ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สิเน่หาราตรี [นิยายชุด ต้องมนตร์มาเฟีย]

    ลำดับตอนที่ #5 : Night of Love 🌺 02 By Your Side...100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 18.74K
      124
      10 ม.ค. 65

    http://25.media.tumblr.com/f23f38fd86be9d9ccfe0e54cf7ddbc22/tumblr_mwmkcowS7Q1qbetfwo5_500.jpg

    2

    By Your Side

    (…100%)

                ด้านมณฑาเทวีก็มองหน้าคมคายที่ยิ้มเอา ๆ เห็นดวงตาคมกริบหวานเชื่อมมองมาก็ใจคอไม่ค่อยดี กินไปดูนิ้วไปมองหน้าเธอไป พ่อเจ้าประคุณเอ๊ย คิดว่านิ้วเป็นเธอหรือยังไงไม่ทราบ

                “ที่นี่หนาวต้องกักตุนไขมันไว้เยอะ ๆ กินเข้าไปให้เยอะ เธอตัวนิดเดียวเอง” โอดอล์ฟพูด ทั้งที่คนตัวเล็กก็กินอยู่แล้ว

                มณฑาเทวีมองหน้าคมคายอย่างไม่ไว้ใจ ไม่รู้ว่าเขาวางแผนการร้ายกาจอะไรเอาไว้บ้าง หัวใจมันหวิวจนพูดไม่ออก ได้แต่หลบสายตาของเขาเป็นพัลวัน

                “แล้วพายุจะสงบเมื่อไหร่คะ”

                ไม่อยากอยู่กับเขานานเกินไป หัวใจมันหวิวมันไหวทุกครั้งไป

                “ก็บอกแล้วว่าคุยกับพายุไม่เป็น คุยเป็นแต่ภาษาคน…”

                หญิงสาวทำปากขมุบขมิบนึกอยากจะด่าเขานัก อยากจะขอไปนอนคนเดียวก็ไม่กล้า ด้านนอกลูกน้องของเขาอยู่กันเต็มไปหมด แถมแต่ละคนก็ตัวโตน่ากลัวมากด้วย ที่สำคัญพวกเขาใช้ภาษารัสเซียกัน จึงฟังอะไรไม่เข้าใจเลยแม้แต่เรื่องเดียว คงมีแค่โอดอล์ฟเท่านั้นที่พอจะไว้ใจได้

                ไว้ใจได้!?

                อีกเสียงถามอยู่ในใจแล้วอยากร้องไห้นัก ถ้าอย่างโอดอล์ฟไว้ใจได้ โลกนี้คงไม่มีใครเป็นตัวอันตรายแล้วละ

                “ฉันอยากกลับแล้วนะคะ…”

                เธอพยายามอ้อนวอนเท่าที่ทำได้ จำมาจากใครไม่รู้แหละ บอกว่าถ้าทำตัวอ่อนหวานบอบบางน่ารักแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง โดยเฉพาะกับผู้ชาย และเขาคนนั้นไม่ใช่เกย์…

                แต่ผู้ชายที่ไม่ใช่เกย์อย่างโอดอล์ฟจะไว้ใจได้หรือ เขาน่ากลัวขนาดนี้ พลั้งเผลอขึ้นมาอาจถูกเขาจับกลืนกินแล้วก็สำรอกออกมาแล้วก็เคี้ยวกินต่อ ชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ คิดแล้วหัวใจมันห่อเหี่ยวเหลือเกิน

                “ฉันอยากกลับบ้านแล้ว นี่ยังติดต่อใครไม่ได้เลย…” คนตัวเล็กลองขออีกครั้งเผื่อพระพรหมท่านจะเห็นใจ

                “ฉันบอกให้แล้วไง ตอนที่คุยโทรศัพท์น่ะ”

                “แต่ฉันไม่ได้คุยด้วยนี่คะ” หญิงสาวแย้ง แต่ชายหนุ่มไหวไหล่ เห็นแล้วคนตัวเล็กอยากจะเตะหน้าแข้งเขาให้ร้องลั่นเหลือเกิน

                “ขอคุยอีกทีไม่ได้เหรอคะ ออกไปคุยข้างนอกก็ได้…”

                ถ้าเกิดเธอเป็นอะไรขึ้นมาเธอจะได้บอกให้ใคร ๆ รู้ ว่าคนร้ายไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นโอดอล์ฟ ครองภพ เกซีราฟ คนนี้นี่แหละ ที่กักขังหน่วงเหนี่ยวไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน

     

     

                ก็แน่ละ… เขตไซบีเรียมีแต่หิมะปกคลุมแบบนี้แค่เห็นแสงแดดก็เหมือนฟ้ามาโปรดแล้ว

                “คลื่นไม่มี พายุเข้า…” ชายหนุ่มอ้าง แต่มันก็เป็นความจริงหกสิบเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงถือว่านี่ไม่ใช่คำโกหกแต่อย่างใด

                “คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ บอกแล้วไงว่านี่มันเป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยวกันชัด ๆ”

                เขาไม่เข้าใจคำว่าอาชญากรรมเลยหรือยังไงกัน ดูเหมือนว่าคำพูดของเธอจะไม่มีผลอะไรกับผู้ชายคนนี้เลยสิน่า

                “ก็บอกแล้วไงว่าพายุเข้า เอ้ เธอนี่พูดจาไม่รู้เรื่อง…” โอดอล์ฟว่ามา คนตัวเล็กเลยแย้งอะไรไม่ได้

