ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Roman Santa ทฤษฎีรักปล้นหัวใจนายหล่อร้าย

    ลำดับตอนที่ #2 : Roman Santa 🎁 eps. 01 What You Really Need Just Say...50%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 26.6K
      94
      12 ก.ค. 64


     

    1

    What You Really Need Just Say

    (...50%)

     

     

             “นายทำบ้าอะไรเนี่ย!” ฉันร้องออกมาเสียงหลง เมื่อถูกคนร่างสูงที่ชื่อโรมันนี่ลากไปที่ไหนสักที่โดยที่ฉันไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด

             ก่อนหน้านี้เอ็มบอกว่ามีเรื่องอะไรบางอย่างที่อยากให้ช่วย เพราะเห็นว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมคณะที่พอจะคุ้นหน้าคุ้นตาฉันเลยเดินตามมาเหมือนคนโง่

             แล้วเป็นยังไงล่ะ ฉันกลายเป็นของเซ่นของโรมันคนนี้ไปเลยน่ะสิ

             เพิ่งจะรู้ว่าเขาเล่นพนันเจ็ทสกีที่แข่งจนไม่เหลือเงินเลยสักบาท แล้วพอเห็นฉันเข้าก็เกิดความคิดชั่ว ๆ จะเอาฉันมาแทนเงินยังไงล่ะ

             หมอนั่น! สาบานเลย ถ้าเจอหน้าหมอนั่นอีกทีฉันจะเข้าไปกระชากผมเขาออกมาสักกระจุกหนึ่ง ไม่สิ ต้องแจ้งความเอาเรื่องให้ถึงที่สุด นี่ขนาดเห็นว่าเรียนที่เดียวกัน คณะเดียวกัน เคยเห็นหน้ากันมาบ้าง หมอนั่นยังหลอกกันได้

             “เธอเป็นแฟนของหมอนั่นเหรอ” โรมันถามเสียงเรียบแล้วออกแรงบีบข้อมือฉันให้แรงขึ้น คงเพราะฉันดิ้นไม่หยุด แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไงก็หลุดออกจากคนคนนี้ไม่ได้เลย

             “หมอนั่น? เอ็มเหรอ” ฉันถามแล้วก็จิกเล็บลงบนมือเขาที่กำข้อมือฉันไว้แน่น

             เขานี่ยังไงแน่นะ ไม่เจ็บบ้างหรือไง คนเหล็กหรือไงกัน

           “ใช่ หมอนั่นแหละ เธอเป็นแฟนมันใช่มั้ย” เขาถามแล้วก็ออกแรงลากฉันโดยไม่สะทกสะท้านอะไรเลย

             “ไม่ใช่!” ฉันตะคอกเสียงตอบเขาไปแล้วก็ดิ้นไม่หลุด

             ให้ตายสิ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย

     

     

             “โรม! ได้หญิงเหรอวันนี้” เสียงตะโกนของใครสักคนดังขึ้นมา

             ตอนที่คนตัวใหญ่เปียกชื้นไปทั้งตัวกำลังลากฉันไปตามทางเดินที่ปูด้วยกระเบื้องเป็นทางยาว เหมือนจะตรงไปยังบังกะโลที่เรียงราวเป็นแถวอยู่ตรงหน้า

             “อือ… ได้เงินเยอะละ อาทิตย์นี้ยังไม่มีผู้หญิงเข้ามาเลย” โรมันตอบผู้ชายคนที่ทักด้วยโทนเสียงที่เรียบเหมือนสีหน้าของเขา

             ก่อนที่เขาจะปรายสายตาคมกริบนั่นมามองฉันบ้าง

             ที่เขาพูดนั่น หมายความว่ายังไงกัน เขาเห็นฉันเป็นผู้หญิงอย่างว่างั้นเหรอ โรมัน! สายตาของเขาหยาบคายเหลือเกิน บอกตามตรงฉันไม่เคยเห็นใครใช้สายตาแบบนี้กับฉันมาก่อนเลยสักคนเดียว

             “ขอให้โชคดีแล้วกัน God bless you!”

