ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Testament of the Demons พันธสัญญาแห่งปิศาจ

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 4 "ก้นบึ้งของจิตใจ"

    • อัปเดตล่าสุด 19 ธ.ค. 55


    บทที่ 4

    -ก้นบึ้งของจิตใจ/At the Center of the Heart

              เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าสีเขียว ลมโบกพัดมาอย่างเย็นชื่นฉ่ำ อะไรกัน ผม ผมอยู่ที่ไหน ผมค่อยๆลุกขึ้นมา แผล แผลนี่มันลึกมาก แต่ทำไมตอนนี้มันไม่รู้สึกเจ็บเลยล่ะ แล้ว แล้วเธอ ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน ผมเดินไปตามทางที่ไม่มีจุดหมาย เลือดของผมไหลจากท้องผมลงสู้พื้นไปตามทาง ผมไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย หรือว่าผู้อยู่บนสวรรค์แล้วนะ ที่นี่ช่างกว้างมาก ผมมองหาที่สิ้นสุดไม่ได้ ผมเหงยหน้ามองดูท้องฟ้า

    ท้องฟ้าสีฟ้าขาว ก้อนเมฆที่จับกลุ่มกันค่อยๆเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ลมที่โบกพัดมาเหมือนกับอยู่ตามแถวชายหาด ไม่ได้เจอมันมานานเท่าไรแล้วนะผมพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆคลอเบ้าตาของผม ทุ่งหญ้าผืนที่ผมเหยียบย่ำอยู่มันได้กลายเป็นสีขาวไปซะแล้ว ผมไม่สนใจ ผมคิดถึงวันเก่าๆที่แสนสงบสุข วันเก่าๆของผมที่แสนสุดจะน่าเบื่อ ผมอยากให้มันหวนคืนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ถ้าที่นี่จะเป็นแดนสวรรค์จริงๆ แล้วผู้คนข้างล่างล่ะ ยังจะต้องตายด้วยฝีมือพวกอสูรกายพวกนั่นอีกหรือ ต้องมีผู้คนสังเวยชีวิตอยู่อีกงั้นหรอ พวกมันทำไปเพื่ออะไรกัน ผมคิดถึงวันเก่าๆ นั่น พระอาทิตย์นี่ ผมไม่ได้เจอมานานเท่าไรแล้วนะ ณ ตอนนี้น้ำตาผมหลิ่งรินออกมา ช่างคิดถึงวันเก่าๆเสียจริง ผมเสียใจมาก แรงยืนผมแทบไม่มีตอนนี้ ผมเสียใจมากผู้คนต่างต้องล่มตายอย่างไม่มีเหตุผล ผมล้มคุกเข่าลง โอกาสของผมมันหมดไปแล้วซินะ ผมอยากไปแก้แค้น อยากฆ่าพวกมัน อยากช่วยผู้คน อยากช่วยเธอคนนั้น ผมยังไม่หยุดร้องให้ ก้อนเมฆสีแดงเดือด สภาพอากาศที่ไร้แม้กระทั่งลม บรรยากาศรอบข้างร้อนมาก ที่นั่นมันนรกชัดๆ ไม่รู้ว่าจะมีไอ้พวกอสูรกายพวกนั้นอีกสักกี่ตัว

    อ้าคคคคคคค !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ผมตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังที่สุด แต่เสียงผมมันดูเบามากเมื่ออยู่ในทุ่งหญ้ากว้างๆแห่งนี้ ผมโกรธมาก โกรธมากสภาพในตอนนี้ ผมต่อยพื้น ต่อย ต่อยไปหลายหมัดเพื่อทุเลาความเจ็บช้ำภายในใจ แต่มันก็ยังช่วยอะไรไม่ได้สำหรับผมที่มีสภาพโกรธในตอนนี้

    เจ้า เจ้าน่ะ ว่าไง โกรธอยู่มากเลยงั้นหรอผมเหงยหน้าขึ้นมามองดูหน้าตาแก่ข้างหน้าผม ที่พูดไปแล้วยิ้มไปดูเหมือนว่ากำลังเยาะเย้ยผมอยู่

    อะไรเล่า เจ้าตายเพราะเหตุใดงั้นหรือผมก็ยังไม่ใส่ใจกับคำพูดของตาแก่เฒ่าข้างหน้าผมอยู่ดี

    ที่นี่ ที่นี่ที่ไหน แล้วคุณ คุณเป็นใครผมตอบกลับด้วยคำพูดที่ดูไม่ใช่ท่าทีว่าจะตอบคำถามชายข้างหน้า

