ตอนที่ 12 : - 12 - || สถานการณ์ตึงเครียด || 100%
You didn't leave your number for me
Left me without a warning, baby
บูรพาหายไปคุยโทรศัพท์นานพอสมควร ผมทำได้แค่มองเขาผ่านกระจกรถ ท่าทางจะเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องสำคัญสินะ เพราะตอนสายเข้า เขาทำหน้าเหมือนมีเรื่องใหญ่ น่าหนักใจ ตึงเครียด บรรยากาศมันดูแย่ลงอย่างเห็นได้ชัดเลย เขากลับเข้ามาในรถแล้ว ท่าทางดูเครียดเหมือนเดิม ผมไม่กล้าถามอะไรเขาหรอก เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะไปเซ้าซี้เขา มันอาจจะเป็นเรื่องงานของเจ้าตัวเองก็ได้
“ออกรถ กลับบ้านพัก” บูรพาสั่งคนขับให้ออกรถ เขาไม่ได้คุยอะไรกับผม ท่าทางเหมือนต้องการคิดอะไรเพียงคนเดียว
ผมเพียงแค่เหลือบตามองเขาเป็นระยะๆ เท่านั้น
ท่าทางของบูรพาดูน่ากลัวเหมือนกันนะพอเขานิ่งแบบนี้ คือก่อนหน้านี้ มุมที่ผมได้เห็นจากเขา มันจะเป็นมุมที่ขี้เล่น หยอกล้อกับผมไปเรื่อยมากกว่า มุมดุดัน นิ่งเงียบแบบนี้ มันเลยทำให้ผมทำตัวไม่ถูก ได้แค่นั่งเกร็งมาตลอดทางจนถึงบ้านพักของเขา
พอถึงบ้านพักของเขา มันทำให้ผมนึกถึงบ้านของตัวเอง คือผมแทบไม่ได้กลับบ้านเลย เหมือนจะมีสายจากที่บ้านของพี่พัทโทรมาเยอะมาก ผมไม่ได้รับมันเลยแหละ เพราะไม่รู้ว่ารับแล้วจะโดนด่าอะไรบ้าง ตอนนี้เหมือนหนีความจริงยังไงก็ไม่รู้ แต่มาคิดๆ ดูแล้ว ผมว่าเดี๋ยวเข้าที่พักไป ผมค่อยรับสายเขาดีกว่า ทิ้งไว้แบบนี้มันก็ไม่ดี อย่างน้อยๆ เขาก็ให้ที่พัก ที่อาศัยผมมาตลอด หลังจากที่พ่อกับแม่ผมเสียไป
“ผมขอตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะครับ” ผมบอกบูรพา เขาเหลือบมองผมเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ ผมถึงออกไปโซนด้านนอก เป็นตรงระเบียง มาถึงก็ฮึบไปหนึ่งเฮือก ก่อนจะกดโทรไปหาพี่พัท เชื่อไหมว่าพี่เขารับสายผมแทบจะทันทีเลย พอรับแล้วก็กระหน่ำด่าผมมาชุดใหญ่
(มึงหายไปไหน บ้านช่องไม่กลับ!!! ไอ้เด็กเหี้ย มึงทำให้บ้านกูวุ่นวายรู้ไหม รีบเลยนะ มึงรีบกลับบ้านดูแลบ้านเดี๋ยวนี้ อ๋ออ หรือไปเป็นกะหรี่ที่ไหนล่ะ) ผมหลับเปลือกตาลง รู้สึกเหนื่อยใจกับพี่พัทมากๆ เขาหาเรื่องผมเสมอเลย ยิ่งเรื่องบ้าน มันไม่ใช่หน้าที่ที่ผมจะต้องดูแลสักหน่อย แต่ทุกครั้งที่คุยกัน มันจะจบลงที่ผมแพ้พวกเขาเสมอ สุดท้าย ผมไม่มีที่ไป ผมก็ต้องทำ รู้สึกว่ามีเรื่องกับเขาไปก็มีแต่จะเจ็บตัว เจ็บใจ
แต่ตอนนี้เหมือนผมจะมีทางไปแล้ว
“วาจะไม่...ไม่ทำแบบนั้นให้ที่บ้านพี่อีกแล้ว”
(มึงว่าไงนะ)
