ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สุภาพบุรุษเสี่ยงรัก [นิยายชุดสุภาพบุรุษลวงรัก]

    ลำดับตอนที่ #4 : Venture Love 🌺 02 Without You ...50%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 20.59K
      130
      6 ธ.ค. 64

    http://24.media.tumblr.com/6cf3ae45cd306d2a42bdf3c2883af59a/tumblr_muev7j4N6b1qbetfwo1_1280.jpg

     

    2

    Without You

    (...50%)

     

     

     

             “จำได้ไหมครับว่าลูกสาวของคุณอยู่ที่ไหนเป็นที่สุดท้าย!” เจ้าหน้าที่ตำรวจถามด้วยความตกใจ เตรียมพร้อมเพื่อช่วยพลเมืองอย่างเต็มที่

             “ตอนนี้ก็อยู่ตรงหน้าผมนี่แหละครับ” เดวิโกเอ่ยตอบ สร้างความสับสนงุนงงกับตำรวจที่รับเรื่องอย่างมาก

             “คุณว่ายังไงนะครับ แล้วลูกสาวของคุณจะลักพาตัวลูกสาวของคุณไปได้ยังไง”

             “ผมก็บอกแล้วยังไงละครับว่ามีคนตั้งใจจะพาตัวลูกสาวผมไป ตอนนี้อยู่ตรงหน้าผมนี่ไง” เดวิโกกระชากเสียงอย่างหัวเสีย และปลุกให้ใครคนหนึ่งลืมตาขึ้นอย่างง่วงงุน

             “คุณอย่าโทรมาก่อกวนแบบนี้จะดีกว่านะครับ สถานีตำรวจไม่ใช่รายการเกมโชว์ที่จะโทรเข้ามาสร้างเรื่องได้นะครับ!” แล้วปลายสายก็ถูกตัดไปอย่างรวดเร็ว

             ทิ้งให้เดวิโกสบถตามหลังด้วยความหัวเสีย ก่อนจะจ้องหน้าผู้หญิงคนหนึ่งที่ค่อย ๆ ยันตัวขึ้นมาจากโซฟาพลางทำหน้าตกใจแกมแปลกใจหวั่น ๆ อยู่ในที

             “คิดจะทำอะไรลูกสาวฉันน่ะ!” เสียงทุ้มของเดวิโกถามอย่างระแวงระวัง พยายามมองลูกสาวตลอดเวลาเพราะหล่อนอยู่ใกล้ดารกาเหลือเกิน กลัวว่าแม่ดอกดาวเรืองตัวน้อยจะถูกพรากไปจากคนไม่ประสงค์ดี

             “เอ่อ ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันคิดว่าตัวเองจะหลับไป” เธอคนนั้นพูดพลางมองหน้างดงามด้วยความตกใจ

             เมื่อเห็นหน้าชัดเจนจึงได้รู้ว่าเขาคือเดวิโก โดโนแวน ที่ไม่เคยเลือนหายไปจากหัวใจเลยแม้แต่น้อย เป็นชายคนเดียวที่ติดตรึงอยู่ในใจจนตัวเองก็ยังตกใจที่คิดถึงเขามากถึงขนาดว่าไม่เคยลืมเมื่อเห็นเกียร์

             กุลฉัตร มองเดวิโกด้วยความหวั่นใจ หัวใจก็ยังเต้นรัวไม่เปลี่ยนไป เธอขยับเสื้อกาวน์สีขาวของตัวเองให้มิดชิดขึ้น หันมองร่างเล็กของแม่หนูดารกาที่หลับสนิทบนโซฟาก่อนจะทิ้งสายตาไว้ที่ชายหนุ่มอีกครั้ง

             สามปีแล้วที่ไม่ได้เจอเขา มาถึงตอนนี้ก็แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย โดยเฉพาะนัยน์ตาสีแปลกที่เป็นสีมรกตเข้มจนกลืนเป็นสีดำนั่น เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่เห็นแวบแรกก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร

             ส่วนแม่ดอกดาวเรืองตัวน้อยคนนี้สูงขึ้น พูดเก่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ส่วนความงดงามก็ฉายชัดว่าเมื่อเติบใหญ่ขึ้นคงเป็นสาวงามที่ยากจะหาใครเทียบเทียม