                อยากจะเถียงนัก ว่าคนที่พูดไม่รู้เรื่องน่ะก็คือเขานั่นแหละ หน้าหวานของมณฑาเทวีบึ้งตึงแล้วก็ทานอาหารต่อ ไม่รู้ว่าพ่อครัวที่นี่เรียนจบมาจากที่ไหน อาหารถึงได้อร่อยมากถึงขนาดนี้ ฝีมือระดับนี้คงเป็นเชฟใหญ่อย่างแน่นอน และมันเป็นความจริง พ่อครัวที่ทำอาหารให้นั้นเป็นเชฟที่มีชื่อเสียงซึ่งประจำที่โรงแรมในเครือของเกซีราฟนั่นเอง

                “อยากเห็นกวางไหม ตัวใหญ่มากเลยละ กวางเรนเดียร์น่ะ…”

                พอเอาเรื่องเที่ยวมาล่อก็เห็นว่าดวงตาของคนตัวเล็กเป็นประกายขึ้นมาในฉับพลัน เพิ่งเคยเห็นผู้หญิงสนใจอยากตะลุยเที่ยวในป่าหิมะแบบนี้เป็นครั้งแรก

                “กวางเรนเดียร์…” เธอถาม รู้สึกอยากไปขึ้นมาจับใจ

                “ใช่… ไหน ๆ ก็อยู่ที่นี่แล้ว ไปเที่ยวดูนั่นดูนี่ไม่ดีกว่าเหรอ” เขาเอ่ยชวน ทำให้คนตัวเล็กลังเลขึ้นมา

                มันจริงอย่างที่เขาว่าเอาไว้นั่นแหละ ตอนนี้เธอได้มาเหยียบเขตไซบีเรียที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะได้มาแล้ว แถมที่นี่ยังมีอะไรให้ได้พบเจอหลายอย่างก็เริ่มลังใจ บ้านน่ะอยากกลับอยู่แล้ว แต่ในเมื่อเขาไม่ยอมให้กลับก็ไม่รู้จะหนีไปยังไง มองหน้าคมคายอย่างชั่งใจอีกครั้ง พอเห็นเขายิ้มในช่องท้องก็ปั่นป่วนไปหมด

                พ่อคุณพ่อขนุนหนังทำไมถึงได้ยิ้มหวานปานนี้หนอ…

                “มีกวางตัวหนึ่ง มันป่วยน่ะ ถูกยิงตั้งแต่ปีที่แล้วติดเชื้อเป็นแผลเรื้อรัง ฉันว่าจะจัดทีมสำรวจตามหามันแล้วก็ช่วยทำแผลให้มันน่ะ มันแก่มากแล้ว อายุราวเกือบยี่สิบปีแล้วมั้ง” โอดอล์ฟพูด จำได้ดีว่ากวางตัวนั้นตนเองเคยเห็นมาตั้งแต่ตอนที่เป็นเด็กแน่นอน

                มันงามสง่า เย่อหยิ่ง แถมยังดุร้ายมากด้วย แต่เมื่ออายุมากขึ้นความแข็งแรงของมันก็ลดน้อยลงอย่างน่าใจหาย

                “คุณ… ดูแลสัตว์แถวนี้ด้วยเหรอคะ” มณฑาเทวีถามอย่างสนใจ ไม่อยากเชื่อว่าคนห่ามหื่นอย่างเขาจะคิดถึงเรื่องอื่นด้วย ผิดจากที่คาดเอาไว้ลิบลับ

                “ไม่เชิงหรอก แต่กวางตัวนั้นมันอยู่แถว ๆ นี้น่ะ หน้าหนาวมันจะกลับมาอยู่แถวนี้ ฉันมาที่นี่ทีไรก็เจอมัน นี่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง” พูดจบแล้วก็ขัดเขินไม่น้อยเมื่อเห็นสายตาชื่นชมของหญิงสาว

                อะไรกัน เขาพูดถึงกวาง แล้วทำไมเธอต้องมาทำหน้าทำตาแบบนี้ด้วย โอดอล์ฟวางตัวไม่ถูก ทั้งที่ชินแล้วแท้ ๆ กับสายตาแบบนี้

                แต่เพราะเคยแต่ถูกจ้องมองด้วยสายตาของผู้หญิงที่มองเพียงภาพลักษณ์ภายนอกไม่ว่าจะเป็นความงดงามหรือร่ำรวย โอดอล์ฟเลยไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่มณฑาเทวีคนนี้ชื่นชมเขาจากใจด้วยเรื่องอื่นเลยรู้สึกแปลกพิกลอยู่บ้าง เขากระแอมไอจากนั้นก็ทานอาหารต่อ

                “ว่าไง จะไปไหม” เขาถาม เมื่อเธอยังไม่ตอบ

                “อืม…”

                ถึงตรงนี้มณฑาเทวีลังเลใจไม่น้อย บ้านก็อยากกลับ กวางก็อยากเห็น อยากท่องโลกที่ไม่ได้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเหมือนเคย

                ที่ผ่านมาเธอทำหน้าที่เป็นช่างจัดดอกไม้ตามงานที่มีคนจ้าง หรือไม่ก็นั่งร้อยมาลัยกรองดอกไม้ในสำนักงานเล็ก ๆ วัน ๆ ก้มหน้าไม่ได้มองรอบข้าง ถึงไม่ได้เกลียดชีวิตที่ซ้ำซากจำเจของตัวเอง แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าก็อยากเห็นโลกที่แสนกว้างใหญ่ อยากเปิดหูเปิดตากับสิ่งที่ไม่เคยได้พบเจอมาก่อน อีกทั้งคนที่จะเป็นไกด์นำเที่ยวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แม้เขาจะร้ายกาจไปบ้างแต่ระยะหลังก็เริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้นแล้ว

