ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Café Mania (P.II) หนุ่มฮอตตัวร้ายป่วนหัวใจยัยจอมยุ่ง

    ลำดับตอนที่ #5 : Café Mania (P.II) ☕️ 03...50%

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ค. 65


     

    Lucas’s Girl

    ~03~

    (…50%)

     

                ฉันตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวัน วันนี้ไม่เหมือนอย่างเคย เพราะมีเด็กคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตของพวกเราแล้ว และแกอาจจะเป็นตัวแปรสำคัญในอะไรหลายอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ด้วย ฉันได้ยินเสียงลุคครางออกมาคำหนึ่ง จากนั้นเขาก็หันหน้าหนีไปอีกทาง

                มองตามแล้วฉันก็รู้สึกเขินขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ตอนนี้บนเตียงมีผู้ชายต่างวัยสองคนกำลังหลับอยู่ มันให้บรรยากาศแปลก ๆ ดีนะ จนไม่กล้าจะขยับตัวไปมากกว่านี้เลย เพราะกลัวว่าเขาทั้งคู่จะตื่นขึ้นมาซะก่อน เมื่อคืนเรากลับมาถึงห้องดึกแล้ว น้องบอสเองก็ยังไม่ตื่นคงจะเหนื่อยแน่

                เวลานอนของเด็กไม่น่าจะดึกขนาดนั้นเลย เมื่อคืนตั้งตีหนึ่งแน่ะที่เรากลับมาถึงห้อง

                ฉันขยับตัวลงจากเตียงอย่างระมัดระวังไม่ให้สองหนุ่มตื่นขึ้นมาซะก่อน เห็นลุคบอกว่าวันนี้ไม่มีเรียนฉันเลยไม่ปลุกเขา แต่น้องบอสนี่สิ จะทำยังไงดีนะ

                แกต้องไปโรงเรียนหรือเปล่า จะคิดถึงคุณแม่ไหม…

                และที่สำคัญน้องบอสมาแต่ตัวจริง ๆ ไม่มีข้าวของเครื่องใช้อะไรเลยด้วย

                หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วฉันก็เห็นว่าลุคเพิ่งตื่นพอดี เขาขยี้ตาอย่างง่วงงุน สงสัยลืมไปแล้วว่าตัวเองเก็บแมวจรจัดอย่างฉันมาตัวหนึ่ง แล้วยังไปเก็บตัวเล็ก ๆ มาอีกคนด้วย

                “นี่ ฉันเหนื่อยมากเลย หิวข้าวอะ ทำอะไรให้กินหน่อยได้มั้ย?”

                บอกตามตรงนะ ฉันไม่เคยได้ยินลุคพูดอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย ทุกทีมีแต่เขาที่ไม่อยากให้ฉันเหยียบเข้าไปในครัวไม่ใช่หรือไง ทำไมตอนนี้มาขอให้ฉันทำอะไรให้ทานซะอย่างนั้นล่ะ

                “แล้วจะกินอะไรล่ะ” ฉันบอกแล้วก็หลบตาของลุคไปด้วย

                จะมองอะไรนักหนานะ กะอีแค่ใส่เสื้อเชิ้ตของเขาออกมาจากห้องน้ำแค่นี้เอง ทำอย่างกับว่าไม่เคยเห็นเสื้อตัวเองไปได้

                ทางนี้น่ะ เขินจนทำตัวไม่ถูกแล้ว เข้าใจกันหน่อยสิ

                “หุงข้าวกับไข่ดาวก็แล้วกัน”

                ฉันเม้มปากแน่นกับคำสั่งของลุค เออสิ… ก็ฉันทำอะไรไม่เป็นนี่นา แถมยังทำหม้อหุงข้าวของเขาพังอีกต่างหาก ฉันค้อนใส่เขาก็เห็นเขาทำหน้างงเข้าไปอีก เวลาลุคตื่นนอนใหม่ ๆ เนี่ย ดูแปลกไปจากทุกทีแฮะ

                “รอบนี้อย่าให้หม้อหุงข้าวฉันไหม้อีกนะ” ลุคเตือนแล้วก็พลิกตัวนอนตะแคงอีกทางหน้าตาเฉย

