ตอนที่ 3 : - 3 - || Catch me if you can || 100%
You didn't leave your number for me
Left me without a warning, baby
Anwa’s Side
ผมหาที่วางถาดแก้วแล้ววิ่งหนีแบบสุดกำลังมาก ไม่รู้ว่าหนีทำไมเหมือนกัน แต่แค่เห็นหน้าเขาจิตใต้สำนึกก็บอกว่าให้หนีเขาอย่างเร็วที่สุด ตอนเมาผมหลงไปตามเขาได้นะ แต่ตอนที่ผมสร่างแล้ว ผมรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้อันตรายมากๆ เขาดูอายุเยอะกว่าผมนิดหน่อย มีภูมิฐาน ใบหน้าจัดไปทางหล่อมาก ตัวสูงใหญ่ ที่สำคัญคือแววตาดูดุดัน เมื่อครู่ตอนที่เขาจ้องมาทางผม มันทำให้ผมกลัว
นี่ผมหนีมาถึงไหนก็ไม่รู้ รู้แค่บริเวณนี้ไม่มีคน เป็นสวนดอกไม้ แล้วก็มีต้นไม้ใหญ่ๆ อยู่หลายต้น บรรยากาศร่มรื่นและเหมาะแก่การหลบซ่อนชั่วคราว เอาแค่ไม่กี่นาทีก็พอ ให้แน่ใจว่าไม่มีคนตาม ผมค่อยกลับเข้าไปทำงานอีกรอบ ผมออกมาไม่ได้นานหรอก เดี๋ยวทางคนจ้างเห็นว่าหาย หรืออู้ จะเดือดร้อนเอา เดือดร้อนผมมันไม่เท่าไหร่ แต่กลัวว่าจะเดือดร้อนนัดที่เป็นคนหางานให้ผมนี่แหละ
ผมเกาะต้นไม้ต้นใหญ่ ด้อมๆ มองๆ คนที่ตามผมมา (ตามมาจริงๆ ด้วย!) แต่ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นนะ เป็นผู้ชายชุดสูทบอดี้การ์ดในละครหลายคนมองไปรอบๆ และแยกกันตามหา ตอนนี้ผมรีบทำตัวลีบๆ แบนๆ เลยเพื่อให้ต้นไม้บังผมให้มิและรอดจากการโดนตาม จะตามเพื่อจุดประสงค์อะไรไม่รู้นะ รู้แค่ผมไม่ปลอดภัยแล้ว
“หลบใครอยู่เหรอ?”
เฮือก!
“...” ผมค่อยๆ หันไปมองต้นเสียงที่คุ้นหูเหลือเกิน พอหันไปมองร่างกายผมนี่นิ่งค้างกับที่เหมือนถูกสตาร์ฟเอาไว้
‘เขา’ มาดักรอผมจากด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้!
“เจอกันแค่นี้ถึงกับหน้าซีดเลยเหรอ”
“ผะ...ผม”
“ทำไมต้องวิ่งหนี”
“ก็...ก็คุณวิ่งตาม ผมเลยต้องวิ่งหนี” มันออกจะเป็นเหตุผลที่งี่เง่าไปสักหน่อยกับการที่เจอหน้ากันแล้วเขาทำท่าจะตามผมเลยหนี บวกกับตอนนั้นเขาตะโกนให้ลูกน้องตัวเองตามผมมา ผมเลยหนี มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองตามสัญชาตญาณ เหตุผลสุดท้ายที่ผมหนีคือผมรู้สึกผิดกับตัวเอง เพราะตอนที่ผมนอนกับเขาเมื่อคืน ผมยังคบกับคาร์ฟอยู่ นั่นแปลว่าผมนอกกายแฟนตัวเอง “ตามผมมาทำไมครับ”
“เธอกล้ามากนะ”
“กะ...กล้า?”
“ฟันฉันแล้วทิ้งไง”
ฟันแล้วทิ้ง? ผมเนี่ยนะ หน้าอย่างผม?