                เขาเป็นคนต่างชาติ วัฒนธรรมคงไม่เหมือนกัน แม้จะรู้ว่าเขาเป็นลูกครึ่งไทยก็เถอะ

                “นะ ไปเที่ยวกัน…” เขาชวนอีก สีหน้าบ่งบอกว่าอยากให้ไปด้วยกันจริง ๆ

                “ความจริงอาจจะได้เจอเสือดาวด้วยนะ ลูกเสือดาวหิมะน่ารักมากเลยนะ” บอกไปและได้เห็นสีหน้าเคลิ้มฝันของหญิงสาว

                ผู้หญิงคนนี้หลอกง่ายดายเหลือเกิน เห็นแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้

                “ถ้าเราไปค้างคืนกันข้างนอกจะมีนกฮูกนกเหยี่ยวให้เห็นด้วย แต่มันอันตรายไปสักหน่อยตรงมีพวกหมาป่านี่แหละ พวกมันอยู่กันเป็นฝูงแล้วก็ร้ายเอาเรื่อง”

                ข้อนี้มณฑาเทวีพยักหน้าอย่างเห็นด้วย… โดยเฉพาะหมาป่าโอดอล์ฟน่ะ ร้ายกาจอย่าบอกใครเลย

                “ไปไหม ถ้าไปจะได้เก็บของสักนิดสักหน่อย แล้วก็เตรียมตัวกันเลย” ชายหนุ่มหลอกล่อราวกับเป็นนักต้อนมืออาชีพ ทำให้มณฑาเทวีลังเลเล็กน้อย

                จะมาโลเลไม่อยากไปเพราะสายตากับน้ำเสียงของเขานี่แหละ ไม่รู้จะอ้อนไปไหน เพิ่งรู้จักกันแท้ ๆ ทำเจ้าชู้ใส่จนมือไม้อ่อนไปหมด

                “ไปไหม สนุกนะ” โอดอล์ฟเร่งเอาคำตอบอีก ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเหยื่อยอมตกลงด้วยแล้ว

                อ้าว… พูดผิดตรงไหน ก็ตอนนี้ดอกไม้จะกลายเป็นอาหารของหมาป่าแล้วนี่นา

     

     

                เมื่อตกลงกันได้ว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน โอดอล์ฟเลยออกไปเตรียมการกับลูกน้อง ทิ้งให้มณฑาเทวีนอนซุกตัวบนเตียงเงียบ ๆ หญิงสาวนอนหนาวพลางคิด ทำไมเวลาที่ชายหนุ่มอยู่บนเตียงด้วยมันถึงได้อุ่นปานนั้น ดึงผ้าห่มคลุมหน้าเมื่อตัวเองชักจะคิดอะไรมากไปทุกทีแล้ว

                โอดอล์ฟเองก็คุยงานกับลูกน้องอย่างเคร่งเครียด เพราะครั้งนี้มีผู้หญิงไปด้วย ซ้ำเธอยังอ่อนแอบอบบางราวกับดอกมณฑาด้วย เจอหิมะหนักเข้าหน่อยคงได้ช้ำจนไม่เหลือชิ้นดีแน่

                รวมถึงสัตวแพทย์เพื่อนที่รู้จักกันมานาน ตั้งใจจะตามหากวางใหญ่ตัวนั้นให้เจอ จะได้ช่วยมันให้หายจากอาการทรมานจากบาดแผลที่เรื้อรังนั่นซะที

                “กูรู้นะ ว่ามึงเอาผู้หญิงมานอนด้วย…” มอริสถาม หลังจากที่พ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นทางยาว

                “แล้วทำไม…” โอดอล์ฟไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ยื่นมือรับบุหรี่จากเพื่อนแล้วก็ติดไฟอัดควันเข้าปอดเพื่อระงับอารมณ์บางอย่างเอาไว้

                ต้องกดมันให้ลึกลงไป… เพราะช่วงเวลานี้มันนุ่มนวลเหมือนหิมะที่โปรยปรายลงมา เขาไม่อยากรวบรัดเธอเร็วเกินไป

                อีกอย่าง หากเด็ดดอกมณฑาตอนนี้อาจจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี ตั้งใจพาเธอเที่ยวก่อน สร้างสัมพันธภาพให้ยาวกว่านี้

                บางทีการเจอผู้หญิงสักคนแล้วถูกใจก็ไม่ได้หมายความว่าจะลากขึ้นเตียงแล้วก็จบ อะไรบางอย่างในตัวของมณฑาเทวีที่ยังรู้สึกว่าอยากจะค้นหามัน

                “กูไปนอนละ เจอกันพรุ่งนี้ แกจะออกเดินทางไหวไหม” โอดอล์ฟถาม เพราะรู้ว่าเพื่อนเพิ่งมาจากศูนย์พิทักษ์สัตว์ ก่อนที่เขาจะเรียกตัวให้มาช่วย

                “ก็ยังไหว” หมอมอริสไหวไหล่พลางหัวเราะ จากนั้นก็เดินไปอีกทางหนึ่ง โอดอล์ฟเลยเดินกลับห้องพักตัวเองบ้าง

                คนตัวเล็กที่ยังฟุ้งซ่านนอนไม่หลับหันมองเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินเข้ามาในห้อง หน้าหวานนิ่วหน้าเมื่อได้กลิ่นบุหรี่เย็น ๆ ลอยมาแต่ไกล

