คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Log On Target 🎀 01 You Get Me Fired Up...100%
1
You Get Me Fired Up
(...100%)
“เธอมีเสี่ยเลี้ยงเลยเหรอ”
ได้ยินแบบนั้น ฉันก็หันไปฟาดกำปั้นเข้ากับซีกหน้าด้านซ้ายของเขาเต็ม ๆ ทำไมหมอนี่คิดอะไรต่ำ ๆ แบบนี้น่ะ
“เธอกล้าต่อยฉันเหรอ!?”
“ใครใช้ให้นายปากเสียล่ะ พ่อฉัน ป๊ะป๋า ไอ้บ้าเอ๊ย!”
อยู่กับหมอนี่แล้วฉันกลายเป็นผู้หญิงวัยทองขี้โมโหหงุดหงิดง่ายไปเลย มันเป็นความสามารถพิเศษของคนที่ชื่อแมทธิวอย่างนั้นเหรอ
“เจ็บนะ คอยดูเถอะ ฉันเอาคืนแน่” แมทครางแล้วลูบคางตัวเองคาดโทษฉันเอาไว้ด้วยสายตาเอาเรื่อง
แต่ฉันถลึงตาแล้วแลบลิ้นใส่เขา เอาสิ มีมือคนเดียวหรือไงกันน่ะ เราสองคนนั่งครางในคอฮึ่มฮั่มต่างต่างโกรธกันและกัน ไม่มีวี่แววความจี๋จ๋าน่ารักอะไรทั้งนั้น
แล้วก็เกิดเหตุอาเพศ เมื่อจู่ ๆ รถก็กระตุกและดับไปซะอย่างนั้น ฉันหันไปมองแมททันที อย่าบอกว่าหาเรื่องอะไรมากวนประสาทกันอีกน่ะ
“มีข่าวร้ายจะบอกละ…” แมทยิ้มหวานมาให้ฉัน
ยิ้มแบบนี้ไม่น่าไว้ใจเลย…
ข่าวร้ายที่ว่านั้นคือหมอนี่ให้ฉันเข็นรถไปปั๊มน้ำมันที่อยู่ถัดออกไป เพราะน้ำมันรถหมด…
เชื่อเลย แมททำแบบนี้กับผู้หญิงที่แสนบอบบางได้ไงน่ะ ฉันต้องถอดส้นสูงแล้วก็ออกแรงทั้งหมดที่มีเข็นรถของตัวเองไป โดยที่อีตาแมทนั่งในรถบังคับพวงมาลัยสบายใจเฉิบ
เขาบอกว่า ถ้าฉันไม่เข็นเขาจะกลับแท็กซี่ไม่สนใจฉันและรถที่น้ำมันหมดกลางทางนี่
ดูนิสัยที่น่ารักของเขาสิคะ… ตอนนี้ฉันโกรธแทบจะพ่นไฟอยู่แล้ว กรี๊ด!
แต่เข็นได้ไม่เท่าไหร่แมทก็มาเปลี่ยนให้ฉันไปบังคับพวงมาลัยบ้าง
“ขึ้นไปสิ” เขาบอกแล้วผลักไหล่ฉันไปด้วย
“ไม่เป็นไรอีกสามกิโลเอง นายขึ้นไปเถอะ” ฉันบอกแล้วก็รู้สึกแสบเท้าไปหมด
เพราะสวมส้นสูงมา พอต้องมาเข็นรถมันเลยทรงตัวลำบาก ฉันเลยถอดรองเท้าถือไว้แล้วก็เข็นรถไปอย่างนี้แหละ อยากจะทุบกระโปรงรถให้บุบไปแต่นี่มันก็รถของตัวเองเลยทำแบบนั้นไม่ได้
“เฮ้… อย่าให้พูดซ้ำสองนะ ฉันใจดีไม่นานนะจะบอกให้” เขาขู่แต่ฉันไม่สนใจ
“ไปให้พ้นหน้าฉัน…” ฉันหันไปยิ้มหวานให้เช่นกัน
“เวรเอ๊ย! ทำไมเธอไม่ใส่รองเท้าน่ะ” แมทสบถออกมาเสียงดังเมื่อก้มลงดูเท้าของฉันในความมืด
“นายจะให้ฉันสะดุดล้มคอหักตายเหรอ” ฉันเถียงกลับเสียงนิ่ม แล้วก็ตั้งตาตั้งตาเข็นรถต่อ
แต่แมทจับมือฉันไว้แน่นและกระชากออกมาจากท้ายรถ ฉันเลยมองหน้าเขาแน่วนิ่งแล้วถลึงตาใส่ไม่หยุด
“จะไปไหนก็ไปเลย ฉันจะเข็นไปเองจะกลับแท็กซี่ จะให้เพื่อนนายมารับ ให้สาว ๆ มารับก็ไปเลย นี่รถฉัน นายไม่ต้องมายุ่งอีก ไปให้พ้น!”
จากตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะพูดสั้น ๆ แต่ยิ่งพูดยิ่งเจ็บใจจนเสียงสั่น
ให้ตาย… ฉันกำลังจะร้องไห้
แมทเม้มปากแน่นแล้วก็ยกโทรศัพท์โทรคุยกับใครสักคน ฉันเข็นรถต่อแต่เขาก็ยื้อเอาไว้ ท่าทางทุเรศที่สุดเลยตอนนี้ ไม่นานฉันก็ถูกดึงให้เข้าไปใกล้ร่างสูงใหญ่ของเขา ก่อนจะถูกสายตาคมกริบคู่นั้นกดมองให้อยู่นิ่ง
และราวสิบนาทีต่อมามีรถคันหนึ่งขับมาทางนี้อย่างรวดเร็ว แมทโบกมือไปมาก่อนที่รถคันนั้นจะมาจอดอยู่ตรงหน้าเรา
“ฉันบอกว่าให้มาในสามนาทีไง!” แมทตวาดใส่คนที่กำลังลงรถมาเสียงดัง ขณะที่ฉันหน้างอบอกบุญไม่รับ
“มันไม่ใช่เครื่องบินเจ็ทนะไอ้แมท ซิ่งมาสุด ๆ ก็ได้หกนาทีอะ เฮ้อ…”
คนที่มาใหม่น่าจะเป็นเพื่อนของแมท เขาทำหน้าเหนื่อยหน่ายและหยิบถึงน้ำมันอออกมาเติมให้รถของฉัน
“ไปละ” เพื่อนเขาโบกมือให้แล้วก็กลับขึ้นรถขับหายไปอีกทาง
แมทก็ถูลู่ถูกังลากฉันขึ้นรถอีกครั้ง ฉันจับต้นแขนตัวเองแล้วเบือนหน้าไปอีกทางอย่างเจ็บใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็เห็นว่าแมทหันมามองฉันเป็นระยะ แถมยังสบถอะไรอีกไม่รู้ คำหยาบคายงี้ว่อนในรถเต็มไปหมด
เขาพาฉันมาที่ไหนสักที่ซึ่งฉันไม่เต็มใจเลยสัก พอร้องโวยวายก็ถูกเขย่าไหล่ซะหัวแทบหลุดออกบ่า ฉันเองก็เกรงใจคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเลยยืนฮึดฮัดเงียบ ๆ จนไปถึงห้องห้องชุดแห่งหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นห้องของเขา
“ฉันอยากจะฆ่าเธอ…” พูดจบแมทก็ผลักไหล่ฉันไปนั่งลงที่โซฟาอย่างไม่ถนอมนัก
“เลือดเต็มเท้าแล้วเห็นมั้ยนั่น!” เขาเสยผมอย่างโมโห แล้วชี้นิ้วมาที่เท้าฉันด้วย
“เท้าฉัน อย่ามายุ่ง!”
“เดี๋ยวจะได้รู้ว่าฉันจะยุ่งได้รึเปล่า โบว์…”
“นั่งเลย นั่งไป!” แมทยกนิ้วชี้หน้าฉัน ตอนที่ฉันทำท่าจะลุกขึ้นจากโซฟา เมื่อเขาทำท่าเดินไปหยิบอะไรสักอย่าง
ฉันเบ้ปากไปมาแล้วถลึงตาใส่เขาไปด้วย แต่แมทก็หันมามองฉันเป็นครั้งคราวแล้วก็เดินหายไปทางหนึ่ง ฉันเริ่มสำรวจรอบตัว ก็เห็นว่ามันเป็นห้องของเขาห้องเดิมที่ฉันมานอนค้างคืนก่อน
เฮ้อ… สกปรกชะมัด ฉันกวาดสายตามองแล้วก็ขมวดคิ้วไปด้วย ฉันว่าห้องตัวเองรกมากแล้วนะ แต่ห้องของเขานี่สุดยอดไปเลย
“อี๋!” ฉันครางออกมาอย่างรังเกียจ เมื่อพบว่าตัวเองนั่งทับกางเกงบอกเซอร์ตัวหนึ่งเข้าให้
ซกมกที่สุดเลย… ฉันรีบลุกขึ้นแล้วก็ดึงมันออกจากก้นของตัวเองแล้วก็เหวี่ยงไปทาง จากนั้นก็รีบนั่งลงตามเดิม แสบเท้าสุด ๆ ไปเลยละ แค่เหยียบบนพื้นถนนเท้าเปล่าแล้วก็เข็นรถร้อยเมตรเองเนี่ยนะ ทำใจเสาะไปได้นะโบว์ ฉันบ่นตัวเองแล้วก็ยกมือขึ้นเสยผม ก่อนจะเริ่มปรี๊ดอีกอย่างหนึ่งขึ้นมา
ลืมไปแล้วหรือไงเขาทำอะไรไว้กับเส้นผมที่รักของฉันน่ะ
เพิ่งเจอกันไม่นานเท่าไหร่ ทำไมหายนะมันเกิดขึ้นกับฉันมากมายขนาดนี้เนี่ย
แมทเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกับกะละมังใส่น้ำมาเกือบเต็ม หมอนี่ทำอะไรของเขาน่ะ ทำไมใส่น้ำมาซะเต็มปริ่มแบบนี้มันก็หกหมดน่ะสิ
“โอ๊ะ! ให้ตายสิ ร้อนฉิบ” แล้วเขาก็สบถออกมา ตอนที่สะดุดกับกางเกงบอกเซอร์ที่ฉันเหวี่ยงทิ้งไปเมื่อกี้ น้ำที่ดูท่าทางจะร้อนจัดนั่นเลยหกรดตัวรดเท้าเขาไปด้วย
