ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END]Cupid's trap ซ้อนกลกามเทพ #Markbam

    ลำดับตอนที่ #8 : ซ้อนกลกามเทพ ตอนที่ 7

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 58














                ห้องทำงานที่มีเพียงแค่บุคคลเพียงคนเดียวนั่ง มันเงียบสงบจนทำให้ได้ยินเสียงลมหายใจของผมเพียงคนเดียวที่ดังอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังมีอีกสามคนที่นั่งอยู่ในห้อง เเต่มีเพียงเสียงเดียวที่ทำให้ผมไม่เคยที่จะไม่สนใจเลยสักนิด

     

     

                เสียงใสๆของเด็กคนนั้น คนที่มีเเต่รอยยิ้ม เสียงหัวเราะทุกครั้งที่เจอกัน ใบหน้าหวานที่งอง้ำเวลาถูกขัดใจ หรือเสียงตะคอกที่พยายามจะเถียงผมเพื่อเอาชนะ

     

     

                ไม่มีมีเลยสักนิด ไม่มีมีเลยสักวัน นับตั้งเเต่ผมเริ่มรู้ใจตัวเองว่า ไม่ได้มองเด็กนั้นเป็นเพียงเเค่น้องรหัสอีกต่อไป จากที่ใส่ใจ ดูเเลอยู่เเล้ว ผมยิ่งเพิ่มมันเข้าไปอีก เเต่ก็เพิ่มเติมเเค่เพียงเล็กน้อยไม่เท่ากับครึ่งนึงของใจผมหรอก ผมไม่อยากให้คนที่ได้รับรู้สึกอึดอัดหรือรำคาญ

     

     

                ผมไม่เคยรู้ว่าเเบมเเบมรู้สึกยังไงหรือคิดอะไรกับผมมากเกินกว่าคำว่า พี่น้องรึเปล่า บางทีผมก็อยากจะเข้าข้างตัวเองนะ ว่าเเบมเเบมก็คิดเหมือนกัน เเต่บางที มันก็เหมือนว่า เเบมเเบมยังคงชัดเจนว่าเราเป็นได้เเค่นี้

     

     

                ผมเคยถามเขานะว่าเขาชอบผมรึเปล่า ถึงวันนั้นเขาจะคิดว่าผมมันเมาก็เถอะ เเต่จริงๆเเล้ว ผมไม่ได้เมา ผมก็เเค่...ทำเป็นเมา เผื่อว่าเขาจะคิดว่า ที่ผมพูดออกไปในวันนั้นเป็นเพราะผมเมา ถ้าเขารู้สึกไม่ดีกับคำพูดในคืนนั้น อย่างน้อยเเบมก็ไม่น่าจะถือสาคนเมา

     

     

                เเล้วทำไม?? ผมไม่บอกความรู้สึกตัวเองหล่ะ?? ถ้าบอกว่ากลัว...มันคงจะดูงี่เง่าเกินไป ผมอยากจะบอกว่า นั้นมันเป็นเพียงเเค่ส่วนนึงเท่านั้น ที่ผมจะกลัวว่าถ้าพูดว่าชอบเเบมออกไปเเล้ว ความสัมพันธ์ของเรามันจะเเย่ลง

     

     

                จริงๆเเล้ว ผมก็เเค่...อยากรักษาคำพูดของตัวเองเท่านั้นเเหละ วันที่ผมเป็นไอ้โง่คนนึง ที่หลอกตัวเอง ว่าไม่ได้คิดอะไรกับเเบมเเบม

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    มาร์ค ต้วน ปี2

     

     

     

                สองขาของผมเดินย่ำกับพื้นทรายสีขาวสะอาดตา ท้องทะเลที่มีคลื่นเหมือนทุกๆที่ เเต่ที่นี่น้ำใสกว่า ผมค่อยๆก้าวไปช้าๆเพื่อให้เท้าตัวเองสัมผัสน้ำทะเลกลิ่นเค็มๆตรงหน้า

     

     

