ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สิเน่หาราตรี [นิยายชุด ต้องมนตร์มาเฟีย]

    ลำดับตอนที่ #3 : Night of Love 🌺 01 Can’t Pretend...100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 20.9K
      113
      29 ธ.ค. 64

    http://24.media.tumblr.com/8c863d45b7509b3d0f184738a62932a5/tumblr_mvnjd032iM1qbetfwo6_500.jpg
    พ่อ หนาวไหม ต้องการหมอนข้างเพิ่มรึเปล่า ><

     

    1

    Can’t Pretend

    (…100%)

                มณฑาเทวีรู้สึกตัวเลือน ๆ ก็ตอนที่พบกับความอุ่นละมุนที่แทรกซึมไปทั้งตัว ขับไล่ความหนาวเย็นออกไปได้อย่างชะงักงัน เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้น เห็นไอละอองของน้ำลอยล้อมรอบตัวเอง เมื่อกะพริบตาถี่จนปรับภาพได้ชัดเจนก็สะดุ้งสุดตัวจะลุกจากอ่างน้ำอุ่นที่แช่ตัวอยู่จนน้ำกระเพื่อมกระฉอกออกนอกอ่างน้ำ

                จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร ในเมื่อสบสายตากับนักล่าที่มองมาอยู่แล้วน่ะ

                ก่อนจะล้มหัวฟาดลงกับพื้น อุ้งมือใหญ่ก็รั้งให้เธอปะทะเข้าหาอ้อมอกแข็งแรงในวินาทีต่อหน้า หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีระเบิดร้อน ๆ พร่างพราวในร่างกายจนชายิบเมื่อรู้ว่าคนที่กอดอยู่นั้นคือใคร

                จะมีใครอีกเล่าที่กล้าทำเรื่องอุกอาจขนาดนี้ถ้าไม่ใช่โอดอล์ฟ เกซีราฟ…

                “หยุดนะ!”

                สาบานได้ว่าเธออยากจะพูดคำนี้ออกไปจริง ๆ แต่เสียงที่เปล่งออกไปกลับกลายเป็นเสียงครางฟ่อแฟ่เหมือนภาษาพาร์เซล[1]ในหนังสือแฟนตาซีชื่อดังของโลกก็ไม่ปาน

                “ปล่อยฉันนะ!!”

                โอ๊ย นี่กลายเป็นพวกพาร์เซลเมาท์ไปแล้วเหรอยัยมณฑา… มณฑาเทวีด่าตัวเอง ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำของหมาป่าตัวร้ายที่กอดร่างเล็กของเธอไว้แน่น ราวกับจะบดขยี้ให้จมหายเข้าไปในอกกว้างแข็งแกร่งกำยำนั้น พาให้โมโหอย่างบอกไม่ถูก

                “รู้สึกตัวก็ดีแล้ว เธอหลับไปตั้งนานจนฉันตกใจคิดว่าจะหลับไม่ตื่นแล้วซะอีก ไปหาอะไรกินกันเถอะ ท่าทางเธอต้องป่วยแน่ ๆ ถ้ายังอ่อนแอไม่แข็งแรงเหมือนคนอื่นแบบนี้น่ะ” โอดอล์ฟพูดเองเออเองชนิดที่ว่าคนฟังไม่สามารถท้วงอะไรได้เลย

                “ไม่เอา อ๊ะ ปล่อยฉัน…” หญิงสาวอยากจะร้องกรี๊ดเพราะชายหนุ่มฟังที่ไหน เขาลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่แล้วก็คว้าเสื้อคลุมสวมให้เธอกับมือ และพาเดินออกมาข้างนอกซึ่งมีอาหารรออยู่แล้ว

                ท้องน้อย ๆ ส่งเสียงประท้วงจนเจ้าของได้อาย หน้าหวานแดงพร่างพยายามกรีดร้องด่าทอเพื่อให้เขาปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ

                “ไม่รู้เรื่องเลยแม่ดอกมณฑาคนงาม แต่ก็เข้าใจมาก ๆ ว่าเธอหิวแล้วก็อยากนอนพัก”

                คราวนี้มณฑาเทวีกรีดร้องเสียงฟ่อแฟ่เหมือนงูในคอด้วยความคับแค้นใจ ดิ้นรนได้ไม่เท่าไหร่ก็หมดแรงหอบแฮ่กในอ้อมแขนของพ่อหมาป่าตัวร้ายที่เอาแต่หัวเราะเยาะไม่หยุด

                เธอไม่ได้สวมเสื้อผ้าเลยนอกจากเสื้อคลุมตัวเดียว และถูกห่อหุ้มด้วยร่างกายสูงใหญ่กำยำของโอดอล์ฟแทนเสื้อผ้าหนานุ่ม แต่กระนั้นมันก็อุ่นมากจนสติเลอะเลือนไม่เป็นตัวของตัวเอง มณฑาเทวีจำไม่ค่อยได้ว่ากินอาหารได้เยอะหรือเปล่า