สมน้ำหน้าจัง
“ใครมันมาถอดกางเกงทิ้งไว้ที่นี่วะ!” แมทสบถไม่หยุด แต่ฉันคิดว่าเป็นกางเกงของเขานั่นแหละ
ผู้ชายก็มีมุมงี่เง่าเหมือนกันแฮะ แมทตวัดสายตาดุวับใส่ฉันเมื่อเห็นฉันนั่งขำเขาโดยไม่ปิดบัง เฮอะ สะใจแล้วไงอะ เขาจะเอาอะไรกับฉันอีก
“ฉันไปเอาน้ำอุ่นมาจากเครื่องทำน้ำอุ่นในห้องน้ำ เอาเท้ามาแช่สิจะได้หายระบม”
ได้ยินแบบนั้น ฉันก็เลิกคิ้วเหมือนไม่อยากจะเชื่อคำพูดที่เพิ่งผ่านหูเมื่อกี้เลย
ท่าทางแบบนี้จะเอามาสาดหน้ากันมากกว่าละมั้ง
แต่พอเขานั่งลงที่พื้น ฉันก็เชิดหน้าขึ้นเมื่อเขาเป็นทาสที่คอยรับใช้ราชินี สงสัยแมทเห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้เขาเลยจับเท้าฉันจุ่มน้ำในกะละมังทันที ฉันร้องกรี๊ดออกมาแล้วก็พรวดพราดลุกเต้นแร้งเต้นกา จนน้ำกระเด็นโดนตามตัวเขาไปด้วย
“น้ำร้อนนะ นายบ้าหรือเปล่าน่ะ” ฉันร้องไห้ออกมาจริง ๆ เพราะแสบเท้าไปหมด ไม่รู้เหรอว่ามันมีแต่แผลถลอกปอกเปิกน่ะ
“เธอทำบ้าอะไรเนี่ย!” เขาตะคอกกลับมา แล้วก็ลุกขึ้นจับไหล่ฉันไว้แน่น
“โบว์!” แล้วเขาก็เงียบเสียงลง เพราะฉันยกมือข้างหนึ่งมาปิดตาตัวเองไว้แล้วร้องไห้
“ฉันเจ็บ อย่าทำฉันอีกเลย” จากนั้นฉันก็สะอื้นออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ตอนนี้ฉันขยับเท้าไม่ได้เลย รู้สึกว่าแผ่นเนื้อที่ใต้ฝ่าเท้ามันกำลังลอกติดพื้นอยู่แล้ว ไม่ได้อยากจะทำสำออยอย่างนี้เลย ยิ่งต่อหน้าผู้ชายสารเลวอย่างแมทธิวคนนี้ด้วย
“เจ็บเหรอ ขอโทษไม่นึกว่ามันจะร้อนไป” เสียงของแมทแผ่วลงเหมือนรู้สึกผิด ยิ่งได้ยินฉันก็ยิ่งหงุดหงิดใจ
เขาน่าจะรู้ดีนี่ตอนที่โวยวายว่ามันร้อน แล้วยังแกล้งฉันเอาเท้าจุ่มลงไปแบบนั้นอีก
“ขอโทษ” เขาปลอบมาอีก ฉันก็ยิ่งร้องเข้าไปใหญ่เหมือนคนบ้าไม่มีผิด
มันเหมือนเขากำลังหัวเราะฉันอยู่เลย ไอ้บ้าแมท… ฉันเกลียดหมอนี่จริง ๆ นะ
“ขยับเท้าได้มั้ย?” เขาถามแล้วก็จับ ๆ แตะ ๆ ไหล่ฉันไม่กล้าจะถูกตัวฉันแรงเกินไป
“เนื้อที่ฝ่าเท้ามันแสบไปหมดเลย รู้สึกเหมือนมันกำลังจะหลุดลอกออกมาเป็นแผ่น ๆ…” ฉันพูดแล้วก็ร้องโฮออกมา
แค่คิดก็เห็นภาพแล้ว มันแสบมากเลยนะ
“อย่าร้อง ขอร้องละ เดี๋ยวนะ” แมทปลอบฉันท่าทางเงอะงะ แล้วจู่ ๆ เขาก็อุ้มฉันจนตัวลอยขึ้นมาจากพื้นทันที ฉันทำตาโตมองเขาอย่างตกใจ เขากำลังจะทำอะไรน่ะ
“ไปห้องน้ำนะ”
ให้ตายเถอะ คำพูดของหมอนี่ล่อแหลมชะมัด
แต่ เขาคงไม่คิดจะทำอะไรบ้า ๆ ใช่ไหม
ใช่ไหม…
เมื่อมาถึงห้องน้ำ แมทก็นั่งลงที่พื้น ขณะที่ฉันนั่งบนขอบอ่างอาบน้ำ เราสองคนหันหน้าเข้าหากันในสถานการณ์ที่ชวนกระอักกระอ่วนมาก แต่ยังดีที่เขามีน้ำใจหยิบผ้าขนหนูผืนหนึ่งปิดขาฉันเอาไว้
ทันใดนั้น หัวใจของฉันก็เต้นแรงแทบทะลักออกมาทางปาก ตอนที่แมทดึงเท้าของฉันไปวางพาดตักเขาเอาไว้ ฉันต้องหยิบผ้าขนหนูอีกผืนมาปิดหน้าเอาไว้ มองเขาที่กำลังสำรวจเท้าตัวเองด้วยความสุดสยอง
เขาดูเหมือนฆาตกรในหนังเรื่อง Saw เลยอะ อย่าหั่นขาฉันเลยนะ ฉันได้แต่ลุ้นอยู่ในใจคนเดียว
