ตอนที่ 2 : - 2 - || เรื่องบังเอิญ || 100%
You didn't leave your number for me
Left me without a warning, baby
ผมรีบทำงานบ้านให้เสร็จ และด้วยความรวดเร็วมันทำให้ผมโดนมีดบาดตอนล้าง เป็นแผลที่นิ้วนาง ทว่าพอมองเวลา มันไม่ทันแล้ว ผมเลยแค่ล้างๆ น้ำ รีบขึ้นไปอาบน้ำแล้วออกจากบ้านแบบหลบๆ พี่พัท เพราะถ้าเขาเห็นว่าผมออกไปอีกแบบจังๆ มีเรื่องแน่นอน เขาชอหาเรื่องผมเสมอแหละ ด่าผมไม่ฉลาดบ้าง โง่บ้าง ซึ่งความหมายของการด่าก็เหมือนกันนะ แต่ชอบใช้คำไม่ซ้ำ
พี่พัททำราวกับว่าการด่าผมคืองานอดิเรกหลักของเขายังไงยังงั้นเลย
แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ผมแอบหนีออกมาสำเร็จแล้ว รีบหารถไปต่อรถไฟดีกว่า ผมไม่อยากไปทำงานเลท
ผมนั่งรถจากบ้านมาต่อรถไฟลงสถานีพร้อมพงษ์ตามที่นัดกับนัด (?) เอาไว้ ดีหน่อยที่นัดมาก่อนเวลา เขาให้เสื้อผ้าผมไปหาที่เปลี่ยนก่อนจะให้แผนที่ไปยังหมู่บ้านนั้น ก่อนเราแยกกัน อีกคนย้ำนักย้ำหนาเรื่องงาน
“มึงตั้งใจทำนะเว้ย กูว่าอาจจะได้ติ๊บ คนรวยๆ ทั้งนั้น”
“อื้อขอบคุณมากนะ แต่ว่านัดจะไม่เอาค่านายหน้าจริงๆ เหรอ เราไม่คิดมากนะ นัดเอาไปครึ่งนึงก็ได้”
“มึงเลิกนิสัยแบบนี้ได้ละ คนมันจะเอาเปรียบมึงจนมึงไม่เหลืออะไร กูไม่เอาหรอก รีบๆ ไป หาทางไม่เจอ โทรหากูแล้วกัน ถ้ารับช้าแปลว่ากูติดงาน”
“ขอบคุณมากๆ เลย” เอาไว้ค่อยซื้อขนมหรืออะไรตอบแทนเอาก็ได้มั้ง เพราะนัดช่วยผมเสมอเลย เขาค่อนข้างที่จะรู้พื้นฐานชีวิตผมเพราะเราสนิทกันระดับหนึ่ง รู้เยอะรวมไปถึงเรื่องแฟนด้วย
“แล้วคาร์ฟมึงอะ”
“อ๋อ ทะเลาะกันน่ะ”
“ทะเลาะอะไรอีกวะ”
“คาร์ฟไปมี...คนอื่น” ผมตอบกลับไปเสียงเบาในสองคำสุดท้าย เพราะเมื่อคืนตัวเองก็เพิ่งจะทำผิดแบบที่คาร์ฟทำเหมือนกันมา ผมไปนอนกับใครก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าตอนนั้นผมเมา และเขาหล่อมาก บวกกับเสียใจ น้อยใจ ใจพังจากคาร์ฟ มันไหลไปจนขึ้นเตียง พอถึงจุดนั้น ผมจะดิ้นรนหนีมันก็ไม่ทันแล้ว ก็เลยพลาดท่า ตื่นเช้าผมรีบชิ่งเลย แต่ก็นะ พอถูกถามถึงคาร์ฟ เหมือนว่าผมจะลืมอะไรบางอย่างไป... “เราก็มี”
“ความสัมพันธ์เหี้ยอะไรของพวกมึงเนี่ย ต่างคนต่างมี ทำไมไม่เลิกๆ กันไปวะ”
