ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Café Mania (P.II) หนุ่มฮอตตัวร้ายป่วนหัวใจยัยจอมยุ่ง

    ลำดับตอนที่ #6 : Café Mania (P.II) ☕️ 03...100%

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ค. 65


     

    Lucas’s Girl

    ~03~

    (…100%)

                แต่ก่อนจะทันได้เดินออกมา เสียงยีนส์ก็ถามเสียงสูงเหมือนกำลังตกใจ และเรียกสายตาจากคนแถวนั้นได้อย่างดี

                “มีมี่! นั่นลูกเธอเหรอ”

                ฉันมองหน้ายีนส์ชั่วครู่ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย

                “อืม… นี่ลูกชายฉัน”

     

     

                ฉันอยากให้ทุกคนเห็นสีหน้าของยีนส์ตอนนี้จริง ๆ เขาอ้าปากค้างจนดูน่าตลก มองฉันสลับกับน้องบอสอยู่อย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันแค่มองเขาแล้วก็ผ่านเลยไป คนอย่างยีนส์น่ะไม่มีอะไรให้ฉันต้องเสียน้ำตาให้เขาอีกต่อไปแล้ว

                เพราะเขาไม่ได้มีอะไรสำคัญกับฉันเลย

                “แล้วเดินมานี่ยังไงเนี่ย ป๊าไปไหนแล้วครับ” ฉันก้มหน้าถามลูกชายกำมะลอแล้วก็ยื่นมือให้เขาจูง

                “ป๊า!?” เสียงของยีนส์ยิ่งดังขึ้นมาอย่างตกใจเข้าไปใหญ่

                ขนาดน้องบอสยังทำหน้าไม่ค่อยชอบใครแล้วหันไปชักสีหน้าน้อย ๆ ใส่เขาเลย เด็กตัวเล็ก ๆ แบบนี้คงรู้นะว่าคนไหนใจดีหรือเปล่า

                “ม้า ไปกัน” น้องบอสเริ่มฉุดแขนฉันให้ออกห่างจากสองคนนั้น ฉันก็เดินออกมาแต่โดยดี ไม่หันหลังกลับไปมองหน้าใครอีกเลย 

                แต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงที่ดังไล่มาอีก

                “เห็นมั้ยยีนส์ ยัยนั่นร้ายแค่ไหน มีลูกแล้วเห็นมั้ย?”

                ให้ตายสิ ยัยผู้หญิงคนนั้นกินไมโครโฟนเป็นอาหารหรือไง เรียกสายตาคนมองเป็นแถว แต่ฉันไหวไหล่อย่างไม่สนใจแล้วรีบจูงมือน้องบอสให้เดินกลับไปหาคุณพ่อกำมะลอที่กำลังหน้าบึ้งนิด ๆ อย่างรวดเร็ว

                “ช้า!”

                นี่คือคำแรกที่ลุคพูดกับฉัน หนำซ้ำที่หัวคิ้วยังขมวดติดกันอีกต่างหาก

                “ม้ายืนคุยกับผู้ชาย…” น้องบอสรีบพูดต่อทันที

                ฉันอ้าปากหวอกับคำพูดของลูกชาย พูดแบบนี้ฉันตายได้เลยนะนั่น พอหันไปมองหน้าลุคอีกที เขาก็ถลึงตาใส่ฉันใหญ่ ให้มันได้อย่างนี้สิ

                “ใคร?”

                รู้สึกว่าพักนี้ลุคชอบถามสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่ตอบยากดีจัง

                แล้วสีหน้าแบบนี้จะเข้ามาหักคอฉันเลยหรือไงน่ะ

                “แค่คนเคยรู้จักน่ะ ไม่มีอะไรหรอก ปะ เข้าไปกินไอศกรีมกัน” ฉันรีบตัดบทก่อนที่เขาจะทันได้ซักอะไรมากกว่านี้

                ก็ดูหน้าลุคตอนนี้สิ น่ากลัวน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ โกรธอะไรอีกก็ไม่รู้ แล้วมาว่าผู้หญิงเข้าใจยาก ฉันว่านะผู้ชายนั่นแหละเข้าใจยากกว่าอีก

                “อย่าให้รู้นะว่าใคร ไม่งั้นไม่สวยแน่” ลุคชี้หน้าคาดโทษ แล้วก็คว้ามืออีกข้างหนึ่งของน้องบอสเดินเข้าร้านไอศกรีมไป

