- ->][โรเวน][ - - ->][โรเวน][ นิยาย - ->][โรเวน][<- - : Dek-D.com - Writer

    - ->][โรเวน][<- -

    ตอนนี้เจ้าคงรู้สึกเหมือนมีหนามแหลมมากมายทิ่มแทงหัวใจของเจ้าอยุสิน่ะโพเตส

    ผู้เข้าชมรวม

    276

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    276

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  30 ต.ค. 49 / 18:56 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

        "โรเวนนอนได้แล้วดึกแล้ว" เสียงผู้เป็นพ่อพูดกับลูกสาวของตนด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วง ถึงในคืนนี้มันจะเป็นรอบที่สิบหกแล้วก็ตาม

      "โธ่พ่อก็หนูนอนไม่หลับหนิทำไงได้" เด็กสาวตัวดียังไม่ยอมนอนโดยหาข้ออ้างว่าตนนอนไม่หลับเพราะเธอยังไม่อยากนอนแม้พ่อของเธอจะสั่งให้ไปนอนเพียงใดก็ตาม

      "แต่พ่อยังไม่เห็นลูกนอนเลยนี้นา" พ่อของเด็กสาวพูดย้อนขึ้นซึ้งทำให้หน้าที่เคยอ่อนหวานกลับเป็นใบหน้าที่บูดบี้แสดงถึงความไม่พอใจ

      "เอาอย่างงี้ดีมั๊ยเดี๋ยวพ่อต้องเล่านิทานให้หนูฟังซ่ะก่อนไม่งั้นหนูจะไม่ยอมนอน ตกลงไหม"

      "อ่ะอย่างงั้นก็ได้ห้านเล่นขี้โกงน่ะ"

      "อยู่แล้วค่ะ"

      "งั้นเราไปฟังนิทานกัน"

      "เย้   ใครขึ้นบรรไดไปถึงห้องหลังเป็นสัตว์ประหลาด ฮ่าฮ้า"

      "เฮ้ยโรเวนรอพ่อด้วนสิ"........................

       

      ตึก ตึก ตึก   ปัง!

       

      "เฮ่กเฮ่ก เย้หนูชนะ"

      "อ่าวก็ลูกเล่นขี้โกงนี้นา"

      "ไม่เกี่ยวกันสิก็พ่อวี่งไม่เร็วเองทำไงได้ แต่ยังไงพ่อก็ต้องทำตามสัญญาน๊า "

      "ก็ได้เร็วไปนอนๆเดี๋ยวพ่อจะเล่าให้ฟัง"แล้วสาวน้อยก็กระโดดขึ้นไปบนเตียงเตรียมตัวรอฟังนิทานที่พ่อจะเล่า ที่จริงการเล่านิทานก่อนนอนก็เป็นเรื่องธรรมชาติไปแล้วสำหรับการทำให้เจ้าหนูน้อยคนนี้หลับ แล้วไม่นานคนเป็นพ่อก็เริ่มเล่านิทานที่ตนเคยอ่านเมื่อครั้นยังเด็กให้กับลูกสาวของตนฟัง

      "กาลครั้งหนึ่งในนครซิเวียรมีพระราชาองค์หนึ่งนามว่าซิมเบลินท่านเสียพระชายาไปในขณะที่กำลังคลอดโอรสแฝดสองพระองค์และธิดาอีกหนึ่งพระองค์พระราชาทรงเสียพระทัยมากแต่เหมือนกับสวรรค์กลั่นแกล้งทำให้พระโอรสและพระธิดาถูกลักพาตัวไปครั้งตอนพระโอรสและพระธิดามีพระชนย์มายุเพียงหนึ่งวันหลังจากที่มารดาสิ้นพระชนย์เหตุการณ์นี้นับเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในราชสำนักแต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถที่จะสืบหาพระธิดาและพระโอรสพบแม้ว่าจะค้นหาแบบพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเพียงใดก็ตาม

