ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Roman Santa ทฤษฎีรักปล้นหัวใจนายหล่อร้าย

    ลำดับตอนที่ #7 : Roman Santa 🎁 eps. 03 The Day I Slipped Away...100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 26.19K
      115
      15 ส.ค. 64



    3

    The Day I Slipped Away

    (...100%)


      

             หลังจากที่มั่นใจว่าคนใจร้ายหลับแล้ว ฉันก็ค่อย ๆ เดินลงจากเตียงอย่างเงียบกริบ รู้สึกเหมือนอยากจะฆ่าตัวตายไปให้พ้น ๆ สักที ฉันเดินเซออกมาจากห้องแล้วก็ปิดประตูลงให้เบาที่สุด แล้วก็สังเกตเห็นว่ามีใครสักคนกำลังนั่งยอง ๆ สูบบุหรี่อยู่หน้าทางเดินตรงหน้า

             เกียร์น่ะ

           “ไง” เขาพ่นควันสีขาวขุ่นออกมาแล้วก็หันมามองด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก

             ตอนนี้ฉันไม่มีเรี่ยวแรงที่จะมาต่อปากต่อคำกับคนคนนี้แล้วล่ะ ได้แต่ยกมือขึ้นถูริมฝีปากของตัวเองก่อนจะเดินผ่านหน้าเขาไป แต่เกียร์รั้งข้อมือฉันเอาไว้ซะก่อน

             “นั่งก่อนสิ เดินจะไม่ไหวอยู่แล้วนี่” เขาบอกแล้วก็ดึงแขนฉันให้นั่งลงอย่างที่พูด

             เพราะร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงทำให้ฉันถูกฉุดให้นั่งลงข้าง ๆ ฉันเองก็สับสนเกินกว่าจะคิดหรือจะทำอะไรได้ จึงนั่งลงอย่างหมดแรง

             “วันนี้ฟ้าโปร่ง ดูดาวสิ เคยเห็นมั้ย ที่ที่ดาวเยอะอย่างนี้น่ะ”

             ฉันเองก็เงยหน้าทันทีเมื่อได้ยินเขาพูด

             ดึกมากแล้วสินะ พอมองหมู่ดาวบนท้องฟ้าก็นึกถึงคำพูดของใครสักคนขึ้นมาได้ ที่ว่าเราทุกคนต่างมาจากดวงดาวดวงหนึ่งที่อยู่ไกลโพ้น แล้วดวงดาวของฉันล่ะ มันอยู่ที่ไหนกัน ฉันชันเข่าขึ้นแล้วก็วางมือทั้งสองข้างลงไปก่อนจะเหม่อมองไปฟ้าไกล

             แปลกนะ ก่อนหน้านี้ฉันกับเกียร์ยังพูดจาไม่ดีต่อกันอยู่เลย แถมฉันยังตบหน้าเขามาแล้วด้วย แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าเรามานั่งอยู่ด้วยกันซะอย่างนั้น

             “เธอเกิดวันคริสต์มาสสินะ” เขาถามแล้วก็เอาบุหรี่บี้กับพื้น

             “อือ” ฉันบอกแล้วก็แนบหน้าลงที่เข่าอีกทับหลังมือตัวเองที

             “แต่ช่วงนี้หมู่ดาวของเธอยังไม่เห็นนะ ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงของหมู่ดาวสิงโตน่ะ ลีโอน่ะ รู้จักมั้ย?” เขาถาม และฉันก็ส่ายหน้าไปมา ฉันจะไปรู้จักได้ยังไงกัน

             “ฉันเกิดราศีนี้น่ะ” พูดจบเกียร์ก็หยิบถุงพลาสติกข้างตัวมาวางตรงหน้า

             ฉันมองตามเสียงที่ได้ยินก็เห็นเขากำลังหยิบไอศกรีมแท่งออกมา และยื่นให้ฉันแท่งหนึ่ง ฉันมองอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ยื่นมือไปรับมา จัดการแกะถุงแล้วเหม่อมองไปบนท้องฟ้า

             “หมู่ดาวสิงโตเหรอ ไหนล่ะ” ฉันถามออกไปราวกับเสียงละเมอ

             เกียร์แกะถุงไอศกรีมของตัวเองบ้างก่อนจะกัดมันไปครึ่งหนึ่งของแท่ง มือของเขาก็ชี้ไล่ไปบนฟ้าเรื่อย ๆ เหมือนกำลังหาดาวที่ว่านั่นอยู่

