คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Log On Target 🎀 02 You Make Me Wanna Scream ...100%
2
You Make Me Wanna Scream
(...100%)
แมทเอียงคอยิ้มแล้วก็ส่งกุญแจรถมาให้แต่โดยดี แต่ฉันสิ รู้สึกน้อยใจขึ้นมาทันที นี่มันก็ดึกมากแล้วนะ ก็พอจะรู้ว่าเราเป็นแฟนกันปลอม ๆ แต่เขาจะไม่เป็นห่วงฉันสักนิดเลยเหรอ ถ้าฉันจะต้องขับรถกลับไปคนเดียวน่ะ ไอ้มหาวายร้าย แมท!!
“แต่ขอยึดกระเป๋านี่นะ” พูดจบแมทก็หยิบกระเป๋าถือของฉันใส่โยนเข้าไปในตู้เซฟเล็ก ๆ ที่อยู่บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ทันที
กระเป๋านั่นมีทุกอย่างของฉันเลยนะ กระเป๋าสตางค์ กุญแจห้อง อะไรอีกเยอะแยะถ้าไม่มีมันฉันก็เข้าห้องไม่ได้แน่ ๆ
“อยากได้ก็หากุญแจเองแล้วกัน” แมทพูดทิ้งท้ายแค่นี้ แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำพลางผิวปากอย่างอารมณ์ดีไปด้วย
“แมท! นายมันแย่ที่สุดเลย!!”
“ขอบคุณที่รัก!” เขาพูดแล้วก็ปิดประตูห้องน้ำไป
แล้วนี่ทำไม… ฉันถึงได้ยิ้มกว้างกันนะ แปลกจริง ๆ
หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จแล้วและออกไปสมทบกับเพื่อนของเขาข้างนอก ฉันก็วิ่งไปล็อกประตูห้องเอาไว้ทันทีมันเรื่องอะไรที่ฉันจะต้องนอนกับเขาบนเตียงเดียวกันล่ะ ไม่มีทาง หมอนั่นโหดหื่นจะตายไป
และที่ฉันสะใจที่สุดก็คือ เสียงแมทที่โวยวายอย่างหัวเสียให้ฉันลุกไปเปิดประตูให้เขาด้วย แต่ทำไงดี… ตอนนี้ฉันไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย จริง ๆ นะ แมทธิว อิ ๆ
เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง ฉันก็ลุกขึ้นมาจากเตียงของแมทอย่างงัวเงียเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะเดินออกมาจากห้องนอนในที่สุด
ออกมาก็ไม่เจอเพื่อนของเขาแล้ว มีก็แต่ยัยพนักงานรูมเซอร์วิสที่กำลังนั่งอยู่บนตักแมท!
แมทกำลังนั่งดูทีวีโดยมียัยผู้หญิงหน้าไม่อาย ที่ทำงานบริการได้อย่างถึงอกถึงใจผู้ใช้บริการอยู่ บอกตามตรงฉันสั่นไปทั้งตัวเลย
“อันนี้ก็อร่อยดีนะคะ” ยัยนั่นบอกแล้วก็ตักอะไรสักอย่างส่งถึงปากของแมท
ทั้งสองคนคงจะรู้ตัวว่ามีคนหยุดยืนอยู่ข้างหลังแล้ว ไอ้ผู้ชายเฮงซวยนั่นถึงได้เหลียวมามองก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปากด้วย เอาสิ แมท อย่าคิดว่านายทำได้คนเดียวนะ ฉันมองยัยนั่นนิ่ง ๆ ทั้งที่อยากจะเดินกระชากหนังหัวนังนั่นออกมาซะให้เข็ด
…!!
หยุด เดี๋ยวก่อนนะ กรี๊ด
ทำไมฉันถึงได้กลายเป็นคนหยาบคายแบบนี้ อยากจะร้องไห้
ยัยนั่นค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจากตักของแมทอย่างเจี๋ยมเจี้ยม ไม่กล้าจะมองตาฉันเลย ทำไมไม่นั่งต่อล่ะ ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ฉันถลึงตาใส่แมทที่ยิ้มยั่ว ก่อนจะเดินไปกดโทรศัพท์ห้องอย่างกระแทกกระทั้น
“แมท! รูมเซอร์วิสคอนโดนายเบอร์ไร!!” ฉันพูดอย่างฉุนจัด
“008 112” พอแมทบอกมา ฉันก็กดกระแทกเต็มแรงและรอคอยให้อีกฝั่งรับสาย
“เอาข้าวราดหน้าแกงกะหรี่ แกงกะหรี่นะคะ เอาเผ็ด ๆ ค่ะ อ้อ ขอคนส่งหล่อ ๆ ด้วยนะคะ ห้อง 3008 ฉันทิปเยอะค่ะ!” ฉันบอกแล้วก็วางหูโทรศัพท์โครมใหญ่ ยัยพนักงานบริการถึงที่ที่แสนดีถึงกับหน้าซีดแล้วก็รีบขอตัวลงไปทันที