ผมทำตาโตใส่เขาเลย ด้วยความตกใจสุดขีดในคำกล่าวหาของอีกฝ่าย นี่มันใส่ร้ายกันชัดๆ ถ้าจะให้พูดให้ถูกต้อง เมื่อคืนผมเมา เมามากจนแทบไม่มีสติรับรู้อะไรเลยด้วยซ้ำ และการหลอกฟันในความคิดของผมมันคือการที่ผมไปหลอกเขา แต่ตอนนั้นผมเมานะ ผมจะไปหลอกอะไรใครได้
“ผมฟ้องหมิ่นประมาทคุณได้นะ คุณมากล่าวหาผมแบบนี้ได้ยังไง!”
“ฟ้อง?”
“ใช่ครับ”
“อันวาคิดว่าฟ้องแล้วจะชนะฉันได้เหรอ?” เขาเลิกคิ้วถาม
นั่นทำให้ผมเกิดความไม่แน่ใจขึ้นมา ...ใช่สิ ท่าทางเขาดูมีอิทธิพล มีเงิน และมีหลายๆ อย่างมากกว่าผม ขืนฟ้องไปแล้วโดนฟ้องกลับขึ้นมา ผมได้ติดคุกหัวโตแน่ๆ ล่ะ บ้านของพี่พัทไม่มีทางช่วยผมหรอก ที่ผมเรียนมานะ การขึ้นโรงขึ้นศาลมันใช้เงิน แล้วก็เสียเวลาพอสมควรเลย บางคดีใช้เวลาเกือบสิบปีเลยด้วยซ้ำ
“แต่ผมไม่ได้หลอกทำอะไรแบบนั้นกับคุณนะครับ ไม่ได้คิดแบบนั้นเลยจริงๆ ตอนนั้นผมเมา คะ...คุณก็รู้”
“อ้างว่าเมาแล้วคิดว่าจะรอดข้อหานี้ไปได้เหรอ”
“คุณจะเอาอะไรล่ะ!” ผมถามไปอย่างเหลืออดและยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา พบว่าผมออกจางานมาเกือบสิบนาทีแล้ว นี่ถ้าคนจ้างเขาไม่เห็นผม เรียกหาผมไปใช้งานไม่ได้ล่ะก็ ผมแย่แน่ๆ “ผมต้องไปทำงานแล้วครับ ถ้าผมทำแบบนั้นกับคุณผมขอโทษจริงๆ”
“คิดว่าขอโทษแล้วจะหาย?” เขาถามเสียงดุ มันก็ทำให้ผมกลัวนะ แต่ผมกลัวว่าจะมีปัญหาเรื่องงานตามมามากกว่า
นี่เขาจะเอาอะไรจากผมนักหนา ผมก็ตัวแค่นี้ เงินทองไม่มี เขาดูมีเงินมากกว่าผมอีก แล้วอีกอย่างนะ เขาดูหล่อ รวย คงไม่จำเป็นที่จะต้องให้ผมไปรับผิดชอบอะไรหรอกมั้ง ...เมื่อคืนผมก็ถูกเขาทำซะมากกว่าอีก ไม่ใช่ผมเป็นฝ่ายไปทำเขาก่อนซะหน่อย
ผมน่าจะเสียหายมากกว่าอีก
“ผมต้องไปทำงานแล้วจริงๆ ครับ ถ้าผมไม่ไปตอนนี้ผมโดนด่าแน่ๆ”
“ไม่มีใครกล้าด่าเธอหรอก”
“มีสิ!”
“บอกว่าไม่มีก็ไม่มี”
โอ้ย คุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว! ขืนผมยังยืนเถียงกับเขาอยู่แบบนี้ ผมโดนด่าจริงๆ แน่
เพราะฉะนั้นมันเลยไม่มีประโยชน์อะไรถ้าผมจะขอตัวเขาอย่างสุภาพ ผมเลือกที่จะเดินหนีอีกฝ่ายออกมา...
หมับ! พลัก!
“โอ้ย!”