    โอ้ๆ เวลาพูดใจเย็นหน่อยก็ได้นะพ่อหนุ่ม ดูสิเลือดที่ไหลจากท้องเจ้ามันกองเต็มพื้นไปหมดแล้ว มันแทบจะเป็นบ่อเลือดของเจ้าแล้วนะ ฮ่าๆๆๆผมลองเหลือบตาลงมองดูข้างๆ เลือด เลือดของผมเต็มพื้นไปหมด จากทุ่งหญ้าสีเขียว ไหงมันเต็มไปตายเลือดของผมไปหมดเลยล่ะ ทุ่งหญ้าเหล่านั้นดูจะค่อยๆดูดซับเลือดของผม จากสีเขียว เป็นสีแดง จากสภาพบรรยากาศอันสุดแสนบริสุทธิ์มันได้กลับกลายมาเป็นทุ่งหญ้าสีเลือดเสียแล้ว

    ตัวข้าน่ะรึ หึหึ ไม่ใช่ใครใหญ่มาจากไหนหรอก ที่นี่ที่ไหนหรอ จิตใจเจ้ามั้ง ฮ่าๆๆๆ ส่วนชื่อของข้าน่ะหรอ อืม... เรียกข้าว่า ตาเฒ่า ละกันนะ ดูเหมือนว่าเจ้าจะเรียกข้าด้วยชื่อนั้นอยู่ซะด้วยสิ โฮ่ๆๆตาแก่นั่นก็ยังคงเยาะเย้ะผม ฟังดูเป็นเรื่องตลกไปได้ แต่ว่าเขาอ่านใจเราได้งั้นหรอ และที่ที่นี่คือ จิตใจ ของผมเองงั้นหรอ ผมเริ่มงงสับสนวุ่นวายไปหมด แต่อารมณ์ผมก็เริ่มเย็นขึ้นจากคำพูดของตาแก่นั้นได้นิดหน่อย รู้สึกว่าทุ่งหญ้าจะเริ่มเปลี่ยนสีไปซะด้วยสิ ทีนี้เป็นสีฟ้าไปแล้ว อารมณ์ผมในตอนนี้เปรียบกับสีฟ้างั้นหรอ

    เป็นไงล่ะ อารมณ์ดีขึ้นแล้วงั้นสิ เจ้าต้องการอะไรกันล่ะพ่อหนุ่ม ต้องการชีวิต โอกาส ต้องการช่วยเหลือผู้คน เจ้าต้องการอย่างนี้ใช่ไหม ผมรู้สึกแปลกใจที่ตาแก่นั้นรับรู้ได้ถึงความต้องการของผม ผมพยักหน้าตอบกลับไป

    พ่อหนุ่ม เจ้านี่เข้าใจอะไรง่ายจริงนะ โฮ่ๆๆ หนุ่มๆสาวๆนี่ดีกันจังเลยนะ ข้าล่ะกันถึงสมัยนั้นจริงๆ เจ้านี่เป็นคนที่ดูขวักไขว่เอามากเลยนะ ข้าล่ะประทับใจคนอย่างเจ้ามากเลยล่ะ เอาสิ รับโอกาสไป แล้วนำมันไปใช้ให้ถูกต้อง นำมันไปยึดเสรีภาพของทุกคนด้วยล่ะดูเหมือนว่าตาแก่นั่นจะรู้อยู่ว่าบนโลกกำลังเกิดอะไรขึ้น ตาแก่นั่นได้ยื่นอะไรไม่รู้มาให้ผม ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเครื่องรางอะไรสักอย่าง ที่ไม่คุ้นตาผมเลย

    เอ้ารับไปสิพ่อหนุ่ม ชื่อของมันมีอยู่ว่า Demon มันจะช่วยเจ้าในยามคับขัน รับไปสิแล้วใช้มันกอบกู้เสรีภาพกลับมาให้ทุกคนด้วยล่ะผมยื่นมือไปรับสิ่งของสิ่งนั้นจากตาแก่ ผมหยิบมาดู ลวดลายมันดูสวยงามมาก มีประกายคล้ายเพรชอยู่ด้านบนของตัวมัน รูปลักษณ์มันเป็นสีแดงทั้งตัว ดูเหมือนว่ามีสัญลักษณ์อะไรไม่รู้อยู่ตรงกลาง อืมม เท่ห์ดีนะ เจ้าสิ่งนี้เนี่ย

