ตอนที่ 5 : - 5 - || In the car || 100%
You didn't leave your number for me
Left me without a warning, baby
ใจผมเต้นผิดจังหวะ ใบหน้าเห่อร้อนเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ อาการไม่ต่างจากเมื่อคืนที่ผมมีอะไรกับเขาเท่าไหร่เลย คืนนั้นผมเมาหนักมาก เมาจนควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ บรรยากาศ ฤทธิ์น้ำเมามันทำให้ผมหลุดไปไกล จนมารู้ตัวอีกทีมันก็สายเกินกว่าจะถอยหลังแล้ว แต่ตอนนี้ผมพยายามเตือนตัวเองอยู่ตลอดว่าผมควรมีสติ ไม่ให้เกิดเรื่องอย่างว่าขึ้น
...อย่างน้อยๆ มันก็ไม่ควรจะเป็นบนรถ ใครจะมาเห็นบ้างก็ไม่รู้ ถ้าทำอะไร คนข้างนอกรู้ขึ้นมาทำไงล่ะ
ผมหลุดลอยไปตามการเล้าโลมของบูรพาหลายต่อหลายครั้ง เริ่มแรกด้วยการไล้จูบทั่วลำคอผม ดูดดุนจนมันเสียววาบ ขนลุกไปทั้งร่างกาย ผมเผลอครางออกมาเสียงแผ่ว เสียงน่ะเบา แต่ลมหายใจมันหนักหน่วงมากเสียจนรู้สึกเขินอายตัวเองขึ้นมาเลย
ผมยกมือดันเขาออก แต่ร่างกายและสมองเริ่มไม่เชื่อฟังแล้ว มันเหมือนหลงเข้าไปในภวังค์เร่าร้อนที่คนเหนือร่างค่อยๆ มอบให้ ผมกัดฟันแน่นและจิกมือลงบนปกเสื้อบูรพา จมูกสูดกลิ่นน้ำหอมเข้มๆ แต่ไม่ฉุนจมูก ปกติผมไม่ชอบคนฉีดน้ำหอมเท่าไหร่ แต่กลิ่นที่เขาใช้มันไม่ฉุน กลับกัน มันทำให้อีกฝ่ายดูน่าค้นหามากขึ้นกว่าเดิม ...อ่า ผมไม่ชอบบุหรี่ด้วย กลิ่นมันเหม็นชวนปวดหัว ทว่าพอมันรวมกับกลิ่นน้ำหอมนั่นแล้ว ทำไมถึงได้ดีไปหมดแบบนี้นะ
นี่ผมต้องเมามากแล้วแน่ๆ
เพราะแอลกอฮอล์ที่เขากรอกใส่ปากผมแน่ๆ เพราะผมคนปกติคงไม่ชอบอะไรแบบนี้
ใช่ ผมคนปกติจะต้องไม่ชอบอะไรแบบนี้แน่ๆ
“อื้อ...” แต่ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นแล้ว ถ้าผมต้องทำผิดต่อคาร์ฟอีกครั้ง ผมไม่อยากทำมัน ผมไม่ได้กลัวว่าคาร์ฟจะรู้ความจริง ผมตั้งจะบอกเขาอยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างกับตัวผม อยากคุยเรื่องของเรา แต่ผมไม่อยากให้ความผิดพลาดมันเกิดขึ้นซ้ำๆ “ขอ...ขอร้องครับ อย่า ยะ...อย่าทำเลย” ผมพยายามตั้งสติและบอกเขาเสียงสั่น มันได้ผล เพราะอีกคนชะงักค้างไป
“...” เขาหยุดและนิ่งไป บูรพาช้อนสายตาคู่คมนั่นมองหน้าผม สีหน้าแววตามันเต็มไปด้วยความต้องการ ตอนนี้ผมเองก็ต้องการไม่ต่างจากเขาเลย แต่ผมไม่อยากทำผิดอีก
“ผมยังมีแฟนอยู่”
“...” บูรพาถอนหายใจก่อนจะยอมถอยออกไป เขาดูเสียอารมณ์มาก ไม่รู้ทำไมผมถึงต้องรู้สึกผิดที่ทำให้เขารู้สึกแบบนั้นด้วย ผมแคร์เขาเหรอ? น้าบ่า คนเราเพิ่งเคยเจอกันครั้งสองครั้ง ถึงจะมีความสัมพันธ์เกินเลยกันไปแล้ว แต่ผมก็ไม่น่าจะไปรู้สึกมาก หรือแคร์เขาหรอก
ไม่มีทางอะ
“ผมไม่อยากทำผิดกับเขา ละ...ลองนึกภาพแฟนคุณไปมีอะไรกับคนอื่นสิครับ”
“คิดว่าถ้าคนที่เป็นแฟนของฉันไปทำเรื่องระยำแบบนั้น คิดว่ามันจะรอดกันเหรอ?”