                “อะไรเนี่ย…” ฉันพึมพำกับตัวเองอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก

                เฮ้อ… ยิ่งอยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่ ฉันก็ไม่เข้าใจทั้งตัวเองและลุคเข้าไปใหญ่เหมือนกัน อาการแปลก ๆ ที่กำลังรบกวนฉันอยู่ตอนนี้เนี่ย มันคือ…

                ฉันส่ายหน้าไล่ความฟุ้งซ่านออกจากหัว ก่อนจะเดินตามสองหนุ่มเข้าไปในร้าน ก่อนที่จะถูกลุคส่งสายตาพิฆาตมาให้อีก

                เราสามคนนั่งที่โต๊ะติดกับกระจกของร้านสามารถเห็นผู้คนที่เดินผ่านไปมา น้องบอสก็ดูสนอกสนใจกับเรียวขาสวย ๆ ของสาว ๆ ที่เดินผ่านไปมาออกนอกหน้า

                ร้ายแต่เด็กเชียวนะ… ฉันมองตามแล้วก็ส่ายหน้าไปมาทั้งขำทั้งกลัว

                จะไม่ให้กลัวได้ยังไง หน้าตาแบบนี้โตขึ้นไปคงหล่อมาก และทำให้ผู้หญิงเสียน้ำตาให้ง่าย ๆ แน่นอน

                และเมื่อพนักงานมารับเมนู น้องบอสก็สั่งอย่างรวดเร็ว ท่าทางจะเข้าร้านแบบนี้บ่อยแฮะ

                “ม้า แล้วเรามาดูหนังกันอีกนะ…”

                ฉันคอตกกับคำพูดของน้องบอสทันที เอาพลังงานมาจากไหนกันครับเนี่ย…

     

     

                หลังจากกินไอศกรีมกันเรียบร้อยแล้ว พอเราเดินกลับไปที่ลานจอดรถก็เจอกับยีนส์และแฟนใหม่ของเขาอีกครั้ง ทฤษฎีโลกกลมคงจะประมาณนี้ละมั้ง ฉันยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นว่ายีนส์กำลังจ้องหน้าลุคใหญ่เลย

                ฉันไม่ได้คิดจะประชดด้วยการควงลุคอวดเขาหรอกนะ ฉันยังทำตัวเป็นปกติธรรมดาเงียบ ๆ เหมือนเดิม แต่ยีนส์คงจะรู้สึกแล้วละ ว่าการที่เห็นฉันอยู่กับชายคนอื่นทันทีที่เลิกกับเขา มันคงทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเสียหน้าไม่น้อยไปกว่าที่ฉันต้องเสียใจ

                ลุคเองก็ขมวดคิ้วอย่างงง ๆ เพราะคงไม่เคยเจอยีนส์มาก่อน แถมยังถูกจ้องซะเขม็งแบบนั้นด้วย ฉันเปิดประตูรถแล้วก็มองลุคที่กำลังเหมือนจะมีอารมณ์ฉุนนิด ๆ จากการมองของยีนส์

                “ลุคไปเถอะ” ฉันบอกลุคก่อนที่เรื่องมันจะไปกันใหญ่

                “มองอะไรฮะ มีปัญหาอะไรเหรอ?”

                แล้วก็จริงอย่างที่คิดซะด้วย

                ลุคไม่เคยอ้อมค้อมไม่ว่าจะกับใคร ตอนนี้เขาก็กำลังทำท่าไม่ชอบใจยีนส์สุด ๆ แล้วด้วย

                “เปล่า…” ยีนส์ยักไหล่แล้วก็หันมองฉันบ้าง

                “แล้วเจอกันมีมี่”

                คนไอ้บ้า ยีนส์…

                ดูประโยคก่อนหน้าที่เขาพูดกับฉันสิ เขาต้องการอะไรกันแน่ ทั้งที่ตัวเขาเองเป็นคนหักหลังฉัน แต่ทำยังกับว่าฉันเป็นคนทรยศเขาซะอย่างนั้น ฉันเคยตกหลุมรักคนคนนี้เข้าไปได้ยังไงกัน…

                “มีมี่ขึ้นรถ!”

