ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สุภาพบุรุษเสี่ยงรัก [นิยายชุดสุภาพบุรุษลวงรัก]

    ลำดับตอนที่ #2 : Venture Love 🌺 01 You Got Me Beggin’ ...50%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 22.55K
      185
      14 พ.ย. 64

    http://31.media.tumblr.com/264afa064991171c9ba7861cd91d2148/tumblr_mtbu9t96sr1qbetfwo1_1280.jpg

     


    1

    You Got Me Beggin’

    (...50%)

     

     

     

           “กรี๊ดดด!

             กุลฉัตร โสภสวัสดิ์ กรีดร้องเสียงแหลมเมื่อเห็นสมุดของตัวเองถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หัวอกจะสลายเพราะในนั้นมีรายชื่อรุ่นพี่และเพื่อนรุ่นร่วมสองร้อยกว่าชื่อที่ตามล่ามาด้วยความยากลำบาก

           เด็กสาวอยู่ในชุดนักศึกษาหลวมโคร่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิงชี้ฟูไม่เป็นทรงรวมไปถึงแว่นตาขนาดใหญ่ เมื่อเคลื่อนไหวร่างกายเร็วขึ้นก็ทำให้ภาพของเธอในสายตาของเดวิโกไม่ต่างจากซาดาโกะจากหนังผีเลย

             “พี่ทำอะไรคะ!” เธอถาม แม้จะเห็นอยู่กับตาแล้วว่าเขาฉีกมันทิ้ง

             ร่างบางทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง เชื่อได้เลยว่าหลังจากนี้พี่ว้ากเอาตายแน่ กำหนดส่งรายชื่อพวกนี้คือคืนวันศุกร์ซึ่งคืออีกสองวันต่อจากนี้ สาวน้อยช้อนสายตาของดูร่างสูงที่ทำหน้าเรียบเฉยด้วยความเจ็บปวด

             “แหม อย่ามาทำเป็นไร้เดียงสาหน่อยเลย เธอแกล้งเอาทะเบียนสมรสสอดมาเพื่อจะจับฉันอย่างนั้นเหรอ ไม่มีวันซะล่ะ!” เดวิโกพูดเสียงเครียด ใบหน้าก็เครียดขึ้งตามไปด้วย ขณะที่กุลฉัตรก้มตัวเก็บเอาเศษซากกระดาษด้วยหัวใจร้าวราน เธอคิดอยู่นานกว่าจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร

             “แถมมีใบกู้เงินอีกนะ ฝันไปเถอะ!

             “พี่เข้าใจผิดนะคะ” ร่างบางลุกขึ้นหลังจากที่เก็บเอาเศษสมุดที่ถูกฉีกทิ้งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยขึ้นมา น้ำตาร้อนผ่าวเอ่อคลอก่อนจะอธิบายเรื่องให้ฟัง

             “ไอ้แผ่นเอกสารนั่นฉันเรียนวิชาเสริมค่ะ อาจารย์ให้ศึกษารูปแบบการพิมพ์แล้วก็ทำส่ง ฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับพี่นะคะ” ว่าแล้วกุลฉัตรก็ร้องไห้ เพราะหมดหวังที่จะได้รายชื่อทั้งหมดคืนมาภายในคืนพรุ่งนี้ซึ่งเป็นเส้นตายของพี่ว้ากที่สั่งเอาไว้

             หากว่าเธอไม่ได้รายชื่อพวกนั้นก็แสดงว่าทำกิจกรรมประชุมเชียร์รับน้องไม่ครบถ้วน แล้วทีนี้เกียร์[1]ที่ใฝ่ฝันว่าจะได้มันห้อยคอก็คงสลายตามไปด้วย

             “จริงง่ะ” เดวิโกเลียบเคียงถาม

             “พี่คะ” กุลฉัตรร้องไห้สะอื้นด้วยความเสียใจ

             นักศึกษาปีหนึ่งอย่างเธอ ถึงจะเป็นผู้หญิงแต่ก็อยากได้เกียร์ไว้เป็นเครื่องเตือนใจว่ากว่าจะผ่านจุดนี้มาได้ก็ยากเย็นเข็ญใจ เป็นเครื่องหมายที่สำคัญยิ่งสำหรับตนเอง

