ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มายาล่ารัก

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่หนึ่ง - ข้อตกลง

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 57


    “อะไรนะ มีคนอยากพบบุ้ง” เสียงหวานที่ตอนนี้เริ่มแหบแห้งเพราะต้องยืนพูดมาทั้งวันเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย คิ้วเรียวงามที่ถูกตบแต่งมาอย่างดีขมวดมุ่นไม่เข้าใจว่าเป็นผู้ใดที่อยากพบเธอ

    “ใช่จ้ะ และเขาก็ต้องการพบหนูเดี๋ยวนี้เลยด้วย” ชายใจสาวที่เป็นผู้ประสานหาเอ็มซีและพริตตี้ที่รู้จักกันมานานไขข้อข้องใจ

    “ใครคะ?” หญิงสาวผู้ถูกเรียกตัวเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ในเมื่อตัวเธอเป็นแค่เอ็มซีคนหนึ่งที่มาทำงาน ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร หรือว่าที่เธอโดนเรียกไปน่าจะใช่เรื่องนั้น...หรือเปล่า

    ”หรือจะเป็นเสี่ย?” โพล่งถามออกไปตรง ๆ เพราะเท่าที่ทำงานแบบนี้มาก็หลายครั้ง จึงรู้ว่าไม่ใช่แค่การเป็นคนนำเสนอสินค้าที่เป็นงานหลัก แต่บางคนก็อยากรวยทางลัดด้วยการนำเสนอตัวเองไปอีกทาง

    “ไม่ใช่หรอกจ้ะ แต่เป็นคุณสิงหาต่างหาก พอดีเขาเห็นว่าหนูมีความรอบรู้เรื่องเครื่องยนต์เป็นพิเศษ เลยอยากจะคุยเรื่องการว่าจ้างในงานต่อไปก็เท่านั้น” ชายไทยใจสาวพยายามอธิบายแก่หญิงสาวตรงหน้าด้วยความใจเย็นและไม่ให้เป็นที่สงสัยตามที่ได้ซักซ้อมมา

    ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวที่มีคนสนใจในตัวหญิงสาวผู้นี้ ถึงจะน้อยกว่าคนอื่น ๆ ที่ทั้งสวยและอยากรวยทางลัด แต่รุ่นน้องสาวคนนี้ก็ไม่เคยใช้วิธีนี้เพื่อผลักดันตัวเอง และหล่อนก็รู้ว่าอีกฝ่ายมีจุดมุ่งหมายในการทำงานเช่นนี้ที่ต้องเปลืองตัวอยู่เป็นประจำ ก็เพราะความจำเป็นบางอย่างที่เขาก็พอจะเดาออกว่าเป็นเพราะอะไร และก็เลือกที่จะรับงานในเฉพาะที่ตัวหล่อนเองนั้นสนใจในเรื่องเกี่ยวยานยนต์เท่านั้น งานอื่น ๆ อย่าได้หวังทั้ง ๆ ที่หล่อนก็มีความสามารถในการดำเนินรายการไม่ต่างไปจากผู้เชี่ยวชาญนั้นเลย ส่วนเรื่องที่ใครอยากจะเลี้ยงดูปูเสื่อนั้นลืมไปได้เลย ในเมื่อหญิงสาวผู้นี้ออกตัวแรงยิ่งกว่าคูโบต้าว่าไม่อยากเป็นเด็กเสี่ย เพราะหล่อนสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้

    ที่ผ่าน ๆ มาถ้ามีเสี่ยคนไหนใจป้ำอยากจ่ายค่าเทอมให้ เขาจะปฏิเสธให้เด็ดขาดไปทุกรายแทนเจ้าตัว แต่ในกรณีนี้เขาไม่สามารถทำได้...

    พอลล่าแย่แน่แล้ว...

    เพราะรู้กิตติศัพท์ความเอาแต่ใจของผู้ว่าจ้างรายนี้ดี และฝ่ายนั้นดูเหมือนว่าอยากจะได้ตัวคุณน้องคนนี้มาก เขาเลยต้องใจกล้ามาเสี่ยงตายโกหกพกลมชักแม่น้ำทั้งร้อยสายหวังที่จะให้รุ่นน้องสาวคนนี้ยอมเข้าไปพบ ส่วนเรื่องหลังจากนั้น...พอลล่าจะไม่ยุ่ง...

