ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Angel Eyes

    ลำดับตอนที่ #28 : Teddy`s Eyes 🐻 | Re-write Ver. Ep.03 ...100%

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 42.22K
      440
      12 ก.พ. 65

    http://31.media.tumblr.com/1b5e4d9e026681f5ba8cbc6566dbf4b1/tumblr_nmdu2vN2yV1qbetfwo1_r1_540.gif


      

     

     

     

     

    3

    Is Here in Your Perfect Eyes

     

     

     

           บ้าจริง ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยคิดเลยว่าต้องใส่ชุดชั้นในที่มันวาบหวิวมากถึงเพียงนี้

             มันทั้งบางทั้งเล็กจนแบบว่ามันเหมือนไม่ได้ปกปิดอะไรเลย แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ก็หมีกามมันสั่งเอาไว้นี่ ถ้าไม่ใส่มีหวังได้ถูกรังแกอีกแน่ เพราะอย่างนั้นฉันเลยกล้ำกลืนฝืนความอายเอาไว้แล้วก็ใส่มัน ยังดีที่มีกางเกงบอกเซอร์ให้สวมด้วย ไม่อย่างนั้นคงรู้สึกโล่งโจ้งเปลือยตัวเข้านอนแน่

             คืนนี้ก็เหมือนกัน

           เท็ดเอาแต่ซุกหน้ากับอกของฉัน ท่อนแขนก็สอดเข้ามากอดตรงช่วงเอวเอาไว้ ทำเหมือนว่าฉันจะหนีหายจากเขาไปอย่างนั้นแหละ

             บางทีก็แปลกใจว่าเท็ดคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่เขาก็ยังยอมรักษาคำพูดเอาไว้ ดังนั้นฉันก็เลยพอจะไว้ใจและสบายใจได้มากขึ้น และเผลอยกมือลูบผมเขาไปด้วยโดยไม่รู้ตัว

             เราจะคบกันได้นานแค่ไหนนะ ฉันอดคิดไม่ได้

             เพราะรู้อยู่แล้วว่าเท็ดต้องการอะไร ถ้าไม่ใช่ร่างกายของฉัน ฉันเลยกลัวว่าวันหนึ่งเมื่อเขาเบื่อแล้วก็จะหมดความหมายไม่มีค่าอะไรอีก มันน่ากลัวแล้วก็น่าสมเพชมากเกินไป ฉันคิดพลางถอนหายใจ

             แต่มาคิดมากตอนนี้ก็คงจะไม่ไหว ฉันเลยพยายามข่มใจเอาไว้แล้วก็หลับตาลง

             ถ้าถึงวันที่เขาเบื่อแล้วขอเลิก ถึงตอนนั้นฉันจะเจ็บปวดและทรมานมากแค่ไหนกันนะ ไม่รู้เลยจริง ๆ

     

     

           ถึงตอนเช้าฉันก็ยังได้แปลกใจว่าทำไมถึงได้มาอยู่ในรูปนี้กับเท็ดได้

             ตอนนี้เขากำลังผิวปากอย่างสบายอารมณ์ แต่งตัวเตรียมจะออกไปข้างนอก คงไปเรียนหรือไม่ก็ทำงาน ฉันเองก็มีเรียนตอนสาย ไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาตอนนี้ก็เลยเลือกที่จะแกล้งทำเป็นหลับต่อ

             แต่เท็ดก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่ได้หลับ เพราะเขามานั่งที่ขอบเตียงทำให้เตียงนอนไหวยวบ ตามด้วยเสียงหัวเราะที่แว่วข้างหู

             “เฮ้ ฉันรู้นะว่าเธอตื่นแล้วน่ะ” เสียงของเท็ดเจือไว้ด้วยเสียงหัวเราะแผ่วเบา

             “ลืมตาหน่อยสิ ฉันต้องไปเรียนแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจะปล้ำ กลัวเสื้อยับ” เขาหัวเราะไม่เลิก ฉันเลยขมวดคิ้วทันที

             เท็ดเลยยื่นมือคลึงหัวคิ้วฉันเบา ๆ จนฉันต้องลืมตามองเขาในที่สุด

             “นี่ ผมม้ามันติดหน้าผากล่ะ” เท็ดยิ้มที่มุมปาก ฉันเลยยกมือเกลี่ยผมม้าของตัวเองไปพลางอย่างไม่เข้าใจ

             ตอนนั้นเองที่เท็ดโน้มตัวลงมาจูบหน้าผากของฉัน เพราะเผลอเปิดมันออกเมื่อกี้นี้ ใบหน้าของฉันร้อนวาบ อ้าปากค้างเพราะคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนี้

             เขินกว่าครั้งไหนที่เคยเขินเลย

             “ไปละ แล้วเจอกันตอนเย็น” พูดจบเท็ดก็ลุกออกไป

             ทิ้งฉันนอนหงายบนเตียงมือจับผมค้างเอาไว้อย่างนั้น หน้าแดงก่ำเหมือนมะเขือเทศ ฮือ เวลาเขาไม่หื่นมันน่ากลัวกว่าตอนแบบนั้นอีก หรือจะเป็นเพราะฉันชินกับความห่ามกามของเขาแล้วก็ไม่รู้ พอมาทำแบ๊วใส่แล้วใจมันยิ่งกว่าสั่นซะอีก ฮึก นี่ฉันเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหม

             กว่าฉันจะรวบรวมสติของตัวเองกลับมาได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน พาร่างกายที่ร้อนเห่อเข้าห้องน้ำอย่างสะโหลสะเหล ไปถึงมหาวิทยาลัยก็ต้องเหนื่อยกว่าเดิมเป็นเท่าตัวแน่

             อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้เขาลากตัวฉันต่อหน้าทุกคนเข้าห้องน้ำหน้าตาเฉย เพื่อนของฉันก็น่ารักไม่มีใครช่วยเลยสักคน คงหลงหน้าตาของหมีหล่อนั่นแหละ ลองให้หื่นใส่สิ จะถอยแทบไม่ทันกันแน่

             แต่พอเท็ดทำแบ๊วแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อะไรที่น่ากลัวตอนแรกจะได้ลดลงไปบ้าง ฉันคิดแบบนั้น จนกระทั่ง

             ออกมาจากห้องน้ำแล้วก็มองหาเสื้อผ้า

           กรี๊ด! หมีเท็ดทำตัวเป็นนายพราน เขาเอาเสื้อผ้าของฉันไปทิ้งไว้ที่ไหนหมดก็ไม่รู้ เหลือแค่ชุดที่เขาทิ้งไว้ให้

             ไอ้ตัวนอกก็ไม่เท่าไหร่หรอกนะ แต่ตัวข้างในนี่สิ ชุดชั้นในแบบเข้ารูปมีสายรัดขาด้วย ฮึก หมีมันจะกามขึ้นทุกทีแล้วนะ แต่ฉันไม่เอาสายอะไรนั่นด้วยหรอก บราเซียร์เป็นตะขอหน้า อันเดอร์แวร์ก็แบบเชือกผูก ให้ตายเถอะ ฉันอยากจะตามไปกรี๊ด ๆ ใส่หูให้ดับไปเลย

             “ไอ้หมีหื่น” ฉันพึมพำหน้าแดงก่ำ เสื้อผ้าชุดเดิมก็ไม่รู้อยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าทิ้งไปหรือยัง ดูซะ ความร้ายกาจของเขา

             แต่เมื่อทำอะไรไม่ได้ฉันก็จำต้องใส่เสื้อผ้าชุดที่เท็ดเตรียมเอาไว้ให้จนได้ เพราะชะล่าใจคิดว่าไม่มีอะไรแล้ว ตอนนี้ก็จวนเจียนถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว ถ้ากลับห้องก็คงไปสาย แถมเป็นวิชาที่ต้องมีเช็กชื่อด้วย สุดท้ายฉันก็ข่มความอายใส่มันและไปเรียนทันที

             “คำหวาน” เสียงเพื่อนคนหนึ่งทักเมื่อฉันโผล่หัวเข้าคลาสได้ในที่สุด

             “ไง” ฉันรับคำอย่างเสียไม่ได้ อย่าคิดนะว่าอ่านสายตาไม่ออก พวกเธอกำลังยิ้มล้อเลียนอะไรอยู่ ทำไมฉันจะไม่รู้

             “เมื่อวานออกมาจากห้องน้ำตอนไหนเหรอ” พราวยิ้มล้อเลียน แต่ฉันยิ้มไม่ออกด้วย

             “แฟนฮอตจัง ไม่ยักรู้ว่าเธอคบกับเท็ด”

             “คราวก่อนแกไม่เห็นนี่ ฉันรู้ครั้งแรกก็เมื่อหลายวันก่อน เจอกันที่คอฟฟีช็อป ยัยคำหวานบอกเองเลยนะว่าคบกับเท็ดจริงจังน่ะ” ทัญญ่าเป็นคนพูด ฉันก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง

             ทุกอย่างมันพันตัวไปหมด ยิ่งพูดยิ่งเข้าเนื้อฉันก็เลยเป็นฝ่ายเงียบ พูดไปก็พูดไปสิ อีกเดี๋ยวอาจารย์ก็เข้ามาแล้ว

