ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LOG ON TARGET!! ที่รักครับ รักกันมั้ย?

    ลำดับตอนที่ #6 : Log On Target 🎀 03 I Know You Hear Me ...50%

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 65





    3

    I Know You Hear Me

    (...50%)

     

     

     

           “อยากตายใช่มั้ย โบว์

             คำพูดของแมท ทำเอาฉันขนลุกซู่

             สีหน้าของแมทตอนนี้มันบ่งบอกได้เลย ว่าเขาสามารถฆ่าฉันได้อย่างที่กำลังถามอยู่จริง ๆ

             ฉันกลืนน้ำลายลงคอจะขยับไปทางไหนก็ไม่ได้ ข้างหลังก็ติดกำแพงแล้ว ข้างหน้าก็ยังมีคนนิสัยไม่ดีที่แผ่รังสีอำมหิตได้อย่างน่ากลัว

             เดี๋ยวนะใช่ เราเป็นแฟนกัน แต่แค่ปลอม ๆ แล้วกับการที่ฉันถูกจูบต่อหน้าเขาไปโดยเพื่อนสนิทของเขาเนี่ย มันเป็นการหักหน้าเขามากเลยใช่ไหม ฉะนั้นฉันไม่ควรจะบอกว่านั้นเป็นจูบแรกของฉันอย่างนั้นสินะ เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดเหตุการณ์วิปริตได้สองอย่าง

             หนึ่ง เขาอาจจะหันกลับไปกระทืบร่างของเลโอจนจมดิน

             หรือไม่ก็

           สอง เขาอาจจะต่อยหน้าฉันจนแหกยับเยินไปเลยก็ได้ ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างหวั่นใจพยายามหาทางหนีทีไล่ มองไปยังเลโออีกทีก็เห็นว่าแลนซ์กำลังเอาผ้ามาซับเลือดกำเดาให้อยู่ นึกไม่ถึงว่าแมทจะทำร้ายเพื่อนตัวเองได้ถึงขนาดนั้น

             “ยังจะมองมันอีกเหรอ!” แมทตะคอกออกมาจนฉันสะดุ้งเฮือก ก่อนจะรีบส่ายหน้าทันที

             ถึงแม้ว่าเมื่อกี้ฉันจะมองเลโออย่างที่เขาว่าเมื่อกี้จริง ๆ ก็ตาม แล้วไงล่ะ แค่ยืนยันกระต่ายขาเดียวว่าไม่ได้มอง เขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ฉันคิดในใจอย่างอวดเก่ง แต่ความเป็นจริงตอนนี้ขาสั่นพั่บไปหมดแล้ว

             ให้ตายเถอะ แลนซ์มาช่วยฉันออกไปจากตรงนี้ทีได้ไหมเนี่ย แมททำท่าจะบีบคอฉันจริง ๆ แล้วนะ

             “ฉัน ฉันว่า

             “ว่าอะไร!” แมทตะคอกมาอีกจนขวัญฉันหายกระเจิดกระเจิง

             ทำไงดี ตอนนี้ฉันอยากจะร้องไห้แล้วนะ พอจะขยับตัวไอ้หมาวายร้ายสุดโหดได้โล่อย่างแมทก็กระตุกเส้นผมของฉันจนเซไปปะทะกับอกว้างเข้าจนได้

             “แมท! ฉันเจ็บนะ ครั้งก่อนนายก็ทำผมฉันแหว่งไปทีแล้วนะ”

             เคยมีใครสอนเขาบ้างหรือว่าต้องให้เกียรติสุภาพสตรีน่ะ

             นี่มันอะไรกัน เขากระชากผมของฉันเลยนะ ไอ้โหด!

