คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Log On Target 🎀 00 Prologue...
LOG ON TARGET!!
ที่รักครับ รักกันมั้ย?
All these feelings started to deepen
‘Cause you were gone by the weekend
Swimming in the alcohol
Baby I don’t wanna get involved
All these feelings started to deepen
‘Cause you were gone by the weekend
I don’t wanna hear you knocking on my door, Babe
ทุกความรู้สึกมันเริ่มซึมลึกเข้าไปทุกที
เพราะคุณหายไปเป็นอาทิตย์
ว่ายอยู่ในขวดแอลกอฮอล์
ที่รัก ฉันไม่อยากยุ่งด้วยอีกแล้ว
เพราะทุกความรู้สึกมันเริ่มจมดิ่งแล้ว
เพราะคุณหายหัวไปเป็นอาทิตย์
ฉันไม่อยากได้ยินเสียงคุณมาเคาะประตูอีก ที่รัก
Remember when you said
That you were gonna be one I’d hold every night we go to bed
Now I’m thinking all along you were someone that I made up in my head
Got me caught up in my head
Now all that I can think about is what we could’ve been…
’cause …
จำที่คุณเคยบอกได้มั้ย
ว่าคุณจะเป็นคนที่ฉันกอดไว้ทุกคืนเมื่อเราเข้านอน
ตอนนี้ ฉันคิดอยู่คนเดียว ว่าคุณเป็นคนที่ฉันสร้างขึ้นมาในหัวของฉันเอง
ทำให้ฉันติดอยู่ในความคิดของตัวเอง
ตอนนี้ ทุกอย่างที่ฉันคิดอยู่ ว่าเราจะเป็นอะไร
เพราะว่า…
Song :: Emily Vu – WEEKEND
0
Prologue
In the last chapter of (Roman Santa)
Since the first time I met you…
ฉันเดินโซซัดโซออกมาจากคลับหลังจากที่แยกกับซานต้า[1]แล้ว
จะว่าไป พิงค์จินที่ดื่มเข้าไปน่ะมันรู้สึกแรงกว่าปกติแฮะ ฉันเอามือคลึงขมับแล้วหลับตาลง ทำไมมันงง ๆ เบลอ ๆ อย่างนี้ก็ไม่รู้ หนักหัวเป็นบ้าเลย ฉันดึงสติพยายามจะพาตัวเองเดินไปให้ถึงลานจอดรถให้ได้
นี่ฉันเมาเหรอ? ฉันถามตัวเองเมื่อพบว่าตัวเองเดินเซแทบจะทรงตัวไม่อยู่แล้ว
ทุกทีที่ดื่มไปมันก็ไม่ได้แรงอะไรมากมายนี่ แถมยังบอกให้บาร์เทนเดอร์ชงให้อ่อนที่สุดแล้วนะ โอ้ แย่ละ ตาลายไปหมดแล้วเนี่ย
ในที่สุดฉันเดินไปถึงลานจอดรถจนได้ กะว่ารอให้ซานต้าโผล่มาเจอก่อนแล้วค่อยให้ซานต้าขับรถให้ ฉันท่าทางจะไม่ไหวแล้วจริง ๆ ตอนนี้พื้นมันโคลงเคลงไปหมดเลย
“โอ้ ว้าว สาวเซ็กซี่เมา…” เสียงแซวที่ดังมาให้ได้ยินทำให้ฉันขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
ไม่ค่อยจะมั่นใจเท่าไหร่นักว่าพวกเขาหมายถึงฉันหรือเปล่า แต่ท่าทางของฉันตอนนี้ใกล้เคียงกับคำว่าเมาจริง ๆ ใกล้จะเป็นลมแล้วด้วย
ตอนที่เดินเซไปถึงลานจอดรถที่จำได้ราง ๆ ฉันก็หยุดเดินแล้วก็เอามือเกาะกระโปรงรถคันหนึ่งพยุงตัวไว้
แย่แน่… ฉันพยายามจะประคองสติตัวเองที่เหลือให้ได้มากที่สุด เมื่อไหร่ซานต้าจะมาสักทีนะ ตอนนี้ฉันจะไม่ไหวแล้ว หัวมันหมุนไปหมดเลย
และตอนที่กำลังมึนงงอยู่นั้น ก็เห็นรองเท้าผ้าใบของใครสักคนเดินเข้ามาใกล้ ฉันพยายามจะขยับตัวให้เดินหนีแต่แขนขาไม่มีแรงเลย
“ไง น้องสาว เมาเหรอ?”