                จากนั้นสายตาของลุคก็เห็นร่างเล็ก ๆ ของน้องบอสที่นอนหลับอยู่ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปแวบหนึ่งก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมร่างของน้องบอสไว้และหลับตาลง ดูเหมือนว่าลุคจะเหนื่อย ๆ ฉันเลยออกจากห้องนอนตรงไปยังห้องครัวตามที่เขาขอมาทันที

                หลังจากนั้นฉันก็กดสวิตช์หม้อหุงข้าวอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ อืม มันจะไหม้อีกทีไหมเน้อ ต่อมาฉันก็จัดการทำอาหารที่เลิศหรูอันเป็นเมนูที่ฉันทำแล้วอร่อยออกมาดูดีที่สุด

                นั่นคือ… การทอดไข่ดาว

                ฉันทอดไข่ดาวหลายใบเรียบร้อยแล้ว และก็จัดการกล่องนมที่อยู่ในตู้เย็นออกมาอุ่นด้วยตู้ไมโครเวฟไปด้วย นมอุ่น ๆ มันน่าอร่อยกว่านมเย็นชืดมากทีเดียวละ ฉันยิ้มกับผลงานตรงหน้าแล้วก็เดินกลับไปที่ห้องนอนอีกครั้ง

                ตอนนี้น้องบอสตื่นแล้ว แต่ลุคยังไม่ตื่น เขาครางอืออาเมื่อน้องบอสกำลังทึ้งผมของเขาเล่น เหมือนว่าเจ้าหนูตัวน้อยจะป่วนใช่เล่นเลยนะเนี่ย

     

     

                “ตื่นมาเล่นกับน้องบอสสิ เร็ว ๆ คับ” น้องบอสกระตุกผมของลุคไม่หยุด

                เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันสงสารเห็นใจลุค

                ท่าทางของลุคคงจะรับมือกับเด็กตัวเล็กคนนี้ไม่ไหว เขายังหลับอยู่ทั้งที่ตอนนี้น้องบอสขึ้นมานั่งคร่อมแล้วเขย่าตัวเขาใหญ่เลย

                “ง่า… ตื่น ตื่น ตื่นเดี๋ยวนี้เจ้าม้า!”

                ฉันส่ายหน้าไปมากับภาพที่เห็นก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ทั้งคู่ เมื่อคืนฉันก็นอนบนเตียงนี้สินะ

                มันรู้สึกแปลก ๆ อยู่นะ เหมือนว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันเลย

                อา… เขินอีกแล้วสิ

                “บอสครับ พี่ลุคยังไม่ตื่นหรอก พี่ลุคเหนื่อยน่ะ ไปกับพี่ดีกว่านะ” ฉันเดินไปถึงเตียงแล้วก็สะกิดไหล่ของน้องบอสเบา ๆ

                “น้องบอสจะเล่นขี่ม้านี่นา” เขาเบ้ปากไปมาอย่างไม่ค่อยชอบใจ

                ฉันมองทั้งคู่แล้วก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ยิ้มแบบนี้น่ะ

                “ไปกับพี่ก่อนปะ ไปแปรงฟันก่อน เดี๋ยวค่อยมาชวนพี่ลุคเล่นขี่ม้าเนอะ” ฉันย่อตัวลงไปอุ้มร่างเล็ก ๆ แต่หนักอึ้งของน้องบอสขึ้นมาจากร่างของลุคทันที

                หลังฉันเกือบหักแน่ะ เห็นตัวแบบนี้แต่น้ำหนักร้ายกาจมาก

                “ก็ได้คับ แล้วหม่าม้าของน้องบอสไปไหนแล้วละ ทำไมน้องบอสไม่เจอ” เมื่อแกถามถึงคุณแม่ ฉันก็สะอึกขึ้นมาจนพูดไม่ออก

                จะบอกได้ยังไงว่าเธอทิ้งแกไปแล้ว

                “หม่าม้ามีธุระครับผม เดี๋ยวเสร็จแล้วหม่าม้าจะมารับน้องบอสเอง” ฉันบอกแล้วก็วางร่างของเขาลงที่พื้นในห้องน้ำ

                จากนั้นฉันก็หาแปรงสีฟันที่ยังไม่ได้ใช้ที่อยู่ในตู้เล็ก ๆ ในห้องน้ำออกมา บีบยาสีฟันให้นิดหน่อยแล้วยื่นให้น้องบอส เด็กประมาณสามขวบจะแปรงฟันเองเป็นหรือยังนะ