                เมื่อจัดการกับอาหารเสร็จก็ถูกอุ้มตัวไปนอนบนเตียงหนานุ่มที่เย็นชืดในตอนแรก ก่อนที่ไออุ่นจากร่างกายของชายหนุ่มช่วยลดทอนความเหน็บหนาวได้

                “หนาวมากเลยเหรอ” น้ำเสียงของโอดอล์ฟเต็มไปด้วยความหยอกเย้าเอาแต่ใจ ซึ่งมณฑาเทวีไม่สามารถรับมือได้ นอกจากหายใจรวยรินในอากาศที่หนาวยะเยือกแทบจะไม่มีออกซิเจนให้หายใจ

                “มาทำอะไรให้ตัวอุ่น ๆ กันเอาไหม?” แววตาของคนพูดเจ้าเล่ห์นัก

                ตอนนี้แม่ดอกมณฑาเหี่ยวเฉาเพราะลมหนาว กัดฟันมองหน้าคมคายอย่างแค้นเคือง แต่มีหรือโอดอล์ฟจะกลัว ซ้ำเขายังดึงผ้าห่มมาคลุมเอาไว้ มองมาด้วยสายตาหื่นกระหาย แล้วยังจะคำพูดแทะโลมให้หัวใจของสาวน้อยเต้นแรงนั่นอีก

                “เค้าว่าร่างกายจะอุ่นขึ้นถ้าหัวใจทำงานหนัก ๆ เข้า มาทำอะไรให้หัวใจเต้นแรงกันดีไหม” โอดอล์ฟไม่พูดเปล่า ยังเอาปลายนิ้วไต่แตะไปบนหน้าอกอิ่มเหมือนจะคลึงเคล้าเล่น แต่มณฑาเทวีตีเพี๊ยะสุดแรงและขึงตาใส่อย่างหัวเสีย

                “มาเล่นกันเถอะ มาเล่นอะไรก็ได้ให้ใจเต้นแรงกันนะ อ้อ อย่ามาพูดภาษางูใส่ด้วยนะ เพราะฉันฟังไม่เข้าใจ ฟังทีไรได้ยินว่าเยส เยส ทุกทีเลย…”

                มณฑาเทวียกมือทุบเขาอย่างเหลืออดและถูกดึงมือไปจูบแรง ๆ ก่อนที่ร่างสูงจะพลิกตัวคร่อมร่างเล็กเอาไว้ แลบลิ้นเลียมุมปากก่อนจะจูบแก้มใสหนักหน่วงด้วยความมันเขี้ยว

                “มาเถอะ… มานอนกอดกันรักกันดีกว่านะแม่ดอกมณฑา อยากเสียบหล่น ๆ จัง ให้ตายเถอะ!”

                “อย่านะ คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันจะ แจ้งความ!” มณฑาเทวีบอกเสียงกระท่อนกระแท่น หายใจแทบไม่ออกเมื่อวงแขนแข็งแรงโอบกอดรัดร่างกาย แทบจะเป็นคำว่าบดขยี้ร่างเล็กของเธอให้ป่นเป็นผุยผงในอ้อมอกของเขาได้อยู่แล้ว

                “ข้อหา?” ชายหนุ่มย้อนถาม ยิ้มที่มุมปากด้วยความพึงพอใจที่ทำให้เธอหัวเสียได้ถึงเพียงนี้

                แบบนี้สิถึงจะสนุก ผู้หญิงที่คอยตามใจทุกอย่างมันจะไปสนุกอะไร ชายหนุ่มคิด พลางมองคนตัวเล็กที่ทำอวดเก่งทั้งที่ไม่มีอะไรจะอวดด้วยความรู้สึกชอบใจ

                “กักขัง หน่วงเหนี่ยว ขืนใจ…”

                “อ๊ะ ๆ… ข้อสุดท้ายยังไม่ได้ทำเลยนะครับคุณผู้หญิง อีกอย่างตอนนี้อยู่บนภูเขาหิมะสูงขนาดนี้จะกลิ้งลงไปแจ้งความกับตำรวจเหรอ ป่านนั้นเธอคงถูกหมาป่าแทะไม่เหลือซากแล้ว” โอดอล์ฟว่าพลางหัวเราะร่วน สร้างความขุ่นเคืองใจให้กับมณฑาเทวีเหลือเกิน

                ชายหนุ่มเองก็ไม่รู้ตัวเลยว่ามีนิสัยชอบแกล้งกระเซ้าเย้าแหย่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอเห็นหน้าหวานชักสีหน้าเข้าใส่แล้วก็ยิ้มได้ทุกที

