ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END]Cupid's trap ซ้อนกลกามเทพ #Markbam

    ลำดับตอนที่ #7 : ซ้อนกลกามเทพ ตอนที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ย. 58










    BamBam Part

     

     

     

                "มันถึงเวลาเเล้วหล่ะเเบม"

     

     

                ผมพยายามจะไม่เข้าใจในคำพูดของมาร์ค ผมไม่อยากจะเข้าใจเเละรับรู้อะไรเลยสักนิด ทั้งๆที่ผมก็จำคำพูดของมาร์คในคืนนั้นได้ คืนนั้นผมไม่ได้เมา ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามาร์คพูดอะไรออกมา ผมจำได้ดี

     

     

                มันน่าตลกเนอะ ทั้งๆที่มันเป็นคำพูดของคนเมาเเท้ๆ ตอนเช้าที่ตื่นมามาร์คอาจจะลืมมันไปเเล้วก็ได้ เพราะมาร์คไม่ได้เอ่ยถึงมันอีกเลย เเต่ผมกลับทำตามอย่างไม่มีเหตุผล

     

     

                ผมไม่เคยคบใครเลย เลิกคุยกับทุกคนที่ตอนนั้นคุยๆอยู่ ทั้งๆที่ผมก็ไม่มีความรู้สึกอยากจะจริงจังหรือรู้สึกพิเศษกับใคร คุยกันเหมือนเพื่อนกับทุกคน เเต่พอคืนนั้น คืนที่มาร์คขอผม ผมกลับคุยกับทุกๆคนน้อยลง

     

     

                มันไม่ได้เเย่นะครับ ที่ผมไม่คุยกับใครในสถานะที่คบหาดูใจหรือคุยๆกันอยู่ เพราะผมมีทั้งยองเเจ ยูคยอม เเละมาร์คอยู่ด้วยตลอด มันเลยไม่มีช่วงเวลาที่ผมต้องมาเหงา หรืออยากมีใครสักคน

     

     

                "เข้าข้างในได้เเล้ว เดี๋ยวมันจะสายไปมากกว่า" เฮอะ!! วันนี้ทั้งวันผมต้องฟังน้ำเสียง เเววตาเเละท่าทีที่ห่างเหินจนหมดวันเเละต่อๆไปเลยใช่มั้ย

     

     

                ได้ มาร์ค ถ้าอยากจะทำเเบบนี้ก็ตามใจ เเบมก็จะทำเเบบที่มาร์คทำกับเเบมเหมือนกัน

     

     

                "พี่ก็เดินนำเข้าไปสิครับ" คำว่า พี่ คำเเรกตั้งเเต่รู้จักกันมา หลุดออกมาจากปากผม ผมยืนมองหน้าเขานิ่งๆเหมือนกับที่เขามองผมเหมือนกัน

     

     

                ผมคาดหวังว่ามันต้องมีสักนิดที่มาร์คเเสดงอาการไม่พอใจ หรืออะไรก็ได้ ให้ผมรู้ว่าเขารู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของผม เเต่เปล่าเลย มันไม่มีเลยสักนิดเดียว

     

     

                ผมคงจะหวังมากเกินไป

     

     

                มาร์คเปิดประตูเข้าไปด้านใน พยักหน้ารับคำทักทายจากเลขาหน้าห้องเเละบอกกับคุณเลขาว่าผมจะมาทำงานด้วย โดยที่มาร์คไม่ได้บอกระยะเวลา มาร์คเเค่ขอให้คุณเลขาให้คนเอาโต๊ะทำงานมาให้ผม

     

     

                "นั่งรอที่โซฟาก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวอีกสักพักก็จะมีคนเอาโต๊ะมาให้" มาร์ควางกระเป๋าตัวเองลงบนโต๊ะทำงาน พร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ประจำตำเเหน่งของตัวเอง

     

                "ครับ ขอบคุณครับ" ผมขอบคุณเขาด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าสุภาพที่สุด พยายามคิดว่าคนตรงหน้าไม่ใช่มาร์ค เเต่เป็นใครไม่รู้ที่ผมไม่รู้จัก

     

                "จะทานอะไรก่อนมั้ย ผมจะได้บอกเลขาให้"

     

     

     

     

                'ผม'  งั้นหรอ??