แมทสบถพึมพำเมื่อเห็นแผลของฉันเต็มตา เขาหยิบฝักบัวมาเปิดแล้วก็ปรับอุณหภูมิของน้ำไปด้วย ฉันมองเขาที่ตั้งใจดูแผลให้แล้วก็รู้สึกแปลก ๆ ไม่เคยเห็นท่าทางแบบนี้เลยแฮะ ปกติมีแต่ท่าทางโรคจิตเท่านั้น
หรือว่าฉันต้องมองเขาใหม่แล้ว
“มันร้อนไปก็บอกเลยนะ จะปรับให้” เขาเงยหน้ามามองหน้าฉัน
ทำเอาฉันสะดุ้งน้อย ๆ ทำไมต้องเคลิ้มกับหน้าหล่อ ๆ ของเขาด้วยก็ไม่รู้ ลืมไปแล้วหรือไงว่าเขาร้ายกาจสารพัดกับฉันน่ะ ฉันอดที่จะด่าตัวเองในใจไม่ได้ มองแมทที่เช็ดเอาพวกเศษฝุ่นเศษดินที่ติดตามเท้าของฉันออกอย่างตั้งใจ…
จริง ๆ นะ ฉันคิดว่ามันมีอะไรบางอย่างที่แปลกจนน่ากลัวเลย
“เดี๋ยวไงก็อาบน้ำก่อนแล้วกัน กลิ่นเหงื่อเหม็นหึ่งเลย” พูดจบแมทก็วางเท้าฉันลงที่พื้น และก็กลับมาเป็นหมา เอ๊ย มหาวายร้ายเหมือนเดิม
“เออ! ก็ออกไปสิ” ฉันหน้างอด้วยความไม่พอใจ ไม่คิดจะปิดบังด้วย
แมทก็หัวเราะตามสไตล์โรคจิตของเขาแล้วก็เดินจากไป นี่แหละแมทตัวจริงเสียงจริง ที่ฉันเห็นเขาตอนอ่อนโยนน่ะมันภาพลวงตาชัด ๆ
เมื่ออาบน้ำเสร็จ แมทก็ส่งชุดนอนที่ฉันมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามันเป็นของเขามาให้ อะไรกันน่ะ จะให้ฉันใส่ชุดนี้แล้วขับรถกลับคอนโดตัวเองเนี่ยนะ อยากจะผ่าสมองเขาเอาออกมาดูเหลือเกิน ว่ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่กันแน่
“ไหงทำหน้าเงี้ย หรืออยากได้แบบซีทรูลูกไม้อะไรแบบนั้น” เขาเลิกคิ้วขึ้นสูงและถามเสียงดัง
“เอาชุดนี้แหละ ขอบใจ” ฉันรีบฉกเอาเสื้อผ้าจากมือเขา แล้วก็ปิดประตูห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
หมอนี่ปีศาจร้ายในคราบเทพบุตรชัด ๆ
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็เห็นแมทกำลังนั่งปรุงรสบะหมี่ชามใหญ่อยู่ในห้องรับแขกแล้ว ฉันเดินออกมาพร้อมกับรองเท้าสลิปเปอร์นุ่ม ๆ ที่เขาเอาไปวางไว้หน้าห้องน้ำให้ มันนุ่มดีนะแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังแสบเท้าอยู่ดี ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทำตัวเองหรือว่าแมททำกันแน่
ท่าทางฉันจะตายก่อนวัยอันควร ถ้ายังอยู่กับเขาต่อไป
“หิวมะ มาทานอะไรกัน พอดีว่ามันเลยห้าทุ่มแล้ว รูมเซอร์วิสปิดแล้วน่ะ เลยต้มบะหมี่ให้ คงกินได้นะ เห็นเธอกินบ่อย” แมทก็กวักมือให้ฉันเข้าไปมา
ในขณะที่ฉันมองแมทเหมือนเห็นสิ่งมหัศจรรย์ลำดับแปดของโลกตรงหน้า หัวเขาฟาดพื้นมาเหรอ หรือว่าน้ำร้อนลวกจนเสียสติไปแล้วกันแน่
“เออ! ไม่กินใช่มั้ย จะเทให้หมากิน” แมทคงจะโมโหเมื่อเห็นฉันทำท่าอึ้งอยู่อย่างนี้
ปรอทแตกง่ายไปไหมคุณ
“เอาดิ” ฉันไม่ห้ามกลับท้าทายเขาอีกด้วย
แมทเลยถอนหายใจแล้วก็กวักมือฉันให้เข้าไปหาอีกครั้ง ฉันเองก็เดินเข้าไปหาแต่โดยดีเพราะกลัวโดนกระชาก หมอนี่น่ะใช้กำลังเข้าสู้ไม่ได้ ไม่งั้นฉันจะกลายเป็นฝ่ายเจ็บตัวซะเอง
อย่าลืมเรื่องผมทรงใหม่ของฉันสิ…
แล้วฉันก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที แถมบะหมี่ของเขายังน่ากินมากด้วย ไม่รู้ว่าใส่ไข่เข้าไปกี่ฟองและยังมีกุ้งแล้วก็เนื้อหมูอีกด้วย ฉันกลืนน้ำลายลงคอ และเห็นแมทยิ้มอย่างพอใจ เขาส่งตะเกียบมาให้คู่หนึ่งเมื่อฉันยอมนั่งลงที่โต๊ะอาหารแต่โดยดี
