ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Girl ยัยหนูของฉัน (Maleficent&Aurora)

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ค. 57


    “คนใจร้าย” เสียงเล็กๆ ลอดออกมาจากหลังประตูบานหนา ทำให้ร่างสูงที่ยืนอยู่อีกฟากของประตูได้แต่ยืนฟังอยู่นิ่งๆ เด็กสาวผมสีทอง ใบหน้าสวยเข้ารูปไร้ที่ติ ริมฝีปากบางได้รูปเข้ากับใบหน้านวลเนียนของเธอ เด็กสาวนั่งอยู่มุมห้องที่มือสนิท ไม่มีแม้แต่แสงที่จะลอดผ่านผ้าม่านสีดำนั้นมาได้ แม้เป็นเวลากลางวันก็ตามที เจ้าของห้องได้แต่ยืนรออยู่ข้างนอกห้อง เพราะห้องของเธอถูกยึดไปโดยเด็กสาววัย 15 ปี ที่เพิ่งมีปากเสียงกับผู้เป็นป้า เสียงสะอื้นร้องไห้ยังคงลอดผ่านประตูบานใหญ่ออกมาเป็นระยะๆ โดยที่เจ้าของเสียงไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้าของห้องนั้นได้กลับมาแล้ว เจ้าของห้องยืนฟังอยู่นานจนเกิดความสงสัย จึงตัดสินใจไขประตูเข้าไป
     
     
    “ยัยหนู” เสียงทุ้มเรียกชื่อของเธอ สาวน้อยรีบปาดน้ำตาทิ้งแล้วหันไปฉีกยิ้มให้กับเจ้าของห้องอย่างไม่เต็มใจยิ้มนัก เพื่อสะกดอารมณ์โศกเศร้าเมื่อครู่เอาไว้ แต่ทว่าไม่เป็นผล ร่างสูงไม่ได้รู้สึกเลยว่าร่างเล็กนั้นเต็มใจยิ้ม และเธอก็รู้เหตุผลที่ร่างเล็กร้องไห้ 
     
     
    “เธอควรเลิกมาที่นี่ได้แล้วนะ ฉันไม่อยากให้เธอต้องทะเลาะกับป้าเธออีก” ด้วยเหตุที่ว่ามาเลฟิเซนต์เป็นเพื่อนบ้านที่ไม่ค่อยจะน่าคบซักเท่าไหร่ในสายตาคนแถวนั้น เพราะลักษณะนิสัยของเธอเป็นคนที่เย็นชา น่าตาดูดุ ไม่ค่อยเป็นมิตรกับคนรอบข้างซะเท่าไหร่ มีเรื่องอื้อฉาวของเธอเล็ดลอดออกมาให้เพื่อนบ้านได้นินทากันอยู่บ่อยๆ แต่ทว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริง เว้นแต่เด็กสาวผมทองที่แวะเวียนมาเล่นกับพี่สาวข้างบ้านเป็นประจำในสมัยยังเด็ก ป้าของออโรร่าพยายามห้ามไม่ให้เธอไปหามาเลฟิเซนต์ เพราะกลัวว่าเธอจะเสียคนเพราะมาเลฟิเซนต์ แต่เด็กสาวก็ขัดคำสั่งของป้าทุกครั้ง ในบางครั้งป้าก็จับไม่ได้ แต่ถ้าจับได้หลังจากเจรจามีปากเสียงกัน เธอก็มักจะหนีมาที่บ้านของมาเลฟิเซนต์เป็นประจำ 
     
     
    “ไม่นะ พี่มะลิ พี่อย่าให้เค้าไปเลย เค้าไม่อยากกลับบ้านตอนนี้” เสียงเล็กอ้อนวอนร่างสูงไม่ให้ไล่เธอไป ถ้าหากเธอกลับบ้านไปเธอคงต้องโดยป้าเอ็ดเอาชุดใหญ่อีกเป็นแน่ 
     
     
    “กลับไปก่อนเถอะน่า” ร่างสูงมองด้วยหางตา พลางถอดชุดทำงานของตนออกเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดไปรเวท โดยที่ไม่สนใจร่างเล็กที่จ้องมองตามเรือนร่างของตน 
     
     
    “ยังไม่ไปอีกหรอ” ร่างสูงพูดเป็นเชิงไล่ เมื่อร่างเล็กรู้สึกไม่พอใจที่ถูกไล่เธอเลือกที่จะออกไปดีๆ ก่อนที่เจ้าของห้องจะทำน่าตาไม่พอใจเธออีกครั้ง 
     
     
    “เฮ้อ เด็กสมัยนี้ มีปัญหาอะไรเอาแต่หนี ไม่ใช่เหตุผลเอาซะเลย” ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วหลับไปในที่สุดด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงาน
     