             พระเจ้าประทานพรงั้นเหรอ ควรจะบอกฉันมากกว่านะ เพราะท่าทีคุกคามนี่โรมกำลังใช้กับฉัน ไม่ใช่ว่าฉันเป็นคนทำใส่เขา

             “โรมัน! นายเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเอ็ม แล้วก็ไม่เป็นผู้หญิงอย่างที่นายคิดด้วย”

             หมอนี่กินอะไรเป็นอาหารนะ ถึงได้แข็งแรงแล้วก็พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้น่ะ

             “เหรอ? แต่ที่ได้ยินเมื่อกี้เหมือนเธอจะมีบางอย่างกับหมอนั่นไม่ใช่เหรอ อะไรนะ ‘ถ้านายไม่ช่วยฉัน เราขาดกัน’ อะไรทำนองนี้แหละ” เขาพูดแล้วก็ยกมือเสยผมหน้าที่เปียกชื้นปรกหน้าขึ้น

             ยิ่งเขาทำแบบนี้ก็เผยให้เห็นหน้าเข้มดุดัน ดวงตาวาววับ คมกริบเหมือนกริชเงินเล่มสวย แค่สายตาของเขาก็เหมือนจะฟาดฟันให้ฉันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้เลย

             โรมัน… เขาเป็นใครกันแน่น่ะ

             “ไม่ นั่นฉันพูดในฐานะของเพื่อนร่วมคณะ โรมัน ถ้านายทำอย่างนี้กับฉันแล้วนายจะเสียใจ!” ฉันขู่ แต่เขาไม่มีทีท่าว่าจะกลัวคำขู่นี่เลย

             ตรงกันข้ามเขายังออกแรงลากแขนฉันให้เดินไปเรื่อย ๆ อีกด้วย จนมาถึงห้องห้องหนึ่ง เขาก็เปิดประตูเข้าไปด้วยเท้าก่อนจะเหวี่ยงฉันเข้าไป

             นี่มันเพิ่งจะสาย ๆ เองนะ นี่เขาไปอดอยากเรื่องผู้หญิงที่ไหนมาอย่างนั้นเหรอ หน้าตาอย่างเขาไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นเลยนะ อย่างเขาน่ะไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีผู้หญิงวิ่งตามเป็นพรวนอยู่แล้ว ตอนที่เขาแข่งเจ็ทในบึงก็เห็นอยู่ว่ามีผู้หญิงรุมกรี๊ดมากแค่ไหน

             แล้วเขามายุ่งกับฉันทำไมกัน

             “โรมัน… ชื่อนี้ฉันให้คนที่สนิทเรียกเท่านั้น อย่าเรียกฉันว่าโรมันเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเธอจะเสียใจ”

             ฉันเชื่อแล้วล่ะ ว่าใครเรียกชื่อนี้ต้องเสียใจ เพราะเมื่อฉันหลุดปากเรียกเขาว่าโรมันออกไป ก็ถูกผลักไหล่อย่างรุนแรงจนหลังของฉันกระแทกบานประตูเจ็บร้าวไปทั้งหลัง มือใหญ่เย็นชืดของเขาก็ตะปบเข้าที่ข้างแก้มของฉัน และออกแรงบีบจนเจ็บตึงไปทั้งหน้า

             ในห้องดูมืดสลัวเพราะผ้าม่านผืนหนาสีเข้มที่ปิดบานหน้าต่างเอาไว้ ในห้องแคบ ๆ ที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของผู้ชายทำให้ฉันรู้สึกตัวสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

             หยดน้ำจากตัวเขาตกกระทบร่างกายของฉันเม็ดแล้วเม็ดเล่า มันทำให้ฉันเปียกชื้นแต่ในขณะเดียวกันก็ร้อนไปทั้งตัวเมื่อเห็นแววตาของเขากำลังสื่ออะไรบางอย่างมาให้เห็น สายตาแบบนี้ไม่เป็นมิตรกับผู้หญิงอย่างฉันเลยจริง ๆ มันเหมือนกับผู้ล่าที่กำลังจ้องมองเหยื่อตัวน้อยที่หาทางดิ้นรนเอาชีวิตรอด

