คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ฮิญาบผืนใหญ่
ฮิญาบผืนใหญ่
เมื่อเราพูดถึงเรื่องของฮิญาบ ก็อดใจไม่ไหวที่จะนึกถึงมุสลิมะฮฺ เพราะว่าฮิญาบกับมุสลิมะฮฺเป็นของคู่กัน ซึ่งไม่ว่ามุสลิมะฮฺจะไปไหนมาไหน หรืออยู่ ณ แห่งหนใดในโลกแห่งนี้ ก็จะปรากฏเห็นว่ามีฮิญาบคลุมอยู่เหนือศรีษะของมุสลิมะฮฺ ณ ตรงนั้น
ถ้าจะเปรียบฮิญาบเหมือนกับอะไร ผู้เขียนคิดว่าฮิญาบเปรียบเสมือนเกราะป้องกัน เพราะฮิญาบจะทำหน้าที่ป้องกันและปกป้องมุสลิมะฮฺให้ห่างไกลจากสิ่งชั่วร้ายต่างๆ และฟิตนะฮฺต่างๆ ได้ดีที่สุด และรวมทั้งสิ่งลามกอานาจารทั้งหลายด้วย รวมถึงป้องกันการจับตามองของเพศตรงข้าม ปกปิดสิ่งพึงสงวนของตัวนาง เพื่อป้องกันตนเองห่างไกลจากการล่วงละเมิดทางเพศ หรือป้องกันตนเองจากการแตะเนื้อต้องตัวของฝ่ายเพศตรงข้ม
แต่ทว่าหลายๆ คนก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าคำว่า “ฮิญาบ” ที่เรากำลังเอ่ยอยู่ในขณะนี้แปลว่าอะไร ?
คำว่า “ฮิญาบ” ( حجاب ) เป็นคำในภาษาอาหรับ ซึ่งแปลว่า “การปกปิด หรือปิดกั้น” เพราะหลายๆ คนอาจจะรู้จักในนามว่า ผ้าคลุมเท่านั้น หรือเมื่อได้ยินคำว่าฮิญาบก็จะนึกถึงผ้าคลุมนั่นเอง แต่จริงๆ แล้วฮิญาบนั้นจะมีความแตกต่างไปจากผ้าคลุมทั่วๆ ไป เพราะฮิญาบเป็นผ้าคลุมที่มีลักษณะรูปทรงที่ใหญ่ กว้างและมีความยาวพอประมาณ รวมทั้งปกคลุมได้ทั่วเรือนร่างและทุกส่วนที่เป็นเอาเราะฮฺ (สิ่งพึงสงวน) ในขณะที่ผ้าคลุมธรรมดาๆ ที่ไม่ใช่ฮิญาบนั้นจะมีลักษณะที่เล็ก ไม่ค่อยใหญ่ และมีความสั้น จนบางครั้งมุสลิมะฮฺที่ใส่ผ้าคลุมธรรมดาๆ เหล่านี้อาจจะทำให้เห็นเอาเราะฮฺบางส่วนของตนเองได้
ผู้เขียนขอเปรียบเทียบฮิญาบกับผ้าคลุมธรรมดาๆ ทั่วๆ ไปในเรื่องการนำไปใช้ โดยที่จะเริ่มอธิบายจากฮิญาบกันก่อน เมื่อมุสลิมะฮฺคนใดที่ทำการสวมฮิญาบเรียบร้อยแล้ว ส่วนต่างๆ ของฮิญาบก็จะทำการปกปิดเอาเราะฮฺของพวกนาง โดยจะปกปิดตั้งแต่ศรีษะ, ใบหน้า, ลำคอ, หัวไหล่, หน้าอก จนถึงสะเอว หรือพ้นปลายนิ้วมือ โดยที่ไม่มีส่วนใดๆ เลยที่มีความรัดรูป เนื่องจากการสวมใส่ฮิญาบ อีกทั้งยังทำให้มุสลิมะฮฺที่ใส่ฮิญาบนั้นมีความหายห่วงในเรื่องของความรัดรูป หรือการระแวงว่าจะมีคนเห็นเอาเราะฮฺของตนเอง
จากนั้นผู้เขียนขออธิบายเรื่องผ้าคลุมธรรมดาๆ กันต่อ เมื่อมุสลิมะฮฺคนใดได้สวมผ้าคลุมเสร็จแล้ว ส่วนต่างๆ ของผ้าคลุมก็จะทำการปกปิดตัวของพวกนาง โดยที่การปกปิดนั้นจะเริ่มตั้งแต่ศีรษะ, ลำคอ, หัวไหล่ จนถึงหน้าอก หรือพ้นหน้าอกเล็กน้อย แต่ทว่า ผ้าคลุมที่มุสลิมะฮฺคนนั้นสวมอยู่ ก็ยังคงความรัดรูปอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ ตามการสวมผ้าคลุมธรรมดาๆ ก็ยังคงไม่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็น ในเรื่องของการปกปิดมิดชิด
จากข้างต้นนั้น เป็นการอธิบายถึงลักษณะความแตกต่างของรูปทรง และการนำไปใช้ จากตรงนี้ชี้ให้เห็นแล้วว่าฮิญาบกับผ้าคลุมธรรมดาๆ นั้นมีความแตกต่างอย่างไร ?