     
    “ออโรร่า ป้าบอกกี่ครั้งแล้ว ว่าอย่าไปยุ่งกับมาเลฟิเซนต์ เธอไม่ใช่คนที่ดีนะ” ป้าฟรอร่าเอ็ดออโรร่าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เด็กสาวก็ยังไม่จำ เด็กสาวพยายามอธิบายแก้ต่างให้มาเลฟิเซนต์ต่างๆนานา ว่าเธอไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ทว่าป้าของเธอไม่ยอมฟังเหตุผลของเธอ 
    หลังจากวันนั้น มาเลฟิเซนต์ไม่มาให้ออโรร่าเห็นหน้าอีก เธอออกไปทำงานแต่เช้า และกลับดึก เพื่อไม่ให้เจอกับออโรร่า ถึงจะรู้ดีว่าออโรร่ามีกุญแจสำรองอยู่ เธอจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เธอกลับเลือกที่จะหลบหน้า แต่ก็ยังทิ้งกุญแจเอาไว้กับสาวน้อย เมื่อออโรร่าไม่เห็นมาเลฟิเซนต์ซักพักใหญ่ เธอก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ ว่าพี่สาวของเธอนั้นหายหน้าหายตาไปไหน ออโรร่าพยายามโทรหามาเลฟิเซนต์อยู่หลายวัน แต่ทว่าไร้การตอบรับใดๆ จากพี่สาวของเธอ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่เข้าไปหามาเลฟิเซนต์ก่อน 
     
     
    เป็นระยะเวลาสามปีแล้ว ที่ทั้งคู่ไม่ได้เจอหน้าและคุยกันเลย ออโรร่ายังคงเดินผ่านหน้าบ้านหลังนั้นทุกวัน ทั้งไปและกลับจากโรงเรียน และเป็นระยะเวลาสองปี ที่ป้าที่เลี้ยงดูเธอนั้นเสียไปเพราะโรคร้าย ทำให้เด็กสาวต้องอยู่ตามลำพังโดยค่าใช้จ่ายจากผู้เป็นพ่อที่อยู่ต่างประเทศส่งมาให้ทุกเดือน 
     
     
    ถึงเด็กสาวจะมีน่าตาสนุกสนานเมื่ออยู่กับเพื่อนที่โรงเรียน แต่เมื่อเธอกลับมาบ้าน กลับมีแต่ความอ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว ความเงียบงัน เด็กสาวเริ่มด้วยการฟุบหลับลงไปบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า เธอไม่รู้เลยว่าเธอหลับไปนานเท่าไหร่ จนกระทั่งเธอรู้ตัวอีกที ก็มีเสียงไลน์เด็งบนหน้าจอไอโฟนสีขาวอย่างไม่หยุดอยู่พักใหญ่ ทำให้ร่างเล็กจำต้องตื่นขึ้นมาซะที
     
     
    “จะคุยอะไรกันนักกันหนาเนี่ย” ร่างเล็กเลือกที่จะปิดหน้าจอโทรศัพท์และหยิบกระเป๋าตังค์เพื่อออกไปหาอะไรทานเป็นมื้อเย็น ร่างเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อต้องคิดว่าวันนี้เป็นอีกวันที่ต้องทานข้าวเย็นคนเดียว เธอเลือกที่จะออกไปหาอะไรทานนอกบ้าน 
     
     
    ฟ้ามืดสนิท ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสองทุ่มแล้ว สาวน้อยยังคงต้องเดินผ่านหน้าบ้านหลังที่คุ้นเคย แต่ภายในบ้านหลังนั้นกลับดูมืดสนิท เธอหยุดยืนอยู่หน้าบ้านอยู่นานก่อนจะตัดสินใจที่จะละสายตาจากบ้านหลังที่คุ้นเคย 
     
     
    “ออกมาด้อมๆมองๆ หน้าบ้างคนอื่นตอนกลางคืน เดี่ยวใครก็คิดว่าเธอจะยกเค้าบ้านฉันหรอก” สาวร่างสูงโปร่งยืนอยู่ข้างหลังเด็กสาว ทำให้เด็กสาวสะดุ้งตกใจไม่น้อย “หลบไปหน่อย ฉันจะเข้าบ้าน” สาวร่างสูงยังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาไม่เคยเปลี่ยน ร่างเล็กแอบยิ้มดีใจ ที่เธอได้เจอพี่สาวของเธอ ถึงจะไม่ใช่พี่สาวแท้ๆก็ตาม ออโรร่ายืนนิ่งหน้าบ้านอยู่นาน ก่อนที่เจ้าของบ้านจะเรียกให้ร่างเล็กเข้าไปข้างใน
     
     
    “จะยืนให้ยุงกัดตายอยู่หน้าบ้านหรือไง” สาวร่างสูงหันมาพูดกับเด็กสาวทียืนนิ่งอยู่หน้าบ้าน
     
