ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Angel Eyes

    ลำดับตอนที่ #35 : Damon`s Eyes 😈 | Re-write Ver. Ep.02 Complited...100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 34.28K
      286
      14 ส.ค. 65

    http://40.media.tumblr.com/d2457c65ccdcf48c7731b1ee04a2cee6/tumblr_nq54f5x2s81qbetfwo1_1280.png

      

     

     

     

     

    2

    Where Are You Now, That I Need You?

     

     

     

          “ฉันไม่อยากใช้ถุงยางแล้วอะ ขอได้มั้ย?

             เดมอนถามด้วยน้ำเสียงร้ายกาจเอาแต่ใจ ฉันเลยสั่นไปทั้งตัวด้วยความกลัว

             “มะ ไม่ได้” ฉันตอบ ปฏิเสธออกไปไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็จะไม่ยอมอยู่ฝ่ายเดียวอีกต่อไปแล้ว

             “จริงเหรอ”

             ตอนแรกก็คิดว่าเขาจะโกรธ แต่ปีศาจร้ายหัวเราะร่วนอย่างชอบใจ เขาลากฉันเข้ามาในห้องพักของเขา หรืออันที่จริงจะต้องเรียกมันให้ถูกว่าเป็นลานประหาร เขตพื้นที่สีแดงโซนอันตรายสุด ๆ

          เดมอนคว้ากระเป๋าข้าวของพะรุงพะรังของฉันไปถือด้วยตัวเอง จนฉันไม่สามารถแย้งอะไรได้ ก็แล่นมาหาเขาด้วยตัวเองแบบนี้

             แล้วจะโธ่ ยัยโง่ ฉันนี่มันสุดยอดของความโง่เลยจริง ๆ

             “เธอหมดประจำเดือนตอนไหนงั้นเหรอ” ใบหน้าคมคายของเดมอนคลอเคลียเข้ามาใกล้ ลมหายใจที่ร้อนผ่าวทำฉันเหมือนจะละลายให้ได้

             “ไง” เขาถามอีก ฉันเลยไม่รู้จะตอบคำถามน่ากลัวพวกนั้นได้อย่างไร

             “ไม่รู้ จำไม่ได้” ฉันส่ายหน้า ก้มหน้างุดด้วยความอายและเจ็บแค้น

             “งั้นเหรอ เอาเถอะ เข้ามาก่อน” เดมอนพยักพเยิดให้เดินเข้ามาข้างในด้วยกัน

             “ฉันยังหิวอยู่ ขอหาอะไรกินก่อนแล้วกัน เธอล่ะ หิวมั้ย?” เขาเอาแต่ผูกขาดการพูดอย่างเดียว ส่วนฉันก็ได้แต่พยักหน้าส่ายหน้าไปตามเรื่อง

             คำถามล่าสุดที่ถูกถามฉันส่ายหน้า เพราะมันตื้อไปหมดจนไม่รู้สึกหิวอะไรเลยสักนิด ตรงกันข้าม ฉันกระวนกระวายซะจนอยากจะอาเจียนออกมาด้วยซ้ำ

          แต่มากินด้วยกันเถอะ กินคนเดียวก็เหงา” เสียงทุ้มหนักเซ็กซี่ของเดมอนตอบ

             คนอย่างเดมอนน่ะเหรอจะเหงา เขาดูหล่อเหลาร้ายกาจมากขนาดนั้น คงมีผู้หญิงอีกมากอยากจะได้คุยกับเขาแค่ครั้งสองครั้ง

             “มาเถอะ” เขากดไหล่ให้ฉันนั่งลงที่โต๊ะอาหาร จากนั้นก็เปิดตู้เย็น

             “แล้วกัน ในตู้เย็นฉันไม่มีน้ำเลยสักขวดมีแต่เบียร์ เธอคงไม่อยากดื่มเบียร์ใช่มั้ย?” เดมอนถาม ฉันสั่นหน้าปฏิเสธอีกครั้ง หัวใจมันสั่นไหวจนสมองมันดับมืดไปหมด

             “งั้นเดี๋ยวฉันมา ว่าแต่ ขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้มั้ย พอดีว่าของฉันแบตหมดยังไม่ได้ชาร์จ แล้วว่าจะลงไปซื้อของด้วย เพื่อนมันจะมา เธอคงไม่อยากให้เพื่อนฉันมาเจอตอนที่เราอยู่ด้วยกันหรอก ใช่มั้ย?

             ฉันไม่มีทางเลือก ถึงไม่ได้อยากจะส่งโทรศัพท์ให้กับเดมอนแต่ก็เลี่ยงไม่ได้ นี่ฉันทำตัวงี่เง่าน่ารำคาญให้เขามากพอหรือยัง มากพอที่จะทำให้เขาเริ่มเบื่อฉันได้หรือยัง ถามตัวเองไปแต่คงไม่ได้คำตอบ แล้วฉันก็เป็นตัวโง่งมสุด ๆ ด้วยการส่งโทรศัพท์มือถือให้เขาไป

          “ช่วยอุ่นสเต็กกับพาสต้าให้หน่อยนะ เดี๋ยวฉันมา เราจะได้กินข้าวด้วยกัน” เดมอนยกโทรศัพท์แตะริมฝีปาก หรี่ตาลงด้วยสายตาที่อันตรายสุด ๆ อย่างที่ผู้หญิงโง่งมอย่างฉันตกหลุมรักได้อย่างง่ายดาย

             “ได้มั้ย?” เขาถามซ้ำ เมื่อฉันไม่ได้ตอบคำถาม

             “ดะ ได้

             “งั้นเดี๋ยวมา อยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย?” เดมอนขยับตัวไปมาน้อย ๆ เหมือนกำลังหลอกล่อให้ฉันตกหลุมพราง

             “แล้วระหว่างแบบเรียบกับแบบปุ่มเธอชอบแบบไหนมากกว่า แล้วระหว่างส้มกับสตรอว์เบอร์รีล่ะ ชอบแบบไหนมากกว่ากัน”

             คำถามนี้เดมอนดูกลั้นหัวเราะเอาไว้ ยิ่งฉันทำหน้าเหลอหลาเท่าไหร่เขาก็ยิ่งยิ้มกว้างมากเท่านั้น

             “ฉันไม่เข้าใจว่านายถามอะไร” ฉันเพิ่งรู้ว่าเสียงของตัวเองสั่นพร่าขนาดนี้ เหมือนเสียงคนที่กำลังจะร้องไห้ไม่มีผิด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำหน้าแบบไหนอยู่

             “โอเค เอาละ ฉันไปละ แล้วจะซื้อขนมมาให้” เดมอนยิ้มเจ้าเล่ห์แบบที่ฉันไม่กล้าสบตาด้วย

             พอเขาไปแล้วนั่นแหละ ฉันแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความอึดอัดและกลัวจับใจ ยัยโง่ชะเอม เธอมาทำอะไรที่นี่กันแน่

             แม้แต่ตัวฉันเองก็ยังไม่รู้เลย

          “ให้ตายเถอะ ให้ตายชะเอม ชะเอม

     

     

    Damon’s talking…

          ผมยังหัวเราะคนเดียวตลอดทางไปร้านสะดวกซื้อ อดขำกับสีหน้าของชะเอมไม่ได้ น่าแปลกใจที่เธอเป็นคนเดินเข้ามาหาก่อน แต่ผมกำลังสนุกอยู่ที่เห็นความน่ารักของยัยโง่นั้น

             จริง ๆ นะ ชะเอมน่ะเหมือนตัวโง่งมเลย ถึงจะเอ๋อ ๆ แต่ก็น่ารักอย่างบอกไม่ถูก เธอเดาไม่ออกด้วยซ้ำว่าผมพูดถึงว่าแบบเรียบหรือปุ่มนั่นเป็นถุงยางอนามัย แน่ละ ประสบการณ์เรื่องอย่างว่าของเธอเป็นศูนย์ หรือจะบอกว่า ประมาณ 1.20% ละมั้งนะ

             “แล้วกัน หัวเราะทำไมวะ” ผมด่าตัวเอง

             เมื่อจู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองทำเรื่องบางอย่างไม่ถูกต้องอยู่

             เพราะปกติแล้ว ผู้หญิงน่ะ ก็เป็นฝ่ายสนุกกับผมไปด้วยกันนี่

             ต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ มันก็แค่นั้นไม่ใช่เหรอ?