                “น้องบอสแปรงฟันเป็นมั้ยครับ” ฉันถามแล้วก็มองแกไปด้วย

                “เป็นคับ คุณครูสอนแล้ว”

                เด็กคนนี้น่ารัก ร่าเริง ฉลาด แล้วทำไมเธอคนนั้นถึงทำได้ลงคอ

                เมื่อได้คำตอบว่าน้องบอสแปรงฟันเองได้แล้ว ฉันเลยวางใจปล่อยให้แกจัดการกับตัวเองไป เพราะไม่รู้ว่าถ้าช่วยแปรงให้จะทำให้เจ็บแทนหรือเปล่า เลยได้แต่ยืนมองแกแปรงฟันด้วยท่าทางน่าเอ็นดูอยู่คนเดียว

                เด็กตัวเล็ก ๆ เนี่ยเหมือนเทวดาตัวน้อยเลยน้า…

                เมื่อน้องบอสแปรงฟันเสร็จแล้วฉันก็จัดการช่วยล้างหน้าล้างตา และพาเดินออกมาข้างนอก แกไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนเลยฉันเลยให้ใส่ตัวเดิมไปก่อน

                “น้องบอสอยากกลับบ้านอะ”

                น้องบอสทำหน้ามุ่ยตอนที่ฉันอุ้มแกขึ้นนั่งเก้าอี้ที่โต๊ะทานข้าวในห้องครัว นั่นทำให้ฉันขมวดคิ้วแน่นอย่างกังวล ทำยังไงดีนะ จะอธิบายให้แกเข้าใจยังไงดี

                “อ้าว ๆ จะกลับไปไหนอะ ไหนบอกป๊าแล้วไงว่าจะอยู่กับป๊าน่ะ” เสียงทุ้มต่ำของลุคดังขึ้นมาจากด้านหลัง เรียกรอยยิ้มของฉันกับน้องบอสให้กลับมาได้อีกครั้ง

                แต่เดี๋ยวนะ… ป๊า อย่างนั้นเหรอ

                “ป๊าลุคค้าบ น้องบอสอยากกลับบ้าน”

                ฉันยกมือปิดปากซ่อนยิ้มทันที ‘ป๊าลุค’ อย่างนั้นเหรอ เขาเป็นพ่อของน้องบอสตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ

                “ซันนี่ของปะป๊า ไม่อยากอยู่กับป๊าเหรอ จะกลับบ้านทำไม” ลุคเดินเข้ามาใกล้เราสองคน ก่อนที่เขาจะยกตัวของน้องบอสให้ลอยสูงขึ้นในอากาศ และฝังหน้าลงกับพุงป่อง ๆ อย่างมันเขี้ยว

                ‘ซันนี่’ นี่คือคำว่า Sonny ที่แปลว่าลูกชาย หรือ เจ้าหนู สินะ

                ว่าแต่ลุคยกน้องบอสขึ้นสูงขนาดนั้นได้ยังไงกันน่ะ แกตัวหนักจะตายไป

                “คิก ๆ โอ๊ย ๆ น้องบอสจั๊กจี้” น้องบอสหัวเราะคิกคักแล้วก็บิดตัวไปมา หน้าตาแดงไปหมด

                “ไหน จะกลับบ้านอีกรึเปล่า”

                “ยอมแล้วคับปะป๊า ก็น้องบอสอยากดูการ์ตูนนี่นา ที่นี่ไม่มีการ์ตูนให้น้องบอสดู”

                ฉันหยุดยิ้มไม่ได้เลยไม่คิดว่าจะว่าลุคจะใจดีกับเด็กถึงขนาดนี้ แถมแทนตัวเองว่า ‘ปะป๊า’ อีกต่างหาก

                คนอะไร หน้าหล่อไม่พอ ใจยังหล่ออีกต่างหาก

                “เฮ้อ… การ์ตูนเหรอ ห้องป๊ามีเกมด้วยละ ไม่อยากจะอวด เดี๋ยวนะป๊าจะเปิดการ์ตูนให้ดู” ลุควางน้องบอสลงที่เก้าอี้ตามเดิมก่อนจะเดินไปเปิดโทรทัศน์

                “ว้าว จอใหญ่จังเลย”

                ฉันมองภาพความสนิทสนมของทั้งคู่ที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วก็เดินไปเปิดหม้อหุงข้าวที่เสร็จพอดี ขอละ อย่าไหม้อีกเลยนะ

                ฉันจด ๆ จ้อง ๆ อยู่นานเพราะไม่กล้าจะเปิดฝาดู ทำไงดี ถ้าเกิดว่ามันไหม้ขึ้นมาล่ะ…

                “เธอทำข้าวไหม้อีกแล้วเหรอ?”

