ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LOG ON TARGET!! ที่รักครับ รักกันมั้ย?

    ลำดับตอนที่ #7 : Log On Target 🎀 03 I Know You Hear Me ...100%

    • อัปเดตล่าสุด 19 ม.ค. 65


    3

    I Know You Hear Me

    (...100%)

      

     

             หลังจากที่นอนกัดปากหลับตาแน่นเพราะคิดว่ายังไงก็ไม่รอด แต่แมทกลับถ่วงเวลาเอาไว้เหมือนกำลังจะล้อกันเล่นอย่างนั้นแหละ พอลืมตาขึ้นแมทก็โน้มหน้ามากัดจมูกฉันเบา ๆ พาให้ร้องวี้ดออกมาด้วยความขัดใจ

             ผู้ชายคนนี้กำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่นะ มันไม่ดีต่อหัวใจของฉันเลย

             “นี่ ฉันคิดว่า” แมทกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมาซะก่อน

             ฉันคิดว่าอาจจะมีทางรอดแล้ว แต่แมทกลับแค่ปรายตามองโทรศัพท์ที่ส่งเสียงร้องเท่านั้น ฉันอยากจะอ้าปากพูดบางอย่างหรือไม่ก็ด่าเขาให้สาแก่ใจก็ไม่กล้า ได้แต่กลัวจนคิดอะไรไม่ออก

             เมื่อเสียงโทรศัพท์เงียบลงไป เรียวปากร้อนของแมทก็แตะลงที่ริมฝีปากของฉันอีกครั้ง ในหัวของฉันเหมือนมีหมอกปกคลุม หน้าร้อนฉ่าไปหมด ยิ่งมือของเขาที่กำลังลูบไล้แผ่นหลังของฉันแผ่วเบาแบบนี้ด้วยแล้ว สติสัมปชัญญะก็แทบจะไม่เหลือหลอ

           แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ทำเอาแมทสบถออกมาอย่างหัวเสีย เขาจ้องหน้าฉันเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะใช้ท่อนแขนแข็งแรงนั่นมาล็อกคอฉันไว้แน่น

             แบบนี้สู้บีบคอฉันให้ตายไปเลยไม่ดีกว่าหรือไง

             “มันเจ็บนะแมท!” อยากจะร้องไห้ ยิ่งตอนนี้ฉันอยู่ในชุดชั้นในตัวน้อยอย่างนี้ด้วยแล้ว ก็เสียเปรียบเขาทุกอย่างเลย

             “อยู่นิ่ง ๆ ถ้ายังไม่อยากเป็นเมียฉันตอนนี้”

             แมทธิวหยาบคายที่สุดในสามโลก!

             ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่น เพื่อไม่ให้เผลอตัวร้องกรี๊ดเขาออกไป

           แมทล็อกคอฉันและลากให้ไปปลายเตียง โดยที่ฉันก็ยื้อผ้าห่มขึ้นมาพันตัวเองเอาไว้ด้วย มันทุลักทุเลอะไรอย่างนี้ก็ไม่รู้ แมทก็พยายามจะดึงฉันไป ฉันก็พยายามจะพาตัวเองออกมาจากเขา ให้ตายเถอะ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย

             ในที่สุดแมทก็หยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมารับสาย และใช้แรงยกร่างฉันนั่งตักเขาไว้ก่อนจะกอดไว้หลวม ๆ (ประชด) โดยใช้ทั้งแขนขารัดฉันเอาไว้ทั้งตัว

             “แมท! ทำบ้าอะไรเนี่ย” ฉันทั้งโวยวายทั้งทุบเขา สภาพตอนนี้ไม่มีอะไรให้ต้องเขินอายแล้ว แมทไม่เห็นก็เหมือนเห็นฉันไปหมดทั้งตัวแล้ว

             “อยู่นิ่ง ๆ ได้มั้ย จะคุยโทรศัพท์!?