             ที่ผ่านมามันเป็นแบบนั้นเสมอ และจะเป็นแบบนั้นตลอดไปด้วย ผมคิดแล้วก็ส่ายหัว ไม่อยากมีพันธะผูกพันแบบที่เพื่อน ๆ ในกลุ่มเป็น

             ผมยังไม่อยากทิ้งความสนุกที่จะได้อยู่กับผู้หญิงหลาย ๆ คนในเวลาแบบนี้ แล้วก็ไม่ขอมีลูกแล้วแบบไอ้ร็อบด้วย

             เพราะงั้นตอนนี้ผมเลยเริ่มสับสน ว่าตัวเองพอใจหรือหงุดหงิดกันแน่ที่ชะเอมเข้ามาหาหาในเวลาแบบนี้

             “Damn!” ผมสบถอย่างหงุดหงิด แล้วก็เอาโทรศัพท์ของชะเอมขึ้นมาดู

             ยัยนั่นไม่ได้ใส่รหัสล็อกหน้าจอด้วย เชื่อเลยจริง ๆ ผมตั้งใจว่าจะใช้โทรศัพท์ของเธอโทรเข้าเบอร์ตัวเอง เพื่อจะได้มีเบอร์โทรติดต่อของกันและกัน ซึ่งตอนนี้ผมก็จัดการกับเบอร์โทรทั้งของเธอและตัวเองเรียบร้อยแล้ว

             เมื่อไล่ดูแอปพลิเคชันที่มีอยู่ในเครื่องของเธอแล้ว ผมก็ยิ้มพลางส่ายหน้าเมื่อเห็นแอปพลิเคชันบันทึกประจำเดือนอยู่ในเครื่องด้วย กดเข้าไปดูก็ต้องยิ้มกว้าง มันบอกทุกอย่างเกี่ยวกับการมีรอบเดือนของชะเอม กระทั่งวันไข่ตกวันที่พร้อมจะมีลูกก็ยังมี

             “วันปลอดภัยนี่นา” ผมยิ้มแล้วก็เก็บโทรศัพท์ของเธอเอาไว้ตามเดิม

          ผมเดินเข้ามาในร้านสะดวกซื้อ หยิบขวดน้ำหลายขวด รวมถึงน้ำอัดลม ขนมที่คิดว่าเธอน่าจะชอบมาด้วยสองสามอย่าง อารมณ์ดีอย่างประหลาด

             เมื่อซื้อของเสร็จผมก็เดินออกจากร้านสะดวกซื้อผมก็ผิวปากอย่างสบายอารมณ์ วันนี้เป็นระยะปลอดภัยของชะเอม เลยไม่ต้องกังวลเรื่องการป้องกันอีกแล้ว ไปถึงห้องพักก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย

             “ชะเอม เธออยู่ไหน” ผมรีบร้องถาม กลัวว่าเธอจะหนีกลับบ้านไปซะก่อน

             “ชะเอม” ผมเรียก แล้วก็โล่งใจที่เห็นว่าชะเอมนั่งยอง ๆ อยู่กับพื้น แล้วเก็บเศษจานที่หล่นแตกบนพื้นอยู่

             “คือ ว่า ฉันทำจานแตก” เธอบอกเสียงค่อย น้ำตาคลอดวงตาโต ๆ นั่นอย่างน่ารัก

             “มันราคาแพงมั้ย?” เสียงใสของเธอเริ่มสั่น

             พูดถึงเรื่องเงินขึ้นมาแล้วก็อดสงสารชะเอมไม่ได้ เธอคงลำบากน่าดูกับการใช้ชีวิตอย่างที่ผ่านมา มาตลอดหลายสิบปี

             “ช่างเรื่องนั้นเถอะ ว่าแต่เธอได้แผลมั้ย” ผมทรุดตัวนั่งข้าง ๆ แล้วเอื้อมมือไปคว้ามือของเธอเอาไว้

             “มะ ไม่มี” ชะเอมดูกลัวไปหมดทุกอย่าง จนผมสงสัย ว่าถ้ากลัวแบบนี้แล้วจะมาหาทำไม

             เรื่องเงิน?

             เดาได้ไม่ยาก ผมคิดแล้วก็เลิกคิ้ว รั้งเธอลุกจากตรงนั้น ลากไปที่โซฟารับแขก เผื่อยัยตัวโง่งมนี่จะเดินไปเหยียบเศษจานแล้วบาดเท้าเอาได้

             “นั่งรอตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันจะยกข้าวมาให้” ผมบอก เธอดูเลิ่กลั่กเหมือนหนูแฮมสเตอร์จนอดขำไม่ได้

             แต่ในความรู้สึกแบบนั้น ผมก็อดนึกรำคาญอยู่หน่อย ๆ มันอธิบายไม่ถูกว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนั้น แต่ว่านะ ผมไม่ชอบให้ใครมากลัวจนลนลานแบบนี้

             คนอื่นที่ผ่านมาก็ไม่มีเลยสักคนที่เป็นแบบนี้ ทุกคนเข้ามาดูแลเอาใจ ไม่ใช่เป็นผมที่ต้องคอยมาเอาใจเธออย่างนี้ นั่นทำให้ผมไม่ค่อยสบอารมณ์นิดหน่อย

          “กินสิ

             หลังจัดการเก็บกวาดจานที่ตกแตกเรียบร้อย ผมก็ยกอาหารเข้าไปให้กับเธอ

             แน่นอนว่าชะเอมดูมีท่าทางหวาดกลัวอยู่ เธออยากได้เงินมากจนถึงกับทำเรื่องฝืนใจขนาดนี้เลยเหรอ

             ผมถามตัวเองอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็นั่นแหละ เธอกำลังย่ำแย่มากแค่ไหน

             แค่เงินอย่างเดียวจริง ๆ น่ะเหรอวะ

           รู้สึกเสียหน้ายังไงก็ไม่รู้ ที่เหมือนกับว่าเสน่ห์เหลือล้นของตัวเองมันหายไปหมดกับปฏิกิริยาของชะเอม

          คิดอย่างเดียวคงไม่ได้คำตอบ ผมเลยชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ แล้วก็จูบแก้มของเธอแรง ๆ จนชะเอมสะดุ้ง

             เธอหันมามองด้วยดวงตาเบิกกว้าง หน้าซีดเผือดไปหมด แถมยังมีเหงื่อชุ่มตัวด้วยทั้งที่อากาศในห้องเย็นสบายมากแท้ ๆ

          นั่นเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าเธอกลัวผม แต่อยากได้เงิน

          แล้วทำไมผมต้องแคร์ความรู้สึกเธอด้วยล่ะ ก็ในเมื่อเธอเข้ามาหาก็เพราะเงินเหมือนกัน

             ถ้าผมเป็นตาแก่ลงพุงหัวล้าน พนันได้เลย ว่ายังไงซะ หางตาเธอก็ไม่แลมาที่ผม ผมรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งก็เหมือนกับเพื่อนคนอื่นในกลุ่ม

             พวกผู้หญิงต้องการพวกเรา เพราะรูปร่าง หน้าตา แล้วก็เงินอย่างเดียวเท่านั้น

             “เฮ้ รีบกินหน่อย” พูดจบผมก็ส่งโทรศัพท์มือถือของเธอคืนไป

             “ฉันรู้ว่าคืนนี้เป็นระยะปลอดภัยด้วย ฉันถือวิสาสะเปิดเข้าไปดูเอง คงไม่ว่ากันนะ

             เมื่อบอกไปแบบนั้น ก็ทำให้ชะเอมทำหน้าตกใจมาก แล้วก็เหลียวมองผมอย่างหวาด ๆ

             “มันเปลืองเงินโดยใช่เหตุ เอาเงินไว้ให้เธอใช้ดีกว่าไม่ใช่รึไง” ผมไล้มือกับแก้มใส แล้วเห็นว่าหน้าของชะเอมซีดลงอย่างชัดเจน

          “เอาน่า ฉันรู้ว่าเธอกำลังเดือดร้อนเรื่องนี้ ฉันเองขี้เกียจหาผู้หญิงด้วย เราต่างก็วินวินด้วยกันทั้งคู่ จริงมั้ย?

          ชะเอมดูกลัวมาก เธอทำเหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่ผมตัดบทไม่อยากจะฟังเสียงนั้น เลยจูบเธอเบา ๆ จนเธอเงียบกริบไป

             “รีบกินเถอะ เดี๋ยวฉันจะสอนบทเรียนใหม่ ให้เธอเอง” ผมจูบปลายคางมนของเธออีกครั้งเป็นการตักเตือน

             “” ชะเอมไม่พูดอะไรเหมือนเคย เธอก้มหน้างุด มือที่จับช้อนส้อมอยู่สั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด

             ท่าทางตื่นกลัวเหมือนกระต่ายตัวน้อย ๆ นี่มันทำให้ผม

             ไม่รู้สิ แม้ว่ามันจะเป็นอารมณ์ของผมเอง แต่ผมก็อธิบายไม่ได้เหมือนกัน

             ผมนั่งจิบเบียร์รออย่างใจเย็น ระหว่างที่รอให้ชะเอมละเลียดอาหารทีละน้อย ผมเข้าใจว่าเธอคงอยากถ่วงเวลา แต่เรื่องแบบนั้นอย่าคิดว่าเดมอนคนนี้ไม่รู้ทันนะ

             “อร่อยเหรอ” ผมแกล้งถาม เมื่อเธอช้าเหลือเกิน

             ชะเอมไม่ตอบเหมือนเคย เธอเอาแต่กินอาหารเงียบ ๆ ก้มหน้าจนคางแทบจรดอกอยู่แล้ว

             “แต่ฉันว่าเธอน่ะ กินกับอะไรก็อร่อย

    End Damon talk…

     

     

          บ้าที่สุดเลย บ้าที่สุด

          ฉันยืนน้ำตาซึมอยู่ในห้องน้ำในห้องชุดของเดมอน ไอรักจากปีศาจร้ายคนนั้นยังฝังอยู่ในร่างกายของฉัน มันค่อย ๆ ไหลเรื่อยไปตามเรียวขา ในปริมาณที่ฉันอยากจะร้องกรี๊ดออกมา

             ปีศาจนั่น ปีศาจนั่น

             ปีศาจคนนั้นเขาไม่ยอมป้องกันไม่ว่าฉันจะพยายามพูดกับเขายังไง แต่เดมอนไม่ยอมฟัง เขาบอกว่านี่มันวันปลอดภัย แล้วก็ร้ายกาจเสียซะยิ่งกว่าคนใจร้ายที่สุดเท่าที่เคยเจอมา

             “เฮ้ เธอต้องไปไหนมั้ยวันนี้” เดมอนมาเคาะประตูห้องน้ำ ฉันเลยสะดุ้งจนตัวโยน

             “ฉันต้องไปทำงาน เพราะงั้นรีบอาบน้ำนะ เพราะฉันต้องใช้ห้องน้ำ”