    “นะคะคุณน้อง พอดีทางนั้นเขาต้องการร่วมงานกับน้องจริง ๆ คงจะเห็นแวว” พอลล่าหรือนามเดิมนายพรศักดิ์พยายามอ้อนวอนพร้อมทั้งส่งประกายตาที่ถือได้ว่าน่าสงสารสำหรับคนมอง จนคนที่ทำท่าสงสัยในตอนแรกถึงกับใจอ่อนยวบ ยังไงผู้ชายใจสาวผู้นี้ยังมีพระคุณที่คอยหางานมาให้เธอทำตลอดมา แถมยังคอยกันท่าพวกเสี่ยอยากเป็นป๋าอีกต่างหาก คราวนี้คงเป็นเรื่องงานอย่างที่เจ้าตัวว่า...

    “ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบรับพลางถอนหายใจเบา ๆ มือน้อยฉวยเอาเสื้อคลุมที่พกติดตัวมาใส่ทับชุดรัดรูปที่ถึงแม้จะไม่โชว์สัดส่วนมากเหมือนคนอื่น ๆ แต่มันก็เปิดเปลือยมากเกินไปสำหรับเธอ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะงานแล้วไซร้ ต่อให้ตายอย่างไรเธอก็ไม่ทนใส่มันหรอก

    คล้อยหลังร่างบางที่เธอรู้จักมาช้านาน ชายไทยใจสาวนามพอลล่าก็ได้แต่ภาวนา ขออย่าให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับคนที่เดินจากไปเลย

     

    เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของผู้เป็นเจ้าของโชว์รูมรถหรูนำเข้าเรียกความสนใจของคนที่กำลังใจจดใจจ่อแต่ไม่แสดงออกให้หันไปมองยังต้นเสียง มุมปากหยักที่มักจะเป็นเส้นตรงกดลึกอย่างพึงพอใจเมื่อได้เห็นคนที่อยากได้กำลังเดินเข้ามาด้วยอาการประหม่าเล็กน้อย ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วเพื่อสำรวจแล้วก็ต้องชะงักเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีนิลแสนลึกล้ำแฝงแววประหลาดที่กำลังจ้องตรงมาที่เธออย่างหมายมาด

    สโรชา สิงหาปัท รู้สึกเหมือนตนกำลังเดินเข้ากรงอะไรสักอย่างที่ทำให้ถึงกับก้าวขาไม่ออก ถึงแม้คนอย่างเธอจะไม่ค่อยเกรงกลัวใครสักเท่าไหร่ แต่ไม่รู้ว่าทำไมยามเมื่อได้สบกับสายตาคมกล้าของใครบางคนที่เอาแต่จ้องเธอไม่ละไปไหน ลางสังหรณ์แบบไม่ต้องพึ่งญาณทิพย์ใด ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที  

    “เชิญนั่งก่อนครับคุณ...” ผู้เป็นเจ้าของโชว์รูมหน้าหล่อเอ่ยเชื้อเชิญด้วยมารยาทเจ้าของบ้านที่ดี พร้อมกับถามชื่อเสียงเรียงนามไปในตัว

    “บุ้งกี๋ค่ะ” หญิงสาวผู้มาใหม่เอ่ยตอบเสียงเรียบ แม้จะมีอาการประหม่าเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่ทว่าก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นตะลึงหรืออยากตะครุบใครคนใดคนหนึ่งในที่นี้เหมือนอิสตรีหลายต่อหลายคน จะมีก็เพียงความสงสัยที่ฉายชัดในดวงตากลมโตคู่สวยคู่นั้น

    สโรชากวาดสายตามองชายหนุ่มตรงหน้าสลับกับอีกคนที่ยังจ้องมองเธอด้วยประกายตาราวกับจะจับเธอกินให้ได้ และคนถูกมองก็แทบจะหลบดวงตาคู่คมนั้นแทบไม่ทันทั้ง ๆ ที่พบเจอกับสายตาเช่นนั้นอยู่บ่อยครั้ง ไม่จากผู้ชายหื่นกาม ก็มาจากตาเฒ่าหัวงู แต่กับผู้ชายและสายตาของคนที่นั่งหน้าขรึมอยู่อีกฝั่งนึงนั้น มันทำให้ร่างกายกลับร้อนวูบวาบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    ส่วนอีกคนที่เริ่มจะเป็นส่วนเกินมองคนทั้งคู่สลับไปมาก่อนจะกระแอมเบา ๆ เพื่อเป็นการเตือนตัวเองว่าควรจะออกไปจากที่ตรงนี้เสียที ปล่อยให้เพื่อนตัวดีได้เจรจาการค้าการขายได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น

