ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Girl ยัยหนูของฉัน (Maleficent&Aurora)

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ค. 57


     
     
    ย้อนอดีตรักแรกพบซักแปบ
     
    เด็กน้อยวัยห้าขวบที่หนีป้าของเธอออกมาเล่นนอกบ้านทุกวัน อาจเพราะผมของเธอเป็นสีทอง ซึ่งแตกต่างมากจากเด็กแถวนั้น เลยไม่ค่อยมีคนอยากเล่นกับเธอ หรือเด็กบางพวกก็ชอบรังแกเธอ เพราะทุกคนว่าเธอว่าเป็นตัวประหลาด เธอจึงไม่มีเพื่อนตั้งแต่เด็กๆ เธอมักจะมาเล่นคนเดียวที่หลังสนามเด็กเล่นคนเดียว เพราะมันเงียบ ไม่มีใครรบกวน ไม่มีใครมารังแกเธอ จนวันนึงเธอเห็นหมาตัวที่เธอเล่นด้วยประจำถูกตีจนตาย โดยเด็กพวกที่ชอบรังแกเธอ เธอนั่งร้องไห้อยู่นานจนมือค่ำ ป้าของเธอออกตามหาซะจนทั่ว แต่ก็ไม่เจอ มาเลฟิเซนต์ซึ้งตอนนั้นเธอเรียนมหาลัย จึงกลับบ้านดึกเป็นธรรมดา เธอเลือกเดินถนนสายข้างหลังสนามเด็กเล่น เพราะจากร้านเค้กที่เธอชอบไปกิน เดินผ่านถนนสายนั้นจะถึงบ้านเร็วกว่า เธอเห็นเด็กน้อยข้างบ้านที่ป้าของเธอหวงนักหวงหนามานั่งร้องไห้อยู่คนเดียว เธอยืนสังเกตอยู่ซักพัก และก็เดินจากไป อาจเพราะเธอไม่ค่อยอยากที่จะยุ่งกับปัญหาของใคร แต่สุดท้าย เธอก็ต้องตัดสินใจเดินเข้ามาหาเด็กน้อย
     
     
    “มันตายแล้วล่ะ” เธอพูดอย่างอ่อนโยนกับเด็กน้อย เด็กน้อยไม่ตอบอะไร แต่กลับร้องไห้หนักกว่าเดิม “กลับบ้านกันเถอะ” เธอเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้เด็กน้อย เด็กน้อยยังคงร้องไห้ “กินเค้กกันมั้ย” เด็กน้อยหยุดร้องไห้ และหยิบถุงเค้กในมือของมาเลฟิเซนต์ไปแกะกินโดยทันที 
     
    “เด็กน้อยเอ๊ย” มาเลฟิเซนต์พูดออกมาอย่างเอ็นดู
     
    “หนูไม่เด็กแล้วนะ” เด็กน้อยหันมาเถียง ทั้งๆที่ยังมีครีมเปื้อนปากอยู่ พี่สาวใช้นิ้วป้ายครีมที่ติดอยู่ที่ปากออก แต่แทนที่เธอจะใช้กระดาษทิชชู่เช็ดออด เธอกลับเลียมันดัวยปากของเธอ เด็กน้อยมองตามด้วยความมึนงง แต่ก็หันมาสนใจกับเค้กที่อยู่ตรงหน้าเหมือนเดิม จนกระทั่งเด็กน้อยกินเค้กของมาเลฟิเซนต์จนหมด
     
    “กลับบ้านกันนะ” พี่สาวพูดกับเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน  เด็กน้อยยอมทำตามอย่างดี เธอจับมือกับพี่สาวเดินกลับบ้าน เมื่อป้าฟรอร่าเห็นเธอเดินกับมาเลฟิเซนต์ สิ่งแรกที่ป้าคิดคิดมาเลฟิเซนต์ทำร้ายออโรร่า เพราะรอบดวงตาของออโรร่ายังแสดงให้เห็นถึงการร้องไห้อย่างโชกโชน 
     
