ตอนที่ 38 : #รักเป็นอนันต์ #นายอนัน EP. 33 [ 150% ]
อนัน Part
ผมเห็นมิลยืนอยู่ด้านนอก ยืนร้องไห้... ใจหนึ่งผมเกลียดเพราะแม่งพยายามแย่งหมอนายไป ถึงอีกคนจะไม่สนใจ แต่มิลก็รู้แก่ใจว่าหมอนายคบใคร ยังจะเข้ามาอีก เพราะแบบนั้นผมถึงแสดงความเป็นเจ้าของให้เห็น แสดงให้เห็นว่ามิลควรจะออกไปจากชีวิตของเราสองคนได้แล้ว
“อยู่ๆ มาจูบพี่แบบนี้ แมวอยากโดนกินเหรอครับ”
“พี่อะเลิกคิดเรื่องหื่นๆ สักวันสองวันได้ไหม หน้าช้ำแบบนี้เอาไม่ลง”
“รอหน้าหายกินได้ใช่ไหมครับ”
“บอกให้เลิกหื่น!”
“ยากกว่าเลิกรักอนันนิดหนึ่ง”
“ยังไง”
“ก็...เลิกรักอนันไม่ได้ แปลว่าเลิกหื่นไม่ได้ไงครับ”
“จะบ้าตาย” ผมยกมือมาทาบหน้าผากตัวเองแล้วกลอกตามองบนแรงๆ หมอนายหัวเราะหึๆ เหมือนพอใจมากที่ปั่นประสาทผมได้
นี่ผมอยู่บ้านหมอนายมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว ส่วนพี่หมอเอิร์ทผมแอบโทรหาพี่แกบ้างเพื่อไม่ให้เป็นห่วง ถึงรู้ว่ามากับหมอนายจะไม่น่าห่วงอะไรมากนอกจากหื่นก็เถอะ แต่เขาช่วยผมไว้เยอะ ผมไม่อยากให้พี่หมอเอิร์ทรู้สึกไม่ดี อีกอย่างนะ หมอนายไปซัดเขาซะหลายทีเลย หน้าตามีรอยช้ำแบบนั้นไปทำงานได้เหรือเปล่าก็ไม่รู้ จิตแพทย์ภาพพจน์อะไรงี้ก็สำคัญไง มันน่าทุบจริงๆ เลยหมอนายเนี่ย
ตอนกลางคืนผมได้รับข้อความแปลกๆ เข้ามา แต่...ไม่น่าแปลกสักเท่าไรมั้ง เพราะพออ่านข้อความดีๆ แล้วน่าจะเป็นเบอร์ของมิล ผมไม่ได้เมมเอาไว้หรอก แต่เนื้อความมันบอกได้
[G Park Now]
สวนใกล้ๆ กับบ้านหมอนาย
ผมลุกขึ้นจากเตียงดึงโทรศัพท์ออกจากสายชาร์จ แล้วลุกขึ้นไปหยิบเสื้อกันหนาวที่หมอนายกลับไปเอาจากบ้านพี่หมอเอิร์ทมาให้สวมลวกๆ แล้วย่องเดินออกไปหามิล คือที่ออกไปเพราะผมอยากรู้ว่ามิลมีอะไรถึงเรียกผม และจะไปเคลียร์ให้มันจบๆ ไป มันไม่ใช่การทะเลาะ เตะต่อย ตบตีกันเพื่อแย่งหมอนายหรอก เพราะผมไม่จำเป็นต้องแย่ง ผมแค่รำคาญการเกาะติดของมิลมากกว่า เข้าใจไหมว่าระหว่างผมกับหมอนายกว่าจะลงเอยกันแบบนี้ได้มันยากมากแค่ไหน ผมไม่อยากมีอุปสรรคเยอะแยะขึ้นมาอีก
มันเหนื่อย แล้วมันก็ทรมานด้วยถ้าหากเราต้องแยกจากกันอะ
G PARK
ผมเดินมาที่สวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากตัวบ้านเพื่อนของหมอนาย เวลานี้แถวนี้มันไม่ค่อยมีคนเท่าไร ยิ่งที่นี่นะ เรียกว่าไม่มีคนเลยเถอะ ผมน่าจะมาถึงก่อนมิล อากาศแม่งก็หนาว แต่ช่างเถอะ รีบคุย รีบเคลียร์ รีบกลับ หนาว ง่วง มึนๆ ยังไงก็ไม่รู้ และเมื่อผมรอนานจนเกินไปก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความกลับไปที่เบอร์นั้น
[Where are you?]
