ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Angel Eyes

    ลำดับตอนที่ #12 : Carlo`s Eyes ✿ | Re-write Ver. Ep03

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ค. 64


    http://33.media.tumblr.com/278f2b3c9b7f7e18b6d05dca92210ba5/tumblr_neay72pEeA1qbetfwo3_1280.jpg

     

     

    Carlo’s Eyes 03

    ~I’m Watching You Break My Heart and It’s Killing Me~

               

                “แล้วถ้ามันเกิดขึ้นกับแกล่ะคาร์ล… แกจะทำยังไง”

                ฉันกลั้นหายใจ กลั้นน้ำตา และกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ เพื่อรอรับคำตอบจากคาร์โล

                “ทำแท้ง…” คำตอบของคาร์โลทำให้น้ำตาของฉันเอ่อซึม แม้จะคิดเอาไว้แล้วว่าเขาจะพูดแบบนี้แต่หัวใจมันก็อดที่จะเจ็บปวดไม่ได้

                “มึงใจหมาเหี้ยๆ เลย” ใครสักคนพูดขึ้น ในขณะที่ฉันพยายามอย่างมากที่จะห้ามน้ำตาเอาไว้ ถ้าปล่อยให้มันไหลตอนนี้ เชื่อได้เลยว่าคาร์โลต้องจับได้แน่ถ้าฉันร้องไห้น่ะ…

                “แหงสิ กูใจหมาแล้วไง ยัยนั่นไม่ใช่เมียกูซะหน่อย ก็ให้คำแนะนำให้ได้คาร์ฟไง” พูดจบคาร์โลก็หัวเราะ ฉันเลยต้องเอาคำพูดของเขาเมื่อกี้มาทบทวนในใจอีกครั้ง

                “กูถามว่ามึงจะทำไง ไม่ใช่ว่ามึงจะให้คำแนะนำไอ้คาร์ฟทำยังไง…”

                “ถ้ากูเป็นไอ้คาร์ฟน่ะเหรอ” คาร์โลถาม ก่อนจะวางมือลงกับเข่าของฉัน เพราะฉันใส่กระโปรงมา นั่งไปนั่งมามันเลยร่นขึ้นมาบนต้นขา แล้วเขาก็จับไว้แบบนั้นแหละ ทั้งที่ไม่มีใครเห็นเลยสักคน หรือไม่ก็อาจจะเป็นคนที่นั่งเบาะตัวเดียวกับเรา แต่มันก็เท่านั้น ฉันขยับตัวได้ลำบากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว แล้วก็ไม่อยากจะขยับไปไหนอีก ลองทำดูสิ เจ้าของตักได้รู้แน่ว่าฉันยังไม่ได้หลับอย่างที่ทุกคนเข้าใจ

                “กูให้คำตอบไม่ได้หรอก เพราะกูไม่ใช่คาร์ฟ… อีกอย่างนะ กูไม่ได้มีแฟนชื่อฮานิอะไรนั่นด้วย แบบนั้นจบมั้ยวะ?”คาร์โลตอบ ฉันถึงกับไม่เชื่อหูว่าคนอย่างเขาจะพูดอะไรแบบนี้เป็นด้วย มันทำให้หัวใจเปลี่ยนไปอย่างเหลือเชื่อเลยล่ะ

                “แล้วถ้าสมมติว่าผู้หญิงที่แกกอดอยู่ตอนนี้ท้องล่ะ แกจะทำยังไง” ใครอีกคนหนึ่งถามขึ้น และมันเป็นคำถามที่ฉันอยากจะรู้มากเช่นเดียวกัน

                “แล้วไง ท้องก็ท้องดิ…”

                ฉันกลั้นหายใจ ไม่รู้จะรู้สึกยังไงกับคำตอบของคาร์โล เพราะว่าไม่ทันคิดเลยว่าเขาจะตอบมาแบบนี้ และแน่นอนว่าช่องท้องของฉันไหววูบราวกับมีผีเสื้อนับพันนับหมื่นตัวโผบินอยู่ในนั้น

                “ถึงได้ถามไง ว่าถ้ามึงไปทำผู้หญิงที่มึงไม่ได้รักไม่ได้ชอบแล้วมึงจะทำยังไง…”

                “กูตอบไม่ได้ เพราะกูไม่ได้มีอะไรกับใครง่ายๆ ถ้าไม่ได้รักไม่ได้ชอบ…”

                หัวใจของฉันเต้นระทึกกับคำพูดนั้นของคาร์โล… ฉันคงไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม ถ้าหากจะลองคิดว่าคาร์โลเองก็มีใจให้ ไม่อย่างนั้นเราสองคนคงไม่มีความสัมพันธ์แบบนี้ต่อกัน

                “โอ๊ย! ไอ้พระเอก ขอให้วันนึงมึงพลาด” เพื่อนของเขาแช่งมา ตามด้วยเสียงสบถไม่ยั้งของคาร์โลหลังจากนั้น

                “เชี่ย… มาแช่งแบบนี้ได้ไงวะ กูไม่ใช่พระเอกเว้ย กูตัวโกง ตัวโกงที่ทำให้นางเอกท้องด้วย เคยดูหนังจิตตกที่พระเอกตายตอนจบมั้ย นั่นแหละกูเป็นตัวโกง…”

                ฉันแทบจะกลั้นเสียงหัวเราะไม่อยู่กับคำพูดของคาร์โล ให้ตายเถอะ เขาคิดมุกนี้นานหรือเปล่า เล่นเอาฉันไปต่อไม่ได้เลย แต่ก็พอใจชื้นขึ้นเมื่อได้ยินเขาบอกแบบนั้น นั่นแปลว่าอย่างน้อยเขาก็มีใจให้ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ท้องแบบนี้ ก็อย่างที่เขาบอกเพื่อนว่าไม่มีอะไรกับคนที่ไม่ได้รักไม่ได้ชอบ…

                แต่เขาก็ไม่เคยบอกว่ารักหรือชอบกับฉันเลยสักครั้ง…

                เฮ้อ ช่างมันเถอะ ขอพักสมองสักหน่อยก็แล้วกัน ก่อนที่ทุกอย่างมันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ฉันทำท่าจะเคลิ้มหลับอีกครั้ง ติดแค่ว่าได้ยินเสียงพูดอีกครั้งที่มันเกี่ยวกับตัวฉันเข้าน่ะสิ…

                “เฮ้ย เคลย์ ขอผ้าห่ม ผ้าอะไรก็ได้มาให้ไอ้คาร์ลมันหน่อยสิ เอามือปิดขาแฟนอยู่นั่น เมื่อยมือเมื่อยแขนแทน เห็นแล้ว หงุดหงิด รำคาญ หมั่นไส้ อิจฉาเว้ย!”

                ดังนั้นนาทีต่อมาฉันเลยได้ผ้าคลุมผืนหนึ่งมาคลุมที่ต้นขา และคาร์โลก็มีมือที่จะประคองฉันข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งก็จิบเบียร์อย่างสบายอารมณ์

                และด้วยความหมั่นไส้แกมไม่พอใจน้อยๆ ฉันเลยแกล้งนั่งอยู่บนตักของเขาอย่างนั้นแหละ อยากจะรู้เหมือนกันว่าคนอย่างคาร์โลจะทนได้นานไหม แต่เขาก็มีความอดทนแปลกๆ อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่รู้ว่าเพราะฉันตัวเล็กมากไปหรือเปล่าเขาเลยทำตัวได้สบายๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแบบนี้

                “ให้ตายเห็นคู่นี้แล้วขวางหูขวางตาว่ะ…” เสียงหนึ่งพูดขึ้น ฉันต้องซ่อนรอยยิ้มของตัวเองไว้ด้วยการก้มหน้าชิดกับอกของคาร์โลแทน

                “กูเนี่ย อยากมีผัวเป็นไอ้คาร์ลเลยว่ะ บอกเลย…”

                “เฮ้ย!”

     

                แทนที่จะได้ไปโรงพยาบาลอย่างที่บอกเอาไว้ตอนแรก กลายเป็นว่าคาร์โลยังมีเรื่องให้ต้องคุยต้องเคลียร์กับทางวง The Moxie อีกหลายเรื่อง ฉันเองก็รู้สึกดีใจไม่น้อยเลยด้วย เพราะยังไม่รู้จะคุยอะไรกับเขาอยู่ดี ถึงจะท้องลูกของเขาก็เถอะ แต่เรื่องแบบนี้ฉันก็ไม่เคยคิดเลยว่ามันเกิดขึ้นกับตัวเองจริงๆ น่ะ

                กลับมาถึงห้องแล้วแต่คาร์โลก็ยังคุยโทรศัพท์ไม่จบ ไม่รู้ว่ามีงานด่วนอะไรหรือเปล่า สีหน้าเคร่งเครียดแบบนั้นฉันเลยไม่กล้าถามอะไร จากปกติก็ไม่กล้าจะพูดคุยอะไรด้วยมากอยู่แล้ว

                “เออ เข้าใจแล้ว เดี๋ยวไป” เขาพูด ก่อนจะวางสาย จากนั้นก็หันมาหาฉันทั้งตัว

                ร่างกายของฉันร้อนผ่าวขึ้นโดยที่ไม่รู้ว่าทำไม ไม่ทันไรร่างสูงของคาร์โลก็เดินมาหยุดตรงหน้า ดึงสายตาของฉันให้สบตากับเขาไปโดยปริยาย

                “ฉันต้องออกไปข้างนอก” เสียงทุ้มต่ำของคาร์โลพูดเนิบช้า ฉันไม่รู้จะทำยังไงได้แค่พยักหน้าให้เขาไป