             ทนไว้คำหวาน ฉันได้แต่ให้กำลังใจตัวเอง

             “หนุ่มฮอตแบบนั้น ไปเก็บได้จากที่ไหนยะ” เพื่อนอีกคนกระแซะถาม

             ถ้าบอกไปว่าฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน คืนนั้นเมา พวกเธอจะด่ากันไหม ฉันเลยเอาแต่ยิ้มอย่างเดียว

             “วุ้ย! คุยด้วยแล้วหงุดหงิด เอาแต่ยิ้มอย่างนี้หมายความว่าไงเนี่ยยัยคำหวาน”

             “ก็ไม่มีอะไรนี่” ฉันพึมพำ ทัญญ่าก็มองมาอย่างเจ้าเล่ห์

             “แถมยัยนี่อาการหนักมากด้วยนะ วันก่อนไลน์มา บอกว่าหยุดคิดถึงเท็ดไม่ได้เลย

           “ฉันเปล่านะ!” ฉันลนลานตอบ หน้าร้อนไปหมด ยิ่งทำให้เพื่อนพากันมองมาอย่างจับผิดแล้วก็หัวเราะกันใหญ่

           “คิดดูสิ คนอย่างยัยคำหวาน วัน ๆ ไม่สนใจเรื่องรักใคร่ พอเราเปลี่ยนแฟนก็โดนว่า รู้ตัวอีกทีกลายเป็นแฟนเท็ดไปแล้วเนี่ยนะ” พราวถอนหายใจ จ้องหน้าฉันไม่เลิก

             “รู้มั้ยว่าเท็ดฮอตแค่ไหน ผู้หญิงที่เขาเคยควงน่ะดาวมหาลัยกันทั้งนั้นเลยนะ เขาธรรมดาที่ไหน แล้วมาลงเอยกับแกได้ไงน่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย” สายตาของพราวมองมา ฉันก็อายสายตาของเพื่อน ๆ เลยหลบสายตาไม่สบตากับใครทั้งนั้น

           “พวกเราไม่ว่าหรอกนะถ้าแกจะมีแฟน แต่ก็แค่อยากเตือนเอาไว้เพราะพวกเราก็ผ่านเรื่องนี้มาเยอะกว่าแก ตอนแรก ๆ น่ะมันก็หวานมันก็มีความสุขแบบนี้แหละ เลยต้องทำใจตอนหมดโปรไว้บ้างล่ะ” ทัญญ่าเตือนพลางจิ้มหน้าผากฉันด้วย

             ตรงหน้าผากเป็นจุดที่เท็ดจูบไว้ก่อนเขาออกจากห้อง เลยยิ่งทำฉันปั่นป่วนยิ่งกว่าเดิม

             “ผู้ชายเริ่มจากร้อยนะ ถูกใจก็บุกเดินหน้าเลย ไม่เหมือนพวกเราที่เริ่มจากศูนย์แล้วก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พวกผู้ชายน่ะตรงกันข้ามเลย

             ได้ยินแบบนั้นฉันก็เป็นฝ่ายนิ่งไป เพราะมันจริงทุกอย่าง

             “ตอนนี้แกคงมีความสุขมากที่อยู่กับเขา แต่หลังจากนี้จะเป็นยังไงบ้างไม่รู้ เท็ดน่ะทั้งหล่อเหลาทั้งเอาแต่ใจ ผู้หญิงเป็นร้อยยอต่อคิวเพื่อจะนอนกับเขาสักคืนหนึ่ง แกก็ต้องระวังหัวใจแกเอาไว้บ้าง แล้วก็อย่าหลงจนหน้ามืดตามัวล่ะ” ทัญญ่าเตือน ฉันเลยยิ้มซีดเซียวพลางถอนหายใจ

             “เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้วละ ไม่ต้องห่วงไปหรอก”

             ฉันเตือนตัวเองอยู่เสมอ ว่าคนอย่างฉันน่ะคงไม่ได้เป็นที่หนึ่งในใจของเท็ดนานนักหรอก ก็อย่างที่ทุกคนบอก เขาเนื้อหอมมีตัวเลือกเยอะแยะแบบนั้น แล้วจะมาจมปลักกับคนอย่างฉันให้เสียโอกาสทำไมล่ะ ว่าไหม

           อีกอย่างตอนที่ฉันยื่นข้อเสนอให้เขาเป็นแฟน เพราะเรามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันโดยไม่รู้เลยว่าอยู่ในฐานะแบบไหนกันแน่ เท็ดก็ไม่มีลังเลเลยสักนิด

             ตั้งแต่ตอนนั้นฉันก็รู้แก่ใจแล้วว่าทำไม

           เพราะเขาอยากเอาชนะและอยากได้ตัวฉันมากกว่าเลยบอกแบบนั้น จากนั้นก็เลยตามเลยมาจนถึงตอนนี้

             เขาอยากเป็นแฟนฉันที่ไหนเล่า อยากหื่นมากกว่า มองตาก็รู้แล้ว

             “เอาน่า อย่าหงอยไปเลย ถึงแกจะหน้าจืดไปหน่อย แต่แต่งเติมอีกนิดรับรองว่าสวยเริ่ด

             “ฮะ!?” ฉันตามเรื่องไม่ทัน เมื่อจู่ ๆ เพื่อนคนอื่นก็เปลี่ยนเรื่องคุยซะอย่างนั้น

             “เอาเป็นว่าเลิกคลาสแล้วเราไปชอปปิงกัน

             “เดี๋ยว!?” ฉันท้วง เพราะไม่รู้ว่าเพื่อนกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่

             “ไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ด้วย ยัยคำหวานมันใส่แต่กางเกงในลายการ์ตูน ไม่ไหว ๆ ไม่เซ็กซี่เอาซะเลย ต้องซื้อใหม่ด่วน ๆ เลย”

             “เดี๋ยวก่อน นี่พูดอะไรกัน” ฉันโวยวายแต่ไม่มีใครฟังเสียงเลยสักคน

             เพื่อน ๆ เริ่มจับกลุ่มคุยกันว่าจะแปลงโฉมฉันยังไงดี ขณะที่ฉันหน้าซีด ไม่อยากให้คนอื่นรู้เลยว่าตอนนี้ฉันใส่ชุดชั้นในแบบไหนอยู่ ถ้าทุกคนรู้ พนันได้เลยว่าต้องร้องกรี๊ดจนหลอดลมขาดแน่

             สุดท้ายฉันก็เป็นฝ่ายเงียบเสียงเอง บางที เรื่องบางเรื่องก็ควรจะเก็บมันเอาไว้เป็นความลับน่าจะดีกว่า

     

     

           หลังจากเลิกคลาสแล้ว เพื่อน ๆ ก็ลากฉันออกไปด้วยกันจนได้ ตอนแรกก็เข้าร้านทำผมช่วยจัดการกับผมที่ดูกระเซอะกระเซิงหน่อย ๆ ให้ แล้วก็พาไปทำเล็บที่ฉันไม่ชอบเอาซะเลย

             แต่ถ้าให้เลือกระหว่างนั่งทำเล็บแบบนี้ กับการไปชอปชุดชั้นในซึ่งอาจจะต้องมีการลองชุดกับทัญญ่าด้วย

           ฉันเลือกที่จะนั่งเบื่อ ปล่อยให้ช่างทำเล็บทำต่อไป เพราะเป็นเรื่องดีกว่าอย่างหลังน่ะนะ

             ทุกคนเลิกแซวเรื่องของฉัน และคุยเรื่องอื่นกันแล้ว ดังนั้นฉันเลยสบายใจมากขึ้น เริ่มจะคุยเริ่มจะยิ้มให้กับเพื่อน จากตอนแรกที่เอาแต่เงียบก้มหน้างุดไม่กล้าพูดอะไรกับใครทั้งนั้น

             ทุกอย่างปกติดีจนกระทั่งเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันยกมันขึ้นมาดูแบบแอบ ๆ ไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่าใครโทรมา ก่อนจะเย็นไปทั้งตัวเมื่อคนที่โทรเข้ามาเป็นเท็ดจริง ๆ ด้วย

           จะไม่รับก็ตาย จะรับก็ตายฉันทำอะไรไม่ถูก เป็นจังหวะเดียวกับที่ทำเล็บเสร็จพอดี เลยจ่ายเงินและขอตัวจากเพื่อน ๆ

             “แฟนโทรมาตามละสิ ดีจังน้า ช่วงนี้สวีตหวาน” ทัญญ่าแซว ฉันเลยยิ้มแหยแล้วก็ขอโทษเพื่อนอีกครั้ง เพราะเราตั้งใจกันว่าจะไปทานมื้อเย็นด้วยกันก่อนกลับบ้าน

             “ฉันต้องกลับแล้วอะ ไม่อยากมีปัญหากับทางนั้น

             การมีปัญหากับเท็ดไม่มีใครรู้หรอกว่ามันน่ากลัวมากแค่ไหน ฉันเลยเลือกผู้ชายมากกว่าเพื่อน ฮือ

