ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Girl ยัยหนูของฉัน (Maleficent&Aurora)

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 57


     
    “เอลซ่า ขอให้ได้งานนะ” เด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงบอกลาพี่สาวของตนขณะอยู่บนรถมินิคุปเปอร์คันหรูสีขาว
     
    “ตั้งใจเรียนล่ะ ยัยแมวน้อยของพี่” พี่สาวขยี้หัวน้องสาวอย่างน่าเอ็นดู
     
    “ถ้าเค้าเป็นแมว พี่ก็เป็นกระต่ายน่ะสิ มาให้เค้าจับกินซะดีๆนะ” อันนาโผเข้ากอดพี่สาวใบหน้าซุกเข้าที่อกของพี่สาว
     
    “ไปได้แล้ว เดี่ยวสาย” พี่สาวไล่น้องสาวลงจากรถพลางมองดูนาฬิกา
     
     
     
    “แม่จ๋า ตั้งใจทำงานนะคะ” เด็กสาวผมทองโผเข้ากอดผู้ที่เธอเรียกว่าแม่
     
    “ตั้งใจเรียนล่ะ เม้นน้อย” ผู้ถูกเรียกว่าแม่ลูบหัวผู้เสมือนเป็นลูกสาวอย่างเอ็นดู พร้อมกับประทับริมฝีปากอันอวบอิ่มลงไปที่กลางกระหม่อม
     
    “แล้วทำไมต้องเป็นเม้นด้วยล่ะ มันน่ากลัวจะตาย หนามเยอะด้วย” เด็กสาวเถียงขึ้นมาทันทีที่คลายกอดออก
     
    “ไปได้แล้ว เดี่ยวสาย” ผู้ถูกเรียกว่าแม่เมินหน้าหนี พลางมองนาฬิกา แต่ทันทีที่เด็กสาวลงจากรถเธอก็เผยยิ้มออกมา
     
     
     
    “ตื่นได้แล้ว เมอริด้า” ผู้เป็นแม่ปลุกลูกสาวที่หลับอยู่ข้างๆ มือซ้ายเอื้อมไปสะกิด
     
    “อืม แม่ ขออีกหน่อย” สาวผมแดงละเมอออกมา
     
    “ลูกใครเนี่ย น่ารักจริง” ผู้เป็นแม่ยิ้มออกมาให้กับเด็กสาวที่นอนหลับปุ๋ย แต่ทว่ายังไม่มีการขยับเขยื้อนใดจากเด็กสาว ทำให้ผู้เป็นแม่ต้องหุบยิ้มทันที
     
    “เมอ ริ ด้า” ผู้เป็นแม่พูดเสียงเข้มทำให้เด็กสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที
     
    “หนูเปล่าทำนะแม่ หนูไม่เกี่ยว” เด็กสาวหลุดละเมอออกมา ทำหน้าตาเลิกลัก
     
    “ลงไปได้แล้ว เดี่ยวก็ปั่นการบ้านไปทันหรอก” ผู้เป็นแม่ลงจากรถทันทีที่พูดจบ ปล่อยให้เด็กสาวนั่งงงกับเหตุการณ์เมื่อครู่
     
    “เธอเป็นใคร ไม่ใช่แม่แน่ๆ แม่ไม่เคยใจดี” เด็กสาวพึมพำกับตัวเอง
     
     
     
     
    เด็กสาวทั้งสาวเดินมาเจอกันด้วยความบังเอิญก่อนที่จะเข้าตึกเรียน แต่ทว่าอารมณ์ของทั้งสามนั้นช่างแตกต่างกันเหลือเกิน อันนานั้นมีอารมณ์ที่ยิ้มแย้มสดใสแต่เช้า เป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใช่ออโรร่ากับเมอริด้า ออโรร่ามีหน้าตาที่เขินอาย ยิ้มไม่หุบ และมีอาการเหม่อลอย ซึ่งไม่ใช่ตัวเธอเลย ส่วนเมอริด้านั้นอึ้งกับความใจดีของแม่ตัวเอง ซึ่งเธอหาคำตอบไม่ได้
     
