมด พอมาเจอคนนี้แทบไปไม่เป็น” เจ้าของชื่อเล่นนามกล้วยบ่นกระปอดกระแปดอย่างขัดใจ ต่างจากพริตตี้สาวนามบุ้งกี๋ที่ทั้งหวานและล่อใจชายอย่างกับหน้ามือเป็นหลังฝ่าเท้า

    แหม...ก็ใคร ๆ ต่างก็มีฉายาในวงการให้จำง่ายบ้างไม่ใช่หรอกรึ ไม่ว่าจะเป็นหญิงโย่งบ้างล่ะ แมงวันบ้างล่ะ อะไรทำนองนี้ เธอก็อยากมีชื่อเก๋ ๆ ไว้ปกปิดตัวตนที่แท้จริงบ้างอะไรบ้าง...

    คนถูกค่อนขอดแอบเบ้หน้าให้เล็กน้อย แล้วกลับไปก้มหน้าหาข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามเพื่อประเมินสถานการณ์การรับมือให้ถูกต้องและไม่เกิดการพลาดพลั้งถึงขนาดเสียเนื้อเสียตัว ถึงแม้อาเสี่ยคนนี้ได้เห็นสักทีเป็นใครก็อยากจะให้ฟรีกันทั้งนั้นแหละวะ!

    “ครองภพ สิทธิธรรม อายุสามสิบห้าปี เป็นเจ้าของบริษัทผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ทั้งนำเข้าและส่งออกภายใต้ชื่อเอสทีกรุ๊ป หล่อ รวย ครบสูตรผู้ชายในฝันสุด ๆ” สโรชาหูแทบผึ่ง ไม่ได้ตื่นเต้นกับโปรไฟล์ระดับไก่ย่างห้าดาวยังอาย แต่เพราะกิจการที่เขาเป็นเจ้าสัวใหญ่นั่นเอง

    แน่นอนว่าคนที่ชอบในเรื่องเครื่องยนต์กลไกลมาตั้งแต่จำความได้ แถมที่บ้านยังเป็นอู่ซ่อมรถแม้ขนาดไม่ใหญ่มากมายอะไรแต่ก็เป็นที่ไว้ใจสำหรับคนในอำเภอ บิดาของเธอซึ่งเป็นนายช่างใหญ่มีฝีมือที่ไม่ธรรมดา บรรดาคนใหญ่คนโตรถโก้หรูแค่ไหนอู่ของเธอก็ซ่อมได้ถ้ามันยังไม่ใช่เศษเหล็ก แต่กระนั้นความผิดพลาดเดียวในชีวิตของบิดา คือหาเมียดี ๆ กับเขาไม่ได้ มารดาของเธอทั้งขี้เกียจและเป็นผีพนันคอยสูบเลือดสูบเงินที่บิดาหามาได้แทบจะทุกบาททุกสตางค์ สโรชาแทบจำไม่ได้แล้วว่าหน้าตาของมารดาบังเกิดเกล้านั้นเป็นเช่นไร เพราะก่อนที่หล่อนจะหนีไปพร้อมหนี้สินมากมายก็มักจะไปสิงแต่ในบ่อน ชีวิตของเธอมีแต่บิดาที่เลี้ยงดูมาด้วยความรักและทะนุถนอม และยังสอนให้อภัยมารดาทั้ง ๆ ที่เธอไม่สามารถทำใจให้อภัยผู้หญิงคนนั้นได้เลย

    สโรชาไม่คิดจะดราม่าให้กับชีวิต เธอลิขิตความเป็นไปเอง ความที่เติบโตมาในอู่ซ่อมรถทำให้หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มผู้นี้เรียนรู้ความชอบของตนตั้งแต่ยังเด็ก และมันก็สั่งสมเรื่อยมาจนได้เข้ามาเรียนในคณะวิศวกรรมยานยนต์อย่างที่ใฝ่ฝันและอยากจะทำงานในบริษัทชั้นนำ

    และหนึ่งในบริษัทที่ว่ามันก็มีเอสทีกรุ๊ปแปะหราอยู่บนหน้าผากเถิก ๆ ของผู้ชายที่จะกลายมาเป็นอาเสี่ยของเธอในไม่ช้า!

    “ดูท่าจะเป็นผู้ชายที่หยิ่งพอดู คบแต่ละนางมีแต่โปรไฟล์เลิศ ๆ ทั้งนั้น สวย สง่า มีราศี ลูกผู้ดีล้วน ๆ แล้วเขามาเอาแกได้ไงวะฉันงง” ตากลมโตไล่มองภาพข่าวที่ปรากฏบนหน้าจอพลางสาธยายอัตชีวประวัติของผู้ชายที่ชื่อว่าครองภพจนครบถ้วน ซ้ำยังแอบเหน็บแนมเพื่อนสาวในตอนท้ายได้อย่างน่าตบ

