ลำดับตอนที่ #14
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : 14 - 16 มีนาคม : ตำนานรักนักปรุงยา
เสาร์ 14 มีนาคม
    สามทุ่มแล้ว ปีเตอร์กำลังเดินอยู่ในป่าต้องห้าม
    “ต้นตะแบกพันปี” เขาพูดเบา ๆ กับตัวเอง “ต้นตะแบกพันปี อยู่ที่ไหนกัน ”
    ปีเตอร์เกือบสะดุดรากไม้ล้ม เขาเริ่มเหนื่อยแล้ว เขาเดินหาต้นตะแบกพันปีในป่านี่มาตั้งแต่ตอนเย็น ความเหนื่อยเริ่มถาโถมเข้ามา เขาเริ่มง่วงนอนแล้ว อยากนอนเหลือเกิน เตียงนุ่ม ๆ อากาศเย็น ๆ เขาง่วงนอนเหลือเกิน เพลียเหลือเกิน ไม่ไหวแล้ว
    เขาล้มลง
    “ตะแบก พันปี ” ปีเตอร์ครางก่อนที่จะหมดสติ “นั่นหมายความว่ามัน ถูกปลูกตั้งแต่มี ฮอกวอตส์ใหม่ ๆ ”
    ในสติสัมปชัญญะสุดท้าย ปีเตอร์มองเห็นเงาตะคุ่มที่มืดดำยิ่งกว่าความมืดของป่าตรงเข้ามายังเขา ไม่ว่าเงานั้นจะมาด้วยจุดประสงค์ดีหรือจุดประสงค์ร้าย ปีเตอร์ก็มองไม่เห็นอะไรอีกต่อไป เขาไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว
อาทิตย์ 15 มีนาคม
  ต้นตะแบกพันปี
    ต้นตะแบกพันปี
    อยู่ที่ไหน
    ที่ไหนกัน
    นั่น อะไร
    เงา?
    เงาใคร
    “ใคร ” ปีเตอร์ครางออกมา แล้วเขาก็เริ่มตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่ความฝันแล้ว เขายันตัวขึ้นนั่ง แต่มีมือหนึ่งกดให้เขานอนลงต่อไป
    “ค คุณเป็นใคร” ปีเตอร์ถามออกไป
    “ดูเหมือนเธอจะเรียกข้าว่าพ่อมดแห่งป่าต้องห้ามไงล่ะ จำได้ไหม” เขาตอบ “ไม่มีคนมาเยี่ยมนานแล้วนะนี่ ข้าละดีใจจริง ๆ”
    “พ่อมดแห่งป่าต้องห้าม!?” ปีเตอร์ทะลึ่งพรวดขึ้นนั่ง “คุณเบลสโต สเนปหรือครับ”
    “เบลสโต สเนป ตายไปแล้ว พ่อหนุ่ม” เขาตอบ “ที่เหลืออยู่ที่นี่คือเงาชีวิตของเขาเท่านั้น”
    ปีเตอร์มองดูเบลสโตให้ดี ๆ อีกครั้ง เงาชีวิตอย่างนั้นหรือ แต่เขาดูเหมือนจะสัมผัสได้
    “คุณจริง ๆ หรือครับ” เขาถามออกไปจนได้
    “อา จะว่าอย่างนั้นก็ได้” เบลสโตตอบ “แต่ก็นั่นแหละนะ จริง ๆ ข้าตายไปนานแล้ว สัก สิบหรือยี่สิบปีได้แล้วมั้งนะ ”
    “สิบหรือยี่สิบปีได้แล้วหรือครับ” ปีเตอร์ทวน “ใช่ช่วงที่คุณถูก เอ่อ โวลเดอมอร์”
    เบลสโตสะดุ้งเฮือก
    “จ เจ้าพูดว่าอะไรนะ พ่อหนุ่ม ชื่อของคนที่ไม่ควรเอ่ยชื่ออย่างนั้นหรือ ”
    “ก็ใช่แล้วล่ะครับ” ปีเตอร์ตอบ “อย่าห่วงไปเลยครับ โวลเดอมอร์ไม่อยู่แล้ว”
    “ไม่อยู่? ไม่อยู่อย่างนั้นหรือ? หมายความว่าอย่างไรกัน?”