           “ขอโทษจริง ๆ นะ” ฉันบอกอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก ดีที่ทุกคนเข้าใจโบกมือให้ฉันกลับได้ เลยรีบพาตัวเองออกมาจากร้านทำเล็บพอดี

             เท็ดเองก็โทรตามจี้ไม่หยุด ฉันเลยต้องรับสายอย่างเสียไม่ได้

           “เอ่อ” ยังไม่ทันจะได้ทักทาย เท็ดก็แผดเสียงใส่ก่อนแล้ว

             (อยู่ไหน ทำไมไม่รับสาย อยู่กับใคร ทำอะไรอยู่!) เขาพูดมาเป็นชุดจนฉันตอบไม่ทัน

             เร่งรีบพาตัวเองเดินออกมาตั้งใจจะตรงกลับไปหาเขาเลย แต่กลายเป็นว่าเจอเขาอยู่ข้างหน้าพอดี

             (เออ เจอละ!) เท็ดพูดแล้วก็วางสาย ก่อนจะกวักมือเรียกให้ฉันเข้าไปหา

             ฉันเองก็อยากจะอิดออดอยู่หรอกนะ แต่ถ้าหมีโหดกลายเป็นหมีหื่นขึ้นมา เกรงว่าจะไม่ได้ลุกจากเตียงจนกว่าพรุ่งนี้เช้า เลยจำต้องเดินเข้าไปหาเขาอย่างช่วยไม่ได้

             “ทำอะไร” เขาถามอย่างเอาเรื่อง พอฉันเข้าไปอยู่ในระยะที่เขาเอื้อมมือถึง มือหนาก็คว้าข้อมือฉันไว้แน่นและลากให้เข้าไปใกล้ โดยไม่สนใจสายตาของคนอื่นที่มองมาเลย ซึ่งส่วนมากเป็นผู้หญิงที่มองมาตาปรอย ก็อย่างที่รู้กันว่าเท็ดคนนี้หน้าตาดีและมีเสน่ห์มากแค่ไหน

             ก็แปลกใจไม่หายอยู่ดี ที่คนอย่างเขามาสนใจผู้หญิงแบบฉัน

           “เธอนี่มันดื้อ!” เท็ดยังดุไม่เลิก ฉันไม่อยากเถียงให้เราทะเลาะกันตรงนี้เลยไม่พูดอะไรนอกจาก

             “ขอโทษ” ฉันพึมพำบอก เท็ดเองก็หลุบตามองฉันก่อนจะเปิดประตูรถให้

             “เข้าไปรอข้างในก่อน เดี๋ยวฉันมา จะแวะเข้าไปดูอะไรหน่อย”

             “ก็ได้” ฉันไม่เถียงไม่ดื้อ ทำตัวเป็นเด็กดีรอในรถตามที่เท็ดบอกอย่างว่าง่าย สงสัยเหมือนกันว่าเขาจะไปไหนแต่ก็ไม่อยากถาม

             ไม่ว่าร่างสูงของเท็ดจะเคลื่อนตัวไปที่ไหนก็เรียกสายตาของผู้หญิงให้มองตามจนเหลียวหลัง ฉันเลยเกิดความรู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจตลอดเวลา และไม่ชอบเอาซะเลย

             ฉันคิดถึงแต่เรื่องของเท็ดจนเวียนหัวไปหมด ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่จนกระทั่งเขากลับมาและเปิดประตูขึ้นรถเงียบ ๆ

             “แวะไปหาอะไรกินกันก่อนนะ ฉันหิวแล้ว” เท็ดเริ่มต้นคุยหลังจากที่เราเงียบกันอยู่ครู่หนึ่ง

             “อื้อ ยังไงก็ได้” ฉันตอบ เท็ดเลยหักเลี้ยวพวงมาลัยไปที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง ที่ดูเหมือนว่าจะอร่อยไปซะทุกอย่าง และดูเหมือนเขาจะชำนาญเรื่องของอร่อยมากด้วย แถมเขาไม่หื่นเลยด้วย เพราะอย่างนั้นฉันเลยมีความสุขจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา

             แต่ก็แค่ตอนนั้นนั่นแหละ หมีหื่นก็คือหมีหื่นอยู่วันยังค่ำ

             ตอนที่นั่งรถกลับคอนโดเท็ดก็เริ่มออกอาการบ้ากามอีกครั้ง ด้วยการเอื้อมมือมาจับขาฉันตอนที่รถติดไฟแดง

             “เท็ด!” ฉันยึดมือเขาไว้ไม่ทัน หมีหื่นก็เริ่มลวนลามฉันอีกครั้งด้วยการสอดมือเข้าไปใต้กระโปรงของฉัน

             ฉันนี่มันติดกับดักเขาครั้งแล้วครั้งเล่าจริง ๆ ด้วย ฮือ ชุดพวกนี้มันสอดมือทึ้งนั่นถอดนี่ได้สะดวกเหลือเกิน

           “อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวรถชนหรอก” เท็ดดุตอนที่ตบเกียร์เพิ่มความเร็วเมื่อไฟจารจรเป็นสีเขียวแล้ว

             เขาควรหยุดมือไม่ใช่เหรอ แทนที่จะมาว่าฉันน่ะ ฉันสะอึก พอออกแรงดิ้นรถก็เริ่มส่ายจนตกใจกลัวตัวแข็งทื่อ

             พอฉันหยุด เท็ดก็ขยับมือต่อ แป๊บเดียวก็ดึงเชือกผูกอันเดอร์แวร์ออกไปแล้วข้างหนึ่ง ฉันร้อนไปทั้งตัวเหมือนว่าไฟจะท่วมตัวให้ได้ กลัวจนตัวแข็งทื่อและปล่อยให้เขาได้ลูบไล้จนพอใจ

             นานเข้าลมหายใจของฉันก็เริ่มขาดหายเป็นห้วง ๆ การหายใจมันติดขัดไปหมด ส่วนที่อ่อนไหวที่สุดมันก็ร้อนฉ่าเหมือนจะละลายให้ได้

             ยิ่งตอนที่เขาดึงมือตัวเองไปจูบ ฉันก็ต้องซบหน้ากับฝ่ามือแล้วก็เอาหน้าชนกับคอนโซลรถเพื่อข่มความอายเอาไว้

             ฮือ ไอ้หมีกาม ทำฉันร้องไห้อีกแล้ว พอมาถึงคอนโดเขาก็รีบลากฉันออกจากรถ ทิ้งกางเกงในตัวจิ๋วเอาไว้ที่เบาะ ฉันละกลัวใจเท็ดมากว่าเขาจะทำอะไรตอนที่อยู่ในลิฟต์รึเปล่า แต่โชคดีที่มีคนอยู่ด้วยเลยรอดตัวไป แต่พอไปถึงห้องนี่สิ

           เขาผลักฉันชนกับประตูห้องทันทีที่มันปิดลง ลมหายใจเขาร้อนไม่น้อยไปกว่าฉัน แล้วก็น่ากลัวมากด้วย

             “ฉันอยากได้เธอสุด ๆ เลยคำหวาน” พูดจบเท็ดก็ช้อนขาฉันขึ้นข้างหนึ่ง แต่ฉันรีบห้ามไว้ด้วยเสียงละล่ำละลัก

             “ไม่เอาตรงนี้ ไปที่ห้องกันเถอะ” ฉันอายที่ต้องพูดแบบนั้น แต่จะอายมากกว่าถ้ามีคนเดินผ่านไปมาแล้วได้ยินเสียงฉันกับเขากำลัง

           “เอางั้นก็ได้

             ดูเหมือนว่าเท็ดจะโรคจิตหมกมุ่นกับประตูเอามาก ๆ เพราะเขาเอาท่อนแขนรองแผ่นหลังของฉันเอาไว้ตอนที่ผลักฉันติดกับประตูห้องนอน แล้วก็แทรกตัวเข้ามาหาอย่างใจร้อน จนฉันครางออกมาด้วยความหวามถึงหัวใจ

             “จบตรงนี้แล้วไปไหนต่อ เลือกเอา ห้องน้ำหรือห้องครัว

             อะไอ้หมีกาม

     

     

           “ไปที่เตียงมั้ย” เท็ดถามเมื่อตอนที่เขายังถาโถมเข้าหาร่างกายของฉันไม่หยุดยั้ง แผ่นหลังของฉันก็ยังเจ็บปวด แต่ก็ยังมีท่อนแขนแข็งแรงช่วยช้อนรับร่างฉันเอาไว้ ไม่อย่างนั้นก็คงจะต้องเจ็บมากกว่านี้แน่

           “ฮึ” ฉันกัดปากครางลอดริมฝีปากที่เม้มไว้ ใบหน้าแดงก่ำ เหงื่อไหลโซมทั้งตัวและร้อนไปหมด

             “ไหวเหรอ” เสียงของเท็ดก็สั่นพร่าไม่แพ้กัน แต่ใบหน้าของเขานั้นมีรอยยิ้มกว้าง สีหน้าแววตาที่เป็นผู้กุมชัยชนะเอาไว้ทุกอย่าง ทำให้ฉันหัวใจสั่นคลอนไปหมด