             “อย่าคิดว่าฉันจะจูบเธอล่ะ ปากสวย ๆ แบบนี้ไอ้เอ็มคงจูบบ่อยแล้วสินะ” โรมันเลื่อนปลายนิ้วโป้งมาคลึงริมฝีปากของฉันอย่างแผ่วเบา

             ดวงตาของเขามืดมิดราวกับรัตติกาลที่ไร้แสงจันทร์และแสงดาว ฉันมองอะไรไม่ออก มองอะไรไม่เจอ นอกจากความเวิ้งว้างว่างเปล่าเท่านั้น

             ฉันเม้มปากแล้วสะบัดหน้าให้หลุดจากมือของเขา จ้องมองคนตรงหน้าอย่างชิงชัง เขาเห็นผู้หญิงเป็นตัวอะไรกันแน่ นึกอยากลากก็ลาก นึกอยากมีอะไรด้วยก็ดึงเข้ามาหาง่าย ๆ อย่างนี้น่ะเหรอ

             ถ้าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์บ้า ๆ แบบนี้ฉันคงหัวเราะไปแล้ว แต่มันขำไม่ออก ซ้ำยังกลัวจนตัวเย็นไปหมดอีกด้วย

     

     

             “ฮึ! ฉันรู้ว่าเธอชอบฉันน่า เห็นเธอจ้องฉันตั้งแต่ฉันไม่แข็งเจ็ทเลยนี่ แล้วทำไมตอนนี้ถึงมาทำท่าแบบนี้เหรอ” โรมันเริ่มต้นถามอย่างหยาบคาย แล้วลากปลายนิ้วไปทั่วหน้าของฉันด้วยกิริยาที่ไม่ต่างจากคำพูดของเขาเลยสักนิด

             “นั่นสิ ฉันเป็นผู้หญิงของเอ็มนะ นายทำแบบนี้ทำไมเหรอ ไม่รังเกียจฉันที่เคยผ่านเขามาบ้างเหรอ” ฉันถามแล้วจ้องหน้าเขาไม่หลบ ไม่คิดจะเข้าใจใช่ไหม งั้นก็เข้าใจผิดแบบนั้นไปเลยแล้วกัน

             คราวนี้โรมันเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นแล้วก้มหน้าลงมองฉันอย่างท้าทาย ฉันไม่เข้าใจเลย เขาไม่รังเกียจผู้หญิงที่เล่นหูเล่นตากับชายอื่นทั้งที่มากับแฟนหรือไง หรือว่าเขามันเลวเกินไปที่จะมาใส่ใจเรื่องอะไรแบบนี้แล้ว

             “ก็อย่างที่บอก ว่าอาทิตย์นี้ฉันยังไม่มีผู้หญิงเข้ามาหาเลยสักคน บอกตรง ๆ ว่ามันก็อยากเหมือนกัน”

           ฉันยกเท้าขึ้นเตะหน้าแข้งเขาเต็มแรงทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น

           “Shit!” เขาสบถอะไรหลายอย่างรัวเร็ว ก้มหน้าแล้วสะบัดขาข้างที่ถูกฉันเตะสองสามที

             จากนั้นเขาก็เงยหน้ามองฉันด้วยสายตาที่กล่าวหาและโกรธจัด

             แต่ตอนนี้ฉันก็โมโหมากเหมือนกัน ให้ตายสิ ที่เขาด่าฉันเมื่อกี้นั่นมัน… ไอ้ชั่วเอ๊ย! ฉันน่าจะรู้ว่าหน้าอย่างเขาน่ะมันต้องนิสัยชั่วร้ายอยู่แล้ว ตั้งแต่เห็นรูปในเว็บไซต์นั่นแล้ว ไม่เข้าใจว่าเผลอมองเขาไปแวบหนึ่งได้ยังไง

             “นายสิ ไปตายซะไป หน้าตัวเมียเอ๊ย!” ฉันหงุดหงิด ก็เห็นเขาทำหน้าโกรธจัดขึ้นมาอย่างน่ากลัว

             นึกว่าโกรธเป็นคนเดียวหรือไง ฉันก็โกรธเป็นเหมือนกัน เขาว่าอะไรนะ เขาด่าฉันเป็นผู้หญิงอย่างว่า! เชื่อสิ ว่านี่เป็นคำพูดที่แรงที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินมาแล้ว

