ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lockheart\'s Adventure

    ลำดับตอนที่ #1 : ผมชื่อล็อกฮาร์ต, กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต [แก้ไขใหม่!]

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 46


    4 กรกฎาคม 1993



        เสียงหวูดรถไฟดังขึ้นที่สถานีรถไฟฮอกส์มี้ด ชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังถือหนังสือเล่มใหญ่ในมือเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเล่มนั้น มองเห็นรถไฟขบวนหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้าชานชาลามา เขามีทีท่าตกใจ รีบเก็บหนังสือในมือลงกระเป๋า แล้วแบกกระเป๋าขึ้นอย่างรวดเร็ว อารามรีบร้อนนั้นเอง ที่ทำให้หนังสือเล่มเมื่อครู่หล่นลงมาจากกระเป๋า ตกกระแทกพื้นเสียงดัง ตุ้บ



        “โอ้ เวรกรรม” ชายหนุ่มอุทาน แล้วรีบก้มลงเก็บหนังสือเล่มนั้นยัดใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยอีกครั้งหนึ่ง พริบตาก่อนที่จะรูดซิปกระเป๋า มองเห็นปกหนังสือเขียนว่า



        ‘ตำราคาถามาตรฐานปีหนึ่ง’



        ชายคนนี้ไม่ใช่นักเรียนปีหนึ่งของโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาที่มองเห็นอยู่ไม่ไกลนัก ไม่ใช่นักเรียนปีสองหรือปีสูง ๆ ที่นึกสนุกอยากอ่านหนังสือของปีเก่า ๆ ไม่ใช่ผู้ปกครองที่ยืนอ่านหนังสือของลูก และไม่ใช่อาจารย์ที่กำลังเตรียมแผนการสอน



        เขาคือ กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต เหรียญตราแห่งเมอร์ลินชั้นสาม สมาชิกกิตติมศักดิ์ของสันนิบาตต่อต้านศาสตร์มืด และผู้ชนะห้ารางวัลจากนิตยสารแม่มดรายสัปดาห์ด้วยรางวัลยิ้มมีเสน่ห์



        ล็อกฮาร์ตเหม่อมองปราสาทฮอกวอตส์ มองจากตรงนี้แล้ว ที่นั่นเป็นเพียงปราสาทธรรมดา ที่ดูไม่มีวี่แววเลยว่าจะเป็นสถานศึกษา คนที่นั่นบอกว่าเขาได้สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดอยู่ที่นั่นตลอดช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา



        เขาไม่รู้เลย หรือถึงเขาจะรู้ เขาก็จำไม่ได้



        อุบัติเหตุเมื่อเดือนก่อนทำให้เขาหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด ที่เขามายืนอยู่ตรงนี้ รู้ว่าตัวเองเป็นใคร รู้ว่าต้องทำอะไรต่อไปนั้น เป็นเพราะคำพูดของคนอื่นทั้งสิ้น



        ล็อกฮาร์ตเองก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็นความจริงหรือไม่ แต่ก็ไม่มีความจริงอื่นให้เขาเชื่ออีกแล้ว



        เสียงระฆังดังขึ้น



        “ท่านผู้โดยสาร” นายสถานีพูดผ่านก้อนขยายเสียง “รถไฟขบวนหมายเลข 8554 ไปยังสถานีรถไฟคิงส์ครอส กำลังจะเข้าชานชาลาในอีก 3 นาที กรุณารอหลังแถบแสงสีเหลือง”



        ล็อกฮาร์ตถอนหายใจ แล้วแบกกระเป๋าขึ้นบ่า ความหนักของมันทำให้เขาเซไปชนกับหญิงแก่คนหนึ่งซึ่งยืนรอรถไฟอยู่ข้าง ๆ เขา



        “อีมักกอท! ถ้าถือของไม่ไหวก็เสกให้ลอยสิยะ ไม่ใช่เซมาชนฉันนี่!”