             เดวิโกเหลือบสายตาเห็นหนังสือเล่มหนาว่าด้วยวิชาการพิมพ์ก็รู้ว่าสาวน้อยไม่ได้โกหก อันที่จริงเขาก็รู้มาบ้างว่าการเข้าห้องเชียร์ หรือประชุมเชียร์มันหนักมากแค่ไหน ไม่ว่าจะถูกพี่ว้ากกดดันตะคอกใส่ต่าง ๆ นานา ไหนจะต้องตะเบ็งเสียงร้องเพลงประจำคณะและมหาวิทยาลัยให้ครบเกือบทุกเพลง กว่าจะออกจากห้องเชียร์ได้ก็ดึกดื่น ตอนเช้าก็ยังต้องเข้าเรียน แถมยังต้องวิ่งวุ่นล่ารายชื่อรุ่นพี่ตามคำสั่งอีกด้วย สาวน้อยร่างบางร้องไห้กลางแจ้งแบบไม่กลัวอายเลยแน่ใจว่าเธอไม่ได้โกหกแน่

             “แล้วหนูจะทำยังไง ฮือ ๆเดี๋ยวก็จะเข้าประชุมเชียร์แล้ว หนูคงไม่ได้เกียร์แน่” สาวน้อยร้องไห้อย่างหมดแรง กอดสมุดรายชื่อเอาไว้ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

             “ไม่เอา ๆ อย่าร้องไห้แบบนี้สิ เดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าฉันรังแกเธอ” เดวิโกพยายามปลอบใจ แต่เธอยังร้องไห้ไม่เลิก

             “เอาละ ไหนบอกซิ ว่าต้องหารายชื่อกี่คน”

             “สะ สองร้อยชื่อค่ะ” เธอพูดเสียงขาดหายเพราะแรงสะอื้น

             “สองร้อย” ชายหนุ่มทวนคำพลางถอนหายใจ ไม่อยากคิดเลยว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง

             “พี่คะ หนูอยากได้เกียร์ พี่เองก็เรียนวิศวะมาก่อน พี่คงเข้าใจว่าหนูอยากได้จริง ๆ” กุลฉัตรร้องไห้จนดวงตาบวมแดง หัวคิ้วและปลายจมูกแดงเรื่อ เสียใจจนพูดด่าว่าไม่ออก

             ซึ่งเดวิโกก็ได้แต่ทำหน้าเสียใจ เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลย

             “เอาละ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ อย่าร้องไห้เลยนะ”

             รู้ดีว่าขอโทษไปก็เท่านั้น เพราะสาวน้อยยังร้องห่มร้องไห้เสียใจไม่เลิกรา

             “แล้ววันนี้มีเรียนอีกไหม” เขาถามต่อ เพราะกุลฉัตรไม่ยอมตอบอะไรซะแล้ว ได้ยินแค่เสียงสะอื้นฮักเท่านั้น

             “งั้นฉันจะช่วยขอรายชื่อกับเธอเอง ว่าแต่ชื่ออะไรล่ะ เราน่ะ”

             ได้ยินแบบนั้นกุลฉัตรก็ช้อนสายตาผ่านดวงตาบวมแดงขึ้นมองคนตัวสูงอย่างชั่งใจ เมื่อได้เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดเจนหัวใจก็เต้นแรงรัว เพราะเขารูปหล่ออย่างหาตัวจับได้ยาก

             ร่างกายของเขาสูงโปร่งแต่แน่ใจว่าใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดนั้นคงเต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนสุขภาพดี รวมถึงใบหน้าที่หล่อเหลากระชากใจจนแทบลืมหายใจ เครื่องหน้าทุกชิ้นดูงดงามราวกับถูกจัดเรียงไว้อย่างเหมาะเจาะโดยฝีมือช่างจิตกรมากฝีมือ

             และที่ดูอันตรายที่สุดเห็นจะเป็นนัยน์ตาสีมรกตเข้มที่เกือบจะเป็นสีดำสนิท ตรึงสายตาและความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้ได้อย่างชะงักงัน