             “จะคุยก็ปล่อยฉันสิ กอดไว้ทำไม” ฉันพูดแล้วก็เงียบเสียงลงเมื่อได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ดังมาให้ได้ยินแว่ว ๆ

             “เออ มีไร”

             เชื่อแล้วละว่าแมทธิวหยาบคาย เพราะก่อนหน้าที่เขาจะพูดคำว่า เออมีอีกคำที่ใช้ด่าเพื่อนด้วย แต่คำว่าอะไรนั้นอย่ารู้เลยดีกว่า เอาเป็นว่ามันถ่อยมากเลยละ

             “หือ เออ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ทุกทีเลยวะ”

             ฉันจับใจความที่แมทคุยกับเพื่อนไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะต้องคอยแกะมือของเขาออกจากเอวของตัวเองไปด้วย

             “เออ! จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”

             พอได้ยินคำนี้จากปากของแมทฉันก็แทบจะลุกขึ้นเต้นแร้งเต้นกา เพราะนั่นหมายความว่าเขาจะออกไปข้างนอก และมีโอกาส 80% ที่ฉันจะรอดจากสถานการณ์เสียตัวครั้งนี้

           ฉันเงยหน้าขึ้นมองแมทเต็มสองตาก็เห็นเขาถลึงตาใส่ก่อนแล้ว ถ้าเขาออกไปเมื่อไหร่ฉันจะหนีกลับบ้านแล้วก็จะหนีไปให้สุดขอบโลกเลย คอยดูสิ

             “เออ แล้วเจอกัน อีกสิบนาที” แล้วแมทก็ผลักฉันออกจากตักเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มีอยู่ ไม่สนใจเลยว่าจะทำฉันเจ็บหรือเปล่า แต่ดีนะ ที่ไม่เจ็บน่ะ

             นี่! ก็เขาเองไม่ใช่หรือไงที่ออกแรงลากฉันขึ้นไปนั่งบนตักเขาเองน่ะ ฉันคิดอย่างโมโห แล้วก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมไว้ทั้งตัวเมื่อคนนิสัยเสียขยับตัวลุกออกจากเตียง ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ใต้ผ้าห่ม ยังรู้สึกว่าริมฝีปากร้อนผ่าวนั่นยังแตะตามผิวกายของตัวเองอยู่เลย

             มันเป็นความรู้สึกอะไรกันแน่นะ

             ฉันคิดแล้วก็ยกปลายนิ้วขึ้นลูบเนินอกตัวเอง

             ฉันไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน และก็ไม่รู้วิธีจัดการกับเรื่องนี้ด้วย

     

     

             “ฉันจะออกไปข้างนอก ยินดีด้วยนะที่คืนนี้เธอยังไม่ได้เป็นเมียฉันน่ะ”

             ฉันแทบจะพ่นไฟออกมา แล้วกระโดถีบยอดอกคนพูดสุดแรง แต่ก็ติดที่ว่าตอนนี้แทบจะไม่มีเสื้อผ้าติดตัวแล้ว เลยได้แต่นั่งร่ายมนตร์สาปแช่งอยู่ในใจเท่านั้น

             “โบว์” แมทเรียก แต่ฉันเงียบ

             เรื่องอะไรที่จะต้องเสียเวลาไปต่อล้อต่อเถียงเขาแบบนั้นล่ะ ถึงเถียงชนะ เขาก็ต้องเอากำลังเข้าสู้แน่ ๆ ผู้ชายอย่างแมทไม่ใช่ลูกผู้ชายอยู่แล้ว

             “โบว์!” เขาเรียกอีกครั้งด้วยเสียงที่เข้มขึ้น แต่ฉันก็ยังเฉย

             “โบว์ ไม่รู้จักชื่อตัวเองหรือไงน่ะ!