“คือบ้านพี่ดูแลมรดกให้วา แต่วาไม่เห็นว่าเงินส่วนนั้นมันจะตกมาที่วาเลยนะครับ ก็จริงที่มันมีค่าเทอม แต่วาเรียนมหา’ลัยรัฐ ค่าเทอมมันไม่ได้สูงอะไรเลย ถ้าเทียบกับเงินที่พ่อกับแม่วาทิ้งเอาไว้ให้ ค่าใช้จ่ายทุกวันนี้ เหมือนว่าต้องออกไปทำงานเพื่อหามันเอง” นี่คงจะเป็นครั้งที่สองที่ผมกล้าต่อกรกับเขา ตอนแรก ผมต่อกรไปแบบนี้แหละ แต่ก็ถูกกดขี่จนต้องจำยอม ไม่กล้าหืออะไรอีกเลย ทว่าตอนนี้ผมรู้สึกได้ใจจากคำพูดของบูรพา บวกกับไม่อยากถูกเอาเปรียบไปเรื่อยๆ
(แล้วมึงจะทำอะไรได้ฮะ จะทำอะไร พวกกูช่วยดูแลมึงขนาดนี้...)
“อย่าอ้างว่าดูแลวาครับ วาอยู่บ้านพี่ งานบ้านวาก็ทำ ทุกๆ อย่างตกเป็นหน้าที่ของวา ทั้งที่จริงๆ แล้วมันควรจะเป็นการช่วยๆ กันมากกว่า แต่พี่กับที่บ้านพี่ใช้วาทำอย่างเดียวเลย”
(ไอ้วา มันจะมากไปแล้วนะ เดี๋ยวนี้มึงเถียงคำไม่ตกฟาก หรือมึงอยากจะโดนอีก บอกมาเดี๋ยวนี้เลยว่ามึงอยู่ไหน กูจะไปจัดการมึงเดี๋ยวนี้แหละ!!!) พอเถียงผมไม่ได้ เขามักจะใช้กำลังกับผมเสมอแหละ
แต่ครั้งนี้ผมจะไมยอมแล้ว
“วาไม่บอกหรอก!”
(อย่าให้กูเจอมึงนะ ไอ้เด็กเหี้ย! ส่วนเงินของมึง มึงจะไม่มีวันได้แตะมัน เงินนั่นต้องเป็นของพวกกู!)
…พี่พัทตัดสายผมทิ้งไป พร้อมกับข้อความสุดท้ายคือมรดกที่พ่อกับแม่ผมทิ้งเอาไว้ให้ พวกเขาจะฮุบมันเอาไว้...
ผมโกรธนะ โกรธกับความเห็นแก่ตัวของพวกเขา และผมทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากก่นด่าพวกเขาในใจ ตอนที่เข้ามาบอกจะช่วยดูแลผม พูดจาซะดิบดี แต่พอเดินเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเท่านั้นแหละ จากหน้ามือก็เป็นหลังเท้าทันที เพราะพวกเขาปฏิบัติกับผมเหมือนกับคนใช้ภายในบ้าน งานบ้านทุกๆ อย่างตกเป็นของผม แม้กระทั่งที่นอนของผมยังเป็นห้องเก็บของเขรอะๆ เลย
ค่าเทอม มันก็แค่ไม่กี่หมื่น ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่มันก็เงินเก็บที่ผมหามาได้เองทั้งนั้น พวกเขาแทบจะไม่ได้ให้ผมเลย
นี่ยังบอกผมตรงๆ อีกว่าพวกเขาจะฮุบมันเอาไว้
ผมไม่ได้เห็นแก่เงินมรดกของพ่อกับแม่หรอกนะ เพราะถ้าแลกกันได้ ผมก็อยากให้พ่อกับแม่ผมกลับมา แต่นี่มันเป็นสิ่งที่ผมควรจะได้รับ มันเป็นของผม
ทว่าผมไม่มีทางต่อกรกับพวกเขาเลย เรื่องกฎหมายอะไรผมก็ไม่รู้ มันดูวุ่นวาย ยุ่งยาก และไร้ทางชนะ
นั่นถึงทำให้ผมโกรธ โกรธจนน้ำตามันไหลออกมา
ผมกำโทรศัพท์แน่น และเหม่อมองไปยังตึกมากมายที่ตั้งตระหง่าน บ่งบอกว่าที่แห่งนี้คือเมืองหลวงที่แสนจะวุ่นวาย ผมไม่อยากร้องไห้เพราะคนงี่เง่าพวกนั้น แต่น้ำตามันก็ไหลออกมาไม่หยุดเลย ผมร้องไห้จนไหล่สั่นไปหมดแล้ว ไม่อยากให้ใครมาเห็นมุมที่อ่อนแอและน่าสมเพชแบบนี้เลย แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เพราะว่าผมทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการร้องไห้ ไม่ได้มากกว่าการปล่อยให้น้ำตามันชำระล้างความน้อยใจในชะตา ความขุ่นเคืองใจ...
