ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เช้าวันที่สอง : ไล่ล่า
05.38
เงาตะคุ่มเดินตรงเข้ามายังพงหญ้ารกทึบ ในมือของเขาถือขวาน วสันต์พยายามตัดความคิดที่ว่าเป็นการฆ่าเพื่อนออกไปให้เหลือแค่ว่าเป็นการหาทางรอด เขากำลังไล่ฆ่าเพื่อน
ไม่มีทางรอดอื่น! ต้องทำอย่างนี้เท่านั้น
เห็นคนแล้ว! ไม่มีทางเลือก ต้องฆ่า! วสันต์ผ่านการฆ่าคนมาแล้วเมื่อคืนนี้ ป่านถูกเขาจามขวานลงที่ศีรษะ เลือดที่ไหลพุ่งช่างสวยงามและทำให้เขาก้าวเข้าไปสู่เส้นทางแห่งการอยู่รอดอีกหนึ่งก้าวแล้วสินะ
นักเรียนเลขที่ 39 ปาริณี ศรีสุวรรณ์
ตาย เหลือ 27 คน
ข้างหน้านั่นคือใครกันนะ? ที่กำลังถือดาบอยู่ ทำท่าเหมือนจะซ้อมไปฟันคนอื่นกระนั้น! เพื่อนแบบนี้ต่อให้ปล่อยไปมันก็ต้องไปฆ่าคนอื่นอยู่ดี สู้วสันต์ฆ่ามันซะตั้งแต่ตรงนี้เลยยังจะดีกว่า!
วสันต์เดินเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น ยังมืดอยู่ เขามองไม่เห็นหน้าของเพื่อนผู้เคราะห์ร้ายคนนี้ แต่จะไปสนใจทำไมกัน! เดี๋ยวก็ต้องตายอยู่ดี
แกร๊บบบบ
‘ตายห่า’ วสันต์คิดในใจ เหยื่อรู้ตัวแล้ว! มันเดินตรงมาทางเขา! ยิ่งไม่มีทางเลือกเข้าไปใหญ่ อย่างนี้ต้องฆ่าลูกเดียว
“นั่นใครน่ะ?”
ได้ยินเสียงแล้ว เสียงนี่มัน ใหม่! ใหม่เนี่ยนะ! ช่วยไม่ได้แล้ว ใหม่เดินตรงมาทางนี้แล้ว เขาไม่มีทางเลือก
วสันต์เงื้อขวานขึ้น
“มาช่วยกัน ”
เฉาะ!
วสันต์ปักขวานลงไปบนหัวใหม่เต็มแรง มันแทรกลงไปถึงหัวกระโหลก
แต่ใหม่ยังพอมีสติ
“ช ช่วยกัน หา ”
“ป ป เป็น ” วสันต์เริ่มลนลาน เขาเริ่มทำอะไรไม่ถูก “เป็นอะไร หรือเปล่า”
“หา ทางรอด” ใหม่ยังครางอยู่ แต่ก็เริ่มอ่อยลงแล้ว ในที่สุดเธอก็ล้มลง เลือดไหลออกมาจากศีรษะของเธอจนนองพื้น
เธอตายแล้ว
นักเรียนเลขที่ 24 อัมพิกา พรจินดารักษ์
ตาย เหลือ 26 คน
อะไรกันนะ? ใหม่บอกว่าไปช่วยกันหาทางรอดอย่างนั้นหรือ? มีทางรอดอื่นอีกหรือไง? แต่ว่าถ้ามี ก็เท่ากับเขาปิดทางรอดนั้นเองหรอกหรือ
ไม่ ไม่ใช่หรอก ทางรอดมีทางนี้ทางเดียว ต้องฆ่า ใช่! ต้องฆ่าเพื่อรอด! ฉันต้องรอด!! ต้องรอดไปให้ได้!!!
แต่วสันต์ก็ยังไม่เข้าใจกับน้ำตาที่ไหลนองหน้าเขา
04.58
วิภาดากระวนกระวาย กี่โมงแล้ว? จะตีห้าแล้วเหรอ? ที่ตรงนี้จะกลายเป็นเขตต้องห้ามหรือเปล่า? ไหน ไหน ไหน ดูซิ ไม่ ไม่เป็นแฮะ รอดไป ไม่นึกว่าอาจารย์เอจะประกาศตอนเที่ยงคืนอย่างนี้ เธอเกือบจะไม่ได้ฟังถ้าเธอไม่บังเอิญสะดุ้งตื่นขึ้นมา
แกร็บ
วิสะดุ้งเฮือก เธอปิดไฟฉายทันทีแล้วหยิบกรรไกรขึ้นมาขู่ “ใครน่ะ!?” เธอร้องลั่น
เจ้าของเสียงส่องไฟฉายไปยังปลั๊ก “ฉันเอง” เจ้าของเสียงพูด
“ป ปิง!” วิร้องดีใจ “ธ เธอทำฉันตกใจแทบแย่!”
“เหรอ ขอโทษทีนะ” ปิงพูดต่อ “ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม”
“ได้ ได้สิ! ทำไมจะไม่ได้!” วิร้อง “เป็น เป็นเพื่อนกันใช่ไหมล่ะ ทำไมจะไม่ได้!!”
ปิงยิ้ม เธอเดินเข้ามาในกระท่อมเล็ก ๆ ที่วิใช้เป็นที่ซ่อนตัว
“พวกเราไม่น่ามาเจอเรื่องอย่างนี้เลยเนอะ” ปิงพูดพลางหย่อนตัวลงนั่ง “ใครจะนึกว่าเรื่องในหนังจะกลายเป็นของจริงได้อย่างนี้”
“ช ใช่” วิพูดอีก “ต ตอนห้าทุ่มฉันฟังประกาศ เพื่อนเราตายไป 15 คนแล้วนะปิง! จอยด้วย จอยตายแล้ว! เฟียตก็ตาย! ตาวก็ตาย! แก๊ปก็ตาย!”
ปิงนิ่งไป
“ฉันจะทำยังไงดี! ปิง!” วิร้องไห้ “ฉันกลัว!! กลัวมากเลย!! เธอดูสิ ของที่ฉันได้มันบ้าบอขนาดไหน!! ฉันจะไปสู้อะไรเขาได้!!!”
“วิ เธอไปดู BR มาหรือยัง” ปิงพูดขึ้น
“พ พูดอะไรตอนนี้น่ะปิง ”
“ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาซ่อนตัวในกระท่อม พอเพื่อนของเธอมา เธอก็ให้เพื่อนของเธอเข้ามาในกระท่อมได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ”
“พูดอะไร ปิง ฉันไม่เข้าใจ ฉันยังไม่ได้ไปดู ”
“ผู้หญิงที่เข้ามาทีหลังคือโซมะ มิตสึโกะ เธอได้เคียวเป็นอาวุธ”
“หมายความว่าไง ปิง”
ปิงหยิบอาวุธเคียวของเธอออกมา “มิตสึโกะรู้ดีว่าทางรอดมีทางเดียวคือต้องฆ่าเพื่อนทุกคน ” ปิงมองมาทางวิ “เธอจึงตัดสินใจ ”
“ปิง เธอคงไม่ ” วิคราง
“ฆ่าเพื่อนคนนั้นซะ!!!!!” ปิงใช้สองมือชูเคียวขึ้นสูงแล้วจึงเฉาะเคียวลงกลางศีรษะของวิ
“ปิง เธอ ” วิยังครางต่อ เป็นครั้งสุดท้าย
ปิงออกแรงกดมากขึ้น เหมือนจะคว้านสมองของวิออกมากระนั้น วิหมดแรง เธอตายคาที่
“ในหนัง” ปิงพูดต่อในขณะที่ดึงเคียวออกจากศีรษะของวิ “มิตสึโกะจะต้องตายท้ายเรื่อง แต่ฉันไม่เหมือนเธอ ฉันไม่ยอมตายง่าย ๆ อย่างนั้นหรอก ฉันต้องมีชีวิตรอด!!!”
นักเรียนเลขที่ 20 วิภาดา ทินมณี
ตาย เหลือ 25 คน
05.58
อาจารย์เอรับกระดาษรายงานผู้เสียชีวิตตั้งแต่เวลา 00.00-06.00 ของวันนี้มาดูพลางส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง
“สามคนเองเหรอ?” อาจารย์พูดกับพลทหารศรราม “เมื่อคืนยังได้ตั้งสิบกว่าคน ชิ!! เวลาอย่างนี้เหมาะที่สุดที่จะไปฆ่าคนอื่น ก็ส่วนมากจะนอนหลับอยู่ เด็กพวกนี้ไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของเกมส์นี้เลยให้ตายสิ”
อาจารย์เอบ่นพลางเดินไปหยิบไมค์
06.00
เสียงเพลงดังขึ้น
“อรุณสวัสดิ์! นักเรียนทุกคน พบกันทางเสียงตามสายเป็นครั้งที่สองแล้วใช่มั้ย! ทุกคนยังเล่นเกมส์กันอย่างสนุกสนานหรือเปล่า! เช้านี้ครูผิดหวังมากเพราะมีผู้ออกจากเกมส์น้อยกว่าที่คิด รายชื่อมีดังนี้! เลขที่ 20 วิภาดา ทินมณี, เลขที่ 24 อัมพิกา พรจินดารักษ์, เลขที่ 39 ปาริณี ศรีสุวรรณ์ แค่นี้เอง! พวกเธอน่าจะขยันกันให้มากกว่านี้นะ ต่อไปเป็นเขตต้องห้าม 07.00 F3 09.00 C6 11.00 A5 พบกันอีกทีเที่ยงตรง! ขอให้โชคดี!”
05.55
เมธลืมตาตื่นขึ้น กี่โมงแล้วเนี่ย จะหกโมงแล้วเหรอ จะหกโมงแล้ว!!! จะมีประกาศแล้วสิ!!! ต้องรีบเตรียมแผนที่แล้ว
เมธเพิ่งจะเตรียมแผนที่กับปากกาเสร็จก็มีเสียงเพลงดังขึ้น หลังจากเพลงจบก็เป็นเสียงของอาจารย์เอ ที่เขาเคยเคารพนับถือ เขาทนฟังอาจารย์เอพูดถึงเพื่อน ๆ ของเขาที่ตายไปอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วจึงตั้งใจฟังเขตต้องห้าม
“07.00 F3, 09.00 C6, 11.00 A5 พบกันอีกทีเที่ยงตรง! ขอให้โชคดี!”
เมธทำเครื่องหมายลงในจุดที่จะกลายเป็นเขตต้องห้ามไว้เรียบร้อย แทบไม่ทัน
“เอ๊ะ เดี๋ยว นี่มัน ” เมธฉุกคิดเมื่อเห็นแผนที่ เขาเดินออกจากถ้ำ กางแผนที่ มองซ้ายมองขวา ดูเข็มทิศ แล้วดูแผนที่อีกครั้ง มองซ้ายมองขวาอีกที แล้วดูแผนที่อีก
“ตรงนี้เป๊ะเลยนี่หว่า ” เมธอึ้ง “เจ็ดโมงตรงนี้จะต้องห้ามแล้ว หมวย หมวย ตื่นเร็วเข้า เราต้องรีบไปแล้ว!!!”
“อะไรกานนน สุเมธ ” หมวยงัวเงีย “เรายังไม่ตื่นเลยนะ ”
“ไม่ตื่นไม่ลุกตายไม่รู้ด้วยนะ!!!” เมธตะโกน ทำเอาหมวยอึ้งและตื่นทันที
07.13
“แน็ท แน็ทใช่มั้ยนั่นน่ะ!!!” ปรินซ์ร้องเมื่อเห็นเพื่อนคนหนึ่งกำลังกินขนมปังอยู่ “แน็ทททท!!!!! ทางนี้จ้าาาาา!!!!!!”
แน็ทเงยหน้าขึ้น ด้วยความตกใจเธอถึงกับทำอะไรที่สิ้นคิดอย่างหยิบเอาโทรโข่งข้างตัวมาถือเหมือนเป็นอาวุธที่พร้อมจะป้องกันตัวเองจากคนที่คิดจะฆ่าเธอ
“อ อ้าวว ปรินซ์!!!” แน็ทร้อง “ดีใจจังเลย!!”
“แน็ทเป็นไงบ้าง” ปรินซ์พูดพลางกอดแน็ทเอาไว้ด้วยความดีใจ “เมื่อคืนเรากลัวมากเลย”
“เราก็กลัวเหมือนกัน” แน็ทพูดเบา ๆ “ไผ่ตายแล้ว ใครจะนึกว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับพวกเราล่ะ”
“เห็นบื๋อหรือเปล่า?” ปรินซ์ถาม “เราหลงกับบื๋อตอนหนีเจ้าน่ะ”
“หนีเจ้า? อะไรกัน” แน็ททำท่าตกใจ “เจ้าเนี่ยนะไล่ฆ่าปรินซ์กับบื๋อ”
“ก็ใช่น่ะสิ เจ้าเนี่ยแหละน่ากลัวยังกะอะไรดี ถ้าหล่อกว่านี้อีกนิดละก็ เหมือนคิริยามะในหนังเลยล่ะ!!!” ปรินซ์พูดด้วยท่าทางตื่นกลัวเหมือนเจ้ากำลังอยู่ใกล้ ๆ “แล้วตกลงเห็นบื๋อหรือเปล่า”
“บื๋อ เอ่อ ” แน็ทอุกอัก “ บื๋อเค้า ”
“ไม่ ไม่ได้ตายไปแล้วใช่ไหม ” ปรินซ์ใจเสีย
“เปล่าเปล่าเปล่า” แน็ทร้อง “บื๋อเขา ไปทำ เอ่อ ธุระ ของบื๋อมาน่ะ อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้เอง”
“อ๋อ ” ปรินซ์โล่งอก
“เออนี่ปรินซ์” แน็ทพูดเหมือนนึกอะไรได้ “มาร่วมมือกันมั้ย”
“ร่วมมือ ร่วมมืออะไร?” ปรินซ์งง
“นี่ไง” แน็ทหยิบโทรโข่งที่เธอได้เป็นอาวุธขึ้นมา
“เธอคงจะไม่ ใช้โทรโข่งนี่ประกาศว่า ‘ทุกคนนน อย่าฆ่ากันเลยนะ!!! มาช่วยกันหาทางรอดกันดีกว่าาาา’ หรอกนะ”
“อ้าว ปรินซ์รู้ได้ไง” แน็ทงงบ้าง
“อย่าเลยแน็ท” ปรินซ์เตือน “แน็ทยังไม่ได้ดู BR สิท่า ในหนังก็มีคนใช้วิธีนี้ แต่ก็โดนคิริยามะฆ่าตายตอนที่กำลังประกาศอยู่ มันทำให้เรากลายเป็นจุดเด่น เพื่อนเราตายไป 18 คนแล้ว แถมยังมีคนที่ไล่ฆ่าเพื่อนเอาตัวรอดอยู่ด้วย อย่างน้อยก็เจ้าคนนึงละ ”
“จริงอยู่ที่เราไม่ได้ดู BR” แน็ทพูด “แต่เราว่าสองคนนั้นคงไปใช้โทรโข่งบนที่โล่ง ๆ อย่างทุ่งหญ้าหรือไม่ก็ยอดเขาใช่มั้ยล่ะ เราไม่ทำงั้นร็อก ”
“ล แล้วทำไงล่ะ” ปรินซ์ใจชื้นขึ้นมานิด แต่ก็ยังงงอยู่ดี
“เอาน่า หยิบเชือกตรงโน้นให้หน่อยซิ” แน็ทชี้นิ้วไปข้างหลัง
07.47
“ตรงนี้ปลอดภัยแล้ว อยู่ได้ทั้งวันถึงเที่ยงเลย” เมธพูดพลางปาดเหงื่อ
“แล้ว เมธคิดว่าจะทำไงล่ะ ” หมวยพูดหลังจากนั่งลงบนพื้นหญ้า
“จะอยู่ตรงที่ที่ไม่อันตราย หลบเพื่อนไปเรื่อย ๆ บางทีอาจจะหาเพื่อนที่ไม่บ้าไปกับเกมส์ ”
“อุ๊ย ทำยังกะพระเอกหนัง ”
“แล้วจะให้เราทำยังไงล่ะ ” เมธร้อง “จะให้ไล่ฆ่าเพื่อนอย่างนั้นเหรอ ถึงจะเอาอย่างนั้น แต่ฉันก็ได้อาวุธเป็นฝาหม้อ!!! จะเอาไปฟาดหัวใครตายได้! แล้วเธอล่ะ ได้อะไร ได้กล้องส่องทางไกลไม่ใช่รึไง จะเอาไปเขกกระโหลกใครตายได้อย่างงั้นเหรอ ”
“ก็ดีออก เหมือนนานะฮาระกับนาคางาวะเลยนี่นา เราสองคนน่ะ” หมวยพูด
“ท ทำไมล่ะ ” เมธเขิน อย่างหมอนี่เนี่ยนะ
“ก็ สองคนนั้นก็ได้ฝาหม้อกับกล้องส่องทางไกลเหมือนพวกเรานี่นา ”
ความเงียบ
07.55
“หวัดดี เพื่อน” เจ้าพูดขึ้นพลางชี้ปืนตรงมายังกลุ่มปิ๋ว
“นาย นายล้อพวกเราเล่นใช่มั้ย ” ส้มพูด
“ไม่รู้ซิ ” เจ้าพูดยิ้ม ๆ พลางกระดิกนิ้วที่อยู่ที่ไกปืนเล็กน้อย “หรือจะลองดูดีมั้ยน้า ”
“จ ใจเย็น ๆ เจ้า ” พลอยยกมือทั้งสองพยายามปราม “อ อย่าทำอะไรพวกเราเลยนะ”
“งั้นเหรอ ” เจ้าเปลี่ยนเป้าหมายปืนจากส้มไปเป็นพลอย “ทำไมล่ะ ”
“ก็ ก็ ก็ ” พลอยอึกอัก “ก็ ถ้าพวกเราตายไป ก็คงไม่ดีแน่ ๆ ใช่มั้ยล่ะ แบบว่า แบบ ”
“แล้ว ดาล่ะ ” เจ้าเคลื่อนปืนไปยังดา “เหตุผลอะไรเราถึงต้องปล่อยพวกเธอไป!!!” เสียงปืนลั่นกริ๊ก
“ไม่นะ!!!!!!!!!!!!!!” หกสาวกรีดร้องลั่น
“แต่ เราว่า ” เจ้าลดปืนลง ยังคงพูดยิ้ม ๆ “ปล่อยพวกเธอ ไป ดีกว่า ”
“ท ทำไมล่ะ ” บุ๊กร้อง
“ไม่พอใจงั้นเรอะ!!!” เจ้ายกปืนกลขึ้นรัวใส่บุ๊กอย่างไม่ยั้ง ร่างของบุ๊กสั่นกระตุกตามจังหวะปืน เลือดสีแดงฉานพุ่งออกมาทั่วบริเวณจนแทบเหมือนว่าอากาศบริเวณนั้นกลายเป็นสีแดงไปจนหมด บุ๊กร่วงลงกองบนพื้น เลือดยังคงไหลออกมาอย่างไม่หยุด
นักเรียนเลขที่ 42 สุทธาทิพย์ สุวรรณบรรณ
ตาย เหลือ 24 คน
เจ้าก้มลงค้นเป้ของบุ๊ก ห้าสาวที่เหลือยืนตกตะลึงนิ่งแข็งอยู่ตรงนั้นเอง “ปล่อยไปดี ๆ ไม่ยอม ต้องให้ใช้กำลังจนได้สิน้า ” แล้วเขาก็หยิบเอาปืนพก ขนมปัง และน้ำจากเป้ของบุ๊กใส่ถุงย่ามของตัวเอง
“จะบอกอะไรให้นะบุ๊ก” เจ้าพูดขณะที่จัดย่ามให้เข้าที่เข้าทาง “ ‘เหตุผล’ น่ะ กำลังยืนร้องไห้อยู่ข้างหลังเพื่อน ๆ เธอไงล่ะ”
เจ้าหัวเราะเหมือนคนบ้า แล้วเดินจากไป
สี่สาวหันไปข้างหลัง ปิ๋วกำลังยืนร้องไห้อยู่
08.13
วิวรรณกำปืนลูกซองอาวุธของเธอเอาไว้แน่นในมือ เธอหลบซ่อนมาคืนกว่าแล้ว และตอนนี้เธอกำลังหนีจากเขตต้องห้ามไปหาที่ปลอดภัยที่จะอยู่ได้นานที่สุด แน่นอน เธอไม่คิดฆ่าใครแน่ แต่เพื่อนของเธอ เท่าที่เธอรู้ก็ตายไป 18 คนแล้ว ยังไม่นับเสียงปืนเมื่อกี้นี้ แต่ก็ทำให้เธอรู้แน่ว่ามีคนที่คิดฆ่าคนอื่นเป็นว่าเล่นอยู่ เธอไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่นั่นแหละที่ทำให้เธอกลัวทุก ๆ คนที่เธอ มันอาจจะเป็นใครก็ได้ เจ้าโรคจิตบ้าเลือดคนนั้น
ที่ตรงนี้เป็นทุ่งหญ้าที่มีโขดหินอยู่ระเกะระกะ เหมาะจะเป็นที่หลบซ่อนตัวจริง ๆ ไม่เพียงแค่นั้นมันยังอยู่นอกเขตต้องห้ามไปจนถึงเที่ยงอีกต่างหาก
พักตรงนี้แหละ
เธอเดินตรงไปยังโขดหินที่น่าพักที่สุด มันมีชะแง่งหินคล้ายหลังคา เหมาะจะนั่งพักเป็นที่สุด แต่ก็นั่นแหละ ที่แบบนี้คนอื่น ๆ ก็น่าจะเดาได้เหมือนกัน รวมทั้งเจ้าโรคจิตบ้าเลือดคนนั้นด้วย
เธอชักปืนในขณะที่ย่องเข้าไปยังชะง่อนผา เตรียมยิงคนที่คิดทำร้ายเธอได้ในทันที
“กี่โมงแล้วเมธ ”
“แปดโมงยี่สิบแล้วล่ะ”
วิวรรณลดปืนลง สองเสียงนั้นเธอจำได้แม่น อันที่จริงคนบนเกาะนี้ก็เพื่อนเธอทั้งนั้น แต่เจ้าของเสียงทังสองนั่น คนหนึ่งคือหมวย เพื่อนสนิทคนหนึ่งของเธอ และอีกคนหนึ่ง สุเมธ มั้ง แต่จะเป็นใครก็ตามแต่ ถ้าหมวยยอมรับละก็ เขาก็เป็นเพื่อนเธอได้ทั้งนั้น
“หมวย เธอใช่มั้ย” วิวรรณพูดออกไป
“วิวรรณ!” หมวยร้องดีใจ “เธอยังอยู่!”
“ใช่ ยังไม่ตายหรอก” วิวรรณโล่งอก ในที่สุดตอนนี้เธอก็ไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วสินะ “แล้วนั่น สุเมธ ”
“อ๊ะ หวัดดี” เมธทัก
“ฮะฮุ้ย นึกว่าหายไปไหน มาจู๋จี๋กันอยู่ตรงนี้เองเหรอ” วิวรรณพูดทีเล่นทีจริง
“บ บ้าน่า พูดอะไรน่ะ!!” หมวยร้อง หน้าแดง
“ฮะฮะฮะฮะ ก็ แหม เราแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอ..”
วิวรรณหยุดพูดไปเฉย ๆ
“ป เป็นอะไรไป ” หมวยตกใจ
วิวรรณล้มเผละกับพื้น บนหัวเธอมีขวานปักคาอยู่
“อ๊าาาาา!!!!!!” หมวยร้องลั่น
“หวาาาาา!!!!!” เมธออกอาการเหวอ
นักเรียนเลขที่ 21 วิวรรณ วรกุลพาณิชย์
ตาย เหลือ 23 คน
มือมือหนึ่งหยิบเอาลูกซองของวิวรรณที่ตกอยู่ข้างลำตัวเธอขึ้นมา ทั้งยังเล็งมาที่หมวยกับเมธ
วสันต์!!!!
“ไม่ต้องพูดอะไรเลย ” วสันต์พูด “เอาน้ำกับอาหารมา! เร็วเข้า!”
“วสันต์ ทำไมนาย ” เมธพยายามกล่อม
“บอกว่าไม่ต้องพูดดด!!!! เอาน้ำกับอาหารมาาาา!!!” วสันต์บันดาลโทสะ ลั่นไกปืนด้วยความโกรธ แต่เนื่องจากเขาไม่เคยใช้ของแบบนี้ ลูกปืนจึงถากแก้มหมวยไปเท่านั้น
“เอามาาาา!!!!! เอามาาาา!!!!!” วสันต์ยิงมั่วไปใหญ่ แต่ละลูกไม่โดนทั้งสองคนสักนัด
“วสันต์!!! นายเป็นอะไรไป!!!” เมธร้องพลางหลบกระสุนที่หลังก้อนหิน
“กูบอกให้เอามาาาา!!!!! เร็วเข้า!!!!! ไม่งั้นกูฆ่ามึงจริง ๆ นะ!!!!! กูเห็นว่ามึงเป็นเพื่อนกูนะเนี่ย กูไม่ได้กินอะไรมาทั้งคืนแล้ว อาหารในเป้กูโดนหนูแดกหมด!!! ไอ้หนูนรก!!!” วสันต์ตะโกนก้องพลางปีนขึ้นบนชะง่อนหินเตรียมเล็งเมธกับหมวย
“เอาอาหารของมึงมาาาาา!!!!!! อาวุธมึง!!!!!! เอามาาาาา!!!!!!!”