จันทร์ 16 มีนาคม
    หลังจากปีเตอร์ใช้เวลาเมื่อวานทั้งวันในการอธิบายเรื่องของโวลเดอมอร์ให้เบลสโตฟังแล้ว วันนี้ปีเตอร์ก็กลับมาอีกครั้ง และหยิบเอาคำถามที่เขาถามเบลสโตตั้งแต่เมื่อวานมาถามเบลสโตอีกครั้งด้วย
    “คุณ เอ่อ เป็นอะไรตายครับ” เขาถามออกไปหลังจากดื่มน้ำชาที่เบลสโตทำให้
    “ข้าหรือ?” เบลสโตหย่อนตัวลงนั่ง “หลังจากที่โวลเดอมอร์คิดว่าฆ่าข้าได้แล้ว ข้าก็แปลงร่างเป็นค้างคาวหนีมาอยู่ในป่าต้องห้ามนี่”
    “ค้างคาว คุณเป็นแอนนิเมไจเหรอครับ”
    “แอนนิเมไจ ใช่ ทำไมล่ะ”
    “ม ไม่มีอะไรครับ” ปีเตอร์ก้มหน้า “ต่อเถอะครับ”
    “อ้า ใช่ ข้าเข้ามาในป่าต้องห้าม ตอนนั้นในป่าต้องห้ามนี้มีเรื่องเกี่ยวกับแม่มดแห่งป่าต้องห้ามอยู่ด้วยนะ แต่เจ้าคงไม่รู้หรอก แม่มดแห่งป่าต้องห้ามนั่นคือภรรยาข้าเอง รูเซีย นางไปอยู่ในป่าต้องห้ามเพราะนางบอกว่านางชอบที่นั่น”
    เบลสโตหัวเราะ
    “แต่ก็นั่นแหละนะ เขาชอบของเขาอย่างนั้น ตอนที่ข้าเข้าไปหานาง นางตกใจใหญ่ ก็อีกแหละ เราแยกทางกันตั้งแต่มีเซเวอร์รัส รูเซียเกลียดเซเวอร์รัส ไม่รู้ทำไมนะ แต่ข้าก็ยินยอมทำตามที่รูเซียบอกทุกอย่าง ก็ข้ารักนางเหมือนชีวิตจิตใจ นี่ไปถึงไหนแล้ว อ้อใช่ ข้าเข้าไปหารูเซีย
    “ ‘เบลสโต’ เธอร้อง ‘นี่อะไรกัน แกยังมีหน้ามาหาฉันอีกเหรอ’
    “ ‘โธ่ ที่รัก’ ข้าพูดออกไป ‘ผมไม่มีที่พึ่งอื่นอีกแล้วนะ ผมต้องพึ่งคุณ ผมออกไปข้างนอกนั่นไม่ได้แล้ว คนที่ไม่ควรเอ่ยชื่อเพิ่งจะคิดว่าฆ่าผมได้ ถ้าผมออกไป แล้วมีคนเห็นผมอีก มันต้องตามมาถึงฮอกวอตส์อีกแน่ ๆ แล้วทีนี้นะที่รัก มันก็จะทำลายป่านี้ให้ราบเพื่อตามหาผม แล้วบ้านแสนรักของคุณก็จะ ’
    “ ‘พอแล้ว!’ เธอร้องเสียงดังมากจนข้าต้องปิดหู ‘ไม่ต้องมาพูดอะไรอีกทั้งนั้น ฉันกับเธอไม่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว จำได้ไหม ก็เธอน่ะ เธอน่ะ’
    “ถึงตอนนี้รูเซียก็เริ่มร้องไห้
    “ ‘เธอไปพร้อมกับลูกชายเรา เธอหนีจากฉันไป ไม่เคยคิดถึงฉันเลย’
    “ ‘รูเซีย ผม’ ข้าพยายามปลอบใจเธอ
    “ ‘ไม่! ไม่! ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น!’ เธอผลักข้าไม่ให้ได้เข้าใกล้เธอเลย ‘ฉันเกลียดเธอ เกลียด เกลียด เกลียดที่สุด!!!’