        เธอยังพูดไม่ทันจบ รถไฟสีดำสนิทก็แล่นเข้าชานชาลามาพอดี นำมาด้วยหัวรถจักรสภาพโบราณที่ยังคงเหลือความหรูหราอยู่ให้เห็นหากใช้เวลาสังเกตสักครึ่งปี ตามมาด้วยโบกี้รถไฟสีดำ ซึ่งดูจากสภาพแล้ว มันคงจะเคยเป็นสีเหลืองหรือไม่ก็สีขาวมาก่อน



        ล็อกฮาร์ตเห็นหญิงแก่คนเมื่อครู่นี้เดินกระฟัดกระเฟียดขึ้นรถไฟไป มือขวาของเธอถือไม้กายสิทธิ์ ห่างไม้กายสิทธิ์ไปสักหนึ่งฟุตคือกระเป๋าใบมหึมาที่กำลังเดินตามเธอต้อย ๆ อยู่



        เขาอยากทำแบบนั้นได้บ้างจัง



        “ผู้โดยสารครับ...”



        บางทีล็อกฮาร์ตอาจจะเคยทำอย่างนั้นได้ แต่ตอนนี้เขาทำไม่ได้แล้ว



        “คุณผู้โดยสารครับ...”



        นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจออกเดินทางครั้งนี้ ด้วยหวังว่า ความทรงจำของเขาจะกลับคืนมา



        “คุณ-ผู้-โดย-สาร-ครับ”



        ถึงแม้คณาจารย์ท่านอื่น ๆ ของฮอกวอตส์จะยืนยันว่า ไม่มีทางที่ความทรงจำซึ่งถูกทำลายไปได้โดยออบบลิวิอาเต้จะกลับคืนมาก็ตาม



        “คุณผู้โดยสารครับ!!!!”



        ล็อกฮาร์ตสะดุ้งเฮือก เมื่อหันไปทางต้นเสียง ก็พบนายสถานีคนหนึ่งยืนยิ้มชนิดที่ดูจะปั้นหน้าได้ยากเต็มที่อยู่ตรงหน้า ล็อกฮาร์ตอยากรู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าที่เห็นเส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผากของนายสถานีคนนี้



        “จะขึ้นรถไฟไหมครับ?” นายสถานีคนนั้นพูด



        “อ้อ ครับ” ล็อกฮาร์ตรีบตอบ กระชับกระเป๋าให้เข้าที่ แล้วรีบวิ่งเข้ารถไป ผ่านสายตาของผู้โดยสารคนอื่น ๆ ที่จ้องเขาเขม็งด้วยสายตาประหนึ่งจะควักลูกตาของเขาออกมา บางคนถึงกับอ้าปากค้าง ล็อกฮาร์ตหัวเราะแหะแล้วโค้งตัวน้อย ๆ ทีหนึ่ง ประมาณว่าขออภัย เขาเดินผ่านไปสักสองหรือสามโบกี้ แล้วจึงได้ที่นั่งริมหน้าต่าง เขาร้องฮึบ แล้วยกกระเป๋าขึ้นวางบนชั้นวางของ ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของกลุ่มเด็กสาวที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ



        ในที่สุดกระเป๋าก็นอนสงบนิ่งอยู่บนชั้นวาง ล็อกฮาร์ตทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง มองเห็นแม่น้ำสายเล็ก ๆ สายหนึ่ง ซึ่งดูท่าว่าจะเชื่อมต่อมาจากทะเลสาบ ทะเลสาบ...อะไรหนอ? เขานึกชื่อไม่ออก วินาทีต่อมาเขาก็นึกออกว่า เขาจำไม่ได้



        คงต้องใช้เวลาอีกหลายพักกว่าจะชินกับสภาพนี้



        นั่งอยู่เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร คงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก ล็อกฮาร์ตตัดสินใจเอาหนังสือขึ้นมาอ่าน หนังสืออยู่ในกระเป๋า และนั่นหมายความว่า เขาต้องเอามันลงมา หยิบหนังสือออกจากกระเป๋า และยัดมันขึ้นไปอีก



        ล็อกฮาร์ตกำลังยืนอยู่บนเก้าอี้ พยายามเอาหนังสือออกมาจากกระเป๋าโดยไม่หยิบกระเป๋าลงมาอยู่พอดีในขณะที่รถไฟเริ่มออกตัว นั่นทำให้ชายหนุ่มเซถลาเกือบหล่นลงจากเก้าอี้ ต้องเอามือคว้าชั้นวางกระเป๋าเป็นพัลวัน ยังเสียงหัวเราะให้คนอื่น ๆ ที่อยู่บนรถไฟขบวนนั้นยิ่งนัก



        ล็อกฮาร์ตรีบคว้าหนังสือลงมาจากหิ้งแล้วลงมานั่งทันที แก้มของอดีตศาสตราจารย์ร้อนผ่าว



        เขาพลิกหนังสือออกเปิดอ่านทันที



            เอกซเปกโต พาโตรนุม : คาถา – คาถาผู้พิทักษ์



        ...