             “อือ นั่นคันไถ แล้วลีโออยู่ไหนเนี่ย?” เขาบ่นงึมงำมาจนฉันอดที่จะยิ้มไม่ได้

             “นั่นไง! นั่นน่ะ” เขาชี้ไปบนฟ้าตรงจุดจุดหนึ่ง

             บอกตามตรงว่าฉันก็ไม่รู้ว่าเกียร์ต้องการจะชี้ตรงไหนกันแน่ สายตาแค่มองตามปลายนิ้วชี้ของเขาไปแล้วก็พยักหน้าไปมา

             “เธอเป็นราศีมกรสินะ” พูดแล้วเกียร์ก็หัวเราะคิกคักเหมือนอารมณ์ดีเหลือเกิน

             ฉันไม่ค่อยเข้าใจนักเลยดึงไอศกรีมออกจากปากแล้วก็หันไปมองเขาบ้าง

             “มีอะไรเหรอ”

             “ฉันน่ะราศีสิงห์เจ้าแห่งสัตว์ป่า แต่เธอน่ะมกร มังกร กึ่งเทพกึ่งสัตว์ฟังแล้วพิลึกชะมัด”

             บอกตามตรงว่าฉันไม่ค่อยเข้าใจที่เกียร์พูดเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากฟังอย่างเดียว

             “ส่วนของโรมน่ะ พิจิกน่ะ แมงป่อง ฮ่า ๆ เป็นสัตว์กันหมดเลยแฮะ” เขาพูดแล้วก็หัวเราะชอบใจอยู่คนเดียว

             นี่เราสองคนยังนั่งอยู่หน้าทางเดินอยู่เลยนะ ดีไม่ดีเสียงหัวเราะของเกียร์อาจจะปลุกเสือร้ายอย่างโรมตื่นขึ้นมาอีกทีก็ได้

             “ราศีนี้น่ะ รูปร่างหน้าตาโดดเด่นสะดุดตา ว่ามั้ย”

             “มั้ง” ฉันก็ครางตอบในคอเสียงแผ่วเบา กัดไอศกรีมเข้าปากอีกคำหนึ่ง

             “เรี่ยวแรงดุจช้างสาร ใช้สายตามากกว่าคำพูดแสดงสีหน้าเก่ง”

             “อาฮะ” ตรงหมดทุกอย่างเลยจริง ๆ

             “ชอบผูกพยาบาท อาฆาตริษยา แล้วถ้ายึดติดอะไรก็จะยึดติดอย่างแรงกล้า น่ากลัวใช่มั้ย”

             แน่นอน โรมันไม่มีอะไรที่ไม่น่ากลัวเลย

             “แล้วทำไมนายรู้เรื่องพวกนี้ดีจัง” ฉันถามแล้วก็เอาไม้ไอศกรีมที่กินหมดแล้วขีดพื้นเล่นอย่างว้าวุ่นใจ

             นั่งคุยกับเกียร์ก็ดีเหมือนกันนะ ถ้าฉันกลับไปนอนฉันต้องร้องไห้แน่ และคงนอนไม่หลับจนถึงเช้าวันใหม่ มันทรมานน่าดูเลยล่ะ

             “ก็ผู้หญิงที่ฉันรู้จักน่ะ ส่วนมากชอบดูดวงอะไรพวกนี้มากฉันเลยอยากรู้ว่าจะเป็นยังไง ก็เลยอ่านมาบ้างแต่บางอย่างก็จริงอย่างเหลือเชื่อ”

             เกียร์พูดแล้วยื่นมือมาจับปลายเส้นผมที่ยาวถึงกลางหลังของฉัน

             “ส่วนของฉันน่ะ ลีโอ อยากรู้มั้ย?