เมื่อเรามาพูดถึงเรื่องการสวมใส่ฮิญาบอย่างจริงๆ จังๆ กันแล้ว จะพบว่าการคลุมฮิญาบนั้น ไม่ใช่ประเพณีของชาวอาหรับแต่อย่างใด แต่เป็นการทำตามบทบัญญัติของศาสนา ถือเป็นการปฏิบัติธรรมนั่นเอง เพราะการสวมใส่ฮิญาบนั้น ก็ถือว่าเป็นการทำตามบทบัญญัติของอัลลอฮฺและเชื่อฟังต่อเราะสูลของพระองค์
ดังนั้น สตรีมุสลิมะฮฺจึงจำเป็นอย่างยิ่งยวดในการที่นางจะต้องทำการปกปิดตัวเองหรือทำการสวมฮิญาบ ดังที่อัลลอฮฺ อัซซะวะญัลลา ได้ตรัสไว้ในอัลกุรอาน ซุเราะฮฺ อันนูร อายะฮฺที่ 31 ว่า
وَقُل لِّلْمُؤْمِنَاتِ يَغْضُضْنَ مِنْ أَبْصَارِهِنَّ وَيَحْفَظْنَ فُرُوجَهُنَّ
وَلَا يُبْدِينَ زِينَتَهُنَّ إِلَّا مَا ظَهَرَ مِنْهَا وَلْيَضْرِبْنَ بِخُمُرِهِنَّ عَلَى جُيُوبِهِنَّ
وَلَا يُبْدِينَ زِينَتَهُنَّ إِلَّا لِبُعُولَتِهِنَّ أَوْ آبَائِهِنَّ أَوْ آبَاء بُعُولَتِهِنَّ أَوْ أَبْنَائِهِنَّ
أَوْ أَبْنَاء بُعُولَتِهِنَّ أَوْ إِخْوَانِهِنَّ أَوْ بَنِي إِخْوَانِهِنَّ أَوْ بَنِي أَخَوَاتِهِنَّ
أَوْ نِسَائِهِنَّ أَوْ مَا مَلَكَتْ أَيْمَانُهُنَّ أَوِ التَّابِعِينَ غَيْرِ أُوْلِي الْإِرْبَةِ مِنَ الرِّجَالِ
أَوِ الطِّفْلِ الَّذِينَ لَمْ يَظْهَرُوا عَلَى عَوْرَاتِ النِّسَاء
وَلَا يَضْرِبْنَ بِأَرْجُلِهِنَّ لِيُعْلَمَ مَا يُخْفِينَ مِن زِينَتِهِنَّ
وَتُوبُوا إِلَى اللهِ جَمِيعاً أَيُّهَا الْمُؤْمِنُونَ لَعَلَّكُمْ تُفْلِحُونَ النور : 31))
ความว่า “และจงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) แก่บรรดาผู้ศรัทธาหญิงทั้งหลาย ให้พวกนางลดสายตาของพวกนางลงต่ำ (จากสิ่งต้องห้าม) และให้พวกนางรักษาทวารของพวกนาง (จากการประพฤติผิดทางเพศ) และอย่าเปิดเผยเครื่องประดับ เว้นแต่สิ่งที่เปิดเผยได้ (เช่น ตาทั้งสองข้างเพราะความจำเป็นในการมอง ฝ่ามือด้านนอก หรือตาข้างหนึ่ง หรือเสื้อผ้า เช่น ผ้าคลุม ถุงมือ) และให้พวกนางปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของนางลงมาถึงญุยูบิฮินนะ (คือคอเสื้อคลุมของพวกนาง ซึ่งรวมใบหน้า คอ และหน้าอก) และอย่าให้พวกนางเปิดเผยเครื่องประดับของพวกนาง เว้นแต่แก่สามีของพวกนาง หรือบิดาของพวกนาง หรือบิดาของสามีของพวกนาง หรือลูกชายของพวกนาง หรือลูกชายของสามีของพวกนาง หรือพี่ชายน้องชายของพวกนาง หรือลูกชายของพี่ชายน้องชายของพวกนาง หรือลูกชายของพี่สาวน้องสาวของพวกนาง หรือพวกผู้หญิง (มุสลิม) ของพวกนาง