    “เมริด้า หน้าดูไม่ดีเลยนะ” อันนาทักขึ้นทันทีที่เจอเพื่อนสาว
     
    “เธอเป็นใคร ทำอะไรกับแม่ฉัน เธอเปลี่ยนไป” เมอริด้าพูดออกมาหน้าตาลอยๆ เดินชนนู่นชนนี้ ทำให้อันนาต้องย้ายสาวตามาคุยกับออโรร่า
     
    “เธอก็ดูมีความสุขเหลือเกินนะ” อันนาพูดกับออโรร่า แต่ทว่าไร้การตอบรับใดๆจากหญิงสาวผมสีทอง ออโรร่าได้แต่ยืนเขิน ม้วนผมตัวเองเล่น และจับที่กระหม่อมตัวเอง
     
    “เอาเข้าไป เพื่อนฉันแต่ละคน ให้ฉันมีเพื่อนปกติกับเค้าบ้างได้มั้ยเนี่ย” อันนาบ่นเปรยๆ พร้อมกับลากเพื่อนทั้งสองที่ยืนสติเลื่อนลอนให้เข้าห้องเรียน
     
     
     
     
    “หึ เม้นน้อยหรอ คิดไปได้ไงเนี่ย แต่ก็เหมาะกับเธอนะ ยัยตัวอันตราย” สาวร่างสูงได้แต่พึมพำกับตัวเองอยู่ในห้องทำงาน จนลืมไปว่ามีเธอไม่ได้อยู่ในห้องเพียงคนเดียว
     
    “เออ ท่านประธานครับ” ชายร่างสูงใบหน้าขาวซีด ผมดำสนิท เอ่ยขึ้นขัดจังหวะความสุงของสาวร่างสูง
     
    “มีอะไร” ร่างสูงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น และยังคงวางมาดขรึมไว้เช่นเดิม
     
    “นี่ครับ ผู้ที่มาสัมภาษณ์งานวันนี้” ชายร่างสูงยื่นแฟ้มให้เธอ สาวร่างสูงเปิดดูอย่างผ่านๆ แต่เมื่อเธอเห็นชื่อและรูปที่คุ้นตา เธอก็อ่านประวัติอย่างละเอียด 
     
    “เรียกเธอเข้ามา” เธอสั่งชายร่างสูง 
    เมื่อผู้ที่เดินเข้ามาก็ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้ที่นั่งอยู่หลังเก้าอี้หันมาหาเธอ
     
    “นั่งก่อนสิ คุณเอลซ่า” เธอยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น และวางมาดเช่นเดิม
     
    “ขอบ คุณ ค่ะ” เอลซ่าดูจะเกรงๆ เล็กน้อย เธอพูดอย่างช้าๆ ตะกุกตะกัก
     
    “ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก เดียวัล เข้ามาซิ” เธอพูดด้วยท่าทางที่สบายใจ แต่คนตรงข้ามเธอนั้นไม่ได้สบายใจเหมือนเธอ
     
    “ครับ ท่านประทาน” ชายร่างสูงตอบรับ
     
    “ต่อไปนี้ เอลซ่า จะเป็นคนติดตามฉันไปทุกที่ ส่วนนาย อยู่ดูงานที่บริษัทแทนฉันเวลาฉันไม่อยู่ แล้วก็ หาโต๊ะทำงานให้เธอด้วย เอามาไว้ในห้องฉันนี่แหละ” เธอจ้องหน้าเอลซ่าตาไม่กระพริบ แต่เอลซ่ากลับกลัวจนต้องหลบตาเธอ ส่วนชายร่างสูงได้แต่กล่าวคำตอบรับ
     
    “เธอเริ่มงานวันนี้เลยได้มั้ย” ร่างสูงยังคงถามคนตรงหน้า ถึงแม้ว่าสายตาจะไม่เยือกเย็นนัก แต่ก็ทำให้คนตรงหน้ายังกลัวอยู่ 
     
    “ดะ ได้ ค่ะ” เธอตอบตะกุกตะกัก เพราะยังคงมีความกลัวอยู่
     
     
     