                "ออกมารับลมเเต่เช้าเลยหรอว่ะ" เเขนของเพื่อนสนิทที่เรียนกับผมมาตั้งเเต่เด็กๆพาดลงมาที่บ่าผมเต็มๆ

     

                "......" สายตาของคนข้างกายทอดมองออกไปยังท้องน้ำเหมือนกับไม่ได้คิดอะไร เเต่ผมว่า ผมก็เป็นเพื่อนมันมานาน ทำไมจะไม่รู้หล่ะ ว่ามันมีเรื่องเครียดอะไร

     

                "มาร์ค....กูขอถามอะไรมึงหน่อยสิ" ผมไม่ตอบอะไรไป ไม่ได้อนุญาตหรือปฏิเสธมันออกไปตรงๆ เพียงเพราะผมอยากจะรู้ก่อนว่าเเจบอมจะถามอะไร ถ้าเป็นคำถามที่ผมตอบได้ ผมจะตอบ เเต่ถ้าไม่ ผมก็จะเงียบของผมเเบบนี้เเหละ

     

                "กับเเบมเเบม มึงคิดอะไรกับน้องมันรึป่าวว่ะ" ชื่อของน้องรหัสผมถูกเอ่ยออกมาจากปากเพื่อนสนิทที่ไม่สนใจโลก เเต่เเจบอมมันยังดีกว่าผม ตรงที่มันยังทำกิจกรรมเเละเป็นถึงเดือนคณะ ต่างจากผมที่นอกจากเรียน ก็เเทบจะไม่อยู่ที่มหาลัยเลย

     

     

                "ก็น้องรหัสกู จะให้กูคิดอะไร" ผมตอบเเจบอมออกไปเเบบนั้น ทั้งที่ๆตอนนี้ตัวเองกำลังสับสนอยู่เลย

     

     

                ไม่รู้ว่าเป็นเเบบนี้มานานเเค่ไหนเเล้ว ที่พอเห็นอะไรก็จะนึกถึงเด็กนั้นเสมอ

     

     

                ชอบรอยยิ้ม เสียงหัวเราะของเด็กคนนั้นมากกว่าน้ำตาที่ไหลออกมา

     

     

                อยู่ๆก็รู้สึกไม่พอใจที่เด็กนั้นชอบยิ้มให้คนอื่น ไม่ใช่ตัวเอง

     

     

                ผมยังตอบคำถามตัวเองไม่ได้เลยว่าเป็นอะไร

     

     

                "อืม ก็ดีเเล้ว ที่มึงไม่ได้คิดอะไร งั้นมึงก็คงเต็มใจจะช่วยเเจ็คสันมันใช่มั้ย" ผมรู้ว่าเพื่อนสนิทอีกคนคิดยังไงกับน้องรหัสตัวเอง ไม่ใช่ว่ารู้สึกดีนะที่มันชอบ ผมก็อธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ว่ารู้สึกยังไง

     

                "เรื่องเเบบนี้ต่อให้กูช่วยยังไง ถ้าน้องมันไม่ได้ชอบไอ้เเจ็ค ช่วยไปก็เปล่าประโยชน์"

     

                "เเต่ถ้ามึงช่วย เเจ็คสันมันก็มีโอกาสมากกว่าไม่ใช่หรอว่ะ อีกอย่างมึงกับเเบมก็สนิทกันอยู่เเล้ว มึงน่าจะรู้อยู่เเล้วว่าเเบมชอบอะไรไม่ชอบอะไร มึงก็เเค่ชี้ทางให้เพื่อนเเค่นั้น"

     

                "ทำไมมึงถึงเชียร์เเจ็คสันมันจังว่ะ" ผมอดที่จะถามเเจบอมไม่ได้ ทั้งๆมันก็ไม่ได้ดูใส่ใจอะไรตอนที่เเจ็คสันบอกว่าชอบน้องรหัสผม ซ้ำยังดูรำคาญเวลาเเจ็คสันมันถามถึงเเบมอีก เเล้วทำไมจู่ๆก็มาขอให้ผมช่วยเเจ็คสัน

     

