คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Part 5 การเริ่มต้นของความรู้สึก
สเนปกับแฮร์รี่ออกเดินทางด้วยความเร่งรีบ รีบขนาดที่สเนปไม่มีแม้แต่เวลาที่จะพูดจาหาเรื่องแฮร์รี่ เนื่องจากทั้งคู่ต้องรีบเดินทางไปให้ถึงภูผารัตติกาลก่อนวันมะรืนนี้ เนื่องจากดอกไม้จันทราจะบานเต็มที่ในคืนพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น และ 100 ปี ถึงจะบานซักดอก เพราะฉะนั้นพวกเขาจะผิดพลาดไม่ได้
ภารกิจนี้สำคัญกับสเนปมาก เพราะเขารู้ดีที่สุดถึงคุณค่าของดอกไม้จันทรา ดัมเบิลดอร์กำชับและฝากความหวังไว้ที่เขา สิ่งวิเศษ 3 ชนิด ที่เป็นกระษัยยาที่สำคัญที่สุด 1.ผงละออกปีกของราชินีผีเสื้อ 2.ขนหางของเจ้ายูนิคอร์น และ 3.ดอกไม้จันทราแห่งภูผารัตติกาล
และทั้งเกรนเจอร์, แพนซี่, เดรโก, วีสลีย์ รวมถึงพอตเตอร์ คือนักเรียนที่ถูกเลือกโดยอาจารย์ใหญ่ของฮอกวอร์ต โดยเลือกจากนักเรียนที่มีความสามารถโดดเด่นกว่าคนอื่น การจับสลากเลือกคู่ รวมถึงการจับสลากเลือกสิ่งของ เป็นเพียงแค่ฉากบังหน้าเท่านั้น เพราะทุกสิ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความต้องการของดัมเบิลดอร์ทั้งสิ้น เขาเคยนึกสงสัยและเอ่ยปากถามชายชราว่าทำไมต้องให้เขาคู่กับพอตเตอร์ คำตอบที่ได้ทำเอาเขาพูดเองไม่ออกทีเดียว
“เธอเป็นคนที่ชั้นหวังพึ่งมากที่สุด เธอเป็นคนมีฝีมือนะเซเวอร์รัส การเข้าป่าต้องห้ามมีอันตรายมาก เธอจะให้ชั้นปล่อยแฮร์รี่ไปกับคนอื่นได้ยังไง เธอก็รู้ดีนี่ ว่าเด็กคนนี้มีความสำคัญมากขนาดไหน”
“แต่เด็กคนนั้นต้องรู้สึกแย่แน่นอน เขาเกลียดผม”
“ปัญหานั้นมันเกิดจากเธอเองนะ ชั้นว่าคนที่รู้ดีที่สุดว่าควรต้องทำยังไงก็คือเธอ เซเวอร์รัส”
นั่นคือบทสนทนาของเขากับอาจารย์ใหญ่ เขาจึงต้องรับปากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะดัมเบิลดอร์พูดขอร้อง (แกมบังคับ) ขนาดนั้น เขาจึงไม่อาจปฏิเสธ แล้วตอนนี้เขาก็อยู่กลางป่าลึกกับเด็กคนนี้แล้ว ถึงจะโวยวายไป ก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก ทางที่ดีรีบทำภารกิจนี้ให้เสร็จโดยเร็วดีกว่า เขาได้แต่คิดอย่างปลง ๆ
ด้านแฮร์รี่ เขารู้สึกสบายใจทีเดียวที่วันนี้สเนปไม่หาเรื่องเขา เมื่อดูจากความรีบร้อนของสเนป ก็ทำให้เขาพอจะคาดเดาได้ว่า สิ่งที่เขาทั้งคู่ต้องไปนำกลับมา ต้องมีความสำคัญกับชายหนุ่มมากจริง ๆ (มากจนเห็นว่าการพูดจาดูถูกถากถางเขา ซึ่งเป็นกิจกรรมโปรดของสเนป เป็นเรื่องไม่สำคัญไปเลย) เขาจึงรีบสาวเท้าเดินให้ทันชายหนุ่ม เพื่อจะได้ไม่พลัดหลงกัน
เมื่อเดินมาได้ซักพัก แฮร์รี่เริ่มผ่อนฝีเท้าลง เนื่องจากบรรยากาศรอบด้านช่างดูคุ้นตาสำหรับเขานัก ซึ่งถ้าเขาจำไม่ผิด นี่เป็นทางไปยังรังของอาราก๊อกนี่ แต่สเนปดูเหมือนจะไม่รู้ เพราะชายหนุ่มยังไม่ลดความเร็วในการเดินลงเลย แฮร์รี่จึงตัดสินใจทำลายความเงียบทันที
“นี่...คุณแค่ใจเหรอ ว่าเรามาถูกทางน่ะ”
เมื่อสเนปได้ยินเช่นนั้น จึงชะงักฝีเท้าพร้อมกับหันมามอง
“ทำไมล่ะ ทำไมเธอถึงคิดว่าชั้นพามาผิดทางล่ะ”
ชายหนุ่มถามพร้อมกับทำสีหน้าสงสัย
“ผมก็ไม่ได้คิดว่าคุณพามาผิดทางหรอก เพียงแต่ว่าทางนี้น่ะ มันเป็นทางไป...”