                มึงท่าจะบ้า… ผู้หญิงโกรธใส่ด่าใส่กลับหัวเราะซะงั้น

                พ่อหมาป่าหนุ่มคิดอยู่ในใจ มองมือเล็กของมณฑาเทวีที่ยันอกตัวเองให้เกิดช่องว่างเอาไว้ แต่แค่เสี้ยววินาทีเขาก็สามารถกอดกระชับร่างบางจนแนบสนิทกลายเป็นเนื้อเดียวกันได้อย่างง่ายดาย

                “อีกอย่าง แม่ดอกมณฑา ฉันยังไม่ได้มีอะไรกับเธอเลยนะ จะยอมขึ้นขาหยั่งอ้าขาให้หมอตรวจดูข้างในเลยเหรอ ให้ฉันดูให้ดีกว่าไหม” พูดจบโอดอล์ฟก็ต้องนิ่วหน้า เพราะมณฑาเทวีหวีดร้องใส่สุดเสียงจนต้องปิดปากเธอด้วยเรียวปากร้อนรุ่ม กั้นทุกเสียงร้องได้อย่างชะงักงัน

                จูบ!? จูบเหรอ

                คนตัวเล็กอุทานในอกอย่างตกตะลึง ยังไม่ทันทำอะไรเรียวลิ้นร้อนชื้นของคนนิสัยไม่ดีก็สอดเข้ามาในโพรงปาก ดูดดึงหยอกเย้าลิ้นเล็กของเธออย่างดุดันเร่าร้อน

                หลังจากหายตกใจ มณฑาเทวีก็พยายามดิ้นรนให้พ้นจากวงแขนหนาหนัก แต่มีหรือหมาป่าตัวร้ายจะยอมปล่อย

                อุตส่าห์วางแผนตั้งหลายอย่าง เรื่องอะไรจะปล่อยให้โอกาสแสนงามหลุดมือไป จูบไปก็ชื่นใจนัก เมื่อแม่ตัวเล็กตัวอ่อนระทวย สีหน้าเคลิ้มอายน่ารักน่าเอ็นดูนัก

                มณฑาเทวีฮึดฮัดได้ไม่นานก็หอบหายใจอย่างอ่อนล้า ปล่อยให้คนตัวโตกอดจูบซุกไซ้ได้ตามอำเภอใจ เนื่องจากตอนนี้หมดแรงจนร่างกายชาหวิว อากาศเย็นเยือกแถมมีออกซิเจนบางเบาทำให้คนที่ไม่เคยเจอสภาพอากาศที่รุนแรงแบบนี้สิ้นฤทธิ์ เวียนหัวจนหน้าซีดเซียว

                โอดอล์ฟเห็นท่าแล้วไม่ค่อยดีก็ผละออกห่าง หยิบผ้ามาเช็ดเหงื่อเม็ดเล็กละเอียดที่ผุดพรายตามกรอบหน้าหวาน ยกศีรษะเล็กให้สูงขึ้นเล็กน้อยด้วยการให้หนุนแขนหนุนไหล่จนสีหน้าของเธอดีขึ้น

                “เฮอะ… บอกก่อนนะว่าฉันทั้งอุ้มเธอเข้าบ้าน ทั้งอาบน้ำให้ ทั้งสละแขนให้นอนหนุน เพราะงั้นฉันจะไม่ขาดทุนเปล่า ๆ แบบนี้แน่”

                มณฑาเทวีได้ยินเสียงแต่จับใจความอะไรไม่ค่อยได้ หายใจสะดวกขึ้นเมื่อชายหนุ่มหยิบยาดมมาจ่อที่รูจมูกให้ เพราะนายแม่ของเกซีราฟอย่างคคนางค์สั่งซื้อมาจำนวนมากเพื่อเป็นยาสามัญประจำบ้านสำหรับที่นี่

                “ดีขึ้นไหม?” เขาถาม น้ำเสียงอ่อนโยนลงเป็นเท่าตัว กระทั่งตนเองก็ไม่รู้ว่าอ่อนลงเป็นเหมือนคนอื่น

                “…” มณฑาเทวีไม่ตอบได้แต่พยักหน้าน้อย ๆ ลมหายใจยังติดขัดดูทรมานเพราะไม่เคยเจอสภาพอากาศที่เลวร้ายขนาดนี้มาก่อน ไม่ช้าก็หลับสนิทไปด้วยความอ่อนเพลีย