อะไรกัน ฉันสั่งข้าวเท่านั้นนะไม่ได้รบกวนอะไรเลย มีแต่แมทที่หัวเราะตอนแรก ๆ ตอนนี้เริ่มจะขมวดคิ้วบ้างแล้ว ฉันเด้งตัวไปติดประตูแล้วก็เชิดหน้ามองเขาไม่วางตา
“โบว์ มานั่งนี่มา มีไรจะคุยด้วย” แมทกวักมือเรียกฉัน แต่ฉันสั่นหน้าอย่างเดียว
“โบว์…” ฉันส่ายหน้าอีก อย่ามาทำเสียงหวาน น่าขนลุก
“โบว์คะ แมทมีอะไรจะคุยด้วยค่ะ”
ถึงตอนนี้ฉันอยากจะอ้วกจริง ๆ นะ และเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันก็หมุนตัวไปเปิดประตูทันที เมื่อเห็นว่าพนักงานรูมเซอร์วิสเป็นผู้ชายจริง ๆ ถึงแม้จะไม่ค่อยหล่อก็ตาม ฉันก็ยิ้มกว้างแล้วก็ดึงแขนเขาให้เข้ามาในห้องทันที
“ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์มาส่งให้ถึงห้อง” ฉันบอกเสียงหวาน แต่อีตาพนักงานนี่กลับทำหน้างง
คนสวยพูดเพราะขนาดนี้ยังมาทำหน้าเอ๋ออีก ให้ตายเถอะ! ฉันไม่สนใจลากแขนเขามาที่ในครัวก่อนจะปล่อยให้เขาวางอาหารลงที่โต๊ะและยืนนิ่ง ๆ ไปก่อน
“เดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวฉันมีทิปให้ค่ะ อยู่ไหนน้า” ฉันพูดแล้วก็แกล้งล้วงมือหาเงินในกระเป๋ากางเกงบ้าง กระเป๋าเสื้อบ้าง จนอีตาแมทเดินตึง ๆ มาอย่างหัวเสีย
“เอ้านี่! เอาไป แล้วไปให้พ้นเดี๋ยวนี้” แมทเอาเงินแบงก์เท่าไหร่ไม่รู้ปาใส่อกของพนักงานผู้โชคร้าย ก่อนจะลากแขนเขาออกไปและเหวี่ยงไปนอกห้องในที่สุด
ฉันทำหน้าบึ้งโดยไม่ปิดบังและไม่หลบสายตาแมทด้วย
“อยากตายเหรอ”
“เปล่า” ฉันตอบแล้วก็แกล้งม้วนผมเข้ากับนิ้วไปด้วย
“เธอตายสมใจแน่โบว์…” แล้วอีตาแมทเนี่ยก็อุ้มฉันพาดไหล่พาเข้าไปในห้องนอน ที่ฉันเพิ่งจะเดินออกมาได้ไม่ถึงสิบนาทีทันที
“ไปตายซะแมท นายนั่นแหละสมควรตาย!”
“เออ งั้นก็ตายแม่*ทั้งคู่เนี่ยแหละ!”
“แมท!!” ฉันกรีดร้องเมื่อแมทโยนฉันขึ้นไปบนเตียง แล้วเขาก็ขยับตัวตามขึ้นมาด้วย
“นายจะทำอะไรน่ะ” ฉันหวีดร้อง เพราะท่าทางของแมทมันน่ากลัวมากจริง ๆ นี่นา
“ก็จะตีเด็กดื้อยังไงล่ะ!” แมทคำรามแล้วก็ยกร่างของฉันขึ้นวางบนตักของเขา และยังไม่ทันที่ฉันจะอ้าปากด่าเขาได้ เขาก็ยกมือแข็ง ๆ ฟาดลงที่สะโพกของฉันหลายทีติดกัน
“แมท!” ฉันเจ็บน้ำตาแทบร่วง เกิดมายังไม่เคยมีใครตีฉันแบบนี้มาก่อนเลยนะ
“อยากให้ตีไม่ใช่เหรอ เด็กดื้อมันก็ต้องถูกตี มันก็ถูกแล้วนี่!” เขาว่า และมือก็ยังตีฉันไม่หยุดจนมันชักจะเจ็บขึ้นมาจริง ๆ แล้ว
“แมท นายทำฉันเจ็บนะ!!” ฉันร้องโหยหวนเหมือนวัวถูกเชือด แต่ตาบ้ามหาวายร้ายนี่ก็ไม่หยุดเลย
จนน้ำตาฉันไหลลงมาจริง ๆ นั่นแหละ เขาถึงหยุดมือส่วนฉันก็ร้องไห้กระซิกเอามือปิดหน้าตัวเองไว้แน่น ทั้งที่อยากจะกระชากผมของเขาออกมาสักกระจุกสองกระจุก แต่ถ้าขืนทำอย่างนั้น หมอนี่ต้องฟาดฉันให้เจ็บมากกว่าเดิมแน่ มันน่าแค้นใจจริง ๆ ให้ตายเถอะ
“รู้รึยังว่าทำผิด” เขาถามมาตอนที่ฉันกำลังฉุนเฉียวได้ที่
“รู้อะไรของนาย นายตีฉันเนี่ยนะถูก แล้วฉันทำอะไรผิดหรือไง!” ฉันโวยวายอย่างไม่ยอมแพ้ แล้วก็ได้ยินเสียงแมทครางฮึ่ม ๆ ให้ได้ยิน
ก็มันจริงนี่ ฉันทำอะไรผิดถึงมาตีฉันแบบนี้ แล้วที่เขามันทำถูกหรือไง
“ก็ที่เธอพูด เธอทำท่ากับไอ้พนักงานเสิร์ฟนั่นไงเล่า!”
ว่าแล้วเชียวว่าเขาโมโหเรื่องนี้ แล้วทีเขาทำล่ะ ที่อี๋อ๋อกับยัยพนักงานเสิร์ฟนั่นมันถูกหรือไงกัน
“เออ ใช่สิ นายทำได้แต่ฉันทำไม่ได้ ไม่เอายัยพนักงานนั่นขึ้นเตียงซะล่ะ”
“โบว์!”