                “เหม็นบุหรี่เหรอ” โอดอล์ฟถาม และเห็นชัดเจนว่าคำตอบของเธอคืออะไร สังเกตได้เลยจากนัยน์ตาไม่พอใจนั่น

                “งั้นดูดแทนไหม…” นิ้วแกร่งคีบบุหรี่ออกจากปาก เอียงคอและยิ้มหวานถามจนมณฑาเทวีใจสั่นหวั่นไหว

                ผู้ชายคนนี้เสน่ห์ล้นทะลักเหลือเกิน จนคนมองหวามไหว ตั้งแต่หนึ่งเส้นผมจรดปลายเท้า คนคนนี้สามารถสร้างความปั่นป่วนได้อย่างไม่น่าเชื่อ

                “บ้า… ให้ผู้หญิงดูดบุหรี่ได้ไง” เธอว่า ล้มตัวลงนอนก่อนที่จะอันตรายมากไปกว่านี้

                ถึงแม้ว่าบนเตียงจะอันตรายมากก็ตามเถอะ ตอนนี้ไม่ว่าที่ไหนก็ไม่ต่างกัน ขอให้หลับก่อนเขาก็เป็นพอ เท่านั้นคงปลอดภัย

                แล้วละมั้ง?

                “ใช่ที่ไหนล่ะ… ฉันไม่ให้เธอดูดบุหรี่หรอก แต่มาดูดบุรุษอย่างฉันแทนไง”

                “บ้า!” มณฑาเทวีว่าเสียงหลง หน้าร้อนฉ่าแดงจัดเมื่อโอดอล์ฟแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตนเอง ทำเหมือนมันเขี้ยวสุด ๆ

                “เร็ว… มาดูดฉันหน่อยสิ อยากได้ตรงไหน เชิญตามสบายเลยครับคนสวย”

                มณฑาเทวีคว้าผ้าห่มคลุมโปงหลับตาแน่นกับคำพูดห่ามหื่นร้ายกาจของพ่อสุนัขป่าตัวใหญ่ เธอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว มาสะดุ้งก็ตอนที่เขาแทรกตัวขึ้นเตียงตามมาด้วย แล้วก็เหมือนทุกที นั่นคือลากเธอเข้าไปกอด ไปรวบ แล้วก็รัดแน่นเหมือนงูเหลือมรัดเหยื่อ

                “ดูดสักหน่อยไหม เผื่อติดใจ…”

                “โอดอล์ฟ!” มณฑาเทวีแหวลั่น หน้าแดงก่ำทั้งโกรธทั้งอายในเวลาเดียว

                “ฉันเป็นผู้หญิงนะ…”

                “เฮ้… เลิกพูดคำนี้เหอะ ได้ยินหลายทีแล้ว แล้วจะทำไม ผู้หญิงแล้วไงล่ะ ทำไม เดี๋ยวนี้สิทธิสตรีเทียบเท่ากับบุรุษแล้วนี่ การที่สตรีจะดูดบุรุษก็ไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหน” เขาท้วงหน้าตาเฉย ร่างบางดิ้นรนทันทีด้วยความกลัว แต่ไม่ถึงนาทีก็หอบฮั่กในอ้อมแขนแข็งแรงนั่นเสียแล้ว

                “สักนิดไหม แล้วจะติดใจ…”

                “ฮื้อ… ไม่เอานะ ปล่อยฉัน…” เสียงใสที่ร้องห้ามปรามถูกดูดกลืนหายไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อเรียวปากรุ่มร้อนของคนเอาแต่ใจทาบทับปิดสนิท

                เสียงบ่นว่ากลายเป็นเสียงครางอึกอักใจคอ ถูกตรึงเอาไว้แน่นและถูกกกกอดด้วยร่างสูงใหญ่ที่อุ่นเสียยิ่งกว่าฮีทเตอร์ในห้อง รสชาติขมปร่าปนเย็นขื่น ถูกส่งต่อมาด้วยปลายลิ้นร้อนที่ดุนดันเข้าหาชักนำให้หมุนตามอย่างไร้เดียงสา มือเล็กของมณฑาเทวีกอดเกี่ยวร่างสูงและแลกเปลี่ยนลมหายใจกับเขาโดยไม่รู้ตัว

                โอดอล์ฟแสนฮึกเหิมเมื่อคนตัวเล็กจูบตอบอย่างไม่ประสา ความต้องการเริ่มเอ่อล้นเป็นเท่าทวี ยกมือใหญ่ลูบไล้เนื้อตัวบอบบางอย่างถือสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ ได้สไบได้บราเซียร์ของเธอมาแล้วแต่มันยังไม่พอใจ อยากสัมผัสเนื้อนวลที่นุ่มนิ่มเต็มไม้เต็มมืออย่างนี้มานานแล้ว เขาจูบลูบไล้ร่างบางด้วยความสิเน่หา ราวจะบอกว่าลุ่มหลงเธอมากปานใดอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน

                เรียวปากรุ่มร้อนละจากริมฝีปากบางที่บวมเห่อ จูบปลายคางมนหนัก ๆ ดันให้หน้าหวานแหงนหงายจากนั้นก็จูบโลมไล่ตามเรียวคอระหงเรื่อยมาจนถึงอกอิ่มตรงหน้า สัมผัสของชายหนุ่มตะกรุมตะกรามและรุนแรงเสียจนแม่ดอกมณฑาครางด้วยความหวามไหว