“คาร์ฟมีหลายหนแล้ว แต่เราเพิ่ง...เมื่อคืน”
“โอ้ยยย ประสาท ไว้คุยๆ กูไปแล้วๆ คืนนี้โทรเสือก”
“ดะ...ได้ๆ บายนะ เจอกัน”
ผมโบกมือลานัด จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่สถานแห่งบ้านทรายทอง ไปตามแผนที่ที่นัดบอกมานั่นแหละ มันเป็นหมู่บ้านหรูใจกลางเมือง ผมเดินมาเรื่อยจนถึงบ้านหลังที่จัดงาน พอเข้าไปก็รีบเข้าไปบอกทีมงานแล้วแต่งตัวเพิ่มนิดหน่อย ใส่พวกผ้ากันเปื้อน จากนั้นก็เดินหัวหมุนเลยล่ะกับการจัดของ ยกของ เตรียมงานอยู่เบื้องหลังก่อนงานเริ่มอีกไม่กี่นาที เห็นแขกส่วนมากเริ่มทยอยมากันแล้ว แต่ละคนแต่งตัวประชันความสวยหล่อเต็มที่มากๆ เล่นเอาผมต้องมองตามไม่หยุด เพราะตื่นตาตื่นใจกับพวกเขา
แต่งตัวดีกันจังเลย... อาหารที่ทานก็น่าอร่อย ผมทานไม่ได้เพราะผมต้องทำงาน เสียดายจัง แต่คิดว่าถ้าเหลือจะขอเอาไปทานที่บ้าน มีขนมหลายอย่างที่ผมเล็งอยู่
“น้องๆ ชื่อไรนะ ไอ้คนที่หน้าสวยๆ อะ”
“มึงอะๆ” เพื่อนร่วมงานชั่วคราวสะกิดผม
“คะ...ครับ?”
“เอานี่ไปเดินเสิร์ฟแขกในงาน ตัวบางๆ งี้ถือทีละสี่ห้าแก้วพอ”
“ครับพี่”
“ระวังล่ะ ไวน์มันแพง”
“ครับผม”
ผมพยักหน้ารับอย่างแข็งขันก่อนจะเริ่มเดินออกไป งานก็จะไม่ยากมาก แค่เสิร์ฟพวกเครื่องดื่ม ถือเดินไปตามงาน เก็บแก้วที่แขกดื่มเสร็จกลับเข้ามาด้านหลัง ประมาณนี้
มันจะไม่อะไรเลยถ้าผมไม่บังเอิญมองไปยังจุดเด่นของงานที่เพิ่งก้าวเข้ามา... เขาคือผู้ชายร่างสูงใหญ่ ผิวขาวละเอียด ใบหน้าคมคาย เครื่องหน้าครบครันจนน่าอิจฉา มาดนิ่งน่านับถือ แต่ในเวลาเดียวกันก็น่าเกรงขาม น่าตกใจที่ใบหน้าของเขามันคุ้นตาผมมากๆ
คุ้นซะจนใจเต้นผิดจังหวะเลย เหมือนคนที่ผมพลาดท่าไปนอนด้วยเมื่อคืนมาก
ตอนนั้นผมเมา บวกกับตื่นเช้ามาผมรีบกลับเลยไม่ทันได้สังเกตหน้าเขาชัดเจนนัก แต่ก็คิดว่าตัวเองพอจำโครงหน้าได้บ้าง ซึ่งผมได้แค่ภาวนาว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่ใช่คนที่ผมนอนด้วยเมื่อคืน
ไม่งั้น...
เขามองมาที่ผม! ผมรีบหลบสายตาอีกฝ่ายแล้วเดินเร็วๆ แทรกคนเพื่อหนีเขา
ใจเต้นแรง เซ้นทำงานยิกๆ ขนาดนี้ คนเดียวกันแน่ๆ เลย
ถึงผมจะโง่ แต่สติผมไม่ได้เลือนรางขนาดนั้นนะ ฮือออ
จะหนีเขายังไงดีเนี่ย!