ผมร้องออกมาเสียงดังเมื่อถูกกระชากมือแล้วเหวี่ยงไปกระแทกกับต้นไม้แบบไม่สนใจสักนิดว่าผมจะเจ็บไหม และยังไม่ทันที่ผมจะได้โวยวายหรืออะไร ริมฝีปากของผมถูกปิดด้วยปากของเขา ผมยกมือดันเขาออก แต่มันไม่ง่ายเลย เพราะอีกคนใช้มือข้างหนึ่งโอบรอบเอวผมล็อคไว้เหมือนกับที่ล็อคท้ายทอยผมไม่ให้หันหนี
ปลายลิ้นเขาสอดเข้ามาในโพลงปากผมอย่างจาบจ้วง และแม้ว่าผมจะถอยหน้าหนีขนาดไหน เขาก็ขยับเข้ามาประชิดมากเท่านั้น
มันเป็นจูบที่สูบพลังและสติผมมาก
เพราะมันทั้งร้อน หวานละมุน แต่ในความรู้สึกเหล่านั้นมันมีความรู้สึกรุนแรงที่สอดแทรกเข้ามาด้วย
“อื้ออ...” เขารัดมือรอบเอวผมแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ จนตัวเราชิดกัน อากาศก็แทบไม่มีช่องทางให้อยู่ เขาทำแบบนี้มันทำให้ผมหายใจไม่ออก อึดอัด แถมกลิ่นบุหรี่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จางๆ ที่ส่งผ่านมาทางริมฝีปากนั่นทำลายระบบความคิดในหัวผมเอามากๆ หัวผมมันตื้อๆ มึนๆ งงๆ
และไม่อยากจะยอมรับเลยที่ผมก็เผลอจูบตอบเขากลับไปด้วย
แชะ!
แชะ!
เสียงแปลกๆ ดังขึ้น ทำให้คนที่ตักตวงลมหายใจผมไปเมื่อครู่ยอมผละออก เขาเลียริมฝีปากตัวเองขณะที่จ้องหน้าผมซึ่งร้อนผ่าวไปหมด ผมหลบสายตาเขาและยกมือขึ้นมาซับเหงื่อจากนั้นเราสองคนก็มองไปยังต้นเสียง พบว่ามีนักข่าวถือกล้องถ่ายมาที่เราอยู่
เขาดูหัวเสียอย่างเห็นได้ชัดเลยหลังจากเห็นคนพวกนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แค่เอาตัวมาบังผมจากคนพวกนั้น และถอดเสื้อสูทออกมาคลุมที่หัวของผมจากนั้นก็บอกผมเสียงเรียบ “เดินตามมา”
“หยุดถ่ายครับ! หยุดครับ!” เสียงอะไรไม่รู้ ฟังดูวุ่นวายไปหมด
ผมที่ถูกเสื้อสูทคลุมอยู่ได้แค่เดินตามคนที่จูงมือผมออกห่างจากความวุ่นวาย จอแจเหล่านั้น
ไม่รู้เลยว่าถูกพามาถึงที่ไหนแล้วจนกระทั่งได้ยินเสียงประตูรถเปิดออก “เข้าไปนั่งข้างใน”
“คะ...ครับ”
พอผมเข้ามานั่ง เขาก็ดึงเสื้อสูทที่มีกลิ่นน้ำหอมของเมื่อคืนบวกกับกลิ่นบุหรี่ราคาแพงออกไป ทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้ตัวเองขึ้นมานั่งบนรถคันยาว ...ภายในรถมีแค่เราสองคน และมันทำให้ผมทำตัวไม่ถูก “คะ...คุณพาผมขึ้นมาบนรถทำไม”
“อยากยืนเป็นตัวละครให้นักข่าวถ่ายภาพไปเขียนข่าวมันส์มือหรือไง”
“ทำไมพวกเขาต้องมาสนใจผมด้วยล่ะครับ”
“ช่างเถอะ”
“งั้น...ผมไปทำงานก่อนนะ” จริงๆ คือผมจะหนีเขามากกว่า
การออกไปให้นักข่าวพวกนั้นสนใจ กับการอยู่บนรถกับเขาแค่สองคนมันก็เลวร้ายไม่ต่างกันหรอก
แค่พูดว่าจะไปนะ แขนผมถูกเขาจับเอาไว้อีกแล้ว
“จะออกไปให้นักข่าวพวกนั้นรุมหรือไง”
“ก็ผมไม่อยากอยู่บนรถกับคุณนี่!”
“อยู่กับฉันแล้วมันทำไม เมื่อคืนยังมาหลอกฟันฉันได้เลย หรือว่าเป็นคนได้แล้วทิ้ง?”