                “จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ?” เขาถามกลับ ฉันเลยกลอกตาไปมาทำท่าขยับริมฝีปากแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร

                แล้วจะให้ฉันพูดอะไรล่ะ… ฉันได้แต่สบตากับเขาอย่างนั้น เดาเอาว่าเพราะฉันท้องดังนั้นเราสองคนเลยกลับมาเหมือนเดิมแบบนี้

                “เอาล่ะ ไม่อยากถามต่อละ เอาเป็นว่าคืนนี้ฉันคงไม่ได้กลับมา อยู่คนเดียวได้นะ” คาร์โลถาม เล่นเอาฉันกะพริบตาปริบๆ ไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้เลยจริงๆ เขาพูดเหมือนว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันไม่ได้อยู่คนเดียวมาก่อนอย่างนั้นแหละ

                “ฉันว่าพรุ่งนี้จะเรียกช่างมาทำห้องน้ำใหม่” เขาพูดลอยๆ ยิ่งทำให้ฉันสับสนหัวหมุนเข้าไปใหญ่

                “นายจะฆ่าฉันหมกห้องน้ำแล้วจะฉาบปูนเอาไว้เหรอ” ฉันถามด้วยความตกใจ ทำให้คาร์โลหัวเราะลั่นซะอย่างนั้น

                สัตย์จริง… ตอนนี้ฉันอยากยกเท้าเตะหน้าแข้งของเขาแรงๆ มากเลยล่ะ

                “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้นะ… หัวนี่บรรเจิดเชียว” เขาหัวเราะก่อนจะยกมือมาขยี้ผมฉันจนยุ่งไปหมด

                “แต่บางครั้งจินตนาการมันก็กลายเป็นความจริงเหมือนกันนะ” ฉันบอกก่อนจะปัดมือเขาออกและมองอย่างไม่พอใจ

                “แล้วตอนนี้เธอกำลังจินตนาการว่ายังไงล่ะ?” ระดับสายตาของเราเท่ากันเมื่อคาร์โลย่อตัวลงจนเราสบตากันได้ ฉันเม้มปากและเอนตัวออกห่างเล็กน้อย

                “นายต้องคิดอะไรแปลกๆ แน่เลย” ตอบไปหัวใจก็เต้นแรงไป ยิ่งเอนหลังเท่าไหร่เขาก็เอนตัวตามเท่านั้น จนได้กลิ่นหมากฝรั่งรสมินต์ ไม่เจือด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์หรือกลิ่นบุหรี่เหมือนก่อนเลย แล้วก็กลิ่นน้ำหอมของเขาด้วย มันทำให้ฉันอยากจะเป็นลมขึ้นมาจริงๆ

                “เธอน่าจะรู้นะ เปิดอ่านนิยายของมิราสิ… อ่านตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ” คาร์โลหัวเราะแล้วก็ยืดตัวเต็มความสูง ไม่รู้จะสนุกอะไรนักหนาที่ทำให้ฉันขวัญหายได้อย่างนี้

                “ไปล่ะ เข้าห้องน้ำระวังหน่อยแล้วกัน พรุ่งนี้คงกลับน่ะ” เขาพูดพลางโบกมือ ต่อมาก็คว้าแจ็กเก็ตแล้วก็กุญแจรถเดินออกจากห้องไป ฉันรอจนแน่ใจว่าเขาออกไปแล้วเลยวิ่งไปชั้นหนังสือแล้วค้นนิยายที่ซื้อมาอ่าน ให้ตายเถอะ เพิ่งรู้ว่าคาร์โลแอบสำรวจทุกอย่างที่เป็นของของฉันเลยอย่างนั้นเหรอ… แค่คิดก็จะเป็นลมแล้ว

                “ห้องน้ำ… โอ๊ย จะหาเจอมั้ยเนี่ย” ฉันบ่นกับตัวเอง ยอมรับว่าตกใจมากที่ได้ยินคาร์โลบอกแบบนั้น เพราะนั่นแสดงว่าเขาชอบอ่านนิยายด้วยน่ะสิ คิดแล้วก็ร้อนจนหน้าแทบไหม้ ฉันพลิกหน้ากระดาษอย่างร้อนใจ เคืองคาร์โลเหมือนกันที่บอกแต่บอกไม่หมด ไม่ยอมบอกว่าเล่มไหน เหมือนกับว่านิยายของมิรามีไม่กี่เล่มอย่างนั้นแหละ…

                แต่สุดท้ายฉันก็เจอเข้าจนได้ และทำให้หัวใจของฉันพองโตมากกว่าเดิม

                ถ้าพูดถึงเรื่องพื้นห้องน้ำในนิยายแล้วล่ะก็… จะประมาณว่าพระเอกร้ายๆ กลับใจดูแลนางเอกที่กำลังท้องมากขึ้นแล้วยังไงล่ะ ฉันหุบยิ้มแทบไม่ได้แล้วก็ปิดหน้าหนังสือลงแล้วก็เก็บมันเอาไว้ที่เดิม วันนี้เพลียมาทั้งวันแล้วฉันเลยเดินเข้าห้องนอนตั้งใจจะนอนพัก พอนึกถึงเรื่องห้องนอนก็หวั่นๆ กับห้องนอนของคาร์โล เพราะไม่ได้นอนที่นั่นมาหลายคืนแล้ว

                ฉันถอนหายใจและเลือกที่จะเดินเข้าห้องนอนของตัวเองแทน…

     

                คาร์โลไม่ได้กลับมาจริงๆ อย่างที่บอกเอาไว้ตอนแรก ฉันรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อยตรงที่เดินเข้าไปในห้องครัวแล้วไม่มีอะไรวางเอาไว้ให้

                ไม่นะ อย่าบอกว่าตอนนี้ฉันกำลังติดนิสัยไม่ดีที่มีคนทำอาหารไว้ให้ทุกเช้าน่ะ มาคิดตอนนี้ก็อดที่จะขอบคุณคาร์โลไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะกลับมาดึกหรืออ่อนเพลียยังไงแต่เขาก็จะทำอาหารหรือไม่ก็ชงกาแฟดำไว้ให้ทุกเช้า แล้วค่อยกลับไปนอน…

                เอ่อ เมื่อก่อนฉันก็คิดนะว่าคาร์โลเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมาก เวลาเขาโกรธจะตามจองล้างจองพลาญทุกอย่าง ฉันเคยคิดว่าเขาลุกขึ้นมาชงกาแฟดำไว้อย่างแค้นๆ แล้วก็กลับไปนอนต่อในวันที่เขากลับมาดึก แต่มาลองนึกดูอีกทีเวลาที่เราไม่ได้ทะเลาะกัน อาหารเช้าก็วางบนโต๊ะเสมอไม่ว่าคืนก่อนเขาจะไปไหนและกลับมาดึกมากแค่ไหน เมื่อเป็นแบบนี้ฉันเลยรู้สึกผิด และอยากจะดูแลเขาบ้าง

                วันนี้เป็นวันหยุดฉันเองไม่มีเรียนอยู่แล้วเลยเดินเข้าห้องนอนของคาร์โลก่อนเป็นอย่างแรก…

                พอเห็นสภาพห้องเข้า ฉันก็แทบจะเต้นบัลเล่ต์ด้วยปลายเท้าเพื่อเข้าไปในตัวห้อง ให้ตายเถอะ เขามาอาละวาดอะไรที่นี่กันเนี่ย มันถึงได้เละเทะนรกอย่างนี้ ฉันถอนหายใจส่ายหน้าจากนั้นก็เริ่มต้นเก็บข้าวของในห้องนอนนี้ก่อนเป็นอย่างแรก ฉันเห็นร่องรอยการทำลายข้าวของเยอะมาก… โดยเฉพาะหนังสือและของใช้อื่นๆ ไม่อยากคิดว่าการที่เขาทำแบบนี้ตอนที่ฉันขอเลิกในตอนแรก ซึ่งเห็นแล้วรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ ฉันใช้เวลาไปวันเต็มๆ ในการทำความสะอาดจัดห้องของเขาใหม่ สุดท้ายมันก็กลับมาเป็นปกติ แทบอยากถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นหลักฐานเลย

                คาร์โลยังไม่กลับ ไม่ได้โทรมาด้วย ฉันเองก็ยังไม่อยากจะรับสายหรือเจอหน้าเขาตอนนี้ ความรู้สึกของฉันมันสับสนมากจนอยากขอเวลาให้ตัวเองอีกสักหน่อย แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันตั้งใจเอาไว้ คือไม่คิดทำลายเด็กในท้องอย่างเด็ดขาด…

                เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ได้มีความผิดอะไรเลย ดังนั้นฉันเลยตั้งใจว่าจะเก็บเด็กคนนี้เอาไว้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ฉันคิดไปเรื่อยเปื่อยจนได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มันเป็นเบอร์ของคาร์โล และนั่นทำหัวใจฉันสั่นคลอนอย่างหนัก

                (เดี๋ยวลงมาหาเท็ดข้างล่างหน้าคอนโดหน่อยนะ) เขาไม่ได้ทักทายอะไรเลย แต่ออกคำสั่งในทันที

                “อือ ได้…” ฉันตอบ พยายามอย่างมากที่จะคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นจนคาร์โลจับได้ว่าตอนนี้ฉัน ‘ดีใจ’ ที่เขาโทรมา

                (วันนี้ยังไม่ว่างเลย ต้องค้างห้องไอ้ซิมม์มันแล้ว เธออยู่คนเดียวได้นะ) คาร์โลถาม ดูเหมือนเขากังวลใจเหมือนกัน

                หัวใจฉันเต้นแรงคับอก แล้วก็ซ่อนยิ้มเอาไว้ไม่ได้เลย

                “ได้สิ…”