                แต่โอดอล์ฟยังไม่หลับ เขานอนมองหน้าหวานที่หลับตาพริ้มในอ้อมแขนเพลินจนลืมเวลา ผิวกายของเธอช่างเนียนละเอียดแทบไม่เห็นรูขุมขน แถมยังนุ่มละมุนทุกสัมผัสจนอยากจะกอดเอาไว้ตลอดเวลา มองไปมองมาก็เผลอหลับตามไปโดยไม่รู้ตัว

     

     

                พอรู้สึกตัวอีกทีตอนเช้าแล้ว…

                มณฑาเทวีก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเพราะเพิ่งจำได้ว่าโอดอล์ฟทำเรื่องร้ายกาจอะไรไว้บ้าง หันไปทุบตีเขาด้วยความแค้น แต่หมาป่าตัวร้ายไม่สะเทือน

                “ดิ้นมาก ๆ เข้าเดี๋ยวเสื้อคลุมก็หลุดหรอก ข้างในไม่ได้ใส่อะไรไว้ไม่ใช่เหรอ” เสียงทุ้มถามด้วยน้ำเสียงที่เจืองัวเงียอยู่บ้าง

                “เพราะคุณไม่ใช่เหรอที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้น่ะ” ว่าไปก็มณฑาเทวีทุบไปแล้วก็ใช้อีกมือหนึ่งจับสาบเสื้อเอาไว้แน่น

                “ที่นี่ที่ไหน คุณพาฉันมาที่ไหนกันแน่” คนตัวเล็กถามอย่างหวาดหวั่น จำได้ว่าเมื่อวานเดินตามหลังคณะกองถ่ายอยู่ดี ๆ ก็หน้ามืด และถูกบงการจากคนเผด็จการที่มีชื่อว่าโอดอล์ฟคนนี้

                “แล้วคิดว่าที่ไหนล่ะ” ชายหนุ่มย้อนถามด้วยน้ำเสียงยียวน

                การกระทำนั้นทำให้หญิงสาวเม้มปากแน่นยกมือทุบอีกทีด้วยความโมโห แต่กลายเป็นว่าถูกเขายึดมือไว้แน่น และบังคับให้กางฝ่ามือก่อนจะดึงไปลูบไล้แผงอกกว้างเปลือยเปล่าที่เรียบตึงลื่นมือนั่นแทน

                มณฑาเทวีชักมือออกมาแทบไม่ทัน หน้าแดงพร่างทั้งโกรธทั้งอายขึงตาใส่ แต่โอดอล์ฟก็ยังยิ้มเกลื่อนปราศจากความกลัวหรือความสำนึกผิดใด ๆ ทั้งสิ้น

                “ไม่ตลกนะ ฉันอยากไปหาเพื่อน แล้วที่นี่มันที่ไหนกัน” ถามแล้วมณฑาเทวีก็เงยหน้าขึ้น เมื่อร่างสูงเดินลงจากเตียงไม่สนใจภาพเนื้อตัวที่เกือบเปลือยเปล่างดงามนั่นสักนิด อากาศในห้องอุ่นจากฮีทเตอร์ก็จริง แต่มันก็ยังหนาวมากอยู่ดีสำหรับคนที่อยู่เมืองร้อนมาตลอดชีวิตอย่างมณฑาเทวี

                “เมื่อวานเราเจอพายุกลางทางน่ะ ฉันเลยต้องพาเธอมาพักที่นี่” เขาปด และแน่นอนว่าเธอไม่รู้

                คนที่เพิ่งเคยเจอหิมะเป็นครั้งแรกไม่รู้แน่ว่าระหว่างลมหิมะธรรมดากับพายุหิมะต่างกันยังไง หลงเข้าใจว่ามันเป็นความจริง

                “แล้วฉันจะไปเจอกับหัวหน้าฉันยังไง” เธอถาม อับอายจนปวดหัว เพราะไม่รู้ว่าเมื่อคืนสร้างเรื่องอะไรไว้หรือเปล่า

                รู้ตัวเลือนรางว่าเขาอาบน้ำให้นี่แหละ คิดว่าตัวเองคงล้มกระแทกพื้นจนมอมแมมไปทั้งตัว เขาเลยสงสารช่วยอาบน้ำให้ เพราะตอนนี้ก็ปวดระบมไปทั้งเนื้อทั้งตัว

                “เดี๋ยวจะออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกดู ตรงนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์” พูดจบโอดอล์ฟก็ยิ้ม เห็นหน้าเหลอหลาของมณฑาเทวีแล้วก็อดขำไม่ได้

                เธอเหมือนเด็กน้อยที่ถูกหลอกได้ง่ายดายเหลือเกิน ไม่รู้เลยหรือนี่ว่าเขาโกหกทุกเรื่องเลย

                “ขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนก็แล้วกัน…”