        อดีตศาสตราจารย์พลิกหนังสือเพื่อดูปก เขาสงสัยนักว่านี่มันหนังสืออะไรกันแน่



            พจนานุกรมโลกเวทมนตร์

            ฉบับปรับปรุงใหม่ ค.ศ. 1860




        ช่างเป็นพจนานุกรมที่ทันสมัยอะไรเช่นนี้! น่าแปลกที่มันไม่มีร่องรอยของความเก่าแม้แต่น้อย ล็อกฮาร์ตพลิกหน้าแรกเปิดดูปีที่พิมพ์ ในนั้นเขียนไว้ว่า “พิมพ์ที่ศูนย์ผลิตสื่อการศึกษาคาร์ม ค.ศ. 1992”



        จู่ ๆ ชายหนุ่มก็นึกถึงคำพูดของหญิงแก่เมื่อครู่นี้



        “อีมักกอท!”



        เขาพลิกหน้าหนังสืออย่างรวดเร็ว สายตาไล่ผ่านคำต่าง ๆ กริงกอตส์... KELPY... ด็อกซี่... ธีสตรอล... และ มักกอท!



            มัดมอนสเตอร์ : นาม – สัตว์ประหลาดชนิดหนึ่ง ร่างกายประกอบด้วยโคลนเป็นส่วนมากถึง 99% พบเห็นได้ไม่มากนัก โกเลม – ก็เรียก (โบฯ)

            มักการิอุส : คาถา – คาถาเสกดินสอพอง

            มักเกิ้ล : นามหรือสรรพนาม – บุคคลที่ไม่มีเวทมนตร์หรือพลังเวทมนตร์อยู่ในตัว อาจเกิดจากพ่อมดแม่มดก็ได้ (ดู สควิป)

            มักกอท : วิเศษณ์ – การกระทำที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลและน่ารังเกียจอย่างยิ่ง มักใช้ในหมู่ชนชั้นสูง : ตัวอย่าง ; ดูเจ้านั่นสิ ทำตัวมักกอทอีกแล้ว น่าเกลียดจริงเชียว



        เขาเข้าใจคำพูดของหญิงแก่คนนั้นแล้ว แต่ถ้าหากว่าเขารู้ความหมายของคำพูดนั้นแล้วเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าเหมือนเดิม ผลที่จะตามมาก็คือ



        1. เสียฟอร์ม



        2. ไม่มีอะไรทำจนกว่าจะถึงสถานีรถไฟคิงส์ครอส



        เพราะฉะนั้นทางเลือกของล็อกฮาร์ตก็คือ พลิกผ่านพจนานุกรมฉบับปรับปรุง ค.ศ. 1860 นี้ ไปเรื่อย ๆ ศัพท์ต่าง ๆ เริ่มหลั่งไหลเข้ามาในศีรษะของเขา อดีตศาสตราจารย์เริ่มคิดว่า การนั่งอ่านพจนานุกรมสักเล่ม ก็เป็นวิธีเรียนรู้ความเป็นไปของโลกได้ไม่เลวเหมือนกัน (แม้จะเป็นพจนานุกรมเมื่อร้อยปีก่อนเช่นนี้ก็ตาม)



        “ให้ดิฉันนั่งด้วยได้ไหมคะ”



        ล็อกฮาร์ตเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ มองไปทางต้นเสียง เขามองเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะหน้าตาสวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น(ก็แน่อยู่หรอก) กำลังยืนแบกกระเป๋าใบใหญ่อยู่ อดีตศาสตราจารย์มองรอบ ๆ วูบหนึ่ง ไม่เหลือที่นั่งจริง ๆ หรือนี่ เขาไม่เห็นว่าเสียหายอะไรที่จะให้เธอนั่งด้วย จึงเขยิบนิดหน่อย



        “เชิญครับ คุณ…”



        “เบอร์มงต์ค่ะ” เธอตอบ “วิคตอเรีย เบอร์มงต์”