เปรี้ยงงง!!! เมธหลับตาเตรียมรับความเจ็บปวด เอ๊ะ ทำไมไม่เจ็บ เมธลืมตาขึ้น เขามองไปทางที่วสันต์เคยยืนอยู่เมื่อกี้นี้
วสันต์ยังอยู่ตรงนั้น แต่ว่าลงไปนอนนิ่งอยู่บนชะง่อนหิน หินอาบเลือด
“วสันต์ นาย ” เมธพูดพลางเอื้อมมือไปหาวสันต์
“หยุด!!! อย่าไปแตะมัน!!!”
เมธมองไปทางต้นเสียง แต่ช้าไปแล้ว วสันต์ยังไม่ตาย เขาชูมือขึ้นมาจับคอเมธเอาไว้ ออกแรงบีบแน่นเหมือนจะบีบให้แหลกคามือ เมธมองตาวสันต์ ตาของวสันต์ดูเหมือนกับจะสัตว์ป่า วสันต์กำลังจะฆ่าเขาจริง ๆ แต่ในวินาทีต่อมา เมธมองเห็นความเศร้าและความกลัวสุดขีดในดวงตาของวสันต์
เปรี้ยง!!! เปรี้ยง!!!
เสียงปืนอีกสองนัดยิงโดนที่ศีรษะของวสันต์ทั้งสองนัด กะโหลกของเขาแตกละเอียด สมองกระจายออกไปในอีกฝั่งของรอยกระสุน เลือดสาดเต็มหน้าเมธ เขาค้างนิ่ง
นักเรียนหมายเลข 9 วสันต์ จันทร์ลอย
ตาย เหลือ 22 คน
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ ”
เมธกับหมวยมองไปทางต้นเสียงที่กำลังวิ่งตรงมา
“ถิ!!!” เมธร้อง
ถิวิ่งตรงมาหาเมธกับหมวย ในมือของเขาถือลูกซองแบบเดียวกับที่วสันต์ใช้อยู่เมื่อกี้ไม่มีผิดอยู่ “พวกนายไม่เป็นอะไรใช่มั้ย!”
“ม ไม่เป็นไร” เมธตอบตัวสั่น “แต่ วสันต์เค้า ”
“ยังจะไปห่วงมันอีกเหรอ มันจะฆ่านายนะ” ถิพูดหัวเสีย
“แต่เขาก็เป็นเพื่อนเรานะ” เมธร้อง
“เพื่อนไม่เพื่อนอันนี้เรารู้ แต่ตอนนี้มันจะฆ่านาย นายจะยอมให้มันฆ่ารึไง เราไม่รู้ด้วยนะถ้างั้น”
“เดี๋ยวเดี๋ยว ทั้งสองคน เราได้ยินเสียงอะไรแน่ะ” หมวยพูด
เมธและถิเงียบเสียงลง จริงด้วย มีเสียง เสียงคน คล้าย ๆ กำลังตะโกนอะไรสักอย่าง
“ทุกคน อย่าฆ่ากันเลย” เสียงตะโกนบอกมาอย่างนี้
“บ้าฉิบ!!” ถิสบถ
08.15
“เข้าใจแล้วใช่มั้ย” แน็ทพูด
“อือฮึ” บื๋อกับปรินซ์พยักหน้าพร้อมกัน ทั้งสามหยิบอาวุธที่แต่ละคนได้ แน็ทก็หยิบโทรโข่งขึ้นมาแล้วเดินไปทางเนินด้านขวา ทิศตะวันออก บื๋อหยิบส้อม อาวุธกระจอกของเธอ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย บื๋อหยิบส้อมเดินไปทางหล่มด้านทิศตะวันตก
“เดี๋ยวบื๋อ เอานี่ไปด้วย” ปรินซ์ร้องก่อนที่บื๋อจะเดินลับไป แล้วจึงโยนปืนพกให้บื๋อ
“ปรินซ์! เอามาจากไหน?” บื๋อถามหลังจากรับปืน
“จาก ศพณัฐพรรณ ส่วนนี่อาร์ก้า ของกนกอร” ปรินซ์พูดเบา ๆ
“ตายกันแล้ว?” บื๋อร้อง
“อือฮึ สองคนนั่นกับอภิษฎานั่งตายอยู่ริมโรงเรียน ปลอกคอระเบิดตาย ”
“ไปกันเถอะ! เดี๋ยวเราจะเศร้าไปกว่านี้อีก แค่นี้ก็จะบ้าแล้ว” บื๋อร้องขึ้นพลางยกมือปรามปรินซ์ แล้วจึงเดินไปทางตะวันตกจุดปฏิบัติแผนของเธอ ส่วนปรินซ์จะอยู่กับที่ตรงนี้
08.20
เวลาดำเนินแผน
แผนของแน็ทก็คือการไม่ให้ทุกคนอยู่ในที่เดียวแล้วโดนฆ่ากันเหมือนในหนัง แต่จะกระจายไปเป็นสามจุด แต่ละจุดอยู่ห่างกันพอได้ยินเสียงตะโกน แล้วจึงประกาศไปพร้อม ๆ กัน แต่หากมีใครคนใดคนหนึ่งถูกฆ่า สองคนที่เหลือจะรู้ตัวทันทีและไหวตัวทัน ซึ่งในตอนนั้นก็จะมีคนที่ได้ยินเรื่องการดำเนินการหลบหนีอยู่หลายคนแล้ว และเมื่อทุกคนมารวมกันก็น่าจะล้มเจ้าคนบ้าเลือดที่ยิงสมาชิกดำเนินแผนไปจนได้ละน่า
แน็ทเป็นคนเริ่มก่อน จากเนินตะวันออก
“ทุกคน ” แน็ทตะโกนใส่โทรโข่งสุดเสียง “อย่าฆ่ากันเลย มารวมกันดีกว่า ”
เมื่อแน็ทเริ่มแล้ว ปรินซ์ก็เริ่มตะโกนบ้าง แต่เนื่องจากโทรโข่งมีอันเดียว ปรินซ์จึงต้องใช้วิธีตะโกนปากเปล่า ซึ่งไม่ใช่เรื่องลำบาก เพราะเสียงของเธอนั้น
“ทุกคนนนนน!!!!!!!!!!” ปรินซ์ตะโกนสุดชีวิต “มารวมกันดีกว่าน้าาาาาาาาา!!!!!!!!!!!!!”
เมื่อบื๋อที่ประจำอยู่ที่หล่มตะวันตกได้ยินเสียงปรินซ์ก็เริ่มตะโกนบ้าง
“อย่าฆ่ากานนนนนนน!!!!!!!!!!! มาช่วยกันหาทางรอดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!”
และเมื่อทั้งสามคนได้ตะโกนออกไปแล้ว ทั้งสามก็ได้ตะโกนต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีคนมา หรือคนหนึ่งในสามคนถูกฆ่า เพราะเสียงจะหยุดทันที แล้วอีกสองคนที่เหลือก็จะชิงหนีไปได้ทัน
“มาเถอะ!!!!!!!! อย่าฆ่ากันเลยยยย!!!!!!” ปรินซ์ยังคงร้องสุดเสียง
“มาแล้ว”
ปรินซ์หันกลับไปมองข้างหลังด้วยความดีใจ มีคนมาแล้ว? ไชโย! มาช่วยกันตะโกนเรียกเพื่อนหน่อยสิ
ปังปังปังปังปังปังปัง
ปรินซ์ล้มหงายหลัง อะไรกันน่ะ? ใครกัน? ม ไม่ไหวแล้ว ลางเลือนเหลือเกิน ใครกันที่ทำแบบนี้? ไม่ไหวแล้ว เจ็บ ง่วงนอนด้วย
นักเรียนเลขที่ 30 ธาริณี ผ่องศรี
ตาย เหลือ 21 คน
คนคนนั้นเดินเข้ามาหยิบอาร์ก้าจากมือปรินซ์
“ได้ของดีซะด้วย ” มันพูด “ขอนะ ปรินซ์” ว่าแล้วมันก็เก็บปืนใส่ถุงย่ามคู่กายมัน
08.25
“อะไรน่ะ?” บื๋อหยุดตะโกน “เสียงปืนหรือเปล่าน่ะนั่น?”
บื๋อใจคอไม่ดี การที่เธอได้ยินเสียงปืนหมายความว่ามีการยิงปืนเกิดขึ้น แล้วเท่าที่เธอเดาเสียงดังมาจากทางปรินซ์ ทำไงดี
08.25
“เสียงปืน?” แน็ทอุทานหลังจากได้ยินเสียงปืนดังขึ้น “มีคนยิงปืน! ดังมาจากทางปรินซ์ซะด้วย!”
08.25
“นั่นอะไรน่ะ” เมธร้อง
“มีคนยิงปืน ” ถิพูด “ปืนกล อาจจะเป็นไอ้เจ้าก็ได้ ”
“อะไร นายพูดอะไร ไอ้เจ้าเนี่ยน่ะบ้าปืน” เมธท้วง
“นายไม่รู้อะไร” ถิพูด “ไอ้เจ้าน่ะมันเป็นคนฆ่าไอ้ณัฐ มัท แล้วก็เกตน์อีกคนเมื่อคืน”
“ไอ้เจ้าเนี่ยนะ!!!???” ทั้งเมธและหมวยร้องออกมาพร้อม ๆ กัน
“ก็ใช่น่ะสิ” ถิพูดพลางหยิบลูกซองของวิวรรณในขึ้นมาแล้วโยนให้เมธ “รับไปไอ้เมธ กูว่าแกคงต้องได้ใช้แน่ ส่วนไอ้นี่ ” ถิหยิบขวานวสันต์ขึ้นมา “ เก็บเข้าคลังไปก่อนดีกว่า”
“อย่าบอกนะว่ามึงเล่นเกมส์นี้เอาจริง ๆ ด้วย” เมธร้อง
“เปล่า” ถิตอบ “ที่จริงกูเพิ่งฆ่าไอ้วสันต์คนแรกด้วยซ้ำไป งานนี้ช่วยไม่ได้จริง ๆ ว่ะ”
“ก็ถูกของแกนะ ” เมธมองวสันต์ “แล้ว แกจำทำยังไงกับเสียงปืน”
“ก็ช่างหัวแม่งปะไรเซ่” ถิพูด “อยากไปตายกับมันเหรอ”
“ก็ ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ” เมธพูดเบา ๆ “แต่กูก็ไม่อยากให้เพื่อนกูตายนี่หว่า”
“แต่มึงก็ไม่อยากให้มึงตายด้วยใช่ป่าว?” ถิพูดเสียงดัง
“แล้วมึงจะให้กูทำไงวะ?” เมธขึ้นเสียง
“เฮ้เฮ้เฮ้ สองคนอย่ามาทะเลาะกันแถวนี้สิ เราไม่ชอบ” หมวยร้อง
“โอเค โอเค” ถิส่ายหัว “เอาเป็นว่าทำตามที่คุณชายสุเมธพูดก็แล้วกัน มึงจะให้กูเอาไง?”
“เอา เอ่อ เอาเป็นว่า ขึ้น ขึ้นไปดูตรงที่ที่มีเสียงปืนก็แล้วกัน” เมธพูด
“มึงเอาแน่นะ?” ถิย้ำ เพราะไอ้แบบนี้มันแทบจะเรียกว่าบ้า ยิ่งในเกมส์แบบนี้
“เออ กูเอาแน่” เมธพูกหนักแน่น
“งั้นก็ไปกัน” ถิรับคำ “มึงเล่นเคาน์เตอร์มาบ้างแล้วใช่ป่ะ มันต่างกันนิดหน่อยนะเว้ย ไอ้ลูกซองที่มึงถืออยู่นี่มันของจริง อย่าทำเป็นเล่นนะมึง” ถิเน้นประโยคสุดท้ายอย่างหนักแน่นมาก
08.27
บื๋อวิ่งอย่างเร็ว เธอพยายามหนีออกจากแหล่งกำเนิดเสียงปืนให้เร็วที่สุด เสียงที่เธอตะโกนดังไปถึงจุดที่ปรินซ์อยู่ด้วย นั่นแสดงว่าไอ้บ้าปืนที่ฆ่าปรินซ์ต้องรู้แน่ ๆ ว่าเธออยู่ที่นี่ ถ้าไม่หนี ก็ตายอีกคนชัวร์
หนี! หนี! หนี!
บื๋อวิ่งสะดุดรากไม้ ตุ้บ! โอ๊ย เจ็บ เจ็บจังเลย อึ๊บ ลุกขึ้นสิ เอ๊ะ โอ๊ยยยย เท้าชั้น แพลง ทำไมต้องมาแพลงเอาตอนนี้ บื๋อพยายามยันตัวขึ้นแล้วเดินกะเผลก ๆ อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เป็นไงบ้าง บื๋อ”
บื๋อหันไปข้างหลังทางต้นเสียง เพื่อนของเธอนั่นเอง! “ช ช่วยเราหน่อยสิ ขาเราแพลง”
เพื่อนคนนั้นเข้ามาช่วยพยุงบื๋อเดินต่อไปได้เร็วขึ้นเล็กน้อย “บื๋อเป็นไงบ้าง” เพื่อนคนนั้นพูด
“ก็ เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก เธอล่ะ” บื๋อตอบ
“กลัว ” เพื่อนคนนั้นตอบ “กลัวมากเลย ทำไมเราต้องมาเล่นเกมส์บ้านี่ด้วยก็ไม่รู้”
“นั่นสิ” บื๋อก้มหน้าลง “เอ้อนี่! แล้ว ”
เอ๋ ทำไมไอ้ที่เราเห็นมันแดง ๆ ล่ะ โอ๊ย อะไรแปล๊บ ๆ ที่หน้าผากน่ะ เห
“เรากลัวมากเลย ” บื๋อได้ยินเสียงเพื่อนคนนั้นพูดต่อ “ก็เลยต้องเล่นตามเกมส์ไป!!!”
เอ๋ เธอพูดอะไรน่ะ โอ๊ย!!!!! แปล๊บที่หน้าผาก!!!!! เธอดึงอะไรออกไป? เคียวงั้นเหรอ อะไรกัน มันมาอยู่บนหน้าผากฉันได้ไง แล้วนั่นเธอถืออะไรในมือ พร้า? เอามาทำอะไรน่ะ? โอ๊ย!!!!! เจ็บที่คอ!!!! อะไรกัน!!!! เธอเอาพร้าหั่นคอชั้นเหรอ โอ๊ยโอ๊ยโอ๊ย!!!!!!!! เจ็บ!!!!!!!!!!!! เจ็บเหลือเกิน!!!!!!! ช่วยด้วย!!!!!! ใครก็ได้ช่วยด้วย!!!!!!! อ๊ะ? หายเจ็บแล้ว ไม่เจ็บแล้ว อา สบายจังเลย เอ๊ะ นั่นใครน่ะอยู่ข้างหน้านั่น? เห?..ปรินซ์!!!! เรานึกว่าเธอตายแล้วซะอีก ดูสิ ยิ้มสวยเชียวนะปรินซ์ คราวนี้เราจะไม่จากกันแล้วใช่มั้ย?
นักเรียนเลขที่ 19 พีรยา อุตสาหจิต
ตาย เหลือ 20 คน
เพื่อนคนนั้นของบื๋อหยิบพร้าออกจากคอของบื๋อแล้วเอาใส่เป้ของเธอ เสียงพร้ากระทบกับกรรไกร ธนู และเคียวดังกริ๊ง แล้วเพื่อนคนนั้นของบื๋อก็หยิบปืนพกของบื๋อขึ้นมา
“ได้ปืนแล้ว ” เธอพูด
08.26
“อย่าฆ่ากันเลย!!!! เธอคนนั้นน่ะ!!!! อย่าเล่นปืนผาหน้าไม้เลย!!!! มาช่วยกันหาทางรอดดีกว่า!!!” แน็ทตะโกนผ่านโทรโข่งไปยังจุดดำเนินแผนของปรินซ์ที่เพิ่งจะมีเสียงปืนกลดังออกมา
“ได้ยินมั้ย!!!! อย่าเลย!!!!” แน็ทยังคงตะโกนต่อ
08.26
เมธ หมวย และถิกำลังเดินไต่ขึ้นเนินไปยังที่ที่มีเสียงปืนดังออกมา
“มาช่วยกันหาทางรอดดีกว่า!!! ได้ยินมั้ย!!!! อย่าเลย!!!!” มีเสียงดังมาจากเนินทางขวาของทั้งสามคน
“ใครวะ? บ้าชะมัด” ถิพูด “เดี๋ยวก็ได้ตายหรอก”
“นั่น เสียงแน็ทนี่!” หมวยพูด “แน็ทททท!!!!!”
ถิผวา เขารีบเอามือปิดปากหมวยทันที
“ยัยบ้า อยากตายเรอะ!”
08.27
“แน็ทททท!!!!!”
แน็ทหันไปมองทางต้นเสียง ใครน่ะ? หมวย! เมธ! ถิด้วย!
“หมวยยยย!!!!!!!! บนนี้จ้าาาา!!!!!!!! บนนี้!!!!!!!!”
08.27
“หมวยยยย!!!!!!!! บนนี้จ้าาาา!!!!!!!! บนนี้ !!!!!!!!”
“เห็นไหม แล้วทีนี้ไอ้บ้าปืนนั่นก็จะรู้ว่าเราอยู่ตรงนี้! ยัยเบ๊อะ! สมแล้วที่อาจารย์เอเรียกแกว่ายัยขี้เหร่!” ถิพูดอย่างหัวเสีย
“ก็ เรา ” หมวยพูด
“ไม่ต้องพูดแล้ว หาที่หลบให้ไวเลย!” ถิพูดเสียงแน่น
08.27
“หมวย!!! หมวย!!! ขึ้นมาเลย!!!”
“เธอไม่เจอหมวยหรอก”
แน็ทหันไปข้างหลังพร้อมกับพูดว่า “ทำไมล่ะ?”
เปรี้ยง!!! แรงกระสุนปืนอาร์ก้าโดนเข้าเต็ม ๆ ที่หน้าผากแน็ท
“เพราะว่าเธอจะไม่ได้อยู่รอเขาน่ะสิ” เจ้าพูด แล้วเดินไปหยิบโทรโข่งขึ้นมา
นักเรียนเลขที่ 18 ธิปวรรณ ขำพ่วง
ตาย เหลือ 19 คน
“พวกเอ็งทั้งหลายน่ะ!!!” เขาตะโกนออกโทรโข่ง “จะไปเล่นเป็นพระเอกนางเอกหนังทำไมกัน!!! ไอ้เกมส์เฮงซวยนี่มันไม่มีทางหนีรอดออกจากเกมส์ไปได้หรอก!!! ทำว่าเป็นเพื่อนกัน!!! มิตรภาพล้นจอจนกูจะอ้วกแตกตายอยู่แล้ว!!! มิตรภาพมีจริงซะที่ไหนกันวะ!!! พวกมึงเคยเห็นหัวกูหรือเปล่า!!! ต่อให้พวกมึงรอดไปได้มึงก็ต้องฆ่าคนอื่นจนเหลือคนเดียวอยู่ดี ไม่งั้นพวกมึงก็ตายกันหมด!!! เรื่องจริงมันไม่ได้เหมือนในหนังนะเว้ย!!! อาจารย์เอเขาไม่ได้ใจดีเหมือนคิตะโนะ!!! ไม่ต้องมาหวังว่าเขาจะเอาปืนฉีดน้ำมาขู่แกเล่น!!! ไม่มีหรอก!!!”
ระหว่างที่เขาตะโกน เขาก็เดินเข้าป่าไปด้วย
“พวกมึงคิดดูให้ดี!!! พวกมึงก็อยากเอาตัวรอดทุกคนใช่มั้ย!!! ไอ้พวกที่ฆ่าตัวตายน่ะมันฆ่าตัวตายทำไม!!! ก็เพราะไม่อยากถูกพวกคนที่รู้ถึงแก่นของเกมส์นี้อย่างกูฆ่ายังไงล่ะ!!! สุดท้ายก็แค่กลัวตายเท่านั้นเอง!!! คงคิดว่าฆ่าตัวตายเองแล้วจะไม่ต้องทรมานล่ะสิ!!!”
เจ้าหยิบปืนกลออกมาจากถุงย่าม
ปังปังปังปังปัง!!!
“ตะกี้พวกมึงได้ยินมั้ย!!! นี่แหละอำนาจ!!! อำนาจที่จะทำให้กูกลายเป็นผู้ชนะเกมส์และได้กลับบ้าน!!! แต่ก็ไม่แน่ ถ้ามีใครซาดิสม์กว่ากู ไอ้คนนั้นมันก็อาจจะได้กลับบ้านแทนกู!!! แต่ไอ้คนนั้นแหละคือคนที่ทำถูกต้อง!!! มันเอาตัวเองรอด!!!”
ปัง!!!
ลูกกระสุนปืนเฉียดหัวเจ้าไป เจ้าหันไปมองทางต้นทางของวิถีกระสุน ไอ้โบ้ถือปืนพกอยู่! มันกำลังเล็งมาทางเขา ท่าทางไม่สบายใจเพราะนัดแรกยิงไม่โดนซะแล้ว
ปังปังปังปังปังปังปังปังปัง!!!
เจ้ารัวปืนกลใส่โบ้อย่างไม่ปราณี ร่างของโบ้กระตุกตามจังหวะกระสุน โบ้ล้มลง
นักเรียนเลขที่ 7 รชดี ชื่นภักดี
ตาย เหลือ 18 คน
“ชิ ตะกี้พวกมึงได้ยินมั้ย!!! ไอ้โบ้มันจะฆ่ากู!!! ไอ้โบ้เพื่อนแสนรักของพวกมึงบางคนนั่นแหละ!!! มันจะฆ่ากู!!! พวกมึงเห็นมั้ยว่าคนอย่างไอ้โบ้มันยังคิดเอาตัวรอดโดยไม่สนกูทั้งทั้งที่กูเป็นเพื่อนของมัน พวกมึงคิดว่ายังไงล่ะ!!! นี่แหละสันดานคน!!! มันก็เอาตัวรอดกันทั้งนั้น”
เจ้าเดินเข้าป่าไปเรื่อย ๆ
“ขอให้พวกมึงเล่นเกมส์กันให้สนุก ไม่ที่ไหนสักที่อาจจะเจอกูก็ได้ ถึงตอนนั้นก็มาเล่นเกมส์กัน โชคดีเฟ้ย HWAHAHAHAHAHAHAHAHAHAHA!!!!!!!!”
เจ้าขว้างโทรโข่งทิ้ง แล้วจึงวิ่งไปข้างหน้า
08.30
“โชคดีเฟ้ย HWAHAHAHAHAHAHAHAHAHAHA!!!!!!!!”
“ไอ้เจ้ามันบ้าไปแล้วเหรอวะเนี่ย” เมธพูดตื่น ๆ หลังจากออกมาจากที่เกิดเหตุแล้ว
“ถุกแล้ว มันนั่นแหละที่บ้า แล้วทีนี้ใครใครก็จะระวังตัวมันกันหมด แต่นั่นล่ะดีแล้วสำหรับเรา” ถิพูดพลางวิ่งนำทางต่อไป “แล้วเสียงปืนตะกี้ เราว่าไอ้แน็ทม่องแล้วแน่เลย”
“ไม่นะ ” หมวยคราง
“ยังจะครางบ้าครางบออะไรกันอีก! พวกเธออาจม่องเหมือนไอ้แน็ทกับใครก็ไม่รู้อีกคนนั่นก็ได้ถ้าเราไม่มาพาหนีเนี่ย!” ถิมีน้ำโห
“พอแล้ว!” เมธระเบิด
ทั้งถิและหมวยอึ้งสนิท
“ทำไมพวกเราต้องมาทะเลาะกันเองอย่างนี้ด้วย อย่างนี้ก็ไปเข้าแผนไอ้เจ้ามันน่ะสิ มันจะยุให้พวกเราแตกกัน แล้วก็ฆ่ากัน ไม่ใช่เหรอ ทำไมเราไม่ลองพยายามสู้ดูล่ะ ดูอย่างในหนังสือการ์ตูนสิ ทั้งนานะฮาระ นาคางาวะ แล้วก็คาวาดะ ถึงจะรู้ว่าสู้ไปก็ยากที่จะเอาชนะรัฐบาล แต่พวกเขาก็ยังสู้! เราต้องสู้สิ! แล้วค่อยตายทีหลัง! แต่ไม่ใช่บนเกาะร้างนี่ ต้องเป็นบนเตียงอุ่น ๆ พร้อมทั้งลูกหลานญาติสนิทมิตรสหายรายรอบข้าง ตายอย่างมีความสุข! ไม่ใช่ในเกมส์นรกบ้าบอคอแตกนี่!”