                (ฉันต้องวางแล้วนะ แล้วเจอกัน)

                “แล้วเจอกัน” ฉันตอบแล้วก็ลดโทรศัพท์ลงก่อนจะหยิบเอาเสื้อคลุมมาสวมทับตัวเพื่อลงไปข้างล่าง ไม่รู้ว่าเขาให้เท็ดมาทำอะไรที่นี่ แล้วก็ไม่ได้สั่งให้เอาอะไรลงไปให้เท็ดด้วย หรือเขาสั่งกันนะ ช่วงนี้ฉันก็เบลอๆ อยู่ด้วยจำผิดจำถูกอยู่เรื่อ แต่ก็ตัดสินใจเดินลงไปหน้าคอนโดรอเท็ด

                ไม่นานรถของเท็ดก็แล่นมาจอดเทียบตรงหน้า เขาลดกระจกรถลงฉันเลยเดินเข้าไปใกล้ กำลังจะถามว่ามีอะไรหรือเปล่าแต่เท็ดส่งถุงอะไรบางอย่างอกมาให้ซะก่อน เลยรู้ว่ามันเป็นอาหารจากร้านชื่อดังที่เคยไปนั่งกินกับคาร์โลหลายครั้ง

                “คาร์ลฝากฉันซื้อให้เธอน่ะ เพราะเป็นทางผ่านพอดี ไปนะ” เท็ดบอกแล้วโบกมือพลางเลื่อนกระจกขึ้น ฉันเลยยกมือโบกลาตอบและมองดูเขาขับรถไปทางอื่นจากนั้นเลยเดินกลับขึ้นห้อง มุมปากยิ้มตลอดเวลาที่มีเรื่องให้มีความสุขได้ทุกวัน

                ฉันคิดว่าการท้องในตอนที่กำลังเรียนอยู่มันจะเป็นฝันร้าย… แต่ไม่เลยนะ เพราะคาร์โลทำให้ฉันมีความสุขจริงๆ

                “ขนาดตัวไม่อยู่ ยังหาของกินมาให้จนได้นะ…” ฉันพึมพำอย่างขำๆ แล้วก็แอบย่นจมูกเมื่อเห็นนมขวดใหญ่อยู่ในถุงที่เท็ดซื้อของมาให้ด้วย

                แต่ก็นั่นแหละ คาร์โลร้ายกาจยังไงก็อย่างนั้น… เขายังไม่วายหาเรื่องให้ฉันลำบากใจกับอาหารที่เขาคิดว่ามันดีมีประโยชน์ แต่ไม่ได้คิดเลยว่าฉันน่ะจะกินได้หรือเปล่า

                คาร์โลไม่ได้โทรมาอีก และเป็นฉันเองที่กระวนกระวาย…

                บ้าจริง ผู้หญิงนี่น่าสงสารเนอะ จิตใจสมองมันคิดถึงแต่ผู้ชายแบบนั้นเข้าไปได้ แต่ถึงอย่างนั้น…คาร์โลก็เป็นคนที่ดีกับฉันมากคนหนึ่ง ฉันคิดเรื่อยเปื่อยและตัดสินใจนัดกับอิงเอื้องผ่านทางไลน์[1] ว่าจะขอให้ไปตรวจที่คลินิกสูติ-นรีเวชเป็นเพื่อนฉัน จากนั้นก็เข้านอนในช่วงประมาณสี่ทุ่ม

                ฉันกึ่งหลับกึ่งตื่นหลับไม่สนิททั้งที่เหนื่อยกับการเก็บของในห้องของคาร์โลมาทั้งวัน แล้วก็แอบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงเปิดปิดประตูบอกให้รู้ว่าคาร์โลกลับมาแล้ว นั่นแหละฉันถึงได้สบายใจและข่มตาสั่งตัวเองให้หลับได้อย่างปลอดภัย

                แต่ฉันก็ลืมตาขึ้นมาเมื่อประตูห้องเปิดออก ตามด้วยเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาในห้อง ฉันหรี่ตาขึ้นก็เห็นว่าเป็นคาร์โล เขาถือขวดอะไรบางอย่างติดมือมาด้วย แล้วฉันก็ต้องเปลี่ยนเป็นเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆ เขาก็ทำขวดนั่นหกลงกับเตียงของฉัน เลยรู้ว่ามันเป็นเหล้านอกที่แพงและกลิ่นแรงด้วย ยิ่งฉันกำลังท้องแบบนี้ฉันก็ยิ่งได้กลิ่นมันอย่างรุนแรงจนปวดหัว

                “คาร์ล!!” ฉันผุดลุกขึ้นและโวยวายอย่างหงุดหงิด

                “นายทำอะไรเนี่ย…”

                “โทษที ฉันเมา… ว่าจะแวะมาดูแต่ไม่คิดว่าจะทำเหล้าหกใส่เตียงเธอ” พูดไปคาร์โลก็โงนเงนไปมาและทำให้หกเลอะเทอะมากกว่าเดิมจนฉันต้องลุกออกจากเตียงมองเขาอย่างไม่พอใจ

                “โทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจ…”

                “ฉันง่วงนะ มาแกล้งแบบนี้ทำไม” ฉันต่อว่าน้ำตาคลอแล้วก็เดินออกจากห้องนอนเพราะรู้ว่ายังไงก็นอนที่นี่ไม่ได้แล้ว พอหาที่นอนเป็นโซฟาตรงห้องรับแขกได้คาร์โลก็ตามมากวนใจ และเหมือนเดิม คราวนี้เขาเทเหล้าลงกับโซฟาให้ฉันเห็นจะๆ แบบไม่ได้แกล้งเมาเลย เสียงหัวเราะกวนประสาทนั่นทำฉันแทบอยากจะคว้าขวดปาใส่หน้าเขาแรงๆ ดูสักทีหนึ่ง…

                “บอกแล้วไงว่าฉันง่วง… แล้วทีนี้ฉันจะไปนอนที่ไหนให้นอนที่พื้นเลยมั้ย?” ฉันมองคาร์โลอย่างหัวเสีย ประท้วงการกระทำแสนประสาทของเขาด้วยการนั่งขัดสมาธิที่พื้น กอดอกและจ้องหน้าเขาด้วยความขุ่นเคือง คุณชายหัวเราะวางขวดเหล้าในมือลงแล้วก็ย่อตัวช้อนร่างฉันขึ้นจากพื้นแทน

                ต่อมาฉันก็ถูกโยนบนเตียงของเขา ตามด้วยเจ้าของเตียงเกรียนๆ ที่ขึ้นเตียงมาด้วย

                “ให้นอนที่นี่ไม่ได้ให้นอนฟรีนะ… ต้องขัดดอกด้วยแก้วใส…”

                ฉันมองเขาอย่างฉุนๆ แล้วก็ปนด้วยความรู้สึกที่เขินจนพูดไม่ออก ยังไม่ได้ทำอะไรเขาก็ตรงเข้ามาสวมกอดเอาไว้แนบแน่นจนร่างกายของฉันอบอุ่น ขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ

                “อันนี้คือค่าเช่าเตียง…” พูดจบคาร์โลก็หัวเราะคิกๆ ไม่รู้ว่าขำอะไรนักหนา

                ฉันเองก็ค้อนขวับกับอกของเขาแต่มือหนึ่งก็ยึดอกเสื้อนอนของเขาเอาไว้แน่น เหมือนนานมาแล้วที่ไม่ได้กอดเขา ทั้งที่มันก็เพิ่งไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์แท้ๆ

                มันเป็นเรื่องน่าหัวเราะอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันไม่เคยเล่าบอกให้ใครได้ฟัง ต่อให้เขาจะหัวเสียใจร้ายกับฉันมากแค่ไหน แต่พอตื่นเช้าขึ้นมาฉันก็จะอยู่ในอ้อมแขนของเขาอยู่เรื่อย มันเป็นแบบนั้นเสมอ แต่ไม่เคยเลยที่คาร์โลจะนอนกอดฉันก่อนแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ถูกกอดอย่างซึ่งหน้าเอาอย่างนี้

                ตอนกำลังจะเคลิ้มหลับ คาร์โลก็ถามขึ้นมาคำหนึ่ง เป็นคำถามที่ฉันแทบหุบยิ้มไม่ได้

                “เหม็นเหล้าอยู่มั้ย?”