             “ไม่เห็นจะอยากรู้เลย” ฉันบอกแล้วก็เบือนหน้าไปทางอื่น

             “เธอนี่หยิ่งสมเป็นสาวมังกรจริง ๆ ให้ตายเถอะ” เกียร์พึมพำ

             “แต่ฉันก็จะเล่าให้ฟัง สิงโตน่ะ เกิดมาเพื่อเป็นเจ้าแห่งสัตว์ ฉันเป็นผู้นำ มองโลกในแง่ดี โกรธง่ายแต่หายเร็วเป็นมิตรกับทุกเพศทุกวัย”

             โกหกชัด ๆ ตอนที่เจอกันตอนแรก เขายังทำท่าเหมือนจะเข้ามางับคอฉันเลยด้วยซ้ำไป

             “ฉันคุยสนุก มีเพื่อนเยอะแล้วก็ออกจะเจ้าชู้นิด ๆ”

             “อือ” ฉันครางแล้วก็เหม่อมองไปทางอื่น

             “เธอไม่สบายใจเรื่องโรมใช่มั้ย” แล้วจู่ ๆ เกียร์ก็เปลี่ยนเรื่องได้อย่างรวดเร็ว

             ฉันเกี่ยวเอาเส้นผมที่ถูกลมพัดปลิวให้ทัดหูตัวเองก่อนจะถอนหายใจ ไม่รู้ว่าควรจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟังดีไหม

             “มีเรื่องอยากถาม” ฉันหันไปยิ้มให้เกียร์ ก็เห็นว่าเขาทำท่าไม่สบายใจแต่ก็พยักหน้ารับคำพูดของฉัน

             “นายคิดว่าไงกับเรื่องอินเซส[1]

           ฉันเห็นหน้าของเกียร์เปลี่ยนสีไป ถ้าความมืดสลัวไม่ได้ทำให้ฉันตาฝาดไปแล้วละก็นะ เขาทำหน้าอย่างนั้นจริง ๆ ฉันยิ้มให้แล้วก็รอคำตอบ

             “ว่าไงเกียร์”

             “เรื่องแบบนี้เหรอ เฮ้! เธอกำลังทำฉันหลอนนะ” ท่าทางของเกียร์ดูไม่สบายใจอย่างมาก ฉันอยากหัวเราะแต่มันขำไม่ออก

             เกียร์บอกว่าเป็นเพื่อนสนิทของโรมัน แต่ทำไมเขาถึงไม่รู้ว่าโรมันมีน้องสาวล่ะ หรือโรมันไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเกียร์เลยนะ

             ฉันนี่นะ จะหวังอะไรจากคนอย่างโรมันล่ะ

             ถ้าเขาเห็นว่าฉันเป็นน้องสาว เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้

     

     

             “เรื่องแบบนี้มันอ่อนไหวนะ” เกียร์พูดเสียงเบาลงแล้วก็จ้องหน้าฉันไปด้วย

             “มีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะเล่าให้ฟัง มันเป็นเรื่องจริงเลยนะ เพื่อนฉันไปได้ยินมาน่ะ”

             ฉันพยักหน้ารับอย่างเลื่อนลอย แต่ก็ยังตั้งใจฟังอย่างดี

             “ก็มีครอบครัวหนึ่งพ่อ แม่ ลูกชาย ลูกสาว อยู่ด้วยกันสี่คน” เกียร์พูดแล้วก็ยกนิ้วขึ้นนับจำนวนไปด้วย ท่าทางเหมือนกำลังเล่านิทานให้เด็กฟังอย่างนั้นแหละ

             “จากนั้นพ่อกับแม่ก็แยกทางกัน พ่อเอาลูกชายไปเลี้ยง แม่ก็เอาน้องสาวไปเลี้ยง จากนั้นทั้งพี่ชายน้องสาวก็ไม่ได้เจอกันเลย”

             รู้สึกจะคล้ายของฉันกับโรมันอยู่เหมือนกันนะ

             “จากนั้นเวลาก็ผ่านไปพี่ชายก็โตเป็นผู้ชายเต็มตัว น้องสาวก็เหมือนกัน แต่เหมือนโชคชะตาจะแกล้งทำให้มาพบเจอกันในวันหนึ่ง ซานต้า เธอรู้ใช่มั้ยว่าสายเลือดมันมักจะข้นกว่าน้ำแล้วก็มีแรงดึงดูดอะไรแปลก ๆ ด้วย พี่น้องคู่นี้ก็เหมือนกัน ทั้งสองสนิทกันอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เป็นคู่รักกัน”

             ฉันขบริมฝีปากตัวเองแล้วก็จ้องหน้าเกียร์แน่วนิ่ง

             นี่ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องของฉัน ฉันเองก็จะบอกว่าใช่เหมือนกัน