    “ฉันทั้งสด ทั้งซิงนะแก เขาก็อยากจะกินเป็นธรรมดา เอาไปเป็นนางบำเรอไม่ได้ออกหน้าออกตาแบบผู้หญิงพวกนั้นหรอก” ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรกับความเป็นจริงที่เพิ่งวิเคราะห์ได้เกี่ยวกับตัวเขาและเธอ เพราะมันคิดให้เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยเนื่องจากบรรดาสตรีที่เขาทั้งคั่วทั้งควงอยู่นั้น แต่ละนางล้วนมีชื่อเสียงโด่งดังไม่เป็นดาราแถวหน้า ก็เป็นไฮโซจากตระกูลดังกันทั้งนั้น แล้วเด็กกะโปโลซ้ำยังโลวโปรไฟล์เป็นได้แค่พริตตี้ตามงานโชว์ทั้งหลายจะเอาอะไรไปสู้แม่พวกนั้นได้นอกจากความสาว

    “สงสัยจะอยากลองกินเด็ก เห็นแต่ละคนมีวุฒิภาวะกันพอสมควร...เอาล่ะ” มือเรียวกดปิดฝาพับหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา พลางหันมามองหน้าเพื่อนสาวอย่างเป็นการเป็นงาน “ฉันรู้แล้วล่ะว่าจะรับมือกับผู้ชายคนนี้ยังไง”

    “เหรอ ยังไงล่ะ” สโรชาอุทานขานรับอย่างตื่นเต้น

    “ผู้ชายคนนี้ท่าทางจะหยิ่งในศักดิ์ศรีไม่น้อย รูปหล่อพ่อรวยมีเสน่ห์”

    “นี่แกกำลังวิเคราะห์พฤติกรรมหรือกำลังชื่นชมเขาอยู่กันแน่วะ”

    “เออน่า...ก็ความจริงมันเป็นอย่างนี้นี่หว่า เอาล่ะ...มาเข้าเรื่องกันต่อ” กลับเข้าสู่โหมดจริงจังอีกครั้ง หลังสูญเสียตัวตนแอบเคลิบเคลิ้มไปกับเป้าหมายเพียงชั่วครู่ “ผู้ชายแบบนี้มันครบเครื่อง ถูกตามใจมาแต่ไหนแต่ไร อยากได้อะไรต้องได้ ชอบความท้าทายตามประสาคนเจ้าชู้ ดูได้จากที่เขาเป็นข่าวกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ยิ่งถ้าได้มายาก ยิ่งอยากจะพิสูจน์ เข้าสูตรพระเอกในนิยายน้ำเน่าเป๊ะ”

    สโรชาพยักหน้าหงึกหงักพลางกล่าว “แล้วไงต่อ”

    “เขาน่าจะเป็นโรคเบื่อคนง่าย ได้ก็ทิ้ง แต่ในกรณีของแกที่ไม่อยากเสียตัว เพราะฉะนั้นก็ต้องหาวิธีอื่น ๆ ให้เขาสลัดแกออกไปจากวงโคจรชีวิตให้ได้”

    คนที่กำลังจะเป็นเด็กเสี่ยเริ่มเห็นภาพราง ๆ พลางพยักหน้าตามอย่างเลื่อนลอย

    “แกรู้จักกุยแกมั้ย?” คิ้วเรียวขมวดมุ่นทันที เมื่อได้ยินชื่อเสียงเรียงนามที่ไม่คุ้นเคยออกมาจากปากของเพื่อนสาว

    “ใคร?

    “เขาเป็นกุนซือของโจโฉ ครั้งหนึ่งเคยสาธยายเหตุแห่งชัยชนะสิบประการตอนที่โจโฉลังเลว่าจะยกทัพไปตีอ้วนเสี้ยวต่อหรือไม่” ดูเหมือนหล่อนจะมีความสุขยามได้เอื้อนเอ่ยถึงวรรณกรรมในดวงใจ แต่สำหรับคนที่ไม่แม้แต่จะปรายตามองแทบจะไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวมา

    “ขอแบบรวบรัดตัดความแบบสุด ๆ” หญิงสาวยกมือห้ามปรามราวกับปางห้ามญาติ

    “โอเค...อะไรวะ ไม่รู้จักสามก๊กไปได้ คืองี้...การที่แกจะสลัดผู้ชายคนนั้นได้ แกต้องทำตัวตรงข้ามกับสัญชาติญาณของคน ๆ นั้น จะว่ายังไงดีล่ะ...คือแกจะต้องทำตัวให้เป็นนางร้ายในนิยายน้ำเน่า เขาจะได้สลัดแกทิ้ง”

    สโรชายังคงไม่เข้าใจ เพราะเธออ่านที่ไหนกันไอ้นิยายน้ำเน่าที่ว่านั่น

    “ขอแบบรวบรัดยิ่งกว่านี้ได้มั้ย”

    “เออ! เข้าใจอะไรยากจริงนะแกเนี่ย หัดดูหัดอ่านละคงละครบ้างนะ ไม่ใช่เอาแต่ยื่นหน้าเข้าไปประกบแต่กับเครื่องยนต์”