        “…ครับ…” ล็อกฮาร์ตตอบ แล้วก้มหน้าอ่านพจนานุกรมต่อ



        หากล็อกฮาร์ตเงยหน้าขึ้นตอนนี้ ก็คงจะเห็นหญิงสาวที่เรียกตัวเองว่าเบอร์มงต์มองเขาอย่างพินิจ อาจจะเป็นเพราะแปลกตาที่เห็นคนเอาพจนานุกรมมาอ่านในขณะนั่งรถไฟอยู่ เธอจึงอดถามไม่ได้



        “คุณชอบอ่านพจนานุกรมหรือคะ”



        ล็อกฮาร์ตเงยหน้าขึ้น ผู้หญิงคนนี้จะเอาอะไรจากเขานะ? “…จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ…” เขาตอบ “ที่จริงเพราะว่าผมจำอะไรไม่ได้เลย…”



        “ตายจริง” เธออุทาน “เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?”



        ผู้หญิงคนนี้ชักจะสอดรู้สอดเห็นเกินไปเสียแล้ว เพียงแค่จะพูดออกไปว่าเขาสูญเสียความทรงจำก็เป็นความทรมานที่มากเกินพอ นี่กลับถามถึงสาเหตุของสิ่งนั้นเสียอีก มิหนำซ้ำ ล็อกฮาร์ตยังมิทันจะตอบคำถามนั้นออกไป เธอกลับถามต่อว่า “แล้วคุณชื่ออะไรคะ ฉันอาจจะรู้จัก…”



        “ล็อกฮาร์ตครับ” เขาพูดขึ้น “กิล…กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต…ถ้าผมจำไม่ผิดนะ”



        พริบตานั้นล็อกฮาร์ตเห็นเบอร์มงต์ตกใจแทบจะกระโดดตัวลอย เขาเกือบจะคิดแล้วว่า ‘กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต’ เป็นคาถาเสกให้ผู้อื่นกระโดดตัวลอยไปแล้ว



        “คุณ…คุณล็อกฮาร์ตจริง ๆ หรือคะ” เธอระล่ำระลัก “ฉัน…ไม่อยากเชื่อเลย”



        “ผมไปทำอะไรไว้หรือครับ” ล็อกฮาร์ตรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า อาการนี้มันผิดปกติเกินไป



        “ไม่ค่ะ คุณเป็นคนโด่งดังมากเลยทีเดียว” เบอร์มงต์พูดตื่น ๆ “คุณเขียนหนังสือไว้เพียบเลยรู้ไหมคะ ไม่ว่าจะเป็น หนึ่งปีกับเยติ เล่มนี้ฉันชอบมากเลยค่ะ และยังมี….”



        โดยไม่ทันตั้งตัว และไม่ทันรู้สึกตัว ล็อกฮาร์ตก็กำลังฟังหญิงสาวที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อนพูดถึงวีรกรรมของเขาอย่างสมจริงสมจังจนลืมความรู้สึกรำคาญใจเมื่อครู่นี้ไปจนหมดสิ้น ล็อกฮาร์ตแทบจะเห็นภาพได้เป็นฉาก ๆ เลยทีเดียว น่าแปลกที่เขาไม่คุ้นกับสิ่งเหล่านี้เลย ไม่เหมือนกับว่าเขาลืมมัน แต่มันราวกับว่าเขาไม่เคยทำสิ่งเหล่านี้มาก่อน



         “…แล้วคุณก็ทำอย่างไรรู้ไหมคะ คุณเอาข้อศอกกระแทกมันปลิวเลย! ฉันแทบไม่เชื่อแน่ะ…โอ๊ะ…นั่น…” เบอร์มงต์มองไปนอกหน้าต่าง “ถึงแล้วค่ะ ล็อกฮาร์ต”



        ล็อกฮาร์ตมองตามไป ที่นั่นคือชานชาลาหมายเลขห้าเศษหนึ่งส่วนสองที่สถานีคิงส์ครอส เวลาผ่านไปเร็วขนาดนั้นเชียวรึ? ตามกำหนดการแล้ว รถไฟต้องใช้เวลาเดินทางถึงเกือบสามชั่วโมง จะเร็วกว่ากำหนดอย่างไรก็ไม่มีทางต่ำกว่าสอง แต่นี่ราวกับว่าตั้งแต่เบอร์มงต์เริ่มพูดถึงวีรกรรมของเขา เวลาเพิ่งผ่านไปเสียงสิบนาทีเท่านั้น