หรือที่มือขวาของพวกนางครอบครอง (ทาสี) หรือคนใช้ผู้ชายที่ไม่มีความรู้สึกทางเพศ หรือเด็กที่ยังไม่รู้เรื่องเพศสงวนของผู้หญิง และอย่าให้นางกระทืบเท้าของพวกนาง เพื่อให้ผู้อื่นรู้สิ่งที่พวกนางควรปกปิดในเครื่องประดับของพวกนาง และพวกเจ้าทั้งหลายจงขอลุแก่โทษต่ออัลลอฮฺเถิด โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะ”
ข้างต้นนี้เป็นอายะฮฺกุรอานที่อัลลอฮฺทรงสั่งใช้ให้สตรีมุสลิมะฮฺปกปิดสิ่งพึงสงวนของตนเอง ปกปิดเครื่องประดับ และปกปิดในสิ่งที่นางควรปกปิด เว้นแต่สิ่งที่นางไม่สามารถปกปิดได้ เช่น เสื้อผ้าที่อยู่ภายนอก, ถุงมือ ฯลฯ
และเมื่อเราได้ทราบถึงสิ่งที่อัลลอฮฺ อัซซะวะญัลลา ได้ทรงบัญญัติไว้แล้ว ดังนั้นสตริมุสลิมะฮฺจึงจำเป็นที่จะต้องทำตามการสั่งใช้ของอัลลอฮฺโดยที่ไม่มีข้อแก้ต่างใดๆ ทั้งสิ้น
การสวมใส่ฮิญาบนั้นไม่ใช่แค่เพียงการปกปิดร่างกายตนเองหรือการปกปิดสิ่งพึงสงวนอย่างเดียวไม่ แต่ทว่า การสวมใส่ฮิญาบนั้น ยังมีประโยชน์อีกมากมายที่สตรีมุสลิมะฮฺของเราส่วนใหญ่ยังไม่รู้ เพราะการสวมฮิญาบนั้นจะทำให้เรามีความสะอาดบริสุทธิ์จากสิ่งชั่วร้ายต่างๆ และจะยังทำให้เรานั้นละเว้นจากการกระทำความชั่วร้ายต่างๆ เช่น การลักขโมย หรือด่าทอผู้อื่น และยังทำให้มุสลิมะฮฺนั้นมีความนอบน้อมถ่อมตนต่อคนรอบข้างและมีความเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺ และฮิญาบนั้นจะรักษาระดับอีหม่านของเราให้คงที่อีกด้วย
และการสวมใส่ฮิญาบนั้น จะทำให้นางห่างไกลจากการถูกรบกวนจากสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการรบกวนจากเพศตรงข้าม เพราะมุสลิมะฮฺบางคนมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม เมื่อเพศตรงข้ามได้เห็นถึงสิ่งนั้น จะทำให้เกิดความหลงไหลในตัวนาง อาจจะนำมาซึ่งความเดือดร้อน ความรำคาญแก่ตัวนาง และนำมาซึ่งฟิตนะฮฺต่างๆ สู่ตัวนางได้ หรือห่างไกลจากการเป็นที่รู้จักของผู้คนอีกด้วย ดังคำดำรัสของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลลา ที่ได้ตรัสไว้ในอัลกุรอาน ซูเราะฮฺ อัลอะฮฺซาบ อายะฮฺที่ 59 ว่า
﴿يَا أَيُّهَا النَّبِيُّ قُل لِّأَزْوَاجِكَ وَبَنَاتِكَ وَنِسَاء الْمُؤْمِنِينَ يُدْنِينَ عَلَيْهِنَّ
مِن جَلَابِيبِهِنَّ ذَلِكَ أَدْنَى أَن يُعْرَفْنَ فَلَا يُؤْذَيْنَ وَكَانَ اللهُ غَفُوراً رَّحِيماً
(الأحزاب : 59 )