             “แล้วเธอเป็นใครกัน” เดวิโกถาม ยังไม่ไว้ใจอะไรทั้งนั้น สายตาเพ่งมองผู้หญิงแปลกหน้าที่อยู่ใกล้กับลูกสาวจนน่าตกใจไปพลาง พอเห็นป้ายชื่อที่บอกว่าเป็นพนักงานของโดโนแวนก็พอจะใจชื้นขึ้นมาหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ยอมไว้ใจเต็มร้อยซะทีเดียว

             “ฉันเป็นนักศึกษาฝึกงานที่นี่ค่ะ” กุลฉัตรตอบตามจริง

             และคิดไปถึงนาทีแรกที่ได้เจอกับแม่หนูตัวน้อยอีกครั้ง

             หลังจากที่ผ่านไปเกือบสามปีและไม่เคยเจอกันอีกเลย

     

     

           เรื่องเริ่มต้นจากการที่ดารกาแอบหนีเที่ยวเมื่อเดวิโกออกจากห้องทำงานแล้ว

             คนตัวเล็กเริ่มซุกซนไปทั่วเดินเข้าห้องนั้นออกห้องนี้โดยที่ไม่มีใครได้ทันสังเกต จนกระทั่งมีใครคนหนึ่งเห็นเข้าจนได้

             “แม่หญิงดาวเรือง!

             เมื่อถูกเรียกชื่อดารกาก็สะดุ้ง หันไปสบตาด้วยสีหน้าอาย ๆ ซึ่งคนที่เจอนั้นคือกรแก้ว ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกแล็บ[1]ที่วิจัยกระจกนิรภัย ซึ่งตอนนี้กิจการโดโนแวนกำลังผลิตเป็นชิ้นส่วนอะไหล่สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อยู่ในขณะนี้ ซึ่งก็เป็นกิจการที่รุดหน้าไปอย่างก้าวไกลเติบโตเร็วจนบอร์ดบริหารเองก็ตกใจกับผลกำไรที่ได้รับอย่างมหาศาล ซึ่งทั้งหมดเป็นเพราะว่าโลกเทคโนโลยีเติบโตอย่างรวดเร็วและเข้าถึงผู้คนเกือบทั้งหมดบนโลกนี้

             ตามคุณป๊ามาเหรอคะ” กรแก้วถาม แม่หนูน้อยก็พยักหน้ารับน้อย ๆ กลัวที่จะถูกดุเลยทำสายตาอ้อนเอาไว้ก่อน

             “ค่าแต่ป๊าเดฟติดประชุม แต่บอกให้ดาวเรืองเดินเล่นได้”

           สมแล้วที่แม่หนูน้อยถูกฟักฟูมด้วยสองมือของเดวิโก เพราะช่างเจ้าเล่ห์แสนซนเหมือนกันไม่มีผิด นิสัยท่าทางเหมือนกับคุณป๊าย่อส่วนอย่างไรอย่างนั้น

             กลับไปที่ห้องของคุณป๊าเลยค่ะ เดี๋ยวคุณป๊าก็เป็นห่วงเอานะคะ”

           ถูกดุจากคุณป้ากรแก้วซึ่งเป็นคนที่เคยเห็นหน้าบ่อย ๆ หน้าเล็กน่ารักมุ่ยลงเพราะอยากจะแอบไปเที่ยวสักหน่อย

             เดี๋ยวป้าจะให้พี่เค้าขึ้นไปส่งหนูที่ห้องของคุณป๊านะคะอืม ฉัตร ฉัตร มานี่หน่อย พี่วานอะไรหน่อย กรแก้วร้องเรียกหาใครคนหนึ่ง

             ค่ะ ว่าไงคะ” เจ้าของชื่อที่กำลังนั่งตรวจผลแล็บอยู่ขยับตัวทันที ก่อนจะวางปากกาและถอดถุงมือออกพลางเดินมาหาหัวหน้า

             กุลฉัตรนั้นกำลังฝึกงานอยู่ที่นี่ ซึ่งเป็นเครือของโดโนแวนเช่นเดียวกับมหาวิยาลัยที่เรียนอยู่ นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เธอไม่สามารถลบภาพของเดวิโกออกจากใจได้เลย