“อะไร เรียกทำไม ฉันพูดผิดหรือไงกัน ก็เห็น ๆ อยู่ว่านายเอายัยนั่นขึ้นตัก ป้อนกันด้วยไม่ใช่เหรอ!” คิดแล้วหงุดหงิด เขาทำได้ แต่ฉันทำไม่ได้
เดี๋ยวนี้สิทธิมนุษยชนผู้ชายผู้หญิงมันเท่าเทียมกันแล้วนะ
“หึงใช่มั้ย?” ว่าแล้วไอ้โหดโรคจิตก็ผลักร่างของฉันให้กลิ้งลงจากตักของเขาทันที
ฉันเงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างแค้นจัด เกิดมาไม่เคยมีใครทั้งผลักทั้งตีอย่างนี้มาก่อนเลย ตั้งแต่เจอไอ้บ้าห้าร้อยนี่ ฉันก็อยากจะฆ่าให้ตายวันละหลาย ๆ รอบ คนอะไรเอาแต่ใจแถมยังพูดจาไม่รู้เรื่องอีกต่างหาก
“ใครหึง หึงอะไร สำคัญตัวผิดไปรึเปล่า” ฉันถลึงตาแลบลิ้นใส่เขาอย่างโมโห ก่อนจะยกมือลูบสะโพกตัวเองเบา ๆ เจ็บชะมัดเลย แรงคนหรือแรงควายกันแน่เนี่ย
“โอเค ฉันจะเข้าใจว่าเธอหึงฉัน ที่รัก” อีตาแมทพูดยิ้ม ๆ แล้วก็เดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะของเขาที่เก็บกระเป๋าของฉันไว้
เขาเปิดมันออกแล้วก็โยนกุญแจรถมาให้ฉันด้วย ฉันมองอย่างงง ๆ แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองผู้ชายนิสัยไม่ดีไปด้วย เห็นเขาเลิกคิ้วยิ้ม ๆ เหมือนกำลังถูกใจอะไรนักหนา
“ช่วงนี้ฉันมีแข่งไม่ได้อยู่ที่นี่น่ะ กลับไปก่อนแล้วกัน แล้วฉันจะโทรหา” แมทบอกมา และเขาก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของเขาเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว
“หือ?” ฉันมองพวงกุญแจตุ๊กตาสุดคิวท์ในมือของเขาแล้วก็ทำหน้างง
แมทเนี่ยทำอะไรเร็วไปหมดจนฉันตั้งตัวตั้งสติไม่ทันแล้ว
“ฉันจะไปแข่งรถที่อื่นน่ะ คงจะกลับมาอาทิตย์หน้า” เขาหันมองหน้าฉันแวบหนึ่ง แล้วก็หันไปเก็บกระเป๋าต่อ
“แข่งรถ” ฉันพูดแล้วขยับตัว ก่อนจะนิ่วหน้าเพราะสะโพกระบม บ้าจริง เขาฟาดมากี่ทีกันแน่เนี่ย เจ็บจนไม่อยากจะขยับไปไหนเลย
“ฉันจะไปสักอาทิตย์นะ แล้วค่อยเจอกัน”
หลังจากนั้นฉันก็กลับมาที่ห้องของตัวเองมึนงง ยัยซานต้าก็เอาแต่ซักถามเรื่องของฉันกับแมทอยู่นั่นแหละ ฉันถึงสารภาพออกไปว่าเราเป็นแฟนกันหลอก ๆ แต่หมอนั่นเอาจริง ๆ เห็นหน้ายัยต้าที่ยิ้มแปลก ๆ แล้วก็ยิ่งหงุดหงิดไปติดเชื้อจากแมทมาหรือไงไม่รู้
“แล้วตกลงคบกันจริง ๆ น่ะเหรอ” ยัยต้าถามมาอีก ยิ่งทำให้ฉันโมโหขึ้นมาตงิด ๆ
“แกจะให้ฉันเลิกกับหมอนั่นตอนนี้เลยหรือไง เพื่อนหมอนั่นยิ่งว่าฉันเป็นเมียแมทอยู่ด้วย ขืนเลิกไปตอนนี้ฉันต้องแย่มากกว่านี้แน่ ๆ” ฉันบอกไป ยิ่งทำให้คุณเพื่อนรักยิ้มล้อไม่หยุด
ให้ตายเถอะ ฉันปวดหัวแล้วนะ
“แล้วนี่เขาไปไหน” ซานต้าถามมาอีกคำ ฉันก็นั่งลงเหม่อ ๆ รู้สึกอะไรก็น่าเบื่อไปหมดหลังจากที่เที่ยวเล่นในห้องของแมทมาแล้ว
ท่าทางฉันจะเป็นโรคจิตอ่อน ๆ อย่างที่คิดไว้จริง ๆ
“ไปไหนไม่รู้อาทิตย์หนึ่ง” ฉันกระแทกเสียงตอบแล้วก็เอามือเท้าคางตัวเองไปด้วย
“คิดถึงเขาละสิ” ซานต้าแกล้งพูดยั่วให้โมโห แต่ฉันพยักหน้าจริงจังให้
“ฉันคิดถึงเขามาก คิดถึงอยากจะงับคอหอยหมอนั่นให้ขาดกระจุยไปเลย”
แล้วเพื่อนฉันเนี่ย หัวเราะอะไรนักหนานะ