     
    “อันนา ออโรร่า กลับด้วยกันมั้ย” เมอริด้า เดินมาถามระหว่างที่เห็นอันนากับออโรร่ากำลังนั่งรอผู้ปกครองมารับอยู่ที่โรงอาหาร
     
    “ไม่ล่ะ เดี่ยวรอพี่เอลซ่าน่ะ พี่บอกว่าออกมาแล้ว” อันนาที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่หันไปบอกกับเพื่อนสาวที่เดินออกไปกับอาจารย์แม่ “จารย์คะ หวัดดีค่ะ” ออโรร่ากับอันนาพูดขึ้นพร้อมกัน
     
     
     
    “ยัยหนู กลับรึยัง” มาเลฟิเซนต์โทรไปถามออโรร่าทันทีที่เข็มนาฬิกาตีสามโมง
     
    “ยังค่ะ แม่จ๋าจะมารับหรอ” ออโรร่าถามกลับอย่างดีใจ
     
    “รอก่อนละกัน” เธอพูดพียงสั้นๆ แล้วก็กดตัดสายทันที “เลิกงานได้แล้วละ เอลซ่า” เธอหันไปบอกกับเลขาที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่กับแฟ้มเอกสาร
     
    “ค่ะ” เธอตอบยิ้มๆ มาเลฟิเซนต์เดินออกไปทันทีที่พูดจบ
     
     
     
    “ยัยหนู” เสียงทุ้มเรียกเธอที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่กับอันนาที่โรงอาหาร
     
    “ไปก่อนนะอันนา บ๊ายบาย” ออโรร่าหันไปบอกกับเพื่อนสาวที่นั่งรอพี่สาวอยู่ ไม่ทันไรดทรศัพท์ของอันนาก็ดังขึ้น 
     
    “พี่อยู่หน้าโรงเรียนแล้ว” เอลซ่าโทรเรียกน้องสาวที่รอเธออยู่ในโรงเรียน
     
    “จ้า จะไปเดี่ยวนี้แหละ” อันนาวิ่งออกไปทันทีที่วางสาย
     
     
     
     
    “อยากกันอะไรมั้ย ยัยหนู” ร่างสูงถามคนข้างๆ ที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่
     
    “ไปกินเค้กกัน เอาร้านเดิมนะ ที่เราชอบไปกินกันบ่อยๆ” เด็กสาวหันมาพูดและยิ้มให้พี่สาว ไม่นานนักรถก็มาจอดอยู่ที่ร้านเค้กใกล้บ้าน เด็กสาวรีบลงจากรถอย่างรู้งาน
     
    “เอาช็อกโกแล็ตกับเครปกรีนทีค่ะ” เด็กสาวสั่งให้พี่สาวอย่างรู้งาน ราวกับว่าเธอรู้ใจพี่สาวทุกอย่าง
     
    “เธอรู้ได้ไง ว่าฉันอยากกินเครป” พี่สาวที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะถามขึ้นทันทีที่เด็กสาวนั่งลงตรงหน้าเธอ
     
    “ก็ ก็ ไม่รู้สิ ถ้าพี่ไม่อยาก เดี่ยวฉันไปเปลี่ยนให้ก็ได้” เด็กสาวลุกไปทันทีที่พูดจบ แต่กลับถูกเรียกเอาไว้ซะก่อน
     
    “ไม่ต้องหรอก เธอสั่งถูกแล้วล่ะ” พี่สาวแอบยิ้มออกมาเล็กน้อย เด็กสาวสังเกตเห็นก็แอบแซวพี่สาว
     
    “แม่จ๋าไม่เห็นต้องอายเลย เวลาแม่จ๋ายิ้ม แม่จ๋าน่ารักออก” เด็กสาวเอามือเท้าคาง นั่งจ้องคนตรงหน้า คนตรงหน้าก็นั่งจ้องเธอกลับ ทั้งสองสบตากัน ราวกับว่าพวกเธอได้ชดเชยเวลาสามปีที่เสียไปโดยการอยู่ด้วยกัน แต่ความสุขนั้นก็ต้องถูกขัดจากพนักงานเสิร์ฟ
     