     

                 อืมมมมม

     

     

                เราจะเป็นเเบบนี้กันจริงๆเเล้วสินะ ผมว่าผมควรจะยื่นใบสมัครเข้าทำงานที่นี่ได้เเล้วหล่ะ มาทำงานกับเขาเฉยๆ เปลืองเเอร์ เปลืองไฟเขา ไม่ได้งานเป็นชิ้นเป็นอัน เดี๋ยวคนอื่นจะมองไม่ดี ในเมื่อตอนนี้ผมกับลูกชายเจ้าของบริษัท เป็นเเค่พี่รหัสน้องรหัสกันเท่านั้น

     

     

                เเต่....ก่อนหน้านี้ เราก็อยู่ในสถานะนี้กันนี่หน่า เเต่ทำไมการกระทำ คำพูด เเววตาถึงได้ต่างออกไป หรือที่ผ่านมา มันไม่ได้อยู่ในสถานะนี้ตั้งเเต่เเรก

     

     

                "ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณพี่มาก ผมว่า พรุ่งนี้ผมจะมาสมัครงานที่นี่ดีกว่านะครับ ส่วนวันนี้ผมขอบคุณมากที่พามาที่นี่ วันนี้ผมขอตัวกลับไปเตรียมเอกสารดีกว่า ผมขอตัวนะครับ" ผมส่งยิ้มให้กับมาร์คที่นั่งอ่านเอกสารอยู่เงียบๆ เดินออกมาจากห้องเลยทั้งๆที่มาร์คไม่ได้พูดอะไร

     

     

                ผมเดินสวนกับคุณเลขาที่กำลังบอกให้พนักงานยกโต๊ะเข้าไปในห้องทำงานมาร์ค เธอมองผมเเล้วส่งยิ้มให้ ผมก็ยิ้มกลับไป เเละเดินตรงไปที่ลิฟต์

     

     

     

                เเรงกระชากจากด้านหลังเเบบที่ผมยังไม่ทันตั้งตัวขนาดที่จะก้าวเข้าไปในลิฟต์ ผมหันไปมองคนที่ดึงตัวเอง ก่อนจะค่อยๆมองไปที่มือของอีกฝ่ายที่จับเเขนผมอยู่

     

     

                "ผมยังไม่ได้บอกให้คุณกลับเลยนะ" มาร์คพูดเสียงเรียบเเละดึงผมให้ขยับออกมาจากประตูลิฟต์ที่กำลังจะปิดลง

     

                "ผมนึกว่าพี่ไม่มีอะไรจะพูดต่อก็เลยออกมา ขอโทษนะครับ ถ้าเสียมารยาทกับพี่มากไป"

     

                "เเล้วจะกลับคอนโดจริงๆหรอ" อยู่ๆมาร์คก็ถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเเบบเดิม ผมเลยได้เเต่พยักหน้ารับ ทั้งๆที่ไม่เข้าใจในการกระทำของมาร์คเลยสักนิด

     

                "ทำไมมันยากเเบบนี้ว่ะ!! ไม่เอาเเล้ว ไม่อยากเป็นเเบบนี้เลย มาร์คขอโทษ มาร์คขอโทษนะครับ" อยู่ๆมาร์คก็ดึงผมเข้ามากอด ขอโทษผมไม่หยุด

     

     

                ใบหน้าหล่อเหลาของทายาทบริษัทกำลังซบลงมาที่บ่าของผม โดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้างที่เดินมาใช้ลิฟต์เลยสักนิด มาร์คกอดผมเเน่นขึ้น เหมือนกับว่า กลัวผมจะหายไปจากตรงนี้

     

     

                "เป็นอะไร" ผมค่อยๆดันมาร์คออก เมื่อรู้สึกได้ว่าคนที่จะมาใช้ลิฟต์เขาเริ่มจะไม่กล้ามาใช้เเละเดินผ่านไปผ่านมาตรงนี้เเล้ว