แย่ละ… ฉันคิดว่าคำทักทายแบบนี้คงไม่ดีต่อผู้หญิงสักเท่าไหร่
“ไง หน้าแดงมากเลย” เขาคนนั้นพูดแล้วก็ย่อตัวให้ระดับใบหน้าของเขาลดต่ำลงมา
เห็นหน้าเขาแล้วก็รู้สึกปวดหัวเข้าไปอีก มันเหมือนภาพสามมิติที่ดูแล้วลายตาไปหมด ฉันเห็นเขามีตั้งสี่ตาแน่ะ บ้าที่สุด เกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่เนี่ย
“น้องสาวให้พี่ไปส่งมั้ย” เขาถามแล้วยื่นมือมาจับแขนฉันไว้หน้าตาเฉย
“อย่านะ!” ฉันร้องเสียงดังแล้วพยายามจะชักแขนหนี แต่ก็ขยับไปไหนไม่ได้เลย
“ทรงตัวจะไม่ไหวอยู่แล้ว อย่าเล่นตัวไปเลยน่ะ แล้วน้องสาวชุดดำอีกคนไปไหนแล้วละ”
น้องสาวชุดดำ… หมายถึงซานต้าเหรอ
ฉันเบิกตาโตขึ้นมาอีกนิดหน่อยพอจะรู้อะไรมาบ้างราง ๆ แล้ว ทำยังไงดีเนี่ย ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าจะโดนมอมยาอะไรอย่างที่เจอในข่าว แต่ตอนนี้แน่ใจแล้วว่าโดนเข้าจนได้
ฉันขยับตัวเดินถอยหลังเรื่อย ๆ ไอ้ผู้ชายต่างดาวที่หน้าเป็นภาพสามมิติก็เดินตามมาอย่างคุกคาม จนขยับตัวถอยหลังไม่ได้แล้วนั่นแหละ ฉันถึงได้รู้ว่าตัวเองไปชนเข้ากับอะไรสักอย่างเต็มเปา
พอจะหันไปมองก็รู้สึกเหมือนมีคนจับแขนเอาไว้แน่น
“เดรสสีฟ้า ชื่อโบว์มั้ย?”
เสียงทุ้มหนักที่ฟังดูแล้วคนพูดน่าจะหงุดหงิดอยู่เอ่ยขึ้นมา ทำให้ฉันขมวดคิ้วเข้าแน่น
‘โบว์’
ใช่… นี่คือชื่อของฉันเอง
แล้วเขาเป็นใครกัน รู้จักชื่อฉันได้ยังไง
“เฮ้! ถอยไปได้มั้ย คนเค้าคุยกันอย่ามาสอด” จิ๊กโก๋ที่เข้ามาทักทายฉันคนแรกตวาดอย่างไม่ค่อยพอใจใส่ผู้ชายอีกคนที่เข้ามาใหม่
“อ้อเหรอ ก็ไม่ได้อยากยุ่งหรอกนะ แต่ที่แกพูดว่าสอดเมื่อกี้มันทำให้ฉันของขึ้นว่ะ”
ว่าแล้วคนที่ขับแขนฉันอยู่ก็ยันร่างของไอ้จิ๊กโก๋ปลิวไปซะไกล ฉันอ้าปากค้างอย่างตกใจแล้วก็สะดุ้งอีกครั้ง เมื่อเขากระชากแขนฉันให้เดินไปอีกทางหนึ่ง
“รถเธอคันไหนเนี่ย” เขาถามอย่างอารมณ์เสีย แล้วก็ลากแขนฉันให้เดินตามไปด้วย
“นายเป็นใครกัน” ฉันถามแล้วก็พยายามขืนตัวไปด้วย แต่คงจะทำได้หรอก แต่ยืนตัวตรงนิ่ง ๆ ยังทำไม่ได้เลย
และตอนนี้เสียงโอดครวญแล้วก็ก่นด่าหยาบคายยังดังตามหลังมาอีก ฉันคิดว่าน่าจะมาจากผู้ชายคนที่ถูกถีบไปเมื่อกี้นั่นแหละ
“แมท แมทธิว… ไม่ต้องถามต่อว่าใครยังไง เพื่อนเธอก็ร่อแร่อยู่กับเพื่อนของฉัน ฉันเลยซวยมาหิ้วเธอนี่แหละ” เขากระชากเสียงใส่ฉันแล้วก็ลากให้เดินไปเรื่อย ๆ
‘แมทธิว’ งั้นเหรอ ฉันไม่รู้จักเลยนะ
บ้าจริง แขนฉันจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ทำไมเขาหยาบคายแบบนี้