             เงียบไว้โบว์ เงียบไว้

             ฉันท่องคำนี้อยู่ในใจก่อนจะร้องวี้ดออกมา เมื่อแมทยกร่างของฉันขึ้นนั่งตักของเขาอีกครั้ง พลางดึงผ้าห่มให้พ้นหน้า ก่อนที่จะบีบคางของฉันให้มองสบตาด้วย

             ตอนนี้แมทอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มยิ่งขับผิวของเขาเขาให้ขาวขึ้นไปอีก ฉันกลืนน้ำลายลงคอฝืดคอ เมื่อรู้สึกว่าต้านทานความหล่อของเขาแทบไม่ได้ ให้ตายเถอะ ทำไมเขาหล่อหมดจดหมดใจแบบนี้ จนทำให้อาจจะใจอ่อนกับเขาได้ทุกเมื่อเลย

             ถ้าไม่ติดที่นิสัยมหาวายร้ายนั่นน่ะนะ

             “เดี๋ยวฉันมานะโบว์ เอ ไม่สิ เธอไม่ได้ชื่อโบว์นี่นา เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตอบ” เขายิ้มให้ และทำให้ใจฉันแกว่งไปหมด

             “งั้นเรียกเธอว่าโบราณดีกว่านะ ชื่อจริงชื่อโบราณสินะ

             “แมท!

             หมดสิ้นกันอีกครั้งกับความรู้สึกหวานหวิว ผู้ชายคนนี้ช่างสรรหาความรู้สึกแย่ ๆ ให้ฉันได้ซะจริง

             “โบราณ โบราณที่รัก อ๋อ เรียกยายจ๋าดีกว่า ยายจ๋าอายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย” แมทหัวเราะแล้วก็บีบคางฉันโยกไปมา

             “แมท นายนี่มัน” ฉันกัดฟันแล้วก็ถลึงตาใส่เขาอย่างโมโห

             “ฉันน่ารักละสิ” เขาเข้าข้างตัวเองและก็ยิ้มมาให้

             ให้ตายเถอะ ใช่เขาน่ารักจริง ๆ ฉันยอมรับ แต่นิสัยช่างซาตานมหาร้ายนัก

             “ยายจ๋า ตาไปก่อนนะ จะไปหาตังค์มาให้ยายจ๋าใช้ บาย” พูดแล้วแมทก็กดจมูกลงที่แก้มของฉันแรง ๆ จากนั้นก็ไล้ลงไปถึงต้นคอ ก่อนที่จะกัดต้นคอของฉันแผ่วเบา และเม้มแน่นจนรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา

             เขาหัวเราะแผ่วเบา ขณะที่ฉันตัวแข็งทื่อลืมความคิดในหัวทุกอย่างไปโดยปริยาย

             “แล้วเจอกัน” แมทขาจูบที่ริมฝีปากของฉันอีกครั้ง แล้วก็ผละออกห่างไปในที่สุด

             ฉันนั่งลงที่เตียงแล้วก็ใช้ปลายนิ้วแตะริมฝีปากตัวเองไปด้วย ยิ่งอยู่กับแมทนานเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่ง ชอบเขามากเท่านั้น

             มันเป็นความจริงที่ยากจะยอมรับได้เหลือเกิน

             ฉันยกมือขึ้นเสยผมของตัวเองที่ปรกขึ้น เมื่อแมทออกไปแล้วทั้งห้องก็ดูเงียบไปหมด บรรยากาศมันดูแปลกไปจากเคยจนฉันเริ่มสงสัยตัวเอง

             นี่ฉันกำลังเสพติดผู้ชายที่ชื่อแมทธิวอยู่สินะ

             ฉันลุกขึ้นจากเตียงแล้วก็หยิบเสื้อยืดที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาสวม และเดินตรงไปยังบานหน้าต่างกระจกในห้อง สายตามองดูไฟท้ายของรถหลายคันที่อยู่ข้างล่างด้วยใจที่เต้นไม่ค่อยเป็นจังหวะนัก

             เขากำลังไปที่ไหนและมีผู้หญิงด้วยหรือเปล่า คิดแล้วก็ถอนหายใจและเอาหน้าผากโขกกับขอบหน้าต่างไปเบา ๆ ทำไมฉันว้าวุ่นใจมากขนาดนี้นะ

     

     

             ฉันกลับมาที่ห้องในเช้าอีกวัน

             ความจริงฉันจะกลับมาตอนกลางคืนเลยแต่มันดึกมากแล้ว เลยต้องนั่งแท็กซี่กลับมาตอนเช้าเพื่อความปลอดภัย