เราสองคนนั่งทานด้วยกันไปเงียบ ๆ จนมาถึงศึกชิงไข่แดงชิ้นโตที่น่ากิน ผู้ชายคนนี้นี่มันอะไรน่ะ ปกติผู้ชายเขาต้องเสียสละให้ผู้หญิงไม่ใช่เหรอ แต่ดูแมทสิ ทำไมถึงต่อสู้แย่งชิงไข่แดงกับฉันอย่างเอาเป็นเอาตายแบบนี้ ไม่ใจดำต่อสุภาพสตรีตัวเล็กน่าสงสารแบบฉันเกินไปหน่อยเหรอ
“แมท ฉันโกรธนายแล้วนะ” ฉันร้องเสียงหลงเมื่อเขาแย่งมันไปได้สำเร็จ
ทำไมเขาถึงเป็นคนอย่างนี้ กรี๊ด ขัดใจอะ ฉันนึกอยากจะร้องกรี๊ดแล้วลงไปนอนชักดิ้นกับงอกับพื้นซะจริง
“แล้วไง” เขายักคิ้วกวนโมโห แล้วก็กัดเข้าปากไปคำหนึ่ง
ฉันอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อสายตา เพราะความอยากจะเอาชนะถึงกับทำอย่างนี้เลยเหรอ พ่อคนดี…
ตอนที่ฉันกำลังอึ้งกับความบ้าไม่ยอมคนของเขาอยู่ เขาก็ฉวยโอกาสยัดไข่แดงที่เหลือครึ่งหนึ่งใส่ปากให้ฉันทันที ฉันปิดปากแทบไม่ทันก่อนจะถลึงตาใส่เขายกใหญ่ แต่แมทแค่หัวเราะและยกชามไปเก็บไว้ที่ห้องครัวเท่านั้น
ฉันเคี้ยวไข่แดงในปากช้า ๆ พลางนึกในใจว่าแมทน่ะ ผู้ชายคนนี้น่ะ ตัวตนจริง ๆ ของเขาเป็นยังไงกันแน่
หลังจากนั้นเราก็ย้ายไปที่รับแขก ฉันเลยถอนหายใจออกมาแล้วก็ล้มตัวลงนอนที่โซฟาตัวยาวดูรายการทีวีที่ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย อยากจะผลาญเงินค่าไฟเขาเท่านั้นไม่มีอะไรมากมาย แต่แมทเนี่ยท่าทางจะรวยใช่ย่อย เอาเถอะ นี่เป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของฉัน
ฉันไม่ได้เป็นผู้ใหญ่พอที่จะปล่อยเรื่องแบบนี้ผ่านไปง่าย ๆ เห็นใจกันด้วยเถอะนะ
“กินยาแก้อักเสบ กับยาแก้ปวดเหน่อย” แมทเดินมาซ้อนอยู่หลังโซฟาแล้วก็ส่งยาสองเม็ดมาให้
ฉันตกใจเพราะไม่รู้ว่าเขามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหน
แต่ฉันสั่นหน้า ซุกหน้าลงใต้หมอนไม่อยากจะมองเห็นได้เม็ดยาเล็ก ๆ นั่น แค่คิดในคอก็ขมน้ำลายเหนียวจนกลืนไม่ลงแล้ว ให้ตายฉันก็ไม่กินมันเด็ดขาด
“จะกินเองหรือว่าจะให้ป้อน ขอบอกนะว่าฉันจะป้อนเธอด้วยปากต่อปาก”
นั่นแหละ ฉันถึงเด้งตัวขึ้นมาแล้วก็จ้องหน้าเขาอย่างโมโห ก่อนจะคว้ายานั่นกลืนลงคอน้ำตาคลอเต็มสองตา ขนลุกไปทั่วร่างกาย
อยู่กับแมทเนี่ยฉันต้องทำอะไรฝืนใจไม่ต่ำกว่าสามอย่างไปแล้วนะ ฉันมองแมทอย่างสุดแค้นแล้วก็คว้าขวดน้ำจากเขามาดื่มก่อนจะส่งมันคืน แล้วก็ฟุบหน้าลงกับหมอนอิงแล้วก็ร้องกรี๊ดออกมาอย่างสุดทน
แต่อีตาแมทโรคจิตมันหัวเราะฉันอะ…
ฉันเกลียดหมอนี่จริง ๆ นะทุกคน
ฉันรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าหมอนวันนี้มันแข็งผิดปกติหนุนไม่สบายเอาซะเลย แถมยังรู้สึกว่าผ้าห่มก็แปลกไปจากเคยด้วย เลยค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
สิ่งแรกที่อยู่ในม่านสายตาคอเสื้อนอนรูปตัววีของผู้ชาย มันเผยให้เห็นผิวขาวจัดของใครคนหนึ่ง ฉันไล่สายตาขึ้นมองไปอย่างลืมตัว ก็เห็นสันคางที่ดูเซ็กซี่ของใครคนหนึ่ง นั่นแหละ ถึงเข้าใจสถานการณ์ชัดเจน
ฉันนอนกับแมท…
ฮึก… ฉันต้องถูกสาปแน่ ฉันต้องตายภายในสามวันเจ็ดวันแน่
พอจะขยับตัวให้ลุกขึ้นเขาก็ใช้ทั้งแขนทั้งขาที่หนาหนักของคนนิสัยไม่ดีก็รัดร่างฉันไว้ให้อยู่กับที่ บอกแล้วว่าหมอนี่ไม่ธรรมดา