             “ทั้งคู่ไม่รู้ใช่มั้ยว่าเป็นพี่น้องกัน” ฉันถามเสียงแผ่ว

             หัวใจเต้นแรงรัว มันทรมานเหมือนกำลังลักขโมยของของคนอื่นมา รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะทนไม่ไหว อยากจะระบายให้ใครสักคนได้รับรู้บ้าง เผื่อว่าอาการทรมานที่เป็นอยู่นั้นจะจางหายไปบ้าง แต่จะเล่ายังไงล่ะ โรมันคือพี่ชาย ส่วนฉันคือน้องสาว

             เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นกับฉันได้ยังไงกัน

             “ไม่รู้หรอก ทั้งคู่รักกัน วางแผนอนาคตด้วยกัน แล้วก็มีอะไรกัน

             ท้ายประโยคหัวใจของฉันเหมือนถูกคำพูดของเกียร์บีบช้า ๆ แล้วคลายออก จากนั้นเขาก็บีบมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนฉันชาหนึบไปทั้งหัวใจ

             “อือ ใช่ ทั้งคู่มีอะไรกัน แล้วก็รักกันมาก ๆ ด้วย”

             มันก็นะ เดาได้ไม่ยากเลย

             “มาอยู่วันหนึ่งแม่ของทั้งคู่ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล น้องสาวก็ไปเยี่ยมแม่แล้วก็โทรหาแฟน”

             บางที เรื่องนี้อาจจะเกิดขึ้นกับฉันในสักวันหนึ่ง วันที่ทุกคนรู้ความจริงว่าฉันกับโรมัน

             “พี่ชายก็มาเจอ เพราะต้องพาพ่อมาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลพอดี ซานต้า แล้วทั้งสี่คนก็มาเจอกัน”

             “แล้ว” เดาไม่เห็นยากเลยเนอะว่าจะเกิดอะไรขึ้น

             “อ้อ ใช่ แล้วสองคนนั้นก็รู้ว่าเป็นพี่น้องกัน”

             รู้ทั้งรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันก็ยังทรมานอึดอัดในใจไม่หาย

           “แล้วหลังจากนั้นล่ะ เกิดอะไรขึ้น” ฉันอดที่จะถามต่อไปไม่ได้

             “ก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันก็ไม่รู้ ว่าแต่เธอถามทำไมเนี่ย”

             “ถ้าเกิดเป็นเรื่องอย่างที่นายเล่ามา นายรับได้อยู่ใช่มั้ย เพราะทั้งคู่ไม่ได้รู้ว่าเป็นพี่น้องกันมาก่อนนี่” ฉันเหม่อมองไปบนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่แสนมืดมิด มีเพียงแสงดาวที่ทอแสงเป็นจุดเล็ก ๆ เท่านั้น

             “แบบนี้ก็ไม่รู้สิ ก็คนไม่รู้นี่” เกียร์พูดแล้วก็เอากระป๋องเบียร์ออกมาจากถุงอีกกระป๋องหนึ่ง

             “แล้วถ้าทั้งคู่รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นพี่น้องกัน แล้วทั้งคู่ก็มีอะไรกัน แบบนี้นายคิดว่ายังไง” ฉันทิ้งตัวอย่างหมดแรง แต่กลายเป็นว่าไปเผลอพิงร่างของเกียร์โดยไม่ได้ตั้งใจ

             เกียร์เหมือนจะตกใจ แต่ฉันก็ไม่สนว่าเขาจะเอนตัวหนีให้ฉันหัวทิ่มลงพื้นหรือเปล่า ก็ตอนนี้น่ะ ฉันไม่ไหวแล้ว รู้สึกเหมือนคนกำลังจมน้ำ กว่าจะตายก็ทรมานเหลือเกิน หายใจก็ไม่ออกแต่ก็ยังไม่ตาย ความรู้สึกนี้กำลังเค้นคออยู่ มันทำให้รู้สึกเหมือนอยากจะอาเจียนออกมาจริง ๆ

             “ถ้ารู้แล้วอย่างนั้นเหรอ ฉันคงรับไม่ได้ ฉันไม่มีน้องสาว เลยไม่รู้จริง ๆ ว่าจะรู้สึกยังไง” เขาพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง ส่วนฉันก็หลับตาลงอย่างอ่อนล้า