                “เปล่านะ!” ฉันรีบแก้ตัวทันทีเมื่อได้ยินลุคพูดมาแบบนี้ ก่อนจะหันหลังไปมองเขาโดยไม่ทันได้รู้ตัว

                ได้เรื่องเลย หน้าของฉันปะทะเข้าไปหน้าอกกว้างของลุคอย่างจัง ฉันตกใจผงะจะถอยห่างแต่ลุคก็คว้าแขนฉันไว้แล้วรั้งให้ตัวฉันติดกับเขามากขึ้น

                “อื้อ อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวโดนหม้อหุงข้าวจะโดนเธอเอานะ แขนพองไม่รู้ด้วย”

                หัวใจของฉันเต้นระทึกเพราะรู้สึกแนบชิดลุคมากกว่าทุกครั้ง ซึ่งมันใกล้ชิดกันเกินไปจนฉันแทบจะทำตัวไม่ถูก

                กลิ่นตัวของเขานี่เป็นเอกลักษณ์จัง แย่แล้ว… ฉันคิดว่าตัวเองอาจจะกำลังตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว

                ไม่อยากจะคิดแบบนี้ ไม่อยากรู้สึกแบบนี้เลย เพราะดูเหมือนตัวเองใจง่ายเหลือเกิน เพิ่งเลิกกับแฟนมาหยก ๆ มาตอนนี้กลับตกหลุมรักผู้ชายที่เพิ่งเจอหน้าเข้าให้ซะแล้ว

                ไม่ไหวเลย หัวใจบ้านี่…

                “ไหน มาดูสิว่าข้าวจะไหม้เหมือนครั้งก่อนมั้ยน้า”

                “ใช่สิ… ฉันไม่ได้เก่งเหมือนนายนี่นา” ฉันประชดไปแล้วก็ได้ยินเขาหัวเราะกลับมา

                นี่ฉันยังอยู่ในอ้อมแขนลุค ตอนนี้เขาโอบฉันไว้กลาย ๆ แล้วก็เปิดหม้อหุงข้าวเพื่อดูผลงานของฉัน แต่เวลานี้ฉันไม่มีจิตใจคิดเรื่องข้าวจะไหม้อีกแล้ว ก็หัวใจของฉันน่ะสิ มันเต้นแรงจนน่ากลัวมากเกินไปแล้ว ลุคจะรู้ไหมนะว่าเขากำลังทำให้ฉันหวั่นไหวถึงขีดสุดอยู่น่ะ

                “ไหม้อีกแล้ว…”

                “ฮะ!? อีกแล้วเหรอ…” ฉันร้องออกมาอย่างตกใจ

                นี่ฉันทำพลาดอีกแล้วเหรอเนี่ย ไม่น้า…

                “ล้อเล่นน่า ใช้ได้ หัวไวเหมือนกันนี่นา เราน่ะ” ลุคพูดพลางหัวเราะ ก่อนจะยื่นมือมาลูบผมฉันไปด้วย

                แบบนี้เหมือนว่าฉันเป็นน้องหมาเลยนะ

                “ป๊ากับม้า น้องบอสหิวแล้วนะ” เสียงเล็ก ๆ ของน้องบอสดังขึ้นมาและทำให้เราสองคนเด้งตัวออกจากกันทันที

                หวา… หน้าฉันร้อนวูบวาบทันทีเลย ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของน้องบอสยิ่งทำให้ฉันหน้าร้อนเข้าไปอีก เด็กคนนี้จะซึมซับพฤติกรรมผิด ๆ ไปด้วยไหมเนี่ย

                ว่าแต่ ถ้าเข้าใจไม่ผิด เมื่อกี้น้องบอสเรียกฉันว่า ‘ม้า’ ที่หมายถึงแม่เหรอ

                ไม่ไหวแฮะ… ทั้งลุคทั้งบอสเลย ทำให้ฉันไม่กล้าจะมองสบตากับใครแล้วเนี่ย

                “คร้าบ ๆ เดี๋ยวนะครับเจ้าชายของป๊า กำลังจะเอาไปเสิร์ฟให้แล้วครับ” ลุคพูดแล้วก็ตักข้าวใส่จานด้วยความคล่องแคล่ว