                ตานี่ก็อีกคน จะพูดเพราะ ๆ บ้างก็ไม่ได้

                ฉันจะไม่แปลกใจเลยถ้าน้องบอสโตขึ้นแล้วจะพูดตะคอกแล้วก็เสียงดังอารมณ์เสีย มันต้องมาจากลุคแน่นอน ไม่ต้องไปถามหาว่าน้องบอสเป็นอย่างนี้เพราะใครเลย

                “ขึ้นรถครับ” ฉันเข้าไปนั่งในรถก่อนแล้วรั้งร่างเล็กแต่หนักอึ้งของน้องบอสเข้ามานั่งด้วยกันที่เบาะหลัง โดยไม่สนใจสายตาของยีนส์ที่มองมาอย่างหงุดหงิดนั่นอีก

                ผู้ชายน่ารังเกียจ เขาไม่เคยมองเห็นความผิดของตัวเองเลย แต่สำหรับคนอื่นเขาจะมองเห็นมันอยู่เสมอ

                นั่นแหละ ยีนส์…

                น้องบอสคงจะเสียพลังงานไปเยอะ พออยู่ในรถเขาเลยหลับไปได้อย่างรวดเร็ว ฉันกับลุคเลยนั่งเงียบกันอยู่สองคน เพลงก็ไม่ได้เปิดฟังมีแต่เสียงลมหายใจที่ได้ยินเบา ๆ เท่านั้น

                บรรยากาศนี่มันสุด ๆ ไปเลยละ อึดอัดได้โล่ และดูท่าทางลุคก็โกรธฉันมากด้วย

                มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย แล้วลุคโกรธฉันเรื่องอะไรกัน ไม่เห็นจะเข้าใจสักนิด

                จะบอกว่าเรื่องของยีนส์ก็…

                ฉันไม่อยากคิดเข้าข้างไปเองว่าลุคชอบฉันอยู่เลยหงุดหงิดยีนส์

                ถ้าเข้าใจผิดไปฝ่ายเดียว มันก็ทั้งน่าอายทั้งเพ้อเจ้อน่ะสิ

                เราเจอกันแค่สองวันเองนะ คนอย่างลุคคงไม่ชอบฉันหรอก เชื่อสิ…

                พอมาถึงคอนโด ลุคก็เดินออกจากรถไปเปิดท้ายรถขนของที่เต็มท้ายรถออกมา ส่วนฉันก็อุ้มน้องบอสที่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นไว้ในแขนตัวเอง พอเห็นของที่เขาขนมามันมีเยอะจนดูหนักเกินไป ฉันเลยยื่นมือไปหมายจะช่วยถือของให้ด้วย

                “ส่งมาให้ฉันสิ มือฉันยังว่างอยู่นะ”

                “อุ้มบอสแค่นั้นพอ” แล้วลุคก็ตอบกลับมาสั้น ๆ อีกนั่นแหละ

                “เฮ้อ…” ฉันถอนหายใจ ลุคก็มองหน้าฉันอย่างไม่ค่อยจะพอใจ มันก็เป็นอย่างนี้เหมือนทุกทีนั่นแหละนะ

                ลุคหน้าบึ้งตลอดทางที่เดินกลับไปห้อง ฉันเองก็อึดอัดไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไปกันแน่ จะว่าลุคหึงฉันกับยีนส์ก็ไม่น่าใช่ มันเป็นไปไม่ได้เลย

                แต่ฉันก็ชะงักในใจ เพราะตอนนี้… ฉันอาจจะชอบลุคเข้าแล้วน่ะสิ

                เอาจริงดิ มีมี่!

                ฉันได้แต่ถามตัวเองในใจอย่างผิดหวัง เพิ่งเลิกกับผู้ชายคนหนึ่งมาหยก ๆ แล้วตอนนี้กลับมาใจเต้นเพราะผู้ชายคนใหม่เนี่ยนะ

                ฉัน…

                …

                ยิ่งน้องบอสหลับแบบนี้ สถานการณ์ของฉันกับลุคก็ยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ เขาไม่คุยกับฉันเลย เอาแต่นิ่งเงียบไม่สนใจอะไรเลย รู้ว่าเคือง แต่จะไม่พูดอะไรสักนิดเลยเหรอเนี่ย อย่างน้อยก็อยากให้บอกนะ ว่าเคืองเรื่องอะไรน่ะ