                ก็ในเมื่อเขาไม่ได้ดื่มเลยสักหยด ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาถามอะไรแบบนี้ด้วย

                “ไม่นะ…” ฉันบอก ได้ยินคาร์โลหัวเราะซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขากำลังขำเรื่องอะไรอยู่

                “นายดื่มเหรอ?” อดถามแบบนั้นไม่ได้ ก่อนที่หัวใจของฉันจะพองฟูคับอกเมื่อริมฝีปากอุ่นระอุของคาร์โลจูบที่ปลาย จมูกของฉันแรงๆ ก่อนจะฟัดปัดปลายจมูกของฉันอยู่อย่างนั้นเหมือนกำลังมันเขี้ยว

                “แล้วแบบนี้ได้กลิ่นเหล้ามั้ยล่ะ…”

                “ก็นายถามก่อน” ฉันพึมพำแล้วก็หลับตาลง วันนี้เหมือนจะหนาวผิดปกติจนฉันไม่ได้หนีออกจากวงแขนแข็งแรงเหมือนทุกครั้ง

                ก็แน่ล่ะ ตอนที่คาร์โลอารมณ์เสีย เขาเหมือนปีศาจเลยนะ ใครจะกล้าเข้าไปกอดเข้าไปอ้อนล่ะ ถึงแม้ว่าเขาคนนี้จะขึ้นชื่อว่าเป็นหนุ่มสุดฮอตที่มีแต่สาวๆ รุมทึ้ง แต่ก็คนนี้แหละ ถ้าไม่จำเป็นเขาจะไม่นอนค้างที่อื่นเลย

                “นอน ก่อนจะไม่ได้นอนทั้งคืน…” เขาขู่เสียงเข้มฉันเลยบ่นพึมพำอีกครั้ง

                “ฉันหลับไปแล้วแท้ๆ นายนั่นแหละ เอาเหล้าไปเทบนเตียงฉัน” ฉันบ่นอุบอิบและหลับตาลงในอ้อมกอดของเขาอย่างสบายใจ

                “นอนซะ เป็นเด็กดีนะ…” มือหนาของคาร์โลลูบผมฉันแรงๆ เหมือนมันเขี้ยวแกมหมั่นไส้อะไรไม่รู้ของเขา ฉันได้แต่ย่นจมูกกับความดื้อดึงเอาแต่ใจของเขาก่อนจะหลับไปหลังจากนั้นไม่นานนัก

                พอตอนเช้าฉันก็ยังถูกก่อกวนต่ออีก ไม่ต้องบอกคงรู้ว่าใครเป็นจอมเกเรที่ทำให้ฉันไม่ได้หลับเท่าที่อยากจะหลับ แน่ล่ะ ตอนนี้จะมีใครร้ายเท่าผู้ชายที่ชื่อว่าคาร์โล แม็กกราดี้ อีกแล้ว

                “ฉันง่วงนะ ฉันอยากนอนต่อ” ฉันบอกเสียงอู้อี้ ให้คำตอบตัวเองได้แล้วว่าทำไมตอนนี้ถึงได้ขี้เซานัก มันเป็นเพราะว่าฉันกำลังท้องอยู่แน่ๆ และมันเป็นอาการหนึ่งของการแพ้ท้องอยู่

                “ฉันไม่มีเรียนนะ” ฉันบอกโดยที่ไม่ลืมตามองหน้าเขา

                คาร์โลครางจิ๊จ๊ะในคออย่างไม่สบอารมณ์ และสุดท้ายเขาก็ประคองให้ฉันลุกขึ้นนั่งบนเตียงได้ในที่สุด

                “คาร์ล…” ฉันคราง แต่เขาฟังที่ไหนกันล่ะ

                “ลุก ที่นี่มีแต่กลิ่นเหล้า วันนี้เธออยู่ที่นี่ไม่ได้” เขาบอกเสียงเข้ม แต่ฉันฟังไม่ค่อยถนัดเพราะว่าง่วงเกินกว่าจะฟังอะไรได้ฉัน ได้ยินแค่คำพูดสุดท้ายที่บอกว่าฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้เท่านั้นแหละ

                “นายจะไล่ฉันไปไหน…” มันน่าน้อยใจไหมล่ะ ฉันทั้งง่วงทั้งเพลียแต่เขาก็ยังดื้อเกเรใส่แบบนี้น่ะ

                “ฉันไม่ได้ไล่!” เขาบอกเสียงแข็ง แล้วก็ลากฉันเข้าห้องน้ำจนได้

                “ฉันมีเรียนตอนแปดโมง เพราะงั้นไปอาบน้ำแล้วก็รีบออกมาเข้าใจมั้ย เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำที่ห้องของเธอเอง” พูดจบคาร์โลก็ผลักฉันเข้าห้องน้ำอีกครั้ง ฉันยังอิดออดเพราะไม่อยากเข้าห้องน้ำตอนนี้ แต่ก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเข้มๆ ของเขา

                “หรือจะให้ฉันอาบให้ล่ะหือ…”

                ก็เล่นขู่มาแบบนี้แล้วจะให้ฉันกล้าอะไรได้อีกล่ะ… ฉันหน้างอเมื่อคาร์โลคว้าเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนเดินออกไปเรียบร้อยแล้วก่อนจะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างเสียไม่ได้ ไม่รู้ทำไม ช่วงนี้เขาถึงได้เปลี่ยนไปร้ายกาจแบบนี้ก็ไม่รู้

                เมื่ออาบน้ำเสร็จฉันก็เดินออกมาเปิดตู้เสื้อผ้าของคาร์โล…

                ก็นะ… ฉันอยู่กับเขามานาน มันคงไม่แปลกหรอกใช่ไหมถ้าหากว่าจะมีเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวอยู่ในห้องนี้น่ะ

                ฉันเลือกเสื้อผ้าอย่างมึนๆ แต่งตัวรวบผมหยิบแป้งมาทาหน้าอย่างลวกๆ ก่อนจะหากระเป๋าเดินออกจากห้องนอนเมื่อได้ยินเสียงโวยวายของคาร์โลเร่งมาจากข้างนอก

                “รู้แล้วๆ จะเร่งไปไหน” ฉันพึมพำกับตัวเองแล้วก็เดินออกไปในที่สุด

                “รีบเดินออกมาเลย โซฟามีแต่กลิ่นเหล้า” คาร์โลสวมบทผู้บัญชาการตั้งแต่เช้าตรู่ ฉันหน้างอง้ำแล้วก็เดินไปใกล้เขาที่ห้องครัว ขนาดอยู่ตรงนี้ยังได้กลิ่นเหล้าลอยหึ่งเลย ฉันเบ้หน้าย่นจมูกอย่างมึนหัว สีหน้าคงแสดงออกทุกอย่างคาร์โลเลยหันมามองด้วยสายตาที่ดูจะกังวลนิดหน่อย

                “กินแซนด์วิชหน่อยกับนม… แล้วเดี๋ยวออกไปข้างนอกกัน” เขา ไม่ได้ให้ฉันนั่งลงที่เก้าอี้เหมือนเดิม แต่เขายืนอยู่ใกล้ๆ แล้วก็ส่งแซนด์วิชมาให้ ไม่สิ ต้องเรียกว่าเป็นการขู่บังคับเอาเลยมากกว่า เล่นมายืนใกล้กันจนเหมือนจะสิงร่างได้อยู่แล้วแบบนี้น่ะ

                “ฉันดื่มนมไม่ได้ นายก็รู้…” ฉันทำหน้ายุ่ง แต่เขาไม่ยอมฟัง

                “มันเป็นมอลต์[2] ไม่ใช่นมวัว…” คาร์โลบอกเสียงเรียบ ฉันเม้มปากกลอกตาไปมายังไม่อยากจะกินอะไรตอนนี้

                “อยากกินกาแฟมากกว่าอ่ะ…” ฉันพูดถึงมอคค่ากาแฟรสโปรดของตัวเอง แต่ถูกชักสีหน้าใส่อย่างไม่พอใจ

                “เดี๋ยวจะโดนดี” เสียงเข็งๆ ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้

                “กิน…” คาร์โลเริ่มบังคับด้วยการยกแซนด์วิชมาชิดปากของฉัน นั่นแหละ ฉันเลี่ยงอะไรไม่ได้นอกจากอ้าปากรับ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะอาเจียนเหมือนอย่างที่คิดเอาไว้ เพราะไส้ข้างในเป็นแยมสตรอว์เบอรี่ที่หวามอมเปรี้ยวที่ช่วยให้สดชื่นขึ้น พอกลืนอย่างฝืดคอได้เขาก็ส่งนมมาให้ต่อ

                “มอลต์ไม่ใช่นมวัว” เขาพูดดักคอเอาไว้ ดังนั้นฉันเลยต้องอ้าปากรับเพราะคาร์โลไม่ยอมให้ฉันถือแก้วเองด้วยซ้ำไป

                แต่มันใช้ได้เลยนะ ฉันไม่ได้รู้สึกผะอืดผะอมอยากจะอาเจียนอย่างที่กลัว กลิ่นและรสของมันก็ไม่คาวเหมือนตอนที่ดื่มนมด้วย

                “น้ำล้างปากหน่อย” ต่อมาคาร์โลก็ยกแก้วน้ำเปล่าให้ และเหมือนเดิม เขาจ่อมันกับริมฝีปากของฉัน

                พอจิบน้ำจนรู้สึกพอแล้วฉันก็พยักหน้า คาร์โลเลยวางแก้วน้ำลงที่โต๊ะ ฉันเลยเป็นฝ่ายสำรวจเขาบ้าง

                “แล้วนายไม่กินเหรอ” ฉันถามไป และรู้สึกผิดและแย่มากจนพูดอะไรต่อไม่ออกกับคำตอบของคาร์โล

                “ฉันคิดว่าเธอจะไม่ถามคำถามนี้ซะแล้ว…”

                นั่นสิ ตั้งแต่ที่ได้มาอยู่ด้วยกัน ฉันไม่เคยเลยที่จะถามคำถามนี้ ทั้งที่คาร์โลเป็นคนทำอาการเช้าไว้ให้ทุกวันเลย แต่ฉันกลับไม่เคยถามไถ่และดูแลเขาอย่างที่เขาทำให้เลย

                ถึงแม้ว่าคาร์โลจะร้ายกาจเอาแต่ใจ แต่เขาก็เป็นเพียงคนคนเดียวที่ดูแลฉันมาตลอด

                “แล้วนายไม่กินอะไรเหรอ” คราวนี้น้ำเสียงของฉันเริ่มสั่นเครือจนรู้สึกได้ คาร์โลหันมามองก่อนจะส่ายหน้า

                “แค่นี้ฉันไม่อิ่มหรอก จะไปร้านประจำน่ะ แต่ผู้หญิงตัวบางๆ อย่างเธอคงอิ่มได้น่ะ” เขายิ้มจนฉันอยากจะร้องไห้