             ตอนที่ออกมาจากห้องของฉันเมื่อวานตอนเย็นกับแมท ฉันก็ไม่ได้คว้าอะไรติดตัวมาเลยสักอย่าง ยังดีที่แมทเอาเงินวางไว้ที่โต๊ะห้องรับแขก ฉันเลยกลับแท็กซี่มาได้นี่แหละ อยากจะทุเรศตัวเองเหลือเกิน ที่ทำตัวเหมือนในนางเอกนิยายไม่มีผิด

             แตกต่างอยู่เรื่องหนึ่ง คือ ฉันไม่ได้มีอะไรกับแมท และอีกอย่างแมทมันไม่ใช่พระเอก แต่หมอนั่นคือตัวโกงที่แสนร้ายกาจต่างหาก

             ฉันซื้อกับข้าวขึ้นมาจากร้านด้านล่าง แล้วก็เดินไปขอคีย์การ์ดที่ใช้เข้าห้องจากฟรอนต์คอนโดก่อนจะเดินขึ้นห้องไปเงียบ ๆ

             เมื่อมาถึงห้องพัก ฉันก็ชักสีหน้าให้ตัวเองในกระจกก่อนจะหยิบกุญแจและคีย์การ์ดห้องของตัวเองติดมือลงมาอีกครั้ง ฉันคืนกุญแจห้องให้กับเจ้าหน้าที่ฟรอนต์และเดินขึ้นห้องอีกครั้งอย่างหงอยเหงา

             ทุกอย่างมันน่าเบื่อไปหมด ตั้งแต่ที่ซานต้าไปอเมริกาฉันก็ไม่รู้จะโทรคุย หรือออกไปเที่ยวที่ไหนกับใครเลย คงมีแต่แมทเท่านั้นที่ตามมากวนประสาทฉันได้น่ะ

             แต่ก็อีกนั่นแหละแมทเองก็ไม่อยู่แล้วด้วยไม่รู้ว่าไปที่ไหนไปทำอะไรกันแน่

             ฉันทานอาหารเรียบร้อยแล้ว และหยิบถ้วยไอศกรีมไปนั่งทานที่ริมระเบียงเงียบ ๆ

             ป่านนี้ทุกคนทำอะไรกันอยู่นะ

             แล้วฉันก็นึกอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง กล่องกระดาษที่แมทยกมาให้เมื่อวานไงล่ะ ฉันวางกล่องไอศกรีมที่ถืออยู่ไว้ที่พื้นแล้วก็เดินเข้าห้องนอนที่ที่เก็บกล่องนั้นเอาไว้ ฉันขมวดคิ้วแล้วก็แกะเทปกาวที่พันรอบกล่องออกอย่างยากลำบาก มันมีอะไรข้างในหรือเปล่าถึงต้องบอกว่า Keep Dry น่ะ เดี๋ยวจะจับมันแช่ไว้ในตู้เย็นคอยดูสิ

             หลังจากแกะดูแล้วฉันก็ต้องทำตาโตขึ้นมาทันที เพราะข้างในเป็นกล่องดนตรีลูกแก้วใส ข้างในเป็นตุ๊กตาเด็กสองตัวอยู่ในนั้น ฉันยิ้มแล้วก็ลองไขลานเพื่อฟังเสียงดนตรีฟังดู อืม ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแมทจะซื้ออะไรอย่างนี้มาให้ แต่ควรจะคาดป้ายว่า FRAGILE มากกว่านะแมท

             ฉันเขย่ากล่องดนตรีสองสามครั้ง แล้วก็วางไว้ที่หัวเตียงก่อนจะย่นจมูกให้ด้วย

             อย่างน้อย เขาก็น่ารักระดับหนึ่งละนะ

             ฉันนั่งเหม่อลอยที่ห้องตัวเองด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ไม่อยากจะนึกถึงแมทเลยสักนิด แต่หลังจากที่โทรหาซานต้าเรียบร้อยแล้วก็ไม่มีอะไรทำเลย ก็เลยเอาแต่นั่งใจลอยไม่หยุด

             ความจริงฉันเตรียมตัวเข้าเรียนโทหลังจากนี้อีกเดือนหนึ่ง เวลานี้ก็เหมือนกับพักร้อนไปในตัว แต่เป็นการพักผ่อนที่ไร้สีสันสิ้นดี