           “ก็อยากจะกล้อนผมเธอให้หมดทั้งหัวอยู่นี่แหละ อยากเห็นว่ามันจะเป็นไง” แมทกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างน่ากลัว แล้วก็เลื่อนมือมาบีบคางฉันอย่างแรง

             “ไม่มีใครสั่งใครสอนเหรอ ว่าห้ามจูบกับคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนตัวเองน่ะ” แมทกระซิบเสียงเหี้ยม ทำให้ฉันฉุนขึ้นมาเหมือนกัน

             “แล้วมีใครสอนนายบ้างหรือเปล่า ว่าอย่าใช้กำลังกับผู้หญิงน่ะ”

             พูดจบก็เจอดีเลย อีตาบ้าห้าร้อยนี่กระแทกริมฝีปากอย่างรุนแรงกับปากของฉันทันที ฟันของเรากระทบกันดังกึกในตอนแรก อยากบอกว่าเจ็บมาก แถมแมทยังขยุ้มผมของฉันให้แหงนหน้าขึ้นเพื่อให้เขาจูบได้หนักหน่วงมากกว่าเดิม ฉันเจ็บไปหมดทั้งปากทั้งผม ในหัวก็มึนงงสับสนไปหมด

             บอกเลยว่ามันไม่ได้ซาบซึ้งตรงจิตหรือนุ่มนวลอะไรทั้งนั้น ตรงข้ามเขาแทบจะบดขยี้ให้ปากฉันแหลกละเอียดเลยด้วยซ้ำ ฉันหลับตาแน่นครางอู้อี้ในคอแล้วพยายามจะผลักเขาให้ออกห่างด้วย แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ปลายลิ้นของเขาที่ซุกซอนเข้ามาเหมือนกับพาเอากระแสไฟฟ้าเข้ามาด้วย

             มันเริ่มทำให้ฉันชาดิกตั้งแต่หัวจรดเท้าแขนขาอ่อนแรง จนแมทต้องดึงฉันไปกอดไว้ทั้งตัวเพื่อไม่ให้ฉันล้มลง

             นานเท่าที่เขาพอใจนั่นแหละเขาถึงผละออกห่าง จากที่คิดว่าแขนขาไม่มีแรงตอนแรกมาถึงตอนนี้ฉันถึงได้รู้ ว่าไม่ใช่แค่ความคิด แต่ในความจริงแขนขาฉันอ่อนแรงไปหมดแล้ว ฉันทรุดฮวบลงนั่งที่พื้นแล้วก็สับสนมึนงงไปหมด แถมยังได้กลิ่นคาวเลือดติดปลายลิ้นมาซะอีก

             ฉันน้ำตาซึมเพราะความเจ็บใจ นอกจากแมทจะทำฉันเจ็บ ๆ แล้ว ยังรู้สึกว่าตัวเองชอบที่เขาทำแบบนั้น กรี๊ด มันอะไรกันเนี่ย เสียงโห่ร้องอื้ออึงดังขึ้นเป็นระยะหลังจากที่แมทโชว์เลิฟซีนสุดร้อนข้างถนนไปแล้ว ตอนนี้เสียงโห่บ้านั่นก็ยังไม่ยอมหยุดอีก

           ฉันยกหลังมือขึ้นมาถูริมฝีปากตัวเอง แล้วก็ครางน้ำตาคลอเพราะความเจ็บ บ้าจริง ปากฉันบวมเห่อไปหมดแล้วเนี่ย เขาจูบทีเล่นเอาเจ็บไปหมดเลย อยากจะรู้นัก ว่าเวลาที่โรมันจูบซานต้าจะดุเดือดเลือดพล่านอย่างที่แมทจูบฉันบ้างหรือเปล่า

             เจ็บใจนัก พอหันไปมองทางกลุ่มของแมทอีกที ก็เห็นว่าไอ้ผู้ชายโรคจิตคนนั้นยังเข้าไปเตะเลโออีกหลายทีซ้อน ถ้าเป็นฉันนะ ฉันจะเตะผ่าหมากหมอนั่นแรง ๆ ไปแล้ว

             ทำไมกันล่ะ เลโอก็ตัวสูงใหญ่พอกับแมทเลยนี่นาทำไมไม่ตอบโต้กลับไปบ้าง ฉันคิดแล้วก็มองอย่างหงุดหงิดที่เลโอไม่ยอมทำอะไรแมทคืนเลย