             เสียงพูดและเสียงฝีเท้าห่างออกไป ฉันเลยถอนหายใจอย่างอ่อนแรง

             นี่ฉันทำถูกแล้วเหรอ นี่เป็นวิธีที่จะทำให้เดมอนเบื่อฉันได้จริง ๆ น่ะเหรอ ถามตัวเองแล้วก็ไม่ได้คำตอบ ท่าทางของเดมอนเมื่อคืนนั้น ไม่ได้บอกเลยนะว่าเขาจะเบื่อ

             “โธ่ หยุดคิดได้แล้ว ยัยตัวโง่งม!” ฉันอดด่าตัวเองไม่ได้เลย

             ก่อนที่ทุกอย่างมันจะเลวร้ายไปกว่านี้ ฉันก็พาตัวเองออกจากห้องน้ำ หน้าซีดเซียว ไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะทำเรื่องแบบนี้ได้ลงคอ

             เดมอนนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่เตียง เขามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็ยิ้มแปลก ๆ เมื่อฉันอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำออกมาจากห้องน้ำ

             “ฉันต้องไปมหาลัยเหมือนกัน” ฉันบอกกับเดมอน อึดอัดใจกับสายตาของเขา

             “ของของเธออยู่บนเตียงน่ะ ถ้าเธอไม่รีบก็รอก่อน แล้วฉันจะไปส่งที่มหาลัย” เดมอนบอก แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำ ฉันเดินไปที่เตียงเพราะอยากรู้ว่าของที่เขาบอกไว้คืออะไร

             มือของฉันเริ่มสั่นเมื่อเห็นของที่อยู่บนเตียง มันเป็นเงินปึกหนึ่ง ที่ฉันเข้าใจว่ามันน่าสมเพชมากแค่ไหน

             ฉันไม่อยู่รอให้เดมอนออกมาจากห้องน้ำ เก็บเงินมา เพื่อจะให้เขาระอาใจแล้วเบื่อก่อนจะทิ้งฉันในที่สุด

             “เฮ้อ เบื่อฉัน เกลียดฉัน ทิ้งฉัน

             ฉันนี่มันต้องตัวโง่งมที่สุดในโลกที่อยากจะให้ผู้ชายสุดฮอตอย่างเดมอนทิ้ง แล้วคิดดูสิ เมื่อไหร่ที่เขาทิ้งฉัน สาว ๆ ที่ตามเขาอยู่คงได้หัวเราะเยาะฉันอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

             เพราะรายงานไม่ต้องรีบทำส่ง ฉันเลยสบายใจอย่างมากที่ซันบอกว่าวันนี้ขอหยุดเพื่อพาซายะไปดูหนังเลี้ยงข้าวในวันครบรอบการคบกันกี่วันนี่แหละ ฉันเลยเดินโซเซกลับห้องพักอย่างหมดแรง

             ทำไมนะ มีเงินแล้ว มีผู้ชายสุดฮอตอยู่ข้างกาย แทนที่จะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากที่สุด แต่กลายเป็นว่าฉันเหมือนดอกไม้ที่ถูกน้ำกรดสาดจนมันแห้งเหี่ยว ล้มตัวลงนอนอย่างหมดแรง หายใจแผ่ว ๆ ด้วยความเหนื่อยแสนเหนื่อย

             ฉันไม่อยากให้เรื่องเป็นแบบนี้เลย แต่ว่า ในหัวมันวนเวียนแต่เรื่องของเดมอนคนเดียว

             ฉันหลับไปถึงช่วงเย็นเพราะความอ่อนเพลีย มาสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์เรียกเข้า เลยงัวเงียควานมือหาอย่างง่วง ๆ

             -Demon-

             ไม่รู้ว่าเดมอนพิมพ์ชื่อตัวเองผิดหรือเปล่า แทนที่จะเป็น Damon แต่กลายเป็น Demon ที่แปลว่าปีศาจร้ายจริง ๆ ซะอย่างนั้น

             แต่จะยังไงก็ช่างเถอะ ฉันไม่อยากจะสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่

             ฉันกดรับสายของเขา เพื่อให้เขาเข้าใจว่าฉันคลั่งไคล้เขามากเหลือเกิน

             (มาหาฉันหน่อย คืนนี้มานอนด้วยกัน)

             ทันทีที่ฉันกดรับสาย เขาก็พูดสั้น ๆ แล้วตัดสายทิ้งโดยไม่รอคำตอบ

             ฉันเลยกัดปากแน่น แล้วก็ลุกขึ้นอย่างจำใจ

             เดี๋ยวนะ แล้วทำไมฉันต้องไปหาเขาด้วย ฉันถามตัวเองอย่างไม่เข้าใจ เลยโทรกลับไปด้วยมือที่สั่นเทา

             “ฉันฉันไม่สบาย เอาเป็นว่าคืนนี้ฉันไปหาไม่ได้นะ”

             แค่นี้ก็จะตายอยู่แล้ว เขาไม่รู้เลยหรือไง

             (เดี๋ยวนะ…) เดมอนท้วง แต่ฉันไม่อยากได้ยินคำปฏิเสธใด ๆ อีก

             “ฉันไม่สบาย ปวดหัวมาก เพราะงั้น ไปไม่ได้นะ” ฉันบอกแล้วก็ตัดสายทิ้ง ก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างหมดแรง

             ฉันเคลิ้มหลับไปอีกครั้ง ด้วยความเหนื่อยอ่อน จนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูรัว ๆ เสียงโครมครามจนฉันสะดุ้งตื่น

             “ถ้าไม่ได้ป่วยนะ สาบานได้ชะเอม ฉันเอาเธอตายแน่!

     

     

             ปีศาจก็คือปีศาจนั่นแหละ รู้อยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ขนาดว่าฉันป่วยเป็นไข้ พูดภาษาพาร์เซล[1]ที่มีแต่แฮร์รี่กับลอร์ดโวลเดอมอร์จากหนังเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ เท่านั้นที่รู้ว่ามันแปลว่าอะไร เขายังไม่เห็นใจเลย

             ฉันกะปลกกะเปลี้ยไปหมด ร่างกายร้าวระบมด้วยแรงของเดมอนที่เอาแต่ทำร้ายฉันตลอดเวลา แถมพอรังแกฉันสาแก่ใจแล้ว เดมอนก็ยังลากให้ฉันลุกขึ้นมากินข้าวกินยา ไม่สนใจเลยว่าตอนนี้ฉันกำลังจะตายอยู่รอมร่อ

             “ก็ไม่เห็นจะมีไข้สูงจนไปหาฉันไม่ได้เลย!” เดมอนบอก ทำให้ฉันถึงกับเบลอ ไม่อยากเชื่อเลยว่าคำพูดนั้นจะออกมาจากปากของเขา

             “เวลาบอกให้มาก็มาสิวะ อย่าทำให้ฉันโมโห!” เขาพูด ราวกับว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นน่ะ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน

             เดี๋ยวนะฉันเหรอ

             คงจะจริงสินะ ก็ฉันน่ะโง่ไปทักทายเขาก่อนนี่นา ฉันน่ะมันตัวโง่งมที่สุดของตัวโง่งมเลย

             “ฉันไม่สบาย” ฉันบอกซ้ำ น้ำตาใกล้จะไหลจนต้องกะพริบตาเอาไว้ไม่ให้มันไหลลงมาให้เขาเห็น

             “ก็ไม่เห็นว่าจะป่วย” เดมอนยังคงเถียง ทำเหมือนว่าทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างที่เขาพูด

             “ฉันป่วยนะ ป่วยหนักด้วย แล้วนายยัง” ฉันกางแขนออก บอกให้รู้ว่าเขาทำร้ายฉันเอาไว้มากแค่ไหน

             ร่างกายของฉันบอบช้ำ รอยช้ำแดงเป็นจ้ำ ๆ ตามตัว ยังไม่รวมเสียงที่ฟ่อแฟ่ป้อแป้ที่ฟังเหมือนเสียงงูขู่ นี่มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ ว่าเขารังแกฉันมากเกินไปแล้ว

             “นี่ฉันยังเป็นคนรึเปล่า” ถามไปน้ำตาก็จะไหล

             เดมอนสะอึกไป ดูไม่ชอบใจเลยที่ได้ยินฉันพูดแบบนั้น

             “นี่ฉันทำอะไรผิดเหรอเดมอน”

             ฉันสับสน หวาดกลัว ยังรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่รู้เลยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง และจะจบลงแบบไหน

             เขาเป็นคนร้ายที่พรากทุกอย่างของฉันไป โดยที่ฉันไม่ได้เต็มใจเลยแม้แต่น้อย ฉันขอร้องขอให้เขาหยุด แต่เดมอนก็ไม่เคยฟังเลย

             “ผิดที่ไม่ฟังไง กินยาเสร็จแล้วก็นอนพัก ฉันซื้อไอ้นี่มาด้วย” เดมอนไม่ยอมมองฉัน เขาส่งที่ตรวจวัดไข้มาให้ ทำให้ฉันเงยหน้ามองสบตากับเขาอย่างไม่เข้าใจ

             “อะไร

             “ก็เผื่อว่าครั้งหน้าเธอบอกว่ามีไข้ ก็วัดไข้แล้วส่งรูปมาให้ฉัน ฉันจะได้รู้ว่าเธอไม่ได้โกหก!” เขาพูดอย่างเห็นแก่ตัว ฉันเลยหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา

             “จะเบี้ยวเหรอ เธอรับเงินฉันไปแล้ว รับข้อเสนอของฉันไปแล้ว จู่ ๆ ก็จะมาบอกว่าไม่เอาเหรอ”