“ไปกันใหญ่แล้ว”
ทำไมชอบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเรื่อยเลยนะ ผมไม่ได้ทำแบบนั้นซะหน่อย “เมื่อคืนผมแค่เมาครับ คุณเองก็เมา มันคือความผิดพลาดนะ ไม่ใช่การหลอกฟัน หรือฟันแล้วทิ้งครับ”
“เพราะเมา...แค่นั้น?”
“ใช่...ใช่ครับ”
“แปลว่าถ้าตอนนี้เมาก็ทำแบบนั้นได้อีก?”
“ไม่ใช่ ผมจะอธิบายยังไงดี แต่เมื่อคืนมันคือความผิดพลาด ผมไม่มีเจตนาแบบนั้นกับคุณ”
ติ๊ดๆ เสียงข้อความโทรศัพท์ผมดังขัดขึ้นมา ด้วยความที่ผมติดนิสัยเลยหยิบมันมาแล้วอ่านข้อความทันที
อันที่จริงลึกๆ คือหวังว่าจะเป็นข้อความของคาร์ฟน่ะ เราไม่ได้คุยกันเลยตั้งแต่ทะเลาะกันเมื่อวาน
คาร์ฟ
อยู่ไหน? โทรหาได้ไหม
วืดด! “นี่!”
“คุยกับใคร” คนนิสัยเสียดึงโทรศัพท์ไปจากมือผมแล้วอ่านข้อความนั้นอย่างถือวิสาสะก่อนจะขมวดคิ้วยุ่ง “แฟน? ไอ้คนที่สลักชื่อคู่กันบนแหวนเหรอ”
…
แหวน? “ที่อันวาลืมไว้ในห้องเมื่อคืน”
ผมลืมแหวนเหรอเนี่ย จำไม่ได้เลยว่าผมถอดมันน่ะ “พอดีฉันถอดเอง ไม่ชอบมีอะไรกับใครตอนที่เขาใส่แหวนคู่แฟนที่นิ้วนาง”
อีกฝ่ายตอบคำถามผม (ที่ยังไม่ถามออกไปสักคำ) แต่เหมือนว่าหน้าผมจะแสดงออกไปหมดแล้ว
“ทำไมคุณไม่มีมารยาทขนาดนี้ครับ”
“คนที่นอกใจแฟนตัวเองมานอนกับคนอื่นดีมากว่างั้น?”
“ผม...”
ปฏิเสธไม่ได้เลย...
ติ๊ดๆ
เสียงข้อความเข้าอีกครั้ง และยังไม่ทันไร เสียงริงโทนก็ดังตามมา ผมว่าคาร์ฟโทรมาแน่ๆ
“ผมขอโทรศัพท์คืนด้วยครับ”
“ไม่ให้”
“มันของผมนะ”
“ฉันไม่ให้”
“นี่คุณ”
“ชื่อบูรพา”
“ผมไม่ได้อยากรู้ชื่อคุณซะหน่อย”
“รู้ไว้ก็ดี เพราะเรายังต้องเจอกันอีกยาว...”
“มะ...หมายความว่าไง” ผมถามเสียงสั่นเมื่อ บูรพา พูดออกมาอย่างนั้น เหมือนจะเป็นลางไม่ดียังไงไม่รู้สิ ยิ่งเขาพูดแล้วมองหน้าผมยิ้มร้ายไปด้วยแล้ว มันทำให้ผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ยังไงชอบกล
“หมายความว่าฉันถูกใจเธอยังไงล่ะ”
ถูกใจ?!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นู๋อันวาเหมือนนางซิลอ่ะ??????’•
และพี่พัทก็จะตามจองล้างจองพลาง...เหรอ อยากให้พี่พัทหึงบ้างโถ่ววว
รว้ายยยยๆๆๆๆอ่ะพี่บรูพา
สนุกมากกกก
ถูกใจถูกกายเลยแหละ อิอิ
-คุณปลาคาร์ฟก็ลืมๆมันไปเถอะค่ะ สามีใหม่มาค่ะ
อยากอ่านต่อแล้วค่าไรท์ รอนะค๊ะ
รอออออออ
เจิมจ้า
เจิมมมม
เจิมมมมมมม
เจิมมมม