                ฉันวางน้องบอสลงที่เตียงแล้วก็ไปช่วยเขาจัดของที่ขนซื้อมาเต็มห้อง

                ระหว่างนั้น ฉันก็พยายามจะหาเรื่องชวนคุยกับลุค แต่สีหน้าแบบนั้น ใครจะกล้าคุยด้วยล่ะ…

                โธ่! ฉันไม่อยากจะให้มันเป็นอย่างนี้เลยนะ ลุคเองก็เหมือนกันโกรธอะไรทำไมไม่พูด แล้วอย่างนี้ฉันจะทำตัวถูกได้ไงกันล่ะ

                “โอ๊ะ!” แล้วฉันก็ต้องอุทานออกมาเมื่อมีอะไรสักอย่างโถมเข้ามาจากด้านหลัง จนเซคะมำไปด้านหน้า

                เสียงหัวเราะคิกคักที่ดังตามมาทำให้รู้ว่าเป็นตัวแสบที่ตื่นแล้ว

                “ตื่นแล้วเหรอ ไปล้างหน้าก่อนครับ”

                เยส! มีโอกาสได้หลุดพ้นจากความอึดอัดที่สักที ฉันลุกขึ้นแล้วก็พาน้องบอสไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ หลุดจากลุคสักนาทีได้ก็ดีนะ

                แต่พอกลับอีกทีเนี่ยสิ ลุคก็ยังทำหน้าบึ้งตึงไม่เปลี่ยน อย่าบอกว่าเรื่องของยีนส์น่ะนะ มันจะเป็นไปได้จริงเหรอ…

                “ป๊าคับ” น้องบอสเริ่มเดินเข้าไปอ้อนลุค แล้วก็ยกแขนเล็ก ๆ กอดคอลุคไว้แน่น

                “ครับ ว่าไง”

                ใจร้าย… ลุคใจร้าย พอพูดกับน้องบอสนี่เสียงหวานเชียว ไม่เหมือนกันฉัน พูดเสียงเย็นชาถึงจะไม่ตะคอกเสียงดังใส่ แต่มันก็ทำให้ใจฉันเสียได้นะ

                “ป๊างอนม้าเหรอ”

                ฉันสะดุ้งเงยหน้ามองสบตากับลุคทันที วินาทีต่อมาเราก็เลือกที่จะหลบตากัน

                “เปล่านี่ครับ ไม่ได้งอนอะไรเลย แล้วรู้จักคำว่างอนได้ไงเนี่ย”

                ฉันก้มหน้าก้มตาพับเสื้อของตัวเองต่อไป แต่ในใจนั้นเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว

                ขนาดเด็กอย่างน้องบอสยังรู้ แล้วทำไมฉันจะไม่รู้กันล่ะ

                “พอเวลาที่บอสไปคุยกับน้องขวัญแล้วน้องขวัญไม่คุยตอบ ไม่มองหน้าน้องบอส คุณครูที่โรงเรียนจะบอกว่าน้องขวัญงอนฮะ”

                ฉันอดอมยิ้มกับคำพูดของบอสไม่ได้ เฮือก… น่ารักที่สุดเลย ลูกชายของฉัน

                “ป๊าไม่ได้งอน จริง ๆ นะครับ” ลุคเองก็ย้ำคำเดิม แต่เสียงเริ่มอึกอักแล้วละ หึ!

                “จริงเหรอคับ” น้องบอสเอียงคอถามด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู

                “จริงครับ”

                “งั้นหอมแก้มหม่าม้าสิฮะ”

                ฮะ!? ว่าไงนะ

                นี่เป็นอีกครั้งที่ฉันกับลุคเงยหน้ามองตากัน จากนั้นฉันก็เบือนสายตาหนีเขาทันที

                ให้หอมแก้มกัน… เจ้าเด็กคนนี้กำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย

                “ไม่ได้หรอกครับ มันเรื่องของผู้ใหญ่” อีตาลุคเนี่ยก็แก้ตัวไปได้ดีเหมือนกันนะ

                “ทำไมไม่ได้คับ เวลาที่น้องบอสงอนกับน้องขวัญ คุณครูก็บอกให้หอมแก้มคืนดีกัน”

                ตอนนี้หน้าฉันร้อนวูบวาบขึ้นมาเลย แง ลูกชายของฉันชักจะไม่น่ารักซะแล้วสิ

                “ไม่ได้หรอกฮะ” ลุคยังย้ำคำเดิมแต่เสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