ติ๊ง…
[I’m behind you] ผมอ่านและใช้สมองประมวลผลแปลแป๊บหนึ่งก่อนจะหันไป ทว่าไอ้บ้านั่นไม่ไว้จังหวะให้ผมได้หันไปเลย เพราะผมรู้สึกถึงของแข็งบางอย่างกระแทกเข้ามาที่หัวตัวเองเต็มๆ
ปั้ก!!!
สติรับรู้ผมมันยังไม่ดับวูบไปในทันที ผมเซไปด้านหน้าและหันหลังกลับไปมองคนคนนั้น พบว่าเป็นมิลจริงๆ ด้วย แม่งปาหินในมือทิ้ง โคตรจะรอบคอบตรงที่สวมถุงมือแน่นหนา
“มึง...” เจ็บ... มึน...
“เพราะมีมึง พี่นายถึงไม่รักกู…”
“ฮะ...”
ไม่ได้นะ ผมกำลังจะล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว
“ตายยากจังวะ!”
“นี่มึง...โอ๊ย ไอ้วะ...” ด่ายังไม่ทันขาดคำมิลพุ่งเข้ามาผลักผมจนล้มลงและคร่อมลงมา มือหนึ่งใช้บิดปากผม ส่วนอีกมือบีบลงมาที่ลำคอผมอย่างแรง
“กะ...กูเกลียดมึง ฮึก...ถ้า...ถ้าไม่มีมึง กูก็ไม่เจ็บ”
“อื้ออ”
ผมเหมือนกำลังจะตาย...
พอมิลเห็นผมยังดิ้นรนอยู่ อีกคนเลยใช้มือขยุ้มเส้นผมของผมแล้วดึงขึ้นก่อนจะกระแทกลงพื้น แม้มันจะเป็นพื้นหญ้าแต่ผมที่มีแผลอยู่แล้วมันทำให้ผมเจ็บจนเบลอ...และสติหลุดลอยไปในที่สุด
หลุดลอยออกไป จนไม่รู้ว่าจะกลับมามีวันพรุ่งนี้ได้อีกไหม...
มิล Part
หมับ!
ไหล่ผมถูกคว้าไว้จากคนด้านหลัง ผมล้มลงไปก่อนจะหันไปมองคนที่ทำแบบนั้นด้วยร่างกายที่ชาวาบ เมื่อหันไปมอง ผมเห็นพี่นายที่ไปช้อนตัวอนันขึ้นอุ้ม เขามองหน้าผม แต่แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ อาฆาตมาดร้าย ผมรู้ว่าเขาต้องโกรธและเกลียดผมแน่ๆ แต่เขาไม่ทำอะไรผมเลย เขาคงคิดแค่ว่าการรักษาชีวิตอนันเอาไว้มันสำคัญกว่า...
“ผมจัดการกับคุณแน่” ...จัดการกับผมในตอนนี้
นาย Part
โรงพยาบาล
ผมนั่งรอด้านหน้าห้องฉุกเฉิน ในใจมันเต็มไปด้วยความกลัว กลัวว่าอนันจะเป็นอะไรไป เพราะตอนมาสติของเขาไม่มีเหลือแล้ว ผมปฐมพยาบาลเบื้องต้นเสร็จก็รีบพามาทันที ไม่มีกะจิตกะใจจะโทรหาใครเลย ขนาดจัดการกับมิลผมยังไม่ได้ทำเลยด้วยซ้ำ ใจผมอยากจะฆ่าเขาทิ้งมันซะตรงนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่การช่วยอนันก่อนมันเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า ศีรษะด้านหลังบริเวณท้ายทอยถูกทุบด้วยของแข็ง และโดนบีบคอ น่าจะถูกทำร้ายบริเวณศีรษะอีกหลายครั้งอนันถึงหมดสติไปแบบนั้น
ผมตื่นขึ้นมาเพราะเห็นอนันลุกขึ้นแล้วสวมเสื้อออกไปด้านนอก ผมเลยตามไป แต่ผมไปช้า เพราะไปถึงก็เห็นมิลทำร้ายอนันอยู่แล้ว ความโกรธ ความเกลียดมันปะทุขึ้นมา ใจผมมันอยากจะก้าวเข้าไปบีบคอมิลให้ตายคามือเลย อยากจะทำแบบนั้น แม้ตอนนี้ที่มีสติขึ้นมากกว่าเดิมก็ยังอยากจะฆ่าทิ้งอยู่ดี