    “แม่จ๋า อ้าม” เด็กสาวตักเค้กยื่นให้คนตรงหน้า ก่อนจะพูดเชิญชวนให้คนตรงหน้าทำตาม คนตรงหน้าเผยยิ้มออกมาให้ร่างเล็กได้เห็น ร่างเล็กถึงกับต้องมองค้างเพราะความน่ารักของคนตรงหน้า
     
    “นี่ ออโรร่า ตอนนี้เธอมีคนที่ชอบรึยัง” พี่สาวถามขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม แต่ทว่าเด็กสาวยังคงตอบด้วยน้ำเสียงที่สดใสเหมือนทุกครั้ง
     
    “ไม่มีหรอกค่ะ” พี่สาวทำหน้าโล่งใจทันทีที่ได้ยินคำตอบจากปากของเด็กสาว ซึ่งก็เป็นคำตอบที่เธอหวังเอาไว้ “ทำไมหรอคะ แม่จ๋าหวงหนูขนาดนั้นเลยหรอ แต่แม่จ๋าก็ไม่ใช่แม่หนูจริงๆซะหน่อยหนิ ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอกค่ะ” เด็กสาวยังคงพูดด้วยหน้าตายิ้มแย้ม แต่คนตรงหน้ากลับหุบยิ้มและผลักจานเครปออกไปเป็นเชิงว่าเธอไม่อยากจะนั่งอยู่ตรงนี้แล้ว เธอได้แต่นั่งรอให้เด็กสาวทานจนเสร็จ
     
     
    ‘ยัยเด็กคนนี้มันอันตรายจริงๆ’
     
     
    ทันทีที่ขึ้นรถมาเลฟิเซนต์ขับออกไปด้วยความเร็ว 160 แม้ว่าจะอยู่ในซอยเล็กๆก็ตาม เธอเบรกกะทันหันทันทีที่ถึงหน้าบ้าน ร่างเล็กได้แต่ตกใจกับอารมณ์ฉุนเฉียวของมาเลฟิเซนต์ เธอนั่งจับสายเข็มขัดนิรภัยแน่น แม้ว่ารถจะจอดนิ่งแล้วก็ตาม มาเลฟิเซนต์เอื้อมมือไปปลดเข็มขัดให้ออโรร่าที่นั่งนิ่งราวกับถูกสาป เธอดึงตัวร่างเล็กเข้ามากอดในขณะที่ร่างเล็กกำลังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มาเลฟิเซนต์ได้แต่กล่าวขอโทษเธอ ที่ทำให้เธอตกใจ ร่างเล็กสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เปียกๆอยู่ที่ไหล่เธอ แม่จ๋าของเธอกำลังร้องไห้ เพราะอะไรกัน ร่างเล็กได้สติกลับคืนมา เธอผละร่างสูงออก ใช้มือเรียวของเธอค่อยๆปาดน้ำตาให้ร่างสูง 
     
    “แม่จ๋า หนูขอโทษนะ ที่ทำให้แม่โกรธ” เธอพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน มาเลฟิเซนต์รีบปาดน้ำตาทิ้งแล้วกลับมาปั้นหน้านิ่งขรึมเหมือนเดิม
     
    “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอตกใจ ไม่มีอะไรแล้วก็ไงไปได้และ ฉันจะเข้าบ้าน” ร่างสูงพูดโดยไม่มองหน้าของร่างเล็กแม้แต่น้อย ร่างเล็กหันมาฝังจมูกลงที่แก้มตอบๆของร่างสูง 
     
    “แม่จ๋าไม่น่ากลัวเลยซักนิด เลิกปั้นหน้าแบบนี้ได้แล้วนะ ไม่สวยเลย” เด็กสาวหันหน้ามาทำหน้าบูดบี้กับมาเลฟิเซนต์ 
     
     
     