             “ว่าไง เธอชื่ออะไร” เดวิโกถามซ้ำเมื่อหญิงสาวเอาแต่จ้องไม่ยอมตอบคำถามก่อนหน้านี้

             กุลฉัตรเองก็กะพริบตาถี่ หัวเราะแก้เก้อทั้งยังร้อนผ่าววูบวาบตามแก้มใสที่ร้อนเห่อขึ้นมา

             สงสัยอากาศร้อนไป แก้ตัวบอกตัวเองแบบนั้น แล้วก็กระซิบถามกลับ

             “เมื่อกี้พี่ว่ายังไงนะคะ” ถามไปแล้วก็อยากจะกรี๊ด เธอเอาแต่มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาจนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยเหรอเนี่ย

             “ถามว่าเธอชื่ออะไร” ชายหนุ่มย้อนถาม

             ซึ่งสาวน้อยก็ฉีกยิ้มกว้าง ไม่เข้าว่าทำไมต้องยิ้มให้เขา ทั้งที่ควรจะเตะหน้าแข้งเขาสุดแรงสักสองสามทีแท้ ๆ

             “กุลฉัตรค่ะ เรียก ฉัตรก็ได้ค่ะ

             “ฉัน เดฟ

             ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะพูดอะไรไปมากกว่านั้น เสียงเรียกแหลมเล็กเจื้อยแจ้วก็แว่วมาแต่ไกล

             “ปาป๊าขาปาป๊าขา ไอติมอร่อยมากค่า!

           สายตาสองคู่หันมองร่างเล็กที่วิ่งฝ่าแดดมาแต่ไกล และวินาทีต่อมาเดวิโกก็ย่อตัวลงอ้าแขนรับร่างเล็กของลูกสาวที่วิ่งมาหาทันที

             กุลฉัตรมองตามทุกความเคลื่อนไหว หัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นเดวิโกยืดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางส่งยิ้มให้

             “หวัดดีพี่ฉัตรหน่อยลูก ธุจ้าแล้วก็ยิ้มหวานด้วยนะคะ”

             “ธุค่า” ดาวเรืองตัวน้อยยกมือไหว้กุลฉัตรตามที่บิดาสั่งอย่างน่ารัก ซึ่งทำให้กุลฉัตรรับไหว้อย่างงุนงง อดตกใจไม่ได้ที่ชายหนุ่มมีลูกแล้วตั้งแต่ยังหนุ่มขนาดนี้

             “หนูชื่อดาวเรืองค่า” แม่หนูน้อยฉีกยิ้มกว้าง แล้วก็ส่งไอศกรีมแท่งให้บิดาได้ลองชิม

             “ชื่นใจป๊า” เดวิโกหัวเราะแล้วก็จูบแก้มใสของลูกสาวด้วยความรัก ส่งผลให้คนมองใจเต้นแรง ยามที่เขากอดลูกหอมลูกดูเซ็กซี่อบอุ่นอย่างเหลือร้าย

             “เราจะกลับบ้านกันได้ยังค้า” ดารกาถามต่อ แล้วก็ยื่นแท่งไอศกรีมสีสดใสให้พี่สาวอย่างผูกมิตร ซึ่งกุลฉัตรส่ายหน้ายิ้มหวานเป็นการปฏิเสธ

             “ยังก่อนนะยัยหนู เรามีงานต้องทำค่ะ”

     

     

             กุลฉัตรยกมือปิดหน้าเอาไว้เมื่อเห็นเดวิโกตรงดิ่งเข้าไปหากลุ่มนักศึกษาชายกลุ่มใหญ่ตรงหน้า ซึ่งชั้นปีที่สองขึ้นไปนั้นจะผูกไทสีเลือดหมูเข้มเพื่อบอกให้รู้ว่าเป็นรุ่นพี่เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ เพื่อที่รุ่นน้องจะได้ตามหาตัวได้ง่าย ๆ เป็นการกระชับมิตรทำให้รู้จักกันในคณะมากยิ่งขึ้น