“ไง ตื่นแล้วเหรอ” เขาถามแล้วจงใจแกล้งพ่นลมหายใจร้อน ๆ ใส่หูของฉันไปด้วย
ฉันร้องกรี๊ดแล้วดิ้นพล่านเหมือนไส้เดือนโดนน้ำร้อนลวก แต่ก็ยิ่งทำให้แมทหัวเราะสะใจ ฉันดิ้นจนหมดแรงนั่นแหละ เลยนิ่งให้เขาแกล้งกอด
เอาเถอะไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่ แถมเพื่อนเขายังลือกันทั่วว่าฉันน่ะเสร็จเขาแล้ว ทั้งที่จริงฉันยังเวอร์จิ้นอยู่เลยนะ
ดูซะ ความหายนะที่เขาสร้างให้ฉันน่ะ
“เจ็บเท้าอยู่รึเปล่า”
เอาละสิ ตอนแรกที่ไม่ได้คิดถึงมันน่ะก็ไม่เจ็บหรอกนะ แต่พอพูดสะกิดแบบนี้มันก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาทันทีเลย
ฉันทำหน้ามุ่ยแล้วก็พยักหน้า แมทเองก็เลิกแกล้งฉัน เขาลุกขึ้นและสะบัดผ้าห่มออกไปอีกทางแล้วก็คว้าขาฉันไปดู วันนี้ฉันได้เห็นมุมมองที่ต่างไปของแมทอีกแล้ว
เพราะว่าเท้าที่เจ็บแปลบ ๆ นี่ทำให้ฉันไปไหนไม่ได้ ขอบอกว่ามันบวมและยัดใส่รองเท้าส้นสูงคู่โปรดไม่ได้ แมทเลยให้ฉันนอนเล่น ตีลังกาเล่นในห้องของเขาไปก่อน ที่บอกว่าตีลังกาน่ะเขาเป็นคนพูดออกมาเลยนะ ผู้ชายอะไรไม่รู้กวนประสาทได้โล่เลย
แมทหายหน้าไปทั้งวัน ฉันเองก็ล้างผลาญของในตู้เย็นจนหมดเช่นกัน
และเพราะทนความสกปรกซกมกโสมมของเขาไม่ไหว เลยต้องลุกขึ้นมาทำความสะอาดห้องของเขาไปด้วย หลังจากผ่านไปสามชั่วโมงฉันก็ดึงผ้าโพกหัวของตัวเองออก ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจ
สะอาดแล้ว เย้!
ตอนนั้นเองเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นมา ฉันหันไปมองคิดว่าเป็นแมท
แล้วก็จริง แต่ไม่ได้มีแค่ผู้ชายกวนประสาท แฟนปลอม ๆ ของฉันเท่านั้นน่ะสิ แต่แมทยังพาเพื่อนมาอีกสามคนด้วย แต่ละคนหิ้วลังเบียร์พร้อมขวดเหล้านอกมาด้วย
เอาแล้ว อีตาแมทหางานให้ฉันอีกแล้ว
“ที่รัก หายเจ็บเท้าแล้วเหรอถึงลุกขึ้นมาทำความสะอาดเนี่ย น่ารักจัง เมียใครก็ไม่รู้”
ฉันทำท่าจะปาไม้ถูกพื้นใส่เขา เมื่อเขาพูดจาไม่เข้าท่าให้ได้ยิน
แต่แมทหัวเราะร่วน แล้วก็ดึงไม้ถูพื้นออกจากมือของฉัน
“มานี่สิ จะแนะนำเพื่อนให้รู้จัก” พูดแล้วก็แมทโยนไม้ถูพื้นไปทางหนึ่ง และลากแขนฉันให้เดินไปหาเพื่อนของเขา
“นี่โบว์แฟนฉันน่ะ โบว์นี่เพื่อนฉัน แลนซ์ เดโก แล้วก็เลโอ” เขาแนะนำเพื่อนของเขาให้รู้จัก ซึ่งฉันถอนหายใจออกมายาว ๆ ทันที ก็เพื่อนเขาแต่ละคนน่ะหล่อลากกันทั้งนั้น
สาธุ… อย่านิสัยเหมือนอีตาแมทเลยนะ ฉันสวดมนตร์ภาวนาในใจ
เมื่อลองสำรวจพวกเขาอีกครั้งฉันก็พบว่าแมทมาตรฐานสูงมาก เนื่องจากเพื่อนแต่ละคนของเขาน่าตาดีไม่ต่างกับเขาเลย
‘แลนซ์’
‘เดโก’
และ ‘เลโอ’ อย่างนั้นเหรอ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” หนุ่ม ๆ ทักทายกับฉัน
ซึ่งฉันเองก็ระงับอาการกระดี๊กระด๊าที่ได้เจอหนุ่ม ๆ หน้าตาดี แถมยังดูท่าว่าจะนิสัยดีกว่าอีตาแมทมากมายด้วย
แต่แมททำหน้าหงุดหงิดเข้าแล้ว ตามไม่อารมณ์ไม่ทันแล้วค่ะ เขาเดินพลางลากฉันให้ไปทางห้องครัว แล้วยังบีบมือฉันแรง ๆ เหมือนจะแกล้งให้เจ็บอีกต่างหาก
“ตอนนี้เธอเป็นแฟนฉันนะ อย่ามาทำตาเล็กตาน้อยกับคนอื่น เข้าใจมั้ย?”