ถิอึ้งไปอีกพักหนึ่ง แล้วก็ยิ้ม
“นายนี่มันเหมือนพระเอกหนังจริง ๆ น้า” เขาชกมือตัวเอง “เอาก็เอากะแกสิ! เอ้า ตอนนี้ต้องหาที่พักก่อน แล้วพอเที่ยงแล้วค่อยฟังประกาศอีกที เอ้า ไป!!!”
08.31
“แต่พวกเขาก็ยังสู้! เราต้องสู้สิ! แล้วค่อยตายทีหลัง!”
อาจารย์เอนั่งฟังลูกศิษย์ของตนเองพูดอย่างสบายอารมณ์ เขานั่งกินขนมปัง น้ำอัดลม
และของกินเล่นอีกหลายอย่างอยู่บนเก้าอี้นวมแสนสบาย
“ทำยังไงกับมันดีครับอาจารย์!” พลทหารศรรามพูดเมื่อได้ยินเสียงเมธ “มันกระด้างกระเดื่องนะครับ”
“มันฉลาดตะหากล่ะ” อาจารย์เอกัดขนมปัง “อันคิดอะออกไอ๊เอื้อนอ่ะอิ เอื๊อก แล้วค่อยหักหลังอีกสองคนนั่นทีหลัง เป็นลูกศิษย์ที่ฉลาดจริง ๆ ถิรวุฒิก็ด้วย เทอมหน้าน่าให้เกรด 4 นะ ”
09.52
“อ๊อยย เรา เหนื่อยแล้วล่ะ ” หมวยครางหลังจากเดินมาได้ชั่วโมงกว่า ๆ แถมยังถูกเจ้าไล่ฆ่าเป็นระยะทางกว่าสามร้อยเมตร โชคดีที่เจ้าเป็นคนวิ่งไม่แข็ง ทั้งสามคนจึงหนีรอดมาได้ แต่ก็เหนื่อยไปตาม ๆ กัน
“เรา ก็ เหนื่อยแล้ว แฮ่ก ล่ะ” เมธหยุดวิ่ง
“ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่เหนื่อยหรอกนะ” ถิพูด “แต่ถ้าจะพักตรงนี้ก็พักได้แป๊บเดียวแหละ เพราะพอสิบเอ็ดโมงตรงนี้ก็จะต้องห้าม อะไรจะซวยปานนั้นว้า มีเวลาอีกชั่วโมงกว่า ๆ เอ้า พักหน่อยก็ดี แต่อย่าพักเพลินล่ะ เดี๋ยวได้ตายโหงกันหมด”
ถิเดินไปยังเชิงเนิน ที่นั่นที่โพรงอยู่ “ไปนั่งพักในนี้แล้วกัน หลับไปเลยก็ได้ เดี๋ยวพออีกครึ่งชั่วโมงเราค่อยมาปลุก”
10.18
เกียรติวิ่งอย่างเร็วปรื๋อ ทักษะกีฬาของเขามีส่วนช่วยได้มากในสถานการณ์งี่เง่าบ้าบอคอแตกแบบนี้ เขาก็เหมือนคนอื่น ๆ ที่คิดว่าทำไมจะต้องมาเล่นเกมส์นรกเฮงซวยแบบนี้ด้วย แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในเกมส์แล้ว เขาก็ต้องมีชีวิตรอด
เกียรติยกเครื่องมือเซนเซอร์ขึ้นมาดู อาวุธของดีที่เขาได้มาจากเป้ ถึงแม้จะทำอะไรใครไม่ได้ แต่ก็กันไม่ให้ใครมาทำอะไรเขาได้แล้วกัน หวังว่าเขาคงไม่ต้องตายมาตายเหมือนสึกิมูระนะ ไม่เอาด้วยหรอก
เขตต้องห้ามตอนนี้คือ C6 คนละโลกเลย ไม่ต้องห่วงเหวอะไรแล้ว แถมเจ้าเซนเซอร์ของดีนี่ก็ยังบอกด้วยว่าเขาอยู่ที่ไหน ไม่แค่นั้นยังลง Update เขตต้องห้ามได้ด้วย สารพัดนึกจริง ๆ
อ่าฮ้า เจอคนแล้ว! สองคน! ข้างหน้าอีกสองร้อยเมตร ใครฟะ ?
เกียรติแหวกพุ่มไม้ออกพอมองเห็น แต่เขายังไม่ทันจะเห็นคนเลย
ปังปังปัง!!!!! ปังปัง!!! ปังปังปังปังปังปัง!!! ปังปังปังปัง!!! ปังปังปังปังปังปังปังปัง!!!!!!!!!!!!!!!!
เฮ้ย! อะไรวะ! เสียงปืนเรอะ! ใครมายิงกันแถวนี้วะเนี่ย!
เกียรติพยายามทำตัวให้ไม่เป็นที่สังเกตุที่สุด แล้วจึงมองเห็น
แก้วสรรกับจิราพรกำลัง ดวลปืนกันอยู่
10.15
แก้วสรรถือปืนพกในมือ เธอไม่ยอมแล้ว เธอจะไม่หลบ ๆ ซ่อน ๆ ให้ตายเปล่าอย่างนี้อีกแล้ว เธอจะสู้! จะสู้ให้มันจบ ๆ ไปซะที เธอจะได้กลับบ้าน! ไม่อยู่แล้ว เกาะบ้าเกาะบออะไรพรรค์นี้
เมื่อเช้าเธอได้ยินเสียงเจ้าตะโกนผ่านโทรโข่ง ไอ้เจ้าบ้าไปแล้ว มันจะไล่ฆ่าทุกคนที่เจอแน่ ๆ ยิ่งต้องป้องกันตัวเองเข้าไปใหญ่ เจอใครต้องยิงทิ้ง เจอใครต้องยิงทิ้ง เจอใครต้องยิงทิ้ง เจอใครต้องยิงทิ้ง ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน
ปังปังปัง!!!!!
แก้วสรรบังเอิญสะดุดล้มพอดี ลูกกระสุนจึงพลาดไม่โดนเธอ เธอลุกขึ้นมาแล้วยิงปืนไปทางต้นทาง
ปังปัง!!!
ปอ ทำไมปอมาอยู่ที่นี่ แล้วทำไมจะฆ่าฉันด้วยล่ะ ?
“ตายตายตายตายตายตาย!!!!!!!!!!!!!” ปอตะโกนพร้อมยิงปืนหลังจากหลบกระสุนแก้วสรรได้แล้ว ปังปังปังปังปังปัง!!!
“เราไม่ยอมตายหรอกกกก!!!!!!!!!!” แก้วสรรร้องบ้างทั้งยังยิงปืนใส่ปออย่างไม่คิดว่าเคยเป็นเพื่อนกัน ปังปังปังปัง!!!
“ตายตายตายตายตายตายตายตาย!!!!!!!!!!!!!” ปอบ้าไปแล้ว เธอยิงปืนอย่างไม่สนอะไร ไม่แม้แต่จะเล็งด้วยซ้ำ ปังปังปังปังปังปังปังปัง!!!!!!!!!!!!!!!!
10.20
เกียรติมองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความหวั่นหวาด
อะไรกันวะ มันเป็นกันถึงขนาดนี้เชียวเหรอคนเรา บ้า บ้าเกินไปแล้ว สองคนนี้มันบ้าเกินไป ไม่ได้ เราจะยอมให้เรื่องนี้เกิดต่อไปไม่ได้
แต่เราก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ทำยังไงดี
10.21
“ตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะ!!!!!!!!!!” แก้วสรรเริ่มบ้าไปกับปอแล้ว เธอยิ่งมั่วไปหมด
ปังปังปัง!!! แก๊ก แก๊ก แก๊ก
แก้วสรรสะดุ้ง กระสุนหมดแล้วหรือนี่! กระสุนสำรองอยู่ไหนนะ!? เป้ ใช่ เป้ หยิบออกมา เร็วเข้า กระสุน กระสุน เจอแล้ว!! ใส่เลย ใส่เลย
ปัง! ความเจ็บแปล๊บแล่นผ่านจากหน้าอกขึ้นไปตามเส้นประสาทเข้าถึงสมองของแก้วสรรในพริบตา โอ๊ย!!!!!!!!! เจ็บ!!!! เจ็บอะไรอย่างนี้!!!!! ไม่!!!! ฉันไม่ยอมตาย!!!!! ไม่ตาย!!!!!!!
ปัง!!! แก้วสรรยิงปืนออกไปด้วยแรงฮึดครั้งสุดท้าย เข้าหน้าผากปอ เต็มเต็ม
นักเรียนเลขที่ 14 จิราพร ยิ้มวิลัย
เลขที่ 28 แก้วสรร บุศยพงศ์ชัย
ตาย เหลือ 16 คน
10.23
“หวาาาาา!!!!!!!!” เกียรติผวาเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองคนตายไปซึ่ง ๆ หน้า “แก้ว!! ปอ!!”
ตายห่า ตายกันแล้ว
แกรบ
ใครน่ะ! เกียรติหันไปมองทางต้นเสียง ไม่มีคน คิดไปเองมั้ง แต่เขาก็อดไม่สบายใจไม่ได้ ยิ่งเพิ่งจะมีคนตายตรงหน้าอย่างนี้ เขาหยิบเซนเซอร์ขึ้นมา
มีคนอยู่ใกล้ ๆ เขา สี่ ห้าคน ตั้งห้าคน!!! ตายแน่
แกรบ แกรบ แกรบ
“ใครน่ะ!!!???” เกียรติหันไปข้างหลังทางต้นเสียง แต่เขาก็ต้องชะงัก “ ธ เธอ ”
10.00
“ไปกันหรือยัง” โสพูดขึ้นหลังจากเธอกับเพื่อน ๆ นั่งอยู่ในถ้ำดินนี้มานานแล้ว
“ไม่ ไม่ไป” ดาคราง “ไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันอยากตาย ไม่อยากสู้แล้ว ”
“พูดงี้ได้ไงอ่ะดา!” ส้มร้อง “ดาจะตายไม่ได้นะ!”
“แล้วจะให้เราทำยังไงล่ะ!?” ดาร้องขึ้น “ ก็ถ้าออกไปข้างนอก มีแต่ถูกเพื่อนฆ่า ไม่งั้นก็ต้องฆ่าเพื่อน เราไม่อยากเลือกซักทางนี่นา”
“ก็นั่นแหละ” ปิ๋วพูด “ไม่มีใครอยากทำแบบนั้นหรอก ”
“ทำไมจะไม่มีล่ะ!” ดาร้องน้ำตาไหล “ดูอย่างไอ้เจ้าสิ! เมื่อเช้าน่ะ! มันทำอะไรกับบุ๊ก! มันยิงหน้าตาเฉยเลยนะ! ยังจะบอกอีกเหรอว่าไม่มีคนทำแบบนั้นน่ะ!”
“แต่ถ้าเรานั่งแหงกอยู่อย่างนี้เราก็ตายแน่นะ!!” พลอยร้อง
“ก็นั่นแหละ เราอยากตายอยู่ตรงนี้น่ะแหละ!!” ดาตะโกน
“ใจเย็น ๆ ใจเย็น ๆ เพื่อน ๆ” ปิ๋วพูด “ก็จริงอยู่ที่มีคนบ้าไปกับเกมส์อย่างไอ้เจ้าอยู่ ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกที่ห้องเรา 44 คนจะมีสักคนที่บ้าไปกับเกมส์ เผลอ ๆ จะมีคนอื่นนอกจากไอ้เจ้าอีกด้วยซ้ำไปมั้ง แต่ก็นั่นแหละ มันต้องมีคนที่ไม่บ้าไปกับเกมส์นี้อยู่ด้วยสิ มันต้องมีบ้าง แต่มันต้องมีคนเริ่มต้น ถ้ามีคนเริ่มแล้วละก็ต้องมีคนตามมาสมทบเองล่ะน่า ทำไมเราไม่เริ่มซะล่ะ”
“มีแล้วล่ะคนเริ่มน่ะ” เนตรเดินเข้ามาพอดี
“เหรอ? ใครล่ะ” พลอยถาม
“รู้สึกจะพวกแน็ท เขาเอาโทรโข่งมาตะโกนปาว ๆ เหมือนในหนัง แล้วก็ ” เนตรหยุดพูด
“แล้วก็อะไร?” ปิ๋วซัก
“ตายเหมือนในหนังด้วย เป็นเสียงปืนกลน่ะ” เนตรวางเห็ดที่ไปหามาลงบนสมุดที่เอามารองเป็นจาน
“ปืนกล? ไอ้เจ้าเหรอ?” พลอยผวา
“อะไร? ทำไมปืนกลต้องไอ้เจ้าล่ะ?” เนตรงง
“เนตรเพิ่งมาเจอกับพวกเราตอนสายนี่เองสินะเลยไม่รู้อะไร” ส้มพูด “แต่พวกเรายังไม่ได้บอกอีกเหรอ เมื่อเช้าน่ะนะ ไอ้เจ้ามัน เอ่อ ”
“ไอ้เจ้ามันทำไม” เนตรซักบ้าง
“มันเอาปืนกลรัวบุ๊ก ตาย ” ส้มพูดเบา ๆ
“เฮ้ยยย!!! จริงอ่ะ!!!” เนตรร้อง
“จริง” อีกสี่คนพูดพร้อมกัน รวมทั้งดานี่นั่งนิ่งมาตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้วด้วย
ทุกคนนิ่งเงียบระหว่างที่เนตรกำลังย่างเห็ดให้เพื่อน ๆ กินด้วยท่าทางไม่สบายใจ ไอ้เจ้าเนี่ยนะ เพื่อนของเธอคนนี้เนี่ยนะ เด็กเก่าพญาไทด้วยกัน มันเนี่ยนะจะฆ่าเพื่อนได้ลงคอ
10.05
“อ๊ายยยย อร่อยจังเลยเนตร!” ปิ๋วร้องหลังจากกินเห็ดหมดแล้ว
“เหรอ ” เนตรยิ้มนิด ๆ “อร่อยก็ดีแล้ว ”
“ไปกันรึยัง!” โสร้องขึ้น “กินกันเสร็จแล้วก็มีแรงแล้วใช่มะ!”
“ก็ได้” ดาพูดเบา ๆ “ท่าทางจะอยากไปเหลือเกินนี่นะ ว่าแต่ ตอนสิบเอ็ดโมงตรงไหนจะกลายเป็นเขตต้องห้ามเหรอ?”
“ไม่รู้สิ” ปิ๋วพูด “อ้าว ไม่มีใครจำไว้เลยเหรอ?”
“อ้าว?” โสพูด “ก็แบ่งเวรจำแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ใครจำตอนสิบเอ็ดโมงล่ะ?” ดาร้อง
“บ บุ๊ก ” พลอยนึกขึ้นได้ “บุ๊กเป็นคนจำ ”
“ตายห่า!” ปิ๋วอุทาน “แล้วจะทำยังไงล่ะเนี่ย!”
“อยู่ตรงนี้ต่อไปดีมั้ย?” ดาพูด
“ไม่ ไม่ดีแน่ ๆ ยังไงยังไงก็ไม่ดีแน่” ปิ๋วพูด “เอาแผนที่มาดูสิ นี่ไง พอตกบ่ายแดดจะเข้าข้างหน้านี่เต็ม ๆ เลย คนอย่างพวกเราถูกแดดนานไม่ได้ นั่นหนึ่ง สอง เราอยู่ตรงนี้นานแล้ว ไอ้คนบ้าปืน หรือบ้ามีด บ้าเคียวอะไรก็ตามแต่เหอะมันต้องหาเราเจอจนได้ถ้าอยู่ในนี้ ก็ใช่หรอกที่ทำเลตรงนี้เหมาะที่จะพักมาก แต่เพราะมันเหมาะจะพักมากเนี่ยแหละ ไอ้คนบ้าปืนมันต้องรู้แน่ว่าเราอยู่ในนี้ ไปที่อื่นเถอะ สมทบกับพวกที่ไม่บ้าไปกับเกมส์ แล้วค่อยหาทางรอดกัน”
“ไปก็ไป” ดาลุกขึ้นยืน เป๊ก! “โอ๊ย!” หัวของดาเขกเพดานดินอย่างจัง
ครึกครึกครึกครึกครึก
“อะไรน่ะ?” พลอยร้อง
“ดินถล่ม!?” ปิ๋วร้อง
ครึกครึกครึกครึกครึก
“เฮ้ย!! เผ่นสิ!!” เนตรออกวิ่ง
“หวาหวาหวาหวาหวา!!!!!!!” โสวิ่งบ้าง
ครึกครึกครึกครึกครึก
“เร็วเข้าดา!!!” ปิ๋วตะโกน “ทำไมไม่ออกมาล่ะ!!! อยากตายรึไง!!!”
ดายืนนิ่งอยู่ในถ้ำที่กำลังถล่มลงมาอย่างไม่ขาดระยะ “ ใช่แล้วล่ะ บ๊ายบายนะ ”
ครืนครืนครืนครืนครืน
ถ้ำยังถล่มต่อไป “ดาาาาาา!!!!!!!!!” ปิ๋วตะโกน
“ต้องรอดให้ได้น้าาา!!!!!” เสียงดาดังออกมาจากถ้ำที่ปิดสนิทแล้ว
“ไม่นะดา!! ทำไมทำงี้!! บ้า!! บ้าบ้าบ้าบ้า!!!! ตอบสิดา!! ตอบเราสิ!!” ปิ๋วตะโกน เธอร้องไห้
ไม่มีเสียงดาตอบออกมา
“ไม่ ไม่จริงใช่มั้ย? ” เนตรคราง “ไอ้ดาติดแหงกอยู่ในดินนั่น ไม่ ไม่จริง ล้อเราเล่นใช่มั้ยดา ดา!!! เธอล้อเราเล่นใช่มั้ย!!! เรารู้นะว่าดาไม่เป็นอะไรหรอก!!! ไม่เอานะดา!!! ไม่ตลกเลยนะ!!!”
ก็ยังคงไม่มีเสียงตอบ
“บ้าบ้าบ้าบ้าบ้า!!! บ้าที่สุด!!!” พลอยร้อง
นักเรียนเลขที่ 41 สุดาลัด จึงแย้มปิ่น
ตาย เหลือ 15 คน
“ไม่ได้การแล้วละ ” เนตรพูด “ดินถล่มโครมครามอย่างนี้ต้องมีคนมาแน่ ๆ หลบเข้าป่าเร็วเข้า!!”
ทั้งห้าคนวิ่งเต็มที่เข้าป่า
“ดาตายแล้ว บุ๊กตายแล้ว จะมีคนตายมากไปกว่านี้อีกมั้ยเนี่ย ” โสพูด
“เดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยว” ปิ๋วร้อง เธอหยุดวิ่ง “หยุดก่อน”
“ทำไมปิ๋ว” ส้มพูด
“มีคน เราได้ยินเสียงคนร้อง” ปิ๋วบอก
ปิ๋วเดินเข้าไปใกล้ ๆ พุ่มไม้นั่น มีคนนั่งอยู่ตรงนั้นคนหนึ่ง
แกรบ แกรบ แกรบ เธอเหยียบใบไม้แห้งเข้า ตายแล้ว!
“ใครน่ะ!!!???” คนคนนั้นหันมาทันที เกียรตินี่เอง! “ ธ เธอ ” เขาพูด
09.30
นี่ เราฆ่าเพื่อนไปกี่คนแล้วเนี่ย ตั้งแต่วันแรก คืนแรก ตติยา แล้วก็ไอ้เกตน์ มัท ณัฐ รติ พอเช้ามาก็เผลอยิงไอ้บุ๊ก พอสายก็ยิงไอ้ปรินซ์ ไอ้แน็ท ไอ้โบ้ หนึ่งสองสามสี่ห้าหกเจ็ดแปดเก้า เก้าคนแล้ว เราฆ่าเพื่อนไปเก้าคนแล้ว ไม่ ไม่อยากเลย ไม่เลยสักนิด แต่ว่า ถ้าเราไม่ทำ เราก็ต้องตาย ห้องเรามันไม่เหมือนในหนัง คนที่เก่งคอมที่สุดอย่างไอ้โบ้เราก็ยิงมันไปแล้ว ยิ่งไม่มีทางรอดเข้าไปใหญ่ เรากลัว กลัวมาก เราจะทำยังไงดี ไม่นะ
เจ้าเช็ดน้ำตา แล้วลุกขึ้นยืน
ช่างหัวมันสิ เราก็ต้องเอาตัวเองรอดไว้ก่อนนั่นแหละ ก็เหมือนกับการสอบเข้า มันก็ต้องเหยียบย่ำคนอื่นเพื่อขึ้นไปให้ถึงจุดสูงสุด แล้วก็ต้องสู้ สู้เพื่อให้ตัวเองรอด
เจ้าหยิบปืนอาร์ก้ามาไว้ในมือ แล้วเริ่มออกเดินผ่านป่าไป
10.15
โอย เหนื่อยจังเลย นี่เราเดินอยู่ในป่ามานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย สี่สิบห้านาทีแล้วเรอะ ไม่เคยเดินป่านานขนาดนี้เลย ไม่สิ จะว่าไปเราไม่เคยเดินป่ามาก่อนเลยด้วยซ้ำ
โอ้!! ถึงชายป่าแล้ว! ข้างหน้านี่มัน ทุ่งหญ้า มีหินด้วย นี่มันทุ่งเดียวกับที่ใกล้ ๆ กับที่เรายิงไอ้โบ้ ปรินซ์ แล้วก็แน็ทไม่ใช่เรอะ เราวนมาออกที่เดิมเหรอเนี่ย!!
ปัดโธ่เว้ย!!!!!!!
เจ้ารัวอาร์ก้าไปที่พื้นตรงหน้าอย่างไม่มีความหมาย
ทำไมกูต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย!!!!!!!!!
ปังปังปังปังปังปังปังปังปัง!!!!!!!!!!!!!
ครึกครึกครึกครึกครึก
ดินตรงที่ที่เขายิงไปนั้นผลุบลงไป แล้วยังพาให้ดินแถวนั้นทรุดตัวลงไปด้วย เหมือนกับว่าข้างใต้ที่ที่เขายิงนั้นเป็นโพรงอยู่ก่อนแล้วอย่างนั้นแหละ
อ้าว ตายโหง ไปทำของเขาพังสิเนี่ย
เจ้าหันหลังวิ่งกลับเข้าป่าอีกครั้ง
กูไม่รู้ด้วยนะ
10.42
อึกอึกอึกอึก ฮ้าาา!!! ได้ดื่มน้ำนี่มันสบายใจสบายคอจริงจริ๊ง! น่าเสียดาย ไอ้บื๋อมันกินน้ำเยอะไปหน่อย เหลือมาถึงท้องเราไม่ค่อยมากเท่าไหร่เลยแฮะ อึ๊บ หงับหงับ เอื๊อก ขนมปังใกล้หมดแล้วสินะ แต่ว่าบื๋อนี่ดีจริง ๆ น้า มีปืนให้เราซะด้วย ของดีทีเดียวเชียว ลูกกระสุนยังเต็ม ๆ สบายเราไปเลยล่ะ
วันที่สองแล้วเหรอว้าาา นี่เราเก็บเพื่อนไปกี่คนแล้วเนี่ย คืนวาน ไอ้ไผ่หนึ่ง ไอ้ตาวสอง พอสักตีห้ากว่า ๆ ก็ได้ไอ้วิไปอีกคน สาม ตอนสายได้ไอ้บื๋อมาอีก สี่ ฮู้! น้อยจัง นึกว่าเล่นไปเป็นสิบคนแล้วซะอีก
อ้าว หวัดดีเบรฟ นายได้อะไร หา โอ้โห ของดีนี่ อะไรนะ ทำหายไปแล้วเหรอ อุวะ มามา มาคุยกันหน่อย นี่แน่ะ!!! ปังปังปัง!!! ฮ่าฮ่าฮ่า!!! กระจอกดีชะมัดเลย ไหนดูซิมีน้ำมีอาหารให้หน่อยหรือเปล่า โอ้โห! น้ำเต็มขวดเลย! มันไปเจอน้ำที่ไหนมาเนี่ยถึงเติมเต็มอย่างนี้ ขนมปังล่ะ หา! มีไส้กรอกด้วย! ใช่สิ ลืมไป มันชอบเอาของกินมาโรงเรียนเป็นประจำนี่หว่า มาเข้าค่ายแบบนี้ไม่เอาของกินมามหาศาลหน่อยก็แปลกเบรฟละ
โอ๊ย! อะไรกัน! เฮ้ย ไอ้เบรฟ! เรายิงแกไปแล้วนี่นา! อ๊า! ฟาดเต็มหัวเราเลยเรอะ! หนอยหนอยหนอย!! ต้องเจอคืนไปบ้าง! สงสัยเมื่อกี้ยิงไม่โดน นี่แน่ะ!! ปังปังปังปังปัง!!! ฮ่าฮ่าฮ่า!! เข้าพุงไปเลย ไม่ตายให้รู้ไป น่ารำคาญ หา! ยังไม่ตายอีกเหรอ! มันไปเอาแรงฮึดมาจากไหนเนี่ย! โอ๊ย!!! กิ่งไม้เรอะกิ่งไม้ กิ่งไม้เจอกิ่งไม้ฟาดกลับบ้างเป็นไงล่ะ! ผัวะผัวะผัวะ!!! เฮ้อ! เฮ้ย!!! อะไรกัน!!! ไอ้บ้านี่มันไม่ยอมแม้แต่จะสลบเรยรึไงเนี่ย!! พร้าเรา พร้าเรา พร้าเราอยู่ไหน โอ๊ย!!! ฟาดเรอะ ฟาดเรอะ อ้า! เจอแล้วพร้า นี่แน่ะ!! เฉาะ! เป็นไงละไอ้บ้า! เจอกลางกบาลเลย สะใจมั้ยล่ะ!