             “นี่หลายรอบแล้วนะ” เขายิ้มยั่ว ฉันเลยกัดปากแน่นกว่าเดิม ไม่ให้เสียงครางน่าอายพวกนี้หลุดรอดออกจากริมฝีปากให้เขาได้ยิน

             นั่นสิ นี่ก็หลายรอบแล้ว ร่างกายของฉันก็แทบจะไม่ไหวแล้ว แต่ฉันก็ห้ามปรามความคิดหรือความต้องการของเขาได้ แล้วก็พูดปฏิเสธไม่ได้ด้วย ฉันเลยได้โกรธและประชดเขาอยู่อย่างนี้

             แต่ดูเหมือนว่าฉันจะประชดตัวเองมากกว่า ที่ต้องมาเจ็บหลังระบมไปทั้งตัวอยู่ใต้ร่างเขาแบบนี้ เท็ดยิ้มที่มุมปาก ครางเสียงชวนหมั่นไส้และแทบละลายทุกครั้งที่โถมตัวลึกเข้ามาในร่างกายของฉัน จนสัมผัสได้ถึงชีพจรของหมีหื่นที่ลึกที่สุดในร่างกายของฉัน

             “หื่น” เท็ดว่า ฉันเลยลืมตาขึ้นขึงตาใส่ด้วยความหงุดหงิด แล้วก็เปลี่ยนเป็นหลบสายตาเมื่อเขาโน้มหน้าลงมาชิด เป่าลมหายใจร้อนผ่าวที่แก้มของฉัน พาให้ร้อนรุ่มไปทั้งตัว

             “มักมาก

             “เท็ด” เสียงฉันกระท่อนกระแท่น หอบโยนไปทั้งตัวกับคำพูดพวกนั้น

             เขาไม่ใช่เหรอที่เป็นคนมักมากน่ะ เท็ดหัวเราะตอนที่ฉันหัวเสีย เขากอดฉันไว้ จนจี้จากสร้อยแนบลงที่แก้มของฉัน

             มันเย็นชืด ก่อนจะค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความร้อนระอุตามอุณหภูมิผิวกายของฉันและเท็ด

           “อ๊ะ โทษที” เท็ดพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าจี้ของเขามันติดกับใบหน้าของฉัน

             เขาถอดมันออกจากคอและเสยผมหน้าขึ้น เลยยิ่งเห็นว่าใบหน้าของเขานั้นงดงามมากแค่ไหน เท็ดแลบลิ้นเลียริมฝีปาก แววตาเป็นประกาย สีหน้าของเขาตอนที่อยู่ในร่างกายของฉัน แวบหนึ่งที่คิดว่าเขาเคยทำแบบนี้กับใครมาก่อนหรือเปล่า

             ความริษยามันไม่รู้มาจากไหน นั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันยอมให้ทำครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงแม้ว่าจะเจ็บระบมไปทั้งร่างกายแล้วก็ตาม

             โง่ คำคำเดียวที่มันตีหน้าผากฉันอยู่ตอนนี้

             แต่จะทำอย่างไรเล่า ก็ตอนนี้ฉันยังสับสนและจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้ อย่างเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือยื้อเขาเอาไว้ เท่านั้น

           “ท่าทางเธอจะไม่ไหวแล้วละ พอก่อนก็ได้” เสียงหอบ ๆ ของเท็ดพูดขึ้น ทำให้ฉันปรือตามองอีกครั้ง

             ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้เซ็กซี่อย่างเหลือร้าย จนไม่รู้ว่าจะเอาสายตาไปมองตรงไหน ไม่ว่าจะสีหน้าหรือร่างกาย เขาทำให้ละลายได้อย่างง่ายดายจนน่ากลัว

             เขาทำท่าจะลุกออกจากตัวของฉัน แต่ไม่รู้ตัวเลยว่าฉันรั้งเขาเข้าหาตอนไหน

             “ยัยหื่น” เท็ดยิ้ม ฉันก็อายจนพูดไม่ออก หลบสายตาร้อนแรงที่มองมาแต่ก็ไม่ยอมปล่อยให้เขาจากไป

             “งั้นรอบนี้จะเบาแรงหน่อยก็ได้ โทษฐานที่เธอน่ารัก

             ฉันกำลังจมดิ่งลงไปในความรู้สึกที่ไม่สามารถจะหลบหนีได้ รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นยาพิษ แต่ฉันก็โง่ปล่อยให้ตัวเองดื่มกลืนยาพิษนั้นด้วยตัวเอง

     

     

           ฉันนั่งเหม่อระหว่างที่รอเข้าเรียน ในหัวคิดถึงแต่เรื่องของเท็ด

             เพราะเมื่อวานฉันยอมเขามากเกินไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ เขาถึงได้อ่อนโยนแล้วก็กอดฉันอย่างนุ่มนวลแบบนั้น ไออุ่นที่ได้รับทำให้ฉันเหมือนคนหน้ามืดตามัวหูหนวกตาบอด รู้ทั้งรู้ว่านั่นคือกับดัก แต่ก็หักห้ามใจไม่ได้เลย ได้แต่ปล่อยให้หัวใจถลำลึกเข้าไปทุกที ทุกที

             “เฮ้อ” ฉันถอนหายใจ เป็นจังหวะเดียวกับที่ทัญญ่า พราว และเพื่อนคนอื่น ๆ มองมา

             “ถอนหายใจอะไรขนาดนั้น” ทัญญ่าเดินเข้ามาผลักหัวฉันเบา ๆ ฉันเลยหันไปส่งยิ้มเซียว ๆ ให้กับเพื่อน

             “ต๊าย! แกนี่มันเหมือนซอมบี้เลย” กระต่ายอุทานเมื่อเห็นหน้าฉัน

             “โอย นี่แกอะไรจะโทรมแบบนี้เนี่ย” พราวพูดเสริม ฉันเลยยิ้มแห้ง ๆ ไม่ได้พูดอะไร

             “เข้าใจว่าข้าวใหม่ปลามัน แต่บอกหมอนั่นเบามือหน่อยก็ดีนะ คอแกนี่แทบจะไม่เหลือสีผิวเดิมแล้วนะ!” ทัญญ่าบอกเสียงสูง

             “อึก” ฉันสะอึก เพราะไม่ได้สังเกตตัวเองเลย

             กว่าจะพาตัวเองออกมาจากเตียงได้ก็เสียเวลาไปมากแล้ว ไหนจะต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็หมดเรี่ยวแรง พอมาถึงมหาวิทยาลัยก็แทบจะสลบแล้ว

             มันขนาดนั้นเลยเหรอ

             “อ๊าย แขนแกก็เหมือนกัน” เพื่อนอีกคนดึงแขนฉันออกไปดู ฉันตกใจตามไปด้วย ไม่คิดว่าจะมีรอยจูบทั่วตัวได้ขนาดนี้

             “นี่อยู่ในช่วงรักช่วงหลงอะไรกันอย่างนี้ยะ แกจะรอดมั้ยเนี่ย จะตายคาอกเขาก่อนมั้ย!?

             “แต่ถ้าเป็นเท็ดฉันยอมว่ะ คนอะไร โคตรฮอต

             “เออ เพื่อนเขาก็น่ากินเหมือนกันนะเว้ย

             ฉันถอนหายใจเมื่อทุกคนเลิกมองนั่นมองนี่แล้วก็ไม่แซวแล้ว อาจเป็นเพราะหน้าฉันแดงก่ำจนแทบจะเป็นลมอยู่รอมร่อแล้วละมั้ง ช่องท้องของฉันร้อนวาบและปั่นป่วนไปหมด จะบ้าตายให้ได้

           ทัญญ่ามองมาด้วยสายตาแปลกประหลาด ฉันเลยหลบสายตา ใช่ว่าฉันจะหลงเท็ดจนยอมเขารังแกทุกอย่างเอาแบบนี้ แต่ฉันน่ะ จัดการกับความสับสนปั่นป่วนพวกนี้ไม่เป็น เพิ่งจะเคยได้ใกล้ชิดผู้ชายแบบฮาร์ดคอร์ แค่ตั้งตัวทำตัวได้ตามปกติได้ก็แทบแย่แล้ว

             “ถามจริงเหอะคำหวาน” ทัญญ่าพูดกับฉันตอนที่ใกล้ถึงเวลาเข้าเรียน

             เราสองคนเดินรั้งท้ายกลุ่มเพื่อนระหว่างที่เดินไปยังห้องเรียน ฉันได้เสื้อจากทัญญ่ามาคลุมตัว เพราะไม่รู้จริง ๆ ว่าทั่วทั้งตัวมีแต่รอยจูบที่เท็ดทิ้งเอาไว้ หมอนั่นคือหมีหื่นจริง ๆ สินะ

             “อะอะไรเหรอ” ฉันถามอย่างตะกุกตะกัก รู้สึกสั่นไหวอย่างประหลาดกับสายตาน่ากลัวของเพื่อนที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในคณะ

             “มีอะไรกับเท็ดกี่ครั้งแล้ว

             ฉันสะอึกกับคำถามตรงไปตรงมาของทัญญ่า ไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้ายังไงอยู่ แต่คงดูไม่ได้เพราะสีหน้าของทัญญ่าก็จริงจังกว่าทุกครั้งที่เอ่ยแซวเรื่องของเท็ด