                ฉันเองก็ไม่กล้าอยู่ใกล้เขาเท่าไหร่ กลัวว่าน้องบอสจะเลียนแบบพวกเราในวันข้างหน้า

                นี่เหมือนว่าฉันมีลูกชายเลยนะ มีทีเดียวปุบปับสามขวบแล้วด้วย

                เอาละ อย่าเพิ่งฟุ้งซ่านสิมีมี่…

                ฉันบอกตัวเองในใจ ก่อนจะยกจานไข่ดาวห้าหกฟองออกไปวางที่โต๊ะด้วย ลุคบอกให้ฉันแค่ทอดไข่ดาวเท่านั้นนะ เพราะฉะนั้นจะมาว่ากันไม่ได้

                แต่เชื่อไหมว่าแค่ข้าวเปล่ากับไข่ดาวและซอสก็ทำให้พวกเรายิ้มและกินข้าวด้วยกันอย่างสนุกสนาน อาจจะเป็นเพราะเสียงเล็ก ๆ ที่ชวนคุยอยู่ตลอดเวลา เสียงหัวเราะของฉันและลุคที่ดังตามมานี่ด้วย

                ทั้งหมดนี่อาจจะทำให้อาหารมื้อนี้เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดเท่าที่ฉันทานมาเลย

     

     

                “ไปซื้อของให้บอสกันมั้ย?”

                ลุคเอ่ยถามฉันหลังจากที่เขาเล่นกับน้องบอสแบบไม่มีพัก จนตอนนี้เจ้าตัวเล็กของเราหมดแรงหลับไปที่โซฟาแล้ว

                “ซื้อของเหรอ” ฉันพูดพลางคิดไปด้วย

                “เธอก็เหมือนกันแหละ ไม่มีเสื้อผ้าใส่แล้วสิ ไปซื้อทั้งของเธอทั้งของบอสนั่นแหละ”

                “แต่ฉันมีติดตัวแค่สามพันเท่านั้นเองนะ” ฉันบอกเสียงอ่อย

                ค่าแรงที่ร้านเมื่อวานได้มาสองพัน แต่เชื่อไหมว่าค่าทิปได้เป็นพันแน่ะ อาจเป็นเพราะฉันพูดเก่งหรืออะไรสักอย่าง มันก็เลยได้เยอะจนน่าตกใจอย่างนี้แหละ

                “ไม่เป็นไร ไปเถอะ” ลุคบอกแล้วยิ้ม

                แย่ละ… หัวใจของฉันสูบฉีดเลือดในนาทีเดียวได้เป็นแกลลอนแล้วมั้ง ทำยังไงดีนะ จะห้ามความรู้สึกอบอุ่นที่มันค่อย ๆ เอ่อล้นขึ้นมานี่ได้ยังไงดี

                “แล้วน้องบอสล่ะ” ฉันพูดพลางมองไปที่ร่างเล็ก ๆ ที่ฟุบนอนคว่ำดูนิ้วตัวเองหลับไปแล้ว

                “รอให้ตื่นก่อนก็แล้วกัน ไปด้วยกันนี่แหละ”

                รอยยิ้มของลุคเหมือนพระอาทิตย์จริง ๆ แฮะ เล่นเอาแย้งอะไรไม่ออกเลย

                และเมื่อน้องบอสตื่นขึ้นมาแกก็ทำหน้าตื่นเต้นดีใจใหญ่ ตอนที่ลุคบอกว่าจะพาไปเที่ยว

                ที่เราสองคนทำได้ตอนนี้ก็คือพยายามไม่ให้แกคิดถึงแม่จนเกินไป ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่รู้จะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้เด็กสามขวบฟังได้ยังไงเหมือนกัน

                “น้องบอสอยากไปสวนสนุกด้วย”

                “หลายอย่างเหลือเกิน จะเอานู่นเอานี่” ลุคพูดอย่างไม่จริงจังแล้วก็จูงมือเล็ก ๆ ของน้องบอสให้เดินออกมาจากห้อง