     
    “คะ?” เธอตอบเพียงสั้นๆ แล้วเดินตามร่างสูงเข้าไปในบ้านอย่างว่าง่าย
     
     
    “กินอะไรมารึยังล่ะ” 
     
     
    “ยังเลย กำลังจะออกไปหาอะไรกินน่ะ” 
     
     
    “งั้นก็รอแปบนะ” ร่างสูงพูดจบก็หายขึ้นไปชั้นบน ไม่นานเธอก็ลงมาพร้อมกับชุดไปรเวทที่ดูสบายๆ เครื่องสำอางหนาเตอะถูกลบออก เออโรร่ายังคงแปลกใจ ว่าทำไมพี่สาวข้างบ้านนั้นอยู่ๆ ถึงได้เริ่มคุยกับเธอก่อน ทั้งๆ ที่เธอเลือกที่จะจากเด็กสาวไปก่อนแท้ๆ “มาสิ” เสียงทุ้มเรียกเธอให้หลุดจากความคิด เธอขานรับ ทันทีที่เธอตามร่างสูงขึ้นรถสปอร์ตคันหรูสีดำไป เด็กสาวเลือกที่จะเปิดประเด็นสนทนาขึ้นก่อน
     
     
    “พี่หายไปไหนมาน่ะ ฉันไม่เห็นหน้าพี่ตั้งสามปี” เด็กสาวพูดเสียงเจื้อยแจ้ว แสดงให้เห็นถึงความสดใสที่เคยถูกพรากไปกลับมาอยู่บนใบหน้าของเด็กสาวอีกครั้ง
     
     
    “ฉันก็ทำงานน่ะสิ” แต่ทว่าร่างสูงยังคงตอบด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ความเงียบก่อตัวขึ้นอีกครั้ง 
     
     
    “อยากกินอะไรล่ะ” ร่างสูงเปิดประเด็นถามเพื่อทำลายความเงียบ แต่ทว่าเด็กสาวข้างๆ นั้นได้หลับคอพับไปแล้ว “งั้นฉันเลือกล่ะนะ” เมื่อร่างสูงเห็นสภาพของเด็กสาวที่หลับไปด้วยความเพลียก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เธอเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นอีก และในที่สุด รถก็หยุดลงที่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่น
     
     
    “ออโรร่า ออโรร่า” เธอเรียนเด็กสาวให้ตื่น เด็กสาวตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย มองไปรอบๆ ด้วยความงุนงง “ถึงแล้ว ลงไปหาอะไรกินกัน” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนอย่างลืมตัว ร่างเล็กทำตามอย่างว่าง่าย
     
     
    ครื๊ดดด ครื๊ดดด เสียงสั่นของโทรศัพท์ที่ว่างอยู่บนโต๊ะอาหารดังขึ้น ทำให้ร่างเล็กต้องละสายตาจากอาหารตรงหน้ามาใส่ใจกับชื่อที่โชว์บนหน้าจอแทน ‘พ่อจ๋า’ เมื่อร่างเล็กเห็นชื่อก็เผยยิ้มออกมาอย่างดีใจ รีบเลื่อนหน้าจอรับทันที 
     
     
    “พ่อจ๋า” เด็กสาวทักทายด้วยเสียงที่สดใส ราวกับว่ารอคอยที่จะคุยกับคนคนนี้มานาน แต่ก็ต้องถูกปลายสายขัดขึ้น
     
     
    “ค่าเทอมพ่อโอนไปให้แล้วนะ แล้วจะเอาอะไรอีกมั้ย พ่อจะได้ส่งไปให้” 
     
     
    “พ่อคะ พรุ่งนี้มีประชุมผู้ปกครองพ่อ…” ร่างเล็กไม่ทันจะพูดจบปลายสายก็ขัดขึ้น
     
     
    “แปบนึงนะลูก ‘ท่านประทานคะ’ แค่นี่ก่อนนะออโรร่า พ่องานยุ่งน่ะ” ผู้เป็นพ่อไม่รอคำล่ำลาจากลูกสาวก็กดวางสายไปในทันที 
     
     
    “เค้าว่าไง” คนตรงหน้าเมื่อเห็นร่างเล็กทำหน้าเศร้าก็อดที่จะถามไม่ได้
     
     
    “ก็ ไม่ว่างอีกตามเคย แต่ไม่เป็นไรหรอก เค้าชินแล้วล่ะ” ร่างเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ก่อนจะยิ้มให้คนตรงหน้า คนตรงหน้าได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ กลับไปให้
    ร่างเล็กเห็นคนตรงหน้าเขี่ยหัวหอมออกจากจานข้าว ร่างเล็กก็อดขำไม่ได้
     