             “ตอบไม่ได้สินะ นั่นสิ เพิ่งเจอกันไม่ถึงเดือน คงไม่กี่ครั้งละมั้ง”

             ฉันละอายแก่ใจที่ถูกถามแบบนี้ ถ้าตอบไปว่านับไม่ถ้วนจนจำไม่ไหว ฉันจะถูกมองด้วยสายตายังไงกันนะ

             “แล้วเธอหรือหมอนั่นที่เป็นฝ่ายป้องกัน” ทัญญ่าถามอีกคำถาม ที่อานุภาพความร้ายกาจของมันก็ไม่ต่างจากคำถามก่อนหน้านี้เลย

             “ไง” แววตาจริงจังเอาเรื่องของทัญญ่าไม่เหมือนกับทุกครั้ง ฉันเองก็ไม่กล้าโกหกเพื่อนด้วย

             “คือว่าตอนนี้หน้าเจ็ดหลังเจ็ด” ฉันบอกเสียงแผ่วและหลบสายตาของทัญญ่าไปพลาง

             “สรุปไม่ได้ป้องกันทั้งคู่ แล้วถ้าพ้นช่วงนี้ไป หรือก่อนหน้านั้น บอกฉันหน่อยซิ ว่าใครป้องกัน

             คราวนี้ฉันไม่กล้าตอบเพื่อนไปว่าก็ไม่ได้มีใครป้องกัน ครั้งแรกฉันเมาจนจำอะไรได้รางเลือนไม่รู้อะไรทั้งนั้น แต่ต่อมาก็จำได้ว่าไม่ได้ป้องกัน แล้วมันก็อยู่ในช่วงก่อนหน้าจะมีประจำเดือนด้วยฉันก็เลยปลอดภัย ช่วงนี้ก็เป็นช่วงหลังประจำเดือนที่ยังปลอดภัยอยู่ในระยะเจ็ดวัน สีหน้าแววตาของฉันคงจะทำให้ทัญญ่ากระจ่างโดยที่ไม่ตอบ แต่เธอก็ยังคาดคั้นเอาคำตอบในคำถามหลังสุด

             “คำหวาน ฉันถามแกอยู่ใครจะเป็นคนป้องกัน ปกตินี้หน้าที่ผู้ชายจะรับ ถ้าผู้ชายคนนั้นมีความรับผิดชอบพอ”

             ฉันก้มหน้านิ่ง พูดไม่ได้ว่ายังไม่เคยคุยเรื่องนี้กับเท็ดเลย และไม่แน่ใจว่าเขารู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ฉันยังอยู่ในระยะปลอดภัย

             คิดแล้วดูเหมือนฉันเป็นผู้หญิงไร้ค่าไร้ราคาที่ปล่อยให้ผู้ชายย่ำยียังไงก็ได้

             คำว่าแฟนในความรู้สึกของเท็ดน่ะไม่มีความหมายหรอก ถ้าฉันยอมเขา ไม่ว่าสถานะไหนเขาก็ยอมยกให้ทั้งนั้น

             “โอเคเดี๋ยวเลิกคลาสฉันจะพาแกไปร้านขายยา แล้วก็สอนแกกินก็แล้วกัน” ทัญญ่าถอนหายใจ ส่วนฉันก็น้ำตาร่วงไม่รู้ตัว

             “เฮ้คำหวาน” เธอตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นฉันร้องไห้ ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่

             ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนรับไม่ทัน ฉันรู้ว่ามันผิด แต่ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงดี

             “เฮ้ย ญ่าแกดุอะไรคำหวานอะ ทำไมคำหวานร้องไห้” เพื่อนคนอื่นถาม แล้วก็ส่งทิชชูมาให้อย่างเป็นห่วง

             “ญ่า แกก็คำหวานมันก็โตแล้ว อย่าไปว่ามันเลยน่า มันก็น่าจะรู้จักรับผิดชอบตัวเองแล้วละ”

             ฉันสบตากับทัญญ่าแล้วก็ส่ายหน้า เพื่อบอกว่าฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป ทัญญ่าถอนหายใจแล้วก็เช็ดน้ำตาให้

             “ฉันขอโทษที่พูดเกินไปหน่อย ฉันแค่เป็นห่วงแกเท่านั้นแหละ ไม่เอาไม่ร้อง”

             “ฉัน ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้” ฉันพูดจาตะกุกตะกัก ลมหายใจก็ขาดหายเป็นห้วง ๆ จนเพื่อนคนอื่นต้องเข้ามาช่วยปลอบไม่ให้กลัวไปมากกว่านี้

             “เอาน่า ฉันเข้าใจ เราคบกันมานานแล้วทำไมฉันจะไม่รู้จักนิสัยแก ไม่เอาไม่ร้องไห้”

             “ขอโทษนะที่ทำให้ต้องเป็นห่วง” ฉันพูดด้วยความสับสน และเดินเข้าไปถึงคลาสเรียนในที่สุด ดังนั้นก็เลยต้องเช็ดน้ำตาและพยายามเข้มแข็งไม่ให้คนอื่นต้องมาเป็นห่วงด้วยอีก

             “เดี๋ยวเย็นนี้เราไปชอปปิงกัน ไม่ต้องร้องไห้ พราวแกพาคำหวานไปนั่งก่อนไป จองที่ให้ด้วยล่ะ ฉันจะไปห้องน้ำหน่อย” ทัญญ่าดันหลังฉันให้เดินไปหาพราว ก่อนที่เธอจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง

             “อื้อเข้าใจแล้ว รีบมาด้วยล่ะ อาจารย์น่าจะใกล้มาถึงแล้ว”

             “รู้แล้ว เดี๋ยวจะรีบกลับ” ทัญญ่าตอบแล้วก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู

             ฉันเช็ดน้ำตาหยุดเสียงสะอื้นได้ในที่สุด แล้วก็อดแปลกใจกับท่าทีแปลก ๆ ของทัญญ่าไม่ได้ แต่ทุกอย่างก็เป็นเพราะฉันมีสร้างเรื่องทำให้ทุกคนเป็นห่วง ก็ไม่แปลกหรอกที่เพื่อนจะมองมาอย่างนั้น

             หลังจากนี้ ฉันก็คงต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง และจะไม่ให้คนอื่นต้องมาเป็นห่วงอีกต่อไป

     

     

           หลังจากเลิกคลาส ฉันแยกตัวออกมากับทัญญ่าสองคน ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ แวะไปที่อื่นกัน แน่นอนว่าที่แรกที่เราไปถึงกันคือร้านขายยา ทัญญ่าไม่ได้ซักฉันเรื่องระยะปลอดภัยอีก เธอคงเชื่อใจฉันและคิดว่าฉันไม่ได้โกหก ซึ่งความจริงฉันก็ไม่ได้โกหกเลย

             พอได้ยาคุมกำเนิดมาฉันก็หน้าเศร้า รู้สึกผิดกับครอบครัว รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง รู้สึกแย่ไปหมดเสียทุกเรื่อง

             “เอาน่า ป้องกันไว้นั่นแหละ ดีแล้ว” ทัญญ่าตบบ่าเหมือนกำลังปลอบใจ ฉันเลยฝืนยิ้มให้กับเพื่อนไป

             เสียงเตือนข้อความดังขึ้น ฉันเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แต่กลายเป็นว่าเป็นข้อความของทัญญ่า

             ฉันผิดหวังหน่อย ๆ เพราะคิดว่าอาจจะเป็นเท็ด แล้วกันสิ ฉันคิดถึงผู้ชายคนนั้นขึ้นมาให้มันได้อะไรนะ ขนาดเรื่องคุมกำเนิด ก็กลายเป็นทัญญ่าที่ช่วยตัดสินใจและช่วยเหลือทุกอย่าง

             ฉันเสียใจกับความคิดของตัวเอง แล้วก็ส่ายหน้าไล่ความคิดพวกนั้น รอให้ทัญญ่าคุยเสร็จ จะได้ไปที่อื่นต่อ

             แต่ท่าทีแปลก ๆ ของทัญญ่าทำให้ฉันลอบมองด้วยความสนใจ เธอหันข้างให้ สีหน้าแววตาดูเป็นกังวลฉันเลยอยากรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ยังไม่ทันได้ทำอะไร โทรศัพท์ในมือของทัญญ่าก็หล่นลงกับพื้น ใกล้กับที่ฉันยืนอยู่พอดี

             ฉันจึงก้มตัวเก็บมันขึ้นมา ไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วงอะไรแต่กลายเป็นว่าฉันเห็นหน้าจอโทรศัพท์อย่างชัดเจน ซึ่งมันเป็นรูปถ่ายของผู้ชายคนหนึ่ง

             ซึ่งผู้ชายในรูปนั้น คือ

             ฉันถึงกับอึ้งไปกับภาพที่เห็น ทัญญ่าหันมามองฉันแล้วก็ตกใจ

             “คำหวาน!