             ความจริงแล้วสาวน้อยคิดว่าตัวเองใจกล้าหน้าด้านพอสมควรที่เคยปรี่เข้าไปขอลายเซ็นของเหล่ารุ่นพี่ ไม่ว่าจะแลกมาด้วยการแหกปากร้องเพลงเชียร์จนแสบคอ หรือไม่ก็ให้เต้นเพื่อแลกกับรายชื่อเหล่านั้น แต่ไม่เคยเห็นว่าใครจะกล้าเท่าชายหนุ่มลูกครึ่งนัยน์ตาสีแปลกคนนั้นเลย

             ถึงแม้จะเต้นไม่เป็น แต่เมื่อมีคนร้องเพลงเดวิโกก็พร้อมจะส่ายเอว โยกจนแทบจะหลุดโลกเสียให้ได้ โดยมีแม่หนูตัวน้อยถือพู่คอยเชียร์เย้ว ๆ ข้างคุณพ่อ

             “มันกล้าว่ะ!” รุ่นพี่คนหนึ่งว่า เมื่อเห็นลีลาการออกสเต็ปของเดวิโกที่สุดสวิงริงโก้อย่างเมามัน

             “ไก่ย่างถูกเผา เอ้า มันจะถูกม้ายเสียบ มันจะถูกม้ายเสียบ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา เอ้า! ร้อนจิง ๆ ร้องจิน ๆ!~ ดารกาตัวน้อยร้องเพลงเป็นคอรัสให้ผิด ๆ ถูก ๆ เรียกสายตาและเสียงหัวเราะเอ็นดูจากใครหลายคนได้อย่างดี แล้วยังถูกเก็บภาพความน่ารักน่าชังเอาไว้ด้วย

             “ปาป๊าขา เต้นอีก เต้นอีก!” แม่ดอกดาวเรืองกระโดดเหยง ๆ หัวเราะสะบัดพู่เชียร์ในมือแสนจะร่าเริงนัก

             เดวิโกได้ยินลูกยุก็ยักย้ายส่ายสะโพกเข้าอีกจนกุลฉัตรแทบจะทนมองไม่ได้ อายเหลือเกินที่เห็นพ่อคุณพ่อขนุนหนังสุขสุดขีดที่ได้เต้นอย่างเมามันแบบนั้น

             หลายคนเข้ามามุงดูสองพ่อลูก และแน่นอนว่าได้ลายเซ็นไปหลายชื่อภายในเวลาแค่ไม่ถึงสิบนาที ดารกายิ้มแป้น รีบเอาสมุดไปอวดพี่สาวทันที

             กุลฉัตรสงสารแม่หนูน้อยที่แก้มแดงก่ำเหมือนจะเป็นลมเลยอุ้มตัวดารกาแล้วเดินหนีไปทางอื่น ทิ้งให้เดวิโกอยู่กับกลุ่มรุ่นพี่ที่ยังสั่งให้เต้นเพลงนั้นเพลงนี้ไม่หยุด เดินไปขอรายชื่อพี่คนอื่นแทน

             ดูเหมือนว่าแม่ดอกดารกาตัวน้อยก็กำลังมีความสุขเหลือเกิน จำได้ตอนที่ไปเที่ยวกับแด๊ดดี้คลาร์ก แล้วเจอกิจกรรมกอดฟรี (Free Hug) มาแล้ว เลยบอกให้พี่สาวกุลฉัตรเขียนอะไรบางอย่างที่หน้ากระดาษให้หน่อย

             “กอดแลกชื่อเหรอคะ?” กุลฉัตรทวนคำ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าแม่หนูน้อยคงจะช่วยล่ารายชื่อให้แน่

             “ช่ายค่า เดี๋ยวดาวเรืองช่วยพี่ฉัตรเองค่า” หนูน้อยบอกอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่กุลฉัตรยังไม่กล้า เพราะดูจากท่าทางแล้วเดวิโกหวงเด็กคนนี้เสียยิ่งกว่าอะไร แถมไม่ใช่ลูกหลานของเธอเองเสียด้วย

             “เขียนสิค้าได้ชื่อเยอะนะเออ” ดารกาพยักหน้าขึงขัง เพราะตอนนั้นจำได้ว่าพี่สาวคนสวยที่ยืนถือป้ายกอดฟรีถูกใคร ๆ สวมกอดตั้งหลายครั้งแน่ะ