                ได้ไงกัน นายต้องหนักแน่นกว่านี้สิ ฮือ… ลูกชายฉันไม่น่ารัก ลุคเองก็ไม่น่ารักแล้ว

                “ไม่เอา! หอมแก้มสิ แง ป๊ากับม้าโกรธกัน แงงงงง”

                เอาแล้วไง…

                เป็นเรื่องแล้ว ตอนนี้น้องบอสกำลังร้องไห้โยเยใหญ่เลย มีการกระทืบเท้าตามอีกต่างหาก แล้วฉันจะทำยังไงดีละเนี่ย แถมบอสก็เริ่มกรี๊ดแล้วด้วย

                เอ่อ ลูกชายครับ กรี๊ดเลยเหรอครับ…

                “หอมสิ แง๊!” เสียงของน้องบอสเริ่มเพิ่มเดซิเบลความดังเข้าไปอีก

                ฉันเริ่มกลัวว่าคอของลูกชายกำมะลอจะแตกไปซะก่อนหรือเปล่า ฉันกับลุคมองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะความตกใจ ทำยังไงดีละเนี่ย

     

     

                “ได้ครับ อย่าร้องนะครับ เดี๋ยวป๊าจะหอมแก้มม้าแล้วครับ” ลุคดึงน้องบอสเข้ามากอดแล้วก็ลูบหลังให้อย่างเอาใจ

                ทันใดนั้น น้องบอสก็เงียบเสียงลงทันที อะไรมันจะออโตเมติกขนาดนี้ แต่… นี่ฉันต้องให้ลุคหอมแก้มจริง ๆ น่ะเหรอ แค่คิดหัวใจของฉันก็เต้นแรงมากแล้ว ฮือ ทำไงดีเนี่ย

                “หอมสิฮะ” บอสยังตาแดง ๆ แต่จ้องหน้าฉันกับลุคเขม็ง เหมือนรอคอยว่าเมื่อไหร่ป๊ากับม้าจะหอมแก้มคืนดีกันสักที

                อยากรู้จังว่าน้องบอสเรียนอยู่ที่ไหน ฉันอยากจะเห็นหน้าคุณครูของเขาจริง ๆ

                “มานี่สิ” แล้วอีตาลุคก็กวักมือเรียกให้ฉันเข้าไปหา

                เฮือก! อยากจะบ้าตาย นอกจากจะให้เขาหอมแก้มแล้วนี่ฉันยังต้องเสนอตัวเข้าไปหาเขาอีกเหรอเนี่ย

                พอเห็นตาแดง ๆ ของน้องบอสที่จ้องมาเหมือนกำลังสะกดจิต ฉันก็ค่อย ๆ คลานเข่าเข้าไปหาสองพ่อลูกจนได้

                เมื่อเข้าไปใกล้ลุคพอสมควรแล้วฉันก็หลับตาลงเพื่อจะไม่ต้องเห็นภาพอะไรอีก แค่นี้หัวใจก็เต้นแรงแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว ฮึก…

                “ป๊า หอมสิ”

                ฉันยกมือขึ้นมาวางทับที่หน้าอกตัวเองเอาไว้ เมื่อได้ยินเสียงน้องบอสบอกกำกับ

                แย่ละ… หัวใจเต้นแรงมาก มากเกินไปแล้ว

                ฉันหลับตาเกร็งตัวเพราะมัวแต่กังวลว่าจะถูกจูบเมื่อไหร่ ลุคคงจะขำกับท่าทางของฉัน เขาเลยหัวเราะในลำคอด้วยท่าทางที่สนุกกว่าเดิมมาก

                แล้วฉันก็รู้สึกว่าเขากำลังโน้มหน้าเข้ามาใกล้แล้ว จากเสียงหายใจ และลมหายใจที่อุ่นจนร้อนเป่าระกับใบหน้าของฉันอยู่

                ไม่ทันที่ฉันจะกลั้นหายใจ ปลายจมูกของลุคก็กดลงบนแก้มฉันแล้ว แถมเขายังแกล้งกดหนัก ๆ แล้วก็ฝังลงแก้มฉันอยู่อย่างนั้น