             ฉันส่ายหน้า เจ็บช้ำเหมือนใจจะขาดให้ได้

             เขาคล้าย ไม่สิ เขาเป็นปีศาจ ปีศาจร้ายที่ไม่เคยมีหัวใจ เย็นชาและโหดเหี้ยม แตกต่างกับมนุษย์ที่มีเลือดมีเนื้อ

             “แน่นอน ฉันจะรับผิดชอบคำพูดของฉัน แต่ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย?” ฉันเม้มปาก แล้วมองเขาแน่วนิ่ง

             “แล้วสัญญานี่จะหมดลงตอนไหนเหรอ สองหมื่นของนายตีเป็นครั้งหรือเหมาเป็นเดือน

             น้ำตาบ้า มันพยายามจะไหลให้ได้ ดื้อด้านไม่ต่างจากคนตรงหน้าเลยสักนิด

             “” เดมอนเองก็เหมือนจะตกใจกับคำพูดของฉันเช่นกัน เขาเงียบไปนานก่อนจะแค่นหัวเราะออกมา

             “งั้นก็เหมาเป็นรายเดือนแล้วกัน สามเดือนก็คงพอไหว ฉันจะทิ้งเงินไว้ให้อีกสามหมื่น แต่ในสามเดือนนี้ ฉันเรียกตอนไหนเธอก็ต้องมา ฉันรู้หมดแล้วว่ารอบเดือนของเธอจะมาตอนไหนยังไง เพราะงั้นอย่ามาเล่นตุกติก”

             มือหนาที่อุ่นจนร้อนจับหน้าของฉันเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ดึงให้ใบหน้าของเรามาชิดกัน

             “งั้นขอถามอะไรอีกข้อสิ” ฉันกัดฟันพูดเสียงพร่า เดมอนก็ปล่อยมือจากหน้าของฉัน ยกยิ้มขึ้นด้วยท่าทางที่แสนน่ารังเกียจ

             “ว่ามาเลย

             “แล้วฉันมีแฟนได้มั้ย ระหว่างที่บริการนาย” ฉันเองก็ไม่รู้ว่าใช้ความกล้าอะไรพูดออกไปแบบนั้น ท่าทางคงอยากตายขึ้นมาจริง ๆ ถึงได้กล้าพูดท้าทายกับปีศาจร้ายออกไปอย่างนี้น่ะ

             “ก็เอาสิ แบบนั้นก็สนุกเหมือนกัน” เขาแสยะยิ้มชั่วร้าย คงค่อนขอดว่าฉันทำอย่างนั้นไม่ได้แน่

             “เธอจะเอาเรื่องที่ฉันสอนไปใช้กับผู้ชายหน้าตาแหย ๆ ที่ไม่ได้เรื่องใช่มั้ย? เขาประชด

             แล้วทำไมฉันต้องเป็นคนที่รู้สึกเจ็บอยู่ฝ่ายเดียวล่ะ

             “ก็น่าจะแบบนั้นละมั้ง”

             “ใจกล้าดีนี่ กล้าขอฉันก็กล้าให้ แต่ว่านะ อยากมีผู้ชายคนอื่นมาบำบัดความใคร่ซะจนแทบจะรอไม่ไหวแบบนี้ ฉันก็อยากจะจัดให้อีกสักดอก จะได้เลิกอยากชั่วคราว”

             จบคำพูดร้ายกาจน่ารังเกียจนี้ ฉันตวัดมือฟาดหน้าของเขาอย่างรุนแรง จนใบหน้าหล่อเหลาของเดมอนสะบัดไปตามแรงตบ

          ฉันสะใจนัก ที่ข้างแก้มของเขามีริ้วแดง ๆ พาดผ่านครบทุกห้านิ้ว เดมอนใช้ลิ้นดันโพรงปากก่อนจะค่อย ๆ หันมามองด้วยสายตาเอาเรื่อง

             “ก็เอาฉันจะช่วยเทรนจนเธอเก่งกลายเป็นมือโปรเลยละ ชะเอม!

     

     

    Damon’s talking…

          บ้า! บ้าบอคอแตกที่สุด ผมหงุดหงิดงุ่นง่านสุด ๆ ตอนที่เดินออกมาจากห้องพักซอมซ่อของชะเอม

             เรื่องของเรื่องก็เรื่องบ้าบอคอแตกที่เธอถามมานั่นแหละ คนอย่างผมเนี่ยนะ ต้องไปยุ่งกับผู้หญิงที่ไม่มีใจให้ แถมยังบอกว่าจะมีแฟน ถามด้วยว่าข้อเสนอพวกนั้นจะยาวนานแค่ไหน

             เอาละ ผมผิดก็ได้ที่บอกว่าขอให้เธอมานอนด้วยชั่วครั้งชั่วคราว โดยแลกกับเงินไม่กี่หมื่น

             ก็ตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ออก อยากทำให้เธอจำผมได้ขึ้นใจ เลยแกล้งทำพูดร้าย ๆ ไปแบบนั้น มันนิยายเกินไปรึเปล่าวะ ที่จะให้เงินผู้หญิงมาบำเรอตัวเองน่ะ นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว เห็นเธอลำบากเลยอยากจะให้มาพึ่งผม แล้วก็เผลอแกล้งขึ้นมาก็เท่านั้น แต่ใครจะไปรู้ละ ว่าเรื่องมันจะออกมาเป็นแบบนี้

             อีกอย่างเธอก็ดูกลัวมาก ไม่อยากทำเรื่องแบบนี้

             ผมเองก็อย่างว่าละนะ ไม่ได้ตั้งใจเท่าไหร่ที่จะทำแบบนี้

             ใจหนึ่งอยากแกล้ง อีกใจอยากรู้ด้วยว่าเธอจะให้คำตอบยังไง สุดท้ายก็

          แล้วก็ให้มันรู้กันไปสิ ว่าเดมอนคนนี้ จะแพ้ให้กับผู้ชายอื่น อย่างเดมอนน่ะ ไม่เคยมีคำว่าแพ้อยู่ในพจนานุกรม

             “หน้าหมาง ๆ มาอีกละ เป็นอะไรวะ” เคลย์เจ้าของร้านอาหารที่กึ่ง ๆ ผับถามกับผม ทันทีที่เจอหน้ากัน

             “ไม่มีอะไร เอาอย่างเดิมมาแล้วกัน ไม่ก็อะไรก็ได้” ผมบอกกับบริกร แล้วชักสีหน้าใส่เจ้าของร้านรูปหล่อสุดฮอต

             ไม่รู้สิ ผ่านเรื่องนั้นมาแล้ว ทุกอย่างก็ดูขวางหูขวางตาไปหมด มันทำให้ชวนอารมณ์จนไม่อยากทำอะไรเลย

             “เรื่องผู้หญิงใช่มั้ยล่ะ ท่าทางแบบนี้น่ะ” เคลย์เดาได้ตรงเผง

             แต่ก็นะ เรื่องแบบนี้มันก็เดาได้ไม่ยากอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ช่วงนี้ พวกเราในกลุ่มทุกคนมีอาการแบบเดียวกันทั้งนั้น

             “แต่ไม่น่าเชื่อว่าอย่างมึงจะกลุ้มเรื่องผู้หญิงเหมือนคนอื่นเป็นเหมือนกันด้วย”

             “พูดยังกับว่ามึงไม่เคย” ผมย้อนกลับ ไอ้เคลย์เลยหัวเราะอย่างชอบใจ

             “มันก็แบบนะ บางที คนเราก็อาจจะสายตายาวเผลอมองข้ามอะไรไปบ้าง แต่ตอนนี้กูพยายามควบคุมรินรินให้อยู่ในสายตาตลอด ทุกอย่างก็เรียบร้อย”

             หมอนี่พูดถึง รินรินแฟนสาว อ้อ ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นคู่หมั้นสุดที่รักของมัน เห็นว่าก่อนหน้านี้ก็มีเรื่อง เธอเป็นคู่หมั้นของเคลย์มานานแล้ว อยู่ด้วยกันที่ร้านนี้แต่ บอกว่าแค่คบกันบังหน้าพ่อแม่ที่จับคู่ให้ตั้งแต่เด็ก ๆ เท่านั้น

             ลับหลังพวกผู้ใหญ่ เคลย์มักจะอี๋อ๋อมีอะไรกับผู้หญิงไปทั่ว แถมยังพามาในร้านนี้ด้วย แล้ววันหนึ่งก็บอกว่าจะคบผู้หญิงเป็นตัวเป็นตน และคนคนนั้นไม่ใช่รินริน

             เรื่องนั้นทำให้รินรินเสียใจมากแล้วก็ออกจากร้านนี้ไป

             เรื่องมันอลเวงน่าดูเลยละ เพราะออกัส โผล่เข้ามาแจมด้วย พยายามแย่งรินริน กว่าจะลงเอยด้วยดี ไอ้เคลย์ก็แทบเสียผู้เสียคนเพราะความรู้สึกช้า

             “มันน่ากลัวแล้วก็แย่มาก ๆ เลยนะเว้ย ถ้าถูกแย่งของรักไป ท่าทางของแกก็อาการหนัก ถามใจดี ๆ เถอะ ว่าชอบมั้ย จริงจังมั้ย ไม่อย่างนั้นนายจะได้เสียใจ” เคลย์เตือน น่าจะในฐานะผู้ที่ประสบภัยหัวใจร้าวรานมาก่อน แต่ผมหัวเราะแล้วก็ส่ายหน้า