                "กูก็เเค่ อยากให้คนที่ซื่อสัตย์ในความรู้สึกตัวเองสมหวัง...ก็เเค่นั้น เเจ็คสันมันก็ไม่ใช่คนเลวอะไร มึงไม่ต้องห่วงว่าเเบมจะเสียใจเพราะคนอย่างมันหรอก"

     

                "กูไม่รู้ว่ะ ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจมันนะ เเต่กูว่า รอให้เเบมเรียนจบก่อน ถ้าสองคนนั้นจะคบกัน กูจะช่วยเอง"

     

                "ก็ได้ เเล้วเเต่มึง"

     

     

     

     

     

     

                ผมมันโง่จริงๆเลยเนอะ ไม่น่าไปรับปากเเบบนั้นเลย ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่า ความรู้สึกที่เเท้จริงที่มีต่อเเบมเเบมคืออะไร ก็ยังจะไปรับปากว่าจะช่วยอีก หึ!! โง่จริงๆเลย มาร์ค ต้วน มึงมันโง่

     

     

                เสียงเคาะจากด้านนอกทำให้ผมต้องหมุนเก้าอี้ไปมอง เเบมเเบมเดินเข้ามาพร้อมกับถุงเค้กร้านประจำ กล่องนึงวางไว้ที่โต๊ะตัวเอง ส่วนอีกกล่องก็เดินมาวางไว้ที่โต๊ะผม

     

     

                "ซื้อมาฝาก เเบมไปร้านนี้กับพี่เนียร์เเล้วก็ยองเเจมา เลยซื้อมาเผื่อมาร์คด้วย กินข้าวมาเเล้วใช่มั้ย" ผมพยักหน้าช้าๆทั้งๆที่ตัวเองยังไม่ได้ไปหาข้าวทานเลย

     

                "เเล้วทำไมถึงไปเจอยองเเจกับจินยองได้หล่ะ" ผมถามถึงคนสองคนที่สนิทกับเเบมเเบมมากที่สุด สองคนนั้นทำงานที่เดียวกันก็ไม่เเปลกที่จะอยู่ด้วยกัน เเต่ทำไมถึงเจอกับเเบมเเบมได้หล่ะ

     

                "ก็ตอนที่เพื่อนมาร์คมา เเบมคุยกับเเจไง เเจจะชวนเเบมไปทานข้าวตอนกลางวัน เเต่พอบอกว่ามาร์คจะพาไป เเจเลยบอกเอาไว้คราวหลัง เเต่พอถึงร้านเเจก็โทรมาถามว่าเเบมไปทานร้านไหน เเล้วมันก็พอดีกับเเจกับพี่เนียร์ไปทำงานเเถวนั้นพอดี เเบมเลยชวนมาทานด้วยกัน"

     

                "อ่อ เเล้วเพื่อนมาร์คหล่ะ" ผมถามหาอีกสองคนที่น่าจะกลับมาพร้อมเเบม

     

                "กลับไปทำงานเเล้วมั้ง พี่จินยองมาส่งเเบมอ่ะ"เเบมเเบมกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง ผมเลยหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้ออกมาดู เพราะมันสั่นมาสักพักเเล้วเเต่ผมไม่ได้หยิบออกมา

     

     

                ผมเข้าไปในไน์กลุ่มของตัวเอง นั่งไล่อ่านตั้งเเต่ที่เเจ็คสันพิมพ์มาว่า ให้ผมไปช่วย เเต่เพราะผมไม่ได้เปิดอ่าน เเจ็คสันมันเลยกระหน่ำพิมพ์สถานการณ์มาบอกผมว่าเจออะไรบ้าง

     

     

                เฮ้ออออออ น่าสงสารจริงๆ

     

     

                จริงๆก็สงสารมันนะ แต่ผมว่าเรื่องแบบนี้มันก็แล้วแต่เวรแต่กรรมที่ทำมา ผมก็ช่วยอะไรมากไม่ได้ ไม่อยากยุ่งกับจินยองจริงๆ รายนั้นน่ะเขาหวงน้องชายตัวเองมาก เเต่ไม่รู้ทำไมจินยองถึงดูไว้ใจผมมากกว่าคนอื่น เเม้จะไม่ได้พูดออกมาตรงๆเเต่ดูจากท่าทีเวลาที่ผมอยู่กับเเบม จินยองก็ไม่ได้ขัดอะไร