                ตอนนี้ฉันเหมือนกับกาน้ำที่กำลังเดือดจัดไอร้อนพุ่งโขมง เสียงตบมือของน้องบอสก็ดังมาให้ได้ยิน แต่ฉันรู้สึกหูอื้อไปหมดแล้ว ฮือ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย แถมลุคยังใจดีแถมจูบให้อีกข้างต่างหาก

                คนบ้า! ไหนบอกว่ามันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ยังไงล่ะ

                เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วฉันก็ไม่กล้าจะมองหน้าใครเลย อีตาลุคเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นมากะทันหันหน้ามือเป็นหลังมือ หัวเราะชอบใจใหญ่เลย เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด

                “แก้มเธอแดงมาก รู้ตัวมั้ย นึกว่ามันช้ำเพราะฉันจูบเลยนะเนี่ย” คำพูดของลุคทำให้ฉันอยากจะหารูสักรูแล้วก็ซุกหน้าไว้อยู่อย่างนั้น ไม่ให้ใครเห็นได้อีก

                เพราะใครกันล่ะที่ทำให้ฉันเป็นอย่างนี้น่ะ

                “ตาม้าหอมแก้มป๊าแล้ว”

                “ฮะ!?” ฉันอุทานออกมาอีกครั้ง

                เมื่อกี้เจ้าชายน้อยของฉันว่าไงนะ หอมแก้มลุคกลับอย่างนั้นเหรอ เฮือก… เมื่อกี้ฉันก็แทบจะเป็นลมอยู่แล้ว ถ้ามากกว่านี้หัวใจได้วายตายแน่

                “ม้าไม่รักป๊า”

                ว่าแล้วน้องบอสก็ตั้งท่าเบะปากจะร้องไห้อีกรอบ คนที่สมควรทำท่านั้นน่ะคือฉันต่างหากล่ะ ไม่ใช่น้องบอสนะ อึก ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย

                “เอาละ ร้องอีกละ มีมี่…”

                ไม่ต้องมาทำเป็นพูดเลยนะ ลุค…

                พอมองหน้าลุคแล้วฉันก็ใจเต้นระทึก ผู้ชายคนนี้นิสัยไม่ดีเลยอะ แล้วนี่ฉันจะทำยังไงดี เพราะน้ำตาเม็ดโตของน้องบอสร่วงลงมาซะแล้ว

                แล้วฉันจะทำไงได้ล่ะ นอกจาก…

                “ครับ ๆ เดี๋ยวม้าจะหอมแก้มป๊าแล้วค่ะ อย่าร้องนะ”

                สาธุ… ถ้าฉันมีลูกจริง ๆ ขอให้ลูกของฉันอย่าทำอย่างนี้เลย เสียเปรียบคุณพ่อสุด ๆ

                “จริงนะคับ” น้องบอสเช็ดน้ำตาป้อย ๆ แล้วก็จ้องหน้าฉันเขม็ง

                แล้วแบบนี้ฉันจะตอบเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไงล่ะ

                “ครับ หลับตาสิลุค จะหัวเราะอะไรน่ะ”

                แค่นี้ฉันก็ไม่รู้จะเขินยังไงแล้วนะ อีตาบ้านี่…

                “ครับ คุณผู้หญิง เอ้า! หลับตาแล้ว” 

                ลุคเอามือเท้าไปด้านหลังแล้วก็หลับตาลงรอให้ฉันจูบ ดูหน้าของเขาตอนนี้สิ มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ แล้วนี่ยังมีสายตาของลูกชายที่จ้องหน้าฉันอย่างสนใจอีกนี่สิ

                ฆ่าฉันเถอะ

                เมื่อเห็นว่าลุคหลับตาจริง ๆ แล้ว ฉันก็กลั้นหายใจแล้วขยับตัวเข้าไปใกล้เขาอีกนิด

                ต้องจูบแก้มเขาแล้วสินะ พอฉันกำลังจะก้มหน้าเอาปลายจมูกตัวเองไปแตะแก้มเขานั้น ตาบ้าลุคก็ดันขยับตัวซะงั้น แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ ริมฝีปากของเราก็ชนกันพอดีเลยน่ะสิ

                ฉันรีบผงะตัวออกมาเอามือปิดปากไว้แน่น ในขณะที่น้องบอสหัวเราะชอบใจกับคุณป๊าที่แสนเจ้าเล่ห์