                ทำไมนะ ทำไมช่วงนี้ฉันถึงได้อ่อนไหวแล้วก็รู้สึกเศร้าได้ง่ายดายอย่างนี้ก็ไม่รู้

                “ฉันขอโทษ…”

                “เฮ้ย… ขอ โทษทำไม ความจริงเรื่องนี้ฉันอยากแกล้งเธอ แต่เอาเถอะ เห็นเธอกินมันได้อย่างนี้ก็ดีแล้ว ไปข้างนอกกันเถอะ” มุมปากหยักได้รูปของคาร์โลยิ้มกว้าง ก่อนจะโอบไหล่ฉันพาเดินออกมาจากนอกห้อง

                “ฉันมีเรียนถึงตอนเที่ยง ไปนั่งรอแถวๆ ตึกเรียนฉัน แล้วตอนบ่ายเราไปโรงพยาบาลกัน” คาร์โลเริ่มต้นพูด ฉันก็พยักหน้ารับก่อนจะยอมเดินตามเขาอย่างว่าง่าย แล้วก็แอบยกมือเช็ดน้ำตาไม่อยากให้เขาเห็น และพยายามทำตัวให้สดใสว่าง่าย และหวังว่าคงจะไม่เหมือนนิยายของมิรา ที่พระเอกร้ายจนเข้าขั้นเลวด้วยการหักหลังบอกให้ฉันแท้งหรอกนะ

                เพราะสุดท้ายนิยายของมิราก็สุขสมหวังแฮปปี้เอนดิ้งทุกเรื่องอยู่แล้ว

                เอ๊ะ เดี๋ยวนะ แต่มีเรื่องหนึ่งที่พระเอกของมิราตายนี่… ฮึก แล้วฉันจะเป็นยังไงกันล่ะเนี่ย

     

                ฉันเบื่อนิดหน่อยระหว่างที่รอคาร์โลเลิกคลาส วันนี้เขามีเรียนตอนเช้าสองวิชาติดจากนั้นก็ว่าง เขาบอกว่าจะพาฉันไปโรงพยาบาล แค่คิดหัวใจของฉันเต้นแรงอย่างน่ากลัวแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้เลยจริงๆ

                และตอนที่นั่งรออยู่นั่นเอง อิงเอื้องก็โทรมาหา เพราะเธอเรียนที่เอ็มยูที่เดียวกับที่คาร์โลเรียนอยู่ ซึ่งฉันคิดว่าถ้าแอบแวบไปเพื่อนตอนที่เขากำลังเรียนอยู่ คุยกันแค่แป๊บๆ แล้วค่อยกลับมาคงไม่เป็นไร

                ดังนั้นฉันเลยมาอยู่ที่ร้านเสริมสวยหน้ามหาวิทยาลัยและคุยกันหลายเรื่อง แต่เรื่องท้องอิงเอื้องเลือกที่จะไม่ถามตอนนี้ เพราะมันเป็นสถานที่ที่ไม่ควรจะคุยเรื่องนี้อยู่แล้ว

                “ไหนๆ ก็มาแล้ว มาสระผมกันเถอะ” อิงเอื้องชวน ฉันเลยไม่มีอะไรจะปฏิเสธ

                ฉันนอนหลับตาให้ช่างสระผมให้ แล้วก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้น

                “โทษนะครับ แชมพูเนี่ย ปลอดภัยมั้ย?” คาร์โลถาม ฉันเลยลืมตาโพลงทันที

                “คาร์ล…” ฉันคราง ตกใจสุดๆ เมื่อเห็นเขาที่นี่

                มันบ้าอะไรกัน… ตอนนี้เขาน่าจะเข้าเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ ฉันได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกใจจนพูดไม่ออก

                “เอ่อ มันก็ปลอดภัยนะคะ” ช่างสระผมบอก และมองหน้าคาร์โลอย่างงุนงงแต่แววตาดูหวานเยิ้มอย่างประหลาด

                กระทั่งอิงเอื้องก็ยังลืมตาขึ้นมามองฉัน เธอกลอกตาไปมาแต่ไม่ได้พูดอะไรนอกจากมองฉันถามฉันทางสายตาว่ามันเกิดอะไรขึ้น

                “ผมขอสระเองได้มั้ย แล้วจะจ่ายเงินให้สองเท่าเลย” คาร์โลยิ้มหวาน ฉันเองก็ตกใจจะลุกก็ลุกไม่ขึ้นเพราะผมยังเปียกอยู่ ช่างสระผมทำหน้างงแต่ก็ยอมหลีกทางให้แต่โดยดี คาร์โลทำหน้าเหี้ยมก่อนจะยกแชมพูขึ้นมาดู

                “ไม่มีป้าย ไม่มีฉลาก มีแต่ขวดเปลือยๆ แล้วจะรู้มั้ยว่ามันปลอดภัยรึเปล่า” เขาพึมพำอย่างไม่พอใจ

                “คาร์ล… ขอล่ะ อย่าทะเลาะกันที่นี่เลยนะ” ฉันอ้อนวอน กลัวจนแทบไม่หายใจ อายทุกสายตาที่มองมาอย่างสนใจ

                แน่ล่ะ ทำไมมันจะไม่น่าสนใจเมื่อมีผู้ชายที่ไหนโผล่มาก็ไม่รู้ แล้วบอกว่าจะสระผมให้อย่างนี้ แถมใบหน้าของเขาก็ยังหล่อเหลารูปงามเหมือนนายแบบชื่อดังหลุดออกมาจากแม็กกาซีนอย่างไรอย่างนั้น แล้วจะไม่ให้เป็นจุดสนใจได้ยังไงล่ะ

                “รู้น่า ไม่ได้มาชวนทะเลาะ” เขาพึมพำแล้วก็รีบล้างแชมพูบนผมของฉันออกอย่างระมัดระวัง ฉันนอนตัวเกร็งแทบไม่เคลื่อนไหว รอจนกระทั่งคาร์โลล้างผมให้เสร็จแล้วก็ลากตัวไปนั่งเป่าผม ซึ่งก็เขานั่นแหละที่ช่วยเป่าผมให้

                “นายไม่มีเรียนเหรอ” ฉันถาม และเห็นเขาหัวเราะระหว่างที่เป่าผมฉันอยู่

                “อาจารย์เลิกคลาสไงล่ะ พอเดินออกมาก็ไม่เจอ เห็นแวบๆ เลยตามมา รู้ใช่มั้ยว่าในร้านทำผมมันมีทั้งแชมพู ครีมนวดผม ยาย้อมผม มันดีกับเด็กในท้องมั้ยหือ…” คาร์โลก้มมากระซิบข้างหูของฉัน เล่นเอาฉันขนลุกเกรียวจนพูดไม่ออก

                “ฉันไม่ได้มาย้อมผมนะ…” ฉันแย้ง แต่เขาหัวเราะแต่ฟังที่ไหนกันล่ะ

                “มันมีแต่กลิ่นสารเคมี เธอนี่น่าโมโหจริงๆ” ผมของฉันยังเป่าไม่แห้ง คาร์โลก็รวบผมให้ลวกๆ ก่อนจะลากฉันไปจ่ายเงินแล้วก็ลากออกมาจากร้าน ฉันเลยส่งสายตาขอโทษให้กับอิงเอื้องไปและเดินตามหลังคนเจ้าชีวิตที่แสนจะเอา แต่ใจไปอย่างช่วยไม่ได้

                เรากลับมาถึงห้องชุดคาร์โลก็รูดยางรัดผมของฉันออก และในมือสางมันลวกๆ จนเส้นผมของฉันสยายกระจายเต็มแผ่นหลังจนมันยุ่งและเป็นลอนเล็กๆ เพราะผมของฉันหยักศกนิดหน่อย สายตาของเขาไม่ค่อยพอใจและพาฉันไปนั่งที่เตียงก่อนจะใช้ผ้ามาเช็ดผมของฉันต่อ

                สุดท้ายฉันก็นั่งอยู่บนตักของเขา พิงหลังกับอกกว้างอย่างสบายอารมณ์ทำท่าจะหลับไปจนได้ยินเสียงของคาร์โลกระซิบข้างหู

                “แก้วใส…” เสียงทุ้มนุ่มทำให้ฉันทั้งง่วงและปลอดภัยไปพร้อมกัน

                “อือ…” ฉันครางตอบ ยังลืมตาไม่ขึ้น

                …และน้ำตาก็ไหลทั้งที่ยังปิดตาอยู่เมื่อได้ยินเสียงกระซิบข้างหูแผ่วเบา

                “เธออยากทำแท้งมั้ย แก้วใส…”

                ฉันเงียบเสียง เหงื่อเย็นชื้นไปทั้งตัวเมื่อได้ยินคำพูดนั้น อยากจะหนีแต่มันชายิบไปทั้งตัวจนขยับไปไหนไม่ได้ ไม่เคยคิดเลยว่าคาร์โลจะถามคำถามนี้

                “อย่าเข้าใจผิดนะแก้วใส ที่ฉันถามน่ะ เพราะกลัวเธอคิดว่าเด็กในท้องจะเป็นภาระของเธอเท่านั้น” เขาดักคอเอาไว้ ช่วยให้ฉันหายจากความตกใจเมื่อครู่ได้ แต่ก็เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ฉันยังไม่เข้าใจว่าจริงๆ แล้วคาร์โลต้องการอะไรกันแน่

                “เรายังเรียนกันอยู่ ถึงจะใกล้จบแล้วก็เถอะ” คาร์โลพึมพำแล้วก็กอดฉันเอาไว้แน่นขึ้น

                “เธอจะรู้สึกยังไง ถ้าต้องอุ้มท้องไปเรียน ตอนนั้นเธอจะรู้สึกยังไงกัน เวลาที่มีคนมองหน้าท้องของเธอน่ะ”

                คำถามนั้น…ฉันเองก็ยังไม่กล้าที่จะถามตัวเอง ฉันเงยหน้าสบตากับคาร์โลก็เห็นแววตาจริงจังและมั่นคงของเขาชัดเจน

                “เธอไหวมั้ย?”