                ฉันก็เดินตามทั้งสองคนมาด้วยเช่นกัน คนในคอนโดที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างจ้องมองที่เราสามคนกันไม่วางตา คงจะคิดว่าเราเป็นพ่อแม่ลูกกันแน่เลย

                แต่ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้อยู่กับลุคตลอดไปสักหน่อย อีกไม่นานคงไม่มีใครจำเรื่องของฉันได้แล้วมั้ง

                แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ฉันถึงได้รู้สึกใจหายเมื่อคิดแบบนั้นก็ไม่รู้

                ฉันกับลุคจูงมือน้องบอสคนละข้างเมื่อเดินไปด้วยกัน เพื่อนผู้ชายตอนเรียนมหา’ลัยส่วนมากจะไม่ชอบเด็กตัวเล็ก ๆ เลย แต่ลุคกลับดูแตกต่างออกไป

                เอ๊ะ… เดี๋ยวนะ การที่ลุคให้ความสนใจน้องบอสขนาดนี้มันมีอะไรมากกว่านี้รึเปล่า

                ฉันมองหน้าลุคสลับกับหน้าน้องบอสไปมา ก็ดูเหมือนจะมีส่วนที่คล้ายกันอยู่บ้าง

                เอ่อ นี่อย่าบอกนะว่าน้องบอสเป็นลูกของลุคน่ะ…

                ก็ลุคน่ะท่าทางร้ายกาจอยู่ไม่น้อยเลยนะ

                “เธอมองฉันนานแล้วนะ คิดอะไรอยู่รึไง”

                ฉันสะดุ้งน้อย ๆ ตอนที่ลุคหันมาถาม กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ แล้วโดนขัดกลางคันแบบนี้ทำเอาฉันตกใจเหมือนกันนะ

                “เปล่านะ ไม่มีอะไร” จะบอกได้ไง ว่าฉันกำลังคิดว่าเขาเป็นพ่อของน้องบอสจริง ๆ น่ะ

                เขาจะได้เข้ามาตบหัวฉันเข้าให้น่ะสิ

                “แน่ใจนะ”

                แต่ลุคก็ยังดูไม่วางใจซะทีเดียว ซึ่งฉันก็แค่หลบสายตาเขาแล้วก็ตอบคำถามของน้องบอสที่ดังขึ้นมาแทน

                “อย่าให้รู้นะว่าคิดอะไรแปลก ๆ อยู่น่ะ” สายตาของลุคมองมาอย่างสงสัย

                ฉันเลยทำปากจู๋เลียนแบบจากที่น้องบอสทำไว้แล้วก็มองไปทางอื่นแทน ไม่สนใจซะอย่าง เขาคงไม่รู้หรอก ว่าอะไรเป็นอะไร…

     

     

                ตอนนี้มีคนมองเรามากกว่าตอนที่เดินออกมาจากคอนโดซะอีก เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แล้ว ลุคเป็นคนพาพวกเรามาเองหลังจากที่แวะทานมื้อกลางวันกันแล้ว

                ฉันก็เข้าใจว่ามีวัยรุ่นอย่างเรามาเดินจูงมือเด็กคนละข้างแบบนี้ย่อมเป็นจุดสนใจธรรมดา แต่นี่ออกจะเด่นเกินไปแล้วนะ ไปทางไหนก็มีแต่คนมองเต็มไปหมดเลยจนทำให้ประหม่าไปหมด

                ทุกคนต้องเข้าใจว่าเราเป็นพ่อแม่ลูกกันละมั้ง ถึงฉันจะภูมิใจเล็ก ๆ ว่ามีคุณพ่อหล่ออย่างลุค แล้วก็คุณลูกน่ารักอย่างน้องบอส

                แต่นะ แต่ ฉันยังเวอร์จิ้นอยู่นะ แล้วพวกเขาจะคิดว่าฉันมีลูกตั้งแต่อายุเท่าไหร่เนี่ย สิบแปดเหรอ

                อืม… เอาเถอะ ไม่มีใครรู้จักฉันสักหน่อย ไม่จำเป็นต้องคิดมากหรอกเนอะ

                “เธอเป็นอะไรน่ะ เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวเครียด มีหลายอารมณ์ดีเหลือเกิน” ลุคยื่นมือมาแตะแก้มฉันเบา ๆ แล้วก็ถามติดตลก