ฟู่! ว้า! เลอะไปหมดเลย! ก็ไอ้เบรฟมันเอาไม้มาฟาดเอา ๆ นี่นะ ดูซิมันมีอะไรดีนักทำไมยิงไม่เข้า เสื้อเกราะหรือเปล่า? ไหนไหนไหน โอ้โฮ้!!! เสื้อเกราะจริง ๆ ด้วย!!!
ขอนะ ^^
นักเรียนเลขที่ 3 นนทภัทร พูลศิริ
ตาย เหลือ 14 คน
10.55
“เฮ้ยยย!!! ตื่นๆๆๆๆๆๆ ตื่นเว้ยยย!!!!!!” ถิปลุกเมธอย่างนุ่มนวล
เมธสะดุ้งตื่นทันที “กี่โมงแล้ววะ!!” เขาร้องถาม
“จะสิบเอ็ดโมงแล้วเว้ยย!!! เลทมาฉิบหายตายโหงแล้ว!!! บ้าเอ๊ย กูก็เผลอหลับไปเหมือนกัน ซวยชิบ ไปปลุกหมวยด้วย ต้องรีบเดิน ไม่สิ วิ่งแล้วละ!”
“หมวยหมวยหมวย ตื่นๆๆๆ” เมธปลุกหมวยอย่างนุ่มนวล
“แม่ขาาา ขออีกห้านาทีได้มั้ยคะ ”
“ไม่ใช่เวลามาละเมอนะหมวย!! เดี๋ยวก็ได้คอระเบิดตายหรอกก!!!” ถิตะโกน
“อ๊ะ!!?? หา??” หมวยสะดุ้งตื่นจนได้ “เกิดอะไรขึ้นเหรอ!!??”
“เราเลยเวลาที่กำหนดมาแล้วน่ะสิ” เมธตอบ “ไปเร็วเข้า เดี๋ยวจะไม่ทันการ เขตนี้จะต้องห้ามแล้ว!”
“อย่าพูดมากเลย รีบไปกันเถอะ” ถิบอก
ทั้งสามคนรีบวิ่งออกจากพื้นที่นี้อย่างเร็วสุดชีวิต อีกสี่หรือห้าร้อยเมตร!! จะทันมั้ย!!
ความเร็วเฉลี่ยในการเดินของมนุษย์คือ 4km/h
หรือ 4000m/h
หรือ 66.67m/min
ภายใน 5 นาที ถ้าเดินจะได้ระยะทางประมาณ 333.33 m
แต่ถ้าวิ่ง ก็ต้องขึ้นอยู่กับแรงฮึดของคนวิ่ง
10.57
ไม้หน้าสามไม้หน้าสามไม้หน้าสามไม้หน้าสาม!!!!!!!! ช่างเป็นของที่งี่เง่าอะไรเช่นนี้!!! ก็ยังดี! เอาไปฟาดกบาลคนอื่นได้!! ตั้งแต่เช้านี่ยังไม่เจอใครเลย!! ไอ้จ๋อมก็ม่องเท่งไปซะแล้ว!! ต้องเล่นคนอื่นซะแล้วละ!!
โอ๊ะโห!!! โน่นมัน! ไอ้ หมวย! ไอ้ถิ! ไอ้เมธด้วย! วิ่งไปไหนของมันฟะนั่น!! ย้ากกกก!!!!! นี่แน่ะนี่แน่ะนี่แน่ะนี่แน่ะ!!!!! พลั่กพลั่กพลั่ก!!! ไปไหนไม่ยอมบอกกล่าว สมน้ำหน้าไอ้ถิ เลือดอาบหัวมันเลย!! นี่แน่ะนี่แน่ะนี่แน่ะ!!! พลั่กพลั่กพลั่ก!!! หนอยหนอยหนอย!!!
พูดอะไรของมัน “หนีไป” งั้นเรอะ หนีให้โง่เซ่ อ้าวอ้าวอ้าว ไอ้เมธ ไอ้หมวย แกจะไปไหน
10.59
อะไรของมัน?? หนีเรอะหนีเรอะ!!! ไม้ได้หรอก!!! หนีไม้หน้าสามแม่ไม่พ้นเป็นแน่ ย้ากกกกก!!!!!!!!!! ผัวะ!!!!!!!!!! ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้เมธ สมน้ำหน้า อ้าว ไอ้ถิ ทำไมแกหนีไปทางนั้นละวะ เฮ้ยเฮ้ยเฮ้ย ทำไมแกสามคนมองเราอย่างนั้นล่ะ ทำไม? ทำไม?? ทำไม???
11.00
ตูมมมม ซ่าาาา .
“กูบอกมันแล้วให้หนีไป อูย ” ถิคราง “น่าสงสารไอ้โบมันว่ะ กูกะให้มาเป็นเพื่อนด้วยแท้ ๆ”
นักเรียนเลขที่ 31 นันตพร พุฒตาล
ตาย เหลือ 13 คน
11.01
“เขตต้องห้ามเปลี่ยนแล้วใช่มั้ยปลั๊ก?” ป้าถาม
“อือฮึ” ปลั๊กตอบ “แต่ก็ถือว่าช่วงเช้านี้เราปลอดภัยใช้ได้แล้วเหมือนกันละนะ”
“ปลั๊กนี่ดีจังนะ ทำที่ซ่อนสูงเป็นด้วย”
“ก็ใช่น่ะสิ พอเที่ยงมีประกาศ ถ้าตรงนี้ยังไม่เป็นเขตต้องห้ามละก็อยู่ให้ถึงเย็นเลยนะ”
11.01
“เปลี่ยนเขตต้องห้ามแล้ว รอดไป” เกียรติพูดขณะที่กำลังเหลาไม้ให้พอเป็นอาวุธได้ด้วยมีดทำอาหารของโส “พอเที่ยงก็ต้องฟังประกาศใหม่ แล้วก็เดินไปเรื่อย ๆ อีก มันจะไม่มีที่ที่ปลอดภัยเลยเรอะ?”
“มันก็น่าจะมีอ่ะนะ” ปิ๋วพูด “แต่เราไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหนนี่สิ”
“ตอนนี้พวกเรา ห้า หกคน ก็เป็นกลุ่มที่ใหญ่เหมือนกันนะ” พลอยพูดขึ้น
“ก็นั่นแหละ” ส้มพูดหลังจากดื่มน้ำเสร็จ “ใหญ่ไว้ก่อนก็คงจะดีมั้ง”
“กลุ่มใหญ่มีทั้งดีและไม่ดี” เนตรบอก “มันดีตรงที่ช่วยกันได้ก็จริง แต่ถ้ามีคนมาเจอละก็ ปืนกลอันเดียวกราดไม่เหลือเลยนะ”
“แต่ก็ดีก็กลบข้อเสียมิดเลยละกัน” โสพูด
11.29
“ฮ้าาาา!!!!!! พักตรงนี้ก็ดีเหมือนกัน” เมธพูดพลางหย่อนก้นลงนั่ง
“ดีบ้านพ่อบ้านแม่มึงน่ะสิ” ถิพูด “ริมแม่น้ำอย่างนี้เป้าดี ๆ ชัด ๆ” จ๊อกกกกก
เมธกับหมวยมองหน้าถิ “ถิหิวแล้วเหรอ?” เมธถาม
“ก็ ตั้งแต่เมื่อเย็นวานเรายังไม่ได้กินอะไรเลยนี่นา” ถิอธิบาย
จ๊อกกกกกก
หมวยหน้าแดง “แหะ เราหิวแล้วล่ะ ”
“เราไม่มีของกินเลยตอนนี้” ถิพูด “ไป เอ่อ หาของกินก่อนก็ดีเหมือนกัน”
“ถิ!” เมธร้อง “นายคงไม่ฆ่าเพื่อนเอาขนมปังมาหรอกใช่มั้ย?”
“ต่อให้เราทำจริงก็คงไม่มีใครมีขนมปังเหลือแล้วล่ะ” ถิตอบ “เราต้องหาเอาบนเกาะนี้แล้ว”
“หาเอา บนเกาะนี้เนี่ยนะ” เมธกับหมวยร้อง
“กิ้งก่า แมว แย้ กินได้ทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวไปหามาให้ อย่าเพิ่งจุดกองไฟจนกว่าเราจะสั่งเด็ดขาด เข้าใจมั้ย!!!!!!!!!!!”
“ข เข้าใจค้าบบ” เมธคราง
11.52
ปังปังปัง!!! ปิงยิงเข้าพุ่มไม่ที่เพิ่งจะไหวไหวอยู่เมื่อครู่นี้ อะไรกันวะนั่น เธอแหวกพุ่มไม้ดู โอ้โห กระต่ายตัวเบ้อเริ่มเลย มื้อกลางวันละทีนี้ แผลบ
11.58
“โอ้โฮ้ เก่งจริง ๆ ลูกศิษย์เรา!!!” อาจารย์เออุทานลั่นห้องเมื่อเห็นกระดาษรายงานผู้เสียชีวิตในช่วง 06.00-12.00 น. ของวันนี้ที่มีจำนวนมากถึงสิบสองคน “ถ้าหากมีคนรอดไปได้ละก็ รอดต้องให้เกรดสี่ทุกวิชาซะหน่อยแล้วสิ”
“ยินดีด้วยครับอาจารย์” พลทหารศรรามตอบ “อาจารย์คงได้พบกับผู้ที่เข้มแข็งที่สุดสมใจแน่ครับ!”
“ใครบอกล่ะ” อาจารย์เอพูด “ฉันไม่ได้จะหาผู้ที่แกร่งที่สุดมาสรรเสริญเยินยออะไรหรอก”
“อ้าว แล้วจะเอามาทำอะไรล่ะครับ” ศรรามงง
“พอถึงเวลาแล้วฉันจะบอกเอง ตอนนี้ไปนั่งที่ก่อนไป๊” อาจารย์เอพูดใส่หน้าศรราม แล้วเดินไปหยิบไมค์
12.00
“เที่ยงแล้วววว!! นักเรียน!!!! เป็นยังไงบ้าง สนุกกันมั้ย!!! ครูดีใจจริง ๆ ที่พวกเธอขยันกันขนาดนี้ ช่วงเช้านี่มีคนออกจากเกมส์ไปถึง 12 คน!!! เป็นตัวเลขที่ดีมาก พวกเธออาจได้กลับบ้านเร็วกว่ากำหนดก็ได้ถ้าพวกเธอยังคงขยันต่อไปอย่างนี้!!! ต่อไปเป็นรายชื่อผู้ที่ออกจากเกมส์ไป!! เลขที่ 3 นนทภัทร พูลศิริ เลขที่เจ็ด รชดี ”
12.01
“ไม่อยากฟังชื่อคนที่ตายเลย” หมวยพูด
“ไม่มีใครอยากฟังหรอก” เมธบอก “เราคิดอย่างนั้นนะ”
“อือฮึ ” หมวยพยักหน้า
“ว่าแต่ไอ้ถิมันไปหาของกินถึงยะลารึไงเนี่ย ทำไมนานจัง
12.01
“เที่ยงแล้วเรอะ” ถิพูดพลางปาดเหงื่อ
12.01
“เราไม่อยากฟังเลยอ่ะ” ส้มพูด
“แต่ก็ต้องฟังเขตต้องห้ามไว้ให้ดีนะ เดี๋ยวจะซวยแบบเมื่อเช้าอีก” โสบอก
“ตลก กี่คนแล้วเนี่ย ห้า หก เจ็ด แปด ทำไมเยอะขนาดนี้ล่ะ!!!???” ปิ๋วร้อง
“คนบางคนถูกถอดหน้ากากแล้วน่ะสิ” เกียรติพูด
12.01
“ช่วยกันฟังเขตต้องห้ามนะป้า” ปลั๊กบอก
12.01
“ประกาศแล้วเรอะ” เจ้าพูดขึ้น “ชิ! นาฬิกามันเร็วกว่านาฬิกากู 2 นาที ต้องตั้งใหม่ซะละ”
12.01
ปิงเพิ่งจะก่อกองไฟเสร็จ
“ไหนไหนไหน ใครมั่งเอ่ย ว้าวว!!! ชื่อไอ้เบรฟออกคนแรกเลย ฝีมือชั้นละ ฝีมือชั้น!!!”
12.02
“และสุดท้าย เลขที่ 41 สุดาลัด จึงแย้มปิ่น รวมทั้งหมด12 คน เหลืออีก 13 คนเท่านั้น อ้าาา มาถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยกันแล้ว การประกาศเขตต้องห้าม!”
12.02
“ฟังไว้ หมวย” เมธพูด
12.02
“ไม่ฟังไม่ได้สินะ” ถิเหลือบเห็นงูตัวหนึ่งพอดี
12.02
“ช่วยกันฟังให้ดีนะ” ปิ๋วพูด “จดไว้ด้วยนะส้ม”
“อือฮึ คราวนี้ไม่พลาดแน่” ส้มรับ
12.02
“ต้องฟังสิ ” เจ้าพูด “ปากกากู ปากกากู ”
12.02
“มาแล้ว มาแล้ว” ปิงร้อง
12.03
“เพื่อเป็นรางวัลแก่นักเรียนทุกคน!!!” อาจารย์เอพูดเสียงดัง “นอกจากเขตโรงเรียนและบริเวณรอบเกาะแล้ว ช่วงบ่ายนี้ไม่มีเขตต้องห้ามใด ๆ ทั้งสิ้น!!!”
“อาจารย์ครับ!!!” ศรรามร้องเสียงหลง “อาจารย์ทำอะไร ”
“ขอให้นักเรียนทุกคนเล่นเกมส์กันให้สนุก อ้อ ขอบอกไว้ก่อนว่า ในช่วงหกโมงถึง
เที่ยงคืน เขตต้องห้ามจะมีเพิ่มเป็นชั่วโมงละห้าเขต รอฟังกันนะเออ! จบข่าว!”
12.03
“ไม่มี!?” เมธร้อง
“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?” หมวยพูด
12.03
“หา?” ถิทำศพงูที่อยู่ในมือหล่น
12.03
“ม ไม่มี ? ” ส้มพูดเบา ๆ “แต่ไปเพิ่มเป็นห้าเขตตอนค่ำ?”
“ดีหรือไม่ดีละเนี่ย” เกียรติส่ายหน้า
12.03
“อ้าว เฮ้ย!!!” เจ้าอุทาน
12.03
“อาจารย์นี่สุดยอดจริง ๆ” ปิงพูดก่อนที่จะดื่มน้ำ
12.04
“ถ้าไม่มีเขตต้องห้าม เราก็อยู่ที่นี่ได้จนถึงเย็นน่ะสิ” หมวยพูด
“ก็ใช่อยู่หรอก” เมธพูดเบา ๆ “แต่ช่วงหัวค่ำจะมีเขตต้องห้ามถึงห้าเขตเชียวนะ ไม่ยิ่งอันตรายเข้าไปใหญ่หรอกเหรอ”
“แต่ก็ถือว่าเราได้พักกันตั้ง เอ่อ หกชั่วโมงเชียวนะ” หมวยดูนาฬิกา
“ห้าชั่วโมง ห้าสิบหกนาที” ถิพูด เขามาแล้ว
“อ้าว ถิ มาแล้วเหรอ ได้อะไรมากินมั่งล่ะ” หมวยร้อง
“นี่ไง” ถิพูด แล้วชูของในมือให้ทั้งสองดู “ก็มีนี่ กระรอกตัวนึง กระต่ายตัวนึง แล้วก็งูอีกตัวนึง น่าจะอิ่มได้สบาย ๆ” เขาพูด
“อ๊ายยยย!!!!! ให้กินงูเหรอ?????” หมวยร้อง
“ไม่กินก็หิวตายไปเลย เอามั้ยล่ะ อีนี่” ถิพูดอย่างไม่ค่อยรักษาน้ำใจเท่าไหร่ “ไอ้เมธ ก่อไฟได้แล้ว เอากองเล็ก ๆ พอนะ”
“คร้าบบบบ” เมธคราง
12.04
“เอาละ เราอยู่ที่นี่ได้อีกอย่างน้อยหกชั่วโมงสินะ” ปิ๋วพูดพลางเก็บแผนที่จากมือส้มเข้ากระเป๋า
“จะกินอะไรกันหน่อยมั้ย” เกียรติพูดพลางโยนไม้ที่เหลาจนแหลมแล้วลงบนพื้น แล้วจึงยันตัวขึ้นยืน “เดี๋ยวเราไปหามาให้”
“อ๊ะ เราไปด้วย” ปิ๋วร้องพลางลุกขึ้นยืน
“หูยยยย คู่นี้เนี่ย สวีททท กันแม้แต่ในเกมส์นรกนี่เลยนะ” ส้มแซว
“บ้าน่า ส้ม” ปิ๋วร้องหน้าแดง แล้วจึงหันไปหาเกียรติ “ไปเถอะ” เธอพูด
12.04
จ๊อกกกกก ท้องเจ้าร้อง จะว่าไปนี่ก็เที่ยงสี่นาทียี่สิบสามวินาทีแล้วสินะ น่าจะได้เวลากินข้าวแล้ว เจ้าหยิบถุงย่ามขึ้นมาแล้วเทของข้างในออกมา เขาหยิบขนมปังขึ้นมากิน
กินแต่ขนมปังมาสองวันแล้วสิเรา
12.04
ปิงเสียบลูกธนูเข้ากับตัวกระต่าย แล้วจึงเอาไปย่างไฟ
“มื้อกลางวัน! มื้อกลางวัน!” เธอร้อง
12.05
“อาจารย์ทำอะไรครับ!!!” ศรรามร้องเสียงหลงอีกครั้ง “ทำไมไปเลิกเขตต้องห้ามแบบนั้นล่ะ!!!”
“ก็เป็นสิทธิ์ของฉันไม่ใช่รึ?” อาจารย์เอพูดพลางยกเบียร์ขึ้นดื่ม(การดื่มสุราทำให้ความสามารถในการควบคุมเกมส์ BR ลดลง) “ที่จะกำหนดเขตต้องห้ามมากน้อยแค่ไหนก็ได้”
“ก็จริงครับ แต่ว่า ” ศรรามหงอย “มันจะดีหรือครับ เวลาผ่านไปเปล่าประโยชน์ตั้งหกชั่วโมงอย่างนี้”
“ดีสิ” อาจารย์เอวางกระป๋องลงกับโต๊ะ “พวกเราก็ได้พักด้วยไม่ใช่เรอะ”
“พัก พักเหรอครับ?” ศรรามทำหน้างง
“อื้ม” อาจารย์เอพยักหน้า แล้วจึงแกะกล่องโฟมใส่อาหารกลางวัน “เพราะเดี๋ยวต้องใช้แรงกันเยอะ”
12.11
ง่ำง่ำง่ำง่ำง่ำ แจ๊บแจ๊บแจ๊บแจ๊บแจ๊บ ง่ำง่ำง่ำง่ำง่ำ เอื๊อกกก ง่ำง่ำง่ำง่ำง่ำ
เมธกินเนื้อกระรอกส่วนของเขาอย่างหิวโหย อันที่จริงมันก็อร่อยดีเหมือนกัน ถ้าลืมไปได้ว่าเมื่อกี้มันยังตาแป๋วน่ารักอยู่ ส่วนเนื้องูที่ตอนนี้ไม่เหลือความเป็นงูแล้วก็ลงไปอยู่ในท้องของถิเรียบร้อย ในขณะที่หมวยยังทำใจไม่ได้ที่จะต้องกินกระต่ายน้อยที่(เมื่อกี้)น่ารัก
“ทำไมไม่กินละ? ง่ำ” ถิพูดพลางกินเนื้องูย่าง “(น่าจะ)อร่อยนะ”
“เรา เรากินไม่ได้ ” หมวยคราง
“อุวะ! ทำไมจะกินไม่ได้! ไม่กินใช่ป่ะ เอามานี่เลย” ถิมีน้ำโหที่ของที่ตัวเองอุตส่าห์ทำมีคนไม่ยอมกิน
“ไม่ไม่ไม่ไม่นะ!!!!!” หมวยร้อง “ร เรากินก็ได้ กินแล้วค่ะ กินแล้ว”
“มันต้องอย่างนี้สิ มนุษย์” ถิพูด
“มีอีกป่ะ” เมธร้อง “กระรอกอร่อย”
“ไปหาเองไป๊” ถิบอกปัด
12.19
“อร่อยป่ะ?” เกียรติถามปิ๋ว
“อร่อยจ้ะ” ปิ๋วตอบ
“อู๊ยยยย ดูสิโส มดมาแล้วใช่ไหมนั่นน่ะ” ส้มล้อ
“เงียบเถอะน่า” เกียรติกับปิ๋วร้องพร้อมกันจนส้มหงอยไปในทันที
12.19
กร้วมกร้วมกร้วมกร้วม อึกอึกอึก เอื๊อกกก ฮ่าาาา โอย อิ่มจนได้ แต่ไม่อร่อยเลยอ่ะ เมื่อไหร่จะได้กินของอร่อย ๆ กว่านี้น้า อย่าง หมูปิ้ง ไก่ย่าง หรืออะไรพรรค์นี้
เจ้าล้มตัวลงนอน แล้วผลอยหลับไปในทันที
12.25
ปิงทิ้งเศษกระต่ายลงที่โคนต้นไม้ข้าง ๆ
“ฮ้าาาาา ไม่มีเขตต้องห้ามถึงหกโมงเย็นแน่ะ นอนดีกว่า” ว่าแล้วเธอก็ล้มตัวลงนอน
12.28
“หิวมั้ยป้า?” ปลั๊กถาม
“ม ไม่หรอก อ เอ่อ ก็ นิดหน่อยอ่ะนะ” ป้าตอบ
“งั้นเอานี่ไปสิ” ปลั๊กล้วงกล่องสีฟ้าออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้ป้า “อร่อยนะ เราทำเอง”
“อะไรน่ะปลั๊ก?” ป้าถามพลางเปิดกล่อง “โอ้โห! นี่มันข้าวกล่องนี่! ปลั๊กทำเองเหรอ? น่าอร่อยจัง ว่าแต่ ให้เรากินจริง ๆ เหรอ”
“อือฮึ” ปลั๊กพูด “จริง ๆ กะเอาไว้กินกับเพื่อน ๆ เราที่ค่ายน่ะ แต่เป็นแบบนี้ซะแล้ว เอ้อ มันคงเย็นแล้วมั้งนั่นน่ะ”
“ก็ใช่นะ แต่ ” ป้าหยิบกุ้งขึ้นมาใส่ปากเสียตัวหนึ่ง “ยังอร่อยอยู่จ้ะ”
“เหรอ ก็ดีแล้ว” ปลั๊กพูดแล้วมองออกไปข้างนอก “เราคงพักได้ ป้านอนก่อนก็แล้วกัน พอสักห้าโมงครึ่งเราจะปลุกนะ”
12.30
“บอกให้นอนก็นอนไปเซ่!!!!!” ถิตะคอก
“แต่ ” หมวยพูด
“นอนไปเลย!!! หลับไปเลย!!! พอเขาประกาศแล้วจะปลุกให้ เข้าใจ๋?” ถิตะคอกซ้ำอีก
“จ้า” หมวยพูดพลางหย่อนตัวลง
“คร้าบบบ” เมธทิ้งตัวลงนอน
12.53
“ไม่มีการเคลื่อนไหวเลยครับ” พลทหารเอกพันธ์พูดขึ้น “นักเรียนทั้งหมดอยู่กับที่มากว่าสิบห้านาทีแล้วโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายเลยครับ”
“บอกแล้วไงอาจารย์ มันไม่เกิดอะไรขึ้นมาหรอก” ศรรามพูดกับอาจารย์เอ
“เสียดาย ” อาจารย์เอพูด “นักเรียนเราน่าจะฉลาดกว่านี้อีกนิด” เขาเดินกลับไปที่โซฟา แล้วเปิดเบียร์อีกกระป๋องขึ้นดื่ม
เงาตะคุ่มเดินตรงเข้ามายังพงหญ้ารกทึบ ในมือของเขาถือขวาน วสันต์พยายามตัดความคิดที่ว่าเป็นการฆ่าเพื่อนออกไปให้เหลือแค่ว่าเป็นการหาทางรอด เขากำลังไล่ฆ่าเพื่อน
ไม่มีทางรอดอื่น! ต้องทำอย่างนี้เท่านั้น
เห็นคนแล้ว! ไม่มีทางเลือก ต้องฆ่า! วสันต์ผ่านการฆ่าคนมาแล้วเมื่อคืนนี้ ป่านถูกเขาจามขวานลงที่ศีรษะ เลือดที่ไหลพุ่งช่างสวยงามและทำให้เขาก้าวเข้าไปสู่เส้นทางแห่งการอยู่รอดอีกหนึ่งก้าวแล้วสินะ
นักเรียนเลขที่ 39 ปาริณี ศรีสุวรรณ์
ตาย เหลือ 27 คน
ข้างหน้านั่นคือใครกันนะ? ที่กำลังถือดาบอยู่ ทำท่าเหมือนจะซ้อมไปฟันคนอื่นกระนั้น! เพื่อนแบบนี้ต่อให้ปล่อยไปมันก็ต้องไปฆ่าคนอื่นอยู่ดี สู้วสันต์ฆ่ามันซะตั้งแต่ตรงนี้เลยยังจะดีกว่า!