ความว่า “โอ้นบี (มุฮัมมัด) เอ๋ย จงกล่าวแก่ภรรยาของเจ้าและบุตรสาวของเจ้า และบรรดาหญิงของบรรดาผู้ศรัทธา ให้พวกนางดึงเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดทั้งเรือนร่าง (ปกปิดอย่างสมบูรณ์ยกเว้นตาหนึ่งหรือสองข้างเพื่อมองทาง) นั่นเป็นการเหมาะสมกว่าที่นางจะเป็นที่รู้จัก (ในฐานะหญิงอิสรชน) เพื่อที่พวกนางจะไม่ถูกรบกวน และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ”
และมีปรากฏในหะดิษที่บันทึกโดยท่านอิมามอัลบุคอรี ในหนังสือเศาะเฮี๊ยฮฺของท่าน หมายเลขหะดิษที่ 365 และในบันทึกของท่านอิมามมุสลิม ในหนังสือเศาะเฮี๊ยฮฺของท่าน หมายเลขหะดิษที่ 645 รายงานจากท่านอุรวะฮฺว่า ท่านหญิงอาอีชะฮฺ กล่าวว่า “ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ได้ไปละหมาดศุบฮีและสตรีผู้ศรัทธาได้เข้าร่วมละหมาดกับท่านโดยคลุมหน้าไป จากนั้นพวกนางกลับบ้านของพวกนางโดยที่ไม่มีใครจำพวกนางได้”
ข้างต้นนี้เป็นอายะฮฺอัลกุรอานและอัลหะดิษที่กำลังจะสื่อว่า การสวมฮิญาบหรือการปกปิดตนเองนั้น จะทำให้นางรอดพ้นจากการเป็นที่รู้จัก และจากการถูกรบกวน ซึ่งผู้เขียนได้อธิบายไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ทว่า ผู้เขียนอยากจะบอกว่า ทำไมมุสลิมะฮฺในสังคมสมัยนี้ จึงไม่ค่อยสวมฮิญาบกันนัก ? ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การสวมฮิญาบของมุสลิมะฮฺในสังคมมุสลิมปัจจุบันลดลงนั้น มาจากการกระแสแฟชั่นต่างๆ ในสังคม เพราะแฟชั่นเกี่ยวกับผ้าคลุมผมนั้น มีมากมายที่ปรากฏในเวลานี้ มีหลากหลายแบบ หลากหลายสไตล์ และมีลวดลายที่แปลกใหม่ จึงทำให้มุสลิมะฮฺเกิดการหลงใหลในสิ่งนั้น จนทำให้นางลืมฮิญาบที่นางเคยสวมใส่ไว้ก่อนหน้านี้ หรืออาจจะมาจากการที่มุสลิมะฮฺบางคนไม่มีการศึกษา หรือไร้ความรู้ทางด้านศาสนา ที่ไม่รู้ถึงความสำคัญของฮิญาบ หรือไม่รู้ถึงบทบัญญัติของฮิญาบ ผนวกกับการที่พวกเขาเหล่านั้นตามกระแสแฟชั่นแล้ว ก็ยิ่งทำให้การสวมใส่ฮิญาบลดน้อยลงยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งนี้ยังคงเป็นปัญหาในสังคมมุสลิมเราในปัจจุบัน ที่ยังไม่เหือดหายไปเสียที
ดังนั้น เรามาพูดถึงเรื่องของฮิญาบกันต่อ หลังจากที่ผู้เขียนได้อธิบายถึงปัญหาการสวมใส่ฮิญาบที่มีการลดลงอยากมากในสังคมมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นบ้านเราหรือต่างประเทศก็ตาม