             แปลกจังที่เกียร์ไม่ได้ผละออกไป ยังนั่งอยู่ที่เดิมให้ฉันได้พิงตัวกับเขาเอาไว้อย่างนี้

             “ขอเบียร์หน่อยสิ” ฉันบอกแล้วก็ยื่นมือขึ้น ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น

             “จะดื่มเหรอ ตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้วนะ” เขาบอกแต่ฉันยิ้มออกมาโดยไม่รู้ว่ารู้สึกยังไงกันแน่

             “เอามาเถอะ แล้วถ้าฉันเผลอพูดอะไรออกไป นายอย่าตกใจนะ”

             “อะไร เธอจะบอกว่าเธอดูหนังมานะ”

             ได้ยินแบบนั้นฉันก็หัวเราะออกมาแผ่วเบา ไม่ได้ดูหรอก แต่ฉันทำมันลงไปเลยล่ะ

             “ขอดื่มหน่อยสิ”

             “เคยดื่มรึเปล่าเนี่ย” ถึงจะพูดแบบนี้แต่เกียร์ก็ส่งกระป๋องเบียร์ที่เย็นเฉียบมาให้

             “อ๊ะ! เดี๋ยวนะ เดี๋ยวเปิดให้” เกียร์พูดแล้วก็จับรอบกระป๋องโดยทับมือฉันไว้อีกที

             ความอุ่นระอุแล่นผ่านมาถึงมือของฉัน เกียร์จับมือฉัน เปิดฝากระป๋องให้ จากนั้นก็หันหน้ามามองด้วยสายตาแปลกใจ

             “เธอเป็นอะไรซานต้า โรมมันเล่นรุนแรงเหรอวันนี้ เธอถึงได้หมดเรี่ยวแรงแบบนี้”

             ฉันหัวเราะแล้วก้มหน้าลงให้เส้นผมบังหน้าตัวเองไว้ ให้ตายสิ ผู้ชายคนนี้พูดได้เจ็บแสบเหลือเกิน และฉันก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วย

             ฉันยกมือขึ้นเสยผมแล้วก็เช็ดน้ำตาไปด้วย จากนั้นก็ดึงมือข้างที่เกียร์จับไว้ออกมาพร้อมกับกระป๋องเบียร์ ไม่รอช้ายกมันขึ้นดื่มทันที ความข่มซ่าที่ปลายลิ้นทำให้หยุดคิดเรื่องของโรมันได้แวบหนึ่ง พอกลืนเบียร์ลงคอได้สองอึกฉันก็สำลักไอออกมาทันที

             “ดื่มไม่เป็นเหรอ”

             เกียร์เองก็คงจะเมาแล้ว เขาถึงได้ยื่นมือมาลูบหลังให้ ฉันทั้งไอทั้งร้องไห้ออกมาพร้อมกัน

             ฉันไม่ได้สนใจว่าเกียร์จะมองมายังไง ขอให้ได้ร้องไห้สักหน่อยเถอะ

             ไม่ไหวแล้ว มันไม่ไหวแล้ว

             ฉันไอจนรู้สึกอยากจะอาเจียนขึ้นมา ขยะแขยงร่างกายตัวเอง รู้สึกเหมือนว่ากำลังจะเป็นบ้าแล้ว

             แล้วในที่สุดฉันก็ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นมาดื่มอีกจนได้ ไม่สนว่ามันจะทำให้สำลักจนตายหรือเปล่า ขอแค่ความขมนี่ผ่านคอฉันเข้าไปทีเถอะ ฉันจะได้เลิกทรมานจากเรื่องของผู้ชายคนนั้นสักที

             “ซานต้า” เสียงเกียร์ที่เรียกฟังดูแปลกไป มันเหมือนตอนนี้หูของฉันไม่ได้ยินเสียงใด ๆ อีกแล้ว

             ในที่สุดฉันก็เวียนหัวจนล้มลงที่พื้นหน้าทางเดินนี่แหละ พร้อมกับเสียงเอะอะตามมา ฉันมองอะไรไม่ชัดเพราะเส้นผมที่ตกมาปรกหน้า และไม่มีเรี่ยวแรงจะปัดมันออกให้พ้นจากสายตาด้วย

     

     

           มีร่างของใครก็ไม่รู้สองคนถ้าไม่ได้มองผิดไป ร่างสูงใหญ่น่าจะเป็นผู้ชายสองคนกำลังยืนอยู่ด้วยกันตรงนั้น

             “เมื่อกี้นายกอดซานต้าเหรอ?