     
    “ไปซะ อย่ามายุ่งกับออโรร่า” ป้าฟรอร่ากอดออโรร่าเอาไว้แน่น และไล่มาเลฟิเซนต์ไป แต่ออโรร่าพยายามหนีออกจากอ้อมกอดของฟรอร่าไปหามาเลฟิเซนต์ แต่มาเลฟิเซนต์ไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลยซักอย่าง เพราะยังไงก็คงไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เธอพูดอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่กับออโรร่า ออโรร่าพยายามแก้ต่างให้มาเลฟิเซนต์
     
    “พี่เค้าไม่ใช่คนไม่มีนะ พี่เค้าใจดี ให้เค้กหนูด้วย” ออโรร่าพยายามหาข้อแก้ตัวให่มาเลฟิเซนต์
     
    “ป้าบอกกี่ครั้งแล้ว ว่าอย่าไงยุ่งกับมาเลฟิเซนต์” ป้าทั้งตีทั้งว่าเด็กน้อย เด็กน้อยได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ในห้องคนเดียว จนเช้า เธอเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ มาเลฟิเซนต์นอนอยู่บ้านสบายใจเฉิบ เด็กสาวมองออกไปนอกหน้าต่างทั้งวัน หวังรอให้มาเลฟิเซนต์ออกมาจากบ้านเพื่อที่เธอจะได้เจอกับพี่สาว จนแล้วจนเล่า มาเลฟิเซนต์ก็ยังไม่ออกจากบ้าน เด็กน้อยรอคอยด้วยความเมื่อย และเบื่อ เธอตัดสินใจที่จะออกไปเล่นนอกบ้านในตอนเย็นเหมือนทุกวัน ที่เดิม เวลาเดิม จนมาเลฟิเซนต์ออกจากบ้านมาซื้อเค้ก
     
    “กะจะกินก็ไม่ได้กิน ทีวันนี้อยากกินล่ะก็ไม่มี” ร่างสูงบ่นทันทีที่เดินออกจากร้าน เธอเดินออกมาตามถนนเส้นเดิม เห็นเด็กคนเดิม เธอรีบเดินหนีทันที แต่ทว่าสายตาของเด็กน้อยช่างว่องไว 
    “พี่จ๋า มาเล่นกับหนูหรอ” เด็กน้อยวิ่งเข้าไปกอดกับพี่สาวที่ด้านหลัง และลากพี่สาวมานั่งด้วยกัน
     
    “กินเค้กมั้ย” มาเลฟิเซนต์ยังคงชวนเด็กน้อยกินเค้กที่เธอเพิ่งบ่นเมื่อออกจากร้าน ว่าอยากกิน แต่ไม่ได้กิน
     
    “กิน” เด็กน้อยพูดออกมาด้วยสีหน้าที่สดใส เผยยิ้มออกมาให้พี่สาวได้ยิ้มตาม “พี่ยิ้มแล้วน่ารักจัง” พี่สาวป้อนเค้กเด็กน้อยอย่างน่าเอ็นดู 
     
    “อยากกินอีกมั้ย” 
     
    “อยากสิ”
     
    “งั้นพรุ่งนี้มาเจอที่นี่นะ เวลาเดิม โอเคนะ”
     
    “ค่ะ”
     
    “กลับบ้านกันเถอะ เย็นแล้ว” 
     
     
     
     
    จนเวลาผ่านไปนานหลายปี ออโรร่าได้โตเป็นสาว ส่วนมาเลฟิเซนต์นั้นได้เริ่มทำงานมาแล้วหลายปี โดยสร้างบริษัทของตัวเองจนตั้งตัวได้ แต่ทั้งสองคนก็ยังหาเวลามานั่งกินเค้กกันอยู่เหมือนเดิม แม้ว่าเวลาของมาเลฟิเซนต์จะไม่ค่อยมีให้ออโรร่าก็ตามที
     
    “ออโรร่า ถ้าเหงาเมื่อไหร่ก็มานะ” พี่สาวยื่นกุญแจให้กับออโรร่า เด็กสาวรับไว้ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม เธอโผเข้ากอดมาเลฟิเซนต์
     
    “หนูจะคิดถึงคุณเป็นคนแรกเลย” 
     
    “นี่เธอคิดว่าฉันเป็นอะไรสำหรับเธอเนี่ย”
     
    “อืม แม่ พี่เหมือนเป็นแม่หนู  พี่ดูแลหนูตลอดเลย”
     