             พาคุณหนูคนนี้ไปห้องทำงานของท่านประธานด้วยนะ” กรแก้วแนะนำให้กุลฉัตรรู้จักกับแม่หญิงดาวเรืองตัวน้อย

           เมื่อกุลฉัตรก้มหน้าส่งยิ้มให้สาวน้อยก็ค่อย ๆ หุบยิ้มเปลี่ยนสีหน้าน้อย ๆ เช่นเดียวกับที่ดารกาที่เบิกตากว้างฉีกยิ้มสดใสให้

             พี่สาว แม่หนูดารกายิ้มกว้าง จำได้ทันทีว่าพี่สาวที่เดินเข้ามาใกล้คือใคร

             เช่นเดียวกับกุลฉัตรที่ค่อย ๆ ถอดแว่นออกพลางย่อตัวลงนั่งยอง ๆ ตรงหน้า ส่งยิ้มอ่อนหวานให้แม่หนูน้อยที่ดูน่ารักเหลือเกิน

             “ดาวเรือง

           “ค่า พี่ฉัตร”

             ครั้งนี้ดารกาเรียกชื่อของกุลฉัตรได้ถูกต้องเสียด้วย หญิงสาวเลยยกมือลูบศีรษะเล็กที่ปกคลุมด้วยกลุ่มผมนุ่มหยักศกสีอ่อนด้วยความเอ็นดู

             “พี่ฉัตรมาทำอะไรที่นี่คะ” แม่หนูน้อยถามอย่างสงสัย เงยแหงนหน้าจนคอตั้งบ่าเมื่อกุลฉัตรยืดตัวยืนขึ้นและส่งมือมาให้ ซึ่งดารกาก็จับมือของพี่สาวเอาไว้

             “พี่มาฝึกงานค่ะ และกำลังจะพาหนูดาวเรืองไปส่งที่ห้องทำงานของคุณป๊ากุลฉัตรตอบ พลันนั้นภาพใบหน้างดงามดุกระด้างของเดวิโกโผล่เข้ามาในความทรงจำเมื่อนึกถึงเขา

             “แต่แม่หญิงดาวเรืองยังไม่อยากไป หน้าเล็กน่ารักมุ่ยลงเพราะถูกห้ามความสนุกของตัวเอง ต่อให้ขอร้องอ้อนวอนมากไปกว่านี้ก็เสียเวลาเปล่า เพราะรู้ดีว่าคุณป้ากรแก้วดุมากแค่ไหน

             “ตรงนี้มันอันตรายนะคะ กลับไปดีกว่า เดี๋ยวคุณป๊าไม่เจอก็โดนดุอีก” เสียงหวานของกุลฉัตรว่าอย่างอ่อนโยน

             เธอยังจำได้ว่าเดวิโกรักและหวงแหนลูกสาวคนนี้มากแค่ไหน มากชนิดว่าเธอก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อลูกสาวตัวน้อยได้มากกว่านั้น

             แต่ก็อย่างว่าแหละนะคนเป็นพ่อก็ย่อมที่จะรักและหวงลูกมาก ยิ่งโดยเฉพาะสาวน้อยหน้าตาน่ารักช่างอ้อนแบบนี้

             “พี่ฉัตรเล่นกับดาวเรืองได้ไหมคะ ดาวเรืองเหงา” สาวน้อยอ้อน แววตาเหมือนกระต่ายตัวน้อย

             กุลฉัตรทำหน้าไม่ค่อยดี เพราะงานก็ยังไม่เสร็จ กลัววาดารกาจะไม่เข้าใจเหตุผลด้วย

             กรแก้วที่ได้ยินสองสาวคุยก็ยิ้มตาม เห็นแบบนี้จึงเข้าใจว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อน เอ่ยบอกกับกุลฉัตร นักศึกษาฝึกงานที่ทำงานขึ้นตรงกับตัวเองไปอย่างใจดี

             “ฉัตรช่วยดูแม่หญิงดาวเรืองเถอะ ขืนไม่เล่นด้วย เดี๋ยวแม่หญิงก็แอบหนีเที่ยวอีก” กรแก้วพูดแล้วยิ้ม เห็นดารกายิ้มหวานเหมือนประจบเอาใจก็ส่ายหน้าเอ็นดู

             เด็กคนนี้เหมือนลงนะหน้าทอง[2]เอาไว้อย่างไรอย่างนั้น พูดอ้อนกล่อมคนอื่นได้อย่างชะงักงัน ใครเห็นใครรัก