“รถฉันคันนี้” ฉันพูดแล้วก็ตบกระโปรงรถของตัวเอง
ที่จำได้เพราะว่าตุ๊กตาที่ห้อยเอาไว้ที่กระจกหน้ารถนั่นแหละ ฉันถึงได้รู้ว่าเป็นรถของตัวเอง แล้วตาบ้านี่ก็กวนประสาทฉันด้วยนะ เขาลากฉันหมุนรถตัวรถรอบหนึ่งก่อนจะหยุด
ฉันอยากจะอ้วกขึ้นมาจริง ๆ หัวหมุนไปหมดแล้ว ฮือ…
“เอากุญแจรถมาสิ” เขาพูดแล้วก็แบมือมาตรงหน้าของฉัน
บอกตามตรงนะว่าตอนนี้ฉันก็ยังเห็นหน้าเขาไม่ชัดเลย ไม่รู้ว่าเพราะค็อกเทลที่ดื่มมันแรงไปหรือมีใครที่ไหนแอบใส่ยาลงไปด้วย แล้วคนคนนี้หล่อหรือเปล่านะ อยากรู้จัง
“ฉันจะรอเพื่อน” ฉันตอบออกไปด้วยสติที่เหลือค้างในหัวน้อยนิด
เชื่อสิ อีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ฉันต้องจะหลับแน่ ปวดหัวสุด ๆ ฉันอยากจะบ้าตาย
“เหรอ ไอ้เกรย์ลากไปแล้ว เวรเอ๊ย! เอางี้ฉันรับรองได้ว่าเธอจะไปเจอเพื่อนเธอแน่ ดังนั้นส่งกระเป๋าสีปัญญาอ่อนนั่นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้”
ผู้ชายคนนี้หยาบคายสุด ๆ ฟังคำพูดนั่นสิ ฉันอยากจะกระโดดเข้าไปงับหัวเขาจริง แล้วฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่าถ้าไปกับเขาแล้วจะได้เจอซานต้าน่ะ
แล้วไอ้ที่เขาว่ากระเป๋าสีปัญญาอ่อนนั่นมันอะไรกัน ผู้ชายคนนี้ใจคอจะให้ผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ถือกระเป๋าสีขาวดำอย่างเดียวเลยหรือไง ตอนที่ฉันกำลังมึนอยู่เขาก็ใช้ความเร็วกระชากกระเป๋าออกไปจากมือของฉัน
หน้าด้านสุด ๆ ไม่เคยเห็นใครเหมือนเขามาก่อนเลย
ในที่สุดเขาก็ปลดล็อกรถแล้วก็ผลักไหล่ฉันให้เข้าไปนั่งในรถจนได้ ไอ้ฉันก็เมาได้ที่อยู่แล้วนะ ยิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่งอยากจะอ้วกขึ้นมาจนแล้วจนรอด
เขาเข้ามานั่งที่นั่งคนขับแล้วก็ขับรถออกมาหน้าตาเฉย ไม่อยากจะเชื่อ… ฉันถูกคนบ้าหน้าตายังไงก็ไม่ทราบพาไปที่ไหนก็ไม่รู้
“ทำไมต้องเป็นภาระฉันด้วยวะ อุตส่าห์จะได้ยัยเดย์มานอนด้วยแล้วเชียว”
ฉันได้ยินเขาพึมพำอะไรสักอย่างนี่แหละ แต่เพราะในหัวมันหนักอึ้งเกินไปเลยฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง
นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เผลอหลับไป แล้วก็ถูกลากลงมาจากรถอีกครั้ง หมอนี่มันอันธพาลชัด ๆ แขนฉันช้ำไปหมดแล้วเนี่ย เข้าใจซานต้าขึ้นมาเลยตอนที่บอกว่าถูกกระชากถูกทารุณร่างกายมันเป็นยังไง
“มาให้ไวได้มั้ย น่ารำคาญจริง” เขาบ่นก่อนจะกระชากแขนให้ฉันเดินตามไปอีกที
เพราะแรงมหาศาลของเขานั่นแหละที่ทำให้ส้นรองเท้าของฉันพลิก และล้มลงนั่งกับพื้นอีกที ให้ตาย…
ไอ้…!