             ฉันมองตามร่างของแมทไปเรื่อย ๆ ก็เห็นว่าเขาช่างโดดเด่นมากเหลือเกิน ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มักจะเห็นเขาอยู่ในสายตาตลอดเวลา และเมื่อเขามองกลับมาก็ทำเอาสะดุ้งเฮือก

             แค่สายตาแค่นั้นเองนะ ทำไมต้องกลัวด้วยโบว์ ฉันต่อว่าตัวเองในใจ

             เมื่อเขาเดินไปที่ใครสักคน ฉันก็ลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นออกจากแขนขาเพราะว่านั่งแปะกับพื้นจนเปื้อนไปหมดแล้ว ยิ่งใส่กางเกงขาสั้นมาด้วยอีก ฉันค่อย ๆ เดินเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรงไปพิงที่รถสปอร์ตคันหรูของแมท แล้วก็ทำหน้างอใส่ทุกคนที่ทำท่าล้อเลียน

             ไม่นานแมทก็เดินหน้าเรียบเฉยกลับมาถึงรถ ฉันแทบจะไม่มองหน้าเขาเลย แต่ก็แอบมองอยู่นิดหน่อย เพราะอยากรู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำหน้ายังไงอยู่กันแน่ แต่เขาทำหน้าตายเหมือนเดิมนั่นแหละ คือเซ็งโลก แถมยังถลึงตาใส่ฉันไม่หยุดอีกต่างหาก ในโลกนี้จะมีใครนิสัยแย่เหมือนเขาอีกบ้างไหม

             “ขึ้นรถ” เขาสั่งสั้น ๆ และฉันก็ทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไข

             เพราะถ้าขืนฉันยังทำหน้าลอยไปลอยมาให้เขาโมโห เขาอาจจะปล้ำฉันกลางถนนเลยก็ได้ ใครจะไปรู้

             แมทนิสัยเหมือนคนปกติเขาทำกันที่ไหนล่ะ

     

     

             ตลอดเวลาที่อยู่ในรถฉันหาทางหนีตลอดเวลาเลย แต่จะให้ทำไงได้ ไปไหนไม่รอดเลยละ

             ตอนที่ติดไฟแดงฉันก็อยากจะกระโจนลงจากรถอยู่หรอกนะ แต่ที่ปลดล็อกรถมันอยู่ที่นั่งฝั่งของแมทน่ะสิ จะให้ฉันเอื้อมไปกดเหรอ แมทได้เสยคางฉันกลับมาน่ะสิ ฉันนั่งกลืนน้ำลายทนการขับรถที่กระแทกกระทั้นของเขาอย่างไม่มีทางเลี่ยง

             เชื่อไหมว่าแมทเดี๋ยวก็แตะเบรกแรง ๆ เดี๋ยวก็เหยียบคันเร่งจนมิด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาสอบใบขับขี่มาได้น่ะ

             ยิ่งตอนที่เขาหันมามองแบบแปลก ๆ ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เสียวสันหลังวาบ สายตานั่นหมายความว่ายังไงกันแน่เนี่ย

             “นี่ ฉันอยากกลับห้องของฉัน” ฉันบอกแมท เมื่อเขาทำท่าจะขับรถผ่านทางที่จะกลับคอนโดของฉันไป ไม่ต้องบอกคงรู้นะว่าจุดหมายของเขาอยู่ไหนน่ะ

             “เหรอ?” แล้วเขาก็ตอบกลับมาเท่านี้

             ไม่ต้องตอบเลยจะดีกว่าไหมแมท ฉันนั่งบีบมือตัวเองจนเจ็บไปหมด ไม่กล้าจะพูดอะไรออกไปตอนนี้เลย

             ทำไงดี ฉันได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจเพราะตอนนี้แมทน่ากลัวมากกว่าทุกทีอะ เขาเหมือนฆาตกรโรคจิตที่กำลังวางแผนจะฆ่าเหยื่อให้ตายอย่างทรมานยังไงดี และคนที่เป็นเหยื่อก็คือฉันยังไงล่ะ