                หนาวขนาดนี้ยังจะอาบน้ำอยู่เหรอ มณฑาเทวีคิดในใจอย่างหนาวเหน็บ สิ้นหวังเพราะไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหนบนโลกนี้ อยากไปเจอกับทุกคนใจแทบขาด

                เห็นสายตาเจ้าเล่ห์ของโอดอล์ฟก็พอเข้าใจว่าเขามีเล่ห์เหลี่ยมร้ายกาจ แต่จะทำอย่างไรได้เล่า ถ้าไม่ทำดีกับเขาคงหาทางกลับบ้านไม่ได้แน่

                “มาช่วยโกนหนวดให้หน่อยสิ…” โอดอล์ฟพูดอีกคำ ก่อนหัวเราะลั่นเมื่อเห็นร่างบางสะดุ้งสุดตัว

                เสียงหัวเราะของหมาป่าตัวร้ายทำให้มณฑาเทวีตกใจในตอนแรก จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความโกรธเมื่อเขาเห็นเป็นเรื่องตลกเหลือเกิน

                “เรื่องอะไรฉันจะทำแบบนั้นให้คุณ” เธอกอดตัวเองแน่น มองผ่านผ้าม่านสีเลือดหมูตรงบานหน้าต่างที่ทำด้วยกระจกโปร่งก็เห็นแต่หิมะขาวโพลนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย ไม่รู้ว่ามันจะหยุดตกเมื่อไหร่ หรือไม่ก็คงไม่มีวันหยุดเลย

                “งั้นคืนนี้อย่าร้องครางอีกนะว่าเจ็บ…” คนพูดทำตาอ้อยอิ่มแถวเนินอกอิ่ม ส่งผลให้มณฑาเทวีกระถดตัวหนีแทบจะตกเตียง เกลียดเหลือเกินกับสายตาหื่น ๆ ที่มองมานั่น

                “เจ็บ… พูดอะไรของคุณนะ” เธอไม่เข้าใจความหมาย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องอายด้วย

                “ก็พอมีหนวดแล้วจูบเธอ เธอบอกว่าแสบแก้มแสบนมทุกที”

                “โอดอล์ฟ!” มณฑาเทวีร้องกรี๊ดสุดเสียงด้วยความโมโหปนอับอาย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความแค้นจัดเมื่อชายหนุ่มไม่เลิกหัวเราะ

                “ก็จริงอะ หรือจะให้ไปแสบที่อื่นด้วย… ตรงไหนดีล่ะ ที่มันนุ่ม ๆ บอบบางที่สุด”

                ไม่อาจทนฟังถ้อยคำร้ายกาจหวามไหวนั่นได้อีกต่อไป มณฑาเทวีจึงโถมตัวซบหน้าลงกับเตียงกว้าง ครางออกมาด้วยความคับแค้นใจ โอดอล์ฟเอาแต่หัวเราะก่อนจะเดินผ่านร่างบางไปห้องน้ำแต่ยังไม่วายจับสะโพกของเธอด้วย ร่างบางสะดุ้งขดตัวหนีร้องกรี๊ด ๆ อย่างเสียสติ

                ไอ้เลว ไอ้หื่น ไอ้คนชั่ว! เธอกรีดร้องด้วยความคับแค้นใจ รออย่างอ่อนเพลียจนกระทั่งเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินออกมาจากห้องน้ำ

                ถึงแม้ว่าตอนนี้ร่างกายจะเริ่มปรับตัวได้กับอากาศที่หนาวเย็นแบบนี้แล้ว แต่ก็ยังทนไม่ค่อยไหวนัก ร่างกายยังหนาวสั่น ซุกตัวใต้ผ้าห่มผืนหนาก็มีกลิ่นอายของผู้ชายร้ายกาจคนนั้นซะได้ หนำซ้ำตอนนี้เขาก็ยังมาหยุดยืนซ้อนอยู่ข้าง ๆ เพราะไออุ่นลอยมาปะทะร่างกาย

                “ฉันขอคุยโทรศัพท์กับหัวหน้าด้วยได้ไหม” มณฑาเทวีถามเสียงอู้อี้ใต้ผ้าห่มที่ซุกตัวอยู่ ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำก่อนเป็นอย่างแรงจนเริ่มจับทางได้ว่านั่นเป็นนิสัยวายร้ายของเขา แต่ก็ยังอดโกรธไม่ได้ทุกที

                “ก็ลุกมาแต่งตัวสิ ออกไปทั้งเสื้อคลุมตัวเดียวเดี๋ยวได้แข็งตายหรอก อีกอย่างผู้ชายอยู่ข้างนอกกันเต็ม”