             “ป้าแก้วน่ารักที่สุดเลยค่า” ดารกาบอกเสียงหวานแล้วก็อ้อนพี่สาวคนสวยต่อ

             “ห้องทำงานของท่านประธานอยู่ชั้นบนสุด หน้าห้องติดป้าย Chairman ก็ห้องนั้นแหละ” กรแก้วบอก ซึ่งกุลฉัตรก็พยักหน้าก่อนจะจูงมือหนูน้อยให้เดินไปด้วยกัน

             “แต่แม่หญิงดาวเรืองอยากกินไอติม ดารกาอ้อน แล้วกำปากจู๋แบบที่อ้อนทุกคนสำเร็จมาแล้วทั้งนั้น

             “ไปรู้จักคำว่าแม่หญิงมาจากไหนกันคะ” กุลฉัตรจับปลายคางเล็กและโยกไปมาน้อย ๆ อย่างมันเขี้ยว

             “คุณย่าจ๋าบอกมาค่ะ บอกว่าชื่อดาวเรืองเหมือนคนสมัยก่อนเลย แล้วคนสมัยก่อนก็เรียกกันว่าแม่หญิง หนูก็เลยกลายเป็นแม่หญิงดาวเรือง ดารกาพูดเสียงหวาน เห็นแบบนี้กุลฉัตรก็ใจอ่อน ยอมพาตัวแม่หนูน้อยลงไปซื้อขนมก่อนจะพากลับไปส่งคืนให้เดวิโก

             ขณะนั้นก็พยายามคิดอยู่ในใจ ว่าคนที่จะเปลี่ยนแปลงไปนั้นคือเดวิโกหรือเปล่า

             มาถึงตอนนี้เลยได้รู้ว่าเดวิโกไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก สายตายังเด็ดเดี่ยวเหมือนเดิม และดูเอาจริงเอาจังมากขึ้นก็เท่านั้น

     

     

             “ลูกผมพาคุณมาที่นี่เหรอ” เดวิโกยังไม่ไว้ใจ เอ่ยถามอย่างระแวงระวัง

             เพราะต้องกรำศึกแย่งชิงตัวลูกสาวกับคลาร์กทุกเมื่อเชื่อวันทำให้เขาเป็นคนที่ไว้ใจอะไรได้ยาก ไม่ยอมเชื่อใจใครทั้งนั้น กลัวว่าคนนั้นคนนี้จะเป็นไส้ศึกให้คลาร์กเลยต้องระวังตัวทุกฝีก้าว

             “เอ่อ ไม่ใช่ค่ะ ฉันเป็นคนพาหนูดาวเรืองมาเอง ดาวเรืองแกแอบลงไปที่ห้องแล็บน่ะค่ะฉันเลยพามาส่งที่นี่ แล้วก็เผลอเล่นกับแกจนหลับไป” กุลฉัตรหัวเราะแก้เก้อทั้งที่ไม่ได้รู้สึกขำเลยสักนิด

             ตรงกันข้าม กลัวเหลือเกินว่าเดวิโกจะไม่ยอมให้ผ่านการฝึกงานเพราะว่าเธอนั้นละเลยหน้าที่ที่ควรประจำการณ์ที่ห้องทำงานมากกว่า

             “ห้องแล็บเหรอ เธอทำอะไรที่นั่น” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเอ่ยถามอย่างสงสัย

             “ฉันเป็นนักศึกษาฝึกงานค่ะ” เธอตอบไป เดวิโกจึงกระจ่างในหลาย ๆ เรื่อง และยอมเชื่อใจมากขึ้น

             “ขอโทษด้วยนะคะ

             “ไม่เป็นไร ดีเหมือนกันที่เธอมาอยู่กับดาวเรือง ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงหาตัวไม่เจอแน่”

             เลี้ยงลูกคนนี้มากับมือทำไมจะไม่รู้เล่าว่าแม่หญิงดาวเรืองดื้อรั้นซุกซนมากแค่ไหน ขนาดว่าเขาที่ขึ้นชื่อว่าตัวร้ายของบ้านโดโนแวนยังตามเล่ห์ความร้ายกาจของแม่หนูน้อยไม่ทันเลย