Burapha’s side
ผมเข้ามาในงานด้วยความรู้สึกเซ็งๆ วันนี้ทั้งวันทำงานเหนื่อยมาก ผมหยุดคิดถึงเรื่องเมื่อคืนไม่ได้สักที มันทำให้ผมว้าวุ่น เหนื่อย เพลีย แต่ต้องมางานบ้าบอนี่ จัดแล้วเปลืองเงินฉิบหาย ไม่รู้จะจัดใหญ่โตไปทำไม
แต่ก็นะ บ่นไปแม่งเท่านั้น มาๆ ให้มันจบไป คืนนี้ผมจะไปนอนเพ้นเฮ้าส์ มันเป็นสถานที่เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ในชีวิตผมต้องไปสิงสถิตแน่ๆ ถ้าเหมยลี่อยู่บ้านใหญ่
“สวัสดีค่ะพี่บูรพา” เหมยลี่ยกมือไหว้ผมและจีบปากจีบคอทักทาย วงเล็บตัวใหญ่ๆ ต่อหน้าแม่
“อืม”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะพี่บูรพา”
“...ไม่เจอกันนานมากกว่านี้จะดีมาก”
“ตาพา!” ผมเอ่ยดุผมเสียงเข้ม ผมเลยถอนหายใจออกมาแล้วลุกขึ้นจากโซฟากลางบ้าน ที่ในตอนนี้ยังเป็นสถานที่ไพรเวทอยู่ เพราะตัวงานมันถูกจัดด้านนอก
“ผมออกไปอะไรทานนะครับ หิว”
“พาน้องไป...”
“เหมยมีเท้าก็เดินไปหากินเองครับ” ผมตัดบทแล้วลุกขึ้นเดินหนีออกมาทันที
อึดอัดชะมัด นี่มีวิธีหาทางฆาตกรรมน้องต่างแม่ตัวเองดีๆ ไหม ผมอยากทำมาก ทำแบบไม่ให้แม่แท้ๆ ตัวเองซึ่งเอ็นดูเหมยลี่มาก เนื่องจากแม่เหมยลี่คลอดเธอออกมาแล้วก็เสียชีวิต แม่ผมด้วยความสงสาร อยากได้ลูกผู้หญิงสุดใจ เลยไม่เอาความที่เหมยลี่เป็นลูกเมียน้อย แม่บอกเด็กที่เกิดมาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ท่านก็เลี้ยงของท่านมาจนโต พร้อมๆ กันกับผมที่เป็นลูกแท้ สายเลือดตระกูลโดยตรง แน่นอนว่าตามพินัยกรรมหลังจากพ่อเสีย ผมได้มรดกเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ มีส่วนนิดหน่อยเท่านั้นแหละที่แบ่งให้เหมยลี่
ไม่ชอบใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ว่ะ
แต่พอได้ออกมาสูดอากาศ (ที่ไม่มีน้องสาวต่างแม่) ผมค่อยสบายใจหน่อย ทว่าเบื่ออยู่ดีตรงที่คนเยอะ
ผมว่าจะเดินหยิบอะไรดื่มๆ นิดหน่อย แล้วค่อยพลับเพ้นเฮ้าส์เลย แม่บ่นผมไม่ได้แน่นอน เพราะยังไงผมก็มาแล้ว แต่ระหว่างนั้นมันไม่ง่ายตรงที่คนทักผมเยอะแยะ เยอะจนปวดหัว
ระหว่างนั้นเอง ผมมองหาพนักงานถือเครื่องดื่ม สายตามันไปหยุดที่ใครบางคนที่มีใบหน้า ‘ที่ผมตามหา’ ในตอนนี้ เขาใส่ชุดพนักงานเสิร์ฟและถือถาดมีแก้วไวน์กับวิสกี้อยู่
“อันวา...”
ผมเอ่ยชื่อคนที่ยืนอยู่ไกลๆ ออกมาเสียงเบา จากนั้นก็เดินผ่านฝูงชนมหาศาลที่มางานนี้ทำไมนักหนาก็ไม่รู้ไปหา แต่พอเขาเห็นหน้าผมเท่านั้นแหละ ทำหน้าอย่างกับเห็นผี อันวาถอยหลังนิดหน่อย ก่อนจะพยายามเดินแทรกตัวคนมากมายหนีผม
ใครจะปล่อยให้หนีวะ
“จับตัวเด็กเสิร์ฟคนนั้นไว้” ผมชี้ไปที่อันวา บอกกับลูกน้องที่ยืนใกล้ๆ
ดีที่บริเวณที่ผมชี้มันไม่มีเด็กเสิร์ฟคนอื่นเลย
“ครับ คุณท่าน!”
หนีผมไม่พ้นหรอก มาหลอกฟันผมแล้วจะหนีไปง่ายๆ มันได้ที่ไหนกัน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ใครรู้ว่าโดนฟันแล้วทิ้ง จะเป็นไงนร้า 555
จะหนีพ้นมั๊ยอันวา
เจิมเด้อออ
เจิมจร้าาาาม
เจิมมมม
เจิมรอจ้า
เจิมมม