ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HARRY POTTER : The Missed Three Months

    ลำดับตอนที่ #14 : 14 - 16 มีนาคม : ตำนานรักนักปรุงยา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 252
      1
      6 ต.ค. 46

    เสาร์ 14 มีนาคม



        สามทุ่มแล้ว ปีเตอร์กำลังเดินอยู่ในป่าต้องห้าม



        “ต้นตะแบกพันปี” เขาพูดเบา ๆ กับตัวเอง “ต้นตะแบกพันปี…อยู่ที่ไหนกัน…”



        ปีเตอร์เกือบสะดุดรากไม้ล้ม เขาเริ่มเหนื่อยแล้ว เขาเดินหาต้นตะแบกพันปีในป่านี่มาตั้งแต่ตอนเย็น ความเหนื่อยเริ่มถาโถมเข้ามา เขาเริ่มง่วงนอนแล้ว อยากนอนเหลือเกิน เตียงนุ่ม ๆ อากาศเย็น ๆ …เขาง่วงนอนเหลือเกิน เพลียเหลือเกิน…ไม่ไหวแล้ว



        เขาล้มลง



        “ตะแบก…พันปี…” ปีเตอร์ครางก่อนที่จะหมดสติ “นั่นหมายความว่ามัน…ถูกปลูกตั้งแต่มี…ฮอกวอตส์ใหม่ ๆ…”



        ในสติสัมปชัญญะสุดท้าย ปีเตอร์มองเห็นเงาตะคุ่มที่มืดดำยิ่งกว่าความมืดของป่าตรงเข้ามายังเขา ไม่ว่าเงานั้นจะมาด้วยจุดประสงค์ดีหรือจุดประสงค์ร้าย ปีเตอร์ก็มองไม่เห็นอะไรอีกต่อไป เขาไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว





    อาทิตย์ 15 มีนาคม



       ต้นตะแบกพันปี…



        ต้นตะแบกพันปี…



        อยู่ที่ไหน…



        ที่ไหนกัน…



        นั่น…อะไร



        เงา?…



        เงาใคร…



        “ใคร…” ปีเตอร์ครางออกมา แล้วเขาก็เริ่มตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่ความฝันแล้ว เขายันตัวขึ้นนั่ง แต่มีมือหนึ่งกดให้เขานอนลงต่อไป



        “ค…คุณเป็นใคร” ปีเตอร์ถามออกไป



        “ดูเหมือนเธอจะเรียกข้าว่าพ่อมดแห่งป่าต้องห้ามไงล่ะ จำได้ไหม” เขาตอบ “ไม่มีคนมาเยี่ยมนานแล้วนะนี่ ข้าละดีใจจริง ๆ”



        “พ่อมดแห่งป่าต้องห้าม!?” ปีเตอร์ทะลึ่งพรวดขึ้นนั่ง “คุณเบลสโต สเนปหรือครับ”



        “เบลสโต สเนป ตายไปแล้ว พ่อหนุ่ม” เขาตอบ “ที่เหลืออยู่ที่นี่คือเงาชีวิตของเขาเท่านั้น”



        ปีเตอร์มองดูเบลสโตให้ดี ๆ อีกครั้ง เงาชีวิตอย่างนั้นหรือ แต่เขาดูเหมือนจะสัมผัสได้



        “คุณจริง ๆ หรือครับ” เขาถามออกไปจนได้



        “อา…จะว่าอย่างนั้นก็ได้” เบลสโตตอบ “แต่ก็นั่นแหละนะ จริง ๆ ข้าตายไปนานแล้ว สัก…สิบหรือยี่สิบปีได้แล้วมั้งนะ…”



        “สิบหรือยี่สิบปีได้แล้วหรือครับ” ปีเตอร์ทวน “ใช่ช่วงที่คุณถูก…เอ่อ…โวลเดอมอร์”



        เบลสโตสะดุ้งเฮือก



        “จ…เจ้าพูดว่าอะไรนะ…พ่อหนุ่ม…ชื่อของคนที่ไม่ควรเอ่ยชื่ออย่างนั้นหรือ…”



        “ก็ใช่แล้วล่ะครับ” ปีเตอร์ตอบ “อย่าห่วงไปเลยครับ โวลเดอมอร์ไม่อยู่แล้ว”



        “ไม่อยู่? ไม่อยู่อย่างนั้นหรือ? หมายความว่าอย่างไรกัน?”