    “หรอ”
     
    “จ่ะ แม่จ๋า ให้หนูเรียกพี่ว่าแม่จ๋านะ”
     
    “ตามใจ” 
     
    จากนั้นมาเลฟิเซนต์ก็ไม่ค่อยมีเวลามานั่งคุยกับออโรร่านัก แต่ว่าเด็กสาวก็ไปรอแม่จ๋าที่บ้านทุกวัน เมื่อป้าฟรอร่ารู้เข้า ก็ดุก็ว่าออโรร่าตลอด แต่เธอก็ได้มาเลฟิเซนต์ปลอบเธอทุกครั้ง
     
     
     
     
     
     
    ร่างสูงนั่งกุมขมับอยู่ในรถหลังจากออกจากโรงพยาบาล เธอนั่งนิ่งอยู่นาน และได้แต่บ่นกับตัวเอง
     
    “อะไรกัน บอกให้ฉันหยุดยา และหันไปมีเซ็กบ้าง ไม่งั้นอาการจะทรุด ที่ฉันไม่ทรุดเพราะฉันกินยาอยู่นี่ละ แล้วจะมางดยาฉัน โอ๊ย เป็นหมอประสาอะไรกันเนี่ย” ร่างสูงบ่นออกมาอย่างหัวเสีย เธอควานหาขวดยาในกระเป๋า แต่มันกลับไม่เหลือซักเม็ด เธอนั่งกุมขมับอยู่นาน ลูบหน้าตาตัวเองด้วยความกระวนกระวาน แต่ไม่ทันไรเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
     
    “แม่จ๋าเป็นอะไรรึเปล่าคะ ทำไมไม่มารับหนูน่ะ” เด็กสาวโทรถามขณะที่อยู่ในรถกับเดียวัล
     
    “เดียวัลไปรับเธอแล้วหรอ” มาเลฟิเซนต์บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบคำถาม
     
    “ใช่ค่ะ” เด็กสาวได้เพียงแต่ตอบรับ “ดูแลตัวเองด้วยนะคะ” เธอพูดอย่างห่วงใยแม่จ๋าของเธอ ก่อนที่จะวางสายไป
     
     
    มาเลฟิเซนต์รีบกลับบ้านทันทีที่วางสาย เธอขับรถด้วยความเร็วเกือบ 180 บนถนนสายยาว ดีที่ถนนโล่ง ไม่นานนักก็ถึงบ้าน รถของเดียวันมาจอดที่หน้าบ้านพอดี
     
    “หนูไปก่อนนะคะ เดียวัล” เด็กสาวโบกมือลาคนขับรถที่มาส่งเธอ ชายร่างสูงโบกมือกลับ มาเลฟิเซนต์ได้แต่ยืนมองด้วยสายสายตาที่เย็นชา ชิงชัง เดียวัลเห็นมาเลฟิเซนต์กำลังอารมณ์เสีย เค้าจึงรีบขับรถออกไปทันที
     
     “ออโรร่า เธอกลับบ้านไปก่อนนะ ฉันอยากพัก” ร่างสูงบอกกับเด็กสาว และเธอก็ยอมทำตามแต่โดยดี มาเลฟิเซนต์ทิ้งเอกสารและสัมภาระลงที่ข้างเตียงและทิ้งตัวลงนอน เธอหลับไม่ลง เพราะด้วยอาการของป่วยเธอ ทำให้ไม่สบายเนื้อสบายตัว แต่เพราะความเพลีย ทำให้เธอไม่มีแรงที่จะทำอะไรต่อทั้งนั้น
     
    “ทรมารจัง” ร่างสูงปลดกระดุมเสื้อออก เพื่อให้สบายเนื้อสบายตัวมากขึ้น เธอพยายามข่มตาหลับ แต่ไม่เป็นผล ร่างเล็กเข้ามาดูร่างสูงด้วยความเป็นห่วง เธอเดินเข้ามาในห้อง เห็นร่างสูงนอนมือก่ายหน้าผาก ร่างเล็กเดินเข้าไปนั่งบนเตียงข้างๆที่ร่างสูงนอนอยู่ เธอเห็นกองเอกสารกับกระเป๋าที่วางกองอยู่ที่พื้น เธอหยิบซองที่โผล่ออกมาจากกระเป๋าออกมาเปิดดู
     