    “Demon” ผมเผลอพูดชื่อมันไป ในขณะนั้นสิ่งที่ผมถืออยู่มันมีสีแดงก่ำขึ้นมา ราวกับดวงตาของมังกรพิโรธดวงตามันดูแล้วชวนให้กลัว เหมือนว่ามันจะมีจิตอาฆาตอะไรสักอย่างอยู่ในนั้น นั่น นั่นมันอสูรกายนี่ ณ ขณะนั้นเหมือนมีภาพอะไรไม่รู้แทรกเข้ามาในหัวผม ปราสาท ปราสาทอะไรกันน่ะ เหล่าอสูรกายกำลังห้ำหั่นผู้คนอย่างสะใจ ด้วยสีหน้าที่ดูเย็นใจ และยิ้มสุดแสยะของพวกมัน ไม่มีใครที่กล้าต่อกรกับมันเลยแม้แต่ผู้เดียว เอ้ะ นั่นใครน่ะ ใครกันที่กำลังขี่ม้าออกมาจากท่ามกลางผู้คนที่กำลังวิ่งหนี เขาฟาดฟันดาบไปทุกทิศทุกที่ ที่มีเหล่าอสูรกายพวกนั้น เหล่าอสูรกายต่างตายลง ศพพวกมันนองเลือดกองกันอยู่เต็มพื้น นั่นๆ นั่นตัวอะไรน่ะ แต่งตัวดูแปลกกว่าพวกอสูรกายหรือว่าจะเป็นแม่ทัพนะ สองคนนั้นสู้กันดุเดือดอย่างกันเอาเป็นเอาตาย

    ***โป้กกก*** เสียงหมัดที่ต่อยเข้าเต็มหน้าของอัศวินผู้นั้นอย่างเต็มแก้ม หมวกเหล็กของอัศวินหลุดออก เอ้ะ หน้าคนนั้น หน้าอัศวินผู้นั้น ดูคล้ายตาแก่ที่ผมเพิ่งเจอไปเมื่อครู่นี้ ผมมองหาตาแก่นั่น หายไปไหนซะแล้ว แต่แล้วก็มีภาพมาปรากฏแทรกในหัวของผมอีก อัศวินผู้นั้นได้สวนการโจมตีของอสูรกายตนนั้นกลับเข้าอย่างจัง จนอสูรกายตนนั้นล้มลงกับพื้น อัศวินผู้นั้นเห็นได้โอกาสจึงรีบหยิบมีดจากช่องเก็บอาวุธตรงขาตัวเองออกมา แล้ววิ่งเข้าไปแลกชีวิตกับอสูรกายตนนั้น

    ***สวบบบ*** มีดที่ปักเข้าไปในหัวใจของอสูรกายตนนั้น อีกทั้งยังไม่พอ ดาบที่อสูรกายตนนั้นถือไว้เสียบเข้าไปที่อกของอัศวินผู้นั้นอย่างเต็มเล่ม ทั้งสองสิ้นใจตายลงด้วยสภาพที่ยังคงถืออาวุธอยู่ ไม่มีใครเข้ามาช่วย ไม่มีใครที่จะได้พบได้เจอ ผมคิดว่าตอนนี้ศพทั้งคู่อาจจะยังอยู่ในปราสาทแห่งนั้นก็เป็นได้ ภาพเหตุการณ์นั้นสิ้นสุดลงในหัวผม ผมลืมตาดูโลกภายนอกอีกที นั่น นั่นมันเธอ ผู้หญิงคนนั้นนี่หน่า แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้สิ ไม่ใช่ที่นี่ ไม่ใช่ ที่นี่ มะ มะ มัน ทะ แท่นประหารนี่ ตัวเธอนั้นถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขนด้วยตะปูที่ตอกเข้าสู้ข้อมือไม่ใช่แค่ข้อมือ ส่วนตรงข้อเท้าก็โดนตะปูฝังอยู่ด้วย ตอนนี้เธอตายรึยังนะ ไม่ ไม่สิเธอยังหายใจอยู่ ผมดีใจที่เธอยังไม่ตายจากไป แต่ที่ที่ผมอยู่ตอนนี้ ผมอยู่หลังแท่นประหาร ศพ ศพกองเต็มที่นี่ไปหมด บางคนโดนกรีดท้อง บางคนโดนเฉือนคอควักลิ้นไก่ออกมาบ้าง ไม่ใช่มีแค่สภาพศพที่ดูเต็ม 32 แต่ยังมีเศษมือ เศษขา เศษหัวของใครก็ไม่รู้ ที่นี่มันดูรกด้วยศพเต็มไปหมด เหม็น ผมเพิ่งมารู้สึกว่ามันเหม็น อี๋ ผมต้องรีบออกไปจากที่นี่แล้ว แต่ว่าจะออกไปยังไงล่ะ พวกอสูรกายเต็มไปหมด คุกที่นี่ถูกยึดกลับเหมือนเดิมแล้วสินะ ผู้คนก็ยังต่อแถวเรียงรายมาขึ้นแท่นประหารกันอยู่เหมือนเดิม ผมคิดว่าตอนนี้พอมีอะไรที่ผมสามารถทำได้บ้าง ผมเลยหยิบเครื่องร่างที่ตาแก่ให้ขึ้นมาดูเผื่อใช้อะไรได้บ้าง แต่เดี๋ยวเครื่องหมายที่หัวไม้กางเขนมันเหมือนกับของผมเลย ตาแก่นั่นให้อะไรผมมากันแน่นะ ผมนึกคำพูดของตาแก่นั่นมาได้อยู่ประโยคหนึ่ง