    “งั้น...ผมขอตัวออกไปข้างนอกก่อน เชิญคุณบุ้งกี๋ตกลงกับเพื่อนผมได้ตามสบายนะครับ” ว่าเสร็จชายหนุ่มก็พาร่างสูงของตนออกไปจากที่ตรงนี้โดยไม่ต้องรอให้เพื่อนรักใช้สายตาไล่ทางอ้อมอย่างรู้งาน

    เมื่อหมดก้างขวางคอชิ้นโคตรใหญ่ไปแล้ว ชายหนุ่มที่กำลังรอคอยเวลาก็ตั้งท่าเจรจาทันที

    “ผมชื่อครองภพ” เจ้าของชื่อสุดแสนไพเราะกล่าวแนะนำตัวโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย สร้างความสงสัยให้กับคนฟังเหลือเกินว่าเธอก็ไม่ได้อยากจะรู้จักมักจี่กับผู้ชายคนนี้เธอสักเท่าไหร่ เพราะลางสังหรณ์และสัญชาตญาณมันบอกอยู่ข้างใน ว่าคน ๆ นี้มีบางอย่างที่ไม่ค่อยปลอดภัยนักสำหรับตัวเธอ

    “บุ้งกี๋ค่ะ” เอ่ยแนะนำตัวเองครั้งด้วยสีหน้าและท่าทางเรียบนิ่งเหมือนเดิม ไม่มีปฏิกิริยาอันใดเพิ่มเติมจนคนลอบสังเกตการณ์ถึงกับแปลกใจ

    สำหรับคนอย่างครองภพ สิทธิธรรม ผู้เป็นเจ้าของอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียและยังมีกิจการยิบย่อยมากมายอีกหลายอย่าง ด้วยรูปลักษณ์หน้าตาที่หล่อเหลาคมคายอย่างหาตัวจับยาก ความหล่อลากทำให้สาว ๆ ต่างเหลียวมองกันมานักต่อนัก ไหนจะความรวยล้นฟ้าที่เพิ่มความน่าดึงดูดในตัวเขาเป็นเท่าตัวนั่นอีกเล่า มันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจถ้าผู้ชายอย่างเขาเยื้องย่างไปทางไหนก็มักจะเป็นจุดสนใจอยู่ร่ำไป พ่วงด้วยความเฉยเมยระดับเย็นชาไร้หัวใจเข้าสูตรพระเอกในฝันของใครต่อใคร เป็นเหตุให้สตรีมีความคันทั้งหลายต่างก็อยากจะพิชิตหัวใจที่ไม่เคยเปิดให้ใครเข้าไปของผู้ชายที่เพียบพร้อมคนนี้กันอย่างกับมหกรรมกีฬาโอลิมปิคก็ไม่ปาน

    “ที่คุณเรียกดิฉันมาเพื่อจะมาคุยกันเรื่องงาน...ใช่มั้ยคะ?” สโรชาเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจนัก เมื่อทนความอึดอัดที่มันตั้งเค้าขึ้นมาไม่ไหว จึงต้องหาทางทำลายบรรยากาศที่ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันเกิดขึ้นอะไรกับตน ถ้าเธอไม่เข้าใจผิดและมีอคติคิดมากไปเอง เพราะสายตาที่มุ่งตรงมาไม่มีวอกแวกไปไหน มันดูเรียกร้องอะไรสักอย่างจากตัวเธอ...สงสัยไม่ใช่งานธรรมดาซะล่ะมั้งคราวนี้

    “จะว่าอย่างนั้นก็ได้” ไม่เคยเลยสักครั้งที่คนอย่างครองภพจะใจเย็นมานั่งต่อปากต่อคำกับใครด้วยเรื่องไร้สาระเช่นนี้ แต่กับผู้หญิงคนนี้ที่เขารู้สึกถูกอกถูกใจตั้งแต่แรกเห็น ดูเหมือนเขาจะใจเย็นได้อย่างน่าอัศจรรย์

    “งานเกี่ยวกับอะไรคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามตาเป็นประกาย เพราะอะไรที่เกี่ยวกับงาน มันก็หมายถึงเงินด้วยเช่นกัน