             “อย่างกูน่ะไม่รีบหาห่วงมาคล้องคอเว้ย ไม่มีทาง

             เอาละ ยอมรับว่าชะเอมแตกต่างกับผู้หญิงคนอื่นที่เคยเจอมา แต่หน้าจืดแบบนั้น ตัวแข็งทื่อแบบนั้น บอกตามตรงว่าอีกไม่นานผมก็เบื่อเองนั่นแหละ เธอไม่เหมือนคนอื่นเลยตรงที่บริสุทธิ์และสะอาดมาก ผมเลยไม่จำเป็นต้องป้องกันตัวเอง เธอฉลาดน่าจะรู้ว่าจะทำยังไง

             ดังนั้น ผมเลยติดใจกว่าคนอื่นนิดหน่อย แต่ก็แค่ นิดหน่อยเท่านั้น

          “ให้มันแน่เหอะ ดูอย่างไอ้ร็อบ ไอ้เท็ดมัน ไงล่ะ หลงเมียซะแทบโงหัวกันไม่ขึ้น”

             ผมถอนหายใจ จะว่าไปตั้งแต่ทุกคนมีแฟนเป็นตัวเป็นตน เพื่อนในกลุ่มของผมก็เหมือนถูกสาป วัน ๆ เอาแต่โทรตามเมีย ไม่ก็ลากมากกมากอดให้รำคาญสายตา

             “เชื่อสิ สามเดือนก็เบื่อแล้ว”

             “ก็ขอเป็นอย่าสามเดือนแล้วคูณอินฟินิตี้[2]ก็แล้วกัน

             “อวยพรได้ดีมากเพื่อน” ผมแยกเขี้ยวให้เพื่อน แล้วก็ดึงบุหรี่มาสูบเพื่อตัดบทไม่อยากคุยด้วยอีก

             เคลย์หัวเราะทำหน้ายิ้ม ๆ เหมือนมีความสุขมากเหลือเกิน

             “คนนี้ท่าทางจะพิเศษ”

             ผมคิดว่าเรื่องจะจบแล้ว แต่กลายเป็นว่าเคลย์ยังตามแซวไม่หยุด จนผมต้องพ่นควันบุหรี่ออก แล้วหันไปมองมันอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์

             “อะไรอีกวะ” ตอนนี้ผมไม่อยากคุยหรือสะกิดใจคิดถึงแต่เรื่องของชะเอม ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเธอด้วย

             “ก็มึงเอาแต่จ้องโทรศัพท์นี่หว่า อยากเจอก็โทรหาสิวะ” เคลย์บอกแล้วหัวเราะ ผมเลยเพิ่งรู้ตัวว่าโทรศัพท์วางอยู่ตรงหน้า

             และผมกำลังเปิดไลน์ที่ได้บัญชีไลน์ของชะเอมมาแล้ว แล้วก็ลังเลใจว่าจะส่งข้อความไปหาเธอดีหรือเปล่า

             “ฉันไม่ได้อยากเจอซะหน่อย” ผมบอกเสียงขุ่น ไม่ชอบรอยยิ้มที่แต้มมุมปากของไอ้เคลย์เลยแฮะ

             “งั้นมึงก็อยากเซ็กส์ กูพูดผิดมั้ยล่ะ

             “ไอ้บ้าเอ๊ย กูไม่ได้หื่นเหมือนไอ้หมีกามเท็ดดี้นะเว้ย”

             ให้ตาย ร่างกายผมร้อนไปหมดเมื่อคิดถึงรูปร่างอ้อนแอ้น เนื้อตัวนุ่มนิ่มของชะเอมขึ้นมา

             เพราะไม่ต้องป้องกัน แถมเธอก็ยังใหม่เรื่องนี้ ถึงจะไม่เก่งอะไรเลย

             แต่ บ้าเอ๊ยผมกลับรู้สึกว่าเธอหวานยิ่งกว่าหวาน กัดกินทีมันชาวาบขึ้นสมอง และอยากกินแล้วกินอีก กินยังไงก็ไม่ยอมอิ่มเลย

             “เหรอ แล้วแต่มึงแล้วกันนะ น่าสงสารที่ไม่ได้กอดผู้หญิงเป็นตัวเป็นตนเหมือนกูหรือคนอื่น ๆ จะบอกให้นะ กูนอนกอดรินรินทุกคืนแล้วฟินแค่ไหน แต่คนที่สนแต่เรื่องเซ็กส์อย่างเดียวแบบมึงคงไม่เข้าใจหรอกว่ามันอิ่มเอมมากแค่ไหนที่ได้นอนกอดกัน” เคลย์พูดเหมือนมีความรู้มากกว่าใครทั้งนั้น ผมเลยถอนหายใจ

             “มึงพูดถึง after sex เหรอ

             “เชี่ย” เคลย์สบถแล้วก็พูดต่อ

             “ไอ้เหี้ย ถ้ารินรินเป็นเมนส์รึไม่สบาย ก็แปลว่ากูจะไม่กอดรินรินเลยนอกจากเซ็กส์เหรอวะ กูล่ะสงสารผู้หญิงที่มายุ่งกับมึงจริง ๆ กูว่าแต่ก่อนกูเลวมากแล้วนะ แต่ไม่ได้หนึ่งส่วนสี่ของมึงเลย

             “อ้าว ผู้ชายกับผู้หญิงก็มีแต่เรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่ แล้วกูผิด” ผมชี้หน้าตัวเอง แล้วอัดควันบุหรี่เข้าปอดแรง ๆ

             “จริงอยู่ว่าเรื่องนั้นมันเรื่องปกติธรรมชาติของคนเรา แต่กูเป็นคนนะเว้ย ไม่ใช่สัตว์ที่จะไม่รู้สึกอะไรเลย มึงลองกอดใครสักคนหลังจากมีอะไรกันก็ได้ เอ้า กอดเธอจนเช้า ไม่ต้องนานหรอก ไม่ถึงอาทิตย์ก็รู้เรื่องเอง” เคลย์เลิกคิ้วท้าทาย ผมเลยจ้องกลับอย่างไม่เกรงกลัว

             “ถ้ากูไม่ผูกพันล่ะ” ผมส่งสายตากลับไปบ้าง

             “กูให้มึงกินฟรีที่ร้าน เอาเพื่อนมายำที่ร้านกูได้เลย สามเดือนเต็ม ๆ” เถ้าแก่รูปหล่อยื่นข้อเสนอที่แสนเร้าใจให้

             “น่าสนใจดีนี่” ผมยิ้มที่มุมปาก มองหน้าเคลย์อย่างไม่ยอมแพ้

             “แล้วกูจะรู้ได้ยังไง ว่ามึงจะไม่โกหก ไม่นอนกอดผู้หญิงคนนั้น”

             สมแล้วที่ไอ้นี่มันทั้งเก่งทั้งฉลาด แถมเจ้าเล่ห์กว่าใคร วางหมากไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง

             “เรื่องนี้กูรับประกันได้ ถ้ากูบอกยังไงก็จะทำแบบนั้น มึงจะเชื่อกูมั้ยล่ะ

             “งั้นก็สัญญาของลูกผู้ชาย อาทิตย์หนึ่ง แล้วมึงจะรู้ว่าความรักความผูกพันงี่เง่าอะไรนั่นน่ะ ไม่มีจริงหรอก”

             เชื่อสิ ว่ามันไม่มีจริง

    End Damon talk…

     

     

          ฉันถอนหายใจไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่เมื่ออยู่ในลิฟต์ที่กำลังไต่ระดับความสูงไปยังชั้นสูง ๆ ของคอนโดหรู แน่นอนว่ามันเป็นที่พักของเดมอน

             เขาทิ้งคีย์การ์ดเอาไว้ที่ฟรอนต์คอนโดแล้วก็ยกให้ฉันเลย บอกว่าหลังจากนี้จะได้ไปมาได้สะดวกขึ้น คิดแล้วก็สมเพชตัวเองไม่ได้

             อย่างที่รู้ ฉันเป็นแค่เครื่องมือบำบัดความใคร่ของปีศาจร้ายคนนั้น ตอนนี้สามทุ่มและเขาก็เรียกให้มาหา ก็แปลได้ไม่ยากว่าเขาต้องการอะไร

             หัวใจฉันเต้นแรงขึ้น ๆ ทุกทีที่ตัวเลขดิจิตอลสีแดงเปลี่ยน สุดท้ายก็มาถึงชั้นที่พักของเดมอนแล้ว

             ฉันเคาะประตู เดินเข้าไปอย่างหมดแรง ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องยอมเขาถึงขนาดนี้ ทั้งที่จะหนีไปดื้อ ๆ ก็ทำได้ แต่ฉันรู้ว่าคนฮอต ๆ มีแต่ผู้หญิงคอยตามอย่างเดมอนน่ะไม่จริงจังกับฉันหรอก ให้เขาเบื่อแล้วทิ้งฉันไปน่าจะดีกว่า หลังจากที่ถูกทิ้งแล้วเขาคงไม่คอยตามตอแย ถ้าหนี ฉันคิดว่าตัวเองคงจะแย่กว่านี้

             “เชิญเข้ามาเลย” เดมอนไม่อ้อมค้อมมากความ ผายมือให้ฉันเดินเข้าห้องนอนทันทีที่เจอหน้า

             หัวใจของฉันก็เต้นแรงกว่าเดิมจนน่ากลัว ไม่รู้ว่าปีศาจร้ายตรงหน้าจะได้ยินมันเข้าหรือเปล่า

             “เฮ้ ฉันมีบางอย่างที่อยากจะคุยกับเธอหน่อย”

             “อะอะไรเหรอ” ฉันถามอย่างหวาด ๆ ก่อนจะหน้าเสียเมื่อเขาพูด

             “ขอถ่ายรูปตอนเราเสร็จหน่อยได้มั้ย ฉันจะส่งให้เพื่อนดูว่าฉันไม่ได้ไปเที่ยวไหนน่ะ”