      เพราะเหตุนี้เองจึงทำให้พระราชากลายเป็นคนที่ไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อนขุนนางคนสนิทเมื่อเห็นพระราชาของตนเป็นเช่นนี้ก็จึงกราบทูลให้พระองค์ไปหาพระสหายเก่าที่เป็นกษัตริย์ซึ้งอยู่อีกเมืองหนึ่งเผื่อจะทำให้พระองค์มีความสุขขึ้นพระราชาเมื่อฟังคำแนะนำก็เห็นด้วย ในวันรุ่งขึ้นพระราชาซิมเบลินจึงเดินทางไปหาเพื่อนพระราชาที่ชื่อโยเวลขณะที่พระองค์กำลังเดินทางอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงร้องของเด็กทารกที่ดังออกมาจากพุ่มไม้ข้างทางในป่าพระองค์จึงลงมาดูแล้วพระองค์ก็พบกับเด็กทารกเพศหญิงเมื่อเห็นดังนั้นในใจของพระองค์ร้องอยากให้เด็กคนนี้คือพระธิดาของพระองค์แต่เพื่อความแน่ใจพระองค์จึงหันไปหาแพทย์หลวงซึ้งเป็นผู้คลอดพระธิดาว่านี้คือพระธิดาของพระองค์ใช้หรือไม่ เมื่อแพทย์หลวงเห็นเด็กคนนั้นก็ทรงกราบทูลพระราชาได้ทันทีว่านี้คือพระธิดาของพระองค์อย่างแน่นอน พระราชาทรงดีพระทัยเป็นอย่างยิ่งและทรงตั้งชื่อให้นางว่าอิโมเยนเนื่องจากเป็นชื่อเมืองที่พระองค์ได้พบกับพระธิดาอันเป็นที่รัก พระราชาทรงชุบเลี้ยงพระธิดาอิโมเยนเป็นอย่างดีแทนพระโอรสสองพระองค์ที่สูญหายไป

              

                 ต่อมาไม่นานักพระราชาซิมเบลินก็ได้เสกสมรสกับหญิงที่เคยผ่านการสมรสมาแล้วครั้งหนึ่งและนางก็ได้มีบุตรชายหนึ่งคนนามว่าไซราคุสพระเมหสีคนใหม่นี้จงเกลียดจงชังองค์หญิงอิโมเยนเข้ากระดูกดำเพราะความที่เธอน่ารักอ่อนหวานสุภาพเรียบร้อยและที่สำคัญการที่ได้เห็นหน้าเธอทุกวันแสดงให้เห็นว่านางเป็นเมหสีองค์ที่สองแต่ถึงอย่างไรนางก็ยังต้องการที่จะให้อิโมเยนแต่งงานกับไซราคุสลูกของนางเพราะองค์หญิงอิโมเยนเป็นลูกของเมหสีองค์แรกเธอจึงได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากกษัตริย์ซิมเบลินและหากองค์หญิงอิโมเยนมาเป็นลูกสะใภ้ของนางแผ่นดินทั้งหมดก็ต้องเป็นของนางเพียงผู้เดียวเท่านั้น

            แต่แล้วองค์หญิงอิโมเยนก็ทำให้ราชสำนักต้องตกตลึงอีกครั้งเมื่ออิโมเยนได้ประกาศว่าตนจะแต่งงานกับขุนนางผู้หนึ่งนามว่าโพเตส

                 โพเตสเป็นบุรุษรูปงามที่มีการศึกษาสูงและเป็นผู้รอบรู้มากเมื่อเทียบกับวัยของเขาแล้วซึ่งหาได้ยากในสมัยนั้น บิดาของโพเตสเป็นแม่ทัพที่เก่งกล้าและได้สู้รบเคียงข้างพระราชาซิมเบลินจนตายในสนามรบส่วนมารดาของโพเตสเมื่อได้ยินข่าวเกี่ยวกับพระสวามีก็ตรอมใจตาย เพราะการที่บิดาของเขาได้ทำความดีไว้มากเมื่อยังมีชีวิตอยู่และบวกกับการที่พระราชาซิมเบลินเอนดูโพเตสมากแล้วพระราชาจึงได้รับโพเตสมารับเลี้ยงจนเติบใหญ่และกลายเป็นขุนนางผู้รอบรู้  เมื่อพระราชาซิมเบลินได้ยินข่าวเกี่ยวกับการหมั้นขององค์หญิงอิโมเยนกับโพเตสก็มีความยินดีด้วย