             “ฉันอยากกลับห้องตัวเอง ฉันมีนัดกับเพื่อน”

             โกหก! ยัยซานต้าไปอเมริกาแล้ว เหลือแค่ฉันกับตัวละครโรคจิตอยู่ตัวหนึ่ง พระเจ้าช่วยฉันด้วย จะทำยังไงให้หลุดพ้นจากหมอนี่ดีละเนี่ย แบบนี้ไม่ดีเลยนะ

             “จะกี่สิบนัดก็บอกเลิกมันไปซะ ถ้าไม่อยากมีปัญหากับฉัน

             เท่านั้นฉันก็หุบปากที่กำลังจะอ้างชื่อของยัยต้าขึ้นมาทันที ถ้าพูดออกไปไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าหมอนี่จะไปหาเรื่องกับเพื่อนของฉันน่ะ

             “แต่ฉันอยากจะกลับไปที่ห้องของฉันจริง ๆ นะ”

             ถ้าต้องสู้กันแล้ว คิดว่าที่คอนโดของฉันน่าจะดีกว่าเพราะพวกรปภ. ฉันก็รู้จักดีเหมือนกัน มีอะไรจะได้เรียกให้พวกเขาช่วยได้ทัน แต่ถ้าไปห้องของแมทนี่สิ

           เขาอาจจะฆ่าฉันแล้วโบกปูนทับที่ผนังห้องได้เลยนะ

             “ที่ห้องเธอไม่มีกระทิงแดงกับเบียร์ ฉันไม่ไป”

             ฉันขมวดคิ้วเมื่อเขาพูดจบ

             กระทิงแดง เบียร์ มันเกี่ยวกันยังไงล่ะนั่น

             “คืนนี้ฉันจะดื่มอะไรดีนะ?” แมทยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาเท้าคางแล้วก็พึมพำกับตัวเอง

             ในขณะที่ฉันเริ่มคิดวิตก เขากำลังจะทำเรื่องโรคจิตอะไรอีกละเนี่ย ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย

     

     

             แมทกระชากลากถูฉันให้ไปที่ห้องของเขา อย่างที่ทำเหมือนตอนที่ลากฉันออกมาจากห้องของเขาเมื่อตอนเย็น และตอนนี้ฉันก็เริ่มจะเชื่องขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะแขนมันช้ำเป็นจ้ำ ๆ ไปหมดแล้ว เพราะอีตานี่เอาแต่ลากเอาแต่ดึงจนแขนจะหลุดออกมาอยู่แล้ว

             เมื่อถูกเหวี่ยงให้เข้าไปในห้องของเขาแล้วฉันก็ยืนลูบแขนตัวเอง ร่างกายพลันสั่นเทา เมื่อเห็นแมทถอดเสื้อแจ็กเก็ตเหวี่ยงออกไปมุมไหนก็ไม่รู้ ฉันเดินตามไปไม่อยากจะขัดใจเขามากนัก ตอนนี้เขาเหมือนวัวกระทิงตกมันเลย ไม่แน่เขาอาจจะมางับคอฉันจนขาดกระจุยเลยก็ได้ ใครจะไปรู้

             แมทหยิบแก้วใบหนึ่งมาวางอย่างรุนแรงที่โต๊ะในห้องครัว และหยิบเครื่องดื่มที่ฉันเองก็รู้จักดีออกมาวางที่โต๊ะอีกสองอย่าง ฉันมองมันแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าแมทอย่างไม่เข้าใจ

             มันเป็นเครื่องดื่มบำรุงกำลังกระทิงแดงขวดหนึ่ง แล้วก็เบียร์อีกกระป๋องหนึ่งน่ะ

           แล้วใบหน้าเรียบนิ่งของแมทที่มองมาอยู่เนี่ย เขากำลังวางแผนอะไรอยู่ในใจน่ะ โอ๊ย เห็นหน้าเขาแล้วอยากจะร้องไห้