             ฉันฟังไม่ค่อยถนัดไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครพูดกับใคร แต่ดูเหมือนทั้งคู่นั้นกำลังพูดถึงชื่อของฉันด้วย เอ๊ะ หรือว่าใกล้คริสต์มาสเข้ามาแล้วเลยมีคนพูดถึงซานตาคลอส แต่นี่เพิ่งเดือนสิงหาคมนี่นา

             “อ่า เหรอ เปล่านี่ ฉันเห็นยัยนี่เมาเลยประคองเท่านั้น”

             ใครกำลังพูดอะไรกันอยู่น่ะ ฉันฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเลย

             “เหรอ ทำไมใจดีจังเกียร์ ทำไมจู่ ๆ วันนี้นายใจดีขึ้นมา”

             ฉันได้ยินเสียงกระแทกอะไรบางอย่างดังขึ้นมา แต่ไม่รู้ว่าเป็นเสียงของอะไรกันแน่

             “ทำไมล่ะ ฉันใจดีกับทุกคนเลยนะ เห็นซานต้าเศร้า ๆ ฉันเลยปลอบใจเท่านั้น”

             เกียร์ เมื่อกี้ฉันแน่ใจว่าได้ยินคำนี้จริง ๆ

           ถึงแม้ว่าสติจะรางเลือน แต่ฉันคิดว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงที่ไหนสักที่ และเห็นร่างสูงใหญ่ของคนสองคนที่พร่าเบลอเต็มที

             “พูดออกมา เกียร์ นายต้องการอะไร!

             นั่นเกียร์เหรอ แล้วอีกคนคือใคร พวกเขากำลังทะเลาะอะไรกันอยู่ สายตาก็มองไม่ชัด เสียงในหูก็อื้อไปหมดจนฟังอะไรไม่ถนัดเลย

             “ก็แค่เวทนาผู้หญิงที่นายมีอะไรด้วย”

             “เกียร์!

             ผู้ชายอีกคนเป็นใครกัน โรมันเหรอ ไม่น่าจะใช่ เพราะผู้ชายคนนั้นไม่สนใจอะไรฉันหรอก

             คนอย่างเขาแค่ได้ในสิ่งที่พอใจแล้วก็จะปล่อยไป เหมือนวันนั้นไง ครั้งแรกที่ฉันเจอกับเขา จากนั้นเขาก็ทิ้งฉันไป และเมื่อต้องการเขาก็ลากฉันมาอีกครั้ง

             โรมันไม่มีทางลงมาแย่งชิงอะไรกับคนอื่นหรอก เพราะเขาน่ะไม่มีหัวใจ ไม่สนใจด้วยว่าคนอื่นจะรู้สึกเจ็บปวดบ้างหรือเปล่า เขามันชั่วช้า สารเลวเกินบรรยาย

             “เธอน่าสงสารนะ เหมือนทำอะไรไม่ถูก แบบว่า ร้องไห้ นั่งเหม่อ ดูตลกดี นายก็เคยแบ่งผู้หญิงให้ฉันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมคนนี้ให้ฉันไม่ได้ล่ะ”

             ประโยคนี้ไม่แน่ใจว่าเกียร์พูดหรือเปล่า สติก็ใกล้จะหลุดลอยอีกครั้ง

             “ไปตายซะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับนาย แล้วฆ่านายด้วยมือของฉันเอง”

             “นายน่ะ บีบหัวใจของเธอจนแตกไปแล้ว บางทีถ้าฉันอยากจะได้ซานต้าขึ้นมาจริง ๆ ฉันก็อาจจะลงแข่งกับนายเหมือนกัน”

             แล้วก็มีเสียงเอะอะโครมครามที่ดังขึ้นมา แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่ไหวแล้ว ฉันอยากตะคอกบอกพวกเขาให้ออกไปสักที แต่สติความรู้สึกทุกอย่างก็ใกล้จะดับลงทุกที

           “ไปก็ได้ แต่อยากให้รู้ไว้ ว่าฉันน่ะถ้าตั้งใจแล้วก็ไม่แพ้นายแน่”