                “โอดอล์ฟ…” เสียงหวานของมณฑาเทวีสั่นพร่า เมื่อเขาครอบครองอกอิ่มของเธออย่างที่ไม่มีใครทำมาก่อน ทิ้งรอยแดงแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้เมื่อลมหายใจร้อนผ่าวลากผ่าน เขาจูบย้ำจนหน้าอกอิ่มแดงช้ำจากกรงเล็บของหมาป่า

                จนกระทั่งเสียงครางกลายเป็นเสียงสะอื้นจึงเลื่อนหน้าขึ้นสบตากับคนตัวเล็กด้วย เธอคงตกใจกลัวมากเนื้อตัวถึงได้สั่นระริกเหมือนลูกนกตกน้ำเช่นนี้

                “แค่นี้ก่อน…” ไว้ต่อคราวหลัง ต่อท้ายอยู่ในใจเพราะไม่อยากให้เหยื่อตื่นไปซะก่อน

                เห็นหน้าหวานเปื้อนคราบน้ำตาแล้วก็ทั้งเอ็นดูทั้งลุ่มหลง พ่อหมาป่าทอดถอนใจด้วยความสงสารตัวเอง แค่จูบเธอยังกลัวมากขนาดนี้ กว่าจะไปถึงขั้นสุดท้ายเมื่อนั้นจะหลอกล่ออย่างไรดีหนอ

                “คุณมันฉวยโอกาส” มณฑาเทวีร้องไห้น้ำตาไหล ยกมือทุบเขาอย่างเหลืออด แต่นาทีต่อมาก็ถูกกอดแน่นจนกระดิกตัวไม่ได้

                “ใช่… ฉันฉวยโอกาส แล้วไง?” เสียงหนักของโอดอล์ฟย้อนถาม เล่นเอามณฑาเทวีแทบไปต่อไม่เป็น

                เธออ้าปากค้างมองสบตากับเขาอย่างตกตะลึง ไม่คิดว่าเขาจะยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานอย่างนี้…

                “คิดดูนะมณฑา ถ้าเป็นคนอื่นเธอจะเหลือรอดมาจนถึงตอนนี้เหรอ” โอดอล์ฟพูดเอาความดีเข้าตัวหน้าตาเฉย พาให้หน้าหวานตีหน้าเหลอหลาอ้าปากค้างเพราะเถียงอะไรไม่ออก

                “ถ้าเป็นไอ้รานอฟนะ พนันได้เลยเธอเสียตัวให้ฉันดูดตั้งแต่คืนแรกที่เจอกันแล้ว”

                “…” หญิงสาวเม้มปากแน่นกลั้นเสียงร้องกรี๊ดเอาไว้อย่างสุดความสามารถกับคำพูดหื่นห่ามของเขา หน้าเล็กร้อนเห่อแดงจัดไปถึงต้นคอและเนินอก หลับตาแน่นเมื่อเขาโน้มหน้าเข้ามาจูบหนักหน่วงที่แก้มใสซ้ำจนมันแทบช้ำคาเรียวปากหยักสวยได้รูปนั่น

                “ไง… ดูดบุรุษเป็นไง รสชาติของฉันอร่อยไหม?” โอดอล์ฟถามต่อ ไม่สนใจว่าคนฟังจะทำหน้าอย่างไรกับคำถามที่ได้ยิน

                พอสบตากับคนตัวเล็กก็หัวเราะร่วนเมื่อเธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เห็นแล้วน่ารักน่าแกล้งเหลือเกิน

                “ก็เธอดูดปากดูดลิ้นฉันใหญ่เลยนี่ ก็เดาว่าคงอร่อย…” ว่าจบก็หัวเราะเมื่อร่างบางดิ้นรนเหมือนเจอกับซาตานชั่วร้าย

                เขาไม่เคยสนุกแบบนี้มานานแล้ว เมื่อมือเล็กเอื้อมมาปิดปากก็จูบใจกลางฝ่ามือนั่นเล่นจนเจ้าของชักกลับไปเอง เขาเลียริมฝีปากอย่างมันเขี้ยว พอได้จูบแล้วก็อยากจูบอีก

                “ฉันเกลียดคุณ… คุณมันเลว คุณตั้งใจพาฉันแยกออกมาจากคนอื่น ๆ ใช่ไหม” มณฑาเทวีร้องลั่น พอปะติดปะต่อเรื่องราวอีกครั้งก็ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความตั้งใจของเขาทั้งหมดแน่

                “มีหลักฐานรึเปล่า ใส่ความกันแบบนี้คุยกับทนายฉันได้นะ…” เขาจับปลายนิ้วเล็กของเธอมาไล้ขอบปากตัวเอง นัยน์ตาก็อ้อยอิ่งมองดูริมฝีปากระเรื่อนั่นตาปรอย อยากได้จูบอีกแต่กลัวว่าสาวเจ้าจะตกใจจนเป็นลมไปซะก่อน นี่ก็หน้าแดงจนกลัวว่าเลือดจะไปหล่อเลี้ยงสมองมากเกินไปน่ารักน่าเอ็นดูเป็นหนักหนา

                “คุณตั้งใจทำให้ฉันคลาดจากเพื่อน ๆ จริง ๆ ด้วย” เสียงหวานหวีดร้อง แค้นใจนักที่ถูกกลั่นแกล้งไม่หยุดเอาแบบนี้

                “เปล่าซะหน่อย…” โอดอล์ฟยืนกรานเหมือนกระต่ายขาเดียว ไม่ยอมรับซะอย่างแล้วใครจะว่าอะไรได้ในเมื่อหลักฐานก็ไม่มี