    มันจะช่วยเจ้าได้ยามคับขันแล้วผมจะทำยังไงล่ะ

    ดะ ดะ เดม่อนนั่นไง เจ้าเครื่องรางนั่นมีเปล่งแสงออกมาแล้ว แต่เดี๋ยวๆ แสงมันจะจ้าเกินไปแล้ว เดี๋ยวพวกอสูรกายก็รู้กันหมดหรอก ไม่ๆ หยุดๆ หยุดเดี๋ยวนี้ หยุดนะ แต่เครื่องร่างนั่นก็ยังคงเปล่งแสงอยู่ แสงมันเริ่มจ้าขึ้น จ้าขึ้น มันจ้ามากผมแสบตาไม่ไหวแล้ว

              หลังจากที่แสงสีแดงจากเครื่องร่างได้ดับลง อะไรกันเนี่ย ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลยนี่ ล่ะ ล่ะ แล้วรอยสักจากแขนผมนี่มันมาจากไหนกัน เป็นรอยสักยาวตั้งแต่มือไปจนถึงหัวไหล่ขวาของผม แสบ แสบตามาก ลูกตาผมเป็นอะไรไป ผมนอนดิ้นอยู่ตรงนั้น

    “#$#$%^ !!!!!!!!!” ชิพหาย เจ้าพวกอสูรกายนั่นมันมาเห็นผมกันแล้ว ในขณะที่ผมสบตามันดูจากสีหน้ามันแล้ว มันกำลังตื่นตระหนก ดูเหมือนว่ามันกำลังกลัว มันวิ่งหนีไปแล้ว อะไรกัน ผมว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆในร่างกายของผมแน่ แต่ก่อนอื่นผมต้องรีบไปช่วย เธอ เธอคนนั้นเสียก่อน ผมปีนขึ้นมายังแท่นประหาร ดูเหมือนเธอกำลังสลบอยู่ สีหน้าเธอตอนหลับอยู่ ดูน่ารักดีนะเนี่ย ผู้รู้สึกเขินในใจ หน้าผมแดงไปหมด แต่ตอนนี้ผมต้องรีบช่วยเธอจากสถานการณ์นี้ก่อน ดึงตะปูออกมาจากข้อมือและข้อเท้าของเธอ ทำไมมันดึงง่ายจังนะ ช่างมันก่อน ผมต้องรีบพาเธอไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่พวกมันจะมา แต่เดี๋ยวพวกมันหายไปไหนกันหมด เหลือแต่ผู้คนที่เข้าแถวกันอยู่อย่างยาวเหยียดตอนนี้

    ทุกคน หนีออกไป เร็วเข้า ตอนนี้ในขณะที่ผมพูด สีหน้าทุกคนดูตกใจกับใบหน้าของผมมาก ทุกคนมองผมอย่างใจจดใจจ่อ มองเหมือนว่าเกิดมาไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อน อะไร มีอะไรติดที่หน้าผม หรือว่าไอ้เครื่องรางนั่นทำให้หน้าผมดูเปลี่ยนไป ช่างมันในเมื่อไม่สนใจสิ่งที่ผมพูด ผมก็ต้องขอตัวไปก่อน ผมอุ้มร่างของเธอขึ้นมาแล้วรีบวิ่ง วิ่งให้เร็วฝีเท้าที่สุด เร็ว ทำไมผมวิ่งเร็วขนาดนี้ ดูเหมือนว่าไอ้เครื่องรางนั่นจะมีดีอยู่นะ มันคงจะเพิ่มประสิทธิภาพของกำลังให้ผมล่ะมั้ง ผมพูดแล้วเหมือนกำลังเหลิงตัวเองอยู่ ใกล้จะถึงประตูใหญ่ด้านหน้าคุกแล้วล่ะ ผมจะรีบใช้เวลาที่พวกมันไม่อยู่นี่ล่ะ หนีออกไปให้ไวที่สุด

              แต่ผมก็ต้องหยุดวิ่งอย่างกะทันหัน เมื่อได้เห็นภาพข้างหน้า มันชวนให้ผมอึ้งมาก ภาพข้างหน้าของผมนั้น มีพวกอสูรกาย ปิศาจเต็มไปหมด

    ฆ่ามัน !!!!!!!!!!!!!!!!!” นะ นั่น นั่นมันเสียงของพวกอสูรกายงั้นหรอ...

     

     

    To be continue…

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×