    “ ‘รูเซีย ’ ข้าเริ่มอ่อนใจ ตอนนั้นข้าเกือบจะลืมเรื่องที่ข้าต้องหลบโวลเดอมอร์ไปแล้ว แต่กลับนึกถึงคนรักของข้าที่กำลังร้องไห้อยู่ตรงหน้านั่น ‘รูเซีย ผม ผมไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งคุณไปไหนเลยนะ แต่คุณเป็นคนบอกผมเองว่า ’
    “ ‘ให้ไปซะให้พ้น ๆ หน้า แล้วเอาเลือดเนื้อเชื้อไขของแกไปด้วยใช่ไหม?’ รูเซียพูดออกมาเบา ๆ ‘นั่นมัน นั่นมันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบแค่นั้นเอง ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เธอไปจากฉัน เธอรู้ไหม ตลอดหลายสิบปีมานี่ฉันไม่เคยลืมเธอสักวินาที แต่เธอกลับ เธอกลับ ไม่มาหาฉันเลย’
    “ข้าพูดไม่ถูกเลยว่าตอนนั้นข้ารู้สึกอย่างไร ข้าเคยคิดว่าข้าต้องเสียเธอไปตลอด แต่เมื่อมาถึงตอนนั้นเรื่องมันกลับกันหมด ข้ารู้สึกดีใจที่นางยังมีจิตคิดโหยหาข้า แต่อีกใจหนึ่ง ข้ากลับเศร้าเสียใจที่ทำให้นางต้องตกอยู่ในวังวนแห่งความเศร้า
    “ข้าอยู่กับนางตั้งแต่นั้น ดูแลนาง จวบจนกระทั่งเงื้อมมือมัจจุราชพรากนางไปจากข้า
    “ข้าตกอยู่ในความเศร้าโศกอย่างเลวร้ายเป็นเวลานานหลังจากนางจากข้าไป ตอนนั้นข้าทนไม่ได้ที่ไม่มีนางอยู่ข้าง ๆ ข้าเคยเสียนางมาแล้วครั้งหนึ่ง และในตอนนั้น ข้าไม่อยากจะเสียนางไปอีก
    “ข้าระลึกได้ว่าเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับยาชุบชีวิตที่ต้องแลกด้วยชีวิตมนุษย์เพื่อนำชีวิตมนุษย์คืนมา ข้าหมดเวลาไปหลายเดือนเพื่อตามหาสูตรและส่วนผสมของยานั่น แต่ในนาทีสุดท้ายที่ข้ากำลังจะปรุงยานั่นได้สำเร็จ ข้ากลับเห็นรูเซียอยู่ตรงหน้า
    “ ‘ที่รัก’ นางพูด ไม่สิ นางไม่ได้พูด แต่ข้ารู้สึก
    “ ‘รูเซีย เธอ เธออยู่ที่นี่รึ?’
    “นางพูดเหมือนไม่ได้ยินเสียงข้าว่า ‘ปล่อยฉันไปตามทางของฉันเถิด’ แล้วข้าก็เห็นว่านางเริ่มจะหายไป
    “ข้าร้องเรียกนาง แต่สิ่งเดียวที่ข้าได้ยินก็คือ ‘ปล่อยไป’ เท่านั้น
    “ข้าใช้เวลาตรองดูอีกนานเนิ่น จนข้าคิดได้ว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะพานางออกมาจากหุบเหวแห่งความตาย นางตายไปแล้ว และยาชุบชีวิตที่ข้ามีก็ไร้ค่า
    “ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของชีวิต ข้าอุทิศให้กับการศึกษาตำรายาต่าง ๆ จากเดิมที่ข้าเคยเป็นราชาแห่งวิชาศาสตร์มืด กลายเป็นหมอยา” เขาหัวเราะ “แต่ก็นั่นแหละนะ ประสบการณ์ของข้าในตอนที่ออกตามหาสูตรและส่วนผสมยาทำให้ข้าได้อะไร ๆ เยอะ หลายอย่าง”
    “เจ้ามีอะไรจะถามใช่ไหม?” เขาหยุดพูด “ถามมา”
    “อ่า ครับ” ปีเตอร์พูดสั่น ๆ เขาตัดสินใจถามคำถามส่วนตัว ถึงยังไงเขาก็ยังมีเวลาอยู่กับเบลสโตอีกเป็นวัน “คือผมยังไม่ทราบเลยว่าท่านเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วครับ”
    “หา อ้อ ข้าน่ะรึ ก็ไม่มีอะไรมาก แก่ตายตามประสา”
    “แต่ท่านดูไม่แก่ขนาดจะตายได้นี่ครับ”
    ชายชราหัวเราะ “ก็เพราะยานั่นแหละ มันคืนวัยเยาว์ให้ข้า แต่มันไม่คืนเวลาให้ข้าเลย มีอะไรอีก?”