“คุณก็รู้นี่ว่ามันระยำ โอ้ย!” แก้มของผมถูกเขาใช้เพียงมือเดียวบีบแน่นจนเจ็บไปหมด ผมพยายามแกะมือเขาออก แต่แรงมันก็ไม่พอ เขาทำให้ผมเจ็บจนต้องร้องไห้ออกมา ถึงจะเป็นแบบนั้น บูรพาก็ไม่ได้จะแสดงท่าทีเห็นใจผมเลย เขาจ้องหน้าผม สีหน้าแสดงออกถึงความไม่พอใจชัดเจน ผมเริ่มกลัวเขา และหลบตาหนีดวงตาคู่คมที่ตอนนี้ดุดันเหมือนพร้อมจะฆ่าผมเลย
และคนอย่างเขา คนที่อยู่ชนชั้นเหนือไปกว่าผมมากขนาดนี้ ถ้าคิดจะฆ่าผม มันคงไม่ยากเท่าไหร่หรอก
“อย่ามาสั่งสอนฉัน”
“...”
เขาพึมพำออกมาเสียงเข้ม ปนสั่นเล็กน้อย น่าจะโกรธจนเสียงสั่นเลย นี่ผมไปพูดอะไรทิ่มแทงใจเขาหรือเปล่านะ บูรพาถึงโกรธมากขนาดนี้ ...หรือว่าลึกๆ แล้วมันเคยมีอะไรเกิดขึ้นกับเขากันแน่?
บูรพานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะสะบัดมือออกจากหน้าผม และนั่งนิ่ง ส่วนผมที่สติกลับคืนมาไม่เต็มที่เท่าไหร่ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ยังคงอยู่ ผมมึนหัวมาก ตัวยังร้อนไม่หายเลย อยากนอน อยากพักแล้ว ถึงจะรู้ว่ามีงานรออยู่ก็เถอะ แต่สภาพผมตอนนี้คือไม่ไหวแล้ว
“แปลว่าถ้าเลิกกับมันแล้ว จะมาหาฉันก็ได้งั้นสิ?”
“เลิก... หมายถึงกับคาร์ฟเหรอครับ?”
“อืม”
“ทำไมถึงต้องเป็นผมล่ะ” ผมถามเขาหลังจากที่จัดเสื้อผ้าตัวเองเรียบร้อยแล้ว เสื้อมันเลอะ แถมยังเหม็นกลิ่นเหล้ามากๆ เอาไว้ค่อยกลับไปซักให้ดีคืนนัดแล้วกัน “แค่เพราะคืนนั้นเหรอ?”
“เธอมองว่ามันเป็นเรื่องที่เรียกว่า ‘แค่’ เหรอ?” เขาหันมาเลิกคิ้วถามผม
ผมไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องแค่สักหน่อย กว่าผมจะยอมมีอะไรกับคาร์ฟได้มันก็นานมากเลยนะ ถึงจะคบเป็นแฟนกันแล้วก็เถอะ ผมให้ความสัมคัญกับเรื่องเซ็กส์มากเลยด้วยซ้ำ แต่ที่ผมพูดกับเขาแบบนั้น เพราะแค่เรื่องคืนนั้นมันทำให้เขาต้องตามผมแจขนาดนี้เลยเหรอ คนอย่างบูรพา ไม่น่าจะต้องมาตามคนธรรมดาๆ แบบผมนะ เขาท่าทางจะมีคนหน้าตาดีๆ สังคมระดับเดียวกันเข้าหาเยอะแยะเลยด้วยซ้ำ
นั่นเลยทำให้ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคนคนนั้นที่เขาจะเอาให้ได้ต้องเป็นผมด้วย
“ผมไม่ได้มองแบบนั้นครับ มันสำคัญสำหรับผมมากๆ เหมือนกันนะ เรื่องอะไรแบบนี้”
“แล้วทำไมถึงพูดว่าแค่”
“เพราะผม...อ่า ปวดหัวจังเลย” ผมยกมือขึ้นกุมหัวตัวเอง ฤทธิ์เหล้ามันแรงมากๆ เลยอะ ตาผมจะปิดอยู่แล้ว “ผมไม่มีแรงเถียงกับคุณแล้ว” แถมในตอนสติไม่ครบร้อยแบบนี้ เถียงอะไรไปบ้าง ตื่นมาอีกรอบตอนสร่างไม่รู้จะจำได้ไหมเลย ไม่ได้เมาจนขาดสตินะ แต่มันเมาจนควบคุมสติเอาไว้ไม่ได้มากกว่าตอนนี้น่ะ
“ไปนอนพักที่บ้านฉันก่อนแล้วกัน”
“ผมกลับบ้านได้ครับ”
“สภาพแบบนี้จะกลับยังไง?”