    “อะไรเนี่ย ยากล่อมประสาท ค่ายา โรงพยาบาลบำบัดจิต นี่มันอะไรเนี่ย” ร่างเล็กใช่สายตาไล่อ่านจนจบ “โรคนิมโฟมาเนีย โรคไรอ่ะ แม่จ๋าป่ายหรอ” เธอพึมพำกับตัวเอง แต่ว่าร่างสูงนั้นรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว ร่างเล็กรีบเก็บเอกสารเข้าที่เดิม ก่อนที่เธอจะยิ้มให้ร่างสูงที่ตื่นขึ้นมา
     
    “มาแล้วหรอ โทษทีนะ ฉันเพลียนะ” ร่างสูงลุกขึ้นมาพูดกับร่างเล็ก ร่างเล็กประทับจูบไปที่หน้าผากโดยที่ไม่ให้ร่างสูงได้ทันตั้งตัว
     
    “นอนพักเถอะค่ะ คนป่วยต้องพักนะ ห้ามดื้อ” เด็กสาวสั่งร่างสูงอย่างเอ็นดู ร่างสูงยิ้มออกมาภายในเงามืด แต่ทว่าในเงามืดนั้นกลับมองเห็นรอยยิ้มอันอบอุ่น ร่างเล็กจับตัวของร่างสูงเอนลงนอน ร่างสูงยอมทำตามแต่โดยดี ร่างสูงทิ้งตัวลงนอน ทำให้ร่างเล็กที่จับตัวร่างสูงอยู่นั้นล้มทับร่างสูง ใบหน้าของทั้งคู่ใกล้ชิดกันเพียงไม่กี่เซ็น สัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ร่างเล็กจ้องมองไปนัยน์ตาของร่างสูง เธอสัมผัสได้ถึงเรื่องในอดีต พี่สาวที่ใจดีของเธอ ร่างสูงเอื้อมมือมาโอบกอดร่างของคนข้างบน ก่อนที่จะพลิกตัวสลับให้ตัวเองมาอยู่ด้านบน คนข้างบนค่อยๆปลดกระดุมของคนข้างล่างออกทีละเม็ดอย่าใจเย็น เธอค่อยๆบรรจงจูบลงที่ริมฝีปากบางรูปกระจับ ริมฝีปากอวบอิ่มบดขยี้ริมฝีปากบาง เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นของริมฝีปากหนาเริ่มลุกล้ำเข้าไปภายในโพรงปากของคนข้างล่าง ร่างเล็กเริ่มคางอยู่ในลำคอ มือที่โอบกอดร่างสูงไว้ค่อยๆจิกแรงขึ้นเรื่อยๆ ร่างสูงเลื่อนมือไปลูบไล้ต้นขาของร่างเล็ก ร่างเล็กเริ่มเกรงมมากขึ้น ทั้งความรู้สึกที่เสียวซ่าน และการถูกแย่งชิงลมหายใจ ร่างเล็กครางเสียงดังมากขึ้น ร่างสูงจำใจต้องถอนจูบออก เพื่อให้ร่างเล็กได้พักหายใจ
     
     
    “พูดมาสิ ว่าอยากให้ฉันหยุด” ร่างสูงใช่มือปัดผมที่ปรกหน้าของร่างเล็กออกอย่างใจเย็น
     
    “แม่จ๋าควรจะพักนะ ไม่สบายอยู่หนิ เดี่ยวหนูจะไปทะข้าวต้มมาให้นะ” ร่างเล็กรีบลุกออกจากเตียงทันทีที่ตั้งสติได้ 
     
     
     
     
    ‘แม่จ๋าจะทำอะไรน่ะ แล้วทำไมเราต้องใจเต้นแรงด้วย แล้วไอความรู้สึกดีนี่มันอะไรกันเนี่ย’
     
     
     
    ‘นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย เธอกล้าทำอย่างนั้นกับออโรร่าได้ยังไงกัน’
     
     
     