             เพราะหนึ่ง ฉันไม่มีเพื่อน เพื่อนคนอื่นที่เคยเรียนร่วมรุ่นเดียวกันก็ไปเที่ยวกันหมดแล้ว อย่างเช่นยัยซานต้า

             สอง มีแฟนก็เหมือนไม่มี เพราะหมอนั่นหายตัวได้อย่างรวดเร็วและเป็นประจำ

             ถึงแม้ว่าเราจะเป็นแค่แฟนหลอก ๆ อะไรก็ช่างเถอะ แต่แบบนี้มันก็ทำให้ฉันฉุนเหมือนกันนะ

             แล้วฉันก็ฉีกยิ้มกว้างออกมาทันทีเพราะได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าห้อง ฉันไม่ได้โทรไปสั่งอะไรมาทานและเวลาแบบนี้มีใครไม่ได้แล้วนอกจาก

             “แมท!” ฉันเปิดประตูออกไปแล้วก็เรียกชื่อเขาอย่างมั่นใจ

             แต่ทว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูหน้าตาเรียบเฉยนี้กลับกลายเป็น แลนซ์

             แลนซ์เหรอ? เขามาทำอะไรที่นี่น่ะ

             “เสียใจด้วยนะที่ฉันไม่ใช่แมท” เขาไหวไหล่ ฉันเลยไม่รู้จะทำยังไงนอกจากยิ้มเจื่อน

             “นายมาที่นี่ได้ไง” ฉันถามแล้วก็เบี่ยงตัวให้เขาเข้ามาในห้อง

             นี่ฉันใจง่ายไปหน่อยหรือเปล่าที่ให้เขาเข้าห้องแบบนี้น่ะ แต่แลนซ์ก็เป็นเพื่อนแมท คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง

             “เธอคงไม่รู้ว่าฉันพักอยู่ที่นี่ด้วย” เขาตอบแล้วก็ถอดรองเท้าออก

             “อ้อ แล้วมีอะไรรึเปล่า ถึงโผล่มาที่นี่น่ะ” ถามจบฉันก็ก็เดินไปที่ห้องครัว เพื่อหาน้ำดื่มมาให้เขาด้วย

             แล้วทำไมฉันต้องมาปรนนิบัติพัดวีหมอนี่ด้วยเนี่ย

             แลนซ์รับน้ำไปดื่มก่อนจะกวาดสายตามองฉัน ผู้ชายคนนี้แตกต่างจากแมทและเลโออย่างสิ้นเชิง เขาดูคล้ายกับเดโกที่ดูจะเป็นคนเงียบขรึม

             ส่วนแมทและเลโอดูจะเป็นพวกห่าม ๆ นิสัยแย่แล้วก็มั่นใจตัวเองเต็มร้อยน่ะ

             “เปล่า คืนนี้วันเกิดฉันน่ะ กำลังจะไปหาอะไรทานแล้วก็ดื่มกันที่บาร์น่ะ อยากจะไปด้วยมั้ย?” เขาถาม แต่ฉันไม่รู้ว่าควรจะตอบว่ายังไงดี

             วันนี้วันเกิดเขา และเขามาชวนฉันไปเที่ยว

             มันฟังดูแปลก ๆ ไปไหมเนี่ย

             แล้วแมทล่ะ นั่นอาร์ตตัวพ่อเลยนะ มีหวังเราได้ตบตีกันอีกแน่เลย

             “แมทรออยู่แล้วที่บาร์น่ะ เธอจะไปด้วยมั้ยหมอนั่นให้มาชวน” แลนซ์ถามแล้วก็เอนตัวพิงพนักโซฟาก่อนจะมองไปรอบ ๆ ห้องเหมือนไม่ใส่ใจอะไร

             แมทให้มาชวนอย่างนั้นเหรอ ฉันคิดเม้มปากแล้วก็พยักหน้าตกลง

             เพราะถ้าไม่ไปก็มีเรื่องทะเลาะกันอีก บอกตามตรงว่ามันเหนื่อยมากเลย

             แลนซ์ยิ้มที่มุมปากน้อย ๆ พยักหน้ารับอย่างพอใจ

             ส่วนฉันก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะออกไปย่ำราตรีกับหนุ่มหล่ออย่างแลนซ์