             ฉันหน้าชา แทบไม่เชื่อหูว่าเขาจะถามคำถามนี้ให้ได้ยิน

             นี่ฉันคงไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไปหรอกใช่ไหม

             “ไม่ต้องถ่ายหน้าเธอ ไม่ได้ถ่ายภาพเปลือย แค่ตอนที่เธอซบ ๆ ฉัน เอาผมบังทุกอย่างก็จบแล้ว ฉันบริสุทธิ์ใจนะถึงได้มาขอแบบนี้ ไม่งั้นแอบถ่ายตอนไหนก็ได้ตอนที่เธอไม่รู้ตัวไปแล้ว” เขาบอก ฉันก็พูดอะไรไม่ออกเป็นนาน แต่ก็แย้งอะไรไม่ได้เช่นเคย

             “งั้นก็ไม่มีปัญหา มาเถอะ พอดีเที่ยงคืนฉันมีงานต้องไปร้องเพลง”

     

     

             ราวห้าทุ่มกว่าฉันลุกออกจากเตียงของเดมอน สวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ไม่อยากจมร่างกายอยู่บนเตียงนั้นแม้แต่วินาทีเดียว

             ส่วนเจ้าของเตียงเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำก็หันมามองแล้วเลิกคิ้วถาม

             “ไม่นอนที่นี่เหรออืม ก็ดีเหมือนกัน ฉันไม่ชอบนอนกับใครจนถึงเช้า” เขาบอกอย่างไร้หัวใจ

             ฉันเองก็ไม่ได้หวังอะไรจากคนอย่างเขาอยู่แล้ว พอเก็บของเสร็จก็ต้องหน้าร้อนเหมือนถูกสาดด้วยน้ำกรดเมื่อเดมอนเดินเข้ามาใกล้ และส่งเงินให้ห้าร้อยบาท

             “ค่าแท็กซี่ เดินทางกลับดี ๆ ล่ะ ชะเอม

             ไม่ว่าเดมอนจะโหดร้าย ใจร้ายกับฉันมากแค่ไหน แต่สิ่งที่ทำฉันเสียน้ำตานั้นเป็นคำพูดร้ายกาจของเขาที่ให้เงินค่าแท็กซี่มานี่แหละ ฉันเช็ดน้ำตาป้อย ๆ อย่างน่าสมเพช กลับมาถึงห้องฉันก็ตีอกชกหมอนด้วยความหงุดหงิดโกรธเกรี้ยวที่สู้ผู้ชายคนนั้นไม่ได้เลย

             “บ้า บ้า คนเลว!

             ขนาดหมอนนุ่ม ๆ ฉันก็ยังชกมันจนมือแดง

             ทั้งโกรธทั้งอายที่ตัวเองเป็นเหมือน เหมือนหมอนข้างที่จะระบายอารมณ์ใส่ยังไงก็ได้อย่างนั้นแหละ

             ทำไมเขาถึงได้ร้ายขนาดนั้น ฉันเองก็ไม่ได้ทำอะไรเขาไม่ใช่เหรอ จะว่าเดินไปเหยียบเท้าเขาก็ไม่น่าจะใช่ด้วย แล้วทำไมเขาถึงต้องทำแบบนี้

          ฉันเหนื่อยและเพลียมาก แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะนอนไม่หลับ ฉันกระสับกระส่ายทั้งคืนด้วยความเครียดที่แทบจะทำให้กระเพาะทะลุได้

             ป่านนี้เดมอนคงทำเรื่องที่ปีศาจทำกันด้วยการเอารูปของฉันไปป่าวประกาศในกลุ่มเพื่อนของเขาแล้วละ เพราะเขาถ่ายรูปของฉันไปด้วย

             ถึงจะไม่ใช่รูปถ่ายเปลือยหรืออยู่บนเตียง

             แต่ว่า นั่นก็คือรูปของฉัน

          ให้ตายเถอะ มันให้ความรู้สึกปั่นป่วนยากเกินจะบรรยายได้ ในหัวมีอย่างเดียวที่มันกรีดร้องว่า เกลียดเดมอน เกลียดตัวเอง และเกลียดทุกคนที่รู้เรื่องนี้ ใครบ้างที่รู้เรื่องนี้ ทุกคนเลย ทุกคนทั้งหมดนั่นแหละ

             สุดท้ายฉันก็ซบหน้าลงกับหมอน ร้องไห้ด้วยความอัดอั้นตันใจ ไม่สนว่ามันจะเปื้อนน้ำมูกน้ำตา ฉันอยากจะระบายความเจ็บออกมาเท่านั้น นี่มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของฉันที่ต้องมาเจอกับปีศาจร้ายอย่างเดมอนด้วย

             ฉันร้องไห้จนเหนื่อยแล้วก็เผลอหลับไป ตื่นขึ้นมาตอนเช้าดวงตาบวมแดงก่ำไปหมด แถมรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้อีกต่างหาก จะนอนต่อก็ไม่ได้เพราะซันโทรให้ออกไปทำงาน ฉันก็เลยต้องหอบหิ้วเอาโน้ตบุ๊กไปมหาวิทยาลัยอย่างทุลักทุเล

             “ทำไมหน้าโทรมแบบนั้น!” ซันทักอย่างตกใจทันทีที่เราเจอกัน

             “ไม่สบายน่ะ” พอตอบซันไปนั่นแหละ ฉันถึงเพิ่งได้รู้ว่าตัวเองเสียงแหบพร่ามากแค่ไหน เพราะไม่ได้คุยกับใครเลย

             เสียงแหบ ๆ นั่นทำให้ซันยิ่งตกใจ เขารีบดึงแขนให้ฉันนั่งลงแล้วก็ยกมือทาบหน้าผากของฉันไปด้วย

             “โหย ตัวร้อนจี๋มากเลยนี่ ทำไมไม่บอกก่อนว่าเป็นไข้ จะได้ไม่ต้องมา” เขาอย่างไม่พอใจ ชักสีหน้าใส่ฉัน

             “ฉันคิดว่าคงเป็นแค่หวัดธรรมดา” ฉันบอกเสียงพร่า มึนหัวไปหมด แต่ก็พยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติ

             “ทำยังไงดีเนี่ย”

             “ทำงานต่อเถอะ ไม่มีอะไรหรอก” ฉันบอกกับซันเพื่อไม่ให้เขากังวล

             เพราะหวัดแค่นี้ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก ละมั้งนะ

             “ยังจะทำงานต่อได้อีกนะ ไม่รู้เลยเหรอว่าหน้าแดงตัวร้อนมากแค่ไหน” เขาดุ ทำหน้าไม่พอใจมาก

             “เธออย่ามาดื้อนะ ถ้าซายะรู้ว่าเธอเป็นแบบนี้ ฉันนี่แหละจะโดนด่า” ซันทำท่าสยอง

             ก็อย่างว่าละนะ เห็นซายะสายแบ๊วแบบนั้นก็แค่รูปลักษณ์ภายนอก ตัวจริงน่ะ โหดร้ายเอาเรื่องเลย แถมซายะก็เป็นเพื่อนสนิทของฉันด้วย ซันก็เลยเป็นห่วงฉันด้วย

             บนโลกนี้ ฉันไม่ต้องการอะไรเลย นอกจากเพื่อนที่ห่วงใยจากใจจริงสักคน ที่ไม่ทำร้าย หรือหัวเราะเยาะฉันลับหลัง มันเป็นสิ่งที่ฉันอยากได้มากที่สุดแล้ว

             “ซัน คืนนี้ไปดูบอลกับพวกกูมั้ย?” เสียงทุ้มต่ำของใครบางคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ทำให้ซันหันไปมองและไม่ได้ซักไซ้ฉันอีก และเสียงนั้นก็รั้งให้สายตาของฉันมองตามไปด้วย

             คนที่พูดนั้นเป็นหนุ่มหน้าตาดี ตัวสูงโปร่งแต่ก็ไม่ได้เก้งก้าง รูปร่างของเขาไม่ต่างจากนักกีฬา และที่สำคัญ เขาหน้าตาดีอย่างหาตัวจับได้ยากคนหนึ่ง

             “ไง ภูริช” ซันทักทายเขาคนนั้น คงสนิทกันมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่เรียกกันอย่างนั้นแน่

             “ยังมาทำงานอีกเหรอวะ” เขาคนนั้นนั่งลงตรงกันข้ามกับที่เรานั่งอยู่ ทำให้ฉันได้สบตากับเขาและส่งยิ้มให้แวบหนึ่ง

             ชื่อ ภูริช สินะ เป็นคนที่ดูดีไม่ต่างจากเดมอน แต่ดูอ่อนโยนเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าหลายเท่า

             แต่เดี๋ยวก่อน ทำไมต้องคิดถึงผู้ชายคนนั้นขึ้นมาอีกล่ะ ไม่เข้าใจตัวเองเลย

             “เออดิ แต่งานชิ้นสุดท้ายละ แล้วก็ว่างยาวเลย คืนนี้กูก็อยากไปนะ แต่กูต้องทำงาน เพื่อนกูไม่ค่อยสบายด้วย” ซันตอบ เขาคนนั้นเลยหันมามองฉัน

             “หมายถึงผู้หญิงคนนี้” เขาชี้มาทางฉัน ซันเลยพยักหน้าแล้วก็ดุฉันไปด้วย

             “ช่ายทำไมไม่บอกแต่แรกว่าไม่สบาย อากาศแถวนี้ยิ่งร้อน ๆ อยู่ด้วย”