           “ทุกคืนฉันจะมีเครื่องดื่มที่ดื่มเป็นประจำอยู่สองอย่าง” แมทพูด แล้วแตะปลายนิ้วที่ฝาขวดกระทิงแดง ก่อนจะเลื่อนไปแตะที่ฝากระป๋องเบียร์

           “หนึ่งเบียร์ สองกระทิงแดง” เขาอธิบายแล้วก็มองตาฉันไปด้วย

           “แล้ว ฉันถามต่อ รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นเมื่อเห็นหน้าของแมทที่ดูจะแปลก ๆ ไปจากเดิม

           “ถ้าฉันดื่มเบียร์ ฉันจะเมาและอาจจะรักกับเธอแบบนุ่มนวล แต่ถ้าฉันดื่มกระทิงแดง จงเตรียมตัวเอาไว้เลย ว่าฉันจะซาดิสม์

             “ฮะ” ฉันอ้าปากค้างมองคนร่างสูงตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ

             นี่เขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะ

             “เอาเป็นว่าเธอเข้าใจแล้วนะ แล้วนี่ฉันจะดื่มอะไรดี” เขาพูดแล้วก็มองมาแน่วนิ่ง จนฉันเริ่มสั่นไปทั้งตัว

             “อย่าเล่นแบบนี้ ฮ่า ๆ” ฉันหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา แต่แมทไม่ได้ตลกด้วยเลย

             มือของแมทเลื่อนไปแตะที่กระป๋องเบียร์ก่อน จากนั้นเขาก็เปิดฝากระป๋องแล้วก็ยกดื่มทีเดียวจนหมด

             ฟองเบียร์ที่ไหลซึมออกมาจากมุมปากของเขานั้นทำให้ฉันกลืนน้ำลายลงคอ มันเซ็กซี่อะไรอย่างนี้ ยิ่งตอนที่ลูกคอของเขาเลื่อนขึ้นลงนั่นด้วยแล้ว ฉันแทบจะละสายตาออกมาไม่ได้เลย

           เมื่อดื่มจนหมดแล้วแมทก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอีกที ก่อนจะขยำกระป๋องเบียร์จนมันบุบบู้บี้แล้วก็โยนทิ้งไปมุมหนึ่งของห้อง

             ฉันมองเขาอย่างตื่น ๆ ทั้งที่ควรจะรู้ได้แล้วว่าตอนนี้อยู่ในสถานการณ์อันตรายมากแค่ไหน

             ใช่! ตอนนี้ฉันต้องหนีแล้ว ไม่ใช่เวลาที่จะมัวมามองหน้าที่เซ็กซี่ของปีศาจร้ายอย่างแมทอยู่นะ ฉันเริ่มซอยเท้าวิ่งวนไปมารอบ ๆ เมื่ออีตาแมทหยิบกระทิงแดงขึ้นมาเปิดฝาอีกขวดหนึ่งแล้ว

             แล้วเขาจะเอาแก้วออกมาวางไว้เก๋ ๆ ทำไมกัน ในเมื่อเขายกขึ้นดื่มทั้งขวดแบบนี้น่ะ เขาวางขวดกระทิงแดงเปล่าลงที่โต๊ะ แล้วก็ใช้ปลายนิ้วปากหยดน้ำที่ยังติดอยู่ที่ริมฝีปากของเขาออกมาแตะลิ้นอีกที

             “นายดื่มกระทิงแดงทำไมน่ะ ไม่ได้เหนื่อยอะไรไม่ใช่เหรอ?” ฉันถามเสียงสั่น ไม่เจอกันอาทิตย์เดียว ความโรคจิตของเขาทำไมมันเพิ่มมากขึ้นมากแบบนี้น่ะ

             “เดี๋ยวก็เหนื่อย

             เฮือก! แล้วทำไมเขาต้องทำเสียงเซ็กซี่แบบนี้ด้วย สติฉันใกล้จะแตกเต็มทีแล้ว ใครก็ได้ ช่วยฉันทีได้ไหม