                อย่าทำแบบนี้เลย ฉันยิ่งใจเต้นเข้าไปใหญ่เลย

                “ม้าคับ บอสอยากได้รถถัง”

                “ครับ เดี๋ยวม้าซื้อให้ครับ”

                ก็น้องบอสน่ารักออกจะขนาดนี้ แล้วฉันจะทำร้ายใจแกได้ยังไงกันล่ะ

                “หึ ๆ ม้ามีมี่” ลุคแซวฉันก่อนจะเดินนำไปยังโซนขายของเล่นเด็ก

                ฉันเม้มปากแล้วก็มองเขาอย่างเคือง ๆ เชอะ ตัวเองก็ชอบเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ที่ถูกเจ้าจอมดื้อตัวน้อยอ้อนน่ะ

                หลังจากนั้นเราก็เลิกทะเลาะกันเพราะว่าน้องบอสช่างเหมือนเทวดาตัวน้อย ๆ อะไรอย่างนี้ แกทำให้ฉันยิ้มกว้างกว่าเคย มีความสุขที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้ของเล่นของน้องบอสขอเล่นหลายอย่าง ก่อนที่จะเดินต่อไปยังโซนขายเสื้อผ้าต่อ

                ฉันมีความสุขกับการเลือกตัวนั้นตัวนี้ให้ลูกชายกำมะลอที่สุด ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เจ้าชายชายบอสถึงเรียกฉันกับลุคว่า ปะป๊าหม่าม้า แต่ก็ช่างเถอะ เพราะมันทำให้หัวใจของฉันพองโตได้อย่างสุด ๆ เลยน่ะสิ และเมื่อเดินกันจนได้ของพอใจแล้ว เราก็เข็นรถไปจ่ายเงิน

                มีแต่คนมองลุคใหญ่เลย ตอนนี้เขาให้น้องบอสขี่คออยู่น่ะสิ ฉันละกลัวว่าลุคจะทำน้องบอสตกจริง ๆ ผู้ชายนี่เล่นอะไรหวาดเสียวจังแฮะ

                “น้องอายุเท่าไหร่แล้วคะ” พนักงานแคชเชียร์ถามฉันตอนที่เรากำลังจ่ายเงิน

                “ฉามขวบคับ” น้องบอสเป็นคนชิงตอบเอง และเรียกรอยยิ้มจากคนแถวนั้นได้อย่างดี

                “โตเร็ว ๆ นะคะ จะไปขอน้องให้ลูกสาวค่ะ” พนักงานสาวพูดแซว จนฉันอดขำไม่ได้

                เราพากันเดินออกมาหลังจากที่จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกันนะ

                อืม จะว่ายังไงดี ความรู้สึกของคนเป็นพ่อแม่คงจะประมาณนี้ละมั้ง ฉันได้แต่บอกตัวเองแบบนี้

                เราเอาของไปเก็บไว้ท้ายรถก่อนจะพาน้องบอสเข้าห้างอีกครั้ง เพราะเขาร่ำร้องจะกินไอศกรีมอีกแล้ว

                เด็กตัวเล็กนี่น่าทึ่งจังนะ ร่างกายย่อยอาหารเร็วเหลือเกิน ฉันสิ พอเหนื่อยก็ไม่อยากกินอะไรแล้ว

                ฉันให้สองหนุ่มนั่งรอที่โต๊ะก่อนจะขอตัวไปห้องน้ำ ก่อนจะถอนหายใจออกมาแผ่วเบา เพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังมีปัญหาใหญ่ที่ยังแก้ไม่ตกอยู่ดี

                แต่ฉันน่ะ ดีใจที่ได้อยู่กับลุคแล้วก็น้องบอสนะ แต่ก็หวังให้คุณแม่ของแกกลับมาเร็ว ๆ ก่อนที่เรื่องจะเลวร้ายกว่านี้

                “ขอโทษนะคะ” ฉันเอ่ยขอโทษผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อเดินไปชนเธอเข้าให้ เพราะมัวแต่เหม่อคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องในหัว

                “ไม่เป็นไรค่ะ อ้าว…”

     

     