             แต่ฉันไม่สนใจเสียงอุทานของเพื่อน มองดูภาพนั้นอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

             “เท็ดเหรอ

             ภาพที่เห็น เป็นภาพของเท็ดที่กำลังกอดจูบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ใช่ภาพเก่าด้วย เพราะฉันจำเสื้อแจ็กเก็ตที่เขาสวมเมื่อวานได้อย่างแม่นยำ

             “ฉันว่าจะบอกแกนานแล้ว” ทัญญ่าขมวดคิ้วพูดเสียงเศร้า ฉันเลยเงยหน้ามองเพื่อนด้วยความกังวลอยู่ลึก ๆ

             “อะไรเหรอ บอกฉันเถอะ” ฉันใจสั่น สังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก กลัวเหลือเกินกับคำตอบที่จะได้ยิน

             “เท็ดน่ะ เป็นเซ็กส์เฟรนด์พี่สาวของฉันเอง”

             “

           ฉันนิ่งงันอยู่นาน ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้ยินคำพูดนั้นจากปากของทัญญ่า

           ‘เซ็กส์เฟรนด์ คำคำนั้นมันทำให้หัวใจของฉันแทบจะสลาย ฉันเองก็ไม่ต่างจากนั้นเหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่ว่าเท็ดคงอยากได้ตัวฉันมากจริง ๆ เพราะอย่างนั้นเขาเลยยกคำว่า แฟนให้มาง่าย ๆ

             “ตอนแรกไม่มั่นใจหรอกนะ แต่พอเห็นรูปเขาจากโทรศัพท์ของพี่สาวฉันเลยมั่นใจ”

             น้ำตาของฉันร่วงผล็อย ทั้งเจ็บทั้งอาย ที่สุดท้ายฉันก็ไม่ต่างจากเกมของเท็ดที่เขากำลังจะบรรลุภารกิจแล้ว มันก็เท่านั้น

             “เขาไม่ชอบให้ถ่ายรูปหรอก แต่ก็พอจะมีภาพหลุด ๆ หลง ๆ มาให้ ไม่ค่อยชัดด้วย ฉันเลยไม่รู้ จนมามั่นใจไม่กี่วันนี้นี่เอง” ทัญญ่าถอนหายใจ มองฉันเหมือนเป็นห่วงมาก

             ฉันไม่อยากร้องไห้ ไม่อยากทำให้ใครต้องเป็นห่วง แต่ก็ไม่สามารถห้ามน้ำตาได้เลย

             “จะว่ายังไงดีล่ะ ฉันไม่อยากให้แกยุ่งกับผู้ชายคนนั้น เชื่อมั้ยว่าเขาไม่ได้มีแค่แกกับพี่สาวฉันเท่านั้นนะ เขามีมากกว่านั้น มีผู้หญิงหลายคน และฉันไม่อยากให้แกเจ็บแบบพวกนั้น”

             “พี่สาว พี่สาว ฮึก” ฉันพูดอย่างยากลำบาก แทบจะเค้นคำพูดออกมาเป็นคำไม่ได้

             “ฉันขอโทษพี่สาวแกด้วยนะ ฉันไม่รู้ ฉันคงมาทีหลัง” ฉันสะอื้นอย่างหมดอาย ทั้งเจ็บทั้งสะอึก เหมือนถูกเอาขวานจามผ่าตัวออกเป็นสองซีก

             “พี่สาวนั่น ความจริงก็คือลูกพี่ลูกน้องน่ะ ฉันอยากให้แกมีความสุข ไม่อยากเห็นแกร้องไห้ ฉันไม่อยากแนะนำอะไรทั้งนั้น แต่ฉันอยากให้แกมีความสุขมากจริง ๆ นะคำหวาน”

             ฉันเองก็อยากจะมีความสุขเหมือนกัน แต่จะทำอย่างไรเล่า ในเมื่อฉันก็รู้อยู่แก่ใจตั้งแต่แรกแล้วว่าผู้ชายคนนั้นต้องการอะไรจากตัวของฉัน

             ฉันแค่แกล้งทำเป็นไร้เดียงสา แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจดี ว่าเท็ดต้องการแค่ร่างกายและอยากเอาชนะ มันเป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เลย

             “ฉันไม่น่าบอกเรื่องนี้กับแกเลย” ทัญญ่าทำเสียงเครือ ก่อนจะโผเข้ามากอดฉันเอาไว้แน่น

             “อย่าร้องไห้นะคำหวาน อย่าร้องไห้เลย ฉันขอโทษ

     

     

             ฉันอยากเลิกกับเท็ด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหนยังไง เรื่องมันละเอียดอ่อนมากกว่าที่คิด ที่สำคัญฉันรู้ว่าตัวเองใจอ่อนง่ายเกินไปด้วย หน้าตาของฉันบอกชัดเลยว่าร้องไห้มา กลัวอยู่เหมือนกันว่าเจอหน้าหมีดื้อแล้วจะมีเรื่อง แต่ตอนนี้ฉันอยากนอนพักมากก็เลยเดินกลับเข้าห้องอย่างไม่ลังเล

             พอเข้าไปในห้องก็ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนกับขโมยที่กำลังพยายามย่องเบาลักของอะไรทำนองนั้น และโล่งใจที่ไม่เจอหน้าเท็ดอย่างที่กลัวเอาไว้ตอนแรก

             “ทำอะไรน่ะคำหวาน!

             แล้วกัน กลับมาตอนไหนกันล่ะ ฉันหัวเราะแห้ง ๆ ถอดรองเท้าวางมันลงที่ชั้นวางรองเท้าแล้วก็เดินเลี่ยงเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา กลับออกมานั่งที่โซฟาด้านนอกก็เจอเท็ดยกของว่างมาให้

             “หิวมั้ย อยากกินอะไรรึเปล่า” พอเขาพูดแบบนั้น ฉันก็หันไปมองด้วยความสงสัยแกมแปลกใจ

             “ทำไมวันนี้ดูแปลกไป มีอะไรงั้นเหรอ”

             ฉันไม่ได้คิดมากหรืออคตินะ แต่ดูเขาเหมือนกำลังกลบเกลื่อนความผิดบางอย่างอยู่ ที่มันทำฉันปวดใจมากเหลือเกิน

             “แปลกอะไร เปล่านี่ เรื่องของกินอร่อย ๆ น่ะเชื่อมือฉันได้ ฉันซื้อให้ผู้หญิงบ่อย” เขายิ้มกว้างและพูดอย่างหน้าชื่นตาบาน

           ฉันก็ถึงกับนิ่งไป เพราะคิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดออกมาได้หน้าตาเฉย ราวกับว่าไม่กลัวฉันเจ็บที่หัวใจบ้างเลย

             ฉันไม่ได้อยากรู้เลยนะว่าเขาซื้ออะไรให้ใครบ่อยมากแค่ไหน แต่ฉันแค่อยากรู้ว่า หนึ่งในผู้หญิงพวกนั้นคือฉันหรือเปล่า และเขาเองก็ปฏิบัติกับฉันเหมือนพวกเธอพวกนั้นด้วยไหม ความคิดของฉันกระจัดกระจายไปหมด น้ำตาก็จะไหลจนต้องกะพริบตาถี่เข้าไว้

             “อะไรกัน เรื่องแค่นี้ก็ซึ้งได้ลงคอนะ” เท็ดหัวเราะ เมื่อฉันน้ำตาคลอและทำมันร่วงหยดหนึ่ง

             แวบแรกฉันไม่เข้าใจหรอกว่าเขาหมายความว่ายังไง ประโยคต่อมาจากปากของเขานั่นแหละ มันทำฉันเข้าใจทุกอย่างกระจ่างแจ้ง

             “หิวมากเลยเหรอ คราวหลังอยากกินอะไรก็บอกไว้ได้ ฉันจะซื้อมาให้เท่าที่เธอกินไม่ไหวเลย” เขาหัวเราะ ใบหน้าก็ดูสดใสราวกับแสงอาทิตย์สาดส่อง ขณะที่ฉันเป็นเหมือนแสงจันทร์ ที่ต่อให้พยายามแค่ไหน มันก็สว่างได้เพียงแค่เล็กน้อย เทียบพระอาทิตย์อย่างเขาไม่ได้

             ยิ่งมองตามพระอาทิตย์เท่าไหร่ ก็มีแต่จะยิ่งถูกแสงสว่างจ้านั้นแผดเผาจนไม่เหลือสิ่งใดเลย

             “ท่าจะหิวมากเลยนะ มาร้องไห้เอาอย่างนี้น่ะ” เท็ดยังหัวเราะไม่เลิก เลื่อนจานอาหารให้ ฉันเองก็ตักกินเพื่อไม่ให้เขาสงสัยไปมากกว่านี้

             “ช่วงนี้เธอหวั่นไหวแปลก ๆ นะ เป็นไรมากมั้ยเนี่ย” มือหนาของเท็ดเลื่อนมาทาบหน้าผากของฉัน สายตาที่มองมาก็ดูเป็นห่วงเป็นใย จนฉันไม่รู้ว่าจะเลือกเชื่อการกระทำของเขาที่แน่ใจว่าทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ หรือเลือกเชื่อหัวใจของตัวเองที่มันหวั่นไหวเอนเอียงไปหาเขา จนจับมันตั้งตรงไม่ได้เหมือนเดิม

             “แค่เหนื่อยน่ะ เครียดกับเรื่องเรียน” ฉันบอก เสมองไปทางอื่นจะได้ไม่ต้องสบตากับเขาอีก และตักอาหารเข้าปากเพื่อที่จะได้ไม่ต้องพูดอะไร

           วินาทีต่อมา ตรงแก้มของฉันก็ร้อนระอุขึ้นมา เมื่อเท็ดเอื้อมมือเกี่ยวเส้นผมที่ระหน้าของฉันไปทัดข้างหูให้อย่างเบามือ พอหันไปมองเขาก็ยิ้มกว้างและพูดอย่างอ่อนโยน

             “ฉันกลัวว่าผมมันจะเปื้อนอาหารน่ะ อร่อยมั้ย?