     

                "ขอโทษ" มาร์คขอโทษผมเสียงเบา ผมมองเเววตาของมาร์คที่เเสดงออกมา มันเหมือนกำลังบอกผมว่า เจ้าของเเววตาคมคู่นี้กำลังสับสนเเละอ่อนเเอ

     

                "เลิกขอโทษเเบมได้เเล้ว กลับเข้าไปทำงานเถอะ มาร์คมายืนตรงนี้นานเเล้วนะ มีงานต้องเคลียร์เยอะไม่ใช่หรอ" ผมพยายามหว่านล้อมให้มาร์คกลับไปทำงาน เพราะเราทั้งคู่ยืนอยู่ตรงนี้มาสักพักนึงเเล้ว ยิ่งช่วงนี้ป๊ามาร์คไม่อยู่ เอกสารที่มาร์คต้องอ่านมันมีเยอะ ผมไม่อยากให้มาร์คมาเสียเวลา

     

                "กลับไปกับมาร์คเเล้วมาร์คจะยอมกลับเข้าไปทำงาน...ได้ไหม"

     

                "ทำไมจะไม่ได้หล่ะ เข้าไปสิ" ผมยิ้มบางๆให้กับมาร์ค ต่างจากมาร์คที่ยิ้มกว้างจนหน้าหมั่นไส้

     

     

                เเปลกเนอะที่เราให้อภัยเเละเลิกโกรธใครบางคนเพียงเเค่เขาพูดคำว่าขอโทษ เเค่คำๆเดียวเเละคนไม่กี่คนที่ผมให้อภัยโดยไม่คิดจะติดใจอะไรเลยด้วยซ้ำ

     

     

     

     

     

     

                "เเบมมาทานข้าวก่อน เดี๋ยวค่อยอ่านต่อก็ได้ครับ" มาร์คเดินมาหยุดที่โต๊ะทำงานของผม หลังจากที่เขาบอกให้เลขาช่วยสั่งมื้อเช้ามาให้เราสองคน

     

     

                จริงๆเมื่อเช้าผมก็เห็นถุงโจ๊กวางอยู่ที่โต๊ะยะ เเต่เห็นเเค่ถุงเดียวเลยไม่ได้ทาน วางเอาไว้ที่โต๊ะเเบบนั้นเเหละ

     

     

                "ขออ่านเเผ่นนี้ให้จบก่อนได้มั้ยอ่ะ" ผมเงยหน้าสบตากับคนที่ยืนเอาเเขนค้ำโต๊ะผมอยู่ มาร์คมองเอกสารที่ผมอ่านอยู่เเล้วขโมยไปถือเอาไว้เอง

     

                "เอาคืนมาเลยนะมาร์ค เเบมจะรีบอ่านให้จบ จะได้ไปทานข้าวไง"

     

                "เดี๋ยวเอกสารชุดนี้ มาร์คอธิบายให้ฟังก็ได้ ไปทานข้าวกันเถอะมาร์คหิวเเล้ว นะครับเเบม"

     

                "อ่ะๆ ก็ได้" ผมลุกจากเก้าอี้เเล้วเดินตามคนตัวสูงกว่าไปนั่งที่โซฟา อาหารที่ถูกสั่งมาเป็นอาหารที่มาร์คทานบ่อยๆช่วงที่มาทำงานที่นี่

     

                "มาร์คทานเเต่เเบบนี้ไม่เบื่อรึไง"

     

                "หืม?? ก็มาร์คไม่รู้จะทานอะไรอ่ะ สั่งอะไรมาให้ มาร์คก็ทานได้หมดนั้นเเหละ เเบมทานได้มั้ย ให้มาร์คไปบอกเลขาให้สั่งให้ใหม่ดีมั้ย"

     

                "ไม่เป็นไร เเบมทานได้ เเบมว่า เราทำอาหารมาทานเองกันมั้ย"

     