     
    “พี่โตขนาดนี่แล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมกินผักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ” สาวน้อยพูดติดตลก แต่ก็เรียกรอยยิ้มของคนตรงหน้าออกมาได้เป็นอย่างดี 
     
     
    “เธอน่ะกินเข้าไปเยอะๆเถอะน่า” ร่างสูงไม่เพียงแต่พูดเปล่า แต่ยังคีบเอาหมูทอดในจานตัวเองใจในจานของคนตรงข้าม
     
     
    “ป้อนเค้าหน่อยสิ เค้ากินข้าวคนเดียว เหงาจะตาย นานๆทีจะมีเพื่อนกิน ป้อนเค้าหน่อยน้า นะ นะ” ร่างเล็กอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานชวนหลงใหล พร้อมกับกระพริบตาถี่ๆ เป็นเชิงขอร้อง ร่างสูงจำต้องยอมทำตามเพราะปฏิเสธไม่ลง
     
     
    “ใครเลี้ยงเธอมาเนี่ย เอาแต่ใจชะมัดเลย” พี่สาวบ่นเปรยๆ ก่อนที่จะป้อนหมูทอดเข้าปากของคนตรงหน้า 
     
     
    “อร่อยจังเลย” สาวน้อยยิ้มออกมาอย่างดีใจ ทำให้คนตรงหน้าอดยิ้มไม่ได้
     
     
    “รีบกลับเถอะ เดี่ยวดึกมากแล้วอันตราย” ร่างสูงเอ่ยขึ้นหลังจากเดินออกจากร้านอาหาร
     
     
    “ไม่เป็นไรหรอก อยู่กับพี่มะลิแล้วปลอดภัย ฉันไม่กลัวหรอก”
     
     
    ‘ยัยเด็กคนนี้หนิ ใครเลี้ยงเธอมากันนะ ปากคอเราะร้ายซะจริง’ 
     
     
    “พี่มะลิ ถามอะไรหน่อยสิ” เด็กสาวถามขึ้นระหว่างอยู่บนรถ “พี่ไม่เรียกหนูว่า ‘ยัยหนู’ เหมือนเดิมแล้วหรอ” มาเลฟิเซนต์ปาดรถเข้าเลนซ้ายอย่างรวดเร็ว และจอดลงในที่สุด ทำให้เด็กสาวข้างๆตกใจอยู่ไม่น้อย
     
     
    “ฉันจะเรียกเธอยังไงมันก็เรื่องของฉัน” มาเลฟิเซนต์กลับมาทำสีหน้าและน้ำเสียงที่เย็นชาอีกครั้ง “แล้วเธอล่ะ ไม่เรียกฉันว่า ‘แม่จ๋า’ เหมือนตอนเด็กๆ แล้วหรอ” มาเลฟิเซนต์เลื่อนใบหน้าของเธอเข้ามาใกล้กับออโรร่า ทั้งคู่สบตากัน ออโรร่าไม่รู้สึกถึงความกลัวนั้นเลย มาเลฟิเซนต์ประทับจูบเบาๆ ลงที่หน้าผากของออโรร่า ก่อนที่จะยิ้มออกมา
     
     
    “เธอไม่กลัวฉันเลย หมดสนุกกันพอดี” เด็กสาวตีต้นแขนร่างสูงเป็นเชิงหยอก 
     
     
    “พี่อ่ะ ฉันตกใจหมดเลย” เธอพูดแล้วหัวเราะออกมา 
     
     
    “ออโรร่า พรุ่งนี้ให้ฉันไปส่งเธอที่โรงเรียนนะ” เพียงแค่เธอเอ่ยขึ้นมา เด็กสาวก็ดีใจยิ้มแทบไม่หุบ ไม่นาน รถก็มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านของเธอ 
     
     
    “เจอกันพรุ่งนี้นะคะ แม่จ๋า” เด็กสาวหันมาส่งยิ้มหวานก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้พี่สาวร่างสูงนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในรถคนเดียว 
     
     
    “เธอโตขนาดนี้แล้วหรอ ไม่เคยสังเกตมาก่อนเลย” มาเลฟิเซนต์พึงพำอยู่คนเดียว
     
     
     
     
     
    “เดียวัล พรุ่งนี้ฉันจะไม่เข้าบริษัท แล้วก็เลื่อนนัดวันพรุ่งนี้ทั้งหมดด้วย” 
     
     
     
     
     
    --------------------------
     
    เอ๋ นึกยังไงแต่แบบนี้ เร็วไปรึเปล่า 
     
    อ่านแล้วก็เม้นด้วยนะคะ เป็นกำลังใจให้ไรท์
     
    ตอนนี้ช่วงสอบ เลยว่างมาแต่ง เลยยังไม่ได้ลงดีเทลเรื่องไว้มาก มีอะไร อยากได้อะไรก็แนะนำมานะคะ รับประกันความดราม่า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×