           พอรู้ว่าแมทเอาจริงแน่แล้ว ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากำลังเอาจริงเอาจังเรื่องอะไรอยู่กันแน่ ได้แต่หวังว่ามันจะไม่ใช่เรื่องทะลึ่งที่ฉันกำลังแอบคิดในใจเงียบ ๆ อยู่ตอนนี้

             “เอาละ” พูดแล้วแมทก็ถอดเสื้อยืดตัวในออกในที่สุด

             “แมท! นายจะทำอะไรน่ะ” ฉันหวีดร้องเสียงหลงแล้วก็วิ่งหนีไปรอบห้อง จนมาหยุดอยู่หน้าประตูและกำลังจะเปิดออกไปได้อยู่แล้วเชียว แต่แมทก็ตามมาทันแล้วอุ้มฉันเหมือนอย่างที่เคยอุ้มครั้งก่อน

             จากนั้นขาเพียวยาวของเขาก็ก้าวเดินไปที่ห้องนอนทันที ไม่ต้องบอกก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าก่อนหน้านี้เขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ ฉันดิ้นพราดเหมือนปลาถูกทุบ แต่คนโรคจิตอย่างแมทนั้นช่างแข็งแรงเหลือเกิน เขาล็อกแขนขาของฉันเอาไว้ได้อย่างแน่นหนาจนเดินมาถึงเตียง

             ไม่รอช้า เขาโยนฉันให้ลงไปนอนจุกที่เตียง โดยที่เขาปลดเข็มขัดออกอย่างเชื่องช้าเหมือนจะยั่วยวนฉันไปด้วย

             เหมือนมีแรงดันน้ำเดือดกำลังสูงสุดพุ่งออกจากหูของฉันทันที ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นซิกแพคระยะประชิดแบบนี้มาก่อนเลย

             แมทโยนเข็มขัดออกจากกางเกงยีนแล้วก็ปลดกระดุมกางเกงยีนออกเม็ดหนึ่ง เผยให้เห็นกล้ามท้องแข็งแรงที่ดูเซ็กซี่แถมยังดูเถื่อน ๆ กับสีหน้าอำมหิตของเขานั่นอีก

             อึก แล้วตอนนี้ฉันยังมาคิดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย

     

     

             ฉันพลิกตัวหนีหมายจะวิ่งลงไปอีกทางหนึ่งของเตียง แต่แมทก็ฉวยเอาข้อเท้าของฉันไว้ทันและลากกลับขึ้นไปอยู่กลางเตียงเหมือนเดิม

             “แมท! ไม่เล่นนะ อย่าทำแบบนี้สิ” ฉันร้องโหยหวนเมื่อเห็นหน้าของแมท

             มันน่ากลัวซะจนหายใจหายคอไม่ออก บอกไม่ถูกเลยว่าแมทตั้งใจจะแกล้งให้กลัว หรือตั้งใจจะทำจริง ๆ

             “ใครว่าเล่น เอาจริง” เขาพูดแล้วก็กระชากขาของฉันจนฉันเลื่อนตัวลงไปนอนอยู่ใต้ร่างของเขาในที่สุด

             ร่างสูงใหญ่ของแมทก็คร่อมเอวฉันไว้ ทำเอาฉันหนีไปไหนไม่ได้เพราะเขากักไว้กลาย ๆ

             “แมท ฉันไม่รู้ว่านายโกรธเรื่องอะไร เพราะงั้นฉันขอโทษแล้วเรามาคุยกันดี ๆ” พูดยังไม่ทันจบ เสียงของฉันก็ถูกดูดกลืนหายไปในลำคอ

             แมทโน้มหน้าลงมาจูบฉันอีกครั้งในรอบที่สองของวัน แม้ว่ามันจะไม่ใช่จูบแรก แต่มันเหนือกว่าจูบแรกมากมายนัก