             “ฉันคงต้องกลับไปทำงานต่อแล้วละค่ะ” กุลฉัตรยิ้มให้พลางขยับตัวแผ่วเบา ด้วยกลัวว่าจะทำให้ดารกาสะดุ้งตื่น

             หัวใจของเธอโหวงเหวงเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเดวิโกชัดเจน

           เขาจำเธอไม่ได้เลยและนั่นทำให้เธอเสียใจอย่างบอกไม่ถูก

             แต่จะทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อเธอเองก็เปลี่ยนไปเยอะเช่นกัน แว่นที่เคยสวมตลอดตอนนี้ก็เปลี่ยนมาสวมเป็นครั้งคราว หันไปใส่คอนแทคเลนส์เพื่อให้คล่องแคล่วเวลาทำงาน ผมเผ้าก็ตัดเรียบร้อยไม่เหลือความยุ่งฟูเหมือนเดิม แถมยังผ่านไปตั้งหลายปีเคยเจอกันก็ไม่กี่ครั้งเท่านั้น

             ก็ไม่แปลกหากว่าเขาจะจำเธอไม่ได้

           “ขอบคุณที่ดูแลดาวเรือง” เดวิโกบอก

             หญิงสาวก็ยิ้มรับยกมือไหว้และค่อย ๆ ล่าถอยออกมาจากห้องทำงานของชายหนุ่มในที่สุด

             เดวิโกมองตามแผ่นหลังบอบบางของสาวเจ้าพลางครุ่นคิดว่าเคยเจอหล่อนที่ไหนแต่ก็คิดไม่ออก คิดว่าตัวเองคงเข้าใจผิดไปเอง เพราะผู้หญิงเอเชียก็มีรูปร่างหน้าตาและบุคลิกคล้าย ๆ กันไปหมด หันไปให้ความสนใจกับลูกสาวที่หลับสนิทบนโซฟาแทน

             “หมดแรงเชียวนะแม่หญิงดาวเรือง” ก้มจูบหน้าผากมนของลูกสาวก่อนจะถอดเสื้อสูทและคลุมแทนผ้าห่มให้ แล้วก็วกกลับไปนั่งทำงานต่อ

             ในตอนนั้นเองที่มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามา เดวิโกมองดูเบอร์แล้วก็กดรับสายอย่างรวดเร็วเพราะเห็นเป็นเบอร์โทรของคนสนิท

             “ไงเฟร็ด มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ”

             “เจ้านายครับ ผมได้รับรายงานว่ามีนักศึกษาสาวของมหาวิทยาลัยโดโนแวนขายตัวครับ” เฟร็ดรายงานด้วยความหนักใจ และได้ยินเสียงร้องอุทานของเจ้านายที่ยิ่งซะกว่าตกใจ

             “ว่าไงนะ!” เดวิโกอุทานลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความตกใจ ส่งผลให้ดารกาขยับตัวยกมือขยี้ตาง่วงงุนขึ้นมาด้วย

             “ผมมีรายงานชี้ชัดครับ แล้วเราควรจะทำยังไงดีครับเจ้านาย”

             “ล่อซื้อมา ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เท่าไหร่ก็เท่ากัน ฉันอยากรู้ว่าทำไมเด็กจากมหาวิทยาลัยของฉันถึงได้ขายตัวในเมื่อมีทุนการศึกษาทุกอย่างแล้ว” เดวิโกคำรามอย่างคั่งแค้น เจ็บเหมือนถูกหยามด้วยการเหยียบหน้ารุนแรง

             ถึงเขาและเอกบุรุษจะเคยท่องราตรีมั่วกับผู้หญิงมามากแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยใช้บริการนักศึกษามาก่อนและเลือกพอสมควร ได้ยินว่าเด็กในมหาวิทยาลัยที่สร้างมากับมือทำเรื่องอัปยศแบบนี้ก็อยู่เฉยไม่ได้ เขาแกล้งฝืนยิ้มเมื่อลูกสาวเดินทำหน้างัวเงียเข้ามา อุ้มลูกนั่งตักแล้วก็ข่มอารมณ์เอาไว้

             “รีบ ๆ จัดการ ถ้ามันเป็นความจริง ฉันจะได้หาทางทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่ทุกอย่างมันจะเลวร้ายมากไปกว่านี้