     
    เด็กสาวจัดแจงเสื้อผู้ตัวเองให้เรียบร้อยก่อนทีจะเดินไปเปิดไฟ
     
    “หนะ หนู หนูว่า เปิดไฟไว้ดีกว่านะ เดี่ยว เดี่ยว สายตาเสีย ใช่ เดี่ยวสายตาเสีย” เธอพูดตะกุกตะกัก อาจเพราะความอาย ส่วนร่างสูงได้แต่นั่งนิ่งอยู่บนเตียง ไม่นานนักร่างเล็กก็มาพร้อมกับถ้วยข้าวต้ม เด็กสาวนั่งลงบนเตียงข้างๆร่างสูง เธอตักข้าวต้ม เป่าให้หายร้อน แต่ร่างสูงกลับจ้องแต่หน้าเธอ
     
    “เมื่อกี้ ฉันขอโทษ ถ้าทำให้เธอตกใจ” ร่างสูงกล่าวออกมาอย่างจริงจัง แต่ไร้ความเย็นชา มาดเคร่งขรึมของเธอหายไป เหลือเพียงแต่ความอ่อนโยน “เดี่ยวฉันกินเองดีกว่า เธอวางไว้เถอะ”
     
    “คนป่วย อยู่เฉยๆเลย เดี่ยวหนูจัดการเอง นี่เป็นคำสั่ง” ร่างเล็กเอ่ยอย่างมีชัยชนะ
     
    “เธออยู่เหนือฉันตั้งแต่เมื่อไหราเนี่ย” ร่างสูงเอ่ยออกมาอย่างขำๆ แต่ร่างเล็กกลับไม่มีอารมณ์ร่วมด้วย
     
    “คุณป่วยเป็นโรคอะไร ทำไมคุณไม่บอก” ร่างเล็กเริ่มเปิดประเด็น
     
    “เธอรู้แล้วหรอ” ร่างสูงเอ่ยอย่างหมดหนทางที่จะเถียง
     
    “หนูไม่รู้นะ ว่าคุณป่วยเป็นโรคอะไร แต่ถ้าอะไรที่หนูทำให้คุณได้ หนูก็จะทำ หนูอยากดูแลคุณ” ร่างเล็กเอ่ยอย่างจริงใจ แต่กลับได้รับการขับไล่จากร่างสูง
     
    “ออกไปซะ” ร่างสูงเบือนหน้าหนี น้ำเสียงเย็นชากลับมาอีกครั้ง เธอพยายามที่จะไม่ให้ร่างเล็กเห็นใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของเธอ “ฉันบอกให้ออกไป” ร่างเล็กตกใจกับเสียงตะหวาดของร่างสูง เธอสะดุ้งทำเอาถ้วยข้าวต้มในมือหล่นลงพื้น
     
    ร่างสูงได้แต่ร้องไห้ เสียใจกับการกระทำของตน ร่างเล็กที่ยืนอยู่หลังประตูบานหนาได้ยินเสียงสะอื้นของร่างสูง เธอรู้ว่าร่างสูงไม่ได้ตั้งใจ เธอได้ยินทุกอย่างที่ร่างสูงพูดหลังจากไล่เธอออกไป
     
    “ฉัน ข ขอ โทษ ออ โร ร่ า … อึก” เธอกล่าวคำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอได้แต่โทษตัวเองซ้ำไปซ้ำมา เธอรู้ตัวว่าเธอทำอะไรกับออโรร่าไป 
     
    “แม่จ๋า” เด็กสาวที่อยู่อีกฟากของประตูได้แต่เรียกชื่อของคนข้างใน เธอไม่กล้าที่จะกลับเข้าไปในห้อง เพราะกลัววจะทำให้มาเลฟิเซนต์โกรธเธอจริงๆ
     
     
     
     
     
    “ออโรร่า ทำอะไรน่ะ” เด็กสาวถูกทักขึ้นโดยเพื่อนทั้งสองขณะอยู่ในชั่งโมงเรียน เธอกำลังแอบเล่นโทรศัพท์ ไม่สิ เธอกำลังหาข้อมูลของโรคนิมโฟมาเนีย
     
    “เปล่า ไม่ได้ทำไรซักหน่อย” เด็กสาวรีบเก็บโทนศัพท์ลงใต้โต๊ะทันที เมื่อพ้นสายตาของเพื่อนทั้งสอง เธอจึงหยิบขึ้นมาดูใหม่
     
     
     