                “คุณนี่มัน…” หญิงสาวคิดคำด่าว่าไม่ออกก่อนจะร้องเสียงหลง เมื่อร่างสูงหนาหนักโถมทั้งตัวเข้าหาจนร่างจมหายไปกับความนุ่มของฟูกนอน

                “ขอดูดหน่อยนะครับ ปากดีเหลือเกิน หมั่นไส้แล้วครับ”

                “โอดอล์ฟ ฉันเกลียดคุณ เกลียดคุณ…”

                ไม่ช้าเสียงก่นด่าของคนตัวเล็กก็เงียบหายไปอีกเช่นเคย เมื่อบุรุษดูดสตรีตามคำประกาศที่โอดอล์ฟบอกไปก่อนหน้านี้ กว่าที่คนตัวเล็กจะยอมแพ้เลิกว่าเขาก็กินเวลาร่วมชั่วโมงก่อนจะผล็อยหลับด้วยความอ่อนเพลีย โดยมีสายตาสีหม่นมองทุกการเคลื่อนไหวจนกระทั่งเธอหลับสนิทตรงหน้า

                ยิ่งค้นหายิ่งหลงใหล เป็นสิ่งเดียวที่พ่อหมาป่ากำลังรู้สึกอยู่ในเวลานี้

     

     

                มณฑาเทวีซุกตัวอยู่ในเสื้อโค้ทอุ่นหนา และอยู่ในอ้อมกอดของหมาป่าตัวร้ายอีกทีเมื่ออยู่ในรถลุยหิมะซึ่งเหมือนรถบรรทุกขนาดเล็ก มันสามารถป้องกันลมพายุรวมถึงการโจมตีของสัตว์นักล่าได้อย่างดี เฟืองล้อเหล็กพาบุกตะลุยหิมะที่หนาทึบได้อย่างรวดเร็วน่าทึ่ง เธอครึ่งหลับครึ่งตื่นไม่ได้ฟังที่โอดอล์ฟอธิบายอะไรมากนัก

                เพราะเมื่อคืนเล่นนอนจูบกับเขาเป็นชั่วโมงกว่าจะได้นอนพักเลยเพลียไปหมด คิดแล้วก็อายนักที่เผลอตัวไปกับสัมผัสหวั่นหวามของเขา เลอะเลือนไม่ได้ฟังอะไรจนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะจึงหันไปมองตาขวาง

                “หัวเราะอะไร…” เธอถามเสียงเรียบ แต่สีหน้าบ่งชัดว่าพร้อมเอาเรื่องหากว่ามีอะไรไม่ถูกหู

                “เปล่าซะหน่อย แค่ถามว่าหนาวไหม”

                ไอ้หนาวน่ะหนาวอยู่หรอก แต่ใครจะไปตอบได้เสียเปรียบถูกเขารังแกอีก นี่ก็แทบจะจมหายเข้าไปกับอกกว้างของเขาแล้ว โอดอล์ฟอุ้มเธอมานั่งตักตรงด้านหน้าของรถข้างคนขับ เพื่อที่จะได้มองเห็นทัศนียภาพชัดเจนขึ้น แต่ตอนนี้มีหิมะโปรยปรายจึงทำให้เห็นอะไรไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่

                “เมื่อกี้มีหมาป่ามาด้อม ๆ มอง ๆ ด้วย ท่าทางทริปนี้คงไม่ได้ห่างปืนแน่”

                คำบอกของชายหนุ่มทำให้ร่างเล็กขยับตัวทันที เธอมองเขาอย่างเป็นกังวลซึ่งโอดอล์ฟส่งยิ้มปลอบใจให้โดยที่ไม่มีความหื่นเคลือบแฝง

                “ไม่เอาน่า กลุ่มที่คุ้มกันฉันน่ะหน่วยสวาทเชียวนะ…”

                “หือ…” มณฑาเทวีครางอย่างอาย ๆ เมื่อเห็นว่าสายตาของเขาเริ่มหื่นอีกแล้ว

                คุณพระเจ้าขา ช่วงนี้เป็นช่วงติด เอ๊ย ช่วงหื่นของหมาป่าใช่ไหม พ่อสุนัขป่ารูปหล่อคนนี้ถึงได้ชอบทำรุ่มร่ามแบบนี้อยู่เรื่อยเลย…

                “ฉันหมายถึงหน่วย S.W.A.T[1]นะ เธอคิดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย” คนตัวโตเย้า ทำให้คนตัวเล็กได้อายเธอจึงหน้างอไม่คุยด้วย

                “ไม่ต้องห่วงเพราะการ์ดของฉันส่วนใหญ่มาจากกองนี้ทั้งนั้น ทุกคนเป็นพลแม่นปืนยังไงหมาป่าพวกนั้นก็ไม่ได้แตะเธอแน่ แม้แต่เส้นผมก็เถอะ…”

                เพราะฉันจะเป็นคนทำทุกอย่างนั่นเอง… โอดอล์ฟต่อท้ายอยู่ในใจ เห็นว่ามณฑาเทวีคลายความกังวลเกร็งเครียดลงก็ยิ้มได้

                เพิ่งรู้ว่าตัวเองห่วงคนอื่นก็เป็น แถมยังเป็นเพราะผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งอีกด้วย พอเห็นเธอวิตกตัวเองนี่แหละที่จะตกจริตมากกว่า ยังไงก็อยากเห็นรอยยิ้มหวาน ๆ มากกว่าอะไรทั้งนั้น แม้ว่าคนตัวเล็กจะเอาแต่แยกเขี้ยวใส่ก็เถอะ…