             “ปาป๊าขา ปาป๊าเครียดอะไรคะ” ดารกาเห็นคุณป๊ากำลังหงุดหงิดเลยกลัวจึงมาอ้อนเพราะรู้ดีว่าเดวิโกจะอารมณ์ดีขึ้นได้อย่างไร

             “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ป๊าว่าคนงานเขาทำงานไม่ค่อยดีค่ะ หนูอย่าห่วงป๊าเลย ป๊าไม่เป็นไรลูก” ปากบอกลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แต่นัยน์ตาของเดวิโกเป็นประกายด้วยความแค้นจัด

             อยากรู้นักว่ากิจการขายตัวที่ว่านั่นทำเป็นขบวนการเลยหรือเปล่า และมีบุคลากรในมหาวิทยาลัยเคยใช้บริการนักศึกษาเหล่านี้หรือไม่ ยิ่งคิดยิ่งเครียด บอกตัวเองว่าจะไม่ยอมทำให้ชื่อเสียงของโดโนแวนต้องมาเสื่อมเสียด้วยเรื่องแบบนี้อย่างเด็ดขาด

     

     

             กุลฉัตรแต่งตัวในห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งอย่างพิถีพิถัน ไม่บ่อยนักที่เธอจะแต่งตัวสวย ๆ หรูหราและเซ็กซี่แบบนี้ เพียงแต่คืนนี้เป็นงานฉลองบายเนียร์[3]ของคณะ จึงต้องแต่งสวยมาร่วมงานเพื่อให้เกียรติงาน

             ปีนี้เธอก็อยู่ปีสูงแล้ว ใกล้จะเรียนจบเข้าไปแล้วทุกที ปีนี้รุ่นของเธอเป็นฝ่ายจัดให้รุ่นพี่ปีสี่จึงได้จองห้องเอาไว้ด้วยเพื่อที่คนอื่น ๆ จะได้จัดการแต่งตัวก่อนจะเข้างานได้

             เธอแต่งตัวช้ามากเป็นคนสุดท้ายที่อยู่ในห้องเพราะไม่เคยแต่งหน้าแต่งกายแบบนี้มาก่อน ตอนที่ติดต่างหูนั้นเอง ประตูห้องก็ถูกเคาะและตามมาด้วยร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งที่เข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม

             “ไง ป๊อบ” กุลฉัตรทักเพื่อนชาย ซึ่งกำลังคบหาดูใจกันอยู่

             แต่ด้วยเรียนหนักกันทั้งคู่และแทบไม่มีเวลาให้กัน บางครั้งกุลฉัตรก็คิดว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรกับ ปยุตหรือป๊อบเลยแม้แต่น้อย คล้ายกับเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันมาเท่านั้นเอง

           “เห็นไม่ลงไปสักทีเลยขึ้นมาตาม ยังแต่งตัวไม่เสร็จเหรอ” ปยุตถามก่อนจะส่งแก้วน้ำให้หญิงสาวไป

             กุลฉัตรรับมาจิบด้วยความกระหายมองหน้าอีกฝ่ายอย่างขอบคุณ

             “ใกล้แล้วละ ขอทำผมก่อนนะ ตอนนี้ยุ่งไปหมดเลย” หญิงสาวตอบ ไม่แปลกใจหรือตกใจแต่อย่างใดที่ปยุตเข้ามาในห้อง เป็นเพราะก่อนหน้านี้เพื่อนทั้งหญิงชายก็รวมตัวกันในห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัวกันเต็มห้องอยู่ก่อนแล้ว

             “อื้อ งั้นเดี๋ยวเรารอ แล้วค่อยลงไปพร้อมกัน”

             “แล้วนี่รุ่นพี่มากันครบยังอะ งานเริ่มยัง?” เสียงหวานถาม สาละวนกับการม้วนผมขึ้นแล้วก็ใช้ปิ่นปักเอาไว้

             “ยังเลย ไม่ต้องรีบมากก็ได้” ชายหนุ่มตอบ ยกนาฬิกาที่คาดบนข้อมือขึ้นมาดูเวลาสองสามครั้ง

             หญิงสาวสำรวจตัวเองอีกครั้งแล้วก็ลุกขึ้นจากโต๊ะเครื่องแป้ง ส่งยิ้มให้เพื่อนชายแล้วก็พากันเดินออกไปพร้อมกัน