           แต่เมหสีองค์ที่สองเมื่อรู้ข่าวก็จงเกลียดจงชังอิโมเยนมากขึ้นอีกถึงกับคิดจะฆ่าอิโมเยนด้วยซ้ำเพราะนอกจากเธอจะเป็นลูกติดของเมหสีองค์ที่แล้วนั้นเธอยังมาทำลายแผนที่นางได้วางไว้อีกแต่นางก็ไม่สามารถที่จะฆ่าอิโมเยนได้เพราะเหตุนี้นางจึงทูลพระราชาให้โพเตสต้องออกเดินทางเพื่อแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญเป็นเวลาสองเดือนเมื่อกลับมาก็จะจัดงานแต่งงานทันทีซึ้งพระราชาก็เห็นด้วย ก่อนโพเตสจะไปทั้งสองได้สัญญากันว่าจะไม่ปันใจให้กับผู้อื่นเลย  เมื่อโพเตสออกเดินทางองค์หญิงอิโมเยนก็ยังรักษาสัตย์ดังที่เคยสัญญาไว้กับคนรักของเธอที่ชื่อโพเตสอย่างเคร่งครัดส่วนโพเตสก็เหมือนกันยังคงรักอิโมเยนตลอดมา

                 โพเตสได้พักที่นครวีโรน่ากับผู้ติดตามอีกสองคนโพเตสรอคอยวันที่จะได้กลับไปยังนครซิเวียร กลับไปหาคนรักของเขา กลับไปหาอิโมเยน........

       

           ที่จริงหนึ่งในผู้ติดตามของโพเทสคือไซราคุส ไซราคุสเป็นบุรุษที่มีนิสัยอิฉาริษยาไม่ชอบให้คนอื่นได้ดีไปกว่าตน ไซราคุสรู้สึกขวางหูขวางตาเมื่อเห็นโพเตสมีความรักจึงคิดแผนการที่จะทำให้ทั้งคู่แยกทางกัน

              เมื่อถึงวันกลับโพเตสรู้สึกดีใจมากเขารีบควบม้ากลับวัง ในทันทีที่ไปถึงเขาตรงเข้าไปหาอิโมเยนทันที

               "โพเตสท่านกลับมาแล้วหรือ"

               "ใช่ข้ากลับมาแล้วข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกินอิโมเยนที่รักของข้า ข้ายังรักเจ้าน่ะอิโมเยน"

               "ข้ารู้ข้าก็รักท่านโพเตส"

               "งั้นเราไปหาเสด็จพ่อดีหรือไม่โพเตส"

               "ดีสิ"

                 ทันทีที่พระราชาเห็นโพเตสกลับมาทรงสั่งให้ทุกคนเตรียมจัดพิธิวิวาห์ เมื่อไซราคุสได้ยินเขาจึงเริ่มแผนการอันชั่วร้ายของเขาทันที ที่จริงแล้วแผนการของไซราคุสคือว่าจ้างให้โปราดิโอบุรุษผู้มีแต่ความเลวทรามโหดเหี้ยมทารุนให้มาเป็นผู้ทำลายแผนการแต่งงานของโพเตสเพราะเรื่องความชั่วร้ายและโทษผู้อื่นนั้นโปราดิโอชอบยิ่งนัก และด้วยค่าจ้างก้อนโตที่ไซราคุสให้ยิ่งทำให้โปราดิโอรู้สึกฮึกเฮิมยากทำงานยิ่งนักและช่างบังเอิญที่โปราดิโอนั้นตกหลุมรักริน่าสาวใช้ของอิโมเยนอยู่พอดี ไซราคุส จึงสั่งให้ทั้งสองสัญญากันว่าในคืนวันนี้ทั้งสองจะออกมาพรอดรักกันตรงระเบียงห้องนอนของอิโมเยนโดยให้ริน่าปลอมตัวเป็นอิโมเยนและสวมใส่เสื่อผ้าของนายสาวออกมาพบกับโปราดิโอที่ระเบียงในยามที่อิโมเยนหลับสนิทแล้ว ลอบคุยพร่ำพรอดคำหวานให้แก่กัน