    “ธุระจริงแล้วครับ ท่านรู้จักคาถาประสานจิต ฟิวซิออโน ไหมครับ?”
    “ฟิวซิออโน? รู้จักซิ ก็ข้าเป็นคนหนึ่งในกลุ่มที่วิจัยมันขึ้นมาเอง! ทำไมรึ?”
    “ลูกศิษย์ของผมคนหนึ่งได้รับผลข้างเคียงจากคาถานี้จนสลบไสลไม่ได้สติมาเกือบสามเดือนแล้วครับ”
    “สลบไสลไม่ได้สติ? คาถานี้ใช้สำเร็จผลหรือเปล่า?”
    “สำเร็จผลครับ แต่หลังจากที่ลูกศิษย์ทั้งสองของข้าแยกออกจากกัน คนหนึ่งฟื้นขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว แต่อีกคนหนึ่งกลับสลบไสลไม่ได้สติมาจนบัดนี้ครับ”
    “ไม่ใช่เรื่องแปลก”
    “อะไรนะครับ?”
    “ข้าว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเป็นแบบนี้ วิธีแก้ไม่ยาก ว่าแต่ใครเป็นผู้ใช้คาถานั่น”
    “ศาสตราจารย์ฟลิตวิกครับ”
    “ฟิลิอัส!” ชายชราอุทาน “เด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่อีกรึ?”
    “หามิได้ เขาหมดพลังชีวิตจากการใช้ฟิวซิออโนครับ”
    “โอ้ น่าเสียดาย เขาเป็นนักเรียนวิชาคาถาที่เก่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็น ตกลงว่าเจ้าอยากให้ข้าช่วยลูกศิษย์ของเจ้าคนนั้นใช่ไหม?”
    “ครับ”
    “ถ้างั้นฟังข้า ”
    สามทุ่มแล้ว ปีเตอร์กำลังเดินอยู่ในป่าต้องห้าม
    “ต้นตะแบกพันปี” เขาพูดเบา ๆ กับตัวเอง “ต้นตะแบกพันปี อยู่ที่ไหนกัน ”
    ปีเตอร์เกือบสะดุดรากไม้ล้ม เขาเริ่มเหนื่อยแล้ว เขาเดินหาต้นตะแบกพันปีในป่านี่มาตั้งแต่ตอนเย็น ความเหนื่อยเริ่มถาโถมเข้ามา เขาเริ่มง่วงนอนแล้ว อยากนอนเหลือเกิน เตียงนุ่ม ๆ อากาศเย็น ๆ เขาง่วงนอนเหลือเกิน เพลียเหลือเกิน ไม่ไหวแล้ว
    เขาล้มลง
    “ตะแบก พันปี ” ปีเตอร์ครางก่อนที่จะหมดสติ “นั่นหมายความว่ามัน ถูกปลูกตั้งแต่มี ฮอกวอตส์ใหม่ ๆ ”
    ในสติสัมปชัญญะสุดท้าย ปีเตอร์มองเห็นเงาตะคุ่มที่มืดดำยิ่งกว่าความมืดของป่าตรงเข้ามายังเขา ไม่ว่าเงานั้นจะมาด้วยจุดประสงค์ดีหรือจุดประสงค์ร้าย ปีเตอร์ก็มองไม่เห็นอะไรอีกต่อไป เขาไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว
อาทิตย์ 15 มีนาคม
  ต้นตะแบกพันปี
    ต้นตะแบกพันปี
    อยู่ที่ไหน
    ที่ไหนกัน
    นั่น อะไร
    เงา?