             งานนี้ต้องมีสาว ๆ เยอะแน่นอน และพวกเธอต้องใส่ชุดเซ็กซี่บาดใจอะไรทำนองนั้น เพื่อที่จะเด่น ฉันต้องทำอะไรที่มันแตกต่าง

             ฉันเลยออกมาพร้อมกับกางเกงขาสั้นแล้วก็เสื้อยืดที่ทะมัดทะแมง แลนซ์เห็นแล้วยังมองมาอย่างไม่เชื่อสายตา

             “ไปกันเลยมั้ย” ฉันรู้สึกแปลกใจยังไงชอบกลที่จะได้เจอหน้าแมทอีกครั้ง

             ทั้งที่ก็เพิ่งจะเจอหน้าเขาไปเมื่อวานนี้แล้วแท้ ๆ ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไรไปแล้วกันแน่

             “เธอแน่ใจนะว่าจะใส่ชุดนี้ไปน่ะ” แลนซ์ถามแล้วก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ท่าทางเขาน่าจะสูงพอ ๆ กับแมทเลยนะ ร้อยแปดสิบขึ้นแหง

             “แน่ใจสิ ไปกัน” ฉันบอกแล้วยิ้มหวานให้เขา

             แลนซ์เอียงคอยิ้มด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ก่อนที่เราจะพากันเดินออกมาจากห้องพร้อมกัน

             จะว่าไปแล้วแลนซ์เองก็แต่งตัวสบาย ๆ เหมือนกัน เขาใส่กางเกงยีนเอวต่ำแล้วก็เสื้อกล้ามสีขาวบาง ๆ พร้อมกับเสื้อเชิ้ตทับอีกตัวหนึ่ง เขาเป็นหนุ่มเจ้าสำราญและเสน่ห์แรงคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

             แมทนี่ยังไงนะ เลือกคบเพื่อนด้วยหน้าตาเหรอ เหมือนแก๊งนายแบบเลยนะ คิดแล้วก็หมั่นไส้ยังไงไม่รู้

             เราเดินออกมาจากลิฟต์พร้อมกันและฉันก็คิดหาของขวัญให้เจ้าของวันเกิดด้วย ฉันคงจะมองแลนซ์มากเกินไป เขาเลยหันมามองทำนองว่ามีอะไรหรือเปล่า

             “ชอบช็อกโกแลตมั้ย?” ฉันลองถามดู

             “ไม่” สั้น ๆ ได้ใจความ

             ฉันเบ้ปากให้เขาไปมาอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก คนหรืออุตส่าห์จะหาของขวัญให้

             “แล้วชอบอะไรล่ะ ที่ประมาณช็อกโกแลตน่ะ” ฉันถามอีก คิดว่าของหวานน่าจะเหมาะกับเขานะ เพราะหน้าเขาหวานมากจนสามารถเรียกว่าสวยได้เลยนะ

             เอาเป็นว่า ขนาดเป็นผู้ชายยังดูสวยกว่าฉันเลยนั่นแหละ

             แต่ก็อย่างว่าแหละ ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบของหวานละมั้ง แล้วควรจะให้อะไรเป็นของขวัญดี

             “ชอบปลาหมึกย่าง

             “ขอบคุณ!” ฉันกระแทกเสียงใส่ ปลาหมึกคล้ายกับช็อกโกแลตมากเลยนะแลนซ์!