             “เอาละ อุ่นเครื่องพอแล้วใช่มั้ย เธอเป็นพวก M[1] อย่างนั้นเหรอ เดี๋ยวจัดให้” สายตาของโรมันเย็นชาน่ากลัว ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมาให้ได้ยิน

           “ฉันเองก็เป็นพวก S ซะด้วยสิ”

           “นายมันบ้าไปแล้ว!” ฉันตะโกนออกมาแล้วพยายามผลักเขาออก แต่เขาสูงใหญ่กว่าฉันมาก แถมแรงเยอะกว่าด้วย

           แค่มือเดียวของเขาก็ตรึงร่างฉันไว้ทั้งร่างด้วยมือเดียวของเขาได้แล้ว วินาทีต่อมาเขาก็เหวี่ยงฉันไปบนเตียงขนาดใหญ่ที่ปูด้วยเครื่องนอนสีดำทั้งชุดจนเจ็บจุกไปหมด จะร้องอะไรก็ไม่ออก โอ๊ย! เชื่อสิ ว่าหมอนี่มันคือซาตานที่มาจากขุมนรกน่ะ

             “แล้วก็ไม่บอกว่าเป็น M จะได้สนองตั้งแต่แรก” เขาบอกแล้วก็ถอดเสื้อที่เปียกชื้นของตัวเองโยนทิ้งไป

             ฉันพลิกตัวไปมาบนเตียงกว้างนี่แต่ก็ไปไหนไม่ได้ไกล เพราะถูกกระชากผมที่ผูกเป็นหางม้าเอาไว้ได้ จนเซปะทะกับร่างสูงใหญ่ พาให้เจ็บจนน้ำตาร่วง

             “เธอนี่น้า เอาละ ๆ เดี๋ยวฉันจัดการให้เท่าที่รู้มาไอ้เอ็มมันก็พวก M นี่นา คงไม่ถึงใจเธอสินะ” แล้วโรมันก็ขึ้นมาคร่อมเอวฉันไว้ในพริบตาเดียว

             ฉันขยับไปไหนไม่ได้เลย หัวใจเหมือนจะหยุดเต้นให้ได้ ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองเขาที่กำลังปลดกระดุมกางเกงอย่างรวดเร็วง่ายดาย

             “โรมัน! ไม่เอาแบบนี้นะ อย่าทำแบบนี้” ฉันหวีดร้องอย่างตกใจเมื่อเขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ด้วยท่าทีคุกคาม

             ถึงจะไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน แต่ก็ไม่ได้โง่ที่จะไม่เข้าใจว่าผู้ชายสารเลวคนนี้กำลังจะทำอะไร

             ร่างกายของฉันสั่นสะท้านเมื่อโรมันกัดที่ต้นคอแผ่วเบาเหมือนกำลังหยอกเล่น ไรฟันที่คมของเขากัดเข้าเนื้อทีละน้อย มันทำให้ทั้งเจ็บทั้งซ่านไปพร้อมกัน ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาทำให้ฉันแทบหลอมละลาย ปลายเส้นผมที่เปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำนั่น ทำให้ทั้งหน้าของฉันเปียกไปด้วย

             “โรมัน! โรมัน” ฉันได้แต่เรียกชื่อเขาและดิ้นอยู่ใต้ร่างสูงใหญ่อย่างทรมาน

             เรียวลิ้นที่ร้อนชื้นของเขาไล้ไปตามรอยกัดที่เขาทำไว้แต่แรก มันทำให้รู้สึกราวกับมีกระแสไฟฟ้ากระแทกร่างกายจนชาไปหมด แทบจะขยับไม่ได้ มีเพียงลมหายใจของฉันที่ดูเหมือนจะหอบขึ้น ขาดหายเป็นจังหวะ และทรมานเหลือเกิน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาถอดเสื้อของฉันออกไปตั้งแต่ตอนไหน