             “ฉันอยากช่วยทำงานให้เสร็จนี่” ฉันบอก แล้วก็ยิ้มให้กับเขาอีกครั้ง

             “เออ นี่เพื่อนฉันเรียนคณะด้วยกันทำงานด้วยกันมาตลอดชื่อชะเอมเอม นี่ก็เพื่อนฉันเหมือนกัน เรียนคณะเดียวกันแต่คนละเมเจอร์ ไม่รู้เธอเคยเห็นหน้ามันรึเปล่า ชื่อภูริช” ซันแนะนำให้เราสองคนรู้จักกัน ฉันก็เลยต้องยิ้มแหย ๆ ให้กับภูริชอีกครั้ง

             นอกจากชื่อจะเพราะแล้ว ยังเข้ากับเขามาก ๆ ด้วย เหมือนมันจะแปลในหัวเลยว่าเขาดูสงบ ใจเย็น อบอุ่น แล้วก็ดูพึ่งพาได้ คนละความรู้สึกกับปีศาจร้ายเดมอนเลย

             แต่เดี๋ยวนะ ทำไมฉันต้องไปคิดถึงผู้ชายคนนั้นอีกแล้วละ ฉันต่อว่าตัวเองแล้วก็เริ่มกางหนังสือ

             “ฉันว่าเธอควรกลับไปนอนพักจะดีกว่านะ” ซันจ้องหน้าฉันดุ ๆ แต่ฉันก็ไม่อยากทิ้งงานเอาไว้อย่างนี้นี่

             “แล้วงานล่ะ เราช้ากว่าคนอื่นมากเลยนะ” ฉันพูดอย่างกังวล ยังไม่ได้ทำอะไร ภูริชก็ดึงเอาหนังสือไปจากมือของฉันซะอย่างนั้น

             “ยังต้องทำรายงานพวกนี้อีกเหรอเนี่ย ไอ้พวกนี้เราเคยทำกันตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วไม่ใช่เหรอ”

             “ก็ไม่รู้กับอาจารย์เหมือนกัน อย่างว่าแหละ” ซันหัวเราะ ฉันเลยได้แต่ทำหน้ามึน ๆ กับสองหนุ่ม

             “กูจะไปซื้อน้ำ ไปด้วยกันมั้ย” ภูริชคืนหนังสือมาให้แล้วหันไปคุยกับซัน

             “พักสายตาไปก่อนก็แล้วกัน อยากได้อะไรมั้ย” ซันถามอย่างเป็นห่วง แต่ฉันเลือกจะส่ายหน้าปฏิเสธไป

             “เดี๋ยวมา ไปเหอะภูริช”

             พอสองหนุ่มออกห่างไปฉันก็ครางแล้วก็ซบหน้าลงกับโต๊ะ อาการปวดหัวที่รุมเร้าทำเอาขยับตัวปแทบไม่ไหว

             ไม่รู้ว่าไข้กายกับไข้ใจอันไหนมันทรมานและหนักหนากว่ากัน แต่สำหรับฉันแล้ว ไข้ใจนี่มันสุดยอดจริง ๆ

             ฉันเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ เหมือนว่าได้พักผ่อนจนรู้สึกดีขึ้นแล้วนั่นแหละ ถึงได้รู้สึกตัวว่าฉันเผลอหลับไปนานมาก มีเสื้อแจ็กเก็ตของซันพับแทนหมอนให้หนุน แล้วก็มีเสื้อตัวนอกของภูริชคลุมตัวให้ นอนเหยียดบนม้านั่งตัวยาวที่ที่เรานั่งทำงานกันตั้งแต่แรก

             “เอ่อทำไมไม่ปลุกฉันล่ะซัน” ฉันบอกเสียงตะกุกตะกัก ดึงเสื้อที่คลุมตัวแล้วส่งคืนเจ้าของ

             “ขอบคุณนะคะภูริช” ฉันรู้สึกเหมือนสู้หน้าเขาไม่ค่อยได้ สายตาของผู้ชายคนนี้มันแปลกประหลาดซะจนไม่กล้าสบตาด้วยนาน ๆ

             “เรียกริชเฉย ๆ ก็ได้ อย่าเรียกชื่อเต็มเลย ฟังแล้วขนลุกยังไงไม่รู้ เสื้อน่ะใส่ไว้ก่อนเถอะ ตัวเธออุ่น ๆ เดี๋ยวจะยิ่งแย่กว่าเดิม” เขาส่งยิ้มให้ ดูใจดีจนทำให้ลืมความร้ายของเดมอนได้นิดหน่อย ฉันเลยได้แต่ขอบคุณ ทำอะไรไม่ถูกเลยเอาวางบนตักเอาไว้ก่อน

             “แล้วงานไปถึงไหนแล้ว ฉันหลับไปนานรึเปล่า” ฉันถามซันอย่างเกรงใจ ที่ช่วงนี้ไม่ได้สนใจเรื่องงานเลย

             มัวแต่เอาเวลาไปเฮ้อ ช่างเถอะ ไม่มีเดมอน ป่านนี้ที่ห้องพักก็อาจจะถูกตัดน้ำตัดไฟไปแล้ว

             “ก็ไม่นาน ประมาณชั่วโมงเดียว ริชมันช่วยวิเคราะห์เขียนให้แล้ว ฉันก็นั่งพิมพ์อยู่นี่ไง” ซันยิ้มกว้าง แต่ฉันนี่หน้าเสียไปแล้ว

             “คือ ขอโทษ ทำไงดี ฉัน

             “เอาน่า ไม่ได้หนักหนาอะไรเลย คืนนี้ฉันจะลากไอ้ซันไปดูบอลด้วยกันน่ะ เธอดีขึ้นแล้วเหรอ” ภูริชถาม ฉันก็พยักหน้าให้

             ไม่รู้สิ ฉันไม่ชินกับผู้ชายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไล่มาตั้งแต่เรื่องของคีย์ เดมอน มันเลยเกิดความคิดแปลก ๆ ในหัวทันทีที่เห็นหน้าผู้ชายหน้าตาดี ๆ น่ะ

             “ก็ดี” ภูริชพูดก่อนจะส่งกระดาษให้กับซันไป

             “มึงเอาไปพิมพ์ต่อทีหลัง ไปดูบอลกันดีกว่าป่ะ คืนนี้บิ๊กแมตช์ด้วย”

             “เออ รู้แล้วครับ รู้แล้ว” ซันเริ่มเก็บของ ฉันเลยต้องเก็บของตามอย่างช่วยไม่ได้

             “เออ แล้วเอมจะไปไหนต่ออะ กลับห้องเลยเหรอ” ซันหันมาถามฉัน เมื่อเราเก็บของกันเรียบร้อยแล้ว ฉันตั้งใจว่าจะคืนแจ็กเก็ตให้ภูริชเลยไม่มีโอกาสซะที

             “ก็น่าจะอย่างนั้นแหละ แต่ว่า” ฉันมองภูริชอย่างไม่ค่อยสบายใจ เขาทำงานแทนฉัน แต่ฉันไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยขอโทษหรือขอบคุณ มันเป็นการกระทำที่แย่มากจริง ๆ

             “ฉันยังไม่ได้ขอบคุณพวกนายเลย”

             “ขอบคุณทำไมล่ะ งานยังไม่เสร็จนี่ อีกอย่างงานนี้ส่งช้าก็ไม่เป็นอะไร อาจารย์บอกว่าขอให้ทำให้ดี ๆ จะส่งเดือนหน้าก็ไม่เป็นไร” ซันบอก เขาคงไม่เป็นไรหรอก

             แต่ภูริชนี่สิ ฉันไม่เคยรู้จักกับเขาเลยนะ จู่ ๆ ให้เขามาทำงานแทนแบบนี้ มันจะดีเหรอ

             “เอ่อ

             “เข้าใจละ” ภูริชส่งยิ้มให้ ฉันไม่เคยเห็นใครดูใจดีแบบนี้นอกจากซันมาก่อน

             “เธอเกรงใจฉันใช่มั้ยล่ะ งั้นเอางี้สิ เลี้ยงข้าวฉันมื้อนึง ก็หายกัน ไม่ต้องติดใจคิดมากอะไรอีก”

             “ช่าย! ไปกินข้าวด้วยกันก่อน ป่ะ ไปกัน หิวแล้ว”

             ด้วยเหตุนั้นแหละ ฉันเลยต้องเข้าร้านอาหารและไปนั่งกินข้าวกับสองหนุ่มรูปหล่อ บรรยากาศอึดอัดแปลก ๆ นิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วก็สนุกดีเหมือนกัน

             มันดีกว่าตอนที่อยู่คนเดียวหรืออยู่กับเดมอน มากเลยละ

     

     

          ฉันตากเสื้อหลังจากที่ซักเสร็จแล้ว หนึ่งในนั้นมีเสื้อแจ็กเก็ตของภูริชติดมาด้วย อากาศในร้านอาหารค่อนข้างเย็น ทั้งซันและภูริชเลยบังคับให้ฉันสวมเสื้อไว้ตลอด

             และที่น่าแปลกใจอีกอย่าง คือราคาอาหาร เราไปกันสามคน ร้านก็ดูหรูหรามากด้วย หน้าฉันคงบอกความกังวล ซันกับภูริชก็น่าจะช่วยจ่ายให้ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ราคาถูกขนาดนั้นแน่

          แต่อย่างน้อย ในหัวของฉันก็ไม่ได้คิดถึงแต่เรื่องของเดมอนอีก ตอนที่ตากผ้าอยู่ฉันเลยยิ้มได้นิดหน่อย