                คำพูดของโอดอล์ฟทำให้มณฑาเทวีฉุกใจคิดขึ้นได้ว่าเขาเป็นผู้มีอิทธิพล เวลาจะไปไหนมาไหนก็มีคนเดินตามล้อมหน้าล้อมหลัง อดคิดไม่ได้ว่าเขาจะมีโอกาสได้เดินเที่ยวตามลำพังสักครั้งในชีวิตบ้างหรือเปล่า

                ไปคิดถึงเรื่องนั้นทำไม อย่างผู้ชายคนนี้เหรอจะน่าสงสาร

                มณฑาเทวีย้ำเตือนกับตัวเองเพื่อบอกว่าโอดอล์ฟร้ายกาจมากแค่ไหน เธอค่อย ๆ โผล่หน้าออกมาใต้ผ้าห่ม อยากจะทำร้ายเขาเหลือเกิน แต่ก็รู้ดีว่าในสถานการณ์แบบนี้มันอันตรายเพียงไร ถ้าดื้อดึงทำอะไรไม่เข้าท่ามีหวังได้กลายเป็นอาหารของหมาป่าแถวนี้แน่

                เมื่อใบหน้าพ้นผ้าห่มก็ได้เห็นร่างสูงใหญ่กำลังสาละวนกับการแต่งตัว คนรูปงามไม่ว่าจะทำอะไรก็งดงามไปทุกท่วงท่า ถึงจะเจ็บใจแต่มณฑาเทวีก็อดยอมรับไม่ได้ว่าบุรุษตรงหน้าตนเองนี้งดงามเพียบพร้อมมากแค่ไหน คงมีผู้หญิงค่อนมอสโกอยากเคียงคู่กับเขา

                แล้วพลันนั้นความคิดที่กระจัดกระจายก็กลับมาเมื่อนัยน์ตาสีเทาอมเขียวของราชาสุนัขป่าจ้องมองมา

                “สวมนี่สิ แล้วออกไปด้วยกัน” โอดอล์ฟดึงถุงใบหนึ่งส่งมาให้ราวกับเตรียมการเอาไว้แล้ว

                แม้จะตงิดใจสงสัยแต่มณฑาเทวีก็รู้ว่าแย้งอะไรไม่ได้ จำต้องดึงถุงกระดาษนั้นมาดูเงียบ ๆ เสื้อผ้าก็ดูดีธรรมดาอยู่หรอก แต่ไอ้ชุดชั้นในนี่มันอะไรกัน…

                “จะออกไปคุยโทรศัพท์กับหัวหน้าของเธอไหม ถ้าจะไปก็รีบแต่งตัวเข้าสิ น้ำก็ไม่อาบ ผู้หญิงอาร้าย…”

                มณฑาเทวีหน้าแดงก่ำถลึงตาใส่เขาอย่างหัวเสีย จากนั้นก็คว้าเอาถุงเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงหัวเราะชั่วร้ายของเขา แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังได้ยินชัดเจนเต็มสองหูอยู่ดี

                หลังจากนั้นโอดอล์ฟก็พาเธอออกจากห้องนอน จูงมือให้เดินออกไปสัมผัสกับอากาศหนาวเย็นของจริง

                ดอกมณฑาแทบกลายเป็นน้ำแข็งเมื่อเจอกับความหนาวเย็นที่จับขั้วหัวใจ เธอถอยหลังหนีเข้าบ้านโดยอัตโนมัติส่ายหน้าบอกว่าเดินต่อไม่ไหวแล้ว

                “โอเค… เดี๋ยวฉันจะโทรบอกหัวหน้าเธอให้เองว่าเธออยู่กับฉัน พรุ่งนี้จะพากลับมอสโก ดีไหม” โอดอล์ฟถามไป

                วินาทีต่อมาเขาก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อหน้าเล็กน่ารักนั่นพยักหน้าหงึกหงักยืนตัวสั่นในตัวบ้าน ส่วนตัวเขาเองนั้นออกมาอยู่ที่พื้นด้านนอกซึ่งความหนาวเย็นไม่สามารถทำอะไรได้เลย เนื่องจากชินเสียแล้วกับภูมิอากาศอันแสนทรหดแห่งนี้

                “ดิมิทรี… นายช่วยติดต่อคณะกองถ่ายให้หน่อย บอกหัวหน้าช่างดอกไม้ที่มาจากเมืองไทยด้วย ว่ามณฑาเทวีไม่สบาย ตอนนี้อยู่มอสโกและจะบินกลับเมืองไทยพรุ่งนี้…”

                โอดอล์ฟไม่ได้วางแผนการล้ำลึกอะไรเลย เพียงแต่มันสบโอกาสพอดี จากนี้จะได้เล่นดอกมณฑาเสียบหล่น ๆ อย่างที่ต้องการเสียที

                สาบานได้ว่าไม่ได้แกล้งเลย เชื่อไหม…

                เชื่อสักนิดเถอะ…

     