             “แต่ว่าน้า มันจะดีเหรอคะดาวเรือง” กุลฉัตรยกมือลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดู เช็ดเหงื่อที่ผุดพรายให้ด้วย

             แม่หนูน้อยคนนี้น่ารักน่าเอ็นดู ปากนิดจมูกหน่อย ส่อเค้าความสวยชนิดที่ว่าหาตัวจับได้ยาก โตไปคงสวยมากเพราะแค่นี้ก็เห็นความสวยชัดเจนโดดเด่นมากเหลือเกิน

             “ดีค่าดี แล้วพี่จะได้มีชื่อเยอะ ๆ ไงคะ” หนูน้อยพยักหน้าอีกแบบไม่กลัวว่าคอจะเคล็ด

             กุลฉัตรเลยไม่ขัดศรัทธาเขียนป้ายกอดแลกชื่อให้หนูน้อยไปทันที ซึ่งดารกาก็ยืนชูป้ายกลางคณะวิศวกรรมศาสตร์เพื่อช่วยรวบรวมรายชื่อให้พี่สาวกุลฉัตรอย่างขยันขันแข็ง

             หลายคนเข้ามากอดแม่หนูน้อยโดยไม่ลังเลเพราะความน่ารักน่าเอ็นดู

             “กอดดาวเรืองแล้วเขียนชื่อด้วยนะเออ” นักธุรกิจตัวจิ๋วยื่นสมุดส่งให้หนุ่มสาวคณะวิศวกรรมศาสตร์แบบไม่ยอมขาดทุน หลายคนหัวเราะเอ็นดูกันไม่หยุด โดยเฉพาะกุลฉัตรที่มองด้วยความซึ้งใจ

             “ขอจุ๊บหน่อยได้ไหมคะ” นักศึกษาปีสี่คนหนึ่งถามอย่างมันเขี้ยว แก้มใสแดงก่ำเพราะอากาศร้อนทั้งเจ้าตัวยังวิ่งซนไปด้วย ดารกาไม่คิดมากพยักหน้าให้อย่างง่ายดายซ้ำยังเอียงแก้มให้จูบด้วยตัวเองเสียนี่

             “เขียนชื่อให้ดาวเรืองด้วยน้าค้า ขอบคุณค่า จุ๊บ ๆ!

             ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรายชื่อก็ถูกเติมเต็มลงในสมุดบันทึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการช่วยเหลือของสองพ่อลูกอย่างเดฟและดารกา กุลฉัตรเองก็ไม่อยู่เฉย ขยับตัวขอรายชื่อรุ่นพี่จนเหลืออีกไม่เท่าไหร่ก็จะครบตามกำหนดที่รุ่นพี่ได้กำหนดเอาไว้แล้ว

             เพื่อนในกลุ่มหลายคนพากันตกใจเมื่อรู้ว่าสมุดรายชื่อของเธอถูกฉีกไป และได้นักเต้นรุ่นจิ๋วมาช่วยล่าหารายชื่อของเหล่ารุ่นพี่

             “ชื่อดาวเรืองเหรอคะ น่ารักจัง ฝรั่งจ๋าขนาดนี้ชื่อดาวเรือง” พิมพ์อรุณพูดแล้วก็ดึงหนูน้อยมากอดมาเช็ดเหงื่อให้ เมื่อดารกาหมดแรงจะวิ่งซนแล้ว

             “ปาป๊าตั้งห้ายค่า” หนูน้อยตอบเสียงใสก่อนจะดูดน้ำหวานที่ได้จากพี่สาวคนสวยดับกระหาย

             “หนูเป็นลูกครึ่งใช่ไหมคะดาวเรือง” เด็กสาวคนหนึ่งย่อตัวถามดารกา แต่หนูน้อยทำหน้างงเพราะไม่เข้าใจความหมายที่ได้ยิน

             “คงจะลูกครึ่งแหละ เพราะพ่อเค้าก็ดูฝรั่งจ๋าเหมือนกัน” กุลฉัตรตอบ แล้วก็เห็นร่างสูงของเดวิโกเดินมาแต่ไกล