             แต่ไม่นานร่างบางก็เริ่มเซ รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาเฉย ๆ จนปยุตต้องเข้าไปประคอง

             “ไม่สบายเหรอฉัตร เราว่าฉัตรน่าจะนั่งพักก่อนนะ” เขาว่าและพาเธอกลับไปที่ห้องพัก ทว่าไม่ใช่ห้องเดิมที่เพิ่งเดินออกมาเลย

             กุลฉัตรเองก็ไม่ทันได้สังเกตเพราะหน้ามืดเวียนหัวไปหมด

             “นั่งพักก่อนนะ” น้ำเสียงของปยุตเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาวางร่างบางของเพื่อนสาวลงที่เตียงก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง จากนั้นก็ยกโทรศัพท์ต่อสายถึงใครบางคนอย่างระแวงระวัง

             “เสี่ยยุทธครับ เรียบร้อยแล้วนะครับ มาที่ห้องได้เลย คนนี้ผมรับประกันว่าซิงแท้แน่นอนจริง ๆ ครับ

           “แน่ใจนะ” ปลายสายถามมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัยจริงจัง ทำให้ปยุตร้อนเหงื่อซึมไปทั้งตัวก่อนจะยืนยันอีกครั้งอย่างมั่นใจ

             “แน่ใจครับเสี่ย ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้อง 213 ตามที่เสี่ยบอกเอาไว้แล้วครับ”

             “งั้นก็ดี เดี๋ยวฉันจะรีบไป” เสี่ยใหญ่แทบจะทนรอเวลาไม่ไหว ได้ยินว่ามีเด็กสาวนักศึกษาหน้าตาสะสวยนอนรออยู่บนเตียงก็คึกคึกกระปรี้กระเปร่าเหมือนเวลาย้อนกลับไปเป็นหนุ่ม ยิ่งโดยเฉพาะเด็กสาวหน้าตาสะสวยจากมหาวิทยาลัยมีชื่อด้วยแล้วก็ยิ่งอยากเจอโดยไว

             “ครับ ผมจะรออยู่ตรงนี้ครับ รีบมาหน่อยนะครับ ยาสลบชนิดอ่อน เดี๋ยวคงหมดฤทธิ์แล้วครับ”

             “กูรู้แล้วน่า กำลังจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ยาหมดฤทธิ์ไวนั่นแหละดี ไม่ชอบนอนกับท่อนไม้ทื่อ ๆ แล้วเด็กคนนี้สวยมากใช่ไหม”

             “ครับ สวยมาก” ปยุตบอกด้วยน้ำเสียงสุดเสียดาย

             ทำไมจะไม่เสียดายกุลฉัตรเล่า ในเมื่อหล่อนทั้งสวยทั้งน่ารัก แถมยังเรียนเก่งเอาการเอางาน แต่ทั้งหมดเป็นเพราะเขาติดหนี้พนันบอลและไม่รู้จะหาทางไหนเพื่อใช้หนี้จำนวนมหาศาล ซึ่งนักศึกษาที่ได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยอย่างเขาไม่มีทางจะใช้หนี้คืนได้ทั้งหมดแน่ สุดท้ายเมื่อได้รับคำแนะนำว่าใช้แฟนขัดหนี้ก็คิดถึงกุลฉัตรขึ้นมาได้

           แต่ถ้าจะให้พูดออกไปตามตรงก็คงถูกตบและเข้าหน้ากันไม่ติด เพราะถึงจะเป็นแฟนกัน แต่ความสัมพันธ์ก็เหมือนเพื่อนร่วมคณะที่ใส่ใจกันมากกว่าใครเท่านั้น ปยุตเองก็เบื่อหน่ายยามที่กุลฉัตรพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้แตะเนื้อต้องตัวทั้งที่คบหาดูใจกันแล้วแท้ ๆ

             และด้วยความอิจฉาที่มีใต้เงามืดในใจลึก ๆ ที่หญิงสาวเรียนเก่งทำคะแนนได้ดีมาตลอด แถมยังได้เข้ารับการฝึกงานในบริษัทใหญ่อีกด้วย ทุกอย่างผลักดันให้เขาจัดการขายเธอให้กับเสี่ยใหญ่ที่เป็นเจ้าหนี้