    “โว้ย! ขี้บ่นจริง แล้วนางร้ายต้องทำตัวยังไงบ้าง” ถึงแม้จะเบื่อหน่ายกับความท่ามากของเพื่อนสาว แต่คนที่กำลังจะได้รับคำแนะนำก็ไม่นำพาเรื่องราวให้มันมากความ รีบถามถึงแผนการต่อไปตามแต่ใจคิดทันที

    “ถ้าแกอยากให้เขาเลิกสนใจแก ก็ต้องทำตัวดังต่อไปนี้...” มือเรียวหยิบกระดานไวท์บอร์ดที่ไว้ใช้จดอะไรต่อมิอะไรจิปาถะขึ้นมาจากมุมหัวเตียงภายในห้องพัก จัดการลบร่องลอยที่คงค้างไว้ก่อนหน้า แล้วหันมาหาเพื่อนสาวที่กำลังนั่งใจจดใจจ่อรอฟังอย่างตื่นเต้น

    “หนึ่ง...ตอแหล” ตากลมโตของสโรชาแทบจะเบิกกว้างเป็นไข่ห่าน แค่ข้อแรกที่เพื่อนสาวเพิ่งเริ่มก็ทำเอาหญิงสาวแสนห้าวอยากจะยกธงขาวให้มันรู้แล้วรู้รอด

    “สอง...น่ารำคาญ สาม...เยอะ สี่...หน้าด้าน ห้า...ผลาญเงิน” จบไปห้าข้อเท่านั้น คนที่กำลังฟังถึงกับกุมขมับ

    “ตายแน่ฉัน”

    “เชื่อว่าแค่ห้าข้อนี้เขาก็วิ่งหนีแทบไม่ทัน”

    “ได้ผลจริงน่ะ” ใบหน้าจิ้มลิ้มที่มีแว่นสายตาหนาเตอะบดบังความงามทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ สร้างความขุ่นใจให้กับกุนซืออันดับหนึ่งเป็นที่ยิ่ง

    “ฉันเห็นในนิยายก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น แต่ถ้ามองในหลักแห่งความเป็นจริง แกจะชอบผู้หญิงประเภทนี้มั้ย”

    “เออ...ก็ไม่”

    “นั่นแหละ...แต่ถ้าห้าข้อนี้เขายังไม่เขี่ยแกทิ้ง เราก็มีข้อต่อไป” สโรชาได้แต่พยักหน้าตาม “หก...ขี้วีน เจ็ด...ตบแหลก แปด...ตบเสร็จร้องกรี๊ด เก้า...ใส่ร้ายป้ายสี” ร่ายจบกุนซือสาวแทบเหนื่อยหอบ

    “โอ้...นี่มันนางร้ายเรื่องอะไรกันแน่วะ มันถึงได้ดูไร้เหตุผลงี่เง่าเบาปัญญาได้ถึงขนาดนี้”

    “นี่แหละยิ่งงี่เง่ายิ่งได้ผลเร็ว สี่ข้อนี้ใช้ในกรณีเจอคู่ขาคนอื่น ถ้าจะให้ดีเจอตัวแม่อย่างคู่หมั้นผู้แสนดี หรือถ้าเขาไม่มีก็ไปวีนแตกกับผู้หญิงที่เขาจะเอาเป็นแม่ของลูก”

    “แล้วฉันจะรู้ได้ไง”

    “เรืองนี้แกต้องสืบเอาเอง” คิ้วเรียวของสโรชาขมวดเข้าหากัน ซึ่งเป็นรอบที่พันเห็นจะได้

    “แล้วข้อสุดท้ายล่ะ”

    “สิบ...แรด!” จบคำคนที่กำลังนั่งฟังแทบหงายเงิบ

    “นี่แกไม่ได้ด่าฉันไช่มั้ย มันดูจริงใจยังไงชอบกล”

    “เอ้อแกนิ...ข้อนี้เป็นไม้ตายสุดท้าย ความจริงมันก็ทำยากนะเพราะมันต้องใช้ความสาวของแกเข้าแลก แต่ในกรณีนี้เราก็ต้องหาคนที่ไว้ใจได้มาช่วยเป็นทัพเสริม แบบว่า...มาช่วยแสดงเป็นผู้ชายหลอก ๆ ให้แกได้ควงอะไรเทือกนี้ ให้เขาเห็นว่าแกน่ะมันง่ายขนาดไหน”

    จบครบถ้วนกระบวนความเหตุแห่งชัยชนะสิบประการของกุนซือมีนา สโรชามองเห็นแต่ความเป็นไปไม่ได้ในสิ่งที่เพื่อนสาวสาธยายมา มันช่างขัดแย้งความเป็นตัวตนของเธอไปเสียทุกอย่าง แต่ถ้าอยากหลุดจากหนทางการเป็นเด็กเสี่ยหวั่นจะเสียตัวแล้วไซร้ ยังไงก็ต้องฝืนทำต่อไปเพื่อให้รอดพ้น

    อีกล้วยจะไหวมั้ยวะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×