             เสื้อผ้าหรูหราที่เคยเนี้ยบไม่มีรอยยับตอนนี้หมดสภาพ ชายหนุ่มยับยุ่งตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเซ็กซี่อย่างร้ายกาจ ยิ่งตอนที่ยกมือขยี้ผมที่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ คนมองก็แทบจะหยุดหายใจดื้อ ๆ

             “ดาวเรืองลูก!” เขาเรียกลูกสาว ซึ่งแม่หนูน้อยก็ขยับตัวบนตักพี่สาวพิมพ์อรุณทันที

             “ขาปาป๊า

             “มากวนพี่ ๆ เค้าไหมเนี่ยเรา มานี่เลย” เดวิโกกราดยิ้มให้สาว ๆ ทุกคน ทำเอาเด็กสาวแต่ละนางอ้าปากค้างหัวใจแทบหยุดเต้นรอมร่อ เขาอุ้มตัวลูกสาวก่อนจะส่งสมุดรายชื่อให้กุลฉัตรไป

             “ได้ไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็เยอะอยู่เหมือนกัน ขอโทษด้วยนะครับที่ฉีกสมุดนั่นทิ้งไป เราต้องไปแล้ว ขอตัวนะครับ” พูดจบก็เดวิโกก็โปรยยิ้มให้กลุ่มเด็กสาวอีกครั้งพร้อมกับพาตัวดารกาจากไป

             แม่หนูน้อยโบกมือลาพวกพี่สาวรัว ๆ ส่งจุ๊บแล้วก็ฉีกยิ้มกว้างไม่ว่าใครเห็นก็พากันยิ้มตามไปด้วย

             “ใครน่ะฉัตร หล่อเป็นบ้าเลย” เสียงหนึ่งถามขึ้นหลังจากที่ตะลึงอยู่อึดใจหนึ่ง

             “ไม่ใช่รุ่นพี่ของเราเหรอ”

             “ใช่ที่ไหนล่ะ คณะเราไม่มีใครที่หล่อขนาดนี้เลยนะ!” อีกเสียงแย้ง ทำให้กุลฉัตรกะพริบตาถี่ด้วยความงุนงง

             “นั่นสิ แล้วเขาเป็นใครล่ะ” กุลฉัตรถามตัวเองเสียงแผ่ว ก้มหน้ามองสมุดในมือแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ บอกไม่ถูกในอกข้างซ้าย

     

     

             แต่ไม่นานต่อมากุลฉัตรก็รู้จักเขา และรู้จักอย่างดีด้วย

             เมื่อพบว่าชายหนุ่มที่ช่วยให้เธอล่ารายชื่อได้ครบตามกำหนดนั้นไม่ใช่รุ่นพี่อย่างที่เข้าใจ แต่เขาเป็นถึงอาจารย์เดวิโก โดโนแวน เจ้าของผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว แล้วก็ยังเป็นอาจารย์สอนวิชากลศาสตร์สำหรับเด็กปีหนึ่งด้วย

             “มาหาผมทำไมเหรอ?” เดวิโกถามยิ้ม ๆ เมื่อเห็นกุลฉัตรขอเข้าพบในห้องทำงานในวันหนึ่ง

             “บอกก่อนนะ ผมไม่ค่อยสนใจเด็กเท่าไหร่” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ แต่เด็กสาวไม่เข้าใจอะไรที่เขาพูดเท่าไหร่นัก

             “จะมาขอเกรดแลกกับอะไรล่ะ

             ชายหนุ่มทิ้งสายตา มองดูร่างบางในชุดนักศึกษาตัวใหญ่ไปด้วย

             “จะมาขอแลกเกรดจริงเหรอ” เดวิโกพูดแล้วก็ยิ้มหวาน แต่คนฟังอย่างกุลฉัตรอ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่เป็นครูบาอาจารย์จะกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมา

             “ล้อเล่นน่า นั่นลงเถอะคุณ ชื่ออะไรแล้วนะ มีธุระอะไร”

             แล้วเดวิโกก็เปลี่ยนท่าที ยิ้มสดใสเป็นมิตรให้เธอแทน อดส่ายหัวกับตัวเองไม่ได้ที่พูดอะไรไม่เข้าท่าออกไป เขาคิดว่าคงจะทำให้เธอหัวเราะ แต่คงจะพูดเกินไปหน่อย คราวหลังต้องระวังมากกว่านี้แล้วสิ เพราะไม่ได้สันทัดภาษาไทยเท่าไหร่ด้วย