“อันวา”
“อะ...”
ผมหันไปมองเจ้าของเสียงนุ่มๆ พบว่าเป็นบูรพาที่เดินตามออกมา สีหน้าเขาดูดีขึ้นกว่าตอนแรกเยอะแล้ว แต่คิ้วของอีกฝ่ายขมวดเป็นปมเมื่อเห็นหน้าผม บูรพารีบเดินเข้ามาใกล้ๆ ผมทันที เขาโน้มตัวลงมาหา จ้องหน้าผม ทำเหมือนว่าหน้าผมมันมีอะไรติดอยู่
พอถูกทำแบบนี้ผมยิ่งเบะปากมากกว่าเดิม อยากร้องไห้หนักเข้าไปอีก
“ร้องไห้”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ มันก็แค่เรื่องงี่เง่า”
“ไม่มีเรื่องไหนในชีวิตคนเราที่งี่เง่าหรอก มีอะไร? คุยกับใคร?”
“...”
“บอกฉัน” น้ำเสียงของบูรพาไม่ได้ข่มขู่ให้ผมเล่า กลับกัน มันนุ่มละมุน ปลอบประโลมใจผมที่ยับเยินเพราะความผิดหวัง ความน้อยใจต่างๆ นาๆ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังใช้ปลายนิ้วกร้านนั่นเช็ดปาดน้ำตาออกจากแก้มผมด้วย และยิ่งถูกทำแบบนี้ มันก็ยิ่งแย่น่ะสิ เพราะผมร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก
“ฮึก... ฮืออ”
ผมอ่อนแอ...
ยิ่งได้รับการดูแล เอาใจใส่ขนาดนี้ ผมยิ่งอ่อนแอ
“ไม่เป็นไรนะ... ไม่เป็นไร”
เขาไม่ได้คาดคั้นผมต่อ บูรพาเปลี่ยนจากเช็ดน้ำตาให้ผมมาเป็นโอบกอดผมไว้หลวมๆ กอดให้ผมได้ซุกหน้าร้องไห้บนแผงอกกว้างที่แสนจะอบอุ่น สถานการณ์ตึงเครียด และไม่ดีก่อนหน้า มันมลายหายไปจนสิ้น หลงเหลือเพียงผมที่ร้องไห้งอแงเป็นเด็กๆ ในอ้อมกอดอุ่นๆ ของผู้ชายที่ชื่อบูรพา ผู้ชายแปลกหน้าที่ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าเขาไม่ได้แปลกหน้าสำหรับผมอีกแล้ว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องน่าสงสารมากกกกกกกกก พี่บูรพาช่วยน้องด้วยนะ
ติดตามๆๆ. ชีวิตน้องช่างน่าสงสาร พี่บูรพาจะช่วยน้องได้ไหม รออ่านต่อค้าบ
ต้องเอาคืนให้เจ็บแสบไปเลย
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 15 กันยายน 2562 / 09:49
โอ้ยอิพี่อบอุ่นละมุนมากกก งืออออ
เรานี่โกรธแทนเลยอ่ะ ถ้าเป็นเราคือทวงทุกบาททุกสตางเลยนะ น่าตบจริงๆอิครอบครัวนี้
รอนะคะ
เจิมมมมมมมมมมมมมมมม