แฮร์รี่เงียบเสียงทันที เมื่อได้ยินเสียงคล้ายตัวอะไรเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลัง ซึ่งฟังจากเสียงแล้วสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่นั้น ต้องขนาดใหญ่โตพอสมควรทีเดียว
“พอตเตอร์...ค่อย ๆ เดินมาหาชั้น ค่อย ๆ นะ อย่าวิ่งล่ะ ชั้นพอจะรู้แล้วว่าทางนี้มันเป็นทางไปที่ไหน”
แฮร์รี่สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วค่อย ๆ เดินไปหาสเนปอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อเดินถึงตัวชายหนุ่มแล้ว เขาก็รีบหันหน้ากลับมาทันที และพบว่าเบื้องหน้าของทั้งคู่คือแมงมุมขนาดใหญ่ ดวงตาทั้งแปดของมันจับจ้องมาทางสเนปกับแฮร์รี่ ราวกับว่าได้เห็นเหยื่ออันโอชะ ที่บังเอิญโง่เง่าเดินเข้ามาอาณาเขตของมัน
“ทำยังดีล่ะครับ” แฮร์รี่ถามขึ้น โดยพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น
“ก็สู้มันน่ะสิ ไม่เห็นน่าถาม มันมาแค่ตัวเดียว แต่เรามี 2 คน จัดการมันได้อยู่แล้ว เดี๋ยวชั้นจะหลอกล่อมันไป ส่วนเธอก็หาจังหวะเล็งคาถาใส่มันซะ เอาให้โดนบริเวณท้องของมันล่ะ เข้าใจไหม”
“ผมรู้น่า ผมเคยสู้กับมันมาแล้ว วางใจเถอะ” แฮร์รี่ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง
“ก็ดี...แล้วเราจะได้รู้กันว่าเธอจะทำได้อย่างที่พูดรึเปล่า”
เมื่อพูดจบ สเนปตัดสินใจพุ่งตัวออกไปด้านตรงข้ามกับแมงมุมยักษ์ทันที โดยเขาวิ่งลอดใต้ขามันไป มันชะงักไปเล็กน้อย อาจเพราะไม่คาดคิดว่าเหยื่อของมันจะทำอะไรแบบนี้ แต่แล้วมันก็ตัดสินใจหมุนตัวเพื่อตามชายหนุ่มไป ไวเท่าความคิด แฮร์รี่ฉวยโอกาสนี้วิ่งเข้าไปอยู่ใต้ท้องมันทันที
“ริกตูเซ็มปร้า”
แมงมุมทรุดฮวบลงไปทันที พร้อม ๆ กับที่แฮร์รี่รีบไถลตัวออกมาให้พ้นจากการถูกแมงมุมทับแบน (ภารกิจเสร็จสมบูรณ์อย่างสวยงาม)
“ใช้ได้นี่ ชั้นนึกว่าเธอจะทำให้ชั้นกลายเป็นอาหารว่างของแมงมุมไปซะแล้ว”
“ผมก็บอกคุณแล้ว ว่าผมเคยสู้กับมันมาแล้ว แค่นี้เล็กน้อยมาก แต่ผมว่าตอนนี้เรารีบเดินต่อเถอะ ถ้าผมจำไม่ผิด รังของพวกมันอยู่แถว ๆ นี้แหละ”
หลังจากพูดจบ แฮร์รี่ก็รีบเดินต่อไปด้วยความรวดเร็วทันที
เมื่อสเนปได้ยินดังนั้น จึงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย หากที่นี่มีอันตราย เขาก็จำเป็นต้องพาแฮร์รี่ออกไปโดยเร็วที่สุด เพราะถ้ามันยกโขยงกันมา เขาก็คงไม่สามารถต้านทานได้แน่ คิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็รีบสาวเท้าตามไปทันที แต่ภาพที่เห็นเบื้องหน้าทำเอาชายหนุ่มแทบหยุดหายใจ แมงมุมตัวใหญ่กว่าเมื่อครู่สัก 2 เท่า กำลังเงื้อก้ามของมันเตรียมจะฟาดลงไปที่แฮร์รี่ ซึ่งดูเหมือนจะขาแข็งไปแล้วด้วยความตกใจ ภาพที่เห็นทำให้ร่างกายขยับไปตามที่ใจสั่ง ชายหนุ่มผลักแฮร์รี่ออกไปให้พ้นทาง ซึ่งการกระทำเช่นนั้น ทำให้เขากลายเป็นผู้ที่ได้รับบาดแผลจากแมงมุมยักษ์ ซึ่งแผลที่ค่อนข้างลึกและยาวนั้น สร้างความเจ็บปวดให้กับชายหนุ่มไม่น้อย แต่เขาไม่ได้ใส่ใจเลย เขารีบหันไปมองแฮร์รี่ด้วยความเป็นห่วงว่าเด็กชายได้รับบาดเจ็บหรือไม่ เมื่อเห็นว่าเด็กชายปลอดภัย เขาจึงตะโกนออกไป