    ‘โรคขาดผู้ชายไม่ได้ เป็นอาการป่วยทางจิต ความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในสมอง บาดแผลทางจิตใจ จากเหตุการณ์ในชีวิต มักจะสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ต้องเผชิญกับความโศกเศร้า การใช้ยา การมีเซ็ก’
     
     
    ‘นี่มันอะไรกัน แม่จ๋าป่วย เป็นแบบนี่’ ร่างเล็กถึงทำโทรศัพท์หลุดจากมือ ทุกคนในห้องหันไปหาเธอ 
     
     
    “ขะ ขอโทษค่ะ” เด็กสาวรีบปรับสภาพให้อยู่ในสภาพปกติ แต่ทว่าเธอกลับไม่มีกระจิตกระใจที่จะทำอะไรเลย เธอนั่งเหม่อลอยอยู่ทั้งวัน ทั้งอันนาและเมอริด้าก็อดเป็นห่วงไม่ได้
     
    “นี่ ออโรร่า เป็นไรมั้ย วันนี้เธอดูแปลกๆนะ ตั้งแต่เช้า” เมอริด้าถามด้วยความสงสัยและเป็นห่วง
     
    “เกิดอะไรขึ้นกับเธอ ใครทำเธอให้เป็นแบบนี้ เดี่ยวเจ้จัดการให้” อันนาทุบโต๊ะท่าทางอารมณ์เสีย เพราะเพื่อนสาวของเธอมักจะเป็นคนร่าเริง ยิ้มแย้ม แต่ไม่ใช่ในวันนี้ 
     
    “เดี่ยวฉันกลับบ้านก่อนดีกว่า” ว่าแล้วเด็กสาวก็รีบเดินออกจากห้องไปทันที
     
    “ไม่รอให้พี่เธอมารับหรอ” อันนาตะโกนไล่หลังไป แต่ไร้การตอบรับใดๆจากเพื่อนสาว
     
     
     
     
    “วันนี้เธอเลิกงานได้เลยนะ เดี่ยวฉันจะออกไปข้างนอก” มาเลฟิเซนต์พูดกับเอลซ่า ที่กำลังนั่งตรวจเอกสารกองโต แต่ทว่าที่ทางของสาวร่างสูงนั้นกับดูไม่ดีเอาซะเลย เธอเดินชนโต๊ะรับแขกก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป 
     
     
     
    “นี่ เอลซ่า วันนี่ออโรร่าดูแปลกๆยังไงก็ไม่รู้” อันนาคุยกับพี่สาวของตนขณะกำลังเดินออกจากโรงเรียน
     
    “หรอ ยังไง” พี่สาวถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
     
    “ก็ เหม่อลอย ลุกลี้ลุกลน ทำของตก เดินชนนู่นชนนี่” เอลซ่าคิดตาม เหมือนเธอเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้ที่ไหน ใช่ ในห้องทำงานของเธอ มาเลฟิเซนต์เองก็มีอาการแบบเดียวกันในวันนี้ เธอดูแปลกไปกว่าทุกวัน ไม่ทันไรความคิดของเธอก็ถูกขัดขึ้นจากน้องสาว
     
    “นั่นมัน พี่ของออโรร่าไม่ใช่หรอ แต่ออโรร่ากลับไปแล้วนะ” อันนาบอกกับพี่สาวของตน เอลซ่าได้แต่เงียบ จนมาเลฟิเซนต์เดินเข้ามาทัก
     
    “เห็นออโรร่าบ้างมั้ย” เธอถามกับเอลซ่า แต่เป็นน้องสาวที่ตอบแทน
     
    “ออโรร่ากลับไปแล้วค่ะ วันนี้เธอดูอาการไม่ค่อยดี” มาเลฟิเซนต์หันหลังกลับทันที่ไม่มีแม้คำขอบคุณ
     
    “ฉันว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลนะ เอลซ่า” อันนาทำท่าเหมือนใช้ความคิด
     
    “อันนา พี่มีอะไรจะบอก” น้องสาวยังคงใช้ความคิดเหมือนเดิม
     
    “หืม”
     
    “มาเลฟิเซนต์ เค้าเป็นหัวหน้าพี่” 
     