          ริน่าสาวใช้แสนซื่อคิดเพียงแต่ว่าโปราดิโออยากพบตนไม่คิดไกลเกินเลยว่านี้อาจเป็นแผนการชั่วร้ายที่แสร้งทำเป็นว่านายหญิงของตนคบชู้สู่ชายเลยสักนิดเดียว

                 แล้วแผนการอันชั่วร้ายของไซราคุสก็เริ่มขึ้นในคืนก่อนวันวิวาห์ เมื่อไซราคุสนัดเเนะกับโปราดิโอเรียบร้อยเกี่ยวกับแผนการอันชั่วร้าย ก็แกล้งตรงเข้าไปหาโพเตสกล่าวหาว่าอิโมเยนนั้นผู้หญิงที่เลวทรามมากที่สุดตั้งแต่ที่เข้าเคยเจอมมาเลยที่เดียว เพราะอิโมเยนนั้นคบชู้สู่ชายลักลอบนัดเนะผู้ชายมาพรอดรักที่ระเบียงห้องซึ้งเขาไม่คิดเลยว่านางจะกล้าทำอย่างนี้ก่อนวันแต่งงาน

              "โกหกเจ้าเอาอะไรมาพูด"

          โพเตสโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแต่ไซราคุสยังยืนเป็นหมั้นเป็นเหมาะว่าอิโมเยนนัดผู้ชายมาจริงๆไม่เชื่อก็ท้าให้ไปดูด้วยตาของตนเองเลย

              "ไปกับข้าเดี๋ยวนี้สิแล้วข้าจะพิสูจน์ให้ท่านดู"

              "ไม่จริงท่านต้องเข้าใจอะไรผิดสักอย่างอิโมเยนไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่ ถ้าเธอทำจริงข้านี้เหละจะช่วยท่านป่าวประกาศความชั่วร้ายของเธอให้แขกที่มาร่วมงานให้รู้เอง"

              "เอาล่ะ เราควรที่จะไปพิสูจน์ความจริงก่อนที่จะตัดสินอะไรไปดีกว่าน่ะท่าน"

                 เมื่อโพเตสเดินตามไซราคุสไปภาพที่เขาได้เห็นคือโปราดิโอกำลังพรอดรักอยู่กับริน่าแต่ด้วยความมืดและระยะทางที่ค่อนข้างจะไกล ประกอบกับการที่ริน่าสวมใส่ชุดของอิโมเยนแล้วยิ่งทำให้โพเตสหลงเชื่อในทันทีว่านั้นคืออิโมเยนที่กำลังพรอดรักอยู่กับชายชู้

                 โพเตสโกรธจนทำอะไรไม่ถูก เสียแรงที่เขารักใคร่หลงไหลเธอจนหมดหัวใจแต่ว่าที่เจ้าสาวของเขาในอนาคตกลับตอบแทนเขาด้วยการลักลอบมีชู้ในคืนก่อนวันแต่งงาน ช่างเป็นผู้หญิงที่ชั่วช้าอะไรเช่นนี้ รักมากก็ยิ่งแค้นมากเป็นธรรมดาโพเตสไม่อยากที่จะเชื่อเลยว่าอิโมเยนจะเป็นได้ถึงเพียงนี้ ถ้าหากเขาไม่มาเห็นด้วยตนเองแล้วเขาคงยากที่จะเชื่อ โพเตสมีความคิดที่ว่าหญิงที่ทำต้วเช่นนี้สมควรที่จะถูกประจานความผิดให้ผู้อื่นได้รับรู้ ซึ้งในวันพิธิสมรสนี้เหละที่จะเป็นเวลาที่ดีที่จะประจานความผิดของผู้หญิงที่ไม่มี ยางอาย

                 แล้วเช้าวันพิธี ทุกอย่างได้ดำเนินไปตามปรกติอย่างที่งานแต่งงานควรจะเป็น แขกเหรื่อในวงศ์สังคมชั้นสูงมากมายมาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธิแต่งงานอย่างคับคั่ง โพเตสผู้เก็บความคับแค้นใจเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนรอเวลาแก้แค้น จนมาถึงตอนบ่ายช่วงเวลาที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยืนเคียงข้างกันต่อหน้าบาทหลวงเมื่อบาทหลวงประกาศให้ทั้งคู่เป็นคู่สามี-ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายโพเตสก็ขัดจังหวะขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า