ผู้ชายคนนี้จะบ้าเกินไปแล้วนะ
และจากนั้นฉันก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย รู้เพียงแค่ว่ามันมืดมิดไปหมดตอนที่ได้ยินคนตัวสูงแผดเสียงใส่
แต่โทษทีนะ ฉันฟังไม่รู้เรื่องเลย ราตรีสวัสดิ์!
ฉันลืมตาตื่นอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงหยดน้ำหล่นกระทบพื้น และเสียงฮัมเพลงเบา ๆ
หืม… ที่ไหน อะไร ยังไง
ฉันลืมตาขึ้นมาแล้วก็เห็นเพดานสีขาวขุ่นเป็นอย่างแรก พอลองลำดับเรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ แล้วก็ทำตาโตขึ้นมาทันที
คุณพระคุณเจ้า! เมื่อคืนฉันมากับผู้ชายหน้าตาเหมือนภาพสามมิติคนหนึ่ง และตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน
เวรเอ๊ย! ซวยแล้วไง
เคยคิดอิจฉาซานต้าเรื่องที่มีหนุ่มหล่อรายรอบตัว แต่ตอนนี้ฉันอยากจะร้องไห้ ยังไม่เห็นหน้าผู้ชายคนที่พาฉันมาเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองด้วย
แล้วนี่มันอะไร เสื้อนอนของผู้ชาย ตายแล้ว! ฉันอยากจะเอามีดมากรีดหัวแล้วเอาเลือดมาเขียนคำว่า ‘ยัยโง่!’ เหลือเกิน
ฉันต้องออกจากที่นี่แล้วละ แต่ยังไม่ทันที่จะเหวี่ยงเท้าไปแตะพื้น ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกมาซะก่อน
เฮือก! หัวใจของฉันพลันเต้นเป็นจังหวะเมทัลร็อกขึ้นมากะทันหัน เมื่อสบสายตาร้อนแรงของผู้ชายคนหนึ่งเข้า
ใครกัน…
“แมท ฉันรู้ว่าเธอจะถามว่าไง สายตาเธอมันบอก” เขาพูดแล้วก็เดินเอาผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาซับหน้าตัวเอง
ในขณะที่ฉันค้างเป็นหินตัวแข็งทื่อไปแล้ว
‘แมท’ เหรอ?
เขาเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ ผิวขาวสะอาด ดวงตาคมกริบ จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากแดงสดบางเฉียบ ใบหน้าราวกับภาพวาด เป็นคนที่เรียกว่างดงามยังน้อยไปด้วยซ้ำ จนฉันต้องเผลอมองตาค้างอย่างนึกไม่ถึง
“อา จะว่าไงดี ตอนนี้เพื่อนเธอ เพื่อนฉันคิดว่าเรามีอะไรกันแล้ว” คำพูดเรียบ ๆ ที่เขาพูดออกมาทำให้ฉันเผลอตัวหลุดปากออกไปทันที
หลุดออกจากความคิดที่มองเขาเป็นเทพบุตรไปโดยปริยาย
“ฮะ!” ว่าไงนะ ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิด
“ไม่บ้าอะไรของเธอ ไม่เชื่อก็ออกไปถามข้างนอกเองแล้วกันไม่อยากจะพูดให้เสียอารมณ์” แมทพูดแล้วก็ชักสีหน้าใส่ฉันไปด้วย
ผู้ชายที่เพิ่งเห็นหน้าชัดเจน เพิ่งจะรู้จักชื่อแซ่ของเขาก็ตอนนี้ แล้วนี่มันอะไรกัน มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย
“เอาเป็นว่าฉันก็ไม่อยากจะถูกตราหน้าว่าเขี่ยเธอทิ้งทั้งที่เพิ่งนอนด้วยกันได้แค่คืนเดียว เอางี้ มาคบกันหลอก ๆ แล้วเธอก็บอกเลิกฉันซะ อย่างนี้ก็แล้วกัน”
“เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ว่าไงนะ” ฉันขมวดคิ้วแล้วมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
จะว่าโง่ก็ได้นะ แต่สาบานได้ว่าฉันไม่เข้าใจและตามเรื่องไม่ทันเลย
“ฟังนะ ช้า ๆ ชัด ๆ…” พูดจบแมทก็ก็กระตุกยิ้มที่มุมปากไปด้วย เป็นรอยยิ้มที่เซ็กซี่อย่างเหลือร้าย
ตายละ หัวใจของฉันจะเต้นแรงเกินไปแล้ว
“ตอนนี้เพื่อนของฉันคิดว่าฉันเคลมเธอแล้ว รวมทั้งเพื่อนเธอด้วย โอเค้! ดังนั้น ฉันไม่อยากจะแก้ตัวอะไร เพราะรู้ว่าพูดไปก็เท่านั้น เพราะงั้นเรามาคบกันหลอก ๆ แกล้งเป็นแฟน บลา ๆ อะไรก็ได้ตามใจเธอ แล้วเธอค่อยบอกเลิกฉัน ถึงมันจะไม่ยุติธรรมสำหรับฉันเท่าไหร่ก็เถอะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายใจ แล้วก็มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า
การมองที่หยาบคายของเขาทำให้ฉันต้องกระชับคอเสื้อให้แน่นขึ้น ไอ้คนบ้า! เขาเห็นฉันเป็นตัวอะไรกันแน่น่ะ
แล้วเมื่อกี้เขาว่าไงนะ ไม่ยุติธรรมสำหรับเขา ทั้งที่ฉันชื่อเสียงป่นปี้ไปหมดแล้วน่ะนะ เชื่อเลย ฉันไม่เคยเจอใครที่เห็นแก่ตัวแบบเขามาก่อนเลย
“คบกัน สั้น ๆ ง่าย ๆ เลิกเมื่อไหร่ตามใจเธอ” แมทบอกแล้วก็ทำท่าจะเดินออกไปข้างนอก
“เดี๋ยวนะ นายคิดอะไรอยู่ พูดอะไรอยู่ รู้ตัวรึเปล่า!” ฉันตะคอกเสียงใส่ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะปาหมอนใส่แผ่นหลังของเขาไปด้วย
“ไม่เข้าใจก็ตามใจ ฉันถือว่าบอกเธอไปแล้ว” ว่าแล้วหมอนี่ก็เดินออกไปหน้าตาเฉย ไม่ได้อธิบายอะไรให้เข้าใจเพิ่มเลย
ฉันอ้าปากค้างอยากจะกรี๊ดออกมาแต่ก็ร้องไม่ออก ได้แต่ทบทวนคำพูดที่เขาพูดใส่อย่างงุนงง เขาบอกว่าให้ฉันบอกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ใช่ไหม
ฮึ! คอยดูสิ ฉันไม่บอกเลิกเขา จะปั่นหัวเขาเล่นจนเขาปวดหัวไปเลย
ไม่หรอก ฉันไม่ยอมแพ้ คอยดู ฉันจะทำให้หมอนั่นร้องไม่ออกเลยที่ทำกับฉันอย่างนี้
ฉันนี่แหละจะทำให้เขาพูดบอกเลิกไม่ทันข้ามวันเลย คอยดูสิ…
ว่าแต่ หมอนั่นชื่ออะไรแล้วนะ…
ความคิดเห็น