           ฉันหัวหมุนเมื่อเจอกับจูบที่ไม่เคยได้รับมาก่อน เรี่ยวแรงที่ดิ้นขัดขืนในตอนแรกมันหายไปไหนหมดไม่รู้ เหลือแค่แรงที่เหนี่ยวคอเขาไว้ไม่ให้ออกห่างไปเท่านั้น เมื่อปรือตาขึ้นก็เห็นแมทยิ้มอย่างพอใจตอนที่ถอนจูบออกไปแล้ว แต่เขายังแตะริมฝีปากไว้ชิดกับริมฝีปากของฉันคลอเคลียไม่หยุด

             ชีพจรตรงริมฝีปากมันเต้นแรงจนรู้สึกได้ แถมยังรู้สึกเจ็บระบมไปหมดเพราะจูบที่เหมือนจะสูบวิญญาณนั่น

             “ขอโทษแล้วมันหายกันก็แล้วไป แต่นี่ไม่หายหรอกโบว์” พูดจบแมทก็ช้อนมือที่ต้นคอของฉันขึ้น ก่อนที่จะทำอะไรบางอย่าง กว่าจะรู้ตัวเสื้อของฉันก็หลุดออกไปจากตัวซะแล้ว

             “แมท!” ฉันอุทานเสียงพร่า ยื่นมือออกไปหมายจะคว้าเสื้อตัวเองไว้ แต่ก็ไม่ทันเพราะแมทเหวี่ยงมันทิ้งออกไปข้างเตียงแล้ว

             ฉันหนาวเยือกขึ้นมาทันทีเพราะเจอกับอากาศเย็นเฉียบที่มาจากเครื่องปรับอากาศ มันทำให้ร่างกายสั่นสะท้านโดยที่เขาไม่ต้องออกแรงอะไรเลย ปลายนิ้วอุ่นระอุของแมทลูบไล้ไปตามขอบบราเซียร์อย่างเชื่องช้า จนฉันต้องจับมือเขาไว้แน่น

             “ไม่เอานะ เรายังเจอกันถึงเดือนเลยนะ” ฉันพูดแทบจะเป็นเสียงสะอื้น เมื่อรู้สึกว่าเขาชักจะเอาจริงไม่ใช่แค่ปากว่าแล้ว

             “แล้วไง เชื่อเถอะ ว่าเรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันไปอีกนาน” เขาพูดออกมาอย่างเห็นแก่ตัว ทำเอาฉันแทบจะร้องไห้

             แมทพูดออกมาได้ง่าย ๆ หน้าตาเฉย มันก็ไม่แปลกอะไรเพราะเขาเป็นผู้ชาย แต่ฉันเป็นผู้หญิงนะ

             “ไม่! ยังไงก็ไม่ได้” ฉันเถียงและพยายามปกป้องตัวเองสุดชีวิต แม้ว่าตอนนี้เสื้อจะหลุดออกจากตัวไปแล้วก็ตาม

             “นี่! เราเป็นแฟนกันอยู่นะ ถ้าฉันมีแฟนแล้วไม่ได้ทำอะไร จะมีไปทำไมแฟนน่ะ”

             “ไอ้ผู้ชายเฮงซวย” ฉันตะคอกใส่หน้าเขาอย่างโกรธจัด อารมณ์หวิวหวานก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว เพราะคำพูดร้ายกาจของเขา

             “ว่าไงนะ” เขาก้มหน้าลงมาถามฉัน คิ้วเข้มนั่นขมวดติดกันจนแทบจะแกะไม่ออก

             “ไอ้ผู้ชายทุเรศ สารเลว!” ฉันด่าเขาไปไม่ยั้ง เท่าที่สมองยังจำได้ มันเริ่มจะเวียนหัวจนคิดอะไรไม่ไหวแล้วสิ

             “อะไรอีก” แมทเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง แล้วถามอย่างกวนโมโห เมื่อเขาขบริมปากตัวเองด้วยฟันขาว ๆ นั่น ก็ยิ่งทำให้ฉันใจเต้นตึกตัก