    ร่างสูงนั่งอยู่ในห้องทำงานมืดๆ มีพียงแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ไร้การเคลื่อนไหวใดๆ จนกระทั่งเธอเปิดในลิ้นชักหยิบเอาขวดยาเล็กๆขึ้นมา และกินมันลงไปสองเม็ดก่อนที่จะฟุบหลับลงไปบนโต๊ะทำงาน 
     
     
    ร่างสูงหลับไปจนกระทั่งเด็กสาวย่องเข้ามาในห้องนอน (จริงๆก็เดินเข้ามาปกตินั่แหละ) เธอไม่เห็นร่างสูงอยู่ ไฟในบ้านปิดมืดหมด เธอไล่เปิดดูทุกห้อง 
     
    “แม่จ๋า ไม่อยู่หรอ แม่จ๋า” ร่างสูงที่หลับไปเพราะริดยายังคงไม่รู้สึกตัว เด็กสาวเปิดเข้ามาในห้องทำงาน ก็เห็นร่างสูงนอนฟุบอยู่ที่โต๊ะทำงาน
     
    “แล้วทำไมไม่ไปนอนบนเตียงดีๆล่ะ ไหงมาหลับอยู่ตรงนี้ เดี่ยวก็ปวดหลังปวดคอกันพอดี ยิ่งแกๆอยู่” เด็กสาวเก็บยาที่เปิดขวดอยู่จัดการปิดให้เรียบร้อย ก่อนจะเก็บลงเก๊ะที่เปิดทิ้งไว้อยู่แล้วปิดไว้ตามเดิมก่อนจะปลุกให้ร่างสูงตื่นขึ้น เพื่อให้ไปนอนที่เตียง แต่ทว่าไร้การตอบรับใดๆจากร่างสูง ร่างเล็กจึงจัดการแบกร่างสูงให้ไปนอนที่เตียง อาจจะเพราะร่างสูงตัวหนักกว่า และสูงกว่า ทำให้สร้างปัญหาให้ร่างเล็กไม่น้อย ร่างเล็กจัดการลากร่างสูงมานอนที่เตียงได้อย่างสำเร็จ และด้วยความเหนื่อยหอบจากการแบกของหนัก ทำให้ร่างเล็กต้องทิ้งตัวนอนลงบ้าง ร่างเล็กหลับไปอย่างไม่รู้สึกตัว แต่ร่างสูงกลับตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความงุนงง เมื่อหันไปมองข้างๆก็สงสัยเล็กน้อยว่าร่างเล็กมานอนกับเธอได้ยังไง แล้วเธอมานอนที่เตียงได้ยังไง แต่ยังคงเป็นเพราะริดยาที่ยังทำให้รู้สึกเบลอๆ เธอจึงทิ้งตัวลงนอนอีกรอบ ด้วยการโอบกอดร่างเล็กไว้ในอ้อมกอดตลอดทั้งคืน
     
     
     
     
    “เดียวัล วันนี้เธอไปรับออโรร่าที่ราเรียนแทนฉันด้วยล่ะ” ร่างสูงสั่งก่อนที่จะเดินออกจากบริษัทไป โดยมาเอลซ่าตามไปด้วย
     
    “วันนี้เธอไม่ต้องตามฉันไปหรอก” เธอหันไปบอกกับเอลซ่าที่กำลังเก็บของเตรียมตัวที่จะออกไปพร้อมเธอ
     
    “ไม่ต้องกลัวไปหรอก เธอขึ้นๆลงๆอย่างนี้เป็นประจำแหละ” เดียวัลหันมาบอกกับเอลซ่าก่อนที่ตัวเองจะออกไปนอกห้อง
     
     
     
     
     
     
    “ผมเกรงว่า ช่วงนี้คุณควรจะหยุดยาได้แล้วล่ะครับ อาการของคุณดีขึ้นมากถ้าเทียบกับเมื่อก่อน” ชายใส่แว่นบอกกับมาเลฟิเซนต์
     
     
     
     
    ================
     
    เริ่มตันละ แต่ทำไมออโรร่าไม่สงสัยเลยหรอว่าแม่จ๋ากินยาอะไร
     
    ตันจริง อะไรจริง บ่องตง แต่จะพยายามค่ะ  
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×