             รู้ตัวอีกทีฉันก็สะดุ้งเพราะหยดน้ำจากร่างกายของเขาหล่นกระทบร่าง มันเย็นจัดจนขนอ่อนทั่วร่างกายของฉันพร้อมใจกันลุกชัน เสี้ยวหน้าของโรมันที่เห็นนั้นกำลังกระตุกยิ้มอย่างพอใจที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ได้

             ร่างกายมันชาไปหมด เมื่อฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาไหลเลื่อนไปตามร่างกาย ทำให้ฉันหายใจแทบไม่ออก ความกลัวเข้ามาจู่โจมพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เข้าใจเลยว่ามันคืออะไรกำลังแล่นพล่านไปทั่วตัว

     

     

             “เอาไง จะไปต่อหรือหยุดดีล่ะ” เขายกตัวขึ้นขณะที่ฉันยังหัวหมุนคิดอะไรไม่ออก

             มือของฉันไขว่คว้าหาเขาเหมือนคนจมน้ำที่ขอความช่วยเหลือ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอะไรลงไป

             “เอ็ม หมอนั่นอ่อนหัดจริง ๆ น้า เรื่องนี้แค่ก็ทำไม่ได้เรื่องเลยว่ามั้ย?” มุมปากของโรมันยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นฉันทุรนทุรายเพราะเขา

             เขาร่ายมนตร์ใส่ฉันเหรอ เพราะเรี่ยวแรงมันหายไปหมดในพริบตาเดียว เขาพรมจูบหน้าฉันไปทุกที่ยกเว้นที่ริมฝีปาก ทุกครั้งที่ปลายลิ้นของเขาสัมผัสกับน้ำตาของฉัน ฉันก็สะดุ้งขึ้นมาทุกครั้ง คล้ายกับว่าตัวเองกำลังจมน้ำอยู่ จะตายก็ไม่ตาย แต่จะหายใจก็ทำไม่ได้ มันเกิดอะไรขึ้นกัน

             “เอาเลย คิดว่าทำได้ก็เอา...” เขาพูดอะไรสักอย่างที่ไม่เข้าใจ เสียงกระซิบนั้นเหมือนลอยมาจากที่ไกลแสนไกล แต่ตอนนี้ฉันจะทำอะไรได้เพราะคิดอะไรไม่ออกเลยสักนิดเดียว

           “คนเลว… หยุดเดี๋ยวนะ” ฉันพูดกระท่อนกระแท่นเพราะหัวหมุนไปหมด

             “ลองอ้อนวอนขอความรักความเห็นใจดูสิ...”

             เขากำลังบอกให้ฉันพูดว่ารักเขาอย่างนั้นเหรอ ไม่เข้าใจเลยว่ามันคืออะไรกันแน่

             “ฉันอาจจะปล่อยเธอไปก็ได้นะ…”

             โรมัน เขากำลังทำอะไรฉันอยู่ ทำไมมันร้อนผ่าวไปหมดแบบนี้ สติความนึกคิดราวกับถูกไฟเผาจนหายใจไม่ออก ได้แต่ดิ้นทุรนทุรายอยู่อย่างนี้ ริมฝีปากของเขาแตะไปที่ไหนก็เหมือนจะมีไฟลุกที่นั่น ต้นคอ เนินอก แก้ม ทุกทีที่ที่ถูกสัมผัส ทำให้ฉันทรมานเจียนบ้า

             ต้องทำยังไงเขาถึงจะปล่อยฉันไป ต้องทำยังไง

             “โรมัน…” ฉันเรียกชื่อเขาแล้วก็ข่วนแขนเขาเต็มแรงเท่าที่เรี่ยวแรงจะพอเหลืออยู่

           “ไม่พูดสักหน่อยเหรอ”

             “โรมัน…”

             ฉันต้องพูดอะไรล่ะ ไม่ไหวแล้ว รู้สึกเหมือนว่าร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ อยู่แล้ว

             “ก็อย่างที่บอกเมื่อกี้ไง ถ้าบอกว่ารักอาจจะยอมปล่อยนะ” พูดแล้วโรมันก็หัวเราะ ยิ่งทำให้ฉันสับสน