           “ก็ฉันชอบปลาหมึก มีอะไรแปลกเหรอ” แลนซ์ถามแล้วเดินนำไปที่รถของเขา

             รถของแลนซ์เป็นบีเอ็มที่ดำมันปลาบไปทั้งคัน อยากจะรู้นักว่าพวกเขาหาเงินมาจากที่ไหนกันเยอะแยะแบบนี้

             ต่อมาแลนซ์พาฉันมาที่บาร์แห่งหนึ่ง ดูแวบเดียวก็รู้ว่าข้างในมันต้องหรูหรามาก แถมยังมีแต่หนุ่มสาวที่หน้าตาดีมากซะด้วยสิ ลองก้มลงมองดูเสื้อผ้าที่ตัวเองแต่งมาแล้วท้อใจ ไม่น่าแต่งชุดนี้มาเลย

             “เดี๋ยวฉันมานะ พอดีอยากได้อะไรสักอย่างน่ะ” ฉันบอกแลนซ์พลางตบต้นแขนเขาเบา ๆ ทันทีที่เห็นของที่อยากจะให้เขาแล้ว

             “ได้” แลนซ์เงียบไปอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะตอบ สายตามองมือของฉันที่แตะอยู่ต้นแขนของเขา

             ฉันชักมือออกมาแล้วยิ้มแห้งให้ ไม่ได้ตั้งใจจะแตะตัวเขาเลย แต่มือมันไปก่อนสมองน่ะ

             “งั้น เดี๋ยวเจอกัน” แล้วฉันก็วิ่งไปที่ที่หมายตาเอาไว้

             พอหันหลังกลับไปมอง ก็เห็นร่างสูงใหญ่ของแลนซ์เดินผ่านประตูทางเข้าของบาร์เข้าไปข้างในแล้ว

             เดี๋ยวจะได้รู้กันแลนซ์

     

     

           ฉันเดินเข้าบาร์หลังจากที่หาของขวัญให้แลนซ์มาได้แล้ว มีสายตาแปลก ๆ มองมาตลอดเวลา

             หนึ่ง คงจะเป็นเพราะว่าชุดที่ฉันสวมอยู่

             หรือ สอง คงจะเป็นของขวัญที่ฉันถืออยู่ในมือนี่

             อยากมาพูดดีกับฉันเองแลนซ์ ฉันยิ้มกริ่มก่อนจะมองหาโต๊ะที่มีผู้ชายหน้าตาดีและสาว ๆ ล้อมรอบเป็นอันใช้ได้

             ไม่นานฉันก็เจอโต๊ะที่ว่านั่น ร่างสูงใหญ่ของแลนซ์กำลังยืนดื่มเบียร์อยู่และยิ้มอยู่กับเพื่อนของเขา

             แมทเองก็นั่งอยู่ที่โซฟาที่นั่งวีไอพีนั่นเหมือนกัน แต่แปลกที่ไม่มีผู้หญิงอยู่ด้วยอย่างที่คิดเอาไว้

             “ยัยมาทำไม”

             ฉันถลึงตาใส่แมท เมื่อเขาตะคอกใส่ทันทีที่เจอหน้ากัน

             “เธอขอตามน่ะ” แลนซ์บอกกับแมทด้วยรอยยิ้มแสนหวาน

             ฉันขมวดคิ้วเพราะจำได้ว่าเขาเป็นคนชวนฉันเองนะ แต่เอาเถอะ

             “ของขวัญ” ฉันยื่นถุงกระดาษขนาดกลางให้แลนซ์ไป เขาเองก็ทำหน้างงก่อนจะรับถุงนั้นไปในที่สุด

             “ปลาหมึกย่างไง” ฉันบอกแล้วยิ้มแฉ่งให้แลนซ์

             เท่านั้นแหละ แลนซ์ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น เขาหัวเราะจนเห็นว่าน้ำตาคลอขึ้นมาเลย ฉันทำหน้างงก่อนจะหันไปมองหน้าแมทอย่างไม่เข้าใจ

             “เข้าใจหาของมาให้นะ” แลนซ์พูดพลางหยิบปลามึกย่างตัวหนึ่งมาเคี้ยวเล่น กลิ่นอันหอมหวนของปลาหมึกย่างเลยฟุ้งกระจายไปทั่ว

             แมทไม่ได้หัวเราะเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขากลับมองฉันด้วยสายตาที่แปลกไปจากเคย ฉันทำอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ

             “นั่งสิ” แลนซ์กระตุกแขนฉันให้นั่งลงข้างแมท ก่อนที่เขาจะหยิบปลาหมึกย่างอีกตัวมาเคี้ยว