วสันต์เดินเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น ยังมืดอยู่ เขามองไม่เห็นหน้าของเพื่อนผู้เคราะห์ร้ายคนนี้ แต่จะไปสนใจทำไมกัน! เดี๋ยวก็ต้องตายอยู่ดี
แกร๊บบบบ
‘ตายห่า’ วสันต์คิดในใจ เหยื่อรู้ตัวแล้ว! มันเดินตรงมาทางเขา! ยิ่งไม่มีทางเลือกเข้าไปใหญ่ อย่างนี้ต้องฆ่าลูกเดียว
“นั่นใครน่ะ?”
ได้ยินเสียงแล้ว เสียงนี่มัน ใหม่! ใหม่เนี่ยนะ! ช่วยไม่ได้แล้ว ใหม่เดินตรงมาทางนี้แล้ว เขาไม่มีทางเลือก
วสันต์เงื้อขวานขึ้น
“มาช่วยกัน ”
เฉาะ!
วสันต์ปักขวานลงไปบนหัวใหม่เต็มแรง มันแทรกลงไปถึงหัวกระโหลก
แต่ใหม่ยังพอมีสติ
“ช ช่วยกัน หา ”
“ป ป เป็น ” วสันต์เริ่มลนลาน เขาเริ่มทำอะไรไม่ถูก “เป็นอะไร หรือเปล่า”
“หา ทางรอด” ใหม่ยังครางอยู่ แต่ก็เริ่มอ่อยลงแล้ว ในที่สุดเธอก็ล้มลง เลือดไหลออกมาจากศีรษะของเธอจนนองพื้น
เธอตายแล้ว
นักเรียนเลขที่ 24 อัมพิกา พรจินดารักษ์
ตาย เหลือ 26 คน
อะไรกันนะ? ใหม่บอกว่าไปช่วยกันหาทางรอดอย่างนั้นหรือ? มีทางรอดอื่นอีกหรือไง? แต่ว่าถ้ามี ก็เท่ากับเขาปิดทางรอดนั้นเองหรอกหรือ
ไม่ ไม่ใช่หรอก ทางรอดมีทางนี้ทางเดียว ต้องฆ่า ใช่! ต้องฆ่าเพื่อรอด! ฉันต้องรอด!! ต้องรอดไปให้ได้!!!
แต่วสันต์ก็ยังไม่เข้าใจกับน้ำตาที่ไหลนองหน้าเขา
04.58
วิภาดากระวนกระวาย กี่โมงแล้ว? จะตีห้าแล้วเหรอ? ที่ตรงนี้จะกลายเป็นเขตต้องห้ามหรือเปล่า? ไหน ไหน ไหน ดูซิ ไม่ ไม่เป็นแฮะ รอดไป ไม่นึกว่าอาจารย์เอจะประกาศตอนเที่ยงคืนอย่างนี้ เธอเกือบจะไม่ได้ฟังถ้าเธอไม่บังเอิญสะดุ้งตื่นขึ้นมา
แกร็บ
วิสะดุ้งเฮือก เธอปิดไฟฉายทันทีแล้วหยิบกรรไกรขึ้นมาขู่ “ใครน่ะ!?” เธอร้องลั่น
เจ้าของเสียงส่องไฟฉายไปยังปลั๊ก “ฉันเอง” เจ้าของเสียงพูด
“ป ปิง!” วิร้องดีใจ “ธ เธอทำฉันตกใจแทบแย่!”
“เหรอ ขอโทษทีนะ” ปิงพูดต่อ “ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม”
“ได้ ได้สิ! ทำไมจะไม่ได้!” วิร้อง “เป็น เป็นเพื่อนกันใช่ไหมล่ะ ทำไมจะไม่ได้!!”
ปิงยิ้ม เธอเดินเข้ามาในกระท่อมเล็ก ๆ ที่วิใช้เป็นที่ซ่อนตัว
“พวกเราไม่น่ามาเจอเรื่องอย่างนี้เลยเนอะ” ปิงพูดพลางหย่อนตัวลงนั่ง “ใครจะนึกว่าเรื่องในหนังจะกลายเป็นของจริงได้อย่างนี้”
“ช ใช่” วิพูดอีก “ต ตอนห้าทุ่มฉันฟังประกาศ เพื่อนเราตายไป 15 คนแล้วนะปิง! จอยด้วย จอยตายแล้ว! เฟียตก็ตาย! ตาวก็ตาย! แก๊ปก็ตาย!”
ปิงนิ่งไป
“ฉันจะทำยังไงดี! ปิง!” วิร้องไห้ “ฉันกลัว!! กลัวมากเลย!! เธอดูสิ ของที่ฉันได้มันบ้าบอขนาดไหน!! ฉันจะไปสู้อะไรเขาได้!!!”
“วิ เธอไปดู BR มาหรือยัง” ปิงพูดขึ้น
“พ พูดอะไรตอนนี้น่ะปิง ”
“ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาซ่อนตัวในกระท่อม พอเพื่อนของเธอมา เธอก็ให้เพื่อนของเธอเข้ามาในกระท่อมได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ”
“พูดอะไร ปิง ฉันไม่เข้าใจ ฉันยังไม่ได้ไปดู ”
“ผู้หญิงที่เข้ามาทีหลังคือโซมะ มิตสึโกะ เธอได้เคียวเป็นอาวุธ”
“หมายความว่าไง ปิง”
ปิงหยิบอาวุธเคียวของเธอออกมา “มิตสึโกะรู้ดีว่าทางรอดมีทางเดียวคือต้องฆ่าเพื่อนทุกคน ” ปิงมองมาทางวิ “เธอจึงตัดสินใจ ”
“ปิง เธอคงไม่ ” วิคราง
“ฆ่าเพื่อนคนนั้นซะ!!!!!” ปิงใช้สองมือชูเคียวขึ้นสูงแล้วจึงเฉาะเคียวลงกลางศีรษะของวิ
“ปิง เธอ ” วิยังครางต่อ เป็นครั้งสุดท้าย
ปิงออกแรงกดมากขึ้น เหมือนจะคว้านสมองของวิออกมากระนั้น วิหมดแรง เธอตายคาที่
“ในหนัง” ปิงพูดต่อในขณะที่ดึงเคียวออกจากศีรษะของวิ “มิตสึโกะจะต้องตายท้ายเรื่อง แต่ฉันไม่เหมือนเธอ ฉันไม่ยอมตายง่าย ๆ อย่างนั้นหรอก ฉันต้องมีชีวิตรอด!!!”
นักเรียนเลขที่ 20 วิภาดา ทินมณี
ตาย เหลือ 25 คน
05.58
อาจารย์เอรับกระดาษรายงานผู้เสียชีวิตตั้งแต่เวลา 00.00-06.00 ของวันนี้มาดูพลางส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง
“สามคนเองเหรอ?” อาจารย์พูดกับพลทหารศรราม “เมื่อคืนยังได้ตั้งสิบกว่าคน ชิ!! เวลาอย่างนี้เหมาะที่สุดที่จะไปฆ่าคนอื่น ก็ส่วนมากจะนอนหลับอยู่ เด็กพวกนี้ไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของเกมส์นี้เลยให้ตายสิ”
อาจารย์เอบ่นพลางเดินไปหยิบไมค์
06.00
เสียงเพลงดังขึ้น
“อรุณสวัสดิ์! นักเรียนทุกคน พบกันทางเสียงตามสายเป็นครั้งที่สองแล้วใช่มั้ย! ทุกคนยังเล่นเกมส์กันอย่างสนุกสนานหรือเปล่า! เช้านี้ครูผิดหวังมากเพราะมีผู้ออกจากเกมส์น้อยกว่าที่คิด รายชื่อมีดังนี้! เลขที่ 20 วิภาดา ทินมณี, เลขที่ 24 อัมพิกา พรจินดารักษ์, เลขที่ 39 ปาริณี ศรีสุวรรณ์ แค่นี้เอง! พวกเธอน่าจะขยันกันให้มากกว่านี้นะ ต่อไปเป็นเขตต้องห้าม 07.00 F3 09.00 C6 11.00 A5 พบกันอีกทีเที่ยงตรง! ขอให้โชคดี!”
05.55
เมธลืมตาตื่นขึ้น กี่โมงแล้วเนี่ย จะหกโมงแล้วเหรอ จะหกโมงแล้ว!!! จะมีประกาศแล้วสิ!!! ต้องรีบเตรียมแผนที่แล้ว
เมธเพิ่งจะเตรียมแผนที่กับปากกาเสร็จก็มีเสียงเพลงดังขึ้น หลังจากเพลงจบก็เป็นเสียงของอาจารย์เอ ที่เขาเคยเคารพนับถือ เขาทนฟังอาจารย์เอพูดถึงเพื่อน ๆ ของเขาที่ตายไปอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วจึงตั้งใจฟังเขตต้องห้าม
“07.00 F3, 09.00 C6, 11.00 A5 พบกันอีกทีเที่ยงตรง! ขอให้โชคดี!”
เมธทำเครื่องหมายลงในจุดที่จะกลายเป็นเขตต้องห้ามไว้เรียบร้อย แทบไม่ทัน
“เอ๊ะ เดี๋ยว นี่มัน ” เมธฉุกคิดเมื่อเห็นแผนที่ เขาเดินออกจากถ้ำ กางแผนที่ มองซ้ายมองขวา ดูเข็มทิศ แล้วดูแผนที่อีกครั้ง มองซ้ายมองขวาอีกที แล้วดูแผนที่อีก
“ตรงนี้เป๊ะเลยนี่หว่า ” เมธอึ้ง “เจ็ดโมงตรงนี้จะต้องห้ามแล้ว หมวย หมวย ตื่นเร็วเข้า เราต้องรีบไปแล้ว!!!”
“อะไรกานนน สุเมธ ” หมวยงัวเงีย “เรายังไม่ตื่นเลยนะ ”
“ไม่ตื่นไม่ลุกตายไม่รู้ด้วยนะ!!!” เมธตะโกน ทำเอาหมวยอึ้งและตื่นทันที
07.13
“แน็ท แน็ทใช่มั้ยนั่นน่ะ!!!” ปรินซ์ร้องเมื่อเห็นเพื่อนคนหนึ่งกำลังกินขนมปังอยู่ “แน็ทททท!!!!! ทางนี้จ้าาาาา!!!!!!”
แน็ทเงยหน้าขึ้น ด้วยความตกใจเธอถึงกับทำอะไรที่สิ้นคิดอย่างหยิบเอาโทรโข่งข้างตัวมาถือเหมือนเป็นอาวุธที่พร้อมจะป้องกันตัวเองจากคนที่คิดจะฆ่าเธอ
“อ อ้าวว ปรินซ์!!!” แน็ทร้อง “ดีใจจังเลย!!”
“แน็ทเป็นไงบ้าง” ปรินซ์พูดพลางกอดแน็ทเอาไว้ด้วยความดีใจ “เมื่อคืนเรากลัวมากเลย”
“เราก็กลัวเหมือนกัน” แน็ทพูดเบา ๆ “ไผ่ตายแล้ว ใครจะนึกว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับพวกเราล่ะ”
“เห็นบื๋อหรือเปล่า?” ปรินซ์ถาม “เราหลงกับบื๋อตอนหนีเจ้าน่ะ”
“หนีเจ้า? อะไรกัน” แน็ททำท่าตกใจ “เจ้าเนี่ยนะไล่ฆ่าปรินซ์กับบื๋อ”
“ก็ใช่น่ะสิ เจ้าเนี่ยแหละน่ากลัวยังกะอะไรดี ถ้าหล่อกว่านี้อีกนิดละก็ เหมือนคิริยามะในหนังเลยล่ะ!!!” ปรินซ์พูดด้วยท่าทางตื่นกลัวเหมือนเจ้ากำลังอยู่ใกล้ ๆ “แล้วตกลงเห็นบื๋อหรือเปล่า”
“บื๋อ เอ่อ ” แน็ทอุกอัก “ บื๋อเค้า ”
“ไม่ ไม่ได้ตายไปแล้วใช่ไหม ” ปรินซ์ใจเสีย
“เปล่าเปล่าเปล่า” แน็ทร้อง “บื๋อเขา ไปทำ เอ่อ ธุระ ของบื๋อมาน่ะ อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้เอง”
“อ๋อ ” ปรินซ์โล่งอก
“เออนี่ปรินซ์” แน็ทพูดเหมือนนึกอะไรได้ “มาร่วมมือกันมั้ย”
“ร่วมมือ ร่วมมืออะไร?” ปรินซ์งง
“นี่ไง” แน็ทหยิบโทรโข่งที่เธอได้เป็นอาวุธขึ้นมา
“เธอคงจะไม่ ใช้โทรโข่งนี่ประกาศว่า ‘ทุกคนนน อย่าฆ่ากันเลยนะ!!! มาช่วยกันหาทางรอดกันดีกว่าาาา’ หรอกนะ”
“อ้าว ปรินซ์รู้ได้ไง” แน็ทงงบ้าง
“อย่าเลยแน็ท” ปรินซ์เตือน “แน็ทยังไม่ได้ดู BR สิท่า ในหนังก็มีคนใช้วิธีนี้ แต่ก็โดนคิริยามะฆ่าตายตอนที่กำลังประกาศอยู่ มันทำให้เรากลายเป็นจุดเด่น เพื่อนเราตายไป 18 คนแล้ว แถมยังมีคนที่ไล่ฆ่าเพื่อนเอาตัวรอดอยู่ด้วย อย่างน้อยก็เจ้าคนนึงละ ”
“จริงอยู่ที่เราไม่ได้ดู BR” แน็ทพูด “แต่เราว่าสองคนนั้นคงไปใช้โทรโข่งบนที่โล่ง ๆ อย่างทุ่งหญ้าหรือไม่ก็ยอดเขาใช่มั้ยล่ะ เราไม่ทำงั้นร็อก ”
“ล แล้วทำไงล่ะ” ปรินซ์ใจชื้นขึ้นมานิด แต่ก็ยังงงอยู่ดี
“เอาน่า หยิบเชือกตรงโน้นให้หน่อยซิ” แน็ทชี้นิ้วไปข้างหลัง
07.47
“ตรงนี้ปลอดภัยแล้ว อยู่ได้ทั้งวันถึงเที่ยงเลย” เมธพูดพลางปาดเหงื่อ
“แล้ว เมธคิดว่าจะทำไงล่ะ ” หมวยพูดหลังจากนั่งลงบนพื้นหญ้า
“จะอยู่ตรงที่ที่ไม่อันตราย หลบเพื่อนไปเรื่อย ๆ บางทีอาจจะหาเพื่อนที่ไม่บ้าไปกับเกมส์ ”
“อุ๊ย ทำยังกะพระเอกหนัง ”
“แล้วจะให้เราทำยังไงล่ะ ” เมธร้อง “จะให้ไล่ฆ่าเพื่อนอย่างนั้นเหรอ ถึงจะเอาอย่างนั้น แต่ฉันก็ได้อาวุธเป็นฝาหม้อ!!! จะเอาไปฟาดหัวใครตายได้! แล้วเธอล่ะ ได้อะไร ได้กล้องส่องทางไกลไม่ใช่รึไง จะเอาไปเขกกระโหลกใครตายได้อย่างงั้นเหรอ ”
“ก็ดีออก เหมือนนานะฮาระกับนาคางาวะเลยนี่นา เราสองคนน่ะ” หมวยพูด
“ท ทำไมล่ะ ” เมธเขิน อย่างหมอนี่เนี่ยนะ
“ก็ สองคนนั้นก็ได้ฝาหม้อกับกล้องส่องทางไกลเหมือนพวกเรานี่นา ”
ความเงียบ
07.55
“หวัดดี เพื่อน” เจ้าพูดขึ้นพลางชี้ปืนตรงมายังกลุ่มปิ๋ว
“นาย นายล้อพวกเราเล่นใช่มั้ย ” ส้มพูด
“ไม่รู้ซิ ” เจ้าพูดยิ้ม ๆ พลางกระดิกนิ้วที่อยู่ที่ไกปืนเล็กน้อย “หรือจะลองดูดีมั้ยน้า ”
“จ ใจเย็น ๆ เจ้า ” พลอยยกมือทั้งสองพยายามปราม “อ อย่าทำอะไรพวกเราเลยนะ”
“งั้นเหรอ ” เจ้าเปลี่ยนเป้าหมายปืนจากส้มไปเป็นพลอย “ทำไมล่ะ ”
“ก็ ก็ ก็ ” พลอยอึกอัก “ก็ ถ้าพวกเราตายไป ก็คงไม่ดีแน่ ๆ ใช่มั้ยล่ะ แบบว่า แบบ ”
“แล้ว ดาล่ะ ” เจ้าเคลื่อนปืนไปยังดา “เหตุผลอะไรเราถึงต้องปล่อยพวกเธอไป!!!” เสียงปืนลั่นกริ๊ก
“ไม่นะ!!!!!!!!!!!!!!” หกสาวกรีดร้องลั่น
“แต่ เราว่า ” เจ้าลดปืนลง ยังคงพูดยิ้ม ๆ “ปล่อยพวกเธอ ไป ดีกว่า ”
“ท ทำไมล่ะ ” บุ๊กร้อง
“ไม่พอใจงั้นเรอะ!!!” เจ้ายกปืนกลขึ้นรัวใส่บุ๊กอย่างไม่ยั้ง ร่างของบุ๊กสั่นกระตุกตามจังหวะปืน เลือดสีแดงฉานพุ่งออกมาทั่วบริเวณจนแทบเหมือนว่าอากาศบริเวณนั้นกลายเป็นสีแดงไปจนหมด บุ๊กร่วงลงกองบนพื้น เลือดยังคงไหลออกมาอย่างไม่หยุด
นักเรียนเลขที่ 42 สุทธาทิพย์ สุวรรณบรรณ
ตาย เหลือ 24 คน
เจ้าก้มลงค้นเป้ของบุ๊ก ห้าสาวที่เหลือยืนตกตะลึงนิ่งแข็งอยู่ตรงนั้นเอง “ปล่อยไปดี ๆ ไม่ยอม ต้องให้ใช้กำลังจนได้สิน้า ” แล้วเขาก็หยิบเอาปืนพก ขนมปัง และน้ำจากเป้ของบุ๊กใส่ถุงย่ามของตัวเอง
“จะบอกอะไรให้นะบุ๊ก” เจ้าพูดขณะที่จัดย่ามให้เข้าที่เข้าทาง “ ‘เหตุผล’ น่ะ กำลังยืนร้องไห้อยู่ข้างหลังเพื่อน ๆ เธอไงล่ะ”
เจ้าหัวเราะเหมือนคนบ้า แล้วเดินจากไป
สี่สาวหันไปข้างหลัง ปิ๋วกำลังยืนร้องไห้อยู่
08.13
วิวรรณกำปืนลูกซองอาวุธของเธอเอาไว้แน่นในมือ เธอหลบซ่อนมาคืนกว่าแล้ว และตอนนี้เธอกำลังหนีจากเขตต้องห้ามไปหาที่ปลอดภัยที่จะอยู่ได้นานที่สุด แน่นอน เธอไม่คิดฆ่าใครแน่ แต่เพื่อนของเธอ เท่าที่เธอรู้ก็ตายไป 18 คนแล้ว ยังไม่นับเสียงปืนเมื่อกี้นี้ แต่ก็ทำให้เธอรู้แน่ว่ามีคนที่คิดฆ่าคนอื่นเป็นว่าเล่นอยู่ เธอไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่นั่นแหละที่ทำให้เธอกลัวทุก ๆ คนที่เธอ มันอาจจะเป็นใครก็ได้ เจ้าโรคจิตบ้าเลือดคนนั้น
ที่ตรงนี้เป็นทุ่งหญ้าที่มีโขดหินอยู่ระเกะระกะ เหมาะจะเป็นที่หลบซ่อนตัวจริง ๆ ไม่เพียงแค่นั้นมันยังอยู่นอกเขตต้องห้ามไปจนถึงเที่ยงอีกต่างหาก
พักตรงนี้แหละ
เธอเดินตรงไปยังโขดหินที่น่าพักที่สุด มันมีชะแง่งหินคล้ายหลังคา เหมาะจะนั่งพักเป็นที่สุด แต่ก็นั่นแหละ ที่แบบนี้คนอื่น ๆ ก็น่าจะเดาได้เหมือนกัน รวมทั้งเจ้าโรคจิตบ้าเลือดคนนั้นด้วย
เธอชักปืนในขณะที่ย่องเข้าไปยังชะง่อนผา เตรียมยิงคนที่คิดทำร้ายเธอได้ในทันที
“กี่โมงแล้วเมธ ”
“แปดโมงยี่สิบแล้วล่ะ”
วิวรรณลดปืนลง สองเสียงนั้นเธอจำได้แม่น อันที่จริงคนบนเกาะนี้ก็เพื่อนเธอทั้งนั้น แต่เจ้าของเสียงทังสองนั่น คนหนึ่งคือหมวย เพื่อนสนิทคนหนึ่งของเธอ และอีกคนหนึ่ง สุเมธ มั้ง แต่จะเป็นใครก็ตามแต่ ถ้าหมวยยอมรับละก็ เขาก็เป็นเพื่อนเธอได้ทั้งนั้น
“หมวย เธอใช่มั้ย” วิวรรณพูดออกไป
“วิวรรณ!” หมวยร้องดีใจ “เธอยังอยู่!”
“ใช่ ยังไม่ตายหรอก” วิวรรณโล่งอก ในที่สุดตอนนี้เธอก็ไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วสินะ “แล้วนั่น สุเมธ ”
“อ๊ะ หวัดดี” เมธทัก
“ฮะฮุ้ย นึกว่าหายไปไหน มาจู๋จี๋กันอยู่ตรงนี้เองเหรอ” วิวรรณพูดทีเล่นทีจริง
“บ บ้าน่า พูดอะไรน่ะ!!” หมวยร้อง หน้าแดง
“ฮะฮะฮะฮะ ก็ แหม เราแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอ..”
วิวรรณหยุดพูดไปเฉย ๆ
“ป เป็นอะไรไป ” หมวยตกใจ
วิวรรณล้มเผละกับพื้น บนหัวเธอมีขวานปักคาอยู่
“อ๊าาาาา!!!!!!” หมวยร้องลั่น
“หวาาาาา!!!!!” เมธออกอาการเหวอ
นักเรียนเลขที่ 21 วิวรรณ วรกุลพาณิชย์
ตาย เหลือ 23 คน
มือมือหนึ่งหยิบเอาลูกซองของวิวรรณที่ตกอยู่ข้างลำตัวเธอขึ้นมา ทั้งยังเล็งมาที่หมวยกับเมธ
วสันต์!!!!
“ไม่ต้องพูดอะไรเลย ” วสันต์พูด “เอาน้ำกับอาหารมา! เร็วเข้า!”
“วสันต์ ทำไมนาย ” เมธพยายามกล่อม
“บอกว่าไม่ต้องพูดดด!!!! เอาน้ำกับอาหารมาาาา!!!” วสันต์บันดาลโทสะ ลั่นไกปืนด้วยความโกรธ แต่เนื่องจากเขาไม่เคยใช้ของแบบนี้ ลูกปืนจึงถากแก้มหมวยไปเท่านั้น
“เอามาาาา!!!!! เอามาาาา!!!!!” วสันต์ยิงมั่วไปใหญ่ แต่ละลูกไม่โดนทั้งสองคนสักนัด
“วสันต์!!! นายเป็นอะไรไป!!!” เมธร้องพลางหลบกระสุนที่หลังก้อนหิน
“กูบอกให้เอามาาาา!!!!! เร็วเข้า!!!!! ไม่งั้นกูฆ่ามึงจริง ๆ นะ!!!!! กูเห็นว่ามึงเป็นเพื่อนกูนะเนี่ย กูไม่ได้กินอะไรมาทั้งคืนแล้ว อาหารในเป้กูโดนหนูแดกหมด!!! ไอ้หนูนรก!!!” วสันต์ตะโกนก้องพลางปีนขึ้นบนชะง่อนหินเตรียมเล็งเมธกับหมวย
“เอาอาหารของมึงมาาาาา!!!!!! อาวุธมึง!!!!!! เอามาาาาา!!!!!!!”