การที่มุสลิมะฮฺคนใดไม่สวมฮิญาบนั้น ส่วนหนึ่งจะทำให้นางเป็นที่รู้จักของเพศตรงข้าม หรือเป็นการละเมิดกฎบัญญัติของอิสลามแล้ว ยังทำให้นางนั้นจะเป็นที่จดจำสำหรับบุคคลอื่นๆ ด้วย กล่าวคือ ถ้านางเป็นคนที่มีลักษณะรูปร่างทางร่างกายที่สูง ถึงแม้นว่านางจะไปยืนอยู่ในที่มืดๆ ไม่มีแสงสว่างก็ตาม ผู้อื่นก็จะจดจำนางได้เช่นเดียวกัน ดังมีตัวอย่างที่ปรากฏในหะดิษที่บันทึกโดยท่านอิมามบุคอรี ในหนังสือเศาะเฮี๊ยฮฺของท่าน หมายเลขหะดิษที่ 146 และในบันทึกของท่านอิมามมุสลิม ในหนังสือเศาะเฮี๊ยฮฺของท่าน หมายเลขหะดิษที่ 2170 รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ ว่าบรรดาภรรยาของท่านนบี ได้เคยออกไปยังอัลมะนาศิอฺ (สถานที่ซึ่งทราบกันว่าอยู่ในเส้นทางของอัลบะกีอฺ) ในเวลากลางคืนเพื่อถ่ายทุกข์ และท่านอุมัร ได้เสนอกล่าวแก่ท่านนบี ว่า “ให้ภรรยาของท่านคลุมฮิญาบ” แต่ท่านร่อซูล ไม่ได้ทำตามนั้น หลังจากนั้น ในคืนหนึ่ง ท่านหญิงเซาดะฮฺ บินตุ ซัมอะฮฺ ภรรยาของท่านนบี ได้ออกไปในเวลาอิชาอฺและนางเป็นคนสูง ท่านอุมัร ตะโกนไปยังนางว่า “พวกเราจำท่านได้ โอ้เซาดะฮฺ” หวังว่าฮิญาบจะถูกประทานลงมา แล้วหลังจากนั้นอัลลอฮฺก็ทรงประทานอายะฮฺเกี่ยวกับฮิญาบลงมา
หะดิษบทนี้เป็นสิ่งยืนยันถึงความชัดเจนในการไม่สวมใส่ฮิญาบ ว่ามีผลอย่างไรบ้าง ดังนั้นเพื่อไม่ให้มุสลิมะฮฺไม่เป็นที่จดจำของผู้อื่น ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสวมใส่มัน
แต่สำหรับวัยชรานั้นเป็นที่อนุโลมหรือไม่เป็นที่ตำหนิ ที่นางจะไม่คลุมฮิญาบ เพราะเป็นวัยที่ชราภาพแล้ว เป็นวัยที่ไม่สามารถแต่งงานได้ หรือเป็นวัยที่ไม่สามารถมีครรภ์ รวมทั้งเป็นวัยที่ประจำเดือนหมดไปแล้ว เพราะอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลลา ได้ตรัสไว้ในอัลกุรอาน สูเราะฮฺ อันนูร อายะฮฺที่ 60 ว่า
﴿ وَالْقَوَاعِدُ مِنَ النِّسَاء اللَّاتِي لَا يَرْجُونَ نِكَاحاً فَلَيْسَ عَلَيْهِنَّ جُنَاحٌ
أَن يَضَعْنَ ثِيَابَهُنَّ غَيْرَ مُتَبَرِّجَاتٍ بِزِينَةٍ
وَأَن يَسْتَعْفِفْنَ خَيْرٌ لَّهُنَّ وَاللهُ سَمِيعٌ عَلِيمٌ ﴾ (النور : 60 )
ความว่า “และบรรดาหญิงวัยชราซึ่งพวกนางไม่ปรารถนาที่จะสมรสแล้ว ไม่เป็นที่น่าตำหนิแก่พวกนางที่จะเปลื้องเสื้อผ้า (ภายนอก) ของนางออก โดยไม่เปิดเผยส่วนงดงาม และหากพวกนางงดเว้นเสียก็จะเป็นการดีแก่พวกนาง และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้”