             "สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่านข้ามีความจริงจะบอกกล่าวแก่ทุกท่านในที่นี้ว่า อิโมเยน..........ผู้หญิงคนนี้ เป็นคนที่ต่ำช้าเลวทรามมากไม่เหมาะสมกับการเกิดมาเป็นสตรีในวงศ์ตระกูลอันสูงศักดิ์"

                 สีหน้าท่าทางเอาจริงของโพเตสทำให้แขกเหรื่อในงานตกใจเป็นอย่างมาก อิโมเยนถึงกับตกใจในคำพูดที่ออกมาจากปากของว่าที่สามีของเธอ

             "ท่านโพเตสเกิดอะไรขึ้นกับท่าน ท่านไม่สบายหรือเปล่าถึงได้พูดจาเช่นนี้ออกมา"

                 พระราชารู้สึกฉุนเฉียวกับการกระทำของโพเตสเป็นอย่างมากจึง หันไปพูดเสียงเครียดกับไซราคุสว่า

       

             "ไซราคุสทำไมโพเตสถึงได้ก่อเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ เจ้าจะว่าอย่างไรในเมื่อเจ้าเป็นผู้ติดตามของโพเตส ฮึ "

             "ท่านพ่อ........นี้ท่านยังไม่รู้ความประพฤติอันชั่วช้าของลูกสาวท่านอีกหรือนี่ เมื่อคืนนี้ข้ากับท่านโพเตสได้ได้เห็นกับตาทีเดียวว่า อิโมเยนแอบนัดแนะชู้รักมาพรอดรักที่กันที่ริมระเบียงหน้าห้องนอนของเธอ....ฮึ ผู้หญิงที่จะมีสามีในวันรุ่งขึ้น.......ช่างน่าอับอายเสียจริงที่ทำตัวไร้สกุลรุนชาติเช่นนี้"

           อิโมเยนนำตาคลอ ตกใจก่อนที่จะหมดสติล้มฟุบลงกลางแท่นพิธิแต่โพเตสก็ไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด รีบผลุนผลันออกจากโบสถ์ ท่ามกลางเสียงฮือฮาวิพากวิจารณ์ของแขกเหรื่อในงานพวกคนรับใช้ต่างช่วยกันปฐมพยาบาลอิโมเยน บีทริซเพื่อนสนิทของอิโมเยนรู้สึกคับแค้นใจแทนเพื่อนของตนมิได้ เธอเติบโตด้วยกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก รู้นิสัยใจคอของอิโมเยนเป็นอย่างดี หญิงสาวที่เพรียบพร้อมอย่างอิโมเยน ไม่มีทางทีจะทำอะไรเลวทรามอย่างนั้นเป็นแน่แท้

                เขกเหรื่อในงานเริ่มทยอยออกจากโบสถ์ในขณะที่อิโมเยนยังไม่ฟื้นคืนสติ บาทหลวงชราผู้เข้าใจในชีวิตและมีคุณธรรมสูงส่ง มองหน้าสาวน้อยที่ยังสลบสไลไม่ได้สติ ท่านรู้สึกเชื่อใจในตัวของสาวน้อยคนนี้เพราะในขณะที่ไซราคุสกำลังพูดให้ร้ายเธอนั้นสีหน้าของอิโมเยนนั้นแสดงถึงความตกใจของคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวไม่ใช้สีหน้าของคนที่ปิดบังความผิดเอาไว้ ท่านจึงปักใจเชื่อว่าต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังเป็นแน่จึงหันไปพูดกับพระราชาว่า

             "พระราชา พ่อเชื่อว่าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเมื่อครู่นี้ เรื่องนี้ต้องมีการเข้าใจผิดอะไรสักอย่าง"

           แล้วอิโมเยนก็ฟื้นได้สติหลังจากที่ต้องปฐมพยาบาลอยู่ครู่หนึ่ง บาทหลวรสอบถามอิโมเยนว่าชายผู้นั้นมีลักษณะอย่างไรและเป็นใครมาจากไหนอิโมเยนตอบด้วยน้ำตานองหน้าว่า