“หนีไป พอตเตอร์ รีบหนีออกไปจากตรงนี้ซะ”
ส่วนแฮร์รี่ หลังจากหายตกตะลีงและเห็นบาดแผลของชายหนุ่มแล้ว เขาก็เรียกสติกลับมาได้ รีบวิ่งเข้าไปดีงตัวชายหนุ่มให้พ้นจากการโจมตีอีกระลอกของแมงมุนยักษ์ทันที แฮร์รี่ทั้งดึง ทั้งลากสเนป เพื่อให้พ้นจากบริเวณนั้น เพราะรู้ดีว่าไม่มีทางสู้ได้ เพราะสเนปบาดเจ็บไม่น้อย ตอนนี้การหนีคือหนทางที่ดีที่สุดที่เขาคิดออก
หลังจากวิ่งมาได้สักระยะ ด้วยความยากลำบาก เพราะเขาต้องพยุงชายหนุ่มซึ่งดูเหมือนจะซีดขึ้นทุกทีเนื่องจากเสียเลือด เขาจึงตัดสินใจหยุดวิ่ง เพราะคิดว่าพ้นจากอาณาเขตการไล่ล่าของแมงมุมยักษ์แล้ว รวมถึงเขาเองก็เริ่มจะหมดแรง ทันทีที่หยุดวิ่ง สเนปก็ทรุดฮวบลงไปทันที แผลเขาเลือดออกเยอะมาก แฮร์รี่เห็นดังนั้นก็รีบลงมือร่ายคาถาป้องกับรอบบริเวณที่พวกเขาอยู่ เสร็จแล้วจึงรีบรุดมาดูสเนปที่นอนพิงต้นไม้อยู่
“คุณ...ไม่เป็นอะไรมากใช่มั๊ย ขอผมดูแผลหน่อย”
เขาพูดพร้อมกับเอื้อมมือไป หมายจะแหวกเสื้อเพื่อดูแผลของชายหนุ่ม แต่มือของเขาก็ถูกปัดอย่างแรง
“อย่ามายุ่ง ชั้นไม่ตายเพราะแผลแค่นี้หรอก ทำไมเธอถึงดื้อแบบนี้ ชั้นบอกให้เธอหนีไป ทำไมถึงไม่รีบหนีล่ะ ยังจะวิ่งเข้ามาช่วยชั้นอีก เธอไม่รู้ตัวเลยหรอว่าตัวเองสำคัญขนาดไหน กี่ชีวิตที่ยอมเสียสละเพื่อเธอ แต่เธอกลับไปเห็นค่ามันเลย”
ชายหนุ่มตะโกนออกไปด้วยความโกรธ ที่เด็กคนนี้ไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย
“แล้วคุณจะให้ผมทิ้งคุณได้ยังไง ที่คุณต้องบาดเจ็บแบบนี้ เพราะคุณช่วยชีวิตผมนะ คุณจะให้ผมหนีเอาตัวรอด ผมทำไม่ได้หรอก เอาเถอะ ตอนนี้คุณนั่งเฉย ๆ อยู่ตรงนี้ก่อน ผมจะหายามาใส่แผลให้ แล้วก็รีบไปกางเต็นท์ คุณก็อย่าเพิ่งขยับตัวล่ะ”
ว่าแล้วเด็กชายก็ลงมือค้นหาหัวน้ำมันดิตทานี ที่เขาจำได้ว่าเฮอร์ไมโอนี่ยัดใส่กระเป๋าเขามา พลางพร่ำพูดให้เขาติดตัวไว้เผื่อเกิดบาดแผลระหว่างการเดินทาง เมื่อหาเจอแล้วจึงรีบรุดมาที่ชายหนุ่มทันที
“มา...เดี๋ยวผมเอายาใส่แผลให้คุณก่อน”
“ไม่ต้อง ชั้นทำเองได้ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
“นี่คุณ อย่าเรื่องมากนักเลย ดูสภาพตัวเองบ้าง แค่พูดยังจะไม่ไหวเลย แล้วผมจะไม่สนใจหรอกนะถ้าคุณไม่ได้บาดเจ็บเพราะผม แต่นี่คุณต้องเจ็บตัวเพราะผม จะให้ผมอยู่เฉย ๆ ได้ยังไง”