นอกจากแมทจะหายไปแล้ว ยัยเพื่อนรักของฉันก็ประสบมรสุมรักจนต้องบินไปอเมริกาเพื่อพักรักษาหัวใจ ไม่ใช่หรอก… ยัยซานต้าจะหาที่เรียนโทที่โน่นน่ะ ทั้งที่ฉันอุตส่าห์หว่านล้อมบอกว่าที่ไทยก็มีที่เรียนดี ๆ ตั้งเยอะ แต่ก็ไม่สนใจฟังอะไรเลย ฉันก็เลยต้องนั่งแห้งเหี่ยวอยู่ในคอนโดคนเดียวนี่แหละ
ฉันนั่งตักไอศกรีมเข้าปากอย่างนึกเซ็ง เมื่อพบว่าตัวเองถูกทิ้งให้เหงาเปล่าเปลี่ยวอยู่คนเดียวแบบนี้ ถ้าขอตามซานต้าไปเรียนต่อเมืองนอกด้วยตอนนี้จะยังทันไหมนะ ช่วงนี้มันน่าเบื่อไปหมดเลย จะทำอะไรมันก็ดูขวางหูขวางตาไปหมด
ฉันโทรไปสั่งข้าวมาแล้ว ในใจก็ยังนึกถึงเรื่องของแมทไม่จบไม่สิ้น นั่งทานขนมกับไอศกรีมอยู่จนเกือบจะอิ่มแล้วข้าวที่สั่งก็ยังไม่มาสักที ฉันขมวดคิ้วอยากจะโทรไปด่าอีกรอบนัก แต่ก็เหมือนเทวดามาจุติอยู่หน้าประตูห้อง เมื่อได้ยินเสียงออดสักที
เท้ามันขยับไปก่อนที่สมองจะทันได้คิดซะอีก ฉันเปิดประตูออกไปก็เจอพนักงานเข็นรถมารออยู่หน้าห้องแล้ว ฉันเปิดประตูให้เข้ามาแล้วตั้งใจจะให้ทิปตามที่ทำเป็นปกติ
“เท่าไหร่คะ” ฉันถามเขาแล้วก็ทำหน้างุนงง เพราะวันนี้พนักงานที่มาส่งอาหารดูแปลกไป
ไหนจะสวมหมวกแก๊ปและยังใส่กางเกงยีนอีกต่างหาก เขาบอกราคามา ฉันก็กำลังจะหยิบเงินในกระเป๋าสตางค์ออกมา หันมาอีกทีเขาก็ถือกล่องกระดาษสีน้ำตาลพับด้วยเทปสีเหลืองขอบหนา บนเทปกาวมีคำว่า Keep Dry ด้วย
เขายื่นมันมาให้ทั้งกล่อง ส่วนฉันก็รับมาแบบงง ๆ เก็บไว้ในที่แห้งอย่างนั้นเหรอ แต่ไม่ได้สั่งอะไรมานี่นา
“อันนี้คืออะไรคะ ฉันไม่ได้สั่งมานี่คะ”
“มันเป็นฟรีเซอร์วิสน่ะฮะ”
แล้วฉันก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่งเมื่อพนักงานหันปีกหมวกไปด้านหลัง เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาหมดจดของใครสักคนหนึ่ง
“ไง สบายดีนะ”
เรื่องมันก็ลงเอยอย่างเดิมทุกที บ้าบอที่สุด
ใช่แล้วละ ตอนนี้ฉันนั่งทานบะหมี่ของตัวเองไปเงียบ ๆ แล้วสาปแช่งอีตาผู้ชายมหาวายร้ายที่ขโมยอาหารเช้ารวบมื้อสายของฉันไป แมทธิว… หมอนี่กำลังทานข้าวที่ฉันสั่งอย่างมีความสุข ปล่อยให้ฉันมองเขาอย่างเคียดแค้นอยู่ฝ่ายเดียว
“เป็นอะไรของเธอ ทำเสียงเฮอะ ในคออยู่ได้” แมทยกช้อนมาชี้หน้าฉันอย่างเสียมารยาท และยังยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ยั่วโมโหฉันอีกด้วย
“ไม่มีอะไร” ฉันบอกอย่างหงุดหงิดแล้วก็กินบะหมี่ของตัวเองไปเงียบ ๆ
“ทานบะหมี่ซะบ้าง ไอ้ที่ฉันกำลังกินอยู่เนี่ยฉันทำเพื่อเธอเลยนะ เพราะถ้าเธอกินมันทั้งหมดไปมันจะกลายเป็นพุงของเธอทั้งนั้นเลย”
“แมท!” ฉันตะคอกอย่างสุดทน นอกจากจะแย่งอาหารของคนอื่นไปแล้วยังมาพูดจาน่าเกลียดแบบนี้อีกนะ
“ฉันโทรหาเธอทำไมเธอไม่รับสายบ้าง”
แล้วเขาก็เริ่มประเด็นที่ฉันไม่อยากจะฟัง
“ทำไมไม่ตอบ” เขาขึ้นเสียงใส่ เมื่อฉันเอาแต่เบ้ปากไปมาไม่ตอบคำถามของเขา
มันเป็นความจริงที่แมทโทรมาหา และฉันไม่รับสายของเขา เพราะมีเรื่องยุ่ง ๆ เกิดขึ้นฉันเลยไม่ได้ติดต่อกลับไป อีกอย่างฉันไม่อยากจะคุยกับเขาด้วยไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน
“เพราะงี้ฉันเลยต้องมาหาที่นี่น่ะ โชคดีพนักงานรูมเซอร์วิสมันโผล่มาพอดี ฉันเลยเข้ามาหาเธอได้นี่แหละ ไม่อย่างนั้นต่อให้เคาะประตูห้องจนมือหักตาย เธอคงจะไม่เปิดประตูให้ฉันแน่ ใช่มั้ย?”