             “โบว์ ฉันถามว่าเธอมาที่นี่ได้ไง” แมทเริ่มเอามือเท้าคางและมองฉันอย่างหงุดหงิด

             ถ้าใช้น้ำเสียงแบบนี้เป็นอันรู้ทันทีว่าตอนนี้แมทกำลังฉุนอยู่ นัยน์ตาก็เริ่มขุ่นมัวจนฉันไม่กล้ามองสบตาด้วย ก็เขาบอกแลนซ์เองไม่ใช่หรือไงว่าให้ฉันมาที่นี่ด้วยน่ะ

             เลโอเองก็หยุดดื่มแล้วมองฉันเหมือนกับเดโก ที่มองมาด้วยสายตาแปลกประหลาดอ่านไม่ออกเลยสักคน

             “โบว์” แมทเรียกชื่อฉันแล้วก็เม้มปากแน่น ปลายนิ้วเรียวสวยราวกับนิ้วของผู้หญิงเคาะที่โต๊ะไปมาเป็นจังหวะ ก่อนที่เขาจะเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น ๆ

             “นายชวนฉันมาไม่ใช่เหรอ?” ฉันถามอย่างไม่เข้าใจ ไม่ได้โกหกด้วย

             “ฉันชวนเธอ?” แมทเลิกคิ้วสูงขึ้น พร้อมกับเสียงของเขาที่สูงขึ้นด้วยเหมือนกัน

             “ก็ แลนซ์บอกว่าวันนี้วันเกิดเขา แล้วนายก็ชวนฉันมา ไม่เชื่อถามแลนซ์สิ ใช่มั้ย แลนซ์?” ฉันหันไปขอความช่วยเหลือจากคนที่กำลังเคี้ยวปลาหมึกไม่หยุด

             “เอ๋? อย่างนั้นเหรอ จำได้ว่าเราเจอกันที่ชั้นล่างของคอนโดนี่นาโบว์ เธอถามฉันว่าฉันจะไปไหน ฉันก็บอกว่าจะมาปาร์ตี้วันเกิดฉัน แล้วเธอก็ขอตามมาเองนี่นา”

           แล้วคำตอบของแลนซ์ทำเอาฉันอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

             ไม่อยากจะเชื่อ ว่าเขาพูดออกมาได้หน้าตาเฉยอย่างนี้

             “แลนซ์” ฉันเรียกชื่อผู้ชายที่เคยมองว่านิสัยดีที่สุดในกลุ่มของแมทอย่างไม่อยากจะเชื่อ

             “ทำไม นายพูด แบบนี้”

             “แมทดูเสื้อผ้าที่เมียแกใส่มาสิ ถ้าฉันชวนจริงเธอคงแต่งตัวสวย ๆ ไปแล้ว ก็อย่างที่บอกว่าเจอเธอกลางทางไงล่ะ อ้อ อีกอย่างพอฉันบอกว่าอยากกินไอ้นี่ เมียแกก็วิ่งตามหาซื้อมาให้เลย”

             คำว่า ไอ้นี่แลนซ์โชว์ถุงกระดาษที่ใส่ปลาหมึกย่างให้เขาแกว่งไปมา

             “แลนซ์!” ฉันตะคอกอย่างโมโหแล้วก็คว้าแก้วเหล้าของใครสักคนขึ้นมา หมายจะสาดหน้าเขาให้หายเจ็บใจ แต่แลนซ์คว้ามันออกจากมือฉันทัน

             “ถามจริงโบว์ เธอชอบใคร ฉัน หรือแมท

             “นายพูดเรื่องอะไรน่ะ”

             “เอาไงดีล่ะ เธอตามฉันมาเองนะ พอมาเจอหน้าแมทแล้วทำไมไม่อ้อนฉันต่อล่ะ โบว์

     

     


    อัปได้ถึงเท่านี้นะเออ

    สามารถซื้อ E-Book ได้ที่ Meb เลยนะคะ

    กดที่รูปปกใหม่เพื่อซื้อได้เลย

    ขอบคุณจากใจมาก ๆ ค่ะ


    หรือ >>Click!!<<




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×