        ภาพที่มองเห็นคือชานชาลาที่ขวักไขว่ไปด้วยผู้คน ล็อกฮาร์ตมองเห็นชายร่างอ้วนคนหนึ่งพยายามก้มเก็บโดนัทที่ตกพื้น เด็กตัวเล็ก ๆ ที่กำลังร้องไห้หาแม่ ทั้ง ๆ ที่แม่ที่ร้องหาก็นั่งหลับอยู่ข้าง และชายในชุดสูทสีขาวสวมหมวกคนหนึ่งที่ราวกับว่ากำลังยิ้มให้เขา

    เขาต้องลงที่นี่ แล้วเขาจะต้องทำอย่างไรต่อไป



        ล็อกฮาร์ตกำลังจะเอ่ยปากถามอะไรบางอย่างจากเบอร์มงต์ แต่กลับเห็นเพียงความว่างเปล่า เขาชะโงกออกไปนอกหน้าต่าง เห็นเบอร์มงต์เดินฉับ ๆ ไปลิบแล้ว ล็อกฮาร์ตรีบดึงกระเป๋าของเขาลงจากชั้นวาง ปรากฏว่าเขาสามารถลากมันได้อย่างสบาย เบอร์มงต์คงจะช่วยเสกให้ลอยไว้แล้ว ล็อกฮาร์ตลากกระเป๋าใบนั้นไปเรื่อย ๆ ชานชาลาที่ห้าเศษหนึ่งส่วนสองมีทางเข้าออกอยู่ที่แผงกั้นระหว่างชานชาลาที่ 5 กับ 6 แน่นอนว่าล็อกฮาร์ตผ่านออกมาได้โดยไม่มีมักเกิ้ลคนไหนสังเกตเห็น

    เขายังคงอยากพบเบอร์มงต์



        เขามีเรื่องหลายอย่างที่อยากจะถามใครก็ได้ ใครก็ได้ที่จะให้คำตอบกับเขา



    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

        เมื่อล็อกฮาร์ตออกมานอกสถานีคิงส์ครอสก็พบว่ามันเป็นเวลาค่ำแล้ว และเขาคงต้องหาที่พักให้ได้เสียที ชายหนุ่มพอจะจำได้ว่าศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์บอกว่าต้องยื่นไม้กายสิทธิ์ออกไปกลางถนนแล้วจะมีรถเมล์มารับ

    เขาทำตามที่จำได้ในทันทีด้วยการยื่นไม้กายสิทธิ์ออกไปกลางถนน การสูญเสียความทรงจำไปครั้งหนึ่งทำให้เขาไม่ค่อยมั่นใจในความทรงจำของตนเอง



        ไม่มีรถเมล์หรืออะไรที่ใกล้เคียงรถเมล์ปรากฏขึ้น



        ล็อกฮาร์ตลองโบกไม้กายสิทธิ์ให้ดูราวกับท่าโบกรถ พลันเขารู้สึกตัวว่ามีสายตาของมักเกิ้ลจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังมองเขาอยู่ การทำแบบนี้อาจกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นของพวกมักเกิ้ล และถ้าเขาไม่เก็บไม้กายสิทธิ์ และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเดี๋ยวนี้ เขาอาจจะต้องจบลงด้วยการถูกขังอยู่ในคุกที่พวกมักเกิ้ลเรียกว่าโรงพยาบาลประสาท – นั่นเป็นคำเตือนของศาสตราจารย์สเนป



        ล็อกฮาร์ตรีบเก็บไม้กายสิทธิ์เข้ากระเป๋า สะพายขึ้นบ่า แล้วเดินออกจากหน้าสถานีคิงส์ครอสไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผ่านสายตาแปลก ๆ ที่มองดูเขาอยู่โดยไม่เหลียวมองแม้แต่น้อย ไปจนถึงตรอกแห่งหนึ่งไม่ไกลจากสถานี หากแต่ปราศจากผู้คน



        บางทีรถเมล์อาจไม่เปิดเผยตัวในสถานที่ที่เต็มไปด้วยมักเกิ้ลเช่นนั้น ล็อกฮาร์ตจึงมาที่นี่ หากแต่ยังสงสัยว่า ในตรอกแคบ ๆ ที่ล็อกฮาร์ตเองยังคิดว่า หากมีคนเดินเข้ามาทีเดียวสองสามคน คงเป็นเรื่องลำบากไม่ใช่เล่นนี้ จะมีรถเมล์มาจอดได้หรือ?