    เงาใคร
    “ใคร ” ปีเตอร์ครางออกมา แล้วเขาก็เริ่มตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่ความฝันแล้ว เขายันตัวขึ้นนั่ง แต่มีมือหนึ่งกดให้เขานอนลงต่อไป
    “ค คุณเป็นใคร” ปีเตอร์ถามออกไป
    “ดูเหมือนเธอจะเรียกข้าว่าพ่อมดแห่งป่าต้องห้ามไงล่ะ จำได้ไหม” เขาตอบ “ไม่มีคนมาเยี่ยมนานแล้วนะนี่ ข้าละดีใจจริง ๆ”
    “พ่อมดแห่งป่าต้องห้าม!?” ปีเตอร์ทะลึ่งพรวดขึ้นนั่ง “คุณเบลสโต สเนปหรือครับ”
    “เบลสโต สเนป ตายไปแล้ว พ่อหนุ่ม” เขาตอบ “ที่เหลืออยู่ที่นี่คือเงาชีวิตของเขาเท่านั้น”
    ปีเตอร์มองดูเบลสโตให้ดี ๆ อีกครั้ง เงาชีวิตอย่างนั้นหรือ แต่เขาดูเหมือนจะสัมผัสได้
    “คุณจริง ๆ หรือครับ” เขาถามออกไปจนได้
    “อา จะว่าอย่างนั้นก็ได้” เบลสโตตอบ “แต่ก็นั่นแหละนะ จริง ๆ ข้าตายไปนานแล้ว สัก สิบหรือยี่สิบปีได้แล้วมั้งนะ ”
    “สิบหรือยี่สิบปีได้แล้วหรือครับ” ปีเตอร์ทวน “ใช่ช่วงที่คุณถูก เอ่อ โวลเดอมอร์”
    เบลสโตสะดุ้งเฮือก
    “จ เจ้าพูดว่าอะไรนะ พ่อหนุ่ม ชื่อของคนที่ไม่ควรเอ่ยชื่ออย่างนั้นหรือ ”
    “ก็ใช่แล้วล่ะครับ” ปีเตอร์ตอบ “อย่าห่วงไปเลยครับ โวลเดอมอร์ไม่อยู่แล้ว”
    “ไม่อยู่? ไม่อยู่อย่างนั้นหรือ? หมายความว่าอย่างไรกัน?”
จันทร์ 16 มีนาคม
    หลังจากปีเตอร์ใช้เวลาเมื่อวานทั้งวันในการอธิบายเรื่องของโวลเดอมอร์ให้เบลสโตฟังแล้ว วันนี้ปีเตอร์ก็กลับมาอีกครั้ง และหยิบเอาคำถามที่เขาถามเบลสโตตั้งแต่เมื่อวานมาถามเบลสโตอีกครั้งด้วย
    “คุณ เอ่อ เป็นอะไรตายครับ” เขาถามออกไปหลังจากดื่มน้ำชาที่เบลสโตทำให้
    “ข้าหรือ?” เบลสโตหย่อนตัวลงนั่ง “หลังจากที่โวลเดอมอร์คิดว่าฆ่าข้าได้แล้ว ข้าก็แปลงร่างเป็นค้างคาวหนีมาอยู่ในป่าต้องห้ามนี่”
    “ค้างคาว คุณเป็นแอนนิเมไจเหรอครับ”
    “แอนนิเมไจ ใช่ ทำไมล่ะ”
    “ม ไม่มีอะไรครับ” ปีเตอร์ก้มหน้า “ต่อเถอะครับ”
    “อ้า ใช่ ข้าเข้ามาในป่าต้องห้าม ตอนนั้นในป่าต้องห้ามนี้มีเรื่องเกี่ยวกับแม่มดแห่งป่าต้องห้ามอยู่ด้วยนะ แต่เจ้าคงไม่รู้หรอก แม่มดแห่งป่าต้องห้ามนั่นคือภรรยาข้าเอง รูเซีย นางไปอยู่ในป่าต้องห้ามเพราะนางบอกว่านางชอบที่นั่น”
    เบลสโตหัวเราะ
    “แต่ก็นั่นแหละนะ เขาชอบของเขาอย่างนั้น ตอนที่ข้าเข้าไปหานาง นางตกใจใหญ่ ก็อีกแหละ เราแยกทางกันตั้งแต่มีเซเวอร์รัส รูเซียเกลียดเซเวอร์รัส ไม่รู้ทำไมนะ แต่ข้าก็ยินยอมทำตามที่รูเซียบอกทุกอย่าง ก็ข้ารักนางเหมือนชีวิตจิตใจ นี่ไปถึงไหนแล้ว อ้อใช่ ข้าเข้าไปหารูเซีย
    “ ‘เบลสโต’ เธอร้อง ‘นี่อะไรกัน แกยังมีหน้ามาหาฉันอีกเหรอ’