                "ก็ดีเหมือนกันนะ ช่วยๆกันทำ"

     

                "ใครบอกว่าเเบมจะช่วยทำ เเบมให้มาร์คทำต่างหากเเล้วก็ทำมาเผื่อเเบมด้วย ฮ่าๆๆๆ"

     

                "หัวเราะเยอะไปเเล้ว รีบๆกินเข้า เดี๋ยวปวดท้อง" มาร์คเเกะกล่องอาหารทั้งหมดเเล้วยื่นกล่องข้าวมาให้ผมพร้อมกับช้อนส้อม

     

     

                เสียงโทรศัพท์ของใครสักคนดังขึ้นทำให้เราสองคนต่างคนต่างมองหน้ากัน ผมกำลังจะลุกไปดูเเต่มาร์คบอกให้นั่งก่อนเเล้วเดินไปดูเอง

     

     

                มาร์คหยิบโทรศัพท์ตัวเองบนโต๊ะขึ้นมาดูก่อนจะกดรับ ปลายสายน่าจะเป็นเพื่อนสนิทมาร์ค ไม่พี่เเจบอมก็พี่เเจ็คสันนั้นเเหละ

     

     

                “มีอะไร? ทำไม? แบมแบมอยู่กับฉัน” มาร์คพูดออกมาเสียงเบาแต่เพราะว่าเรานั่งใกล้กัน ผมเลยได้ยินเสียงมาร์คชัดเจน

     

                “มาทำงาน...อืม...แค่นี้แหละ” มาร์คกดวางสายและวางโทรศัพท์ราคาแพงของตัวเองลงบนโต๊ะ เสียงถอนหายใจที่ดังอยู่ข้างหูทำให้ผมหันไปมอง

     

                “เป็นอะไร มีอะไรรึเปล่า” มาร์คนิ่งไปแป๊บนึงก่อนจะมองหน้าผม

     

                “เดี๋ยวกลางวัน ออกไปทานข้าวกับเพื่อนมาร์คกันนะ” ผมพยักหน้าให้กับมาร์คแล้วไม่ได้พูดอะไรกันอีก มาร์คนั่งทานข้าวเงียบๆ ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับมาร์คดีเหมือนกัน

     

                “แบมอยากทำงานในตำแหน่งไหนหรอ”มาร์คเงยหน้าขึ้นมาถามผมที่ตอนนี้ผมนั่งมองคนข้างกายมาสักพักแล้ว แต่เหมือนมาร์คพึ่งจะรู้ตัว

     

                “ยังไม่รู้เลย แบมอยากศึกษางานทุกอย่างเลย เพราะถ้าเข้าไปช่วยงานที่บริษัทม๊า แบมไม่ได้อยากเข้าไปนั่งบริหารอ่ะ แบมอยากเป็นลูกน้องม๊า ฮ่าๆๆ”รอยยิ้มอ่อนโยนของคนตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย มาร์คนั่งหน้าเครียดมาสักพักแล้วตั้งแต่บอกผมว่าเราจะไปทานข้าวกลางวันกับเพื่อนมาร์คกัน

     

                “งั้นทำกับมาร์คไปก่อนมั้ยหล่ะ ทำมันให้ครบทุกตำแหน่งเลย ตั้งแต่แม่บ้าน รปภ. ยันผู้บริหาร” ผมแกล้งทำตาโตเมื่อมาร์คเสนอแต่ละตำแหน่งขึ้นมา

     

                “มาร์คพูดจริงๆหรอ ให้แบมทำจริงๆนะ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน รปภ. ถ่ายเอกสาร แล้วก็ประธานบริษัท” ผมเกาะแขนคนที่นั่งข้างๆแล้วยิ้มกว้างส่งให้มาร์ค มาร์คหัวเราะออกมาเบาๆแล้วส่ายหน้าให้กับความคิดของผม

     