    “ไม่ยาก” มุมปากหยักกดลึกเล็กน้อยขณะพูด สร้างความน่ามองให้กับชายหนุ่ม แต่ไม่ใช่กับสโรชาที่กำลังใจจดใจจ่อรอเนื้อหาเกี่ยวกับงานที่ว่า

    “...เหรอคะ” ถึงแม้จะรู้สึกไม่ชอบมาพากลกับสายตาและท่าทางที่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงออกมามากมาย แต่ผู้ชายตรงหน้าก็หาได้น่าไว้วางใจไม่

    “เป็นผู้หญิงของผม”

    เกิดความเงียบงันขึ้นหลังสิ้นประโยคการแจกแจงรายละเอียดของงานด้วยความกระชับฉับไวราวกับสกายรีพอร์ต คนได้ฟังถึงกับนิ่งอึ้งมองคนตรงหน้าอย่างตกตะลึงกับการเชิญชวนให้ผู้หญิงคนหนึ่งไปเป็นนางบำเรอได้อย่างหน้าตาเฉยไม่ต่างอะไรกับการชวนไปทอดผ้าป่าสักเท่าไหร่ มันจะมากไปแล้วนะเว้ย!

    คนถูกชวนไปทอดผ้าป่า เอ้ย! ไปเป็นนางบำเรอยังนั่งหน้าเหวอแต่ก็พยายามดึงสติที่หลุดหายให้กลับคืน

    “คุณหมายถึงไปเป็นนางบำเรอ?” ถึงจะเข้าใจแต่ยังไงก็ขอถามเพื่อตอกย้ำความแน่ใจไปอีกสักดอก

    “ผมไม่อยากใช้คำนั้นกับคุณ” แล้วมันต่างกันตรงไหนวะ!

    “ทำไมต้องเป็นฉัน” คิ้วเรียวขมวดมุ่นขึ้นทันที เมื่ออีกฝ่ายตั้งท่ากอดอกแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้บุนวมด้วยความสบายใจดูไม่ยี่หระกับการยื่นข้อเสนอสุดใจป้ำเช่นนี้

    “ผมไม่รู้” ขอบใจ...

    “แล้วถ้าฉันตอบว่าไม่ล่ะ”

    “ผมก็จะทำให้คุณยอมตกลงให้ได้” คนนั่งนิ่งฟังด้วยความไม่ใจเย็นนักถึงกับอึ้งไปอีกรอบ

    “ยังไง”

    “ผมคิดว่าตัวเองมีความสามารถและอำนาจมากพอ” ดวงตาคู่คมฉายแวววาววับราวกับนักล่า บ่งบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องยากหากเขาคิดจะทำ

    สโรชาแทบอยากจะตะบันหน้าหล่อ ๆ นั้นเหลือกำลัง ตั้งแต่เกิดมาเป็นพริตตี้จนป่านนี้ยังไม่เคยถูกเสี่ยคนไหนเชิญชวนไปผูกปิ่นโตแล้วคุยโวแบบหน้าตายได้อย่างน่าหมั่นไส้เท่าคนนี้เลยจริง ๆ ทุกคนที่เธอกล่าวปฏิเสธออกไป ส่วนมากก็ไม่คิดจะสานต่อให้วุ่นวายและเสียเวลาทำมาหากิน บางคนอยากท้าทายเพราะคิดว่าเธอเล่นตัวเพื่อโก่งราคา แต่ทว่าก็โดนหักหน้าด้วยฤทธิ์ปากกรรไกรของเธอไปก็หลายราย แต่กับผู้ชายคนนี้ทำเธอพูดไม่ออกบอกไม่ถูก และไม่รู้จะบอกหรือปฏิเสธอย่างไรให้จบลงด้วยดีทั้งสองฝ่าย เพราะดูท่าว่าคนตรงหน้าจะไม่ยอมรามือง่าย ๆ เสียแล้ว

    หญิงสาวผู้อับจนหนทางลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ให้กับโชคชะตาชีวิตของตัวเอง

    “คุณ...เอ่อ...ครองภพใช่มั้ยคะ” หญิงสาวเอ่ยนามของอีกฝ่ายอย่างไม่มั่นใจนัก เพราะไม่อยากจะจำชื่อของคนตรงหน้าสักเท่าไหร่ ก่อนจะเอ่ยต่อไปถึงสิ่งที่ตนกำลังคิด “ฉันไม่เต็มใจและไม่อยากทำงานนั้น นอกจากงานเอ็มซีและไม่มีการเสียตัวใด ๆ ทั้งสิ้น เชิญคุณไปหาคนอื่นเถอะ” สโรชาเอ่ยตัดเยื่อขาดใยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่คนที่โดนหักหน้าก็ใช่ว่าจะคล้อยตามและเชื่อฟังคำสั่งนั้น ใบหน้าคมคร้ามทำเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นทั้งสองข้างก่อนจะสวนกลับไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่แพ้กัน