     

     

                ตอนเเรกมันก็มีบ้างเเหละครับ ที่เวลาต้องเลี้ยงสาย ผมต้องพาเเบมไป เเละเเน่นอนว่าจินยองไปด้วย

     

     

                ตอนนั้นพี่รหัสผมชวนไปผับ ผมโดนจินยองด่าหูชาเลยวันนั้น คือจินยองเป็นคนพาเเบมมาที่ผับตามเวลานัดนะครับ พอมาถึงจินยองก็นั่งคั่นกลางระหว่างผมกับเเบม เเล้วก็ด่าผมตั้งเเต่นั่งลงยันพวกพี่บอกให้พวกเรากลับ คือไปผับส่วนใหญ่ก็จะอยู่กันยันปิดเลยใช่มั้ยครับ เเต่วันนั้น ผมว่ามันไม่ถึงชั่วโมงด้วยครับ พี่รหัสผมก็ไล่ผมให้ไปส่งเเบมเเบมกับจินยอง

     

     

                เเล้วก็นะ ผมโดนจินยองด่าต่อในรถยันถึงบ้านของเจ้าตัว นับเเต่นั้นมา เวลาพาเเบมไปเลี้ยง ผมเลยไม่พาไปสถานที่เเบบนั้น ส่วนใหญ่จะไปร้านเค้กมากกว่า นอกจากเเบมจะอ้อน...

     

     

                ใช่ครับ!!...เเบมอ้อนให้ผมพาไป พอพาเเบมไป ผมก็ต้องโทรบอกจินยอง เพราะขืนมีใครเอาเรื่องไปบอกจินยอง ผมว่า จินยองคงมาตามตัวเเบมกลับพร้อมกับเผาผับนั้นทิ้งอีกต่างหาก เวลาผมพาเเบมไป ผมถึงได้นั่งเฉยๆ มองเเบมดื่มเเละคอยห้ามเขา ส่วนตัวเองก็ดื่มเเค่น้ำอัดลมหรือน้ำเปล่า ถึงผมจะคอแข็งแค่ไหน แต่เวลาพาแบมไปด้วย ผมก็อยากมีสติที่สุด ยกเว้นตอนนั้น ตอนที่ผมถามแบมออกไปว่าแบมชอบผมรึเปล่า ตอนนั้นผมดื่มหนักจริงๆ แต่ไม่ถึงกับเมาหรอกนะ

     

     

                “แล้วไปคุยงานกับลูกค้ามาเป็นไงบ้าง โอเคมั้ย” แบมแบมถามขึ้นมา เขานั่งฝั่งตรงข้ามกับผมแล้วเปิดกล่องเค้กของผมออก

     

                “อืม ก็ดี” ผมเลือกที่จะโกหกแบมต่อไป ทั้งๆที่จริงๆแล้ว ผมแค่ออกไปเข้าห้องน้ำ รอแค่แบมออกไปกับเพื่อนผม ผมก็กลับมานั่งอยู่ในห้องเหมือนเดิมจนแบมกลับมา

     

                “เหนื่อยมั้ย ปวดหัวรึเปล่า ให้แบมนวดให้มาร์คเอามั้ย” แบมแบมตักเค้กเต็มช้อนแล้วยื่นมาเพื่อจะป้อนผม ผมเลยอ้าปากให้เขาป้อนแล้วส่ายหน้ากับคำถามของเขาเมื่อกี้

     

                “ไม่ต้องเกรงใจแบมหรอก เพราะแบมคิดค่านวด ฮ่าๆๆๆ” รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนตรงหน้า ผมอยากที่จะรักษามันไว้และเก็บไว้เหลือเกิน แต่ตอนนี้คงจะทำอย่างงั้นไม่ได้ เพราะผมไม่ได้มีสิทธิขนาดนั้น