                “มาร์คพูดเล่น แค่ดูแลตัวเองมาร์คยังเป็นห่วงเลย ขืนให้แบมมาดูแลความปลอดภัยที่บริษัท โจรที่ไหนจะกลัวกัน หืม?? ทำงานอยู่ในห้องนี้แหละ อยู่ข้างๆมาร์ค เบื่อเมื่อไหร่ ค่อยไปทำอย่างอื่นที่แบมอยากจะทำ”

     

                “ไม่บังคับให้แบมทำงานแล้วหรอ”

     

                ตอนผมเรียนจบใหม่ๆนะ มาร์คนี่ทั้งถาม ทั้งบังคับให้ผมไปทำงานแทบทุกวัน แต่ช่วงหลังๆมา ก็เหมือนจะรู้ว่าพูดไปผมก็ไม่ไปทำงานอยู่ดี มาร์คเลยเลิกถาม เลิกบังคับผมมั้ง แต่เปลี่ยนมาเป็นโทรตามให้ผมมาหาที่บริษัท มานั่งดูมาร์คนั่งทำงานเฉยๆแทน

     

                “ไม่แล้วแหละ มาร์คว่ามาร์คบังคับแบมมามากพอแล้ว”

     

                “หืม? บังคับอะไรอ่ะ ถ้าเรื่องงาน มาร์คพูดกับแบมแค่ช่วงเรียนจบใหม่ๆเองนะ”

     

                “ป่าวหรอก อิ่มแล้วใช่มั้ย มาร์คจะได้เก็บ” มาร์คเก็บกล่องอาหารใส่ถุงให้เรียบร้อย แต่ผมคว้าถุงในมือที่มาร์คกำลังจะเอาไปทิ้งแย่งมาถือไว้ แล้วเดินออกไปทิ้งเอง

     

     

                เสียงลิฟต์ที่กำลังจะเปิดออกดังขึ้น ผมที่เดินผ่านพอดีเลยหันไปมอง พี่แจ็คสันเดินออกมาพร้อมพี่แจบอมพร้อมกับส่งยิ้มให้ผมพอดีที่เราเห็นหน้ากันชัดๆ ผมยิ้มทักทายและยกมือสวัสดีพี่เขาเหมือนปกติ

     

                “มาทำงานวันแรกสนุกมั้ยแบม” พี่แจบอมที่เดินตามหลังผม ถามขึ้นมา ตอนที่เราสามคนเดินไปที่ห้องทำงานมาร์ค

     

                “ยังไม่ค่อยได้ทำอะไรเลยครับ” ผมเปิดประตูให้พี่สองคนเข้าไปก่อน พี่แจ็คสันเดินมาซ่อนหลังของผมแล้วดันประตูให้ผมเข้าไปก่อน ผมเลยต้องเข้ามาก่อนเขา

     

                “ไง มาร์ค” ผมปล่อยให้เพื่อนเขาคุยกัน ส่วนตัวเองก็กลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ระหว่างรอให้มาร์คมาอธิบายเอกสารที่มาร์คหยิบไป ผมเลยเปิดคอมเข้า Facebook ของตัวเองรอ

     

     

                แจ้งเตือนเกือบร้อย ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไร ผมกดเข้าไปที่แชทของตัวเองที่คุยกับยองแจค้างไว้เมื่อหลายเดือนก่อน ยองแจมักจะทักผมมาแล้วบ่นนู้น บ่นนี่ทุกวันเพราะรู้ว่าผมไม่ค่อยเปิดมั้ง เหมือนเข้ามาพิมพ์เพื่อระบายอารมณ์ตัวเองเฉยๆ ผมอ่านข้อความของยองแจแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว

     

     

                “อู้งานหรอครับ” เสียงของใครสักคนดังมาจากข้างหลัง พอผมหันไปก็เห็นพี่แจ็คสันยืนยิ้มให้กับผมอยู่ พร้อมกับยื่นถุงเค้กร้านประจำของผมมาให้ผมด้วย ผมเอ่ยขอบคุณพี่แจ็คสันเบาๆแล้ววางถุงลงบนโต๊ะทำงานตัวเอง

     