    จันทร์ 16 มีนาคม



        หลังจากปีเตอร์ใช้เวลาเมื่อวานทั้งวันในการอธิบายเรื่องของโวลเดอมอร์ให้เบลสโตฟังแล้ว วันนี้ปีเตอร์ก็กลับมาอีกครั้ง และหยิบเอาคำถามที่เขาถามเบลสโตตั้งแต่เมื่อวานมาถามเบลสโตอีกครั้งด้วย



        “คุณ…เอ่อ…เป็นอะไรตายครับ” เขาถามออกไปหลังจากดื่มน้ำชาที่เบลสโตทำให้



        “ข้าหรือ?” เบลสโตหย่อนตัวลงนั่ง “หลังจากที่โวลเดอมอร์คิดว่าฆ่าข้าได้แล้ว ข้าก็แปลงร่างเป็นค้างคาวหนีมาอยู่ในป่าต้องห้ามนี่”



        “ค้างคาว…คุณเป็นแอนนิเมไจเหรอครับ”



        “แอนนิเมไจ…ใช่…ทำไมล่ะ”



        “ม…ไม่มีอะไรครับ” ปีเตอร์ก้มหน้า “ต่อเถอะครับ”



        “อ้า…ใช่ ข้าเข้ามาในป่าต้องห้าม ตอนนั้นในป่าต้องห้ามนี้มีเรื่องเกี่ยวกับแม่มดแห่งป่าต้องห้ามอยู่ด้วยนะ แต่เจ้าคงไม่รู้หรอก แม่มดแห่งป่าต้องห้ามนั่นคือภรรยาข้าเอง รูเซีย นางไปอยู่ในป่าต้องห้ามเพราะนางบอกว่านางชอบที่นั่น”



        เบลสโตหัวเราะ



        “แต่ก็นั่นแหละนะ เขาชอบของเขาอย่างนั้น ตอนที่ข้าเข้าไปหานาง นางตกใจใหญ่ ก็อีกแหละ เราแยกทางกันตั้งแต่มีเซเวอร์รัส รูเซียเกลียดเซเวอร์รัส ไม่รู้ทำไมนะ แต่ข้าก็ยินยอมทำตามที่รูเซียบอกทุกอย่าง ก็ข้ารักนางเหมือนชีวิตจิตใจ…นี่ไปถึงไหนแล้ว อ้อใช่ ข้าเข้าไปหารูเซีย



        “ ‘เบลสโต’ เธอร้อง ‘นี่อะไรกัน แกยังมีหน้ามาหาฉันอีกเหรอ’



        “ ‘โธ่ ที่รัก’ ข้าพูดออกไป ‘ผมไม่มีที่พึ่งอื่นอีกแล้วนะ ผมต้องพึ่งคุณ ผมออกไปข้างนอกนั่นไม่ได้แล้ว คนที่ไม่ควรเอ่ยชื่อเพิ่งจะคิดว่าฆ่าผมได้ ถ้าผมออกไป แล้วมีคนเห็นผมอีก มันต้องตามมาถึงฮอกวอตส์อีกแน่ ๆ แล้วทีนี้นะที่รัก มันก็จะทำลายป่านี้ให้ราบเพื่อตามหาผม แล้วบ้านแสนรักของคุณก็จะ…’



        “ ‘พอแล้ว!’ เธอร้องเสียงดังมากจนข้าต้องปิดหู ‘ไม่ต้องมาพูดอะไรอีกทั้งนั้น ฉันกับเธอไม่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว จำได้ไหม ก็เธอน่ะ…เธอน่ะ’



        “ถึงตอนนี้รูเซียก็เริ่มร้องไห้



        “ ‘เธอไปพร้อมกับลูกชายเรา เธอหนีจากฉันไป ไม่เคยคิดถึงฉันเลย’



        “ ‘รูเซีย…ผม’ ข้าพยายามปลอบใจเธอ



        “ ‘ไม่! ไม่! ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น!’ เธอผลักข้าไม่ให้ได้เข้าใกล้เธอเลย ‘ฉันเกลียดเธอ เกลียด เกลียด เกลียดที่สุด!!!’



        “ ‘รูเซีย…’ ข้าเริ่มอ่อนใจ ตอนนั้นข้าเกือบจะลืมเรื่องที่ข้าต้องหลบโวลเดอมอร์ไปแล้ว แต่กลับนึกถึงคนรักของข้าที่กำลังร้องไห้อยู่ตรงหน้านั่น ‘รูเซีย ผม…ผมไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งคุณไปไหนเลยนะ แต่คุณเป็นคนบอกผมเองว่า…’



        “ ‘ให้ไปซะให้พ้น ๆ หน้า แล้วเอาเลือดเนื้อเชื้อไขของแกไปด้วยใช่ไหม?’ รูเซียพูดออกมาเบา ๆ ‘นั่นมัน…นั่นมันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบแค่นั้นเอง ฉัน…ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เธอไปจากฉัน เธอรู้ไหม ตลอดหลายสิบปีมานี่ฉันไม่เคยลืมเธอสักวินาที แต่เธอกลับ…เธอกลับ…ไม่มาหาฉันเลย’



        “ข้าพูดไม่ถูกเลยว่าตอนนั้นข้ารู้สึกอย่างไร…ข้าเคยคิดว่าข้าต้องเสียเธอไปตลอด แต่เมื่อมาถึงตอนนั้นเรื่องมันกลับกันหมด ข้ารู้สึกดีใจที่นางยังมีจิตคิดโหยหาข้า แต่อีกใจหนึ่ง ข้ากลับเศร้าเสียใจที่ทำให้นางต้องตกอยู่ในวังวนแห่งความเศร้า