             แต่รอยยิ้มของฉันเริ่มหายไป เมื่อได้ยินเสียงไลน์ดังขึ้น เลยรีบตากผ้าให้เสร็จแล้วก็เดินออกไปดู เผื่อว่าจะเป็นเรื่องด่วนมาจากซันหรือซายะ

     

             Damon T. :: ไปกินข้าวข้างนอกมาเหรอ อร่อยรึเปล่า

     

             ฉันตกใจกับข้อความที่ถูกส่งเข้ามา จำไม่ได้ว่ามีไลน์ของเดมอนตั้งแต่ตอนไหน

             แต่ที่กลัวที่สุดคือเขารู้ได้ยังไง ว่าฉันออกไปกินข้าวข้างนอกมา แถมไปกับผู้ชายด้วย

             แต่เดี๋ยวนะชะเอม ทำไมต้องไปคิดมากด้วยว่าเขาจะคิดอะไร ในเมื่อเขาพูดออกมาเองว่าฉันจะคบกับคนอื่นก็ได้ แต่ต้องนอนกับเขาจนครบเวลาสามเดือน

     

          Damon T. :: ร้านนั้นแพงเอาเรื่องเลยนะ เอาเงินที่ไหนไปจ่ายเหรอ 500 ไม่น่าจะพอนะ

             Damon T. :: อ้า นึกออกแล้ว เธอได้เงินจากฉันไปก็เยอะนี่นะ เหลืออยู่เท่าไหร่ล่ะ อยากได้เพิ่มมั้ย

     

             ฉันแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้งด้วยความเจ็บใจและอับอาย ถึงจะไม่ได้ตอบกลับแต่ก็อ่านทุกข้อความ เพื่อเตือนว่าทีหลังอย่าได้โง่ทักผู้ชายสุ่มสี่สุ่มห้าอีกเป็นอันขาด

     

             Damon T. :: คืนนี้ฉันจะไปข้างนอก ไม่ต้องแวะมาหานะ bye~

     

          ฉันกัดปากแน่น โล่งอกที่เขาไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นคงต้องเสียน้ำตามากกว่านี้แน่ ฉันเขวี้ยงโทรศัพท์ลงกับเตียงอย่างแค้น ๆ

             นี่ ฉันทำอะไรลงไป เรื่องทุกอย่างถึงได้เป็นอย่างนี้

             แน่ใจว่านี่ไม่ใช่จุดจบหรอก แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

     

     

    Damon’s talking…

          ผมนั่งดื่มกับเพื่อนได้ในรอบเกือบหนึ่งเดือน

             วันนี้ทุกคนปลีกตัวจากภรรเมียมาได้ เพราะมีฟุตบอลคู่สำคัญเลยมารวมตัวกันที่ร้านของไอ้เคลย์โดยที่ไม่ต้องนัดหมาย เป็นอันรู้กันอยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องมาเชียร์บอลและนั่งดื่มด้วยกัน

             อารมณ์ผมมันกรุ่น ๆ ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตอนนี้เลยเหมือนจะปะทุ เมื่อเห็น ผู้ชาย ที่ยัยชะเอมโง่งมนั่งมากินข้าวด้วยเมื่อตอนบ่าย

          โอเค้ หมอนั่นหน้าตาดี รูปร่างดี และดูเหมือนจะเป็นคนดีแบบที่ผู้หญิงทั่ว ๆ ไปน่าจะชอบ

             ยัยตัวโง่งมอย่างชะเอมน่ะ คงหลงอย่างไม่ต้องสงสัย ผมถามไอ้เคลย์เรื่องที่ชะเอมมาที่นี่ แล้วก็ได้คำตอบว่า ไอ้หน้าหล่อคนนั้นเป็นคนจ่ายเงินมากกว่าครึ่งหนึ่งของค่าอาหารที่ทานกันเมื่อตอนบ่าย

             จะอ้วก เงินแค่พันกว่า จะมาสู้สามหมื่นได้ไงวะ

             “เอ้า วันนี้ก็หน้าหมา เอ๊ย หมาง เป็นอะไรวะ” เคลย์หัวเราะระหว่างที่เดินออกมานั่งรวมกลุ่มกับพวกเรา

             “เด็กมึงน่ารักดีนี่หว่า ไม่หลงจริงอะ”

             “เชี่ยเคลย์!

             เท่านั้นแหละ ทุกคนในกลุ่มเลยรู้กันหมดว่าตอนนี้ผมมีผู้หญิงคุยด้วย

             กว่าจะทำให้พวกมันหยุดโวยวายได้ก็เหนื่อยแทบแย่ ผมไม่ชอบที่สุดคือการถูกแหย่นี่แหละ ให้ตายเถอะ

             “ก็ในเมื่อมึงมีเด็กอยู่แล้ว ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยวะ” ซีฟพูดยิ้ม ๆ แต่ผมไม่ออกความเห็น นอกจากดื่มเงียบ ๆ ต่อ

             “ทะเลาะกันเหรอ เรื่องนี้มันเรื่องธรรมดามาก” ซิมมอนส์หัวเราะ คนอื่น ๆ เลยพากันหัวเราะตามไปด้วย

             มันน่าขำเหรอ ที่ผมกำลังหงุดหงิดอยู่เนี่ย

             “กูไม่ได้ทะเลาะกับผู้หญิงหรอก แต่บังเอิญ มีไอ้หน้าโง่คนหนึ่ง เสือกเข้ามายุ่งกับผู้หญิงของกูต่างหาก” ผมพูดเสียงแข็ง

             บังเอิญไอ้บ้าคาร์ลมันโยนป๊อบคอร์นเล่น ปาใส่คนอื่นไปทั่ว และมันไปถูกผู้ชายคนนั้นเข้าพอดี

             หมอนั่นหันมา แล้วก็สบตากับผม เราสองคนจ้องกันอยู่นานจนคนอื่น ๆ เริ่มเงียบไป

             “มองหน้าทำไมเหรอ มีปัญหาอะไรรึเปล่า?” หมอนั่นถาม เลิกคิ้วมองผมอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

             “ปัญหาเหรอ ก็เหมือนจะมีอยู่เหมือนกันนั่นแหละ

             หลังจากที่พูดจบก็เกิดเสียงดังอื้ออึง เมื่อหมอนั่นขยับตัว แล้วหันมามองผมทั้งตัว

             “เฮ้ย เดมอน ใจเย็น มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดกัน” เคลย์เริ่มห้าม แต่ผมไม่สนใจ ขยับตัวนั่งตรงแล้วก็ยิ้มที่มุมปาก

             “ฉันขอเตือนอะไรหน่อยนะ อย่ายุ่งกับผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้ว

          ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ยังไงยัยตัวโง่นั่นก็คือของของผม

          ที่สำคัญยังไม่ได้เอาทุนคืนมาเลย ไม่มีทางที่จะให้คนอื่นฉกไปง่าย ๆ แน่

             “งั้นเหรอแล้วถ้าฉันจะยุ่งล่ะ นายมีปัญหาอะไรมั้ย”

             “ภูริช! อย่ามีเรื่องกันเลยว่ะ” เพื่อนของหมอนั่นพยายามห้าม

             ผมก็เหมือนจะจำได้ราง ๆ ว่าคนพูดน่ะ เคยนั่งทำงานกับชะเอมที่คณะ

          “ไม่เป็นไรซัน เรื่องแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก ส่วนนายชื่อเดมอนใช่มั้ย ผู้หญิงที่ว่าน่าจะเป็นชะเอมละสิ ขอโทษนะ ฉันว่า ผู้หญิงคนนั้น น่าจะชอบฉันเข้าแล้วละ

     

     

     



    [1] ภาษาพาร์เซล (Parseltongue) เป็นภาษาหนึ่งในเรื่องแต่งชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์, ได้รับการกล่าวถึงครั้งแรกในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับห้องแห่งความลับ ซึ่งเป็นภาษางู ตามท้องเรื่องเชื่อกันว่าภาษาพาร์เซลมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ศาสตร์มืด

    [2] อินฟินิตี้ (Infinity) ความไม่มีที่สิ้นสุด



    อัปได้ถึงเท่านี้นะคะ ฝาก E-Book ไว้ด้วยนะคะ

    กดที่รูปปกใหม่เพื่อซื้อได้เลย

    ขอบคุณจากใจค่ะ

    หรือ >>Click!!<<



    http://40.media.tumblr.com/b82e1612b9d2772d8569534da50a6b68/tumblr_nq54f5x2s81qbetfwo2_1280.jpg
    http://40.media.tumblr.com/08deb04b48e8bdb78dbb70a22d26054d/tumblr_nq54f5x2s81qbetfwo3_1280.jpg
    http://40.media.tumblr.com/9531f2315ea33708e1ba9a729a9d5bc9/tumblr_nq54f5x2s81qbetfwo7_r1_1280.jpg

     



     

    Talk 1...

    Song :: Skrillex & Diplo - Where Are Ü Now (feat. Justin Bieber) (Autolaser Remix)

    เอม เอ๊ย เอมจะรอดจากปีศาจร้ายรึเปล่าเนี่ย

    มาโกหก ผช เซตนี้ไม่ได้นะ อีพวกนี้ฉลาดเป็นกรดเลย

    พวกมันร้ายกาจไม่มีใครเกินเลยล่ะ

    แถมอีเดมอนหื่น เถื่อน กว่าคนอื่นๆ ในเซตด้วย

    ตอนหน้า ชะลาล่าแล้วล่ะค่ะ ฮืออออ

    ปล อิมเมจเดมอนคือ Zhang Lun Shuo ค่ะ

    ฮอตแดมมมมมมมมมมมมมมมม มาก แม่จ๋า 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×