             “เอ่อ” กุลฉัตรตั้งใจมาขอบคุณเขาเรื่องรายชื่อเท่านั้น ไม่คิดว่าจะได้เจอการต้อนรับที่ทำเอาแทบหงายหลังล้มตึงไปซะแล้ว

             “กุลฉัตรค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่ว ยกเอาถุงกระดาษที่มีขนมหลายอย่างอยู่ข้างในนั้นให้ชายหนุ่มไป

             “ฉันมาขอบคุณที่อาจารย์ช่วยเหลือครั้งก่อนน่ะค่ะ ถ้าไม่มีอาจารย์กับหนูดาวเรืองช่วย ฉันคงไม่ได้เกียร์”

             “อ้อ เรื่องแค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอก” เดวิโกจำสาวน้อยได้ตั้งแต่แรกที่เดินเข้ามาแล้ว เขาส่งยิ้มจากนั้นก็ยื่นมือไปรับเอาถุงกระดาษนั้นมา จ้องหน้าหวานอีกครั้งอย่างพิจารณา

             “นี่แสดงว่าได้รับเกียร์กันแล้วน่ะสิ ใช่ไหม” เขาถามต่อ ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับจนแว่นตาเกือบจะเลื่อนหลุดออกจากใบหน้า

             เธอดันแว่นตาขนาดใหญ่กลับเข้าไปตามเดิม พลางส่งยิ้มให้เขา จู่ ๆ ก็รู้สึกสู้หน้าอีกฝ่ายไม่ได้

             “แล้วอยู่ไหนล่ะ ไม่ห้อยคอเหรอ” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย เพราะส่วนมากนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์มักจะใช้เกียร์เป็นจี้ห้อยคอ หรือไม่ก็ให้คนรักไป เท่าที่ดูแล้วผู้หญิงคนนี้คงยังไม่มีแฟน คืออย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย เธอคนนี้ดูเหมือนเด็กเรียนมากกว่าน่ะนะ

             “เก็บเอาไว้แล้วค่ะ ไม่กล้าเอามาใส่ กลัวว่าจะทำหายน่ะค่ะ” กุลฉัตรพูดด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุข ทำให้เดวิโกพลอยยิ้มตามไปด้วย

             “ไม่มีอะไรแล้วค่ะอาจารย์ แค่อยากจะมาขอบคุณเท่านั้นจริง ๆ ค่ะ” เด็กสาวยกมือขึ้นประนมไหว้ชายหนุ่ม แต่อีกฝ่ายเรียกเอาไว้ซะก่อน

             “เดี๋ยวก่อน ผมมีเรื่องอยากจะถามหน่อยน่ะ เรื่องที่ผมสอนไป ไม่รู้เหมือนกว่านักศึกษาจะเข้าใจไหม หรือต้องปรับเปลี่ยนอะไรหรือเปล่า”

             เพราะเพิ่งเคยทำหน้าที่เป็นอาจารย์ครั้งแรก ดังนั้นเดวิโกเลยรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ กลัวว่าจะสื่อสารออกมาไม่รู้เรื่องและทำให้นักศึกษาไม่เข้าใจบทเรียนที่สอนไป

             “เอ่อ สำหรับฉัน ฉันคิดว่าเรื่องภาษาค่ะ เพราะนักศึกษาบางส่วนก็ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเท่าไหร่นักค่ะ”

             “อ้อ งั้นเหรอ เด็กที่นี่ไม่เก่งภาษาอังกฤษเหรอ”

             “บางคนก็ไม่ค่อยถนัดค่ะ อีกอย่างอาจารย์พูดเร็วเกินไปเลยมีคนฟังตามไม่ทันค่ะ” กุลฉัตรอธิบาย ส่วนเดวิโกก็พยักหน้ารับจากนั้นก็จดบันทึกในสมุดโน้ตไว้เพื่อปรับปรุงต่อไป