ใช่… แต่เรื่องอะไรล่ะที่ฉันจะยอมเปิดประตูห้องให้เขาน่ะ ท่าทางแบบนี้หาเรื่องมาให้ปวดหัวอีกแน่ ๆ
“ถามไม่ตอบ ชอบนักละสิไอ้พวกพนักงานผู้ชายน่ะ ถึงได้ชอบสั่งนัก” เขาว่ามา แต่มือก็ยังตักข้าวเข้าปากไม่หยุด
“นี่! เจอหน้ากันไม่ถึงสิบนาทีก็หาเรื่องเลยนะ” ฉันอดจะพูดด้วยความหงุดหงิดไม่ได้
ผู้ชายคนนี้นี่มันอะไรกันถึงได้ชอบประชดประชันนักนะ แถมเขาเองก็โทรมาดึก ๆ ดื่น ๆ แล้วก็แค่สองสามวันเท่านั้น แล้วใครจะไปรับสายได้ล่ะ มันเป็นเวลานอนไม่รู้หรือไง
“แหงละ มันน่าโมโหใช่มั้ยล่ะ เพื่อนฉันเอาแต่ล้อว่าเธอน่ะทิ้งฉันแล้ว เสียหน้าชะมัดให้ตาย…”
“สมน้ำหน้า” คำที่พูดออกไป อยากบอกว่าฉันพูดมันจากใจจริง
“เออ ดี เพราะฉะนั้นตอนเย็นแต่งตัวให้สวย ๆ เพราะฉันจะลากเธอออกจากห้องเน่า ๆ นี่” เขาสั่งเมื่อกินอาหาร(ซึ่งความจริงแล้วมันควรจะเป็นของฉัน)เรียบร้อยแล้ว
“ไม่!” ฉันยืนยันหนักแน่นแล้วก็เชิดหน้าขึ้น ทำไมต้องทำตามคำสั่งเขาด้วย คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน
“ฉันเอาจริงนะโบว์ ถ้าเธอไม่เปลี่ยนเสื้อฉันก็จะลากเธอไปทั้งชุดนี้ อยากอายก็ตามใจเลยนะ” เขาว่ามาแล้วก็เดินหนีเข้าห้องน้ำไป
แต่นึกเหรอว่าฉันจะทำตามที่เขาบอกทุกอย่างน่ะ ฉันก็มีสมองเป็นของตัวเองเหมือนกันนะ
แมทหายไปในห้องน้ำนานอยู่เหมือนกัน กลับมาอีกทีก็เห็นว่าเขาอาบน้ำเสร็จแล้วด้วย อะไรไม่ร้ายเท่าเขาใส่แค่กางเกงบอกเซอร์ออกมาจากห้องน้ำแค่ตัวเดียวอย่างนี้หรอก
“แมท!” ฉันเรียกเขาเสียงหลงเมื่อเขาเดินโทง ๆ เหมือนชีเปลือยออกมาแบบนี้
“อะไร มีปัญหาอะไร”
แล้วแมทก็เดินไปที่เตียงของฉันและล้มตัวลงนอนหน้าตาเฉย ฉันควรจะทำยังไงกับหมอนี่ดี…
“โบว์คะ ตอนเย็นต้องออกไปกับฉันนะ อย่างอแงล่ะ”
โอ๊ย! หงุดหงิด
แมทตื่นอีกครั้งก็เย็นมากแล้ว นึกว่าหมอนี่ถูกรมยาสลบมานะเนี่ย เพราะหลับลึกหลับนานได้ชนิดที่ว่าเปิดเพลงเปิดทีวีเสียงดังยังไงก็ไม่ยอมตื่นเลย สุดท้ายฉันก็เป็นฝ่ายยอมแพ้เอง
และตอนนี้เขาก็เกาหัวยุ่ง ๆ ทำตาปรือเซ็กซี่เป็นที่สุด
แย่แล้ว… ทำไมฉันจะต้องมาใจเต้นกับผู้ชายนิสัยแย่คนนี้ด้วยนะ
“เปลี่ยนเสื้อไป เดี๋ยวพาออกไปข้างนอก” แมทออกคำสั่งตามนิสัยถนัดของเขาทันทีที่ลืมตาขึ้น
แต่ฉันสั่นหน้าไปมาไม่ยอมไปเด็ดขาด ไม่เห็นมีความจำเป็นที่ฉันจะต้องไปกับเขาเลยนี่นา อีกอย่างหมอนี่เจ้าเล่ห์จะตายไป อยู่ด้วยมีหวังร่างกายฉันฟกช้ำดำเขียวอีกแน่ นี่แผลที่ได้จากเขาก็เพิ่งจะหายดีเมื่อไม่กี่วันนี่เอง
“ไม่ไป” พอฉันบอกไปแบบนี้ แมทเองก็หน้าตึงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจทันที
“แน่ใจ” เขาถามแล้วก็ลุกขึ้นยืน
ฉันเบือนหน้าหนีไม่อยากจะเห็นภาพเซ็กซี่ชวนใจเต้นนั่นอีก ก็หุ่นเขาน่ามองจะตายไป ฮึก! นี่แกกำลังคิดถึงเรื่องอะไรอยู่กันแน่เนี่ย โบว์…