        ล็อกฮาร์ตตัดสินใจโบก



        พริบตานั้นราวกับว่าโลกกลายเป็นอีกโลกที่อยู่นอกเหนือสามัญสำนึกของมนุษย์ ล็อกฮาร์ตพอจะมองเห็นตึกทั้งสองตึกแยกออกจากกันอย่างบิดเบี้ยวผิดธรรมชาติ รอยแยกพาดผ่านอากาศ เผยอออกเป็นช่องกว้าง สี่เหลี่ยมสีม่วงเข้มหลุดออกมาจากรอยแยกนั้น ล็อกฮาร์ตตระหนักในทันทีว่านั่นคือ ‘รถเมล์’ ที่ดัมเบิลดอร์พูดถึงไม่ผิดเพี้ยน ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วเสี้ยววินาที



        รถเมล์นั้นจอดอย่างเงียบสนิทตรงหน้าล็อกฮาร์ต เขาเพิ่งได้เห็นมันชัด ๆ ก็ตอนนี้ รถเมล์นี้เป็นรถสูงถึงสามชั้น ล็อกฮาร์ตรู้ได้เพราะแถวหน้าต่างนั้นมีสามแถวเรียงกันสูงขึ้นไปจนถึงยอด ทางท้ายรถมีที่ว่างซึ่งดูเหมือนจะเป็นประตูทางเข้า ล็อกฮาร์ตเดินไปทางนั้นทันที และไม่ทันที่เขาจะได้แตะประตู มันก็เปิดออก ชายร่างไม่ใหญ่นักพร้อมหนวดโง้งเหนือริมฝีปากและหมวกในแบบของพนักงานโผล่ตัวออกมาจากหลังประตูในทันคัน ยิ้มร่าเมื่อเห็นล็อกฮาร์ต แล้วกล่าวต้อนรับว่า



        “ขอต้อนรับสู่รถเมล์อัศวินราตรี พาหนะฉุกเฉินสำหรับพ่อมดและแม่มดพเนจร เพียงแค่ยื่นไม้กายสิทธิ์ออกมา แล้วก้าวขึ้นรถ เราก็จะพาท่านไปทุกแห่งที่ปรารถนา ผมชื่อบารอน เคลมอส ผมเป็นกระเป๋ารถเที่ยวค่ำวันนี้ เชิญครับ”



        ล็อกฮาร์ตเลิกคิ้ว นี่มันรวดเร็วเกินไป เขาแทบจะตั้งตัวไม่ทัน กว่าล็อกฮาร์ตจะลำดับความคิดได้ บารอนก็แทบจะดันเขาขึ้นรถแล้ว ที่สำคัญเมื่อเขาเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งแรกที่มองเห็นก็คือ ประตูรถปิดลง และเขากำลังอยู่ในรถเมล์อัศวินราตรี



        ที่นั่งมากมายเรียงรายอยู่ที่ชั้นนี้ ล็อกฮาร์ตทำอะไรไม่ถูก จึงลองเดินขึ้นไปยังชั้นสอง แต่เมื่อเท้าเหยียบบันไดขั้นแรก เขาก็ร้องถามบารอนว่า “ผมขึ้นไปชั้นสองได้ไหมครับ?” เมื่อได้รับคำตอบจากบารอนว่า “ได้ครับ” เขาก็เดินขึ้นบันไดไป



        บันไดเป็นบันไดวนทอดยาวขึ้นไปสูงจนไม่น่าเชื่อว่าตัวเขาเองกำลังอยู่ในรถเมล์ ที่สำคัญล็อกฮาร์ตไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนแบบที่เขารู้สึกบนรถไฟแม้สักนิด ราวกับว่าในรถเมล์คันนี้ทุกอย่างหยุดนิ่งก็ไม่ปาน เมื่อเขาขึ้นมาถึงชั้นสอง ก็พบว่าเป็นห้องยาวที่เต็มไปด้วยเตียงสี่เสา แทบจะเรียกได้ว่า ‘สุดลูกหูลูกตา’ ถึงตอนนี้ล็อกฮาร์ตมั่นใจแล้วว่า คงมีอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นเวทมนตร์ ที่ทำให้พื้นที่ในรถเมล์อัศวินราตรีนี้กว้างกว่าที่เห็นภายนอก