             "ท่านบาทหลวงลูกไม่รู้หรอกว่าชายผู้นั้นคือใครมีหน้าตาอย่างไรเพราะเมื่อคืนนี้ลูกมิได้สนทนาหรือพบเจอกับผู้ใดเลย คนที่ให้ร้ายลูกน่าจะรู้ดีว่าชายคนนั้นเป็นใคร"

             "ท่านพ่อ..ท่านเชื่อในความบริสุทธิ์ของลูกสาวของท่านหรือไม่หากว่าข้าทำตัวต่ำช้าเช่นนั้นจริง ข้าก็ขอยอมตายดีกว่าเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ"

             "พ่อว่าเรื่องนี้ต้องมีการเข้าใจอะไรผิดสักอย่าง พ่อว่าเราต้องค้นหาความจริงข้อนี้กันสักหน่อย ท่านเห็นด้วยหรือไม่ท่านเจ้าเมือง"

           เจ้าเมืองเห็นด้วยกับบาทหลวงในทันที

             "ข้าก็เห็นด้วยกับท่านอยู่หรอกแต่เราจะทำอย่างไรในเมื่อข้ายังไม่เห็นหนทางเลยท่านบาทหลวง"

           บาทหลวงออกอุบายว่า ให้ปล่อยข่าวลือไปว่าอิโมเยนเป็นลมตายไปแล้ว จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนเป็นอย่างมาก ข่าวลือต้องแพร่สพรั่ดไปอย่างมากเนื่องจากตอนที่โพเตสและไซราคุสออกไปนั้นอิโมเยนก็เป็นลมอยู่จริงดังนั้นข่าวการตายนี้ต้องเชื่อถือได้แน่นอนและให้จัดพิธีงานศพมาด้วยเพื่อความน่าเชื่อถือ

             "ข้าไม่เข้าใจเลยท่านบาทหลวงว่าทำไมเราต้องปล่อยข่างลือว่าอิโมเยนตายแล้วด้วย"  พระราชาท้วง

            "เพราะข่าวการตายของอิโมเยนจะต้องทำให้ทุกคนสงสารและเห็นใจ รับรู้ในความบริสุทธิ์ของหญิงสาวคนนี้เพราะหากเธอมีชู้จริงเธอก็คงจะไม่ตายเพราะความเสียใจเป็นแน่ ส่วนทางด้านโพเตสนั้นก็จะต้องเสียใจและสำนึกผิดในการเป็นต้นเหตุของการจากไปของผู้หญิงที่เขารัก เขาจะต้องระลึกถึงคุณงามความดีที่อิโมเยนทำในขณะที่เธอมีชีวิตอยู่ ถ้าเขาเป็นผู้ที่มีคุณธรรมเขาต้องรู้สึกเช่นนั้นแน่ๆ"

           เมื่อทุกคนเห็นผ้องต้องกันว่าแผนการนี้เหมาะสมซึ่งพระราชาก็ยอมตามด้วย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าอันเศร้าสร้อยว่า

            "เมื่อเกิดเรื่องที่น่าอับอายเช่นนี้ หากมีหนทางใดที่จะทำให้ลูกของข้าบริสุทธิ์ขึ้นมาอีกครั้ง ข้าก็พร้อมที่จะร่วมมือด้วย"

           เมื่อตกลงแผนกันได้แล้วบาทหลวงก็ขอตัวไปทำธุระต่อ พระราชาก็พาอิโมเยนที่อาการยังไม่ดีขึ้นจากอาการเป็นลมเท่าไหร่นักกลับจวนที่พักเมื่อพาอิโมเยนกลับจวนพระราชาก็ตรงเข้าไปหาโพเตสเพื่อขอท้าประลองตัวต่อตัวด้วยความเจ็บแค้นที่ทำให้ลูกสาวของเขาต้องเศร้าโศกและอับอาย แต่โพเตสไม่รับคำท้าของผู้เฒ่าที่เขานับถือดุจดังเป็นญาติผู้ใหญ่ 

            "ท่านพระราชา ข้าไม่ขอรับคำท้าจากท่าน เพราะถึงอย่างไรข้าก็นับถือท่านมาช้านาน"

           ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวโปราดิโอเข้ามาในจวนพอดี โปราดิโอที่ทำตัวเป็นชายชู้ที่ลอบเข้าไปพรอดรักกับอิโมเยนตัวปลอม ต้นเหตุของความวุ่นวายทั้งหลายแหล่ ที่จริงความแตกก็ตอนที่โปราดิโอปากพร่อยเอาเรื่องทั้งหมดไปเล่าให้กับเพื่อนสนิทของเขาฟังอีกทอดหนึ่งความลับซึ้งไม่มีในโลกจึงร่วงรู้เข้าถึงหูของเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำให้เขาต้องมาอยู่ในลัษณะแบบนี้

               โปราดิโอยอมสารภาพและเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังว่าไซราคุสว่าจ้างเขามาอีกทีส่วนผู้หญิงที่โพเตสเห็นแล้วเข้าใจผิดนั้นที่จริงคือริน่าคนรักของเขานั้นเองโปราดิโอคร่ำครวญต่างๆนานาว่าไม่นึกเลยว่าเรื่องจะเลยเถิดจนทำให้อิโมเยนต้องตาย  ส่วนทางด้านไซราคุสเมื่อรู้ว่าโปราดิโอถูกจับตัวไปแล้วจึงกลัวความผิดแอบหนีออกจากเมือแต่ขณะที่เดินทางได้เจอกับหมีป่าและถูกกัดจนตาย               

               โพเตสนั้นเมื่อได้ฟังความจริงทั้งหมดก็ถึงกับตะลึงทำอะไรไม่ถูก เขารู้สึกเหมือนกับสายฟ้าที่ฟาดเปรี้ยงลงมายังกลางจิตใจ หัวใจแตกสลายกลายเป็นเสี่ยงๆ เขานั้นเองที่เป็นผู้ใส่ร้ายหญิงสาวผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย และเป็นผู้ที่เขารักสุดหัวใจเสียด้วย โพเตสเสียใจอย่างสุดซึ้งถึงปัญหาที่เขาไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว เขาสำนึกในความผิดทั้งหมดที่หุหันรีบร้อนโดยไม่ได้ไต่ถามความจริงจากอิโมเยนเสียก่อน และยังประจานเธอต่อหน้าผู้คนในโบสถ์ แล้วนี้ อิโมเยน.........สุดที่รักของเขาต้องมาจากโลกนี้ไปโดยไม่มีวันกลับมาเสียแล้ว เขาจะทำอย่างไรดีกับความผิดทั้งหมด

            "ตอนนี้เจ้าก็คงรู้สึกเหมือมีคมดาบมากมายทิ่มแทงหัวใจเจ้าอยู่สิน่ะโพเตส"

            "พะย่ะคะ หม่อมฉันรู้สึกเหมือนจะตายตามเธอไป"

               โพเตสขุกเข่าขอขมาลงต่อหน้าพระราชาในความผิดที่เขาได้ทำ เขาไม่คิดจะให้ท่านเจ้าเมืองยกโทษให้ในความผิดอันใหญ่หลวงที่เขาได้ทำลงไปเพราะความผิดของเขายากที่จะอภัยได้ แต่เขาขอยอมรับผิดทุกประการ แล้วแต่พระราชาจะสั่งลงโทษเขาอย่างไรก็ได้

           พระราชายอมรับคำขอโทษจากชายหนุ่มโดยออกอุบายว่าโพเตสจะต้องแต่งงานกับผ้หญิงคนหนึ่งที่เป็นญาติห่างๆของอิโมเยน

            "ได้สิ หม่อมฉันยอมทำทุกอย่างไม่ว่าท่านประสงค์ ให้ข้าทำสิ่งใดไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะหน้าตาขี้เหล่ดั่งแม่มดหรือนิสัยแย่เพียงใดก็ตามข้าก็พร้อมที่จะแต่งงานกับเธอรักและถนอมเธอจนวันตาย"