     

     

                เรื่องแบบนี้ทุกๆอย่างมันอยู่ที่แบมแบมทั้งนั้น ว่าอยากจะให้ใครคอยรักษารอยยิ้มของตัวเองเอาไว้

     

                “แล้วค่าตอบแทนที่แบมนวดให้มาร์คคืออะไรหล่ะ แบมอยากได้อะไรหรอ” นิ้วเรียวสวยแตะลงบนปากอิ่มของแบมแบม แบมแบมทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรออกก่อนจะยิ้มกว้างๆออกมา

     

                “ทะเล แบมไม่ได้ไปมานานแล้ว มาร์คว่างเมื่อไหร่เราไปทะเลกันนะ” น้ำเสียงที่ฟังดูตื่นเต้นของแบมแบมมันทำให้ผมนึกเอ็นดูเขา แบมแบมน่ารักมากเลยนะครับ เวลาที่เขาอยากจะทำอะไรแล้วมาบอกผม มาขอผม มาอ้อนผม เขาน่ารักมากเลยจริงๆ

     

                “อืม ถ้าแบมอยากไป มาร์คจะพาไป” ผมยิ้มให้กับแบมแบม เขาเองก็ยิ้มให้ผมเหมือนกัน

     

                “โอเคเลย” อยากจะไปด้วยกันแค่สองคนแบบนี้มานานมากแล้ว อยากอยู่กับแบมในสถานที่ๆเขาอยากจะไป

     

                ผมยังไม่เคยไปทะเลกับแบมแบบสองคนมาก่อนเลยนะ ส่วนใหญ่จะไปกับกลุ่มผมและจะมีแบมแบมไปด้วยตลอด และคราวนี้.......

     

     

                “เดี๋ยวมาร์คชวนแจบอมกับแจ็คสันไปด้วยนะ” ก็คงจะต้องเป็นแบบเดิม

     

                “อืม ได้สิ งั้นแบมชวนพี่จินยองกับยองแจไปด้วย ไปเยอะๆจะได้สนุกๆเนอะ” แบมแบมลุกจากเก้าอี้ของตัวเองหลังจากเค้กคำสุดท้ายเข้าปาก เขาเดินอ้อมมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม มือเล้กๆบีบลงบนไหล่ผมเบาๆ ผมปล่อยให้แบมแบมทำไป แล้วก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าตอนไหน ที่ผมยกมือขึ้นจับเอวบางของนตรงหน้า แล้วดึงมาชิดตัวเอง

     

                “จะทำอะไรน่ะมาร์ค” เสียงของแบมแบมเหมือนดึงสติผมกลับมา แต่เวลานี้ ผมไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว นอกจากทำตามใจตัวเอง

     

     

                หมับ!!!

     

     

                ผมดึงคนตัวเล็กเข้าใกล้แล้วจับให้แบมแบมนั่งลงบนตักตัวเอง ดึงเขาเข้ามาใกล้จนแผ่นหลังของแบมแบมชิดกับอกของผม เสียงที่ดังมาจากอกข้างซ้ายผมไม่รู้ว่าตอนนี้เสียงหัวใจของผมกับแบมคนไหนดังกว่า

     

                แบมแบมจะใจเต้นแรงเพราะผมทำแบบนี้รึป่าวนะ อยากจะรู้จริงๆหรือเขาแค่ตกใจที่จู่ๆผมก็จับเขานั่งลงบนตักตัวเอง

     

     

     

    70%

     

     

                "เเบม เเบมว่าเราสองคนยังเป็นเเค่พี่กับน้องกันอยู่รึเปล่า?" ผมถามคนที่นั่งยุกยิกอยู่บนตัก เเบมเเบมนิ่งไปทันที เอนตัวลงมาซบกับอกผมเเทนที่จะตอบอะไรออกมา

     