                “แล้วเราต้องไปพักที่ไหนคะ…” เสียงหวานถามขึ้นหลังจากที่เธอเอาแต่เงียบอยู่นาน ฉุดให้ใบหน้าคมคายก้มลงมองแล้วก็ยิ้มที่มุมปากบางเบา

                “ด้านในโน้นจะมีหมู่บ้านเล็ก ๆ อยู่น่ะ ฉันกับรานอฟเคยไปตอนเด็กแล้วก็ไปอ้อนพ่อให้ปลูกบ้านให้ มันเลยเป็นที่พักค้างแรมได้น่ะ” พูดจบชายหนุ่มก็หัวเราะโดยที่มณฑาเทวีไม่เข้าใจว่ามันตลกตรงไหน

                แต่เมื่อเขาบอกมาแบบนั้น มณฑาเทวีก็เข้าใจว่ามันคงใหญ่เอาเรื่องทีเดียวละ คนอย่างโอดอล์ฟที่มีนามสกุลใหญ่ต่อท้ายไม่น่าจะสร้างบ้านหลังเล็ก ๆ หรอก แล้วก็จริงเสียด้วย…

                เมื่อรถลุยหิมะหลายคันเดินทางไปถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ นั่นก็พบว่าบ้านพักของเขาใหญ่กว่าหลังไหนในแถบนั้น แม่ดอกมณฑาแทบเดินไม่เป็นเพราะอากาศที่หนาวจับใจซ้ำยังนั่งนิ่งบนรถเป็นนานอีกด้วย

                “ที่นี่ไม่มีน้ำอุ่นนะ…” ชายหนุ่มบอกกับคนตัวเล็กเมื่อเดินเข้ามาถึงในตัวบ้านแล้ว

                คำบอกนั้นทำให้มณฑาเทวีพยักหน้ารับ อยากจะตกใจอยู่หรอกนะ แต่อากาศที่นี่หนาวกว่าบ้านพักที่เพิ่งจากมาเป็นเท่าตัว ให้ตายยังไงก็จะไม่ยอมอาบน้ำเด็ดขาด

                “คงไม่อาบน้ำละสิ…”

                “ไม่เอาหรอก…” หน้าหวานส่ายหวือ จะว่าไปไม่อาบน้ำก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้ไม่มาดูด เอ๊ย มาวอแวด้วยอีก

                ฮือ ๆ… ตอนนี้เธอติดเชื้อหื่นมาจากหมาบ้าแล้ว คิดอะไรก็วกไปเรื่องนั้นได้ทุกทีเลย

                “ขอนอนพักหน่อยได้ไหมคะ” มณฑาเทวีขออนุญาตเมื่อเดินมาถึงห้องนอนขนาดกลาง ซึ่งโอดอล์ฟเปิดฮีทเตอร์ให้เรียบร้อยแล้ว

                “ตามสบายครับ แต่ถอดเสื้อโค้ทกับรองเท้าออกด้วย…”

                “รู้แล้วละน่า…” หญิงสาวพึมพำเสียงแผ่ว เมื่อถอดเสื้อโค้ทออกจากตัวโอดอล์ฟก็เข้ามาช่วยดึงมันไปแขวนให้ แถมยังก้มตัวถอดรองเท้าให้ด้วยซะอีก

                มณฑาเทวีกะพริบตาปริบ ๆ ไม่คิดฝันว่าจะมีผู้ชายมาคอยบริการแบบนี้ เธอวางมือบนบ่ากว้างเพื่อพยุงตัวเองมองชายหนุ่มที่เก็บรองเท้าให้ด้วยความอึ้งงัน

                โอดอล์ฟ หมาป่านิสัยแย่คนนี้น่ะเหรอ ถึงกับถอดรองเท้าให้เธอ

                “ไม่นอนเหรอ” เขาหันมาถาม เมื่อเธอยังคงยืนมองเหม่ออยู่ที่เดิม

                “อ๊ะ… นอนแล้วค่ะ…” ร่างเล็กมุดเข้าไปใต้ผ้าห่มทันที รู้สึกขัดเขินอย่างบอกไม่ถูกไม่รู้ว่าทำไม ได้ยินเสียงหัวเราะของเขาเช่นเคยรวมไปถึงเสียงฝีเท้าที่เดินออกห่างไป อยู่คนเดียวก็นึกเหงา มณฑาเทวีอดที่จะด่าตัวเองไม่ได้ที่ชักจะเสพติดไออุ่นจากสุนัขป่าตัวร้ายคนนั้นเข้าไปทุกทีแล้ว

                ตอนที่เคลิ้มหลับก็จำต้องลืมตาเมื่อฟูกนอนไหวยวบตามด้วยไออุ่นบางอย่างที่แนบลงตรงแก้มนุ่มนวล สิ่งแรกที่เห็นในม่านสายตาก็คือรอยยิ้มอ่อนโยนของโอดอล์ฟที่กำลังใช้ผ้าชุบน้ำอุ่น ๆ เช็ดหน้าให้

                “ไม่สบายตัวใช่ไหมล่ะ พอดีคนงานเพิ่งต้มน้ำเดือดน่ะ สบายขึ้นไหม…” เสียงทุ้มหนักของโอดอล์ฟเอ่ยถาม เมื่อเช็ดหน้าหวานแล้ว ก่อนจะระเรื่อยไปตามต้นคอ จากนั้นก็ดึงฝ่ามือเล็กไปเช็ดเป็นอย่างต่อไป