                “…” ฉันยังให้คำตอบไม่ได้และเอาแต่มองหน้าหล่อเหลาของเขาอยู่อย่างนั้น ราวกับจะมองหาคำตอบจากดวงตาของเขา

                “ฉันอยากให้เธอสบายใจ ถ้าอยากทำก็บอก แต่สำหรับฉัน ฉันเลี้ยงเด็กคนนี้ได้ และหวังว่าเธอคงไม่ทำอย่างที่ฉันถามเมื่อกี้จริงๆ” สีหน้าแววตาของคาร์โลที่มองมานั้นบอกชัดว่าเขาจริงจังมากแค่ไหน ฉันเองก็พลอยรู้สึกอุ่นใจไม่หวาดกลัวลนลานเหมือนครั้งก่อนๆ อีก

                “ฉันบังคับให้เธออุ้มท้องลูกของฉันต่อไปไม่ได้ถ้าหากว่าเธออยากทำแท้ง แต่ฉันอยากให้เด็กคนนี้เกิดมา” มือหนาที่แสนอบอุ่นลูบเส้นผมของฉันก่อนจะเรื่อยลงมาถึงหัวไหล่

                “ถ้าไม่ตอบฉันจะคิดเอาเองว่าเธอก็เต็มใจที่ให้เด็กคนนี้เกิดมา เพราะงั้นเรามาช่วยกันดูแลเค้านะ ตกลงมั้ย?” คาร์โลใช้มือประคองแก้มของฉัน จากนั้นก็ออกแรงให้ฉันหันไปสบตาด้วย

                “ตกลงตามนั้นนะ…” เขาพูดฟังเหมือนมัดมือชก แต่ลึกๆ ลงไปแล้วฉันไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นเลย

                ตอนที่คาร์โลยิ้มโลกทั้งใบเหมือนสว่างสดใส ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มตอบ ระงับอาการที่หัวใจมันเต้นแรงไม่ได้เลย มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นบ่อยเหลือเกินช่วงนี้

                “เอาล่ะ ตกลงว่าเราคุยกันเข้าใจแล้วนะ…” เขาตีขลุมเอาดื้อๆ จนฉันได้แต่ยิ้มเขิน

                ก่อนที่จะทันได้พูดอะไร เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้เราสองคนขยับตัว คาร์โลดันเอวให้ฉันลุกออกจากตักของเขา และตัวเขาก็ลุกตาม

                “คงมาแล้วมั้ง?” เสียงทุ้มของคาร์โลพึมพำ ฉันเลยถามออกไปด้วยความสงสัยและไม่ได้ตั้งใจ

                “ใครเหรอ…”

                ถามไปแล้วฉันก็เขินก้มหน้างุดจนคาร์โลหัวเราะ ไม่รู้ว่ามันน่าขำตรงไหนกัน ฉันใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กซับผมตัวเองต่อ แล้วก็เดินตามหลังไปด้วยเพราะอยากรู้ว่าใครมา แล้วก็ได้เห็นว่าเป็นพนักงานทำความสะอาด ซึ่ง… เอ่อ พวกเธอยังสาวและยังสวยกันมากเลยล่ะ

                คาร์โลหันมามองฉัน จากนั้นเขาก็หัวเราะและส่งยิ้มหวานให้พนักงานทำความสะอาดที่มาด้วยกันสองคน

                “เชิญครับ”

     

                ฉันทำหน้าไม่ค่อยพอใจเมื่อเห็นว่าคาร์โลดูร่าเริงผิดปกติ…

                ก็มันจริงนี่ ปกติเหรอเขามีแต่หน้าเรียบตึงไม่แสดงอาการอะไรเลย ยกเว้นตอนที่อยู่บนเตียง…แต่เดี๋ยวนะ ฉันมาพูดเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย

                “ให้มาทำความสะอาดห้องนอนกับโซฟาที่เปื้อนเหล้าใช่มั้ยคะ…” หนึ่งในพนักงานทำความสะอาดถาม แน่นอนว่าหล่อนถามคาร์โลแล้วก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่นั่นจนฉันเริ่มฉุน มองหน้าคาร์โลก็เห็นว่าเขากำลังดูสบายอารมณ์เหลือเกิน

                “ครับ ห้องนั้นกับโซฟาตัวนั้น” คาร์โลชี้นิ้ว ดังนั้นสองพนักงานทำความสะอาดมองตามและเดินไปอย่างอ้อยอิ่ง

                ฉันสูดหายใจเข้าปอดให้ลึกๆ เพื่อระงับความหงุดหงิดเอาไว้ จากนั้นก็เดินเข้าห้องนอนของคาร์โลที่เป็นห้องเดียวที่มันไม่เหม็นกลิ่นเหล้า ฉันนั่งสางผมไปเรื่อยๆ และอยากจะให้มันหมาดแบบนี้ต่อไปไม่ให้มันแห้ง แต่จะทำได้ยังไงกันล่ะ ก็ตอนแรกคาร์โลเป่ามันจนเกือบจะแห้งสนิทอยู่แล้ว

                คนที่ทำให้ฉันอารมณ์เสียปรากฏตัวขึ้น รอยยิ้มยียวนกวนใจของเขาทำฉันอยากจะร้องไห้อย่างไม่มีเหตุผล ตอนนี้ฉันเกลียดคาร์โล เกลียดมากจริงๆ… จากใจของฉันเลย

                “ฉันไปคุมแม่บ้านก่อนนะ เดี๋ยวของในห้องเธอหายล่ะยุ่งเลย” น้ำเสียงของคาร์โลเต็มไปด้วยความน่าหมั่นไส้

                ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าชักสีหน้าใส่เขาตอนไหน แล้วก็ขยับเบี่ยงหน้าเบี่ยงตัวหนีไม่อยากมองหน้าอีก เสียงหัวเราะกวนประสาทนั่นก็ยังตามกวนใจไม่หยุด ใจหายเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเดินห่างออกไปจริงๆ ฉันเม้มปากสูดหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง และเป็นครั้งแรกที่อยากเดินตามไปทึ้งผมของคาร์โล…

                “คนบ้า…” ฉันพึมพำ ทั้งโกรธทั้งเคืองยกมือทุบเตียงอย่างหงุดหงิด

                เสียงหัวเราะคิกคักยังแว่วมาจากห้องนอนของฉัน ใช่ นั่นน่ะ ห้องนอนของฉันเลยนะ แล้วก็ได้ยินเสียงคาร์โลด้วย แต่ได้ยินไม่ถนัดว่าเขาพูดอะไร ฉันกัดปากกำหมัดแน่น อยากจะเข้าไปร่วมวงด้วยเหลือเกิน แต่สุดท้ายก็นั่งนิ่งอยู่บนเตียงไม่ได้ออกไปไหนทั้งนั้น ผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงคนมารวมอยู่ด้วยกันที่โซฟาตรงห้องรับแขก แล้วก็มีเสียงหัวร่อต่อกระซิกยังหลอกหลอนทำให้ฉันเจ็บใจจนน้ำตาซึม

                แก้วใส เธอนี่บ้าไปแล้ว…

                ฉันอดไม่ได้ที่จะด่าตัวเอง แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ ตอนนี้ร่างกายสภาพจิตใจของฉันมันแปรปรวนไปหมด ไม่ได้อยากโทษเรื่องที่กำลังท้องอยู่หรอกนะ แต่ไม่ว่าอะไรที่คาร์โลทำมันก็ดูขวางหูขวางตาไปหมดทุกอย่าง ทุกอย่างเลยจริงๆ…

                ไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาในห้องนี้ที่เป็นห้องนอนของคาร์โล ตอนแรกเข้าใจว่าเจ้าของมาคนเดียว แต่ไม่ใช่… แม่บ้านสุดสวยทั้งสองคนยังตามมาด้วย

                “พวกเธอจะมาทำความสะอาดห้องนี่น่ะ…” พูดจบคาร์โลก็กลั้นหัวเราะ ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไรของเขา

                “เข้าใจแล้ว” ฉันบอกเสียงสะบัดอย่างงอนๆ ก่อนจะเดินหนีออกจากห้องของคาร์โลไป

                พวกเขาก็ยัง… นั่นแหละ พูดคุยหวานแหววไม่รู้ว่าคุยอะไรกันสนุกขนาดนั้น

                “เชอะ!” ฉันพึมพำกับตัวเองแล้วก็กระแทกตัวนั่งลงกับเตียงหนานุ่ม ซึ่งฉันเริ่มหงุดหงิดที่ตัวเองหัวเสียได้มากขนาดนี้

                “สนุกกันให้ตามสบายเลยเหอะ” ด้วยความไม่พอใจฉันเลยล้มตัวลงนอนบนเตียง ซึ่งทำความสะอาดปูผ้าปูที่นอนใหม่เรียบร้อยแล้ว ข่มตานอนอยากให้ตัวเองหลับสนิทที่สุดเท่าที่จะทำได้ และหลับไปหลังจากนั้นจริงๆ

             มารู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่รู้สึกหิว ทันทีที่ลืมตาขึ้นก็เห็นว่าบรรยากาศรอบนอกถูกความมืดโรยตัวปกคลุม ไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหนและหลับไปนานหรือเปล่า ฉันยกมือเสยผมขึ้นและค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง มีคนมาทำความสะอาดเตียงแบบนี้แล้วฉันเลยไม่แน่ใจว่าคืนนี้เราสองคนจะได้นอนด้วยกันอีกหรือเปล่า