เปรี้ยงงง!!! เมธหลับตาเตรียมรับความเจ็บปวด เอ๊ะ ทำไมไม่เจ็บ เมธลืมตาขึ้น เขามองไปทางที่วสันต์เคยยืนอยู่เมื่อกี้นี้
วสันต์ยังอยู่ตรงนั้น แต่ว่าลงไปนอนนิ่งอยู่บนชะง่อนหิน หินอาบเลือด
“วสันต์ นาย ” เมธพูดพลางเอื้อมมือไปหาวสันต์
“หยุด!!! อย่าไปแตะมัน!!!”
เมธมองไปทางต้นเสียง แต่ช้าไปแล้ว วสันต์ยังไม่ตาย เขาชูมือขึ้นมาจับคอเมธเอาไว้ ออกแรงบีบแน่นเหมือนจะบีบให้แหลกคามือ เมธมองตาวสันต์ ตาของวสันต์ดูเหมือนกับจะสัตว์ป่า วสันต์กำลังจะฆ่าเขาจริง ๆ แต่ในวินาทีต่อมา เมธมองเห็นความเศร้าและความกลัวสุดขีดในดวงตาของวสันต์
เปรี้ยง!!! เปรี้ยง!!!
เสียงปืนอีกสองนัดยิงโดนที่ศีรษะของวสันต์ทั้งสองนัด กะโหลกของเขาแตกละเอียด สมองกระจายออกไปในอีกฝั่งของรอยกระสุน เลือดสาดเต็มหน้าเมธ เขาค้างนิ่ง
นักเรียนหมายเลข 9 วสันต์ จันทร์ลอย
ตาย เหลือ 22 คน
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ ”
เมธกับหมวยมองไปทางต้นเสียงที่กำลังวิ่งตรงมา
“ถิ!!!” เมธร้อง
ถิวิ่งตรงมาหาเมธกับหมวย ในมือของเขาถือลูกซองแบบเดียวกับที่วสันต์ใช้อยู่เมื่อกี้ไม่มีผิดอยู่ “พวกนายไม่เป็นอะไรใช่มั้ย!”
“ม ไม่เป็นไร” เมธตอบตัวสั่น “แต่ วสันต์เค้า ”
“ยังจะไปห่วงมันอีกเหรอ มันจะฆ่านายนะ” ถิพูดหัวเสีย
“แต่เขาก็เป็นเพื่อนเรานะ” เมธร้อง
“เพื่อนไม่เพื่อนอันนี้เรารู้ แต่ตอนนี้มันจะฆ่านาย นายจะยอมให้มันฆ่ารึไง เราไม่รู้ด้วยนะถ้างั้น”
“เดี๋ยวเดี๋ยว ทั้งสองคน เราได้ยินเสียงอะไรแน่ะ” หมวยพูด
เมธและถิเงียบเสียงลง จริงด้วย มีเสียง เสียงคน คล้าย ๆ กำลังตะโกนอะไรสักอย่าง
“ทุกคน อย่าฆ่ากันเลย” เสียงตะโกนบอกมาอย่างนี้
“บ้าฉิบ!!” ถิสบถ
08.15
“เข้าใจแล้วใช่มั้ย” แน็ทพูด
“อือฮึ” บื๋อกับปรินซ์พยักหน้าพร้อมกัน ทั้งสามหยิบอาวุธที่แต่ละคนได้ แน็ทก็หยิบโทรโข่งขึ้นมาแล้วเดินไปทางเนินด้านขวา ทิศตะวันออก บื๋อหยิบส้อม อาวุธกระจอกของเธอ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย บื๋อหยิบส้อมเดินไปทางหล่มด้านทิศตะวันตก
“เดี๋ยวบื๋อ เอานี่ไปด้วย” ปรินซ์ร้องก่อนที่บื๋อจะเดินลับไป แล้วจึงโยนปืนพกให้บื๋อ
“ปรินซ์! เอามาจากไหน?” บื๋อถามหลังจากรับปืน
“จาก ศพณัฐพรรณ ส่วนนี่อาร์ก้า ของกนกอร” ปรินซ์พูดเบา ๆ
“ตายกันแล้ว?” บื๋อร้อง
“อือฮึ สองคนนั่นกับอภิษฎานั่งตายอยู่ริมโรงเรียน ปลอกคอระเบิดตาย ”
“ไปกันเถอะ! เดี๋ยวเราจะเศร้าไปกว่านี้อีก แค่นี้ก็จะบ้าแล้ว” บื๋อร้องขึ้นพลางยกมือปรามปรินซ์ แล้วจึงเดินไปทางตะวันตกจุดปฏิบัติแผนของเธอ ส่วนปรินซ์จะอยู่กับที่ตรงนี้
08.20
เวลาดำเนินแผน
แผนของแน็ทก็คือการไม่ให้ทุกคนอยู่ในที่เดียวแล้วโดนฆ่ากันเหมือนในหนัง แต่จะกระจายไปเป็นสามจุด แต่ละจุดอยู่ห่างกันพอได้ยินเสียงตะโกน แล้วจึงประกาศไปพร้อม ๆ กัน แต่หากมีใครคนใดคนหนึ่งถูกฆ่า สองคนที่เหลือจะรู้ตัวทันทีและไหวตัวทัน ซึ่งในตอนนั้นก็จะมีคนที่ได้ยินเรื่องการดำเนินการหลบหนีอยู่หลายคนแล้ว และเมื่อทุกคนมารวมกันก็น่าจะล้มเจ้าคนบ้าเลือดที่ยิงสมาชิกดำเนินแผนไปจนได้ละน่า
แน็ทเป็นคนเริ่มก่อน จากเนินตะวันออก
“ทุกคน ” แน็ทตะโกนใส่โทรโข่งสุดเสียง “อย่าฆ่ากันเลย มารวมกันดีกว่า ”
เมื่อแน็ทเริ่มแล้ว ปรินซ์ก็เริ่มตะโกนบ้าง แต่เนื่องจากโทรโข่งมีอันเดียว ปรินซ์จึงต้องใช้วิธีตะโกนปากเปล่า ซึ่งไม่ใช่เรื่องลำบาก เพราะเสียงของเธอนั้น
“ทุกคนนนนน!!!!!!!!!!” ปรินซ์ตะโกนสุดชีวิต “มารวมกันดีกว่าน้าาาาาาาาา!!!!!!!!!!!!!”
เมื่อบื๋อที่ประจำอยู่ที่หล่มตะวันตกได้ยินเสียงปรินซ์ก็เริ่มตะโกนบ้าง
“อย่าฆ่ากานนนนนนน!!!!!!!!!!! มาช่วยกันหาทางรอดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!”
และเมื่อทั้งสามคนได้ตะโกนออกไปแล้ว ทั้งสามก็ได้ตะโกนต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีคนมา หรือคนหนึ่งในสามคนถูกฆ่า เพราะเสียงจะหยุดทันที แล้วอีกสองคนที่เหลือก็จะชิงหนีไปได้ทัน
“มาเถอะ!!!!!!!! อย่าฆ่ากันเลยยยย!!!!!!” ปรินซ์ยังคงร้องสุดเสียง
“มาแล้ว”
ปรินซ์หันกลับไปมองข้างหลังด้วยความดีใจ มีคนมาแล้ว? ไชโย! มาช่วยกันตะโกนเรียกเพื่อนหน่อยสิ
ปังปังปังปังปังปังปัง
ปรินซ์ล้มหงายหลัง อะไรกันน่ะ? ใครกัน? ม ไม่ไหวแล้ว ลางเลือนเหลือเกิน ใครกันที่ทำแบบนี้? ไม่ไหวแล้ว เจ็บ ง่วงนอนด้วย
นักเรียนเลขที่ 30 ธาริณี ผ่องศรี
ตาย เหลือ 21 คน
คนคนนั้นเดินเข้ามาหยิบอาร์ก้าจากมือปรินซ์
“ได้ของดีซะด้วย ” มันพูด “ขอนะ ปรินซ์” ว่าแล้วมันก็เก็บปืนใส่ถุงย่ามคู่กายมัน
08.25
“อะไรน่ะ?” บื๋อหยุดตะโกน “เสียงปืนหรือเปล่าน่ะนั่น?”
บื๋อใจคอไม่ดี การที่เธอได้ยินเสียงปืนหมายความว่ามีการยิงปืนเกิดขึ้น แล้วเท่าที่เธอเดาเสียงดังมาจากทางปรินซ์ ทำไงดี
08.25
“เสียงปืน?” แน็ทอุทานหลังจากได้ยินเสียงปืนดังขึ้น “มีคนยิงปืน! ดังมาจากทางปรินซ์ซะด้วย!”
08.25
“นั่นอะไรน่ะ” เมธร้อง
“มีคนยิงปืน ” ถิพูด “ปืนกล อาจจะเป็นไอ้เจ้าก็ได้ ”
“อะไร นายพูดอะไร ไอ้เจ้าเนี่ยน่ะบ้าปืน” เมธท้วง
“นายไม่รู้อะไร” ถิพูด “ไอ้เจ้าน่ะมันเป็นคนฆ่าไอ้ณัฐ มัท แล้วก็เกตน์อีกคนเมื่อคืน”
“ไอ้เจ้าเนี่ยนะ!!!???” ทั้งเมธและหมวยร้องออกมาพร้อม ๆ กัน
“ก็ใช่น่ะสิ” ถิพูดพลางหยิบลูกซองของวิวรรณในขึ้นมาแล้วโยนให้เมธ “รับไปไอ้เมธ กูว่าแกคงต้องได้ใช้แน่ ส่วนไอ้นี่ ” ถิหยิบขวานวสันต์ขึ้นมา “ เก็บเข้าคลังไปก่อนดีกว่า”
“อย่าบอกนะว่ามึงเล่นเกมส์นี้เอาจริง ๆ ด้วย” เมธร้อง
“เปล่า” ถิตอบ “ที่จริงกูเพิ่งฆ่าไอ้วสันต์คนแรกด้วยซ้ำไป งานนี้ช่วยไม่ได้จริง ๆ ว่ะ”
“ก็ถูกของแกนะ ” เมธมองวสันต์ “แล้ว แกจำทำยังไงกับเสียงปืน”
“ก็ช่างหัวแม่งปะไรเซ่” ถิพูด “อยากไปตายกับมันเหรอ”
“ก็ ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ” เมธพูดเบา ๆ “แต่กูก็ไม่อยากให้เพื่อนกูตายนี่หว่า”
“แต่มึงก็ไม่อยากให้มึงตายด้วยใช่ป่าว?” ถิพูดเสียงดัง
“แล้วมึงจะให้กูทำไงวะ?” เมธขึ้นเสียง
“เฮ้เฮ้เฮ้ สองคนอย่ามาทะเลาะกันแถวนี้สิ เราไม่ชอบ” หมวยร้อง
“โอเค โอเค” ถิส่ายหัว “เอาเป็นว่าทำตามที่คุณชายสุเมธพูดก็แล้วกัน มึงจะให้กูเอาไง?”
“เอา เอ่อ เอาเป็นว่า ขึ้น ขึ้นไปดูตรงที่ที่มีเสียงปืนก็แล้วกัน” เมธพูด
“มึงเอาแน่นะ?” ถิย้ำ เพราะไอ้แบบนี้มันแทบจะเรียกว่าบ้า ยิ่งในเกมส์แบบนี้
“เออ กูเอาแน่” เมธพูกหนักแน่น
“งั้นก็ไปกัน” ถิรับคำ “มึงเล่นเคาน์เตอร์มาบ้างแล้วใช่ป่ะ มันต่างกันนิดหน่อยนะเว้ย ไอ้ลูกซองที่มึงถืออยู่นี่มันของจริง อย่าทำเป็นเล่นนะมึง” ถิเน้นประโยคสุดท้ายอย่างหนักแน่นมาก
08.27
บื๋อวิ่งอย่างเร็ว เธอพยายามหนีออกจากแหล่งกำเนิดเสียงปืนให้เร็วที่สุด เสียงที่เธอตะโกนดังไปถึงจุดที่ปรินซ์อยู่ด้วย นั่นแสดงว่าไอ้บ้าปืนที่ฆ่าปรินซ์ต้องรู้แน่ ๆ ว่าเธออยู่ที่นี่ ถ้าไม่หนี ก็ตายอีกคนชัวร์
หนี! หนี! หนี!
บื๋อวิ่งสะดุดรากไม้ ตุ้บ! โอ๊ย เจ็บ เจ็บจังเลย อึ๊บ ลุกขึ้นสิ เอ๊ะ โอ๊ยยยย เท้าชั้น แพลง ทำไมต้องมาแพลงเอาตอนนี้ บื๋อพยายามยันตัวขึ้นแล้วเดินกะเผลก ๆ อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เป็นไงบ้าง บื๋อ”
บื๋อหันไปข้างหลังทางต้นเสียง เพื่อนของเธอนั่นเอง! “ช ช่วยเราหน่อยสิ ขาเราแพลง”
เพื่อนคนนั้นเข้ามาช่วยพยุงบื๋อเดินต่อไปได้เร็วขึ้นเล็กน้อย “บื๋อเป็นไงบ้าง” เพื่อนคนนั้นพูด
“ก็ เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก เธอล่ะ” บื๋อตอบ
“กลัว ” เพื่อนคนนั้นตอบ “กลัวมากเลย ทำไมเราต้องมาเล่นเกมส์บ้านี่ด้วยก็ไม่รู้”
“นั่นสิ” บื๋อก้มหน้าลง “เอ้อนี่! แล้ว ”
เอ๋ ทำไมไอ้ที่เราเห็นมันแดง ๆ ล่ะ โอ๊ย อะไรแปล๊บ ๆ ที่หน้าผากน่ะ เห
“เรากลัวมากเลย ” บื๋อได้ยินเสียงเพื่อนคนนั้นพูดต่อ “ก็เลยต้องเล่นตามเกมส์ไป!!!”
เอ๋ เธอพูดอะไรน่ะ โอ๊ย!!!!! แปล๊บที่หน้าผาก!!!!! เธอดึงอะไรออกไป? เคียวงั้นเหรอ อะไรกัน มันมาอยู่บนหน้าผากฉันได้ไง แล้วนั่นเธอถืออะไรในมือ พร้า? เอามาทำอะไรน่ะ? โอ๊ย!!!!! เจ็บที่คอ!!!! อะไรกัน!!!! เธอเอาพร้าหั่นคอชั้นเหรอ โอ๊ยโอ๊ยโอ๊ย!!!!!!!! เจ็บ!!!!!!!!!!!! เจ็บเหลือเกิน!!!!!!! ช่วยด้วย!!!!!! ใครก็ได้ช่วยด้วย!!!!!!! อ๊ะ? หายเจ็บแล้ว ไม่เจ็บแล้ว อา สบายจังเลย เอ๊ะ นั่นใครน่ะอยู่ข้างหน้านั่น? เห?..ปรินซ์!!!! เรานึกว่าเธอตายแล้วซะอีก ดูสิ ยิ้มสวยเชียวนะปรินซ์ คราวนี้เราจะไม่จากกันแล้วใช่มั้ย?
นักเรียนเลขที่ 19 พีรยา อุตสาหจิต
ตาย เหลือ 20 คน
เพื่อนคนนั้นของบื๋อหยิบพร้าออกจากคอของบื๋อแล้วเอาใส่เป้ของเธอ เสียงพร้ากระทบกับกรรไกร ธนู และเคียวดังกริ๊ง แล้วเพื่อนคนนั้นของบื๋อก็หยิบปืนพกของบื๋อขึ้นมา
“ได้ปืนแล้ว ” เธอพูด
08.26
“อย่าฆ่ากันเลย!!!! เธอคนนั้นน่ะ!!!! อย่าเล่นปืนผาหน้าไม้เลย!!!! มาช่วยกันหาทางรอดดีกว่า!!!” แน็ทตะโกนผ่านโทรโข่งไปยังจุดดำเนินแผนของปรินซ์ที่เพิ่งจะมีเสียงปืนกลดังออกมา
“ได้ยินมั้ย!!!! อย่าเลย!!!!” แน็ทยังคงตะโกนต่อ
08.26
เมธ หมวย และถิกำลังเดินไต่ขึ้นเนินไปยังที่ที่มีเสียงปืนดังออกมา
“มาช่วยกันหาทางรอดดีกว่า!!! ได้ยินมั้ย!!!! อย่าเลย!!!!” มีเสียงดังมาจากเนินทางขวาของทั้งสามคน
“ใครวะ? บ้าชะมัด” ถิพูด “เดี๋ยวก็ได้ตายหรอก”
“นั่น เสียงแน็ทนี่!” หมวยพูด “แน็ทททท!!!!!”
ถิผวา เขารีบเอามือปิดปากหมวยทันที
“ยัยบ้า อยากตายเรอะ!”
08.27
“แน็ทททท!!!!!”
แน็ทหันไปมองทางต้นเสียง ใครน่ะ? หมวย! เมธ! ถิด้วย!
“หมวยยยย!!!!!!!! บนนี้จ้าาาา!!!!!!!! บนนี้!!!!!!!!”
08.27
“หมวยยยย!!!!!!!! บนนี้จ้าาาา!!!!!!!! บนนี้ !!!!!!!!”
“เห็นไหม แล้วทีนี้ไอ้บ้าปืนนั่นก็จะรู้ว่าเราอยู่ตรงนี้! ยัยเบ๊อะ! สมแล้วที่อาจารย์เอเรียกแกว่ายัยขี้เหร่!” ถิพูดอย่างหัวเสีย
“ก็ เรา ” หมวยพูด
“ไม่ต้องพูดแล้ว หาที่หลบให้ไวเลย!” ถิพูดเสียงแน่น
08.27
“หมวย!!! หมวย!!! ขึ้นมาเลย!!!”
“เธอไม่เจอหมวยหรอก”
แน็ทหันไปข้างหลังพร้อมกับพูดว่า “ทำไมล่ะ?”
เปรี้ยง!!! แรงกระสุนปืนอาร์ก้าโดนเข้าเต็ม ๆ ที่หน้าผากแน็ท
“เพราะว่าเธอจะไม่ได้อยู่รอเขาน่ะสิ” เจ้าพูด แล้วเดินไปหยิบโทรโข่งขึ้นมา
นักเรียนเลขที่ 18 ธิปวรรณ ขำพ่วง
ตาย เหลือ 19 คน
“พวกเอ็งทั้งหลายน่ะ!!!” เขาตะโกนออกโทรโข่ง “จะไปเล่นเป็นพระเอกนางเอกหนังทำไมกัน!!! ไอ้เกมส์เฮงซวยนี่มันไม่มีทางหนีรอดออกจากเกมส์ไปได้หรอก!!! ทำว่าเป็นเพื่อนกัน!!! มิตรภาพล้นจอจนกูจะอ้วกแตกตายอยู่แล้ว!!! มิตรภาพมีจริงซะที่ไหนกันวะ!!! พวกมึงเคยเห็นหัวกูหรือเปล่า!!! ต่อให้พวกมึงรอดไปได้มึงก็ต้องฆ่าคนอื่นจนเหลือคนเดียวอยู่ดี ไม่งั้นพวกมึงก็ตายกันหมด!!! เรื่องจริงมันไม่ได้เหมือนในหนังนะเว้ย!!! อาจารย์เอเขาไม่ได้ใจดีเหมือนคิตะโนะ!!! ไม่ต้องมาหวังว่าเขาจะเอาปืนฉีดน้ำมาขู่แกเล่น!!! ไม่มีหรอก!!!”
ระหว่างที่เขาตะโกน เขาก็เดินเข้าป่าไปด้วย
“พวกมึงคิดดูให้ดี!!! พวกมึงก็อยากเอาตัวรอดทุกคนใช่มั้ย!!! ไอ้พวกที่ฆ่าตัวตายน่ะมันฆ่าตัวตายทำไม!!! ก็เพราะไม่อยากถูกพวกคนที่รู้ถึงแก่นของเกมส์นี้อย่างกูฆ่ายังไงล่ะ!!! สุดท้ายก็แค่กลัวตายเท่านั้นเอง!!! คงคิดว่าฆ่าตัวตายเองแล้วจะไม่ต้องทรมานล่ะสิ!!!”
เจ้าหยิบปืนกลออกมาจากถุงย่าม
ปังปังปังปังปัง!!!
“ตะกี้พวกมึงได้ยินมั้ย!!! นี่แหละอำนาจ!!! อำนาจที่จะทำให้กูกลายเป็นผู้ชนะเกมส์และได้กลับบ้าน!!! แต่ก็ไม่แน่ ถ้ามีใครซาดิสม์กว่ากู ไอ้คนนั้นมันก็อาจจะได้กลับบ้านแทนกู!!! แต่ไอ้คนนั้นแหละคือคนที่ทำถูกต้อง!!! มันเอาตัวเองรอด!!!”
ปัง!!!
ลูกกระสุนปืนเฉียดหัวเจ้าไป เจ้าหันไปมองทางต้นทางของวิถีกระสุน ไอ้โบ้ถือปืนพกอยู่! มันกำลังเล็งมาทางเขา ท่าทางไม่สบายใจเพราะนัดแรกยิงไม่โดนซะแล้ว
ปังปังปังปังปังปังปังปังปัง!!!
เจ้ารัวปืนกลใส่โบ้อย่างไม่ปราณี ร่างของโบ้กระตุกตามจังหวะกระสุน โบ้ล้มลง
นักเรียนเลขที่ 7 รชดี ชื่นภักดี
ตาย เหลือ 18 คน
“ชิ ตะกี้พวกมึงได้ยินมั้ย!!! ไอ้โบ้มันจะฆ่ากู!!! ไอ้โบ้เพื่อนแสนรักของพวกมึงบางคนนั่นแหละ!!! มันจะฆ่ากู!!! พวกมึงเห็นมั้ยว่าคนอย่างไอ้โบ้มันยังคิดเอาตัวรอดโดยไม่สนกูทั้งทั้งที่กูเป็นเพื่อนของมัน พวกมึงคิดว่ายังไงล่ะ!!! นี่แหละสันดานคน!!! มันก็เอาตัวรอดกันทั้งนั้น”
เจ้าเดินเข้าป่าไปเรื่อย ๆ
“ขอให้พวกมึงเล่นเกมส์กันให้สนุก ไม่ที่ไหนสักที่อาจจะเจอกูก็ได้ ถึงตอนนั้นก็มาเล่นเกมส์กัน โชคดีเฟ้ย HWAHAHAHAHAHAHAHAHAHAHA!!!!!!!!”
เจ้าขว้างโทรโข่งทิ้ง แล้วจึงวิ่งไปข้างหน้า
08.30
“โชคดีเฟ้ย HWAHAHAHAHAHAHAHAHAHAHA!!!!!!!!”
“ไอ้เจ้ามันบ้าไปแล้วเหรอวะเนี่ย” เมธพูดตื่น ๆ หลังจากออกมาจากที่เกิดเหตุแล้ว
“ถุกแล้ว มันนั่นแหละที่บ้า แล้วทีนี้ใครใครก็จะระวังตัวมันกันหมด แต่นั่นล่ะดีแล้วสำหรับเรา” ถิพูดพลางวิ่งนำทางต่อไป “แล้วเสียงปืนตะกี้ เราว่าไอ้แน็ทม่องแล้วแน่เลย”
“ไม่นะ ” หมวยคราง
“ยังจะครางบ้าครางบออะไรกันอีก! พวกเธออาจม่องเหมือนไอ้แน็ทกับใครก็ไม่รู้อีกคนนั่นก็ได้ถ้าเราไม่มาพาหนีเนี่ย!” ถิมีน้ำโห
“พอแล้ว!” เมธระเบิด
ทั้งถิและหมวยอึ้งสนิท
“ทำไมพวกเราต้องมาทะเลาะกันเองอย่างนี้ด้วย อย่างนี้ก็ไปเข้าแผนไอ้เจ้ามันน่ะสิ มันจะยุให้พวกเราแตกกัน แล้วก็ฆ่ากัน ไม่ใช่เหรอ ทำไมเราไม่ลองพยายามสู้ดูล่ะ ดูอย่างในหนังสือการ์ตูนสิ ทั้งนานะฮาระ นาคางาวะ แล้วก็คาวาดะ ถึงจะรู้ว่าสู้ไปก็ยากที่จะเอาชนะรัฐบาล แต่พวกเขาก็ยังสู้! เราต้องสู้สิ! แล้วค่อยตายทีหลัง! แต่ไม่ใช่บนเกาะร้างนี่ ต้องเป็นบนเตียงอุ่น ๆ พร้อมทั้งลูกหลานญาติสนิทมิตรสหายรายรอบข้าง ตายอย่างมีความสุข! ไม่ใช่ในเกมส์นรกบ้าบอคอแตกนี่!”