แมทเริ่มเล่นบทโหดโดยการบีบแก้มฉันเป็นการขู่เตือนเอาไว้ นัยน์ตาดูขุ่นมัวจนฉันไม่กล้าจะต่อล้อต่อเถียงด้วย
“รู้แล้วน่า” ฉันบอกแล้วก็ปัดมือเขาออกจากแก้มตัวเอง
เขาไม่รู้ตัวหรือไงว่าแรงเยอะแค่ไหนน่ะ แถมเวลาโหดก็น่ากลัวมากด้วยสิ
“รู้มั้ยฉันโกรธเธอตอนนี้น่ะ”
เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินชนไหล่ฉันไปรวมกลุ่มกับเพื่อนคนอื่น ปล่อยให้ฉันหน้าเหวอกับคำพูดนั้นอยู่คนเดียว
ที่เขาพูดน่ะ มันอะไรกัน น่าโมโหจริง ๆ
“โบว์รู้มั้ย ว่าแมทน่ะเจ้าชู้แค่ไหน”
ผู้ชายที่ชื่อเลโอถามฉัน หลังจากที่ต้องกลายมาเป็นเด็กชงเหล้าให้พวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ฉันหันขวับไปมองหน้าแมทที่กำลังสำลักเบียร์ไอค่อกแค่กอยู่ข้างกายทันที หน้าเขาแดงก่ำและยังไอไม่หยุด จนอาการดีขึ้นนั่นแหละ เขาถึงหันไปซัดต้นแขนเพื่อนแรง ๆ เห็นแล้วรู้สึกเจ็บแทนเลย
ก็อีตาแมทน่ะแรงเยอะเลยนะ แขนจะช้ำหรือเปล่าก็ไม่รู้ เสียดายผิวขาว ๆ นั่นจัง
“อยากตายใช่มั้ย?” แมทวางแก้วเหล้าลงที่โต๊ะ แล้วก็คว้าคอเสื้อเพื่อนขึ้นมาพูดกระซิบแต่ดังได้ยินทั่วทุกคน
เพื่อนคนอื่นที่เหลือพากันหัวเราะ ไม่ได้ใส่ใจกับท่าทางของเขาเลย กลับกลายเป็นฉันที่เคืองเขาโดยไม่มีสาเหตุ ทั้งที่รู้ดีกว่าใครว่าเราคบกันหลอก ๆ แต่ทำไมรู้สึกโกรธอย่างนี้ก็ไม่รู้สิ
“พวกคุณไม่รู้แน่เลย ว่าฉันก็ชอบเพื่อนของแฟนเหมือนกัน” ฉันตอกกลับบ้าง เล่นเอาผู้ชายที่นั่งดื่มอยู่สะดุ้งกันเป็นแถว สะใจนัก
“โดยเฉพาะหนุ่มหล่อราศีสิงห์เนี่ย อู้ว์ เร้าใจจัง” พูดแล้วฉันก็แกล้งยกมือขึ้นพัดหน้าตัวเองไปด้วย
ทำเอาเลโอที่ฉันมั่นใจว่าเขาเกิดราศีสิงห์ถึงกับไอค่อกแค่กทันที
ส่วนอีตาแมทก็จ้องหน้าฉันตาแทบจะลุกเป็นไฟอยู่แล้ว แล้วไงอะ อยากให้เพื่อนมาพูดจาอะไรแปลก ๆ กับฉันดีนัก เป็นไงละ
“โบว์ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ” แมททำตาขวางใส่ แต่ฉันเชิดหน้าขึ้นไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด
ใช่ว่าผู้ชายจะเจ้าชู้เป็นเท่านั้นนะ ผู้หญิงก็ทำเป็นเหมือนกันแหละ เชอะ!