    “หืม ฮะ อะไรนะ ย ยัยโหด พี่ทำงานกับยัยโหด” น้องสาวถึงกับต้องสติแตก
     
    “ใจเย็นอันนา จริงๆแล้วเค้าเป็นคนใจดี พี่ก็รู้อะไรหลายๆอย่างมาเหมือนกัน เค้าให้พี่เลิกงานพร้อมเค้าตลอด เพราะเค้าจะต้องมารับออโรร่า เค้าเลยให้พี่เลิกพร้อมเค้า เพื่อมารับเธอ แต่ก็มีหลายครั้ง ที่เค้าออกไปข้างนอกแล้วไม่ให้พี่ตามไป พี่เช็คดูแล้วล่ะ เค้าไปโรงบาล แต่พี่ก็ไม่รู้ว่าเค้าป่วยเป็นอะไร หรือไปเยี่ยมใครรึเปล่า” น้องสาวที่สติหลุดไปก็ได้สติกลับคืนมา
     
    “ไปเช็คมาเลย เอลซ่า เค้าอยากรู้ เค้าเป็นห่วงเพื่อน” น้องสาวทำท่าทางสั่งพี่สาว
     
    “ก่อนห่วงคนอื่นอ่ะ ห่วงตัวเองก่อนเถอะ”
     
     
     
     
    มาเลฟิเซนต์ขับรถด้วยความเร็ว 180 เพื่อที่จะรีบมาถึงบ้าน แต่เมื่อเธอมาถึง ภายในบ้านของเธอนั้นไม่เจอใครเลย ก็ใช่นะสิ บ้านของเธอ คนอื่นจะเข้ามาทำไม แต่ว่าที่บ้างของออโรร่าเองก็ไม่มีร่างรอยของการกลับมาของเด็กสาว เธอพยายามโทรหาออโรร่า ไม่มีการตอบรับใดๆจากเธอ 
     
    “ออโรร่า เธออยู่ที่ไหน” ร่างสูงทรุดลงนั่งที่ข้างรถของเธอ ในตาเธอมีน้ำใสๆไหลออกมา เธอได้แต่รำพึงรำพัน ราวกับเธอได้สูญเสียคนรักไปยังไงอย่างงั้น แต่เธอก็รู้สึกได้ ว่ายังเหลืออีกที่ ที่เธอยังไม่ได้ไปหา สาวร่างสูงรีบไปที่หลังสนามเด็กเล่น แต่กลับไม่เจอใครเลย มีเพียงเธอ เธอแค่เพียงที่อยู่ที่นั่น เธอทรุดลงนั่งอีกครั้ง 
     
    “ออโรร่า ยัยหนู เธออยู่ที่ไหน ฉันขอโทษ ฉันจะไม่ทำกับเธอแบบนั้นอีก ได้โปรด อย่าโกรธฉันเลย” ร่างสูงได้แต่รำพึงรำพันอีกครั้ง น้ำใสๆไหลอาบแก้มอีกครั้ง และมากกว่าเดิม ร่างสูงได้แต่นั่งกอดแขนตัวเอง เพราะความเจ็บปวดที่เธอได้ทำลงไปกับร่างเล็ก เพราะเธอตั้งใจ เธอเลยเจ็บปวดมาก เจ็บปวดที่ทำให้ร่างเล็กต้องแปดเปื้อนในสิ่งที่เธอทำ เธอสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดอันอบอุ่นจากด้านหลัง
     
    “ไม่ร้องนะคะ คนดีของหนู ดูสิ ไม่สวยเลย” เด็กสาวจับคางของร่างสูงให้หันมาทางเธอ พร้อมกับใช้นิ้วเรียวปาดน้ำตาที่อาบแก้มตอบๆของร่างสูง “หนูไม่เคยโกรธแม่จ๋าเลยนะ” ร่างสูงยังคงมองใบหน้าของร่างเล็ก
     
    “กินเค้กกัน” เด็กสาวชูเค้กในมือขึ้นมาเป็นการเชิญชวน ร่างสูงได้แต่ยิ้มกับความน่ารักของร่างเล็ก
     
    “หนูรักแม่จ๋านะ” 
     
     
    ---------------------------------
     
    เฮ้อ
     
    ทรมารจัง เกือบตัน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×