        เตียงหลายเตียงมีผู้โดยสารนอนอยู่แล้ว บางคนกำลังอ่านหนังสือ บางคนกำลังดื่มเครื่องดื่มร้อน ๆ ควันฉุย ล็อกฮาร์ตเดาเอาเองว่าพวกนี้คือผู้โดยสารที่เดินทางไกล เช่น...เช่น...เช่นที่ไหน เขาก็นึกไม่ออกเหมือนกัน



        ตัวเขาเองไม่รู้ว่าจะไปไหน ไม่รู้ว่าจะใกล้หรือไกล จึงยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะนั่งที่ชั้นหนึ่ง หรือนอนที่ชั้นนี้ เพราะฉะนั้นล็อกฮาร์ตจึงเดินขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง



        ชั้นนี้เป็นห้องอาหารขนาดปานกลาง แต่ตกแต่งอย่างสวยงามไม่มีที่ติ บรรยากาศดูเหมาะจะพาคนรักมารับประทานอาหารใต้แสงเทียนด้วยกัน ล็อกฮาร์ตได้ยินเสียงเพลงเบา ๆ ลอยมา หากแต่มองไม่เห็นตัวนักดนตรีเลย เขาจึงคิดเอาเองว่า นี่คงเป็นเวทมนตร์อะไรสักอย่างอีกแล้ว ที่บันดาลให้มีเสียงเพลงดังขึ้นเองในห้องนี้



        มีเสียงคนเดินขึ้นบันไดมา ล็อกฮาร์ตรีบหลบออกนอกทาง แต่เมื่อเห็นว่าเป็นบารอน ก็ถามออกไปทันทีว่า “มีอะไรหรือครับ?”



        “เอ่อ...คุณผู้โดยสารจะไปไหนหรือครับ” บารอนถามอย่างยิ้มแย้ม



        เมื่อครู่นี้ล็อกฮาร์ตก็กำลังสงสัยเช่นนี้เหมือนกัน



        “คือ…ผมต้องการที่พัก” ล็อกฮาร์ตบอก “และผมก็มีเงินไม่มาก”



        “อ้อ” บารอนพูด รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้า “ถ้างั้นคุณก็น่าจะไปที่ฮอเทเลอร์ ไปที่นั่นราคาสิบเอ็ดซิกเกิ้ล ฮอเทเลอร์มีที่พักหลากหลายรูปแบบให้เลือกพักครับ ไม่ว่าจะเป็นแบบอเมริกัน แบบอังกฤษ แบบเอเชีย หรือแม้แต่แบบป่าดิบชื้น ถ้าคุณสนใจ จะลองติดต่อญาติผมก็ได้นะครับ ผมจะให้เอลตาจัดการให้” เขาชี้มือไปทางนกฮูกที่เกาะอยู่บนที่นั่งตัวหนึ่ง



        “สิบเอ็ดอะไรนะครับ” ล็อกฮาร์ตถาม



        “อ้าว แล้วกัน ซิกเกิ้ลไงครับ เหรียญเงิน คุณไม่รู้หรอกหรือ”



        “คือผมเสียความทรงจำน่ะครับ” ล็อกฮาร์ตพูด ขณะที่หยิบเหรียญเงินออกมานับ เก้า...สิบ...สิบเอ็ด แล้วยื่นให้บารอน เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าบนรถเมล์อัศวินราตรีนี้มีผู้โดยสารน้อยมาก “ผมชื่อล็อกฮาร์ต, กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต คุณรู้จักผมไหมครับ”



        บารอนทำเหรียญเงินตกพื้น



        “ล…ล็อกฮาร์ต” บารอนจ้องหน้าล็อกฮาร์ต “ก…กิลเดอรอย…คนนั้นน่ะหรือครับ”



        “คงใช่มั้งครับ” ล็อกฮาร์ตตอบ หน้าแดงนิด ๆ



        “โอ๊ย คุณไม่ต้องไปฮอเทเลอร์หรอก คุณไปบ้านคุณเลยดีกว่า ทั้งผมและแครสรู้จักบ้านของคุณดี ไม่ต้องครับ! ไม่ต้อง ผมไม่เอาเงินคุณ แค่นี้ผมก็รู้สึกเป็นเกียรติมากเกินพอแล้ว นี่! แครส! ไปคฤหาสน์ล็อกฮาร์ตที! เรารับคนดังขึ้นรถมาแล้ว” บารอนร้องด้วยสีหน้าที่ใคร ๆ ก็บอกได้ว่าดีใจเป็นล้นพ้น



    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×