             ฉันคงเข้าใจอะไรผิดไปแน่ ‘รัก’ เหรอ อย่ามาตลกนะ

             “โรมัน…” เขาก้มลงจูบหน้าผากฉันอีกทีหนึ่ง

             “พูดหน่อยน่า...” น้ำเสียงของเขาราวกับกำลังหยอกล้ออยู่อย่างไรอย่างนั้น

             “รัก…” หมายความว่ายังไง…

             ยังไม่ทันได้ถามจบประโยค เสียงของฉันก็ขาดหายไปอย่างกะทันหัน เมื่อเรียวปากร้อนผ่าวของโรมันแนบลงที่ต้นคอโดยไม่มีช่องว่างให้คิดอะไรเลย

             ฉันจำไม่ได้ว่าจากนั้นเกิดอะไรขึ้น อาจจะเป็นเพราะสมองควบคุมอะไรไม่ได้แล้ว เมื่อใบหน้าที่งดงามราวกับปีศาจของเขาโน้มเข้ามาใกล้ ก็เหมือนว่าทุกอย่างใกล้จะมืดดับไปโดยไม่รู้ตัว

             สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือรอยยิ้มของเขา

             เป็นรอยยิ้มที่แสดงให้เห็นถึงความพ่ายแพ้ที่ย่อยยับของฉันเอง…

     

     

             ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าเย็นมากแล้ว ผ้าม่านหนาที่เห็นปิดบานหน้าต่างตอนแรกถูกรวบเข้าไว้มุมหนึ่ง ทำให้เห็นบรรยากาศยามเย็นที่ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า ฉันเบือนหน้าหนีแสงสีส้มแก่ที่สาดส่องเข้ามาจากทางหน้าต่าง เพราะมันแสบตาเหลือเกิน

             แล้วพลันนั้น ร่างกายก็เย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็งขึ้นมาในทันที เมื่อเห็นใครคนหนึ่งนั่งคร่อมเก้าอี้กอดพนักพิงไว้ แล้วมองมาด้วยสายตาคมกริบ

             สายตาแบบนั้น โรมันนี่…

           ฉันทะลึ่งตัวลุกขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นชัดว่าเป็นใคร ก่อนจะนิ่วหน้าเพราะเจ็บแปลบไปทั้งตัว ใจหายวูบเมื่อเห็นว่าตัวเองไม่มีอะไรติดตัวเลยนอกจากผ้าห่มผืนเดียวเท่านั้น รีบดึงผ้าห่มมาปิดบังร่างกายเอาไว้ให้มิดชิดกว่าเดิม ทั้งยังรู้สึกแสบร้อนไปทั้งหน้า

             เรื่องนั้น… เรื่องนั้น ไม่จริงน่ะ ไม่จริงใช่ไหม

             “ลงไปจากเตียงฉันสิ ตื่นแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันจะนอน”

             ไอ้เลว! ฉันน้ำตาตกเมื่อได้ยินหมอนี่พูดมาแบบนี้ จ้องหน้าเขาเขม็ง และเขาก็จ้องตอบไม่ยอมสายตา

             “นายหันหลังก่อนสิ ฉันจะใส่เสื้อ” ฉันพูด แต่เขาโรมันไหวไหล่ เพิ่งเห็นว่าเขามีแค่กางเกงยีนติดตัวเพียงตัวเดียวเหมือนกัน

             “ฉันก็เห็นหมดแล้วนี่ จะอายอะไร”

             “โรมัน…” ฉันพูดชื่อเขาแล้วเม้มปากแน่น

             “เอาละ ก็ได้ ถ้าออกไปล็อกห้องให้ด้วยนะ ฉันจะนอนแล้ว” เขาบอกแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำเล็ก ๆ ที่ติดอยู่ในห้องนี้ไปทันที

             น้ำตาของฉันหล่นลงมาทันทีเมื่อเขาหายไปจากสายตาแล้ว แล้วก็รีบลงจากเตียงขาสั่น ๆ หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมแล้วก็เดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับมามองอะไรเลย ควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็เห็นมิสคอลของยัยโบว์อยู่ห้าสาย ฉันยกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตาแล้วก็กดโทรออกทันที

             (ต้า แกอยู่ไหนวะ โทรไปหลายทีแล้วนะ)