        “ข้าอยู่กับนางตั้งแต่นั้น ดูแลนาง … จวบจนกระทั่งเงื้อมมือมัจจุราชพรากนางไปจากข้า



        “ข้าตกอยู่ในความเศร้าโศกอย่างเลวร้ายเป็นเวลานานหลังจากนางจากข้าไป ตอนนั้นข้าทนไม่ได้ที่ไม่มีนางอยู่ข้าง ๆ ข้าเคยเสียนางมาแล้วครั้งหนึ่ง และในตอนนั้น ข้าไม่อยากจะเสียนางไปอีก



        “ข้าระลึกได้ว่าเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับยาชุบชีวิตที่ต้องแลกด้วยชีวิตมนุษย์เพื่อนำชีวิตมนุษย์คืนมา ข้าหมดเวลาไปหลายเดือนเพื่อตามหาสูตรและส่วนผสมของยานั่น แต่ในนาทีสุดท้ายที่ข้ากำลังจะปรุงยานั่นได้สำเร็จ ข้ากลับเห็นรูเซียอยู่ตรงหน้า



        “ ‘ที่รัก’ นางพูด…ไม่สิ นางไม่ได้พูด แต่ข้ารู้สึก



        “ ‘รูเซีย…เธอ…เธออยู่ที่นี่รึ?’



        “นางพูดเหมือนไม่ได้ยินเสียงข้าว่า ‘ปล่อยฉันไปตามทางของฉันเถิด’ แล้วข้าก็เห็นว่านางเริ่มจะหายไป



        “ข้าร้องเรียกนาง แต่สิ่งเดียวที่ข้าได้ยินก็คือ ‘ปล่อยไป’ เท่านั้น



        “ข้าใช้เวลาตรองดูอีกนานเนิ่น จนข้าคิดได้ว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะพานางออกมาจากหุบเหวแห่งความตาย… นางตายไปแล้ว และยาชุบชีวิตที่ข้ามีก็ไร้ค่า



        “ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของชีวิต ข้าอุทิศให้กับการศึกษาตำรายาต่าง ๆ จากเดิมที่ข้าเคยเป็นราชาแห่งวิชาศาสตร์มืด กลายเป็นหมอยา” เขาหัวเราะ “แต่ก็นั่นแหละนะ ประสบการณ์ของข้าในตอนที่ออกตามหาสูตรและส่วนผสมยาทำให้ข้าได้อะไร ๆ เยอะ…หลายอย่าง”



        “เจ้ามีอะไรจะถามใช่ไหม?” เขาหยุดพูด “ถามมา”



        “อ่า…ครับ” ปีเตอร์พูดสั่น ๆ เขาตัดสินใจถามคำถามส่วนตัว…ถึงยังไงเขาก็ยังมีเวลาอยู่กับเบลสโตอีกเป็นวัน “คือผมยังไม่ทราบเลยว่าท่านเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด…ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วครับ”



        “หา อ้อ ข้าน่ะรึ ก็ไม่มีอะไรมาก แก่ตายตามประสา”



        “แต่ท่านดูไม่แก่ขนาดจะตายได้นี่ครับ”



        ชายชราหัวเราะ “ก็เพราะยานั่นแหละ มันคืนวัยเยาว์ให้ข้า แต่มันไม่คืนเวลาให้ข้าเลย…มีอะไรอีก?”



        “ธุระจริงแล้วครับ ท่านรู้จักคาถาประสานจิต ฟิวซิออโน ไหมครับ?”



        “ฟิวซิออโน? รู้จักซิ ก็ข้าเป็นคนหนึ่งในกลุ่มที่วิจัยมันขึ้นมาเอง! ทำไมรึ?”



        “ลูกศิษย์ของผมคนหนึ่งได้รับผลข้างเคียงจากคาถานี้จนสลบไสลไม่ได้สติมาเกือบสามเดือนแล้วครับ”



        “สลบไสลไม่ได้สติ? คาถานี้ใช้สำเร็จผลหรือเปล่า?”



        “สำเร็จผลครับ แต่หลังจากที่ลูกศิษย์ทั้งสองของข้าแยกออกจากกัน คนหนึ่งฟื้นขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว แต่อีกคนหนึ่งกลับสลบไสลไม่ได้สติมาจนบัดนี้ครับ”



        “ไม่ใช่เรื่องแปลก”



        “อะไรนะครับ?”



        “ข้าว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเป็นแบบนี้…วิธีแก้ไม่ยาก ว่าแต่ใครเป็นผู้ใช้คาถานั่น”



        “ศาสตราจารย์ฟลิตวิกครับ”



        “ฟิลิอัส!” ชายชราอุทาน “เด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่อีกรึ?”



        “หามิได้ เขาหมดพลังชีวิตจากการใช้ฟิวซิออโนครับ”



        “โอ้…น่าเสียดาย…เขาเป็นนักเรียนวิชาคาถาที่เก่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็น… ตกลงว่าเจ้าอยากให้ข้าช่วยลูกศิษย์ของเจ้าคนนั้นใช่ไหม?”



        “ครับ”



        “ถ้างั้นฟังข้า…”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×