“ก็...”
“รถไฟฟ้า? กลิ่นเหล้าหึ่งตั้งแต่หัววันแบบนี้น่านะ?”
“...” ไม่รู้จะเถียงอะไรดีเลย วันนี้เสียเปล่าชะมัด มาทำงานก็ไม่ได้ทำ เงินก็ไม่ได้ แถมยังเสียค่าเดินทางมาถึงที่นี่เพื่อถูกบูรพาทำบ้าอะไรก็ไม่รู้ โลกโคตรจะไม่แฟร์ ทำไมคนที่ลำบากแบบผมถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ชีวิตผมมันน่าหงุดหงิดตั้งแต่ที่พ่อกับแม่เสีย ตัวผมเองก็ไม่เหลือใคร มีแค่บ้านของพี่พัทยื่นมือเข้ามาช่วย แต่ก็สภาพเป็นอย่างที่เห็น พวกเขาไม่ได้ดีกับผมนักหรอก
ผมต้องดิ้นรนสารพัด ต่างจากบูรพาที่อยู่ได้อย่างสบายๆ ไม่มีเรื่องหนักใจแบบผม นั่นแหละ ทำไมเขาถึงต้องมารังแกคนอย่างผมด้วย อยากตีเขาชะมัด
“ตอนนี้ยังไม่ทำอะไรหรอกน่า ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันพูดคำไหนก็คำนั้น”
“ผมไม่อยากรบ...”
“อย่าเรื่องมากได้ไหม นอกจากฟันฉันแล้วชิ่งหนี ยังจะเป็นคนเรื่องมากอีกเหรอ?”
“ผมบอกว่าผมไม่ได้ฟันละ...อื้ออ” บูรพาเอื้อมมือมาปิดปากผม เขาลดกระจกรถลงและเรียกคนขับรถให้เข้ามา ทำหน้าที่ขับพาเราออกไปจากที่นี่ ผมมองค้อนเขาและถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่หลังจากที่บูรพายอมละมือออกไป ปกติผมไม่ใช่พวกแสดงอารมณ์ร้ายๆ ออกมาแบบนี้นะ ส่วนใหญ่คงมาจากฤทธิ์เหล้า และส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งคงมาจากการกระทำของบูรพานั่นแหละ
บ้านที่ว่า เป็นเพ้นท์เฮาส์ ภายในกว้างขวาง เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ทันสมัยสุดๆ แถมวิวยังเป็นวิวเมืองหลวงที่สวยมาก แสงไฟตอนนี้มันระยิบระยับเลย...
สวยจัง
ไม่เคยอยู่ในที่สวยๆ แบบนี้มาก่อนเลย บ้านของพี่พัท เป็นแค่บ้านในโครงการที่สภาพรอบตัวบ้านก็คล้ายสลัมนิดหน่อย ห้องที่ผมได้นอนที่นั่นก็เป็นห้องเก็บของชั้นล่าง ผมต้องแบ่งที่เก็บของกับที่นอน ซึ่งมันก็แค่พอนอนได้เท่านั้นเอง ชีวิตผมหลังจากที่พ่อแม่เสียไป มันพลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลย จากที่เคยมีห้องส่วนตัวดีๆ ที่พ่อแม่จัดเตรียมไว้ให้ กลับต้องไปนอนห้องเก็บของเล็กๆ ชั้นล่างตัวบ้าน จากที่เคยสบาย ไปเรียน ใช้ชีวิตปกติดีๆ กลับกลายเป็นต้องทำงานบ้าน ทำงานนอกบ้านหาเงิน เพราะพวกเขาไม่ค่อยให้เงินผมใช้เท่าไหร่ ค่าเทอมมันเป็นมรดกของพ่อแม่ผมซึ่งทางบ้านของพี่พัทเป็นฝ่ายดูแลอยู่
ผมไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนั้นเท่าไหร่ เพราะพวกเขามักจะกีดกัน บอกว่าลำพังแค่แบ่งมาจ่ายค่าเทอมผมแต่ละเดือนก็วุ่นวายมากพอแล้ว อย่าเรียกร้องอะไรที่มันเยอะไปมากกว่านี้นักเลย ผมเลยทำอะไรไม่ได้ เพราะยังต้องพึ่งที่ซุกหัวนอนจากพวกเขาอยู่ แถมเงินเก็บก็มีไม่พอใช้แน่ๆ ก็เลยยังไปไหนไม่ได้
“ชอบที่นี่เหรอ?”