                บ้าจริง… นี่ฉันกำลังคิดถึงเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย

                ฉันปรับสายตาของตัวเองจนเป็นปกติแล้ว ก็เห็นว่ามีโคมไฟเล็กๆ ให้แสงสว่าง และไม่เห็นคาร์โลอยู่ในห้อง ฉันเองก็หลับไปก่อนซะด้วย เลยไม่รู้ว่าเขาออกไปกับแม่บ้านสุดสวยหรือเปล่า

                ฉันเลิกคิดเรื่องพวกนั้นและเดินออกจากห้องนอนอย่างเงียบๆ ไม่รู้ว่าในห้องครัวจะมีอะไรกินรึเปล่า คิดไปก็ทั้งเหนื่อยทั้งหิว ตั้งใจจะหาอะไรกิน แล้วก็ได้เจอกับคาร์โลที่กำลังสาละวนกับการทำอะไรบางอย่างอยู่ แล้วเขาก็หันมา คงเป็นเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าของฉันแน่

                “ตื่นแล้วเหรอ?” เขาถาม ฉันเลยยกมือเสยผมและส่งยิ้มเก้อๆ เพราะเขินยังไงชอบกล

                “อือ…”

                “งั้นก็มานั่งตรงนี้ ฉันเพิ่งทำมื้อเย็นเสร็จพอดี” เขายิ้มกว้างและกำกับทางสายตาให้ฉันนั่งลง

                ฉันอยากถามว่าพวกแม่บ้านกลับไปตอนไหน และเขาเล่นหูเล่นตากับพวกหล่อนด้วยหรือเปล่า แต่มันคงงี่เง่าพอดูถ้าถามแบบนั้นไปจริงๆ ดังนั้นฉันเลยต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และนั่งรอมื้อเย็นที่คาร์โลอยากหิวๆ คาร์โลหัวเราะฉันเลยต้องเงยหน้าขึ้นมอง ไม่ชอบใจทุกทีที่เขาเอาแต่ยิ้มมุมปากด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้

                “หน้าเธอบอกทุกอย่างนั่นแหละ” จู่ๆ คาร์โลก็พูดขึ้นมา ทำเอาฉันขมวดคิ้วน้อยๆ เพราะไม่เข้าใจที่เขาพูดเลย

                “นายพูดอะไร” ฉันถาม ก่อนจะหน้าร้อนวูบวาบเมื่อคาร์โลวางข้าวผัดให้ตรงหน้า กับคำพูดที่เล่นเอาเขินซะจนทำอะไรไม่ถูก

                “หึงเหรอ…”

                “ที่ไหนกัน…” ฉันปฏิเสธเสียงแข็ง เกลียดชะมัดเสียงหัวเราะและสายตาล้อเลียนของเขาเนี่ย…

             “หึงก็บอกสิว่าหึง ยากอะไร” เขาพูด ฉันเลยแกล้งเฉตักข้าวเข้าปากแทน

                มันไม่ใช่เรื่องยากหรือง่ายอะไรหรอก แต่ฉันตกใจที่ตัวเองแสดงออกชัดเจนนี่แหละว่ารู้สึกยังไงอยู่ตอนนี้ คาร์โลก็ดูเหมือนมีความสุขมากเหลือเกินที่หยอกล้อฉันได้ ฉันน่ะ... โมโหเขาแล้วจริงๆ นะ

                คาร์โลนั่งลงข้างๆ และทานอาหารเงียบๆ ไม่ได้ล้อเลียนอะไรอีก ช่วยให้ฉันสบายใจที่จะคุยมากขึ้น แต่พอกินข้าวกันเสร็จนั่นแหละ เขากลับพูดในสิ่งที่ฉันไม่อยากได้ยินขึ้นมาซะอย่างนั้น

                “แต่จะว่าไป พวกแม่บ้านนี่หุ่นเช้งชะมัด… เห็นแล้วแบบ…”

                “แบบอะไร…” ฉันหันไปมองจ้องเขาเขม็งจนคาร์โลหัวเราะ

                อีกแล้ว… มันใช่เรื่องขำนักเหรอ ฉันชักสีหน้าใส่อย่างหงุดหงิด ลุกขึ้นแล้วก็หยิบจานไปที่อ่างล้างจานทำทีไม่สนใจเขาอีก

                “แบบว่าสวยไง เป็นธรรมดาป่ะที่ทุกคนชอบมองคนสวยคนหล่อกัน” เขาพูดและพาตัวเองมาใกล้ๆ ฉันชำเลืองมองทางหางตาเล็กน้อยแล้วก็ไม่สนใจอะไรอีก แต่คาร์โลนี่แหละ ที่ประสาทกลับพาฉันประสาทเสียหัวเราะมีความสุขที่แกล้งปั่นหัวฉันได้

                “ฝากล้างด้วยดิ… อุตส่าห์ทำให้กินแล้ว” เขายื่นจานมาให้ ได้ยินก็แสนจะหมั่นไส้อยากบอกไปว่าใครใช้ให้ทำกัน

                แต่เมื่อมาคิดทบทวนให้ดีแล้ว ถ้าไม่มีคาร์โลฉันน่ะต้องลำบากมากแน่ๆ ถ้าหากว่าเขาเป็นพวกจอมหยิ่งเอาแต่ใจไม่เห็นหัวใคร เชื่อสิ ป่านนี้ฉันก็ต้องโกหกคุณแม่บอกว่าเข้ากับเขาได้ดี อาจต้องหางานพิเศษทำเพื่อออกไปเช่าห้องที่อื่นอยู่ โกหกทุกคนบอกว่ายังอยู่กับเขา

                แบบว่าตอนแรกที่เจอคาร์โล เขารุกเข้าใส่เร็วมาก รู้ตัวอีกทีก็…

             อยู่บนเตียงกับเขาแล้ว โอย ความหลังของฉันเนี่ย มันแบบ…

             “คนอะไร ยืนล้างจานก็หน้าแดงได้…”

                ความคิดที่กระเจิดกระเจิงของฉันมันกลับมาเมื่อใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาคมกริบของคาร์โลชะโงกเข้ามาใกล้และยิ้มให้ซะอย่างนั้น ทั้งที่เขาน่าจะรู้ว่าตอนนี้ฉันเคืองเขามากแค่ไหนน่ะ

                “เอามาสิ…” ฉันเฉไฉทำเป็นไม่เข้าใจคำถาม แล้วก็ดึงเอาจานจากมือของคาร์โลมาล้างแทน

                หัวใจมันก็เต้นรัวแรงมากขึ้นๆ เพราะคาร์โลยังป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ ไม่ยอมไปไหน สีหน้าและแววตาของเขามันชวนให้ละลายระเหยกับอากาศเหลือเกิน และเขาคงชอบที่ทำให้ฉันเขินได้ขนาดนี้

             แล้วฉันก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ คาร์โลก็โน้มหน้าเข้ามาจูบต้นคอของฉันเบาๆ เพราะรวบผมเอาไว้ดังนั้นฉันเลยรู้สึกได้ถึงริมฝีปากอุ่นผะผ่าวของเขาอย่างจัง ไรขนอ่อนของฉันลุกเกรียวก่อนจะหันไปมองเขาด้วยความตกใจ

                “นี่…” ฉันต่อว่า แต่ก็เอ่ยได้แค่คำเดียวเพราะเรียวปากร้อนระอุของคาร์โลแนบชิดกับริมฝีปากของฉันอีกครั้ง

                “คาร์ล…” ฉันปราม ซึ่งทำอะไรไม่ได้เลย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเขาเปิดเปลือยความในใจทุกอย่างจนหัวใจของฉันเต้นระทึก…

             “ฉันอยาก…”

             โอย มองมาแบบนี้ พูดตรงๆ แบบนี้ ไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว ฉันเขินมากจนทำอะไรไม่ถูก รีบผินตัวหนีแล้วทำทีเป็นล้างจาน ไม่สนใจเสียงหัวเราะคิกคักอารมณ์ดีนั่น ฉันคิดว่าเขาไม่ได้แค่อารมณ์ดีอย่างเดียวแล้ว แต่คงมีอารมณ์อย่างอื่นด้วย แต่กรี๊ด!! ฉันคิดเรื่องบ้าอะไรอยู่เนี่ย

                “ไม่ได้เหรอ” คาร์โลรุกจนน่ากลัวเมื่อเขาขยับเข้ามาชิดและสวมกอดเอวฉันไว้แน่นจากทางด้านหลัง

                ร่างกายของฉันร้อนผ่าว มือของคาร์โลเริ่มซุกซนลูบเอวฉันนั่นนี่ ปากก็จูบเบาๆ เล่นเอาสะท้านไปหมด

                “นี่… นายเข้าใจสถานการณ์มั้ยคาร์ล ฉันท้องอยู่นะ” ฉันต้องรีบบอก ไม่อย่างนั้นเสร็จแน่…

             “ครั้งก่อนก็มีได้… เธอก็น่าจะท้องแล้วด้วย” เขาพูดอย่างเอาแต่ใจ ฉันร้อนจนแทบจะละลายอยู่รอมร่อ มากระซิบเสียงเซ็กซี่ข้างหูแบบนี้มันไม่ไหวนะ ฉันเขินแทบบ้าอยู่แล้ว…

             “ก็ตอนนั้นยังไม่รู้ ตอนนี้รู้แล้วนี่…” ฉันขึงตาใส่เขา แต่คาร์โลกลัวที่ไหน ยังจูบแก้มฉันเบาๆ เหมือนจะอ้อนอีก

                “ก็อยาก…”