             จากนั้นก็มีเสียงเปิดปิดประตูที่ดังขึ้น พลันนั้นทุกอย่างก็เหมือนหยุดนิ่งเหมือนฉันถูกดีดไปยังที่ที่แสนไกล เป็นดวงดาวที่มีแค่ฉันเองยืนอยู่คนเดียว

             แล้วดาวดวงนั้นมันคือที่ไหนกันล่ะ

     

     

             “อื้อ” ฉันคราง เมื่อใครสักคนพลิกตัวร่างให้นอนหงายจากที่นอนตะแคงอยู่

             ใครกัน เกียร์เหรอ เมื่อกี้ฉันนั่งดื่มเบียร์แล้วก็คุยกับเกียร์นี่นา อะไรกัน แต่ทำไมมือของเขาถึงร้อนอย่างนี้ ร้อนจนเท่าสัมผัสของโรมันเลย ผู้ชายตัวอุ่นจนร้อนอย่างนี้ทุกคนเลยเหรอ

             อา ปวดหัวสุด ๆ ไม่เคยรู้สึกปวดจนเหมือนว่ามันจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ อย่างนี้มาก่อนเลย

             “เธออยากตายใช่มั้ย” เสียงกระซิบที่ดังข้างหู ทำให้ฉันรู้สึกร้อนวาบตรงจุดนั้น แล้วก็ลามไปทั่วร่างกายโดยฉับพลัน

             เสียงนี้ช่างคุ้นหูจริง ๆ เหมือนเสียงของโรมัน แต่โรมันหลับไปแล้วนี่ ฉันได้แต่คิดในใจอย่างสับสน ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงนี้คือใครกัน

             แต่ฟังไปฟังมาก็คล้ายกับเสียงของเกียร์ เกียร์เหรอ?

           ฉันพยายามจะลืมตาขึ้นมามองดูใครคนนั้นแต่ก็มีผ้ามาคลุมหน้าผากเอาไว้ และปรกลงมาถึงดวงตา ฉันผวาเพราะก่อนหน้านี้โรมันก็ทำอย่างนี้มาแล้ว พอเริ่มดิ้นใครคนนั้นก็โถมทับร่างลงมา

             ฉันได้แต่ครางอึกอักแล้วพยายามจะดิ้นหลบหนี แต่ทำไม่สำเร็จเพราะระบมไปทั้งตัว แถมยังรู้สึกมึน ๆ จากเบียร์ที่ดื่มเข้าไปอีก

             “อือ เกียร์” และเมื่อฉันหลุดชื่อของเกียร์ออกจากปากไป ริมฝีปากร้อนชื้นก็ประทับลงมา

             “อย่ามาบ้านะ ฉันไม่ใช่เกียร์” เสียงแว่วมาอีกครั้ง

             ขณะที่หัวของฉันเริ่มหมุนไปหมด อาจจะเพราะว่าฉันเคยจูบกับโรมันแค่คนเดียวที่เป็นจูบลึกซึ้งแบบนี้

             ฉันเลยไม่รู้ ไม่แน่ใจว่ารสจูบจากคนอื่นจะเป็นอย่างนี้ด้วยหรือเปล่า แต่จูบที่เหมือนจะสูบวิญญาณฉันออกไปจากร่างแบบนี้ มีแค่คนเดียวที่ทำได้นั่นคือ โรมัน

             “โรมัน”

           แต่ว่า คนที่กำลังจูบฉันอยู่ตอนนี้ล่ะ ใครกัน

           ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกกดเอาไว้จนเจ็บไปทั้งตัว ฉันถูกปิดตา ปิดปาก ได้แต่ร้องไห้อย่างทรมานอยู่ใต้ร่างของใครสักคนหนึ่ง

             ใครกัน

             โรมัน

             เกียร์

     

     



    [1] อินเซส (Incest) การร่วมประเวณีระหว่างหญิงชายที่ร่วมบิดามารดาเดียวกัน


    นิยายเรื่องนี้หมดสัญญากับทางสำนักพิมพ์แล้ว

    มู่เลยนำมาทำ E-Book เองค่ะ

    สามารถซื้อ E-Book ได้ที่ Meb เลยนะคะ

    กดที่รูปปกใหม่เพื่อซื้อได้เลยค่ะ

    ขอบคุณจากใจมาก ๆ เลยนะคะ


    หรือ >>Click!!<<

          


    Song :: Ariana Grande - Almost Is Never Enough ft. Nathan Sykes

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×