ถิอึ้งไปอีกพักหนึ่ง แล้วก็ยิ้ม
“นายนี่มันเหมือนพระเอกหนังจริง ๆ น้า” เขาชกมือตัวเอง “เอาก็เอากะแกสิ! เอ้า ตอนนี้ต้องหาที่พักก่อน แล้วพอเที่ยงแล้วค่อยฟังประกาศอีกที เอ้า ไป!!!”
08.31
“แต่พวกเขาก็ยังสู้! เราต้องสู้สิ! แล้วค่อยตายทีหลัง!”
อาจารย์เอนั่งฟังลูกศิษย์ของตนเองพูดอย่างสบายอารมณ์ เขานั่งกินขนมปัง น้ำอัดลม
และของกินเล่นอีกหลายอย่างอยู่บนเก้าอี้นวมแสนสบาย
“ทำยังไงกับมันดีครับอาจารย์!” พลทหารศรรามพูดเมื่อได้ยินเสียงเมธ “มันกระด้างกระเดื่องนะครับ”
“มันฉลาดตะหากล่ะ” อาจารย์เอกัดขนมปัง “อันคิดอะออกไอ๊เอื้อนอ่ะอิ เอื๊อก แล้วค่อยหักหลังอีกสองคนนั่นทีหลัง เป็นลูกศิษย์ที่ฉลาดจริง ๆ ถิรวุฒิก็ด้วย เทอมหน้าน่าให้เกรด 4 นะ ”
09.52
“อ๊อยย เรา เหนื่อยแล้วล่ะ ” หมวยครางหลังจากเดินมาได้ชั่วโมงกว่า ๆ แถมยังถูกเจ้าไล่ฆ่าเป็นระยะทางกว่าสามร้อยเมตร โชคดีที่เจ้าเป็นคนวิ่งไม่แข็ง ทั้งสามคนจึงหนีรอดมาได้ แต่ก็เหนื่อยไปตาม ๆ กัน
“เรา ก็ เหนื่อยแล้ว แฮ่ก ล่ะ” เมธหยุดวิ่ง
“ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่เหนื่อยหรอกนะ” ถิพูด “แต่ถ้าจะพักตรงนี้ก็พักได้แป๊บเดียวแหละ เพราะพอสิบเอ็ดโมงตรงนี้ก็จะต้องห้าม อะไรจะซวยปานนั้นว้า มีเวลาอีกชั่วโมงกว่า ๆ เอ้า พักหน่อยก็ดี แต่อย่าพักเพลินล่ะ เดี๋ยวได้ตายโหงกันหมด”
ถิเดินไปยังเชิงเนิน ที่นั่นที่โพรงอยู่ “ไปนั่งพักในนี้แล้วกัน หลับไปเลยก็ได้ เดี๋ยวพออีกครึ่งชั่วโมงเราค่อยมาปลุก”
10.18
เกียรติวิ่งอย่างเร็วปรื๋อ ทักษะกีฬาของเขามีส่วนช่วยได้มากในสถานการณ์งี่เง่าบ้าบอคอแตกแบบนี้ เขาก็เหมือนคนอื่น ๆ ที่คิดว่าทำไมจะต้องมาเล่นเกมส์นรกเฮงซวยแบบนี้ด้วย แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในเกมส์แล้ว เขาก็ต้องมีชีวิตรอด
เกียรติยกเครื่องมือเซนเซอร์ขึ้นมาดู อาวุธของดีที่เขาได้มาจากเป้ ถึงแม้จะทำอะไรใครไม่ได้ แต่ก็กันไม่ให้ใครมาทำอะไรเขาได้แล้วกัน หวังว่าเขาคงไม่ต้องตายมาตายเหมือนสึกิมูระนะ ไม่เอาด้วยหรอก
เขตต้องห้ามตอนนี้คือ C6 คนละโลกเลย ไม่ต้องห่วงเหวอะไรแล้ว แถมเจ้าเซนเซอร์ของดีนี่ก็ยังบอกด้วยว่าเขาอยู่ที่ไหน ไม่แค่นั้นยังลง Update เขตต้องห้ามได้ด้วย สารพัดนึกจริง ๆ
อ่าฮ้า เจอคนแล้ว! สองคน! ข้างหน้าอีกสองร้อยเมตร ใครฟะ ?
เกียรติแหวกพุ่มไม้ออกพอมองเห็น แต่เขายังไม่ทันจะเห็นคนเลย
ปังปังปัง!!!!! ปังปัง!!! ปังปังปังปังปังปัง!!! ปังปังปังปัง!!! ปังปังปังปังปังปังปังปัง!!!!!!!!!!!!!!!!
เฮ้ย! อะไรวะ! เสียงปืนเรอะ! ใครมายิงกันแถวนี้วะเนี่ย!
เกียรติพยายามทำตัวให้ไม่เป็นที่สังเกตุที่สุด แล้วจึงมองเห็น
แก้วสรรกับจิราพรกำลัง ดวลปืนกันอยู่
10.15
แก้วสรรถือปืนพกในมือ เธอไม่ยอมแล้ว เธอจะไม่หลบ ๆ ซ่อน ๆ ให้ตายเปล่าอย่างนี้อีกแล้ว เธอจะสู้! จะสู้ให้มันจบ ๆ ไปซะที เธอจะได้กลับบ้าน! ไม่อยู่แล้ว เกาะบ้าเกาะบออะไรพรรค์นี้
เมื่อเช้าเธอได้ยินเสียงเจ้าตะโกนผ่านโทรโข่ง ไอ้เจ้าบ้าไปแล้ว มันจะไล่ฆ่าทุกคนที่เจอแน่ ๆ ยิ่งต้องป้องกันตัวเองเข้าไปใหญ่ เจอใครต้องยิงทิ้ง เจอใครต้องยิงทิ้ง เจอใครต้องยิงทิ้ง เจอใครต้องยิงทิ้ง ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน
ปังปังปัง!!!!!
แก้วสรรบังเอิญสะดุดล้มพอดี ลูกกระสุนจึงพลาดไม่โดนเธอ เธอลุกขึ้นมาแล้วยิงปืนไปทางต้นทาง
ปังปัง!!!
ปอ ทำไมปอมาอยู่ที่นี่ แล้วทำไมจะฆ่าฉันด้วยล่ะ ?
“ตายตายตายตายตายตาย!!!!!!!!!!!!!” ปอตะโกนพร้อมยิงปืนหลังจากหลบกระสุนแก้วสรรได้แล้ว ปังปังปังปังปังปัง!!!
“เราไม่ยอมตายหรอกกกก!!!!!!!!!!” แก้วสรรร้องบ้างทั้งยังยิงปืนใส่ปออย่างไม่คิดว่าเคยเป็นเพื่อนกัน ปังปังปังปัง!!!
“ตายตายตายตายตายตายตายตาย!!!!!!!!!!!!!” ปอบ้าไปแล้ว เธอยิงปืนอย่างไม่สนอะไร ไม่แม้แต่จะเล็งด้วยซ้ำ ปังปังปังปังปังปังปังปัง!!!!!!!!!!!!!!!!
10.20
เกียรติมองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความหวั่นหวาด
อะไรกันวะ มันเป็นกันถึงขนาดนี้เชียวเหรอคนเรา บ้า บ้าเกินไปแล้ว สองคนนี้มันบ้าเกินไป ไม่ได้ เราจะยอมให้เรื่องนี้เกิดต่อไปไม่ได้
แต่เราก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ทำยังไงดี
10.21
“ตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะ!!!!!!!!!!” แก้วสรรเริ่มบ้าไปกับปอแล้ว เธอยิ่งมั่วไปหมด
ปังปังปัง!!! แก๊ก แก๊ก แก๊ก
แก้วสรรสะดุ้ง กระสุนหมดแล้วหรือนี่! กระสุนสำรองอยู่ไหนนะ!? เป้ ใช่ เป้ หยิบออกมา เร็วเข้า กระสุน กระสุน เจอแล้ว!! ใส่เลย ใส่เลย
ปัง! ความเจ็บแปล๊บแล่นผ่านจากหน้าอกขึ้นไปตามเส้นประสาทเข้าถึงสมองของแก้วสรรในพริบตา โอ๊ย!!!!!!!!! เจ็บ!!!! เจ็บอะไรอย่างนี้!!!!! ไม่!!!! ฉันไม่ยอมตาย!!!!! ไม่ตาย!!!!!!!
ปัง!!! แก้วสรรยิงปืนออกไปด้วยแรงฮึดครั้งสุดท้าย เข้าหน้าผากปอ เต็มเต็ม
นักเรียนเลขที่ 14 จิราพร ยิ้มวิลัย
เลขที่ 28 แก้วสรร บุศยพงศ์ชัย
ตาย เหลือ 16 คน
10.23
“หวาาาาา!!!!!!!!” เกียรติผวาเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองคนตายไปซึ่ง ๆ หน้า “แก้ว!! ปอ!!”
ตายห่า ตายกันแล้ว
แกรบ
ใครน่ะ! เกียรติหันไปมองทางต้นเสียง ไม่มีคน คิดไปเองมั้ง แต่เขาก็อดไม่สบายใจไม่ได้ ยิ่งเพิ่งจะมีคนตายตรงหน้าอย่างนี้ เขาหยิบเซนเซอร์ขึ้นมา
มีคนอยู่ใกล้ ๆ เขา สี่ ห้าคน ตั้งห้าคน!!! ตายแน่
แกรบ แกรบ แกรบ
“ใครน่ะ!!!???” เกียรติหันไปข้างหลังทางต้นเสียง แต่เขาก็ต้องชะงัก “ ธ เธอ ”
10.00
“ไปกันหรือยัง” โสพูดขึ้นหลังจากเธอกับเพื่อน ๆ นั่งอยู่ในถ้ำดินนี้มานานแล้ว
“ไม่ ไม่ไป” ดาคราง “ไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันอยากตาย ไม่อยากสู้แล้ว ”
“พูดงี้ได้ไงอ่ะดา!” ส้มร้อง “ดาจะตายไม่ได้นะ!”
“แล้วจะให้เราทำยังไงล่ะ!?” ดาร้องขึ้น “ ก็ถ้าออกไปข้างนอก มีแต่ถูกเพื่อนฆ่า ไม่งั้นก็ต้องฆ่าเพื่อน เราไม่อยากเลือกซักทางนี่นา”
“ก็นั่นแหละ” ปิ๋วพูด “ไม่มีใครอยากทำแบบนั้นหรอก ”
“ทำไมจะไม่มีล่ะ!” ดาร้องน้ำตาไหล “ดูอย่างไอ้เจ้าสิ! เมื่อเช้าน่ะ! มันทำอะไรกับบุ๊ก! มันยิงหน้าตาเฉยเลยนะ! ยังจะบอกอีกเหรอว่าไม่มีคนทำแบบนั้นน่ะ!”
“แต่ถ้าเรานั่งแหงกอยู่อย่างนี้เราก็ตายแน่นะ!!” พลอยร้อง
“ก็นั่นแหละ เราอยากตายอยู่ตรงนี้น่ะแหละ!!” ดาตะโกน
“ใจเย็น ๆ ใจเย็น ๆ เพื่อน ๆ” ปิ๋วพูด “ก็จริงอยู่ที่มีคนบ้าไปกับเกมส์อย่างไอ้เจ้าอยู่ ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกที่ห้องเรา 44 คนจะมีสักคนที่บ้าไปกับเกมส์ เผลอ ๆ จะมีคนอื่นนอกจากไอ้เจ้าอีกด้วยซ้ำไปมั้ง แต่ก็นั่นแหละ มันต้องมีคนที่ไม่บ้าไปกับเกมส์นี้อยู่ด้วยสิ มันต้องมีบ้าง แต่มันต้องมีคนเริ่มต้น ถ้ามีคนเริ่มแล้วละก็ต้องมีคนตามมาสมทบเองล่ะน่า ทำไมเราไม่เริ่มซะล่ะ”
“มีแล้วล่ะคนเริ่มน่ะ” เนตรเดินเข้ามาพอดี
“เหรอ? ใครล่ะ” พลอยถาม
“รู้สึกจะพวกแน็ท เขาเอาโทรโข่งมาตะโกนปาว ๆ เหมือนในหนัง แล้วก็ ” เนตรหยุดพูด
“แล้วก็อะไร?” ปิ๋วซัก
“ตายเหมือนในหนังด้วย เป็นเสียงปืนกลน่ะ” เนตรวางเห็ดที่ไปหามาลงบนสมุดที่เอามารองเป็นจาน
“ปืนกล? ไอ้เจ้าเหรอ?” พลอยผวา
“อะไร? ทำไมปืนกลต้องไอ้เจ้าล่ะ?” เนตรงง
“เนตรเพิ่งมาเจอกับพวกเราตอนสายนี่เองสินะเลยไม่รู้อะไร” ส้มพูด “แต่พวกเรายังไม่ได้บอกอีกเหรอ เมื่อเช้าน่ะนะ ไอ้เจ้ามัน เอ่อ ”
“ไอ้เจ้ามันทำไม” เนตรซักบ้าง
“มันเอาปืนกลรัวบุ๊ก ตาย ” ส้มพูดเบา ๆ
“เฮ้ยยย!!! จริงอ่ะ!!!” เนตรร้อง
“จริง” อีกสี่คนพูดพร้อมกัน รวมทั้งดานี่นั่งนิ่งมาตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้วด้วย
ทุกคนนิ่งเงียบระหว่างที่เนตรกำลังย่างเห็ดให้เพื่อน ๆ กินด้วยท่าทางไม่สบายใจ ไอ้เจ้าเนี่ยนะ เพื่อนของเธอคนนี้เนี่ยนะ เด็กเก่าพญาไทด้วยกัน มันเนี่ยนะจะฆ่าเพื่อนได้ลงคอ
10.05
“อ๊ายยยย อร่อยจังเลยเนตร!” ปิ๋วร้องหลังจากกินเห็ดหมดแล้ว
“เหรอ ” เนตรยิ้มนิด ๆ “อร่อยก็ดีแล้ว ”
“ไปกันรึยัง!” โสร้องขึ้น “กินกันเสร็จแล้วก็มีแรงแล้วใช่มะ!”
“ก็ได้” ดาพูดเบา ๆ “ท่าทางจะอยากไปเหลือเกินนี่นะ ว่าแต่ ตอนสิบเอ็ดโมงตรงไหนจะกลายเป็นเขตต้องห้ามเหรอ?”
“ไม่รู้สิ” ปิ๋วพูด “อ้าว ไม่มีใครจำไว้เลยเหรอ?”
“อ้าว?” โสพูด “ก็แบ่งเวรจำแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ใครจำตอนสิบเอ็ดโมงล่ะ?” ดาร้อง
“บ บุ๊ก ” พลอยนึกขึ้นได้ “บุ๊กเป็นคนจำ ”
“ตายห่า!” ปิ๋วอุทาน “แล้วจะทำยังไงล่ะเนี่ย!”
“อยู่ตรงนี้ต่อไปดีมั้ย?” ดาพูด
“ไม่ ไม่ดีแน่ ๆ ยังไงยังไงก็ไม่ดีแน่” ปิ๋วพูด “เอาแผนที่มาดูสิ นี่ไง พอตกบ่ายแดดจะเข้าข้างหน้านี่เต็ม ๆ เลย คนอย่างพวกเราถูกแดดนานไม่ได้ นั่นหนึ่ง สอง เราอยู่ตรงนี้นานแล้ว ไอ้คนบ้าปืน หรือบ้ามีด บ้าเคียวอะไรก็ตามแต่เหอะมันต้องหาเราเจอจนได้ถ้าอยู่ในนี้ ก็ใช่หรอกที่ทำเลตรงนี้เหมาะที่จะพักมาก แต่เพราะมันเหมาะจะพักมากเนี่ยแหละ ไอ้คนบ้าปืนมันต้องรู้แน่ว่าเราอยู่ในนี้ ไปที่อื่นเถอะ สมทบกับพวกที่ไม่บ้าไปกับเกมส์ แล้วค่อยหาทางรอดกัน”
“ไปก็ไป” ดาลุกขึ้นยืน เป๊ก! “โอ๊ย!” หัวของดาเขกเพดานดินอย่างจัง
ครึกครึกครึกครึกครึก
“อะไรน่ะ?” พลอยร้อง
“ดินถล่ม!?” ปิ๋วร้อง
ครึกครึกครึกครึกครึก
“เฮ้ย!! เผ่นสิ!!” เนตรออกวิ่ง
“หวาหวาหวาหวาหวา!!!!!!!” โสวิ่งบ้าง
ครึกครึกครึกครึกครึก
“เร็วเข้าดา!!!” ปิ๋วตะโกน “ทำไมไม่ออกมาล่ะ!!! อยากตายรึไง!!!”
ดายืนนิ่งอยู่ในถ้ำที่กำลังถล่มลงมาอย่างไม่ขาดระยะ “ ใช่แล้วล่ะ บ๊ายบายนะ ”
ครืนครืนครืนครืนครืน
ถ้ำยังถล่มต่อไป “ดาาาาาา!!!!!!!!!” ปิ๋วตะโกน
“ต้องรอดให้ได้น้าาา!!!!!” เสียงดาดังออกมาจากถ้ำที่ปิดสนิทแล้ว
“ไม่นะดา!! ทำไมทำงี้!! บ้า!! บ้าบ้าบ้าบ้า!!!! ตอบสิดา!! ตอบเราสิ!!” ปิ๋วตะโกน เธอร้องไห้
ไม่มีเสียงดาตอบออกมา
“ไม่ ไม่จริงใช่มั้ย? ” เนตรคราง “ไอ้ดาติดแหงกอยู่ในดินนั่น ไม่ ไม่จริง ล้อเราเล่นใช่มั้ยดา ดา!!! เธอล้อเราเล่นใช่มั้ย!!! เรารู้นะว่าดาไม่เป็นอะไรหรอก!!! ไม่เอานะดา!!! ไม่ตลกเลยนะ!!!”
ก็ยังคงไม่มีเสียงตอบ
“บ้าบ้าบ้าบ้าบ้า!!! บ้าที่สุด!!!” พลอยร้อง
นักเรียนเลขที่ 41 สุดาลัด จึงแย้มปิ่น
ตาย เหลือ 15 คน
“ไม่ได้การแล้วละ ” เนตรพูด “ดินถล่มโครมครามอย่างนี้ต้องมีคนมาแน่ ๆ หลบเข้าป่าเร็วเข้า!!”
ทั้งห้าคนวิ่งเต็มที่เข้าป่า
“ดาตายแล้ว บุ๊กตายแล้ว จะมีคนตายมากไปกว่านี้อีกมั้ยเนี่ย ” โสพูด
“เดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยว” ปิ๋วร้อง เธอหยุดวิ่ง “หยุดก่อน”
“ทำไมปิ๋ว” ส้มพูด
“มีคน เราได้ยินเสียงคนร้อง” ปิ๋วบอก
ปิ๋วเดินเข้าไปใกล้ ๆ พุ่มไม้นั่น มีคนนั่งอยู่ตรงนั้นคนหนึ่ง
แกรบ แกรบ แกรบ เธอเหยียบใบไม้แห้งเข้า ตายแล้ว!
“ใครน่ะ!!!???” คนคนนั้นหันมาทันที เกียรตินี่เอง! “ ธ เธอ ” เขาพูด
09.30
นี่ เราฆ่าเพื่อนไปกี่คนแล้วเนี่ย ตั้งแต่วันแรก คืนแรก ตติยา แล้วก็ไอ้เกตน์ มัท ณัฐ รติ พอเช้ามาก็เผลอยิงไอ้บุ๊ก พอสายก็ยิงไอ้ปรินซ์ ไอ้แน็ท ไอ้โบ้ หนึ่งสองสามสี่ห้าหกเจ็ดแปดเก้า เก้าคนแล้ว เราฆ่าเพื่อนไปเก้าคนแล้ว ไม่ ไม่อยากเลย ไม่เลยสักนิด แต่ว่า ถ้าเราไม่ทำ เราก็ต้องตาย ห้องเรามันไม่เหมือนในหนัง คนที่เก่งคอมที่สุดอย่างไอ้โบ้เราก็ยิงมันไปแล้ว ยิ่งไม่มีทางรอดเข้าไปใหญ่ เรากลัว กลัวมาก เราจะทำยังไงดี ไม่นะ
เจ้าเช็ดน้ำตา แล้วลุกขึ้นยืน
ช่างหัวมันสิ เราก็ต้องเอาตัวเองรอดไว้ก่อนนั่นแหละ ก็เหมือนกับการสอบเข้า มันก็ต้องเหยียบย่ำคนอื่นเพื่อขึ้นไปให้ถึงจุดสูงสุด แล้วก็ต้องสู้ สู้เพื่อให้ตัวเองรอด
เจ้าหยิบปืนอาร์ก้ามาไว้ในมือ แล้วเริ่มออกเดินผ่านป่าไป
10.15
โอย เหนื่อยจังเลย นี่เราเดินอยู่ในป่ามานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย สี่สิบห้านาทีแล้วเรอะ ไม่เคยเดินป่านานขนาดนี้เลย ไม่สิ จะว่าไปเราไม่เคยเดินป่ามาก่อนเลยด้วยซ้ำ
โอ้!! ถึงชายป่าแล้ว! ข้างหน้านี่มัน ทุ่งหญ้า มีหินด้วย นี่มันทุ่งเดียวกับที่ใกล้ ๆ กับที่เรายิงไอ้โบ้ ปรินซ์ แล้วก็แน็ทไม่ใช่เรอะ เราวนมาออกที่เดิมเหรอเนี่ย!!
ปัดโธ่เว้ย!!!!!!!
เจ้ารัวอาร์ก้าไปที่พื้นตรงหน้าอย่างไม่มีความหมาย
ทำไมกูต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย!!!!!!!!!
ปังปังปังปังปังปังปังปังปัง!!!!!!!!!!!!!
ครึกครึกครึกครึกครึก
ดินตรงที่ที่เขายิงไปนั้นผลุบลงไป แล้วยังพาให้ดินแถวนั้นทรุดตัวลงไปด้วย เหมือนกับว่าข้างใต้ที่ที่เขายิงนั้นเป็นโพรงอยู่ก่อนแล้วอย่างนั้นแหละ
อ้าว ตายโหง ไปทำของเขาพังสิเนี่ย
เจ้าหันหลังวิ่งกลับเข้าป่าอีกครั้ง
กูไม่รู้ด้วยนะ
10.42
อึกอึกอึกอึก ฮ้าาา!!! ได้ดื่มน้ำนี่มันสบายใจสบายคอจริงจริ๊ง! น่าเสียดาย ไอ้บื๋อมันกินน้ำเยอะไปหน่อย เหลือมาถึงท้องเราไม่ค่อยมากเท่าไหร่เลยแฮะ อึ๊บ หงับหงับ เอื๊อก ขนมปังใกล้หมดแล้วสินะ แต่ว่าบื๋อนี่ดีจริง ๆ น้า มีปืนให้เราซะด้วย ของดีทีเดียวเชียว ลูกกระสุนยังเต็ม ๆ สบายเราไปเลยล่ะ
วันที่สองแล้วเหรอว้าาา นี่เราเก็บเพื่อนไปกี่คนแล้วเนี่ย คืนวาน ไอ้ไผ่หนึ่ง ไอ้ตาวสอง พอสักตีห้ากว่า ๆ ก็ได้ไอ้วิไปอีกคน สาม ตอนสายได้ไอ้บื๋อมาอีก สี่ ฮู้! น้อยจัง นึกว่าเล่นไปเป็นสิบคนแล้วซะอีก
อ้าว หวัดดีเบรฟ นายได้อะไร หา โอ้โห ของดีนี่ อะไรนะ ทำหายไปแล้วเหรอ อุวะ มามา มาคุยกันหน่อย นี่แน่ะ!!! ปังปังปัง!!! ฮ่าฮ่าฮ่า!!! กระจอกดีชะมัดเลย ไหนดูซิมีน้ำมีอาหารให้หน่อยหรือเปล่า โอ้โห! น้ำเต็มขวดเลย! มันไปเจอน้ำที่ไหนมาเนี่ยถึงเติมเต็มอย่างนี้ ขนมปังล่ะ หา! มีไส้กรอกด้วย! ใช่สิ ลืมไป มันชอบเอาของกินมาโรงเรียนเป็นประจำนี่หว่า มาเข้าค่ายแบบนี้ไม่เอาของกินมามหาศาลหน่อยก็แปลกเบรฟละ
โอ๊ย! อะไรกัน! เฮ้ย ไอ้เบรฟ! เรายิงแกไปแล้วนี่นา! อ๊า! ฟาดเต็มหัวเราเลยเรอะ! หนอยหนอยหนอย!! ต้องเจอคืนไปบ้าง! สงสัยเมื่อกี้ยิงไม่โดน นี่แน่ะ!! ปังปังปังปังปัง!!! ฮ่าฮ่าฮ่า!! เข้าพุงไปเลย ไม่ตายให้รู้ไป น่ารำคาญ หา! ยังไม่ตายอีกเหรอ! มันไปเอาแรงฮึดมาจากไหนเนี่ย! โอ๊ย!!! กิ่งไม้เรอะกิ่งไม้ กิ่งไม้เจอกิ่งไม้ฟาดกลับบ้างเป็นไงล่ะ! ผัวะผัวะผัวะ!!! เฮ้อ! เฮ้ย!!! อะไรกัน!!! ไอ้บ้านี่มันไม่ยอมแม้แต่จะสลบเรยรึไงเนี่ย!! พร้าเรา พร้าเรา พร้าเราอยู่ไหน โอ๊ย!!! ฟาดเรอะ ฟาดเรอะ อ้า! เจอแล้วพร้า นี่แน่ะ!! เฉาะ! เป็นไงละไอ้บ้า! เจอกลางกบาลเลย สะใจมั้ยล่ะ!