                "เเบมว่าเราจะรู้สึกเหมือนกันมั้ย" รู้ทั้งรู้ว่าถามไปเเบมก็คงไม่ตอบ ผมว่ามันยากนะเรื่องนี้ ผมยังใช้เวลานานเลยในการคิด ไตร่ตรองว่า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันเกิดจากอะไร ความเคยชิน ความใกล้ชิดของเราทั้งคู่ หรือเพราะการที่เราทั้งคู่ต่างก็ไม่มีใคร มันเป็นอารมณ์ของคนเหงาที่ต้องการเเค่ใครสักคนรึเปล่า

     

                "นานเเล้วเนอะที่รู้จักกัน มาร์คยังไม่เคยถามอะไรเเบบนี้กับเเบมตอนที่มีสติครบถ้วนสมบูรณ์เลย...." ผมยิ้มบางๆในขณะที่พูดไป เเบมเเบมขยับตัวก่อนจะหันมามองเสี้ยวหน้าของผม

     

     

                ริมฝีปากอิ่มสีเเดงสดทาบทับลงมาที่ปากของผม โดยที่ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เเบมเเตะมันไว้นิ่งๆ เหมือนกับต้องการให้ผมหยุดพูด ก่อนที่เเบมจะผละออกจากผม ผมเลยประคองใบหน้าของเขาไว้เเละเป็นฝ่ายกดจูบลงไปเเทน

     

     

                ก่อนที่อะไรๆมันจะมากไปกว่านี้ เสียงของใครสักคนที่กำลังจะเปิดประตูเข้ามาเหมือนกับต้องการให้ผมหยุดเเละเรียกสติเเบมคืนมา ผมค่อยผละออก เเล้วประคองให้เเบมยืนขึ้น ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ จับมือเเบมเอาไว้หลวมๆ

     

     

                "คืนนี้ว่างป่าวว่ะมาร์ค" เเจบอมเปิดประตูเข้ามา มองหน้าผมกับเเบมสลับกัน เเต่มันไม่เห็นหรอกว่าผมจับมือกันอยู่ เพราะโต๊ะทำงานผมบังเอาไว้

     

                "ทำไม??" เเจ็คสันเดินเข้ามาเเละส่งยิ้มให้กับเเบมเเบม ก่อนที่เเจ็คสันจะนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับผม ผมก็ค่อยๆปล่อยมือเเบมเเบมออก

     

                "ไปดื่มกัน เเบมด้วยนะ คืนนี้พี่เลี้ยงเองครับ" เเจ็คสันส่งยิ้มให้กับเเบมเเบมที่ยังยืนอยู่ข้างผม เราสองคนหันมาสบตากัน ก่อนที่ผมจะพยักหน้าให้เเบมช้าๆ

     

                "ไปครับ กี่โมงหรอครับ"

     

                "สัก 4 ทุ่มก็ได้ครับ เเบมจะไปพร้อมกันกับพี่เลยมั้ย"

               

                "เเบมไปกับมาร์คดีกว่าครับ เพราะมาร์คกับพี่จินยองต้องโทรคุยกัน ถ้าไปกับพี่เเจ็คสัน เเบมกลัวว่า...จะไม่รอด"

     

                "โอเคครับ พี่เข้าใจดี^__^ มาร์ค สรุปว่านายไปด้วยใช่มั้ย"

     

                "อืม"

     

     

                ผมหยิบเอกสารที่อ่านค้างไว้ตั้งเเต่เช้าขึ้นมาอ่าน ปล่อยให้สามคนที่อยู่ในห้องคุยกันต่อไป มีบ้างที่เเจบอมหันมาถามผม ผมก็เเค่พยักหน้ากับส่ายหน้าตอบไปเท่านั้น

     

     

                ไม่ชอบเลย ที่ได้เห็นรอยยิ้มที่ตัวเองชอบ ถูกมอบให้ใครอีกคน

     

                ไม่ชอบที่เสียงหัวเราะใสๆนั้นไม่ได้มาจากผม

     

     

                เเต่ผมคงจะทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อผม ไม่ใช่เจ้าของเจ้าของรอยยิ้มเเละเสียงหัวเราะที่ผมอยากจะครอบครองเเทบขาดใจ

     

     

     

     

     