                ฮือ… พ่อลูกคู่นี้ฉันไม่เอาด้วยแล้ว

                “ป๊าจูบม้าด้วย อิ ๆ ม้าจูบน้องบอสด้วยสิ”

                ถ้าคุณมีลูกชายแสนน่ารักแล้วคุณจะรู้ว่าเราจะต้านทานความน่ารักของเขาไม่ลง อย่างตอนนี้ไง

                ต้องจุ๊บ ๆ แก้มน้องบอสกับคุณป๊าไม่รู้รอบที่เท่าไหร่แล้ว

                โอย… ทำไงดีเนี่ย กว่าจะพับผ้าเสร็จแก้มฉันก็แทบจะช้ำจริง ๆ บ้าที่สุด ลุคบ้าที่สุดเลย

     

     

                เราสามคนยังคงนอนที่เตียงเดียวกันอย่างเคย น้องก็บอสเริ่มถามหาคุณแม่อยู่เรื่อย ๆ ด้วย ฉันใจคอไม่ดีเลยเพราะกลัวว่าแกจะร้องไห้อีกครั้ง แต่ลุคก็มีลูกไม้แพรวพราว เขาหาเรื่องมาเล่าและเล่นกับน้องบอสได้มากมาย ในที่สุดเจ้าตัวน้อย(แต่น้ำหนักไม่น้อย) ก็หลับไปจนได้

                เหนื่อย… บอกตามตรงว่าเหนื่อยมาก เด็กตัวเล็กอย่างนี้อย่าได้ประมาทเชียวนะ พวกแกมีพลังงานเหลือเฟือ และเรานี่แหละจะเหนื่อยหอบจนตายไปก่อน

                และก็เหมือนเดิม

                น้องบอสกอดฉันจนหลับไปคาอก โดยมีคุณป๊านิสัยไม่ดีกอดฉันไว้จากด้านหลังอีกที

                หัวใจของฉันเต้นแรงเหมือนจะระเบิด น้องบอสไม่เท่าไหร่หรอกเพราะยังเด็กและไม่รู้เรื่องอะไร แต่คุณป๊านี่สิ มันอะไรกันเนี่ย

                “ลุค” ฉันเรียกเขาเบา ๆ เพราะว่ากลัวบอสจะตื่น

                “หือ” เขากลับงึมงำในคอตอบกลับมาซะอย่างนั้น ให้มันได้อย่างนี้

                “นอนดี ๆ ไม่ได้หรือไง”

                ก็จมูกเขาอยู่นิ่งที่ไหนล่ะ ซุกตรงนั้นจูบตรงนี้ โอย… ฉันอยากจะบ้าตาย

                “เงียบน่า เดี๋ยวลูกตื่นนะ ฉันไม่มีแรงจะเล่นแล้ว พรุ่งนี้มีเรียนด้วย นอนสักที”

                แล้วนี่ฉันต้องเป็นหมอนข้างให้เขากอดก่ายอย่างนี้ทั้งคืนเลยเหรอ มันเป็นความผิดของฉันเหรอ…

                โอย… ฉันจะตายก่อนเช้าหรือเปล่าเนี่ย

                …

                ฉันรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ลุคมาปลุกให้ตื่นนั่นแหละ ฉันขยี้ตาอย่างงัวเงียแล้วก็มองเขาอย่างสงสัย

                “มีอะไรเหรอ” ฉันถามงึมงำในคอ ยังอยากจะนอนต่ออีกสักหน่อย

                “แม่ฉันมา เอาไงดี”

                “หือ? อะไรนะ” 

                “แม่ฉันมาน่ะ หน้าประตูแล้ว จะทำยังไงกันดี”

                แม่มา… หมายถึงคุณแม่ของเขาน่ะเหรอ

                เฮ้ย! ฉันสะดุ้งตื่นเต็มตาแล้วก็มองน้องบอสที่ยังหลับอยู่ด้วยความตกใจสุดขีด

                “เอาไงดี บอกแม่ว่าบอสเป็นลูกเราดีมั้ย?”

                มันจะดีได้ไงคะ!!

     

    นิยายเรื่องนี้หมดสัญญากับทางสำนักพิมพ์แล้ว มู่เลยนำมาทำ E-Book เอง

    สามารถซื้อ E-Book ได้ที่ Meb กดที่รูปปกใหม่เพื่อซื้อได้เลย

    ขอบคุณจากใจค่ะ


     

    หรือ >>Click!!<<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×