             แม้จะลังเล แต่เมื่อคิดว่ายังสามารถใช้ประโยชน์จากกุลฉัตรได้ต่อไปในอนาคตก็พยายามไม่คิดถึงความเสี่ยงพวกนั้น นอกจากจะได้ใช้หนี้แล้ว เขาก็ยังสามารถใช้เรื่องนี้แบล็กเมลหญิงสาวต่อไปได้เรื่อย ๆ เช่นกัน

             “ขอโทษนะฉัตร แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แล้วเราจะแต่งงานกันและอยู่ด้วยกันตลอดไปยังไงล่ะ” ปยุตบอกอย่างเห็นแก่ตัว ภาวนาให้เจ้าหนี้เดินทางมาถึงโดยเร็วก่อนที่กุลฉัตรจะฟื้นคืนสติ เขาไม่อยากให้เธอรู้เรื่องว่าเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด ตั้งใจจะเข้ามาเป็นพระเอกขี่ม้าขาวช่วยปลอบประโลมและขอแต่งงาน

             เชื่อสิ ว่าผู้หญิงที่ถูกขืนใจมาหมาด ๆ ยังไงก็ต้องซึ้งใจอย่างแน่นอน คิดแบบนั้นแล้วก็ลอบชำเลืองมองดูแฟนสาวที่หลับสนิทไม่รู้เรื่องบนเตียงอีกหน

             ความรู้สึกหลายอย่างกำลังตีกันอย่างรุนแรงในหัว แต่สุดท้ายด้านมืดก็มีอิทธิพลเหนือกว่า ผลักดันให้ปยุตเดินหน้าตามแผนการเดิมที่ได้วางเอาไว้ต่ออย่างเลือดเย็น

             “มันช่วยไม่ได้จริง ๆ ฉัตร

     



    [1] ห้องทดลอง หรือ ห้องปฏิบัติการ หรือเรียกว่า ห้องแล็บ (Laboratory) คือสถานที่ซึ่งอยู่ในสภาวะที่ถูกควบคุม และเป็นที่สำหรับการวิจัย การทดลอง และการวัดทางวิทยาศาสตร์หรือทางเทคนิค ห้องปฏิบัติการทางวิยาศาสตร์นั้นพบได้ใน โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย อุตสาหกรรม สถานที่ทางราชการหรือทหาร รวมไปถึงเรือและยานอวกาศ

    [2] นะหน้าทอง เป็นศาสตร์ที่มีอำนาจสูงส่งทางด้านการส่งเสริมดวงชะตาบารมี เสริมสิริมงคล รวมไปถึงเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ และโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง

    - สืบเนื่องมาจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ กล่าวคือ ภายในเรื่องรามเกียรติ์นั้นมี พระลักษณ์ ซึ่งมีรูปกายเป็นสีทอง มีศักดิ์เป็นน้องของพระราม พระลักษณ์นี้มีลักษณะ สง่างาม เป็นที่รักของมนุษย์และเทวดา ด้วยคุณของพระลักษณ์ดังกล่าวมานี้ ในกาลต่อมาจึงได้ถือเป็นคติในการสร้างวิชาสายเมตตามหานิยม และมหาเสน่ห์ นะหน้าทองคือวิชาไสยศาสตร์ที่มีอำนาจ ทางเมตตามหานิยม

    [3] บายเนียร์ (Bye Senior) เป็นงานเลี้ยงอำลารุ่นพี่ที่จะจบการศึกษา โดยจะเรียกเต็ม ๆ ว่าบายซีเนียร์ มีขึ้นเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้อง



    นิยายเรื่องนี้หมดสัญญากับทางสำนักพิมพ์แล้ว

    มู่เลยนำมาทำ E-Book เองค่ะ

    สามารถซื้อ E-Book ได้ที่ Meb เลยนะคะ

    กดที่รูปปกใหม่เพื่อนซื้อได้เลยค่ะ

    ขอบคุณจากใจมาก ๆ เลยนะคะ


    หรือ >>Click!!<<

    http://25.media.tumblr.com/f53d54da0a6bad93ec675e7c71687761/tumblr_muev7j4N6b1qbetfwo2_1280.jpg


    Song :: 모리(Morrie) - Rainy Day

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×