           พระราชารับคำมั่นสัญญานั้นโดยบอกว่า พิธีสมรสจะถูกจัดขึ้นในวันรุ่งขึ้นโดยที่โพเตสไม่ต้องไปช่วยจัดงานแต่อย่างไรเพราะทุกสิ่งทุกอย่างพระราชาจะจัดการให้ไว้เรียบร้อยเอง ส่วนโพเตสเองด้วยความเศร้าโศกเสียใจในความผิดที่เกิดขึ้นก็ไม่มีกระจิตกระใจร่วมแสดงความยินดีในงานแต่งงานที่เขาเองเป็นเจ้าบ่าว ทั้งคืนเขานอนไม่หลับเฝ้าคิดถึงแต่อิโมเยน เมื่อฟ้าสางก็มุ่งไปยังหลุมฝังศพที่พระราชาทำขึ้นเพื่อขอให้ดวงวิญญาณของเธอไปสู่สุขติเมื่อถึงเวลาเข้าพิธี โพเตสก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและพยายามทำสีหน้าให้สดชื่นแม้ในจิตใจยังเศร้าหมองเพียงใดก็ตาม  เมื่อได้เวลาพระราชาซิมเบลินก็พาว่าที่เจ้าสาวของเขา เข้ามาในงานเธอมีผ้าคลุมหน้าจึงทำให้ไม่สามารถรู้ได้ว่าหน้าตาของเธอเป็นอย่างไร เมื่อท่านเจ้าเมืองส่งมือของหญิงสาวให้กับโพเตสเขาก็รับมันขึ้นมาจุมพิต แล้วกล่าวกับหญิงสาวที่เขาไม่เคยรู้จักว่า

            "ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าขอสัญญาว่าชั่วชีวิตของข้า ข้าจะถนอมเจ้าเป็นอย่างดี จะรักและไม่ทอดทิ้ง ข้า........สัญญา"

          เจ้าสาวยื่นมือให้เจ้าบ่าวจุมพิตก่อนจะค่อยๆเปิดผ้าคลุมหน้าออก แล้วโพเตสก็ต้องตะลึงงันอีกครั้งเมื่อเจ้าสาวของเขามีหน้าตาคล้ายคลึงอิโมเยนอย่างกับเป็นคนเดียวกันไม่มีผิด สวรรค์แกล้งลวงตาเขาหรือ

            "เจ้า....เจ้าช่างเหมือนอิโมเยนเหลือเกิน"

            "ก็เพราะข้าคืออิโมเยนน่ะสิ"

            "แต่เจ้าตายไปแล้วไม่ใช้หรือ"

            "ใช่ข้าเคยตายไปแล้ว แต่ตอนนี้ข้าฟื้นขึ้นมาแล้ว ฟื้นขึ้นมา เพื่อมาสมรสกับท่านไงหล่ะโพเตส...."

            โพเตสซักถามอิโมเยนเพื่อความแน่ใจว่าเขาไม่ได้ฝันไป อิโมเยนที่ยืนอยู่หน้าเขานี้ก็คืออิโมเยนจริงจริง บรรดาเเขกเหรื่อที่มาในงานต่างก็แปลกใจกันไปตามตามกันในเมื่อไม่กี่ชั่งโมงที่แล้วพวกเขายังได้รับเชิญให้ไปเข้าร่วมพิธีฝังศพของนางอยู่เลยแล้วเหตุใดเธอจึงฟืนขึ้นมาได้อีกครั้ง

          โพเตสน้ำตาคลอ จุมพิตเจ้าสาวอย่างซึ้งใจ

             "โอ้พระผู้เป็นเจ้า....ข้าได้อิโมเยนสุดที่รักคืนมา เหมือนกับชีวิตได้เกิดใหม่ ขอบคุณสวรรค์

                                        เรื่องก็มีแค่นี้ ไม่มาไปกว่านี้ จบ!"

      "สนุกจังค่ะพ่อ"

      "งั้นก็นอนได้แล้ว"

      "ได้เลยเจ้าค่ะ"..........................

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ----------------- มาคุยกันหน่อย --------------------

      สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่านนี้ก็เป็นเรื่องแรกของเราเลยน่ะอาจจะไม่สนุกหมือนเรื่องดังดังเรื่องอื่นแต่ก็ขอให้ติดตามกันต่อได้ไหมค่ะและมีอะไรที่เราต้องปรับปรุงก็ช่วนบอกด้วยน๊าเราจะได้รีบแก้ไขไงขอบคุณมากค่ะที่เข้ามา และอาจมีตอนต่อไปอีกช่วยมาคอมเมนท์ให้หน่อยล่ะกันน่ะค่ะไปล่ะค่ะบาย *^o^*                                                                                                                                                                               

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×