“ฉันจะถามเธออีกครั้งนะโบว์”
“ขอยืนยันว่าไม่!” ฉันยืนยันขันแข็งแล้วก็เชิดหน้าขึ้นด้วย
“งั้นก็ดี อย่าหาว่าไม่เตือนนะ” แมทแต่งตัวไปพลางแล้วก็ยิ้มที่มุมปาก เหมือนกำลังถูกใจเรื่องอะไรนักหนาอยู่คนเดียว
หลังจากนั้นอีกสิบนาทีฉันก็สำนึกผิดอย่างมหันต์ เพราะอีตาแมทกำลังฉุดกระชากลากถูฉันออกจากห้องให้ไปด้วยกัน แล้วเชื่อไหมว่าฉันใส่ชุดอะไรอยู่ ฉันอยู่ในเสื้อยืดสีเก่า ๆ มอ ๆ เพราะชอบที่มันใส่สบายเวลานอนแล้วไม่อึดอัด แถมกางเกงที่สวมอยู่ก็บางแสนบาง เก่าแสนเก่า และที่สำคัญฉันลากแตะหนีบที่ใกล้จะเปื่อยมาอีกต่างหาก
“ไม่ แมท ไม่เอา ฉันไม่ไป!” หมอนี่ยิ่งกว่าโรคจิต เพราะตอนนี้เขาลากฉันไปตามทางที่เต็มไปด้วยผู้คน ที่กำลังจะออกไปหาความสำราญยามค่ำคืน
“ไปกันเถอะน่า ฉันให้เวลาเธอตัดสินใจตั้งหลายชั่วโมง ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว ไม่มีแล้ว ไม่มีแล้ว” อีตาแมทพูดซ้ำ ๆ ท้ายประโยคเสียงอ่อน พลางส่ายหน้าไปมาเหมือนว่ากำลังเสียเวลาที่จะมาฟังเสียงของฉัน
แต่สีหน้าสะใจเหมือนได้แฮตทริกยิงฟุตบอลเข้าประตูได้สามลูกอย่างนั้นแหละ
“แมท ไม่เอานะ” ถึงจะดิ้นยังไง ถึงจะร้องโวยวายยังไงแต่ฉันก็เอาชนะแรงของเขาไม่ได้เลย
ในที่สุดแมทก็ลากฉันยัดใส่รถสุดหรูของเขาในที่สุด แถมยังใจดีคาดเข็มขัดนิรภัยให้อีกด้วย
“ขอรางวัลค่าเหนื่อยหน่อยก็แล้วกันนะ” แมทพูด แล้วก็กดจมูกลงที่แก้มของฉันโดนที่ฉันไม่ได้ตั้งตัว
“อ๊าย นายเหนื่อยอะไรของนายเนี่ย” ฉันร้องโหยหวนเหมือนโดนสาดน้ำร้อนเข้าใส่ ยกมือมาลูบแก้มที่ร้อนผ่าวตัวเองทันที
แมทได้โอกาสปิดประตูรถให้ฉัน แล้วก็นั่งลงที่ที่นั่งคนขับก่อนจะสตาร์ทรถออกไปในที่สุด ทิ้งฉันทั้งดิ้นทั้งกรีดร้องอยู่บนที่นั่งด้านหน้าข้างคนขับโดยไม่สนใจอะไรเลย เขาหัวเราะและยกตุ๊กตาที่อยู่หน้ารถมาฟาดหัวฉันอย่างมีความสุข
“ฉันไม่ใช่ตัวตุ่นนะ ตาบ้า” เขาตีหัวฉันไปเรื่อย ๆ เหมือนโรคจิตที่สติไม่สมประกอบ ถึงมันจะไม่เจ็บแต่มันน่ารำคาญที่สุดเลยละ
เมื่อเขาจอดรถที่หนึ่งฉันก็กัดริมฝีปากตัวอย่างแค้นสุดแค้น แมทพาฉันมายังร้านอาหารหรูที่หนึ่ง ไม่ต้องแปลกใจเลยว่ามันจะราคาแพงแค่ไหน และไม่ต้องกลัวว่าคนที่อยู่แถวนี้จะแต่งตัวได้เริดแค่ไหน ฉันแทบจะเอาหัวโขกล้อรถให้ตายให้ได้
“ไปทานข้าวกัน”
“แมท!” ฉันร้องกรี๊ดเมื่อถูกเขาลากตัวเข้าไปข้างใน
เมื่อไปถึงโต๊ะหนึ่งฉันก็แทบจะถอดรองเท้าแตะหนีบที่สวมอยู่มาฟาดหัวแมทหลายทีซ้อน เผื่อว่าความคิดความอ่านของเขามันจะได้ดีเป็นคนขึ้นมาบ้างสักหน่อย ก็ตอนนี้เพื่อน ๆ หนุ่มหล่อของเขาอยู่กันพร้อมหน้าเลยน่ะสิ แลนซ์ เดโก แล้วก็เลโอ สามทหารเสือ
แล้วก็ทหารหมีควายแมทธิว… วายร้ายที่น่าโมโหที่สุดในโลก!