                โอย… พ่อคุณ พูดอ้อมกว่านี้ไม่ได้รึไง ฉันเขินอายแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ล้างจานเสร็จก็ผลักเขาออกตั้งใจจะเดินหนีเข้าห้องนอนตัวเอง แต่คาร์โลลากฉันกลับไปที่ห้องนอนของเขาแทน

                “ไม่ได้เหรอ…” คาร์โลอ้อนอีกเมื่อมาถึงห้องแล้ว

                ทำไมแบบนี้หัวใจฉันจะไม่ไหวเอานะ ฉันขึงตาใส่ เรียกสติของตัวเองกลับมาก่อนจะใจอ่อนให้คาร์โล

                “นี่ บอกแล้วไงว่าฉันท้อง”

                “ไม่เคยเรียนเพศศึกษาเหรอ คนท้องมีเซ็กกับสามีได้เยอะแยะ…” ฉันไม่รอให้เขาพูดได้มากกว่านั้น ยกมือผลักหน้าเขาออกแล้วก็เดินหนีเข้าห้องน้ำ ไม่ทนฟังคำพูดหื่นๆ หรือเสียงหัวเราะของปีศาจคาร์โลอีก พอเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขาอาบน้ำเรียบร้อยนอนรออยู่ก่อนแล้ว แถมยังกัดผ้าห่มมองฉันตาขวางอีก นี่…ฉันผิดอย่างนั้นเหรอ

                “ไม่ได้เหรอ…”

                โอ๊ย… คาร์โลนี่ถามอีกแล้วตอนฉันคลานขึ้นเตียง ยังไม่ทันทำอะไรก็ถูกกอดซะแล้ว แถมยังจูบแบบเน้นๆ จนเจ็บจี๊ดตามต้นคอเนินอกอีกต่างหาก

                “วันนี้ขอก่อนได้มั้ย ฉันเวียนหัว” ฉันขอผัดผ่อน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จไหม คาร์โลจ้องหน้าฉันนิ่งๆ ก่อนจะพยักหน้า

                “แต่เธอต้องกอดฉันนะ กอดให้แน่น ไม่งั้นมีเรื่องแน่…”

                ฉันว่าการกอดแน่นๆ นี่แหละได้เรื่องแน่ แต่จะทำอะไรได้ล่ะนอกจากนอนทับบนอกของเขาแล้วก็กอดเขาไว้เท่านั้น คาร์โลดูทรมานมาก มากจนฉันรู้สึกผิด แต่ฉันก็ยังไม่แน่ใจนี่ว่าถ้ามีอะไรกันตอนนี้แล้วมันจะมีผลกระทบตามมายังไงบ้าง มันเป็นเรื่องที่อธิบายได้ยากจริงๆ เลย

                “แก้วใส… จูบหน่อยดิ” คาร์โลออกคำสั่งตามนิสัยของเขาอีกครั้ง แบบว่ามันเป็นคำสั่งที่สุ่มเสี่ยงเอามากๆ ที่จะจูบเขาในเวลาแบบนี้

                “ไม่จูบก็ปล้ำอ่ะ ลองดูดิ…”

                ฮือ เล่นขู่กันแบบนี้แล้วใครจะกล้าล่ะ…

     

    Carlo’s talking…

             แต่เชื่อเหรอว่ามันหยุดแค่จูบ… ผมเหมือนคนติดเหล้าที่มันจะลงแดงตายให้ได้

                สุดท้ายเป็นไง… แก้วใสก็เคืองไม่ยอมให้ผมกอดหลังจากจบเรื่องร้อนๆ กันแล้ว แต่ผมก็ปล้ำกอดได้เหมือนเดิมนั่นแหละ หึๆ

                พอถึงตอนเช้า… ก็อีหรอบเดิม ผมปล้ำแก้วใสอีกทีก่อนจะแต่งตัวเพื่อออกไปเรียน เธอโกรธมาก นั่งชันเข่าบนเตียงดึงผ้ามาคลุมร่างเอาไว้และจ้องผมด้วยสายตาอาฆาต

                “นายมันร้าย…” เธอด่า ทำให้ผมหัวเราะร่วนเพราะนั่นเป็นคำด่าที่น่ารักเหลือเกิน

             “เธอก็ขัดขืนมั่งสิ ตามใจกันตลอดฉันก็นิสัยเสียน่ะสิ” ผมหัวเราะก่อนจะยกมือเสยผมลวกๆ

                “วันนี้สายละ ต้องออกไปก่อนนะ หาอะไรกินเองได้มั้ย?” ผมถาม แต่แก้วใสสะบัดหน้าหนีแต่แก้มแดงแบบน่าแกล้งสุดๆ ผมเลยหัวเราะก่อนจะออกจากห้องไม่พูดมาก เดี๋ยวพานไม่ได้กินของหวานอีก

                พอเดินออกมาจากห้องผมก็ต้องชะงักเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนรออยู่ด้านนอก เหมือนจะมาดักรอนานแล้ว

                “ไฮ… คาร์ล คิดถึงจัง…”


     


    [1] ไลน์ (LINE) เป็นโปรแกรมเมสเซนเจอร์ที่สามารถใช้งานได้ทั้งโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และแมคโอเอสได้ ด้วยความที่มีความสามารถมากมาย เช่น สามารถแชท ส่งรูป ส่งไอคอน ส่งสติกเกอร์ ตั้งค่าคุยกันเป็นกลุ่ม และโทรฟรีถึงกันได้ ทำให้มีผู้ใช้งานแอพพลิเคชันนี้เป็นจำนวนมาก

    [2] มอลต์ (Malt) ได้มาจากข้าวบาเลย์ มีคุณค่าทางโภชนาการสูงซึ่งเกิดจากสารอาหารชนิดต่างๆ ที่สร้างสะสมอยู่ในเมล็ดข้าวระหว่างการงอก ข้าวมอลต์สามารถจำหน่ายในรูปข้าวกล้องมอลต์ พร้อมหุงรับประทานหรือนำไปใช้เป็นวัตถุดิบผลิตผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ อาทิ เบียร์ วิสกี้ โจ๊กข้าวมอลต์ ผงชงดื่มเพื่อสุขภาพ เครื่องดื่มมอลต์ สกัดเข้มข้น น้ำมอลต์สกัด เป็นต้น


     


     

    มู่มารีอัพตัวอย่างให้อ่านอีกรอบค่ะ จะอัพถึงตอนที่ 3 นะคะ

    ขอฝากรูปเล่มเอาไว้ด้วยนะคะ


     


     

     

    Carlo`s Eyes ให้หมดใจ นายตัวร้ายที่รัก

    (Story of Carlo & Kaew-Sai)


     

    วางขาย พศฤจิกายา 2017 ตามร้านหนังสือทั่วไป

    Meb ➡ https://goo.gl/2uLvup

    Naiin ➡ https://goo.gl/swcqPg

    สั่งซื้อสอบถามโดยตรงได้ที่ https://m.me/meejairakpublishing

     

    ฉันชื่อแก้วใส กำลังตื่นเต้นที่จะมีน้องชาย

    แต่แล้วเมื่อได้เจอกัน… ภาพฝันก็เหมือนถูกเขาจับเขวี้ยงลงต่อหน้า

    ก็เพราะว่าน้องชายคนนี้ดูหล่อ ร้าย สายตาของเขาน่ากลัว

    อีกทั้ง…เขายังไม่เห็นเธอเป็น 'พี่สาว' เลยสักนิด

    แล้วแบบนี้เราสองคนจะอยู่ด้วยกันได้เหรอ

     

    พี่สาวเหรอ? ให้เธอคิดแบบนั้นไปคนเดียวเถอะ

    ผมชื่อคาร์โล ตอนแรกก็เฉยๆ หรอกนะตอนรู้ว่าจะมีพี่สาว

    แต่พอได้เจอหน้าเธอ…หัวใจของผมกลับเต้นแรงขึ้นมา

    หน้าหวานๆ ตากลมๆ ท่าทางขี้อายสุดๆ นั่น… ทำไมเธอน่ารักจังวะ!

    แล้วจะผิดมั้ย? ถ้าผมไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเราหยุดลงแค่นี้

    เตรียมใจรับมือกับ 'น้องชาย' คนนี้ไว้ให้ดีๆ แล้วกันนะ…แก้วใส

     

    http://38.media.tumblr.com/6ef60051c065b9435d43ec66985d21a8/tumblr_neay72pEeA1qbetfwo4_1280.jpg
    http://38.media.tumblr.com/20b80c7aac4414d3fdd69e89cffdb68e/tumblr_neay72pEeA1qbetfwo5_1280.jpg
    http://33.media.tumblr.com/3904c8a7df4359fe8430141d7849237f/tumblr_neay72pEeA1qbetfwo6_1280.jpg

     



     


     

    Talk 1...

    Song :: Claude Kelly - Love You To Death

    เขียนไปเขียนมา คาร์ลน่ารักเกือบเทียบจูเลียสแล้วนะเนี่ย

    แบบว่าเขียนเองก็ยิ้มเอา คาร์ลมันก็เด็กเกรียนๆ คนหนึ่งเท่านั้น

    เหมือนคาร์ลจากเรื่อง The Walking Dead นั่นแหละค่ะimage

    เค้าชอบ ผช แบบนี้อ่ะ ไม่รู้ทำไม หัวเราะ

    แล้ว แล้ว แล้ว #การขัดดอก ของคาร์ลคืออะไรคะimage

    ทำหน้าแบ๊วใสๆ อยากรู้จริงๆ นะเนี่ย อร๊าย

    ใครว่าคาร์ลตอนที่แล้ว จุ๊บเหม่งคาร์ลขอโทษเลยนะ มันออกจะน่ารัก image  image

      
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×