             พอได้ยินเสียงเพื่อน จากที่ตั้งใจจะตรงไปหาโบว์แล้วชวนกลับ ฉันก็หมดแรงจนทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ แล้วร้องไห้ออกมาอย่างหวาดกลัว

             (เฮ้ย! ต้า เป็นไรน่ะ มีอะไรเหรอ เป็นไร อยู่ที่ไหน)

           “แกอยู่ไหน มารับทีสิ ฉันอยู่ที่อู่นรกนี่แหละ” ฉันบอกแล้วก็ป้ายน้ำตาออกจากแก้ม แต่ยิ่งเช็ดดูเหมือนว่ามันจะยิ่งไหลหนักขึ้นทุกที

             (อยู่ที่อู่ที่เดิมนี่แหละ ฉันนั่งรอดูเบอร์หนึ่งของที่นี่แข่งเจ็ทอยู่น่ะ ดูเหมือนเขาจะชื่อโรมันน่ะ เห็นคนที่มารอก็บ่น ๆ ว่าเขาไปไหนไม่รู้)

           ฉันกลั้นเสียงโฮไว้แทบไม่อยู่ พยายามตั้งสติให้ได้ เช็ดน้ำตาแล้วก็ตั้งใจว่าจะกลับไปเอง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นจมูกลอยมา ไม่นานก็เห็นร่างสูงใหญ่ที่เดินเลยผ่านหน้าไปทั้งที่ฉันยังนั่งร้องไห้อยู่บนทางเดินนี่แหละ

             และใครคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ไอ้สารเลวโรมันน่ะ…

             ไหนบอกว่าจะนอนไงล่ะ แล้วออกมาทำไม

             อ้อ… ไล่ให้ฉันออกจากห้องหน้าตาเฉยสินะ ไอ้คนเลว

           ร่างสูงโปร่งนั้นเดินเลยผ่านไปเหมือนไม่เห็นหัวใคร เขากำลังเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ ฉันเห็นแค่แผ่นหลังกว้างของเขาเท่านั้นจากตรงนี้

             (ต้า! แกยังอยู่มั้ย?)

           “โบว์ งั้นฉันกลับก่อนนะ แกนั่งดูไปแล้วกัน มีอะไรก็โทรมาเลยนะ ฉันปวดหัวน่ะ” ฉันบอกแล้วก็ลุกขึ้นยืน เดินไปยังอีกทางกับทางที่โรมันเพิ่งผ่านเดินไป

             (เป็นไรมั้ย แต่แข่งไม่นานหรอก เห็นว่าคนนี้น่ะเก่งมากเลย รอฉันก่อนมั้ย แกเป็นอะไรรึเปล่า?)

           “ปวดหัวน่ะ แค่นี้นะ” ฉันพูดแล้วกดตัดสายของยัยโบว์ทิ้งไป แล้วก็เดินออกมาข้างหน้าอู่เพื่อหาแท็กซี่สักคันหนึ่ง

             โรมัน ไอ้บ้า สารเลว ชาตินี้อย่าได้เจอกันอีกเลย…

     


     


    [1] มาโซคิสม์ (Masochism) หมายถึงความสุขหรือความพึงพอใจเมื่อได้รับความเจ็บปวดกับตัวเอง คำนี้มีที่มาจากชื่อของมาร์กีส์ เดอ ซาด (Marquis de Sade) นักเขียนและนักปรัชญาชาวฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อในการเขียนนิยายแนวนี้

    - ซาดิสม์ (Sadism) คือความสุขหรือความพึงพอใจในความเจ็บปวดและความทุกข์ของผู้อื่น

    นิยายเรื่องนี้หมดสัญญากับทางสำนักพิมพ์แล้ว

    มู่เลยนำมาทำ E-Book เองค่ะ

    สามารถซื้อ E-Book ได้ที่ Meb เลยนะคะ

    กดที่รูปปกใหม่เพื่อซื้อได้เลยค่ะ

    ขอบคุณจากใจมาก ๆ เลยนะคะ

    หรือ >>Click!!<<


     

     

     

    Song :: for KING & COUNTRY - God Only Knows

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×