             “อื้อ” ตอบไปแล้วก็อยากจะร้องไห้ ฉันต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่ช่วงนี้อ่อนไหวไปซะทุกเรื่องเลย

             แต่เขาทัดผมให้อย่างอ่อนโยนก็ทำท่าจะเสียน้ำตาซะแล้ว คำหวาน เธอเป็นบ้าอะไรไปแล้ว ฉันถามตัวเองอย่างไม่เข้าใจ

             “ท่าทางเธอเหนื่อย ๆ กินเสร็จก็อาบน้ำนอนพักแล้วกัน” เขาบอกเสียงนุ่ม แวบหนึ่งที่ฉันคิดว่าเท็ดอาจจะใจดีกับฉัน และไม่ได้มองฉันเป็นเซ็กส์เฟรนด์เหมือนคนอื่น ๆ แต่ว่า

             “ฉันน่ารักใจดีกับเธอขนาดนี้ คืนนี้มีรางวัลให้ฉันรึเปล่า” รอยยิ้มของเขาทำฉันเจ็บร้าว บาดลึกเข้าไปถึงหัวใจ

             ฉันไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้ายังไงอยู่ เท็ดถึงได้บีบแก้มฉันเล่นเบา ๆ แล้วก็ส่งยิ้มมาให้

             “ล้อเล่นน่า เธอดูป่วยขนาดนี้ ฉันจะกล้าทำแบบนั้นได้ยังไงเล่า” เขาพูด คิ้วเข้มขมวดชิดเล็กน้อย ต่อว่าฉันด้วยท่าทางอ่อนโยน

             หัวใจของฉันนี่มันไม่รักดีจริง ๆ บ้าบอที่สุด ฉันไม่เคยโกรธตัวเองเท่านี้มาก่อนเลย

             “แต่ถ้าจะใจดีกับฉันหน่อย ขอ

             ฉันไม่อยากฟังคำพูดที่บอกว่าเขาหวังเพียงร่างกายของฉันมากไปกว่านี้ รีบตัดบทก่อนจะร้องไห้โฮแล้วก็โวยวายตีโพยตีพายให้เสียเรื่อง

             “ฉันปวดหัวจังเลยเท็ด นายมียาแก้ปวดรึเปล่า” ฉันบอก เพิ่งรู้ว่าตัวเองเสียงสั่นเครือมากเหลือเกิน

             ไม่ใช่แค่ฉันที่ตกใจ เท็ดเองก็ตกใจไม่แพ้กัน เขารีบลุกขึ้นตรงไปที่ห้องครัวไม่นานก็กลับมาพร้อมกับยาในมือ

             “หน้าเธอดูซีด ๆ มากเลยคำหวาน กินยาแล้วนอนพักเถอะ”

             “ขอบคุณนะ” ฉันบอกอย่างเวียนหัว ปรือตาแทบไม่ขึ้น และปวดหัวมากจริง ๆ

             นี่มันความรู้สึกอะไรกัน ทำไมถึงได้ทรมานเหมือนจะหายใจไม่ออกอย่างนี้

     

     

             ฉันนอนเล่นโทรศัพท์ระหว่างที่รอให้ง่วง และเหมือนจะรอเท็ดด้วย โดยที่ตัวเองก็ไม่ได้ตั้งใจ

             “ยังไม่นอนเหรอ” ร่างสูงของเท็ดเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอน เขาถามเหมือนจะไม่พอใจหน่อย ๆ ที่ฉันยังไม่หลับ

             “ขอเช็กอีเมลงานจากเพื่อนก่อนน่ะ ว่าจะนอนแล้วเหมือนกัน” ฉันส่งยิ้มให้เขา ระหว่างที่เท็ดเดินขึ้นเตียงเงียบ ๆ

             “ตัวเธอร้อนรุม ๆ นะรู้มั้ย คำหวานนอนได้แล้ว” เสียงทุ้มหนักพูดเหมือนจะบ่นว่าอยู่ในที พอเขามานอนข้าง ๆ จนได้ไออุ่น ฉันก็ขยับตัวทันที

             เท็ดน่ะไม่ชอบถ่ายรูปกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น เพื่อนฉันไม่เคยมีรูปคู่เลยนะ มีแค่รูปเขาตอนเผลอนั่นแหละ ลองถ่ายรูปคู่กับเขาดูสิ ดูว่าเขาจะทำยังไง

             ทัญญ่าบอกฉันไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นฉันเลยโน้มคอของเขาเข้ามาใกล้ ยกโทรศัพท์ขึ้นมาหมายจะถ่ายรูป

             แต่ความหวังและความรู้สึกของฉันแตกเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อเขายกมือปัดโทรศัพท์ของฉันออกไป

             “นอนได้แล้ว จะมาถ่ายรูปอะไรเล่า หน้าซีดจะแย่อยู่แล้ว” เท็ดบอกอย่างไม่พอใจ ฉันเลยยิ้มเศร้า

             “ก็เราไม่เคยมีรูปถ่ายด้วยกันเลย

             “เอาไว้วันหลังแล้วกัน” แขนแข็งแรงของเท็ดกอดคอฉันไว้และพาล้มตัวลงนอนด้วยกัน ฉันก็เลยหมดเรื่องคุยด้วย

             “คำหวาน” หลังจากที่เงียบกันไปนาน เท็ดก็พูดขึ้นมาเสียงแผ่วเบา

             “อือ” ฉันครางอยู่ในคอ ฤทธิ์ยาคงจะเริ่มทำงานแล้ว ตอนนี้ฉันก็เลยง่วงมากจนแทบปรือตาไม่ขึ้น ฟังอะไรแทบไม่ได้ศัพท์

             “เมื่อกี้ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอเสียใจ แต่เธอไม่สบาย ฉันเองก็ไม่อยาก

             เสียงของเท็ดเหมือนลอยมาจากที่ที่ไกลแสนไกล ฉันฟังอะไรไม่รู้เรื่อง สุดท้ายก็หลับไปทั้งอย่างนั้น โดยที่ไม่ได้ตอบอะไรเลยแม้แต่คำเดียว

           รู้สึกได้ก็แค่เพียงอะไรบางอย่างที่อุ่นนุ่มระหน้าผากของฉันเอาไว้เท่านั้น

             พอถึงตอนเช้าของวันใหม่ เท็ดก็ออกไปแล้ว ในห้องครัวมีโจ๊กที่เย็นชืดไปแล้ววางอยู่ นอกจากนั้นก็มีแก้วน้ำกับยาอีกสองเม็ดวางไว้ให้พร้อมกับโน้ตที่เขาทิ้งไว้

     

             ถ้ามันเย็นแล้วเอาไปอุ่นในไมโครเวฟแล้วค่อยกิน

           อย่าลืมกินยาด้วยล่ะ แล้วจะโทรหา TED…

     

           ถึงจะเป็นข้อความเรียบง่ายไม่ได้หวานที่พอจะทำให้หัวใจเต้นแรงอย่างมีความสุขได้ แต่ฉันก็พอจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าได้บ้าง

             หัวใจของฉันนั้นมันหวานอมขมกลืน ฉันยิ้มทั้งที่น้ำตาไหล อยากอยู่กับเขา พอ ๆ กับที่อยากจะบอกลา ทุกอย่างที่มันปั่นป่วนหัวใจในตอนนี้แทบจะทำฉันบ้าตายให้ได้ ถ้าผ่านเรื่องนี้ไปได้ ฉันจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นไหมนะ ในหัวมันคิดวนเวียนไปสารพัดจนเริ่มจะเป็นไมเกรนขึ้นมาซะอย่างนั้น เกือบจะไปเรียนสายด้วย

             “สีหน้าไม่ค่อยดีเลยนี่ ไม่สบายเหรอ” ทัญญ่าทักเมื่อฉันเดินสะโหลสะเหลไปถึงคลาสเรียน

             “อื้อ น่าจะอย่างนั้น หนักหัวมากเลย” ฉันบอกและถอนหายใจออกมาเบา ๆ

             “เพิ่งกินยาไป ตอนนี้ง่วงมากเลย ท่าทางจะไม่ไหวแล้วละ”

             “งั้นแกกลับห้องไปเลยมั้ย เดี๋ยวจะบอกอาจารย์ให้” พราวยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แล้วก็บอกอย่างเป็นห่วง