ไม่นานนักหมอก็เดินออกมาพร้อมกับอธิบายอาการอนันกับผม น้องต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วน แต่การผ่าตัดค่อนข้างมีความเสี่ยงเพราะมันเป็นบริเวณศีรษะ ซึ่งผมเข้าใจความเสี่ยงนั้นดี แม้จะไม่ได้มาสายเกี่ยวกับระบบประสาทก็เถอะ ต้องโทรหาเนคที่น่าจะอยู่ไทยเพื่อบอกเรื่องน้องของมันก่อน สุดท้ายการผ่าตัดก็เริ่มขึ้น พร้อมความเสี่ยงสารพัด อาจจะเป็นเพราะผมรู้ดี ก็เลยกังวลแทบบ้า
(เดี๋ยวพรุ่งนี้กูกับพี่นิกจองไฟลต์ไปเลย มึงอยู่กับน้องกูก่อนนะ) น้ำเสียงที่แข็งกระด้าง แต่ผมก็ดูออกว่าเนคห่วงน้องแค่ไหน ผมเองก็ห่วงไม่ต่างกันเลย
“รู้แล้ว กูขอโทษนะ”
(มึงเล่าแล้วนี่ ไม่ใช่ความผิดมึงหรอก)
“...กู...ขอ...อึก...ขอโทษว่ะ” ในชีวิตผมไม่คิดจะร้องไห้ให้กับใครมากนักหรอกนอกจากคนในครอบครัว แต่กับอนันผมไม่สามารถกลั้นความกลัวและความเจ็บปวดเหล่านี้ได้จริงๆ เวลาที่ผ่านไปแต่ละวินาทีมันเจ็บปวดทรมานไปหมด ผมยกมือขึ้นกุมที่หัวใจตัวเองก่อนจะก้มหน้าร้องไห้ออกมาแบบไม่มีเสียง “เพราะกูเอง ดูแลน้องมึงไม่ดี ขอโทษนะ”
(ไอ้ควาย มึงอย่ามาสำออย อนันมันไม่ตายห่าหรอก) ...ถึงจะพูดแบบนั้นแต่น้ำเสียงมันก็สั่นไม่ต่างอะไรจากผมเลย ตอนนี้ทุกคนต่างเจ็บ เจ็บจนไม่รู้จะอธิบายออกมายังไงดี (แค่...นี้แหละ โทรนานเปลืองเงิน)
“...อืม”
การผ่าตัดผ่านไปอย่างยาวนาน และผมก็นั่งรออยู่แบบนั้น ในใจภาวนาให้มันผ่านไปได้ด้วยดี แม้จะเห็นพยาบาลวิ่งเข้าออกให้วุ่นก็ตามที ตอนนี้ผมพอจะเข้าในญาติคนไข้ที่ต้องนั่งรออยู่แบบนี้แล้ว ว่ามันทรมานแค่ไหน เวลาผ่านไปเชื่องช้าเท่าไร
“อนัน...ยังไม่ออกมาอีกเหรอนาย” คนที่มาถึงคนแรกคือ เอิร์ท มันวิ่งมาด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ ผมเงยหน้ามองเพื่อนห่างๆ ของตัวเองและส่ายหน้าไปมาปฏิเสธ มันนิ่งไปสักพักใหญ่ๆ และทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ผม ลมหายใจที่หนักๆ ในตอนแรกเริ่มเบาลง ก่อนมือหนาของอีกฝ่ายจะเอื้อมมือวางบนไหล่ผม “มันจะผ่านไปด้วยดี”
“ดีเหรอ เหอะ...”
“เรามองอนันเป็นแค่น้อง วันนั้นที่เราทำก็แค่จะให้น้องรู้ว่าจริงๆ แล้วน้องไม่ได้ต้องการเรา”
“...”
“อย่าเข้าใจผิดเรากับอนันเลยนะ มันไม่มีอะไร เราไม่ได้รู้สึกอะไรกับอนันมากไปกว่าน้องชายเลย”
“ถึงมึงรู้สึกมากกว่านั้นกูก็ไม่ให้”

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

(น้ำตาแตกอีกแล้วว สงสารพี่นาย)
คิดล่วงหน้าเลย55555 ;(
ขอโทษนะค่ะที่ไปถามในของเรื่องอื่น
ขอโทษค่ะ