“เล่นอะไรกันน่ะ เมียแกไหงแต่งตัวงั้นน่ะ” เลโอยกนิ้วมาชี้ฉัน เมื่อฉันกับแมทเดินมาถึงที่โต๊ะแล้ว
เพราะความโมโหและอีกมากมายล้านแปดอย่าง ทำให้ฉันตัดสินใจงับนิ้วของเลโอทันที เสียงโหยหวนของเลโอ ตามด้วยเสียงร้องเอะอะของหนุ่ม ๆ ไม่ได้ทำให้ฉันใส่ใจหรือสนใจอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสายตาของคนอื่นที่มานั่งทานอาหารนั่นด้วย
“เธอเป็นหมีเหรอโบว์ เฮ้ย ปล่อยนิ้วเพื่อนฉันนะ!” แมทมาง้างคางฉันออกจากนิ้วของเลโอด้วยความทุลักทุเล
เลโอถอยห่างไปหลายก้าว ขณะที่คนอื่น ๆ ก็พากันตีตัวออกห่างจากฉันเหมือนฉันติดโรคร้ายที่รักษาไม่หาย ส่วนแมทก็ก็กุมมือตัวเองไว้แน่นมองหน้าฉันเหมือนไม่เชื่อสายตา
“เอาละ ฉันรู้ว่าเธอหิว ฉันสั่งอาหารไว้แล้วนะ นั่งลงเถอะ” แลนซ์ทำใจกล้าเลื่อนเก้าอี้ให้ฉันนั่ง เห็นเลโอน้ำตาปริ่มแล้วสะใจพิลึก
ฉันนั่งลงแล้วหายใจหอบเหมือนคนวิ่งรอบสนามฟุตบอลมาร้อยรอบ ก่อนจะตวัดสายตามองหน้าคนที่พาตัวมาเสียหน้าอย่างโมโห เห็นแมทยืนกลืนน้ำลายอยู่ห่างไปไม่ไกลแล้วมันก็สะใจดีหรอกนะ แต่ตอนนี้ฉันโมโหจนแทบอยากจะทุบโต๊ะให้พังไปต่อหน้าต่อตาซะจริง
“อย่าโกรธเลยนะ เดี๋ยวพวกเราจะพาเธอไปดูอะไรสนุก ๆ กัน” แลนซ์ปลอบให้ฉันใจเย็นลงมันก็ดีขึ้นมานิดหน่อยนั่นแหละ
แต่พอแมทอ้าปากจะพูดอะไรขึ้นมา ฉันก็จะถลึงตาใส่ทำให้เขาหุบปากลงไปในที่สุด
หลังจากที่ฟาดของวางบนโต๊ะเรียบจนอารมณ์ดีขึ้นมานิด ๆ แล้ว แมทก็พาฉันไปที่ที่หนึ่ง ซึ่งฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าทั้งชีวิตจะได้มาเจออะไรแบบนี้สนามแข่งรถน่ะ
“ที่ฉันไปมาน่ะ ไปแข่งรถแบบนี้แหละ แต่เป็นการแข่งลงเขามันมากเลยละ” แมทอวดอย่างภูมิใจเมื่อพาฉันมาถึงแล้ว
“เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตเลยนะ” ฉันบอกพลางยกมือขึ้นมาเคาะกระโปรงรถของเขาไปด้วย
“มันเป็นความท้าทายของผู้ชาย” เขาบอกมา และฉันก็ทำท่าอาเจียนทันที
“แหวะ…”
“แพ้ท้องอีกแล้วนะคะที่รัก”
นั่นแหละ ฉันถึงได้สงบปากสงบคำลงในที่สุด ไอ้คนบ้าเอ๊ย…
“เอานี่ไปใส่ซะ” แมทเปิดประตูและหยิบแจ็กเก็ตหนังสีดำตัวหนึ่งมาให้
ฉันรับมาใส่แล้วก็มองแมทอย่างไม่เข้าใจ จะพาฉันมาที่นี่ทำไมกันนะ มองเพื่อนของเขาที่กำลังเช็กสภาพรถแล้วก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ เพราะพวกเขาไม่ได้พาสาว ๆ มาอย่างที่แมทพาฉันมาแบบนี้เลย
“ฉันกำลังจะแข่ง ขอกำลังใจหน่อยสิ”
หลังจากที่นั่งง่วงมองดูพวกเขาเช็กล้อเช็กยางเสร็จแล้ว แมทก็เดินมาถามฉันด้วยคำพูดก่อนหน้านี้
“เอ๋? กำลังใจ…”
เขาฝังจมูกลงแก้มข้างหนึ่งของฉันโดยไม่ฟังฉันพูดจบ ก่อนจะผละออกห่างไป สีหน้าเขาดูเครียด ๆ จนฉันไม่อยากจะโวยวายอะไรออกไป ได้แต่ลูบแก้มตัวเองด้วยความโมโหที่ไม่กล้าจะทำอะไรเขาเท่านั้นเอง
เมื่อถึงเวลาแข่ง เลโอก็ดึงตัวฉันให้ออกห่างจากถนน และมองแมทที่กำลังขับรถออกห่างไปอีกทาง ฉันเงยหน้ามองคนที่กำลังจับต้นแขนตัวเองด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มันไม่เหมือนกับที่แมทจับแขนฉันเลย เพราะอะไรก็ไม่รู้สิ
“แข่งทางตรงห้าร้อยเมตรน่ะ” เลโอบอกกับฉัน เมื่อฉันมองตามไฟท้ายรถของแมทที่ค่อย ๆ ออกห่างไปเรื่อย ๆ
“GT-R ของไอ้แมทเร็วก็จริง แต่คนอื่นก็เก่งเหมือนกัน” เลโออธิบายพลางยิ้มที่มุมปากไปด้วย