    “ ‘โธ่ ที่รัก’ ข้าพูดออกไป ‘ผมไม่มีที่พึ่งอื่นอีกแล้วนะ ผมต้องพึ่งคุณ ผมออกไปข้างนอกนั่นไม่ได้แล้ว คนที่ไม่ควรเอ่ยชื่อเพิ่งจะคิดว่าฆ่าผมได้ ถ้าผมออกไป แล้วมีคนเห็นผมอีก มันต้องตามมาถึงฮอกวอตส์อีกแน่ ๆ แล้วทีนี้นะที่รัก มันก็จะทำลายป่านี้ให้ราบเพื่อตามหาผม แล้วบ้านแสนรักของคุณก็จะ ’
    “ ‘พอแล้ว!’ เธอร้องเสียงดังมากจนข้าต้องปิดหู ‘ไม่ต้องมาพูดอะไรอีกทั้งนั้น ฉันกับเธอไม่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว จำได้ไหม ก็เธอน่ะ เธอน่ะ’
    “ถึงตอนนี้รูเซียก็เริ่มร้องไห้
    “ ‘เธอไปพร้อมกับลูกชายเรา เธอหนีจากฉันไป ไม่เคยคิดถึงฉันเลย’
    “ ‘รูเซีย ผม’ ข้าพยายามปลอบใจเธอ
    “ ‘ไม่! ไม่! ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น!’ เธอผลักข้าไม่ให้ได้เข้าใกล้เธอเลย ‘ฉันเกลียดเธอ เกลียด เกลียด เกลียดที่สุด!!!’
    “ ‘รูเซีย ’ ข้าเริ่มอ่อนใจ ตอนนั้นข้าเกือบจะลืมเรื่องที่ข้าต้องหลบโวลเดอมอร์ไปแล้ว แต่กลับนึกถึงคนรักของข้าที่กำลังร้องไห้อยู่ตรงหน้านั่น ‘รูเซีย ผม ผมไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งคุณไปไหนเลยนะ แต่คุณเป็นคนบอกผมเองว่า ’
    “ ‘ให้ไปซะให้พ้น ๆ หน้า แล้วเอาเลือดเนื้อเชื้อไขของแกไปด้วยใช่ไหม?’ รูเซียพูดออกมาเบา ๆ ‘นั่นมัน นั่นมันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบแค่นั้นเอง ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เธอไปจากฉัน เธอรู้ไหม ตลอดหลายสิบปีมานี่ฉันไม่เคยลืมเธอสักวินาที แต่เธอกลับ เธอกลับ ไม่มาหาฉันเลย’
    “ข้าพูดไม่ถูกเลยว่าตอนนั้นข้ารู้สึกอย่างไร ข้าเคยคิดว่าข้าต้องเสียเธอไปตลอด แต่เมื่อมาถึงตอนนั้นเรื่องมันกลับกันหมด ข้ารู้สึกดีใจที่นางยังมีจิตคิดโหยหาข้า แต่อีกใจหนึ่ง ข้ากลับเศร้าเสียใจที่ทำให้นางต้องตกอยู่ในวังวนแห่งความเศร้า
    “ข้าอยู่กับนางตั้งแต่นั้น ดูแลนาง จวบจนกระทั่งเงื้อมมือมัจจุราชพรากนางไปจากข้า
    “ข้าตกอยู่ในความเศร้าโศกอย่างเลวร้ายเป็นเวลานานหลังจากนางจากข้าไป ตอนนั้นข้าทนไม่ได้ที่ไม่มีนางอยู่ข้าง ๆ ข้าเคยเสียนางมาแล้วครั้งหนึ่ง และในตอนนั้น ข้าไม่อยากจะเสียนางไปอีก
    “ข้าระลึกได้ว่าเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับยาชุบชีวิตที่ต้องแลกด้วยชีวิตมนุษย์เพื่อนำชีวิตมนุษย์คืนมา ข้าหมดเวลาไปหลายเดือนเพื่อตามหาสูตรและส่วนผสมของยานั่น แต่ในนาทีสุดท้ายที่ข้ากำลังจะปรุงยานั่นได้สำเร็จ ข้ากลับเห็นรูเซียอยู่ตรงหน้า
    “ ‘ที่รัก’ นางพูด ไม่สิ นางไม่ได้พูด แต่ข้ารู้สึก
    “ ‘รูเซีย เธอ เธออยู่ที่นี่รึ?’