             “แล้วคุณมีอย่างอื่นที่จะแนะนำผมอีกไหม” เขาถาม ซึ่งกุลฉัตรกลอกตาไปมา ก่อนจะพูดขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง

             “อาจารย์ไม่ค่อยมองนักศึกษาด้วยค่ะ ทำให้บางคนแอบหล่นเกมใต้โต๊ะ หรือไม่ก็แอบหลับค่ะ”

             “อ้อ” เดวิโกคราง เพิ่งรู้ก็ตอนนี้ว่าจุดบกพร่องของตัวเองก็มีเยอะพอสมควร เขานั่งซักกับกุลฉัตรอยู่ครู่ใหญ่แล้วก็ปล่อยให้เธอกลับไปได้ ส่วนตัวเองก็วางแผนการสอนซะใหม่ ถึงแม้ว่าจะมาสอนแค่เทอมเดียวแต่ก็อยากจะทำให้มันดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

             กุลฉัตรมองเขาผ่านกระจกตอนที่จะเดินออกจากคณะอีกครั้ง ยิ้มตามกับความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังนั่น หลายคนก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน ว่าเป็นผู้ชายคนเดียวกับที่เต้นเร่าร้อนสะเด็ดสะเด่าแลกกับรายชื่อของรุ่นพี่ ทำเอาหลายคนตกใจไปตาม ๆ กัน เมื่อรู้ว่านั่นคืออาจารย์ เดวิโก โดโนแวน ซึ่งเป็นทายาทและผู้ก่อตั้งให้การสนุนมหาวิทยาลัยโดโนแวนแห่งนี้

             หลายคนทำท่าจะเข้าไปตีสนิท แต่เมื่อได้สวมบทบาทเป็นอาจารย์ เดวิโกก็รักษามาดอันเคร่งขรึมเอาไว้ได้จนไม่มีใครกล้าอีก

             และที่สำคัญ เขาเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้นักศึกษาสาว ๆ เข้าเรียนตรงตามเวลาแม้ว่าจะเช้ามากก็ตาม

             สาบานได้ เป็นเพราะว่าเขาสอนดี ไม่เกี่ยวกับหน้าตาเลยสักนี้ดเดียว สาบานจริง ๆ นะ

     



    [1] เกียร์วิศวะ เป็นเฟืองเกียร์ทำมาจากโลหะหล่อเป็นรูปเฟืองเกียร์สัญลักษณ์ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในมหาวิทยาแต่ละแห่งอาจจะให้หลังจากที่เข้าห้องเชียร์ (ประชุมเชียร์) ตามที่ได้กำหนดเอาไว้ มีชิ้นเดียวเท่านั้น เดิมทีรุ่นพี่ทำแจกรุ่นน้องในคณะ แต่ต่อมาได้ทำเป็นพิธีรับเกียร์ ซึ่งแล้วแต่มหาวิทยาลัยนั้น ๆ จะจัดแบบไหน แรกเริ่มห้องเชียร์มีไว้เพื่อฝึกความแข็งแกร่งของทางร่างกายและจิตใจ มักมีความหมายอย่างมากทางด้านจิตใจ และผู้ชายมักจะให้แฟนเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเธอสำคัญยิ่ง เพราะกว่าที่จะได้เกียร์มานั้นต้องผ่านด่านทดสอบหลายอย่าง



    นิยายเรื่องนี้หมดสัญญากับทางสำนักพิมพ์แล้ว

    มู่เลยนำมาทำ E-Book เองค่ะ

    สามารถซื้อ E-Book ได้ที่ Meb เลยนะคะ

    กดที่รูปปกใหม่เพื่อนซื้อได้เลยค่ะ

    ขอบคุณจากใจมาก ๆ เลยนะคะ


    หรือ >>Click!!<<


    http://25.media.tumblr.com/eaadb32c03d71de84af0df4ca3678274/tumblr_mtbu9t96sr1qbetfwo2_1280.jpg
    http://25.media.tumblr.com/6e13ef47fa9a6afcdc5d52ccaa6e98f3/tumblr_mtbu9t96sr1qbetfwo3_400.gif

    Song :: 모리(morrie) - Mr.WonderfulDown Load this song >>

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×