คงจะเพราะว่าผมมองรอบตัวนานไป ไม่ได้สนใจบูรพาที่เดินไปยังเคาน์เตอร์ครัว รินไวน์ลงแก้วพลางมองมาทางผม ผมคิดว่าเขาคงมองผมตลอดนับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง รู้ตัว แต่ทำเป็นเหมือนไม่สนใจน่ะ
“สวยดีครับ”
“อืม...แล้วหายเมาหรือยัง?”
“ก็ดีขึ้นแล้วครับ จริงๆ ผมกลับบ้านได้เลย...”
“ไม่ได้ถามว่าจะกลับหรือไม่กลับ”
“...”
“ฉันถามว่าหายเมาหรือยัง แค่นั้น”
ทำไมต้องดุตลอดเลย “หิวไหม?”
“ไม่ค่อยครับ”
จริงๆ ก็หิวนั่นแหละ แค่ไม่อยากกวนเขา ผมสร่างเมาแล้วด้วย มีหลงเหลือแค่อาการปวดหัวนิดหน่อย
“ยังไม่ได้ทานอะไรเลยไม่ใช่เหรอ”
“คุณรู้ได้ยังไง?”
“แล้วทำไมจะรู้ไม่ได้ล่ะ”
ทำไมเขาทั้งดุผม แถมถามไปด้วยความสงสัยจริงๆ ดันตอบกลับมาด้วยคำถามซะงั้นอะ
อยากจะตีเขาจริงๆ นะ ตอนนี้ผมไม่เมาแล้ว แต่ผมก็ยังอยากตีเขาอยู่
“ถ้ารู้ขนาดนั้นก็แปลว่าคุณตามผมน่ะสิ ละเมิดความเป็นส่วนตัวมากๆ”
“ก็ไม่สู้คนที่มาฟันฉันแล้วทิ้งหรอก”
“ผมไม่ได้ทำซะหน่อย!”
“เลิกแง้วๆ ใส่ฉันได้แล้ว”
แง้วๆ ? อะไรกันนนน!
“ผมไม่ได้แง้วอะไรใส่คุณสักหน่อย”
“มาทานซะ ให้แม่บ้านทำให้แล้ว จะเสียของเอา” ไม่สนใจผมสักนิด แถมยังบังคับให้ผมไปทานอาหารด้วยอีก แต่ก็เอาเถอะ ไหนๆ ทำมาแล้ว ทานก็ได้ จะได้ไม่เสียของอย่างที่เขาว่า
อาหารมื้อนี้คืออาหารที่ผมโหยหามานานมาก ตั้งแต่มาอยู่บ้านพี่พัท ผมก็ไม่ค่อยได้ทานอะไรดีๆ เหมือนตอนอยู่กับพ่อแม่เลย ต้องเปลี่ยนความเคยชินไปเลยล่ะ แต่ลึกๆ ก็คิดถึงอาหารพวกนี้อยู่ดี พอจะไปซื้อทานเอง มันก็แพงเกินไป ผมต้องพยายามเก็บเงินไว้เยอะๆ เผื่อฉุกเฉิน เพราะไม่รู้หรอกว่าบ้านพี่พัทจะทำอะไรกับผมบ้างต่อไป
Burapha’s side
ผมนั่งมองอันวาทานอาหารเงียบๆ เจ้าตัวเหมือนไม่ได้สนใจว่าผมจะมองเท่าไหร่ เขาตั้งหน้าตั้งตาทานสุดๆ เขาเป็นคนที่ผมเห็นแล้วมันน่าเอ็นดูไปหมด ตัวเล็กๆ แก้มใสๆ แดงๆ จมูกก็เล็กรับกับปาก ทุกอย่างดูมินิไปหมด ตอนเมาก็เถียงเก่ง แง้วๆ ใส่ผมไม่หยุด ตอนไม่เมาเหมือนจะมีท่าทีหวาดกลัวผม เวลาโดนผมดุบ้าง