ฟู่! ว้า! เลอะไปหมดเลย! ก็ไอ้เบรฟมันเอาไม้มาฟาดเอา ๆ นี่นะ ดูซิมันมีอะไรดีนักทำไมยิงไม่เข้า เสื้อเกราะหรือเปล่า? ไหนไหนไหน โอ้โฮ้!!! เสื้อเกราะจริง ๆ ด้วย!!!
ขอนะ ^^
นักเรียนเลขที่ 3 นนทภัทร พูลศิริ
ตาย เหลือ 14 คน
10.55
“เฮ้ยยย!!! ตื่นๆๆๆๆๆๆ ตื่นเว้ยยย!!!!!!” ถิปลุกเมธอย่างนุ่มนวล
เมธสะดุ้งตื่นทันที “กี่โมงแล้ววะ!!” เขาร้องถาม
“จะสิบเอ็ดโมงแล้วเว้ยย!!! เลทมาฉิบหายตายโหงแล้ว!!! บ้าเอ๊ย กูก็เผลอหลับไปเหมือนกัน ซวยชิบ ไปปลุกหมวยด้วย ต้องรีบเดิน ไม่สิ วิ่งแล้วละ!”
“หมวยหมวยหมวย ตื่นๆๆๆ” เมธปลุกหมวยอย่างนุ่มนวล
“แม่ขาาา ขออีกห้านาทีได้มั้ยคะ ”
“ไม่ใช่เวลามาละเมอนะหมวย!! เดี๋ยวก็ได้คอระเบิดตายหรอกก!!!” ถิตะโกน
“อ๊ะ!!?? หา??” หมวยสะดุ้งตื่นจนได้ “เกิดอะไรขึ้นเหรอ!!??”
“เราเลยเวลาที่กำหนดมาแล้วน่ะสิ” เมธตอบ “ไปเร็วเข้า เดี๋ยวจะไม่ทันการ เขตนี้จะต้องห้ามแล้ว!”
“อย่าพูดมากเลย รีบไปกันเถอะ” ถิบอก
ทั้งสามคนรีบวิ่งออกจากพื้นที่นี้อย่างเร็วสุดชีวิต อีกสี่หรือห้าร้อยเมตร!! จะทันมั้ย!!
ความเร็วเฉลี่ยในการเดินของมนุษย์คือ 4km/h
หรือ 4000m/h
หรือ 66.67m/min
ภายใน 5 นาที ถ้าเดินจะได้ระยะทางประมาณ 333.33 m
แต่ถ้าวิ่ง ก็ต้องขึ้นอยู่กับแรงฮึดของคนวิ่ง
10.57
ไม้หน้าสามไม้หน้าสามไม้หน้าสามไม้หน้าสาม!!!!!!!! ช่างเป็นของที่งี่เง่าอะไรเช่นนี้!!! ก็ยังดี! เอาไปฟาดกบาลคนอื่นได้!! ตั้งแต่เช้านี่ยังไม่เจอใครเลย!! ไอ้จ๋อมก็ม่องเท่งไปซะแล้ว!! ต้องเล่นคนอื่นซะแล้วละ!!
โอ๊ะโห!!! โน่นมัน! ไอ้ หมวย! ไอ้ถิ! ไอ้เมธด้วย! วิ่งไปไหนของมันฟะนั่น!! ย้ากกกก!!!!! นี่แน่ะนี่แน่ะนี่แน่ะนี่แน่ะ!!!!! พลั่กพลั่กพลั่ก!!! ไปไหนไม่ยอมบอกกล่าว สมน้ำหน้าไอ้ถิ เลือดอาบหัวมันเลย!! นี่แน่ะนี่แน่ะนี่แน่ะ!!! พลั่กพลั่กพลั่ก!!! หนอยหนอยหนอย!!!
พูดอะไรของมัน “หนีไป” งั้นเรอะ หนีให้โง่เซ่ อ้าวอ้าวอ้าว ไอ้เมธ ไอ้หมวย แกจะไปไหน
10.59
อะไรของมัน?? หนีเรอะหนีเรอะ!!! ไม้ได้หรอก!!! หนีไม้หน้าสามแม่ไม่พ้นเป็นแน่ ย้ากกกกก!!!!!!!!!! ผัวะ!!!!!!!!!! ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้เมธ สมน้ำหน้า อ้าว ไอ้ถิ ทำไมแกหนีไปทางนั้นละวะ เฮ้ยเฮ้ยเฮ้ย ทำไมแกสามคนมองเราอย่างนั้นล่ะ ทำไม? ทำไม?? ทำไม???
11.00
ตูมมมม ซ่าาาา .
“กูบอกมันแล้วให้หนีไป อูย ” ถิคราง “น่าสงสารไอ้โบมันว่ะ กูกะให้มาเป็นเพื่อนด้วยแท้ ๆ”
นักเรียนเลขที่ 31 นันตพร พุฒตาล
ตาย เหลือ 13 คน
11.01
“เขตต้องห้ามเปลี่ยนแล้วใช่มั้ยปลั๊ก?” ป้าถาม
“อือฮึ” ปลั๊กตอบ “แต่ก็ถือว่าช่วงเช้านี้เราปลอดภัยใช้ได้แล้วเหมือนกันละนะ”
“ปลั๊กนี่ดีจังนะ ทำที่ซ่อนสูงเป็นด้วย”
“ก็ใช่น่ะสิ พอเที่ยงมีประกาศ ถ้าตรงนี้ยังไม่เป็นเขตต้องห้ามละก็อยู่ให้ถึงเย็นเลยนะ”
11.01
“เปลี่ยนเขตต้องห้ามแล้ว รอดไป” เกียรติพูดขณะที่กำลังเหลาไม้ให้พอเป็นอาวุธได้ด้วยมีดทำอาหารของโส “พอเที่ยงก็ต้องฟังประกาศใหม่ แล้วก็เดินไปเรื่อย ๆ อีก มันจะไม่มีที่ที่ปลอดภัยเลยเรอะ?”
“มันก็น่าจะมีอ่ะนะ” ปิ๋วพูด “แต่เราไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหนนี่สิ”
“ตอนนี้พวกเรา ห้า หกคน ก็เป็นกลุ่มที่ใหญ่เหมือนกันนะ” พลอยพูดขึ้น
“ก็นั่นแหละ” ส้มพูดหลังจากดื่มน้ำเสร็จ “ใหญ่ไว้ก่อนก็คงจะดีมั้ง”
“กลุ่มใหญ่มีทั้งดีและไม่ดี” เนตรบอก “มันดีตรงที่ช่วยกันได้ก็จริง แต่ถ้ามีคนมาเจอละก็ ปืนกลอันเดียวกราดไม่เหลือเลยนะ”
“แต่ก็ดีก็กลบข้อเสียมิดเลยละกัน” โสพูด
11.29
“ฮ้าาาา!!!!!! พักตรงนี้ก็ดีเหมือนกัน” เมธพูดพลางหย่อนก้นลงนั่ง
“ดีบ้านพ่อบ้านแม่มึงน่ะสิ” ถิพูด “ริมแม่น้ำอย่างนี้เป้าดี ๆ ชัด ๆ” จ๊อกกกกก
เมธกับหมวยมองหน้าถิ “ถิหิวแล้วเหรอ?” เมธถาม
“ก็ ตั้งแต่เมื่อเย็นวานเรายังไม่ได้กินอะไรเลยนี่นา” ถิอธิบาย
จ๊อกกกกกก
หมวยหน้าแดง “แหะ เราหิวแล้วล่ะ ”
“เราไม่มีของกินเลยตอนนี้” ถิพูด “ไป เอ่อ หาของกินก่อนก็ดีเหมือนกัน”
“ถิ!” เมธร้อง “นายคงไม่ฆ่าเพื่อนเอาขนมปังมาหรอกใช่มั้ย?”
“ต่อให้เราทำจริงก็คงไม่มีใครมีขนมปังเหลือแล้วล่ะ” ถิตอบ “เราต้องหาเอาบนเกาะนี้แล้ว”
“หาเอา บนเกาะนี้เนี่ยนะ” เมธกับหมวยร้อง
“กิ้งก่า แมว แย้ กินได้ทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวไปหามาให้ อย่าเพิ่งจุดกองไฟจนกว่าเราจะสั่งเด็ดขาด เข้าใจมั้ย!!!!!!!!!!!”
“ข เข้าใจค้าบบ” เมธคราง
11.52
ปังปังปัง!!! ปิงยิงเข้าพุ่มไม่ที่เพิ่งจะไหวไหวอยู่เมื่อครู่นี้ อะไรกันวะนั่น เธอแหวกพุ่มไม้ดู โอ้โห กระต่ายตัวเบ้อเริ่มเลย มื้อกลางวันละทีนี้ แผลบ
11.58
“โอ้โฮ้ เก่งจริง ๆ ลูกศิษย์เรา!!!” อาจารย์เออุทานลั่นห้องเมื่อเห็นกระดาษรายงานผู้เสียชีวิตในช่วง 06.00-12.00 น. ของวันนี้ที่มีจำนวนมากถึงสิบสองคน “ถ้าหากมีคนรอดไปได้ละก็ รอดต้องให้เกรดสี่ทุกวิชาซะหน่อยแล้วสิ”
“ยินดีด้วยครับอาจารย์” พลทหารศรรามตอบ “อาจารย์คงได้พบกับผู้ที่เข้มแข็งที่สุดสมใจแน่ครับ!”
“ใครบอกล่ะ” อาจารย์เอพูด “ฉันไม่ได้จะหาผู้ที่แกร่งที่สุดมาสรรเสริญเยินยออะไรหรอก”
“อ้าว แล้วจะเอามาทำอะไรล่ะครับ” ศรรามงง
“พอถึงเวลาแล้วฉันจะบอกเอง ตอนนี้ไปนั่งที่ก่อนไป๊” อาจารย์เอพูดใส่หน้าศรราม แล้วเดินไปหยิบไมค์
12.00
“เที่ยงแล้วววว!! นักเรียน!!!! เป็นยังไงบ้าง สนุกกันมั้ย!!! ครูดีใจจริง ๆ ที่พวกเธอขยันกันขนาดนี้ ช่วงเช้านี่มีคนออกจากเกมส์ไปถึง 12 คน!!! เป็นตัวเลขที่ดีมาก พวกเธออาจได้กลับบ้านเร็วกว่ากำหนดก็ได้ถ้าพวกเธอยังคงขยันต่อไปอย่างนี้!!! ต่อไปเป็นรายชื่อผู้ที่ออกจากเกมส์ไป!! เลขที่ 3 นนทภัทร พูลศิริ เลขที่เจ็ด รชดี ”
12.01
“ไม่อยากฟังชื่อคนที่ตายเลย” หมวยพูด
“ไม่มีใครอยากฟังหรอก” เมธบอก “เราคิดอย่างนั้นนะ”
“อือฮึ ” หมวยพยักหน้า
“ว่าแต่ไอ้ถิมันไปหาของกินถึงยะลารึไงเนี่ย ทำไมนานจัง
12.01
“เที่ยงแล้วเรอะ” ถิพูดพลางปาดเหงื่อ
12.01
“เราไม่อยากฟังเลยอ่ะ” ส้มพูด
“แต่ก็ต้องฟังเขตต้องห้ามไว้ให้ดีนะ เดี๋ยวจะซวยแบบเมื่อเช้าอีก” โสบอก
“ตลก กี่คนแล้วเนี่ย ห้า หก เจ็ด แปด ทำไมเยอะขนาดนี้ล่ะ!!!???” ปิ๋วร้อง
“คนบางคนถูกถอดหน้ากากแล้วน่ะสิ” เกียรติพูด
12.01
“ช่วยกันฟังเขตต้องห้ามนะป้า” ปลั๊กบอก
12.01
“ประกาศแล้วเรอะ” เจ้าพูดขึ้น “ชิ! นาฬิกามันเร็วกว่านาฬิกากู 2 นาที ต้องตั้งใหม่ซะละ”
12.01
ปิงเพิ่งจะก่อกองไฟเสร็จ
“ไหนไหนไหน ใครมั่งเอ่ย ว้าวว!!! ชื่อไอ้เบรฟออกคนแรกเลย ฝีมือชั้นละ ฝีมือชั้น!!!”
12.02
“และสุดท้าย เลขที่ 41 สุดาลัด จึงแย้มปิ่น รวมทั้งหมด12 คน เหลืออีก 13 คนเท่านั้น อ้าาา มาถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยกันแล้ว การประกาศเขตต้องห้าม!”
12.02
“ฟังไว้ หมวย” เมธพูด
12.02
“ไม่ฟังไม่ได้สินะ” ถิเหลือบเห็นงูตัวหนึ่งพอดี
12.02
“ช่วยกันฟังให้ดีนะ” ปิ๋วพูด “จดไว้ด้วยนะส้ม”
“อือฮึ คราวนี้ไม่พลาดแน่” ส้มรับ
12.02
“ต้องฟังสิ ” เจ้าพูด “ปากกากู ปากกากู ”
12.02
“มาแล้ว มาแล้ว” ปิงร้อง
12.03
“เพื่อเป็นรางวัลแก่นักเรียนทุกคน!!!” อาจารย์เอพูดเสียงดัง “นอกจากเขตโรงเรียนและบริเวณรอบเกาะแล้ว ช่วงบ่ายนี้ไม่มีเขตต้องห้ามใด ๆ ทั้งสิ้น!!!”
“อาจารย์ครับ!!!” ศรรามร้องเสียงหลง “อาจารย์ทำอะไร ”
“ขอให้นักเรียนทุกคนเล่นเกมส์กันให้สนุก อ้อ ขอบอกไว้ก่อนว่า ในช่วงหกโมงถึง
เที่ยงคืน เขตต้องห้ามจะมีเพิ่มเป็นชั่วโมงละห้าเขต รอฟังกันนะเออ! จบข่าว!”
12.03
“ไม่มี!?” เมธร้อง
“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?” หมวยพูด
12.03
“หา?” ถิทำศพงูที่อยู่ในมือหล่น
12.03
“ม ไม่มี ? ” ส้มพูดเบา ๆ “แต่ไปเพิ่มเป็นห้าเขตตอนค่ำ?”
“ดีหรือไม่ดีละเนี่ย” เกียรติส่ายหน้า
12.03
“อ้าว เฮ้ย!!!” เจ้าอุทาน
12.03
“อาจารย์นี่สุดยอดจริง ๆ” ปิงพูดก่อนที่จะดื่มน้ำ
12.04
“ถ้าไม่มีเขตต้องห้าม เราก็อยู่ที่นี่ได้จนถึงเย็นน่ะสิ” หมวยพูด
“ก็ใช่อยู่หรอก” เมธพูดเบา ๆ “แต่ช่วงหัวค่ำจะมีเขตต้องห้ามถึงห้าเขตเชียวนะ ไม่ยิ่งอันตรายเข้าไปใหญ่หรอกเหรอ”
“แต่ก็ถือว่าเราได้พักกันตั้ง เอ่อ หกชั่วโมงเชียวนะ” หมวยดูนาฬิกา
“ห้าชั่วโมง ห้าสิบหกนาที” ถิพูด เขามาแล้ว
“อ้าว ถิ มาแล้วเหรอ ได้อะไรมากินมั่งล่ะ” หมวยร้อง
“นี่ไง” ถิพูด แล้วชูของในมือให้ทั้งสองดู “ก็มีนี่ กระรอกตัวนึง กระต่ายตัวนึง แล้วก็งูอีกตัวนึง น่าจะอิ่มได้สบาย ๆ” เขาพูด
“อ๊ายยยย!!!!! ให้กินงูเหรอ?????” หมวยร้อง
“ไม่กินก็หิวตายไปเลย เอามั้ยล่ะ อีนี่” ถิพูดอย่างไม่ค่อยรักษาน้ำใจเท่าไหร่ “ไอ้เมธ ก่อไฟได้แล้ว เอากองเล็ก ๆ พอนะ”
“คร้าบบบบ” เมธคราง
12.04
“เอาละ เราอยู่ที่นี่ได้อีกอย่างน้อยหกชั่วโมงสินะ” ปิ๋วพูดพลางเก็บแผนที่จากมือส้มเข้ากระเป๋า
“จะกินอะไรกันหน่อยมั้ย” เกียรติพูดพลางโยนไม้ที่เหลาจนแหลมแล้วลงบนพื้น แล้วจึงยันตัวขึ้นยืน “เดี๋ยวเราไปหามาให้”
“อ๊ะ เราไปด้วย” ปิ๋วร้องพลางลุกขึ้นยืน
“หูยยยย คู่นี้เนี่ย สวีททท กันแม้แต่ในเกมส์นรกนี่เลยนะ” ส้มแซว
“บ้าน่า ส้ม” ปิ๋วร้องหน้าแดง แล้วจึงหันไปหาเกียรติ “ไปเถอะ” เธอพูด
12.04
จ๊อกกกกก ท้องเจ้าร้อง จะว่าไปนี่ก็เที่ยงสี่นาทียี่สิบสามวินาทีแล้วสินะ น่าจะได้เวลากินข้าวแล้ว เจ้าหยิบถุงย่ามขึ้นมาแล้วเทของข้างในออกมา เขาหยิบขนมปังขึ้นมากิน
กินแต่ขนมปังมาสองวันแล้วสิเรา
12.04
ปิงเสียบลูกธนูเข้ากับตัวกระต่าย แล้วจึงเอาไปย่างไฟ
“มื้อกลางวัน! มื้อกลางวัน!” เธอร้อง
12.05
“อาจารย์ทำอะไรครับ!!!” ศรรามร้องเสียงหลงอีกครั้ง “ทำไมไปเลิกเขตต้องห้ามแบบนั้นล่ะ!!!”
“ก็เป็นสิทธิ์ของฉันไม่ใช่รึ?” อาจารย์เอพูดพลางยกเบียร์ขึ้นดื่ม(การดื่มสุราทำให้ความสามารถในการควบคุมเกมส์ BR ลดลง) “ที่จะกำหนดเขตต้องห้ามมากน้อยแค่ไหนก็ได้”
“ก็จริงครับ แต่ว่า ” ศรรามหงอย “มันจะดีหรือครับ เวลาผ่านไปเปล่าประโยชน์ตั้งหกชั่วโมงอย่างนี้”
“ดีสิ” อาจารย์เอวางกระป๋องลงกับโต๊ะ “พวกเราก็ได้พักด้วยไม่ใช่เรอะ”
“พัก พักเหรอครับ?” ศรรามทำหน้างง
“อื้ม” อาจารย์เอพยักหน้า แล้วจึงแกะกล่องโฟมใส่อาหารกลางวัน “เพราะเดี๋ยวต้องใช้แรงกันเยอะ”
12.11
ง่ำง่ำง่ำง่ำง่ำ แจ๊บแจ๊บแจ๊บแจ๊บแจ๊บ ง่ำง่ำง่ำง่ำง่ำ เอื๊อกกก ง่ำง่ำง่ำง่ำง่ำ
เมธกินเนื้อกระรอกส่วนของเขาอย่างหิวโหย อันที่จริงมันก็อร่อยดีเหมือนกัน ถ้าลืมไปได้ว่าเมื่อกี้มันยังตาแป๋วน่ารักอยู่ ส่วนเนื้องูที่ตอนนี้ไม่เหลือความเป็นงูแล้วก็ลงไปอยู่ในท้องของถิเรียบร้อย ในขณะที่หมวยยังทำใจไม่ได้ที่จะต้องกินกระต่ายน้อยที่(เมื่อกี้)น่ารัก
“ทำไมไม่กินละ? ง่ำ” ถิพูดพลางกินเนื้องูย่าง “(น่าจะ)อร่อยนะ”
“เรา เรากินไม่ได้ ” หมวยคราง
“อุวะ! ทำไมจะกินไม่ได้! ไม่กินใช่ป่ะ เอามานี่เลย” ถิมีน้ำโหที่ของที่ตัวเองอุตส่าห์ทำมีคนไม่ยอมกิน
“ไม่ไม่ไม่ไม่นะ!!!!!” หมวยร้อง “ร เรากินก็ได้ กินแล้วค่ะ กินแล้ว”
“มันต้องอย่างนี้สิ มนุษย์” ถิพูด
“มีอีกป่ะ” เมธร้อง “กระรอกอร่อย”
“ไปหาเองไป๊” ถิบอกปัด
12.19
“อร่อยป่ะ?” เกียรติถามปิ๋ว
“อร่อยจ้ะ” ปิ๋วตอบ
“อู๊ยยยย ดูสิโส มดมาแล้วใช่ไหมนั่นน่ะ” ส้มล้อ
“เงียบเถอะน่า” เกียรติกับปิ๋วร้องพร้อมกันจนส้มหงอยไปในทันที
12.19
กร้วมกร้วมกร้วมกร้วม อึกอึกอึก เอื๊อกกก ฮ่าาาา โอย อิ่มจนได้ แต่ไม่อร่อยเลยอ่ะ เมื่อไหร่จะได้กินของอร่อย ๆ กว่านี้น้า อย่าง หมูปิ้ง ไก่ย่าง หรืออะไรพรรค์นี้
เจ้าล้มตัวลงนอน แล้วผลอยหลับไปในทันที
12.25
ปิงทิ้งเศษกระต่ายลงที่โคนต้นไม้ข้าง ๆ
“ฮ้าาาาา ไม่มีเขตต้องห้ามถึงหกโมงเย็นแน่ะ นอนดีกว่า” ว่าแล้วเธอก็ล้มตัวลงนอน
12.28
“หิวมั้ยป้า?” ปลั๊กถาม
“ม ไม่หรอก อ เอ่อ ก็ นิดหน่อยอ่ะนะ” ป้าตอบ
“งั้นเอานี่ไปสิ” ปลั๊กล้วงกล่องสีฟ้าออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้ป้า “อร่อยนะ เราทำเอง”
“อะไรน่ะปลั๊ก?” ป้าถามพลางเปิดกล่อง “โอ้โห! นี่มันข้าวกล่องนี่! ปลั๊กทำเองเหรอ? น่าอร่อยจัง ว่าแต่ ให้เรากินจริง ๆ เหรอ”
“อือฮึ” ปลั๊กพูด “จริง ๆ กะเอาไว้กินกับเพื่อน ๆ เราที่ค่ายน่ะ แต่เป็นแบบนี้ซะแล้ว เอ้อ มันคงเย็นแล้วมั้งนั่นน่ะ”
“ก็ใช่นะ แต่ ” ป้าหยิบกุ้งขึ้นมาใส่ปากเสียตัวหนึ่ง “ยังอร่อยอยู่จ้ะ”
“เหรอ ก็ดีแล้ว” ปลั๊กพูดแล้วมองออกไปข้างนอก “เราคงพักได้ ป้านอนก่อนก็แล้วกัน พอสักห้าโมงครึ่งเราจะปลุกนะ”
12.30
“บอกให้นอนก็นอนไปเซ่!!!!!” ถิตะคอก
“แต่ ” หมวยพูด
“นอนไปเลย!!! หลับไปเลย!!! พอเขาประกาศแล้วจะปลุกให้ เข้าใจ๋?” ถิตะคอกซ้ำอีก
“จ้า” หมวยพูดพลางหย่อนตัวลง
“คร้าบบบ” เมธทิ้งตัวลงนอน
12.53
“ไม่มีการเคลื่อนไหวเลยครับ” พลทหารเอกพันธ์พูดขึ้น “นักเรียนทั้งหมดอยู่กับที่มากว่าสิบห้านาทีแล้วโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายเลยครับ”
“บอกแล้วไงอาจารย์ มันไม่เกิดอะไรขึ้นมาหรอก” ศรรามพูดกับอาจารย์เอ
“เสียดาย ” อาจารย์เอพูด “นักเรียนเราน่าจะฉลาดกว่านี้อีกนิด” เขาเดินกลับไปที่โซฟา แล้วเปิดเบียร์อีกกระป๋องขึ้นดื่ม
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น