“อ้อเหรอ… ใส่ชุดนอนฉันแบบนี้เนี่ยนะยังจะบอกว่าชอบคนอื่น โบว์จ๋าโบว์ อยากเกิดใหม่หรือไงคะ” แมททำเสียงหวานแต่หน้าผากมีเส้นเลือดปูดออกมาด้วยความโมโห
ฉันก้มลงมองตัวเองแล้วก็เห็นว่าฉันกำลังใส่เสื้อนอนของเขาอยู่จริง ๆ ฉันหน้าเสียในขณะที่หนุ่ม ๆ คนอื่นพากันหัวเราะคิกคัก คงจะเข้าใจแล้วว่าฉันกำลังประชดแมทอยู่
แล้วทำไมตาแมทถึงได้ทำท่าหึงได้สมจริงขนาดนี้
ตอนแรกหัวใจของฉันก็เต้นแรงด้วยความดีใจ แต่พอมานึกอีกทีแล้ว ผู้ชายคนนี้แค่ไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าเพื่อนเท่านั้นแหละ
ความรู้สึกต่าง ๆ พวกนั้นเลยจางหายไปอย่างง่ายดาย
“คืนนี้ฉันจะย้ำเองว่าเธอน่ะเป็นของฉันและชอบฉันคนเดียว โอ๋ ๆ งอนที่ฉันออกไปข้างนอกคนเดียวสินะ ไม่เป็นไรค่ะที่รัก หลังจากนี้เราจะไปด้วยกันทุกที่เลยนะคะ” แมทยิ้มแล้วก็ลูบหัวฉันไปด้วย ทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเองทันที
ผู้ชายคนนี้มันร้ายกาจเหลือเกิน สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไป ทุกคนมองดูฉันเหมือนกำลังมองเด็กตัวเล็ก ๆ ที่กำลังเรียกร้องความสนใจ
“ไอ้คนบ้า! ฉันจะเลิก เลิก เลิกกับนาย” ฉันว่าด้วยความเจ็บใจ เมื่อแมทมองมาพลางส่ายหน้าไปมาด้วย
“ไม่มีอะไร เวลาฝนตกแฟนฉันจะกลายเป็นบ้า พูดแต่ ‘ฉันเลิกกับนาย ฉันเลิกกับนาย’ แต่พอฝนหยุดตกเธอจะพูดว่า ‘Lave Matt, Love Matt’ แทนน่ะ” แมทย้อนกลับมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ฉันจะเลิกกับนายจริง ๆ นะ” ฉันเริ่มกระแทกเท้าด้วยความขัดใจ แล้วก็ครางออกมาเพราะระบมแผล
เมื่อหนุ่ม ๆ ไม่สนใจฉันอีก ฉันก็เดินเข้าห้องและปิดประตูกระแทกใส่พวกเขาเสียงดัง แต่พวกนั้นกลับหัวเราะออกมาซะอย่างนั้นน่ะ
เพราะไม่รู้จะไปหลบตรงไหน ฉันเลยเข้าห้องนอนของแมทแล้วก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้ว่าหลับไปนานแล้วก็มาตื่นอีกทีเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรมาคลอเคลียข้างแก้ม พอกะพริบตาขึ้นมาก็เห็นแมทกำลังเข้ามาคร่อมร่างฉันไว้ทั้งตัว เท่านั้นฉันก็ชะงักแล้วก็ดิ้นทันที
“ไหน ชอบหนุ่มหล่อราศีสิงห์อย่างนั้นเหรอ ไม่ชอบหนุ่มราศีกันย์บ้างเหรอ ฉันน่ะเจ้าเสน่ห์ที่สุดเลยนะ
ฉันว่าหมอนี่เพี้ยนแหง ๆ แต่ทำไมตอนนี้เขาต้องขึ้นมาบนเตียงด้วยล่ะ
ถึงฉันจะโง่ แต่ก็ไม่ได้ไม่เข้าใจความหมายที่เขาจะบอกหรอกนะ
“อย่ามาทำให้ฉันเสียหน้าอีกนะโบว์ ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้เธอร้องไม่ออกเลย” แมทบีบแก้มฉันแล้วก็ขู่เสียงเหี้ยม
แต่นึกเหรอว่าจะกลัวฉันยกเข่าขึ้นซัดเข้าเต็ม ๆ หว่างขาของเขาทันที หึ รู้จักโบว์น้อยไป
“…” แมทหน้าเขียว ฉันผลักเขาออกห่างแล้วก็ยกมือเท้าสะเอวด้วยความสะใจ
“ฉันเคยเตือนนายรึยังว่าฉันเรียนยูโดมาด้วย” ฉันบอกแล้วก็ส่ายหน้าไปด้วย
ตั้งใจว่าจะออกไปนอนที่ห้องรับแขก เพราะไม่อยากร่วมเตียงกับคนนิสัยไม่ดี ตอนนี้ยังเจ็บเท้าอยู่ไว้ค่อยกลับคอนโดตัวเองพรุ่งนี้แล้วกัน
แมทเองคงรู้ว่าฉันเองก็บ้าเลือดเหมือนกัน เขาคงไม่กล้าทำอะไรแล้วละมั้ง
แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวฉันก็หงายหลังลงที่เตียงตามเดิม เพราะแมทลุกขึ้นมาได้ตอนไหนไม่รู้และกระชากฉันกลับขึ้นไปบนเตียง เขากดฉันไว้ใต้ร่างอีกครั้ง ทำหน้าโมโหอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ฉันถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ
ท่าทางฉันจะเผลอไปถอดสลักระเบิดเข้าให้แล้วสิ
“แล้วฉันเคยบอกเธอรึยังว่าฉันเรียนยูโดได้สายดำมาน่ะ”
ได้ยินแบบนั้น ฉันก็หุบปากเงียบแล้วก็นึกหาทางหนีทีไล่
“เอาละ ไหน ๆ ก็ยูโดกันทั้งคู่ มาปล้ำกันสักยกเป็นไง”
ว่าแล้วอีตาโรคจิตที่ชื่อแมทก็ยกแขนขึ้นถอดเสื้อยืดตัวที่สวมอยู่ออกจากตัว ท่าทางดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด
“เดี๋ยว… เดี๋ยวนะ คือว่า”
“ไม่ต้องเดี๋ยว เอาเลยแล้วกัน”
นิยายเรื่องนี้หมดสัญญากับทางสำนักพิมพ์แล้ว
มู่เลยนำมาทำ E-Book เองค่ะ
สามารถซื้อ E-Book ได้ที่ Meb เลยนะคะ
กดที่รูปปกใหม่เพื่อซื้อได้เลยค่ะ
ขอบคุณจากใจมาก ๆ เลยนะคะ
หรือ >>Click!!<<
ความคิดเห็น