                แย่ละสิ ผู้หญิงคนนี้น่ะ แฟนใหม่ของยีนส์นี่…

                ฉันเม้มปากแล้วก็ถอยห่างออกมาอีกก้าวหนึ่ง เมื่อเธอจ้องหน้าฉันแล้วเบ้ปากไปด้วย

                เธอเป็นคนที่สวยมากนะ แต่พอทำท่าแบบนี้แล้วไม่สวยเลย

                แต่จะว่าไปแล้ว ฉันลืมเรื่องของยีนส์แฟนเก่าไปสนิทใจเลยแฮะ ไม่ค่อยเจ็บปวดเท่าไหร่แล้วด้วย

                คงต้องขอบคุณลุคและน้องบอส ฉันถึงได้ไม่มีเวลาที่จะมาเสียใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนั้นอีก

                “นึกว่ากลับไปแล้ว ยังอยู่เหรอคะ?” เธอทักแล้วยิ้มมาด้วย

                แต่ก็รู้กันอยู่ ว่ารอยยิ้มแบบนั้นน่ะ มันหมายความว่ายังไง

                “เห็นว่ามาจากบ้านนอก ทำไมยังไม่กลับบ้านล่ะ อยู่กับใครเหรอ”

                ฉันแกล้งถอนหายใจทำหูทวนลม แล้วก็เปิดก๊อกเพื่อล้างมือแทน

                เธอมองฉันผ่านภาพสะท้อนในกระจกก่อนจะซับหน้า ฉันพยายามไม่มองไม่สนใจก่อนเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่แล้วก็เจอกับยีนส์เข้าพอดี คงมารอผู้หญิงคนนั้นละมั้ง

                ฉันอึดอัดใจเพราะไม่รู้จะทำตัวยังไงดี ยีนส์เองก็น่าจะรู้สึกเหมือนกัน เพราะเขาดูตกใจนิดหน่อยที่เห็นฉันตอนนี้

                “ยีนส์ เดี๋ยวเราไปดูกระเป๋ากันนะ” เสียงใส ๆ ดังขึ้นมาพร้อมกับร่างสูงโปร่งหุ่นดีของผู้หญิงคนนั้นเข้ามากอดแขนยีนส์ไว้แน่น ทำท่าเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเต็มที่

                ฉันมองแวบหนึ่งก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น พอลองยกมือขึ้นแตะหน้าอกก็เห็นว่ามันปกติดีไม่ได้มีอาการอะไรเกิดขึ้นเลย

                ใช่… ฉันไม่รู้สึกอะไรแล้วกับผู้ชายอย่างยีนส์

                “มีมี่! เดี๋ยวก่อน”

                แต่ยีนส์กลับเรียกฉันเอาไว้ ฉันมองตามไปอย่างสงสัยก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

                “ยังไม่กลับเหรอ”

                แล้วฉันจะตอบว่ายังไงดีล่ะ

                และตอนที่ฉันยืนคิดหาคำตอบอยู่ก็ต้องเซไปข้างหน้าสองก้าว เพราะมีอะไรสักอย่างโถมใส่จากด้านหลัง พอก้มหน้าลงดูก็เห็นว่าเป็นร่างเล็ก ๆ แต่หนักอึ้งของน้องบอสนี่เอง แกเข้ามาเกาะขาข้างหนึ่งของฉันไว้แล้วเงยหน้ามองด้วยดวงตาใสแป๋วที่ฉันตกหลุมรักเข้าอย่างจัง

                “หม่าม้าคับ กลับได้แล้ว น้องบอสจะกินไอติมแล้วนะ”

                “ครับ ๆ ไปกันเถอะเนอะ มาตรงนี้ได้ไงเนี่ย” ฉันบ่นไม่จริงจังแล้วก็จูงมือน้องบอสหมายจะพากลับไปที่นั่งเดิมที่ลุครออยู่

                แต่ก่อนจะทันได้เดินออกมา เสียงยีนส์ก็ถามเสียงสูงเหมือนกำลังตกใจ และเรียกสายตาจากคนแถวนั้นได้อย่างดี

                “มีมี่! นั่นลูกเธอเหรอ”

     

    นิยายเรื่องนี้หมดสัญญากับทางสำนักพิมพ์แล้ว มู่เลยนำมาทำ E-Book เอง

    สามารถซื้อ E-Book ได้ที่ Meb กดที่รูปปกใหม่เพื่อซื้อได้เลย

    ขอบคุณจากใจค่ะ


     

    หรือ >>Click!!<<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×