แต่อย่างไรก็ตาม อายะฮฺกุรอานบทนี้เราอาจจะยังไม่สามารถเข้าใจความหมายของมันได้ถ่องแท้ ดังนั้นเราจึงต้องอาศัยอัลหะดิษเข้ามาอธิบายความหมายของโองการนี้ หะดิษที่จะมาอธิบายโองการนี้คือ หะดิษที่ถูกบันทึกโดยท่านอัลบัยฮากีย์ 7/93 รายงานจาก อาศิม อัลอะหฺวัล กล่าวว่า เราเคยเข้าไปยังหัฟเศาะหฺ บินตุ ซีรีน ขณะสวมญิลบาบ ดังนั้นนางจึงปิดใบหน้าของนางด้วยกับมัน และเรากล่าวกับนางว่า ขออัลลอฮฺทรงเมตตาท่าน อัลลอฮฺ ตรัสว่า
﴿ وَالْقَوَاعِدُ مِنَ النِّسَاء اللَّاتِي لَا يَرْجُونَ نِكَاحاً فَلَيْسَ عَلَيْهِنَّ جُنَاحٌ
أَن يَضَعْنَ ثِيَابَهُنَّ غَيْرَ مُتَبَرِّجَاتٍ بِزِينَةٍ
وَأَن يَسْتَعْفِفْنَ خَيْرٌ لَّهُنَّ وَاللهُ سَمِيعٌ عَلِيمٌ ﴾ (النور : 60 )
ความว่า “และบรรดาหญิงวัยชราซึ่งพวกนางไม่ปรารถนาที่จะสมรสแล้ว ไม่เป็นที่น่าตำหนิแก่พวกนางที่จะเปลื้องเสื้อผ้า (ภายนอก) ของนางออก โดยไม่เปิดเผยส่วนงดงาม”
และนางกล่าวว่า “อะไรต่อจากนั้น?” เรากล่าวว่า
﴿ وَأَن يَسْتَعْفِفْنَ خَيْرٌ لَّهُنَّ وَاللهُ سَمِيعٌ عَلِيمٌ ﴾ (النور : 60 )
ความว่า “และหากพวกนางงดเว้นเสียก็จะเป็นการดีแก่พวกนาง” [อันนูร 24:60]
นางกล่าวว่า “ความหมายของมันก็คือให้นางคงสวมฮิญาบไว้ย่อมดีกว่า”
จากหะดิษข้างต้นนี้เราก็ได้รู้แล้วว่า สตรีมุสลิมะฮฺที่อยู่ในวัยชราภาพนั้น ถ้านางไม่สวมฮิญาบ ก็ไม่เป็นที่น่าตำหนิสำหรับนาง เพราะอัลลอฮฺได้ทรงตรัสไว้แล้วในอัลกุรอาน แต่ถ้านางจะปกปิดมัน ก็จะเป็นการดีอย่างยิ่งสำหรับนาง แต่ทว่าสำหรับหญิงสาวมุสลิมะฮฺที่ไม่ได้อยู่ในวัยชราภาพนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่นางจะต้องปกปิดตนเองหรือสวมฮิญาบ เพราะถือเป็นบทบัญญัติอันสำคัญสำหรับสตรีมุสลิมะฮฺที่นางจะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพราะการสวมฮิญาบนั้นเป็นการฏออัตเชื่อฟังคำสั่งของอัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์ และเป็นการห่างไกลตนเองจากสิ่งลามกอานาจารรวมทั้งสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ทั้งปวง ดังนั้น คุณลักษณะมุสลิมะฮฺที่ดีและเป็นที่รักยิ่งต่ออัลลอฮฺนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่นางสวมใส่ฮิญาบนั่นเอง
# อัลลอฮู ตะอาลา อะลัม
อัลลอฮฺเท่านั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้
/ 25 เศาะฟัร 1435 /
------------------------------------------------------------------
# เขียนโดย :
ความคิดเห็น