     

                มณฑาเทวีไม่เคยรู้เลยว่าทักษะการโกหก ปลิ้นปล้อน กะล่อน ตอแหล ของโอดอล์ฟอยู่ในระดับไหน…

                เธอทำได้เพียงแต่อ้าปากค้างกะพริบตาปริบ ๆ เมื่อเขาบอกว่ากองถ่ายกลับไปมอสโกกันหมดแล้วเพราะสภาพอากาศมันเลวร้ายเกินกว่าจะตั้งกองได้

                ซ้ำร้ายตอนนี้ก็มีพายุหิมะเข้าอีกระลอก เป็นผลให้คนที่ติดอยู่ที่นี่ยังกลับไปไม่ได้

                “กลับไม่ได้จริง ๆ นะ พายุลูกใหญ่มากเลย คงได้กลิ้งตกเขากลายเป็นก้อนน้ำแข็งแห้ง ๆ กันล่ะ ถ้าออกจากบ้านตอนนี้” เขาบรรยายจนเห็นภาพ ทำให้ร่างบางสั่นสะท้านขึ้นมาทันที

                แต่อยู่กับคนหื่น ๆ อย่างเขาก็อันตรายไม่ต่างกันหรอก… คนตัวเล็กคิดในใจอย่างหนาวเหน็บ กลัวว่าจะถูกเด็ดกลีบดอกมณฑาจนไม่เหลือชิ้นดีจากเงื้อมมือของสุนัขป่าหนุ่มที่กำลังกระหาย แทนที่จะตายเพราะพายุหิมะ

                “แล้วจะกลับได้เมื่อไหร่คะ ฉันอยากทำงาน อยากกลับบ้าน”

                อยู่ใกล้เขาแล้วไว้ใจได้ที่ไหนกัน นัยน์ตาแวววาวเป็นประกายแบบนี้ เห็นแล้วหัวใจสั่นไหว ไม่อยากหวั่นไหวกับคนโรคจิตคนนี้เลย แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจริง ๆ

                “ก็ไม่รู้อะ คงต้องรอให้พายุผ่านไปก่อน” โอดอล์ฟบอกอย่างไม่ยินดียินร้าย ยกแก้วน้ำขึ้นจิบหลังจากที่ทานมื้อเย็นอิ่มแล้ว

                “แล้วมันตอนไหนล่ะคะ” มณฑาเทวีถามเสียงสูงอย่างอดรนทนไม่ได้ เขาไม่เข้าใจหรือไงว่าเธอร้อนใจมากแค่ไหนน่ะ

                “ก็ไม่รู้สินะ… คุยกับพายุไม่ได้ด้วยสิ”

                ได้ยินคำตอบแล้วนักจัดดอกไม้คนสวยอยากจะเอาส้อมแหวกอกเขาดูนัก ว่าหัวใจของเขาทำด้วยอะไรถึงได้ร้ายกาจเอาแต่ใจแบบนี้ เห็นสายตาก็รู้ว่าเขาโกหก แต่ก็เอาผิดอะไรไม่ได้เลย

                “เอาน่า คืนนี้นอนสบาย ๆ กับฉันอีกคืนก่อนก็แล้วกัน ถ้าพรุ่งนี้พายุสงบลงแล้วเราค่อยลงเขากัน”

                นาทีนี้มณฑาเทวีไม่อยากคุยไม่อยากยุ่งกับเขาอะไรทั้งนั้น เธอกระวนกระวายใจ อยากจะบอกว่าเธอเป็นคนไทยแท้ ๆ ไม่นิยมการถูกเนื้อต้องตัวกันมากเกินไป แม้ว่าจะนอนกอดเขามาทั้งคืนแล้วก็เถอะ อันนั้นไม่นับ เธอเป็นไข้และคงอยากได้ไออุ่นจนเผลอไปกอดมาเฟียร้ายเอาแต่ใจเข้า แต่ตอนนี้สติทุกอย่างสมบูรณ์ดี จะไม่ยอมให้ดวงตาคู่สวย และรอยยิ้มละลายใจนั่นมีอิทธิพลเหนือกว่าจิตใจตัวเองแน่

                “ไปอาบน้ำสิ…” เขาสั่งพร้อมด้วยรอยยิ้ม ส่งผลให้คนตัวเล็กหวีดเสียงร้องในอกด้วยความทุกข์ทรมาน

                ในเรื่องนี้เขาจิตที่สุดแล้วใช่ไหม!?