             “แต่ว่า

             “ไม่มีแต่แล้ว แกกลับไปเหอะ นั่งในห้องเดี๋ยวก็หลับในห้องหรอก อาจารย์ได้ด่ากว่าเดิม” เพื่อนคนอื่นช่วยพูด ฉันเลยมองทัญญ่าเพื่อขอความเห็น

           “ไปเหอะ หน้าแกบอกเลยว่าไม่ไหว” เมื่อทุกคนพร้อมใจกันบอกแบบนั้น ฉันเลยจำต้องพยักหน้าอย่างจำยอม เก็บของใส่กระเป๋าเดินออกจากห้องเรียนด้วยอาการมึนหัว แล้วก็เจอกับอาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามาพอดี

             ฉันเลยขออนุญาตลากลับไปนอนพักเลย ซึ่งอาจารย์ก็ให้อนุญาตและบอกว่าจะเช็กชื่อให้ในคาบนี้ด้วย ฉันเลยพอจะโล่งใจได้บ้างแล้วก็เดินตัวลอยออกมาอย่างมึนงง

     

     

             ตอนที่เดินออกมาเกือบจะถึงถนนใหญ่หน้ามหาวิทยาลัยแล้ว ในตอนนั้นเองก็มีคนเดินเข้ามาขวางทางเอาไว้ ทำให้ฉันต้องหยุดเดินและเงยหน้ามองด้วยความแปลกใจแกมสงสัย

             “เธอน่ะขอเวลาคุยหน่อยได้มั้ย?

             เป็นผู้หญิงตัวสูงหน้าตาดีแบบที่ฉันไม่สามารถเป็นได้เอ่ยพูด สายตาของเธอมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า บอกชัดว่าไม่ได้มาดี และดูไม่ชอบฉันเอามาก ๆ ด้วย

             “เอ่อ ฉันไม่ค่อยสบาย จะกลับแล้ว” ฉันบอก ทำไมจะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นหนึ่งในผู้หญิงของเท็ด เหมือนกันกับฉัน

           และไม่ใช่พี่สาวลูกพี่ลูกน้องของทัญญ่าด้วย

             “แป๊บเดียวน่า เธอเป็นผู้หญิงของเท็ดใช่มั้ย น่าจะใช่แหละ ทำไมจะไม่ใช่ ฉันเองก็เหมือนกัน” เธอพูดอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมเลยแม้แต่น้อย

             ฉันเลยทำหน้าไม่ถูก ยืนนิ่งเหมือนถูกสาปให้เป็นหินไปแล้ว

             “ช่วงนี้เธอเก็บเท็ดไว้นานเกินไปแล้วนะ ปล่อยให้เขาไปหาผู้หญิงคนอื่นบ้างไม่ได้เหรอ” เธอพูดเสียงเข้ม สีหน้าบอกชัดว่าไม่พอใจ

             ฉันอ้ำอึ้งอึกอัก กลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ เจ็บใจ อับอายเหมือนเป็นมือที่สามเข้าไปยุ่งกับคนที่มีแฟนแล้ว

             “อันที่จริงเท็ดก็ไม่ใช่ของของใครหรอกนะ จะว่ายังไงดี แต่ก่อนที่เธอจะเข้ามา เท็ดก็แวะเวียนไปหาพวกเราตลอด ไม่ได้หยุดที่ใครคนใดคนหนึ่ง ถ้าเธอไม่ปล่อยเขาให้มาหาพวกเราบ้าง อย่าหาว่าพวกเราไม่เตือน”

             คำประกาศนั้นเหมือนกับน้ำเย็น ๆ ที่รดจากหัวของฉันไหลลงไปถึงปลายเท้า ความเย็นเยียบกัดกินทั่วทั้งร่างกายเหมือนเชื้อร้ายที่กำจัดมันไม่ได้

             “เธอเองก็น่าจะรู้ดีว่าเท็ดน่ะแรงขับเคลื่อนทางเพศสูงมากแค่ไหน เธอรับคนเดียวไม่ไหวหรอกน่าอย่าทำเป็นอวดดี รู้ ๆ กันอยู่ว่าพวกเรามันเซ็กส์เฟรนด์ มันก็บอกอยู่แล้วว่าแค่เรื่องบนเตียงเท่านั้น ไงล่ะ เห็นแก่ตัวไม่ยอมปล่อยเขา เธอก็โทรมจนไม่สบายอย่างนี้” พูดจบเธอก็หัวเราะ คนอื่น ๆ ก็หัวเราะด้วยเหมือนกัน

             ฉันเหมือนถูกรุมตบด้วยมือล่องหนที่มองไม่เห็นจนหน้าชา แต่ไม่เจ็บเท่าที่หัวใจมันเจ็บอยู่ตอนนี้

             “เวลาเท็ดอยากน่ะ ตรงไหนเขาก็เอาหมดแหละ เขาเคยทำเธอที่หน้าต่างยัง ซิงก์น้ำล่ะ

             ฉันไม่อาจทนฟังคำพูดพวกนั้นได้อีก รีบเดินออกมาก่อนจะเสียน้ำตาให้พวกเธอเห็น ซึ่งเป็นคนที่ฉันไม่รู้จัก และไม่อยากรู้จักด้วย

           แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้ยินเสียงของพวกเธอไล่ตามหลังมา และเสียดแทงเข้ามาถึงหัวใจที่บอบช้ำ

             “เวลาเขาร้อนน่ะสนุกถึงใจว่ามั้ย แต่พอจบแล้วเธอจะแย่เอานะ ระบมมากไม่รู้ด้วย แบ่งเขาให้พวกเราเถอะ ฉันจะได้แบ่งเบาภาระเธอยังไงล่ะ!” เสียงหัวเราะที่ตามมาก้องในหัวของฉัน

             จนฉันแทบจะกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง รีบเดินหนีออกมาก่อนจะทนไม่ไหวอีกต่อไป

             น้ำตาของฉันไหลตอนที่อยู่ล้างจานอยู่คนเดียวในห้องครัว ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเท็ดกลับมาตั้งแต่ตอนไหนเมื่อไหร่ มาสะดุ้งตอนที่เขาสวมกอดไว้จากทางด้านหลัง ซุกไซ้ใบหน้าลงกับต้นคอลาดไหล่เหมือนกับหมีหื่นคนเดิมคนเดียวที่คอยตามตอแยฉันมาตลอด

             “วันนี้ไม่มีเรียนเหรอ” เขาถาม แล้วก็จูบหนัก ๆ ตรงขมับ พาให้ร่างกายของฉันร้อนผ่าวไปหมด

             ฉันกำลังล้างจานอยู่ตรงซิงก์น้ำ ที่เดียวกับที่ผู้หญิงคนนั้นบอกกับฉันก่อนหน้านี้ ฝ่ามือร้อนผ่าวปัดป่ายตามร่างกายฉันเหมือนอย่างที่เขาทำมาตลอด ไม่บอกก็พอรู้ว่าเขาต้องการอะไร

             “ไปห้องนอนเถอะ ฉันว่า

             “วันนี้ฉันไม่ไหว” ฉันพูดก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยอะไรออกมา ร่างกายของเท็ดก็เกร็งเครียดอย่างเห็นได้ชัด จากวงแขนของเขาที่กอดเอวฉันเอาไว้

             “หือ?” เขาครางถาม ปลายจมูกโด่งได้รูปนั้นเฉียดแก้มฉันใกล้ ๆ จนรู้ว่าลมหายใจเขาร้อนมากเพียงใด

             “ฉันไม่ไหว เจ็บไปทั้งตัว” น้ำตาของฉันหล่นร่วง ก่อนที่ไหล่จะสะท้านขึ้นลงเพราะแรงสะอื้น

             “นายไปหาผู้หญิงคนอื่นของนายได้มั้ย ฉันรู้ ว่านายไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียว

     

     

     


    อัปได้ถึงเท่านี้นะคะ

    ฝาก E-Book ไว้ด้วยนะคะ

    กดที่รูปปกใหม่เพื่อซื้อได้เลย

    ขอบคุณจากใจค่ะ

    หรือ >>Click!!<<


    http://41.media.tumblr.com/6cd5ca0fe25e341bc0513e88ae209b29/tumblr_nmdu2vN2yV1qbetfwo2_1280.jpg
    http://40.media.tumblr.com/9791933c56c8453ac159788c397f5b51/tumblr_nmdu2vN2yV1qbetfwo3_1280.jpg

     



     

    Talk 1...

    Song :: Snow Patrol - Chasing Cars

    มีคนบอกว่าเรื่องนี้เป็นกับดัก ตอนนี้น่าจะดราม่าแล้ว

    นั่นสิ กับดักรึเปล่านะ หัวเราะ ทำไมอีเท็ดหื่นไม่เลิก

    สงสารคำหวานนะ ไม่ไหวแล้วกับอีหมีหื่นน่ะimage

    ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ หัวเราะ แต่ไหนๆ ทุกคนก็สังหรณ์ใจแล้ว

    ดราม่ากันไหม หัวเราะ image

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×