                มณฑาเทวีมองโอดอล์ฟอย่างง่วงงุน สัมผัสอันอุ่นละมุนนั่นทำให้ปลอดภัยอบอุ่นลืมตาแทบไม่ขึ้น ผล็อยหลับอีกครั้งเมื่อเขาจูบหน้าผากหนักหน่วงก่อนจะเดินออกจากห้องไป

     

     

                โอดอล์ฟและบอดี้การ์ดไม่ได้นอนพักเหมือนมณฑาเทวี ทุกคนเริ่มต้นออกตามหากวางป่าแก่ตัวนั้นกันทันที หลังจากที่แกะรอยอยู่กันอยู่ครึ่งวันก็กลับบ้านพักต่อ เจอร่องรอยบ้างแล้วเหมือนกัน ดูเหมือนว่ากวางเฒ่าตอนนี้เดินตามฝูงไม่ทันอยู่ตัวเดียวตามลำพัง คิดแล้วก็หวั่นใจกลัวว่าฝูงหมาป่าจะไล่ล่ามันเอาได้

                เมื่อกลับมาถึงห้องพักก็ยิ้ม เมื่อเห็นว่ามณฑาเทวีกัดฟันข่มความหนาวทำอาหารไว้รอแล้ว ท่าทางคนตัวเล็กคงมีฝีมือด้านการทำอาหาร เพราะมีอาหารสำเร็จรูปไม่กี่อย่างแต่เธอดัดแปลงทำอะไรได้หลายอย่าง แล้วก็อร่อยมากซะด้วยสิ

                หญิงสาวเห็นท่าทางอ่อนเปลี้ยของคนตัวโตก็สบายใจขึ้น หลังจากจัดการเก็บกวาดจานชามเรียบร้อยก็เห็นว่าโอดอล์ฟเดินหายเข้าห้องน้ำไป ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนมา แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าคงออกไปตามหาตัวเจ้ากวางเรนเดียร์นั่นแน่ ท่าทางอิดโรยนั่นทำให้เธอยิ้มกริ่ม แบบนี้เขาคงรังแกเอารัดเอาเปรียบเธอไม่ได้อีกแน่

                ความมืดมิดเข้ามากลืนกินพื้นที่แถบนี้ในเวลาอันรวดเร็ว มณฑาเทวีเริ่มชินแล้วกับการอยู่ข้างกายผู้ชายห่ามหื่นอย่างโอดอล์ฟ เธอตั้งใจจะเข้านอนพรุ่งนี้จะได้มีแรงตามเขาออกไปตามหากวางตัวนั้น

                อากาศหนาวเย็นที่คุ้นเคยทีละน้อยไม่ทำให้ตัวสั่นหนาวเสียดกระดูกจนหลับไม่ได้เหมือนวันแรก ๆ ที่มาถึงเท่าไหร่แล้ว มณฑาทวีจึงดีใจมาก เพราะคงไม่ต้องพึ่งไออุ่นของหมาป่าตัวร้ายอีก แต่แล้วตอนที่กำลังข่มตาหลับก็ต้องใจเต้นระทึกเมื่อเตียงนอนไหววูบเพราะมีน้ำหนักจำนวนหนึ่งกดทับลงมา

                เธอพลิกตัวหนีแต่ถูกจับตรึงให้นอนหงาย ด้วยความตกใจจึงลืมตาขึ้น และได้เห็นว่าโอดอล์ฟสวมเพียงบอกเซอร์ตัวเดียวขึ้นเตียง

                มณฑาเทวีอยากจะร้องกรี๊ดแต่ก็พูดไม่ออก หลับตาแน่นเมื่อเขาโน้มหน้าเข้ามาชิดแล้วก็จูบซุกไซ้ต้นคอก่อนเป็นอย่างแรก ร่างบางเริ่มดิ้นแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่ายังไงก็สู้ไม่ไหว

                “หนาว นอนเถอะ” เสียงหวานเริ่มอ้อน เพราะรู้ว่าโอดอล์ฟไม่ได้เอาจริง คงเพราะเริ่มชินกับการที่ที่อยู่ข้างกายเขามาหลายวัน

                “เพราะหนาวไงเลยมาขอไออุ่น…” โอดอล์ฟพูดแล้วหัวเราะ จูบนั่นแทะเล็มนี่ก่อนจะจูบเปลือกตาของมณฑาเทวีแรง ๆ เพื่อบังคับให้เธอสบตาด้วย

                “ตอนนี้ถึงเวลารึยัง หน่วย S.W.A.T หลบไป ขอหน่วยพิศวาสทำงานหน่อยได้ไหม ไหนลองพูดหน่อยสิ พี่ชายขา ฉันหนาว…”
     


    [1] หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (SWAT: Special Weapons and Tactics) คือหน่วยอาวุธและกลยุทธ์พิเศษ เป็นหน่วยตำรวจที่มีความเชี่ยวชาญการใช้อาวุธและยุทธวิธีพิเศษ มีขีดความสามารถในการปฏิบัติการพิเศษต่อภัยคุกคามที่เป็นอาชญากรรม และการก่อการร้าย ด้วยการแย่งชิงตัวประกัน


     

    อัปได้เท่านี้นะคะ ขอฝากที่เหลือแบบ E-Book ด้วยค่ะ

    สามารถซื้อ E-Book ได้ที่ Meb

    กดที่รูปปกใหม่เพื่อนซื้อได้เลย

    ขอบคุณจากใจเลยค่ะ ♡


     

    หรือ >>Click!!<<


    http://24.media.tumblr.com/f781acba7bb9a61d145cea6b2cda4195/tumblr_mwmkcowS7Q1qbetfwo6_1280.jpg
     

    Song :: Lauren Aquilina - King

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×