                “ไม่อาบเหรอ จะใส่ชั้นในตัวเดิมเหรอ แหม ไม่ได้อาบน้ำมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ…”

                มณฑาเทวีอยากจะเถียงว่าที่นี่หนาวกว่าเมืองไทยไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเท่า เหงื่อสักหยดก็ไม่มีแล้วจะให้อาบน้ำไปทำไม แต่ก็ไม่อยากพูดให้ได้อาย ปล่อยให้เขาพูดพล่ามบงการต่อไปเรื่อย ๆ

                “ในห้องน้ำมีอ่างอาบรออยู่แล้ว แม่บ้านจัดน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว ลองไปแช่ดูสิ เนื้อตัวจะได้สบายคลายตัวขึ้น”

                คำแนะนำนี้ไม่ได้ห่ามหื่น มณฑาเทวีเลยวางใจได้เล็กน้อย… แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้นเพราะเขาร้ายกาจจนไม่กล้าประมาทหรือเผลอตัว อีกอย่างเธอก็ระบมไปทั้งตัวเลยอยากลองแช่น้ำอุ่นดูบ้าง ตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำไม่สนใจรอยยิ้มพิกลของคนจิตหื่นที่ตามหลังมาไม่ละสายตา

                น้ำอุ่นสบายช่วยได้เยอะทีเดียว… ร่างกายที่เกร็งเครียดเพราะประสาทจะเสียมาทั้งวันผ่อนคลายได้มากโข แต่มณฑาเทวีไม่กล้าอ้อยอิ่งในห้องน้ำนานเกินควร ไม่อย่างนั้นได้กลายเป็นเหยื่อของอาชญากรโรคจิตแน่ จึงรีบลุกจากอ่างน้ำด้วยความเสียดาย

                ความหนาวเย็นที่แผ่ครอบคลุมร่างกายในฉับพลันทำให้เธอเดินซอยเท้ารีบเช็ดเนื้อเช็ดตัวและหยิบเสื้อผ้ามาสวม ไม่มีชั้นในอีกแล้ว ไม่รู้ว่าโอดอล์ฟกลัวเธอหายใจไม่ออกในพื้นที่อากาศบางเบา หรือว่ากลัวไม่ได้ลวนลามเอาเปรียบกันแน่

                แต่งตัวเสร็จเดินออกไปด้านนอกก็เห็นว่าเขานอนเอกเขนกบนเตียงรออยู่แล้ว แถมยังสูบบุหรี่กลิ่นเย็น ๆ ขื่น ๆ อีกต่างหาก

                “ก็เธอไม่ให้ฉันเสียบดอกมณฑาอะ หนาวเลยต้องสูบบุหรี่แก้หนาว…” เขาว่ามาอย่างนั้น ราวกับอ่านสายตาของเธอได้ว่าสูบทำไม

                “ฉันต้องนอนตรงไหน” เสียงหวานเริ่มสั่นเพราะความหนาว กอดอกและซอยเท้าไม่หยุดเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ตัวเอง

                “ตรงนี้…” มือหนาของโอดอล์ฟตบแรง ๆ ที่ฟูกข้างตัว ส่งผลให้อุณหภูมิใบหน้าหวานของมณฑาเทวีร้อนขึ้นหลายองศา

                “ฉันไม่เอาด้วยหรอก เหม็นบุหรี่”

                ตอบไปแล้วก็เขินนักเมื่อชายหนุ่มรีบดับบุหรี่ หยิบสเปรย์ดับกลิ่นปากพ่นเข้าปากทันที

                “หอมละ พิสูจน์ได้”

                “ไม่เอา ฉันไม่นอนกับคุณเด็ดขาด” เธอประท้วงหน้าแดงก่ำ เรื่องอะไรต้องนอนให้เขากอดจูบแทะเล็มด้วย

                “หรือต้องให้ใช้กำลัง เลือกมา กอดกับปล้ำ เอาอันไหน!?”
     


    [1] ภาษาพาร์เซล (Parseltongue) เป็นภาษาหนึ่งในเรื่องแต่งชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์, ได้รับการกล่าวถึงครั้งแรกในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับห้องแห่งความลับ ซึ่งเป็นภาษางู ตามท้องเรื่องเชื่อกันว่าภาษาพาร์เซลมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ศาสตร์มืด

     

    นิยายเรื่องนี้หมดสัญญากับทางสำนักพิมพ์แล้ว

    มู่เลยนำมาทำ E-Book เองค่ะ

    สามารถซื้อ E-Book ได้ที่ Meb เลยนะคะ

    กดที่รูปปกใหม่เพื่อนซื้อได้เลยค่ะ

    ขอบคุณจากใจมาก ๆ เลยนะคะ


     

    หรือ >>Click!!<<

     

    http://24.media.tumblr.com/18fa0c397fab1c4f08665044ed59180f/tumblr_mvnjd032iM1qbetfwo7_1280.jpg

    Song :: Piano Poem - 난 니가 참 마음에 든다 (pinano + guitar)

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×