             ริมฝีปากของเขาสวยมากเหลือเกิน และเมื่อจำได้ว่าเราเคยจูบกันมาก่อนฉันก็แทบจะพูดอะไรไม่ออก ราวกับว่าริมฝีปากของเรายังสัมผัสกันและกันไม่เปลี่ยน

             “ไอ้” หัวของฉันเริ่มคิดอะไรไม่ออก เรี่ยวแรงก็หดหายไปทีละน้อยอย่างน่ากลัว

             “ว่าไง” เขาถามมาอีกครั้งอย่างกวนประสาท ฉันก็พยายามจะยันอกกว้างให้ออกห่าง แต่เชื่อเถอะ มันไม่เขยื้อนไปไหนเลย

             “ไอ้คนรังแกผู้หญิง เลว!

             เพราะรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจนั่นแหละ ฉันถึงอดไม่ได้ที่จะด่าเขาออกไปอีกครั้ง

             “เออ ด่าให้เยอะ ๆ เลยนะ เพราะว่าไอ้ที่เธอด่า ๆ มาน่ะได้เป็นสามีเธอทั้งหมดแน่”

             “แมท!” ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่านายจะเป็นแบบนี้น่ะ ฉันสะอึกในใจอย่างน่ากลัว

             “D-70 เยี่ยมไปเลยนะโบว์ ถ้ามีลูกลูกเราต้องอ้วนกว่าเด็กคนอื่น ๆ แน่เลย”

             แมททำสายตาซุกซนแล้วก็ซุกหน้าลงกับต้นคอของฉัน ในขณะที่ฉันตกใจจนตัวโยนเมื่อถูกจูบที่ต้นคอ

             “โอ๊ย! มันเจ็บนะ เธอเป็นหมีหรือหมากันแน่”

             ฉันดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ร่างของเขาอย่างสิ้นหวัง แย่แน่แล้ว ฉันจะต้องเสียเวอร์จินให้คนพรรค์นี้จริง ๆ น่ะเหรอ ไม่เอานะ!

             “เดี๋ยวนะแมท เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง ๆ แล้ว” ฉันร้องออกมาเมื่อคิดอะไรได้

             “” แต่เขาไม่ฟังอะไรเลย นอกจากพรมจูบตามต้นคอและเนินอกของฉันไปเรื่อย แล้วยังฝากรอยจูบเอาไว้ทุกที่ที่เขาลากริมฝีปากไปถึงอีกต่างหาก

             พลันนั้นร่างกายของฉันสั่นกระตุกไปทั้งตัวอย่างน่ากลัว

             “เมนส์ฉันมา แมท ประจำเดือนฉันมานะ!” ฉันเริ่มดิ้นแต่เขาไม่ฟังอะไรเลย

             จะไม่เชื่อกันสักนิดเลยเหรอ

             “ก็บอกแล้วไงว่าฉันดื่มกระทิงแดงแล้วฉันจะซาดิสม์ เพราะงั้นฉันไม่แคร์อะไรทั้งนั้น”

             “แมท!” ฉันแทบร้องไห้เมื่อถูกถอดกางเกงขาสั้นออกไปได้แล้ว

             แมทหยิบมันมาดูแล้วก็โยนไปอีกทางหนึ่ง ก่อนจะใช้ปลายนิ้วกดปลายคางไม่ให้ฉันได้หันหน้าหนีไปได้อีก

             “เธอโกหก แล้วมาดูกันว่าฉันจะทำอะไรกับผู้หญิงที่จูบคนอื่นที่ไม่ใช่แฟน แล้วยังเป็นเด็กเลี้ยงแกะแบบเธออีกดี”

     

    นิยายเรื่องนี้หมดสัญญากับทางสำนักพิมพ์แล้ว

    มู่เลยนำมาทำ E-Book เองค่ะ

    สามารถซื้อ E-Book ได้ที่ Meb เลยนะคะ

    กดที่รูปปกใหม่เพื่อซื้อได้เลยค่ะ

    ขอบคุณจากใจมาก ๆ เลยนะคะ


    หรือ >>Click!!<<



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×