    “ผมจ่ายให้ได้” สโรชาแทบสติแตก เมื่ออีกฝ่ายหาได้เข้าใจในสิ่งที่เธอเพิ่งสาธยายออกไปไม่

    “ฉันไม่ต้องการ!” เสียงหวานเกือบเป็นตวาดกร้าว ดวงตาฉายแวววาวโรจน์ด้วยอารามโทสะ

    คนไม่เคยถูกตวาดโดยเฉพาะอิสตรีถึงกับนิ่งเงียบ ถึงจะไม่พอใจกับปฏิกิริยาเอาแต่ใจและแสนแปลกใหม่ที่เพิ่งได้รับ แต่ครองภพก็ยังรักษาอาการเย็นชาได้อย่างดีเยี่ยม

    “คุณไม่มีทางเลือก” เขาเลือกที่จะใช้วิธีการเจรจากับ “คู่ค้า” มากกว่าการตกลงแบบ “คู่ขา” ทั่วไป และมันก็ได้ผลเมื่อคนอย่างครองภพ สิทธิธรรมลองได้ลงมือเองเช่นนี้ มีหรือที่คนอย่างเขาจะพลาด

    เธอควรจะดีใจจนเนื้อเต้นมากกว่าจะมาทำหน้ายักษ์ใส่เมื่อเขายอมลดตัวเพื่อมาเจรจากับหญิงสาวผู้ไม่มีอะไรเลยคนหนึ่ง นอกเสียจากเนื้อนวลและความสาวที่เขาถูกตาต้องใจและอยากได้มากกกอดแค่ชั่วครั้งชั่วคราว แค่เขาสนใจเธอก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์มากแล้ว นี่ถึงขนาดเสียเวลาอันมีค่าเพื่อมานั่งกล่อมเธอให้มาเป็นนางบำเรอของเขา

    แทนที่จะรำคาญและตัดใจ แต่ทำไมเขาถึงไม่ยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ กันเล่า

    ส่วนคนที่กำลังถูกกดดันและถูกบังคับโดยไม่มีทางเลือกถึงกับลอบถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายให้กับผู้ชายที่ไม่มียางอายตรงหน้า ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะแลดูหน้าตาดีมีสตังค์ แต่สำหรับสโรชาที่ยังไม่อยากคิดเรื่องอื่นใดเพราะภาระมากมายที่แบกไว้บนบ่า เพียงแค่หาเงินมาใช้หนี้ก็แทบกระอักเลือดตายอยู่รอมร่อ แต่กระนั้นก็ไม่ขอรวยทางลัดด้วยวิธีการเช่นนี้

    ถึงอย่างนั้นเธอก็คงไม่มีทางเลือก...ใช่มั้ย

    หญิงสาวครุ่นคิดอย่างหนัก ตามหลักแห่งความเป็นไปในละครน้ำเน่าเท่าที่เธอเคยดูมาผ่าน ๆ ถ้ายิ่งวิ่งหนี ผู้ชายก็อยากยิ่งตาม และเพลย์บอยตัวฉกาจเช่นเขา ก็คงกระหายการไล่ล่ากับคนที่กล้าปฏิเสธผู้ชายที่เพียบพร้อมตรงหน้า เมื่อเหตุผลของคนจนตรอกถูกประมวลได้เท่านี้ วิธีที่จะหนีเอาตัวรอดแบบเร่งด่วนจึงถูกนำออกมาใช้ทันที

    “ฉัน...บุ้งกี๋กลัวนะคะ ก็บุ้งกี๋ไม่เคยนี่นา” มารยาทั้งเกวียนทั้งคูโบต้าถูกยกมาใช้อย่างทุลักทุเล ผู้หญิงโผงผางตรงไปตรงมาเช่นสโรชา ไอ้เรื่องจะมาคะขาจ้ะจ๋ากับผู้ชายแปลกหน้าแล้วตีหน้าซื่อเช่นนี้ไม่เคยมีเกิดขึ้นในชีวิตของเธอมาก่อน ใบหน้างามแสดงอาการตื่นตระหนกระคนกระดากอายได้อย่างน่าเชื่อถือ ทั้ง ๆ ที่ในใจมีไฟสุมไหม้ราวกับไฟป่า

    ครองภพไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายจะมีท่าทีเปลี่ยนไป ยังไงเกมนี้เขาก็ต้องชนะอยู่วันยังค่ำ แต่กระนั้นก็ยังไม่ไว้วางใจไปเสียทีเดียว ในเมื่อก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทียังตั้งท่าปฏิเสธเสียงแข็ง มาตอนนี้กลับยอมรับข้อเสนออย่างง่ายดาย ถึงจะติดใจสงสัยในพฤติกรรมจิ้งจกเปลี่ยนสีได้ของหล่อน แต่ตอนนี้ก็ถือว่าการเจรจาจบลงด้วยดีในความคิดของเขา

    “แล้ว...บุ้งกี๋ต้องทำยังไงบ้างคะ” หญิงสาวแทบกัดฟันพูด ในเมื่อไม่อยากตอบรับข้อเสนอสุดหวาดเสียวนั่น แต่จะให้กล่าวปฏิเสธกับผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้อีก เลยต้องอดทนยอมรับชะตากรรมการเป็นนางบำเรอซึ่งเธอก็ได้แต่หวังว่าต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อนตอนนี้

    เรื่องหลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที...

    “แค่ให้ผมพอใจ ผมจะจ่ายให้ทุกเดือน” สโรชาอยากสบถด่าคนตรงหน้าเหลือเกิน เข้าใจกับคำว่าพอใจในความหมายของป๋าอยากเลี้ยงต้อย แต่จะให้ถอยก็ทำไม่ได้ แล้วเธอควรจะทำเช่นไรมีใครช่วยเธอได้บ้างมั้ยบนโลกใบนี้!

    “เดือนละเท่าไหร่คะ” หญิงสาวเอ่ยถามหน้านิ่งพอ ๆ กับคนยื่นข้อเสนอ นัยว่าต้องข่มอารมณ์ที่มันเดือดดาลอย่างสุดกำลังวังชา

    “เริ่มต้นที่ห้าหมื่นเป็นไง” คนไม่เคยยื่นข้อเสนอกับใครเอ่ยอย่างใจป้ำ

    สโรชาชะงักไปเมื่อได้ฟังจำนวนเงินที่อีกฝ่ายเสนอมา ถ้าเกิดว่าเธอได้รับเงินก้อนเช่นนี้เห็นทีหนี้สินที่ติดตัวมาคงได้เวลาชดใช้ให้หมดสิ้นกันไป แต่สิ่งที่ต้องนำไปแลกมันคือศักดิ์ศรีที่เธอเพียรรักษาไว้มาจนบัดนี้ แล้วชีวิตนี้เธอจะเหลืออะไรไว้ให้ภาคภูมิใจได้อีก...

    หญิงสาวคิดหนัก ทางเลือกมีไม่มากนัก แต่ชายหนุ่มผู้อยากเป็นป๋าก็ให้เวลาคิดแบบมัดมือชก ถ้าหล่อนปฏิเสธมา มีหรือว่าคนอย่างเขาจะยอม ไม่รู้ว่าหล่อนจะทำท่าคิดมากเพื่อถ่วงเวลาเพิ่มค่าตัวหรือเหตุใดก็ตาม ยังไงวันนี้เขาต้องมีอีหนูเป็นของตัวเองให้จงได้!

    เวลาผ่านไปเท่าใดไม่มีใครทราบ หลังจากที่คิดทบทวนถึงผลได้ผลเสียซึ่งเท่าที่คิดได้ข้อเสียมันมีมากกว่าผลดี แต่เวลานี้จะให้ทำท่าเล่นตัวไปคนอย่างเขาคงจะท้าทายอยากเอาชนะไปก็เท่านั้น สู้ถอยไปตั้งหลักคิดหาวิธีรับมือก่อนไม่ง่ายกว่าหรือ

    คนที่กำลังจะถูกเลี้ยงต้อยสูดหายใจเข้าลึกยาว พอลืมตาขึ้นมาอย่างยอมรับชะตากรรมก็รีบแสร้งปั้นยิ้มหวานเพื่อส่งสัญญาณว่า หนูยอมเป็นเด็กของป๋าก็ได้ค่ะ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×