                เย็นมากเเล้วที่ผมนั่งทำงานเงียบๆอยู่คนเดียว เเบมเองก็นั่งทำงานตัวเองอยู่ที่โต๊ะทำงานหลังจากที่เเจ็คสันกับเเจบอมกลับไปสักพัก

     

     

                ผมปิดเเฟ้มเอกสารตรงหน้าตัวเองเบาๆ เงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่ทำงานอยู่ เเบมเเบมไม่รู้หรอกว่าผมมองอยู่

     

     

                ใบหน้าหวานของคนที่ผมมองกำลังจริงจังกับเอกสารที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง ปลายผมหน้าม้าที่ยาวลงมาทำให้เขารู้สึกรำคาญไม่น้อย ผมเห็นเเบมเอามือปัดๆอยู่หลายที

     

     

                ผมค่อยเปิดลิ้นชักตัวเองออก หยิบยางมัดผมที่ผมเเอบซื้อเอาไว้เเล้วไม่ได้ให้เเบมเเบมขึ้นมา ผมเจอมันตอยนที่เราไปเดินห้างด้วยกัน เเอบซื้อมาเพราะเห็นว่ามันน่ารัก เเล้วเหมาะกับเเบฝดี เเต่ก็ยังไม่ได้ให้เเบมสักที เก็บเอาไว้ในลิ้นชักนานเเล้ว คราวนี้จะได้เอาออกมาใช้สักที

     

     

                ผมเดินเสียงเบาๆไม่ได้ลงน้ำหนักเพราะไม่อยากจะรบกวนสมาธิของคนที่ตั้งใจ พอผมไปยืนอยู่ข้างๆ เเบมเเบมถึงหันมามอง

     

     

                "มายืนตรงนี้ตั้งเเต่เมื่อไหร่เนี่ย" ผมไม่ได้พูดอะไร เพียงเเต่หันเก้าอี้ของเเบมเเบมให้คนตัวเล็กกว่าผม หันหน้ามามองผมตรงๆ

     

                "ไม่รำคาญรึไง ผมข้างหน้ายาวเเล้วเห็นมั้ย" เเบมเเบมยิ้มร่า เเละยกมือสองข้างจับเอวของผมไว้ ผมเลยขยับไปใกล้ๆเข้า จับผมข้างหน้าที่มันเริ่มยาวมัดขึ้นด้วยยางสีม่วง สีที่เเบมเเบมชอบ

     

                "ไปซื้อมาตอนไหนเนี่ย" เเบมเเบมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล้องหน้าเเล้วสำรวจหน้าตัวเองกับยางมัดผม

     

                "นานเเล้ว เเต่ไม่ได้ให้เเบมสักที ชอบรึป่าว มาร์คว่าน่ารักดีนะ เหมาะกับเเบมดี"

     

                "ขอบคุณนะ" เเบมเเบมพูดกับผมด้วยน้ำเสียงสดใส ก่อนจะกระตุกมือผมให้หันไปสนใจโทรศัพท์

     

     

                เเบมเเบมเปลี่ยนโหมดกล้องให้กลายมาเป็นกล้องหน้าเเทนก่อนจะบอกให้ผมย่อตัวลง ผมมองไปที่จอโทรศัพท์ก็เห็นว่าเเบมเเบมยิ้มกว้างให้กล้องอยู่

     

     

                เเชะ!!!

     

     

                เเบมกดดูรูปที่ตัวเองถ่ายเมื่อกี้ เเล้วก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผมถือ

     

     

                "มาร์คถือกล้องบ้าง รูปนี่เเบมหน้าบวมอ่ะ ถ่ายใหม่" ผมยอมตามใจคนหน้าหวานที่ทำหน้าบูดหลังจากดูรูปเสร็จ

     

                "จะให้มาร์คทั้งถือกล้อง ทั้งย่อตัวลงเลยหรอ" ผมหันไปถามคนที่กำลังยิ้มหลายรูปเเบบอยู่ข้างๆ เเบมเเบมเลยยื่นขึ้นเเล้วชี้ไปที่โซฟา

     