ภูมิใจนักนะกับเพื่อนนิสัยแย่ ๆ แบบนั้นน่ะ
“ไม่กลัวฉันกัดแล้วเหรอ?” ฉันถามเลโอ ก็ทำให้เขาเด้งตัวออกห่างไปทันที
“ฮ่า ๆ อย่ากัดฉันเลยนะขอร้อง เดี๋ยวว่าง ๆ จะซื้ออะไรมาให้กัดแก้คันฟันจะได้ไม่เที่ยวไล่กัดคนอื่นอีก”
ฉันตวัดค้อนส่งให้เลโอไป ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เขาเป็นเพื่อนของแมท ปากร้ายพอกันทั้งคู่
เสียงตะโกนอะไรแว่วมาไม่รู้หลังจากเวลาผ่านไปเกือบสิบห้านาที หลังจากที่แมทขับรถออกไปทางหนึ่ง เสียงอื้ออึง เสียงเครื่องยนต์ และเสียงล้อบดถนนดังมาให้ได้ยินมาแต่ไกล ฉันชะเง้อคอขึ้นแล้วก็หัวใจเต้นตึกตัก เขากำลังแข่งรถกันจริง ๆ สินะ
“ไอ้แมทท่าจะแย่…” เลโอพึมพำ เมื่อเห็นรถสีแดงเพลิงของแมทกำลังตีคู่ไล่กันขึ้นลงกับรถสีทองอีกคันหนึ่ง
ฉันบีบมือลุ้นเต็มที่หวังให้แมทชนะแต่มันก็สูสีกันมากจริง ๆ แล้วฉันก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อถูกเลโอลากแขนออกไปกลางถนนที่รถแข่งหลายคันนั่นกำลังพุ่งเข้ามาทางนี้
“เลโอ! นายกำลังจะทำอะไรน่ะ”
เขากำลังจะฆ่าตัวตายแล้วลากฉันมาตายด้วยเหรอ ไม่เอาด้วยหรอกนะ เรื่องน่าสยองพรรค์นี้น่ะ
“ช่วยให้แมทชนะไง” เลโอยิ้มจนตาพร่า เพราะหมอนี่หน้าตาดีอย่างหาตัวจับยาก แต่ฉันไม่เข้าใจ เขากำลังคิดจะทำอะไรเนี่ย…
แล้วฉันก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเลโอก้มหน้าลงมาเอาริมฝีปากแตะริมฝีปากของฉัน
ฉันตัวแข็งหัวใจเต้นรัวขึ้นมาอย่างน่ากลัว! นี่มันจูบแรกของฉันเลยนะ
แล้วฉันก็สะดุ้งสุดตัวอีกครั้งหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงแตรรถที่ดังรัว ตามเสียงเครื่องยนต์ที่ขับผ่านหลังฉันไปไม่ถึงห้าสิบเซนติเมตร
“งานนี้ฉันเละแน่” เลโอพึมพำ แล้วก็ดึงแขนฉันไปทางหนึ่ง
ขณะที่ฉันยังมึนงงจับต้นชนปลายไม่ได้ ใบหน้าชายิบเหมือนถูกตบหลายทีซ้อน ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เลโอต้องการอะไรถึงได้มาจูบกันอย่างนี้
ไม่นานแมทก็เปิดประตูรถเดินลงมาจากรถทั้งที่เครื่องยนต์ยังไม่ทันได้ดับลง เขาเดินเข้ามากระชากแขนฉันให้หลบไปอยู่หลังเขาอย่างรวดเร็ว
จากนั้นฉันก็ต้องหวีดร้องขึ้นมาเพราะแมทเอากำปั้นไปกระแทกหน้าหล่อ ๆ ของเลโอเป็นชุด
“แมท! นายทำอะไรน่ะ” ฉันอุทานอย่างตกใจ หลังจากที่ตั้งสติได้แล้ว
หลังจากที่ชกเลโอจนพอใจโดยที่ไม่มีใครเข้าไปห้ามแล้ว แมทก็เดินหันหลังกลับมาหาฉันบ้าง
ท่าทางแบบนี้มัน แบบว่าไม่ค่อยจะปลอดภัยเลยอะ…
ฉันเดินถอยหลังไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหลังติดกับกำแพงรั้วก้อนอิฐเก่า ๆ ข้างถนน กลืนน้ำลายมองหน้าถมึงทึงของแมทอย่างสยองขวัญ
“นายคงจะไม่… ต่อยฉันหรอก… ใช่มั้ย?”
ฉันถามเสียงพร่าอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แล้วก็ร้องกรี๊ดออกมา เมื่อแมทง้างหมัดแล้วก็ชกเต็มแรงมาที่หน้าฉัน
แต่มันไม่ได้เจ็บอย่างที่คิดเอาไว้ เพราะเขาต่อยหมัดเฉียดหน้าฉันไปไม่กี่มิลเท่านั้น
“อยากตายใช่มั้ย โบว์…”
นิยายเรื่องนี้หมดสัญญากับทางสำนักพิมพ์แล้ว
มู่เลยนำมาทำ E-Book เองค่ะ
สามารถซื้อ E-Book ได้ที่ Meb เลยนะคะ
กดที่รูปปกใหม่เพื่อซื้อได้เลยค่ะ
ขอบคุณจากใจมาก ๆ เลยนะคะ
หรือ >>Click!!<<
ความคิดเห็น