    “นางพูดเหมือนไม่ได้ยินเสียงข้าว่า ‘ปล่อยฉันไปตามทางของฉันเถิด’ แล้วข้าก็เห็นว่านางเริ่มจะหายไป
    “ข้าร้องเรียกนาง แต่สิ่งเดียวที่ข้าได้ยินก็คือ ‘ปล่อยไป’ เท่านั้น
    “ข้าใช้เวลาตรองดูอีกนานเนิ่น จนข้าคิดได้ว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะพานางออกมาจากหุบเหวแห่งความตาย นางตายไปแล้ว และยาชุบชีวิตที่ข้ามีก็ไร้ค่า
    “ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของชีวิต ข้าอุทิศให้กับการศึกษาตำรายาต่าง ๆ จากเดิมที่ข้าเคยเป็นราชาแห่งวิชาศาสตร์มืด กลายเป็นหมอยา” เขาหัวเราะ “แต่ก็นั่นแหละนะ ประสบการณ์ของข้าในตอนที่ออกตามหาสูตรและส่วนผสมยาทำให้ข้าได้อะไร ๆ เยอะ หลายอย่าง”
    “เจ้ามีอะไรจะถามใช่ไหม?” เขาหยุดพูด “ถามมา”
    “อ่า ครับ” ปีเตอร์พูดสั่น ๆ เขาตัดสินใจถามคำถามส่วนตัว ถึงยังไงเขาก็ยังมีเวลาอยู่กับเบลสโตอีกเป็นวัน “คือผมยังไม่ทราบเลยว่าท่านเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วครับ”
    “หา อ้อ ข้าน่ะรึ ก็ไม่มีอะไรมาก แก่ตายตามประสา”
    “แต่ท่านดูไม่แก่ขนาดจะตายได้นี่ครับ”
    ชายชราหัวเราะ “ก็เพราะยานั่นแหละ มันคืนวัยเยาว์ให้ข้า แต่มันไม่คืนเวลาให้ข้าเลย มีอะไรอีก?”
    “ธุระจริงแล้วครับ ท่านรู้จักคาถาประสานจิต ฟิวซิออโน ไหมครับ?”
    “ฟิวซิออโน? รู้จักซิ ก็ข้าเป็นคนหนึ่งในกลุ่มที่วิจัยมันขึ้นมาเอง! ทำไมรึ?”
    “ลูกศิษย์ของผมคนหนึ่งได้รับผลข้างเคียงจากคาถานี้จนสลบไสลไม่ได้สติมาเกือบสามเดือนแล้วครับ”
    “สลบไสลไม่ได้สติ? คาถานี้ใช้สำเร็จผลหรือเปล่า?”
    “สำเร็จผลครับ แต่หลังจากที่ลูกศิษย์ทั้งสองของข้าแยกออกจากกัน คนหนึ่งฟื้นขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว แต่อีกคนหนึ่งกลับสลบไสลไม่ได้สติมาจนบัดนี้ครับ”
    “ไม่ใช่เรื่องแปลก”
    “อะไรนะครับ?”
    “ข้าว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเป็นแบบนี้ วิธีแก้ไม่ยาก ว่าแต่ใครเป็นผู้ใช้คาถานั่น”
    “ศาสตราจารย์ฟลิตวิกครับ”
    “ฟิลิอัส!” ชายชราอุทาน “เด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่อีกรึ?”
    “หามิได้ เขาหมดพลังชีวิตจากการใช้ฟิวซิออโนครับ”
    “โอ้ น่าเสียดาย เขาเป็นนักเรียนวิชาคาถาที่เก่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็น ตกลงว่าเจ้าอยากให้ข้าช่วยลูกศิษย์ของเจ้าคนนั้นใช่ไหม?”
    “ครับ”
    “ถ้างั้นฟังข้า ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น