                "งั้นไปนั่งถ่ายตรงนั้นกัน" ผมเดินไปถึงโซฟาก่อนเเบมเเละก่อนที่เขาจะนั่งลง ผมก็รวบเอวเเบมไว้ เเละกดลงให้นั่งระหว่างขาของ

     

                "พิงมาเลยก็ได้ ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ เเหม ทำอย่างกับไม่เคย" เเบมหันมาทำตาดุใส่ผม ผมเลยกดถ่ายเอาไว้ รูปที่ออกมา มันเลยเป็นรูปที่เเบมกับผมมองหน้ากัน เเล้วผมก็ยิ้มอยู่ เเต่หน้่เเบมเเบมเห็นเพียงเเค่เสี้ยวหน้า

     

                "อ่ะๆ ไม่เเกล้งเเล้ว" ผมเกยคางไว้บนไหล่เล็กของเเบมเเบมเเทน เเล้วมองหน้าเเบมเเบมผ่านจอโทรศัพท์ ก่อนที่ผมจะกดถ่าย ผมก็.....

     

     

                ฟอดดดดดดด

     

     

                ฝังจมูกลงบนเเก้มนิ่มๆของคนที่ตัวเล็กกว่าทันที โชคดีชะมัดที่ผมกดถ่ายทัน ภาพเลยออกมาสมบูรณ์

     

     

                "มาร์คคคคค เดี๋ยวนี้ชักจะเอาใหญ่เเล้วนะ" ผมไม่สนมือเล็กที่ทุบตีอกผมไม่หลุด เพราะผมกำลังสนใจรูปที่ตัวเองถ่ายเอาไว้ ผมกดส่งเข้าไลน์ตัวเองเเล้วส่งมือถือคืนให้เเบม

     

                "อยากลบก็ลบนะ เพราะมาร์คส่งให้ตัวเองเเล้ว"

     

                "นิสัยไม่ดี ชอบฉวยโอกาส"

     

                "เเต่เเบมก็ชอบไม่ใช่หรอครับ" ผมกระชับอ้อมกอดตัวเอวให้เเน่นขึ้น กระซิบข้างหูเเบมเเบมเบาๆเพราะอยากจะเเหย่เขาเล่น เเต่ไม่น่าเชื่อว่าร่างกายเเบมจะตอบสนองได้ดีขนาดนี้ ทั้งเเก้มที่ขึ้นสีเเละหูที่เริ่มเเดง มันทำให้ผมต้องยกยิ้มกับสิ่งที่ตัวเองเห็นไม่ได้

     

                "ถ้าไม่อยากโดนปล้ำ อย่าให้ใครเขาเห็นเวลาเเบมเขินน่ะ รู้ไหม"

     

     

     

     

     


     

     


      

     

     

     

     

    Talk

     

    ขอติดไว้ก่อน 30% หล่ะกันนะคะ แล้วพรุ่งนี้จะมาต่อให้ ตอนนี้เป็นพาทของมาร์คทั้งตอนเลย ส่วนตอนหน้าจะเป็นของแบม สลับกันไป เหมือน #ฟิคเราควรพอ เลยค่ะ อยากจะให้ลีดเดอร์ได้รับรู้ความคิดและความรู้สึกทั้งสองฝ่ายแบบเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

     

    ฝากติดตามกันต่อๆไปด้วยนะคะ จะพยายามไม่ยืดเรื่องจนเกินไปและจะไม่ตัดจบเร็วเกินไป #ฟิคซ้อนกลมบ




    TALK

    มาต่อให้จบ 100% เเล้วนะคะ มาร์คของเรากล้าที่จะถามขึ้นมานิดนึงเเล้วนะ เหลือก็เเต่เเบมเนี่ยเเหละที่ไม่ยอมให้พูด ตอนหน้าจะเป็น Part ของเเบม คราวนี้ก็จะรู้เเล้วว่าเเบมคิดกับมาร์คยังไงบ้าง รอกันต่อไปนะทุกคน

    ฝากคอมเม้นท์เเละ #ฟิคซ้อนกลมบ ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×