ที่รู้เรื่องอันวา ผมรู้มาไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ จากการให้คนไปสืบ พ่อแม่เขาเสียไปหลายปีแล้ว ตอนนี้อยู่บ้านเพื่อนพ่อแม่ ก็ไม่รู้ว่าบ้านนั้นเลี้ยงดูอันวายังไง แต่ก็ไม่น่าจะดีเท่าไหร่ เพราะเขาต้องออกมาทำงาน พาร์ทไทม์ รับจ็อบที่ได้เงินไม่เยอะเท่าไหร่ แถมยังทำงานคุ้มเงิน งานหนักเอาเรื่องนั่นแหละ แล้วก็ประวัติส่วนตัวนิดหน่อย เรื่องเรียนอะไรทำนองนั้น
มันทำให้ผมเอ็นดูอันวามากกว่าเดิม ยิ่งไปกว่าเรื่องที่บ้าน ก็คงจะเป็นเรื่องแฟน ที่ไม่ได้เรื่องเลย มีคนอื่นไปทั่ว
ไม่เข้าใจว่าทำไมอันวาถึงทน
เพราะรักเหรอ?
เพราะรักเหรอ เราถึงต้องทนเห็นคนที่เรารักไปมีคนอื่น โดยที่ยอมปล่อยผ่านมันไปหลายต่อหลายครั้งกับความผิดเหล่านั้น ...บางครั้ง ทำไมคำว่า รัก มันถึงทำร้ายเราจัง ผมไม่เข้าใจ
“คุณไม่ทานเหรอ?”
“...”
“คุณบูรพา”
“หืม”
อ่า มองหน้าเขาแล้วดันคิดอะไรเพลินๆ จนไม่ทันฟังเลย
“ไม่ทานเหรอครับ ทำไมมีแค่ผมที่ทาน”
“ไม่หิว ทานเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ จะได้นอนพัก”
“...”
“อย่าดื้อ เธอต้องรับผิดชอบความรู้สึกฉันอยู่นะ”
“ผมบอกแล้วไงครับว่าผมไม่ได้ทำแบบนั้น”
“ไป อาบ น้ำ” ผมเอื้อมมือไปดีดหน้าผากอันวา ก่อนจะลุกหนี ไม่อยู่รอให้คนตัวเล็กเถียงผมต่อ
เขาน่ารักนะ ต่อให้โกรธยังไงก็ไม่ฟึดฟัด ทำมากสุดแค่เบะปากแล้วก็ทำตามผม ด้วยการเดินไปหาห้องน้ำ อาบน้ำ ก่อนมา ผมให้แม่บ้านเตรียมชุด ทุกๆ อย่างให้อันวาแล้ว เขาสวมมัน ...แถมยังน่ารักมากๆ อีก
ไม่ผิดเลยที่กำชับกับแม่บ้านว่าขอชุดลายแครอทสีส้ม พื้นหลังสีชมพูอ่อน ผ้าพริ้วๆ
เข้ากับอันวาชะมัด
ชักจะชอบใจขึ้นมาจริงๆ แล้วสิ ไม่อยากปล่อยให้ไปไหนเลย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โอ้ยยพี่ เอ็นดูน้องมากมั้ย ชอบความแง้วๆอ่ะ พอรู้ว่าค่าเทอมน้องคือมรดกของพ่อกับแม่ เราว่าต่อให้น้องเรียนแย่ขนาดไหนก็ไม่มีสิทธิไปปาใบเกรดใส่หน้าเขาแล้วทุบตีป่ะ นั่นเงินเขาอ่ะ แล้วน้องก็พยายามแล้วด้วย แล้วเราว่ามรดกของพ่อแม่ที่ให้น้องอ่ะ มีมากกว่าค่าเทอมแน่ๆ
ทิ้งๆไปเหอะ ถึงเราจะบอกแบบนนี้แต่เอาเข้าจริงสำหรับคนรักมาก คงจะทิ้งยาก แต่ถ้าเจอคนที่ค่อยใส่ใจดูแลคนใหม่ เดียวก็หาย
ได้เวลานอนแล้ววววว
เจิมมมมม