พูดจบแฮร์รี่ก็รีบถอดเสื้อชายหนุ่มออก และสิ่งที่เขาเห็นทำให้เขายิ่งรู้สึกผิดกว่าเดิมอีกหลายเท่า แผลบนหน้าอกของชายหนุ่มทั้งยาวและลึก แถมเลือดยังออกมากเสียด้วย เขารีบใส่ยาและหาผ้ามาพันแผล เสร็จแล้วจึงรีบไปกางเต็นท์ และพยุงชายหนุ่มไปยังเตียงนอนทันที
“คืนนี้คุณนอนพักผ่อนเถอะ ผมจะอยู่เฝ้ายามเอง คุณพักผ่อนให้เต็มที่ก็แล้วกัน ผมว่าดีไม่ดี คุณต้องมีไข้แน่ ๆ ตอนนี้คุณรีบนอนก่อน ดึก ๆ ผมจะเข้ามาดูอีกที”
พูดจบเด็กชายก็หันหลังจะเดินออกไป แต่เมื่อเดินถึงประตูเต็นท์ เขาชะงักฝีเท้าราวกับนึกอะไรบางอย่างได้
สเนปที่มองตามเด็กชายไป จึงเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยที่อยู่ ๆ แฮร์รี่ก็หยุดเดิน
“มีอะไรหรอ ลืมอะไรรึเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยปากถาม
แฮร์รี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามรวบรวมสติ แล้วเอ่ยออกมาโดยไม่หันกลับไปมองชายหนุ่ม
“ขอบคุณมากนะครับ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่เป็นต้นเหตุให้คุณได้รับบาดเจ็บ ขอบคุณจริง ๆ ครับ”
พูดจบเขาก็รีบเดินออกมาจากเต็นท์อย่างรวดเร็ว ตอนนี้หน้าของเด็กชายแดงไปหมด เขาทรุดตัวลงหน้ากองไฟ ยกมือขึ้นมาจับหน้าอกตังเอง พลางพึมพำ
“โอ๊ย...ทำไมหัวใจถึงเต้นเร็วแบบนี้ล่ะ นี่เราเป็นอะไรไปเนี่ย เฮ้อ...!!!”
แล้วแฮร์รี่ก็นั่งคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กชาย
ด้านชายหนุ่ม เมื่อได้ยินดังนั้นก็ได้แอบยิ้มอยู่คนเดียว พลางคิด
‘ไม่จำเป็นต้องขอบคุณชั้นหรอก ตราบใดที่ชั้นยังมีลมหายใจ ชั้นต้องปกป้องเธอให้ได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของชั้นก็เถอะ’ คิดแล้วก็ขมวดคิ้ว ‘แต่ไม่ใช่เพราะรู้สึกเป็นห่วงหรอกนะ ชั้นแค่ต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับใครบางคนเท่านั้น ไม่ได้ทำไปเพราะรู้สึกพิเศษอะไรกับเธอหรอก’ ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่สเนปจะรู้ตัวหรือไม่ว่าตอนนี้เขากำลังโกหกเสียงหัวใจตัวเองอยู่ เพราะทุกสิ่งที่เขาทำไปนั้นมันเกิดจากความรู้สึกล้วน ๆ หาใช่ทำเพราะหน้าที่ไม่
ด้านดัมเบิลดอร์ที่ยืนมองเหตุการณ์ต่าง ๆ ผ่านทางกระจกวิเศษ ท่ามกลางรัตติกาลที่ครอบงำป่าต้องห้ามและฮอกวอร์ตให้หลับใหล พร้อมกับความไม่เข้าใจตนเองของใครหลาย ๆ คน คงจริงอย่างที่เขาว่ากัน เมื่อใดที่ได้เผชิญอันตราย เราก็จะเห็นทันทีว่าสิ่งใดมีค่าสำหรับเรา แต่อย่าปล่อยให้สายไปเสียล่ะ เพราะสิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับไปได้ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง
เสี้ยวหน้าอันแสนฉลาดเฉลียวของดัมเบิลดอร์มีรอยยิ้มขึ้นมาน้อย ๆ กับเหตุการณ์ที่ได้เฝ้ามองตั้งแต่ทุกคนก้าวเข้าป่าต้องห้าม พลางคิด
‘หวังว่าเธอทั้ง 4 คน จะรับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองนะ’
TBC
ความคิดเห็น