                “พี่กับแจบอมนัดเจอกันที่ร้านนี้มา เห็นเค้กน่าทานเลยซื้อมาฝากแบม ถ้าจำไม่ผิด ใช่ ร้านที่พี่ชายแบมซื้อมาให้รึเปล่าครับ”

     

     

                ร้านนี้เป็นร้านโปรดผมเพราะรสชาติของเค้กที่หวานกำลังพอดี ครีมนุ่มๆ เนื้อเค้กนิ่มๆ และกลิ่นหอมๆของเค้กร้านนี้ทำให้ผมติดใจ ราคาก็กำลังพอดี ไม่ได้แพงมากจนทานข้าวได้สองมื้อ ร้านนี้เป็นร้านที่อยู่ใกล้กับมหาลัยผม ผมเลยจะชอบไปทานบ่อยๆและอีกอย่างเวลามาร์คคิดอะไรไม่ออก ก็จะพาผมไปร้านนี้ เพราะเป็นร้านของป้ารหัสมาร์คอีกที เวลามาร์คไป เลยทั้งลด ทั้งแจก ทั้งแถมเลย

     

     

                “ใช่ครับ ร้านนี้เป็นร้านโปรดแบมเลยนะครับ มาร์คชอบพาผมไปเลี้ยงร้านนี้บ่อยๆ เพราะประหยัดเงินในกระเป๋าตังค์ตัวเอง ^_^” ผมเหลือบไปมองคนที่นั่งคุยอะไรสักอย่างกับพี่แจบอมด้วยสีหน้าเรียบๆที่ต๊ะทำงานตัวเอง มาร์คดูเหมือนจะขี้เกียจคุย ขี้เกียจฟังยังไม่รู้

     

                “แล้วเวลาแบมไป แบมชอบสั่งอะไรเป็นพิเศษหรอ พี่ว่าร้านนี้ช็อกโกแลตเย็นอร่อยดีนะ”

     

                “พี่แจ็คสันก็ชอบหรอครับ แบมก็ว่ารสชาติดีมากๆเลย แบมก็ชอบ ชอบมากเลยด้วย แต่มาร์คชอบบอกว่าเด็กอ่ะ ไปกับมาร์คนะ มาร์คบ่นแบมทุกทีเลย”

     

                “อย่างงี้แหละ ก็มาร์คมันชอบกาแฟ มันก็ต้องมองว่าช็อกโกแลตแบมเด็กอยู่แล้ว แต่ถ้าวันไหนแบมว่าง แบมไปกับพี่มั้ย ไปนั่งกินเค้กกันพี่ว่าเค้กชาเขียวของที่นั้นก็อร่อยดีนะ”

     

                “ใช่ครับ กลิ่นชาเขียวหอมมากเลยด้วย พี่แจ็คสันชอบทานเค้กนมสดมั้ยครับ ร้านนี้เค้กนมสดก็อร่อยนะครับ อ่อๆ ร้านนี้มีไอศกรีมด้วย ยิ่งแพนแค้กที่ราดด้วน้ำผึ้งหอมๆนะครับ อย่างงี้เลย” ผมยกนิ้วโป้งเพื่อยืนยันความอร่อยกับพี่แจ็คสันอีกที พี่แจ็คสันยิ้มน้อยๆแล้วยกมือยีหัวผมเบาๆ

     

                “เราดูเหมาะกับของแบบนี้ดีนะแบม รู้เยอะขนาดนี้ ต้องเคยไปชิมมาหลายร้านแล้วใช่มั้ย วันหลังพาพี่ไปบ้างสิ”

     

                “ได้สิครับ เรื่องกินขอให้บอกแบมเลย แบมนี่กูรูตัวจริงเลย แต่พี่แจ็คสันจะว่างหรอครับ ช่วงนี้พี่น่าจะยุ่งๆกับธุรกิจของตัวเองมากแน่ๆ ยังไงก็สู้ๆนะครับ อย่าหักโหมหล่ะ” ผมส่งยิ้มให้พี่แจ็คสันที่ยิ้มกว้างให้กับผมอยู่ก่อนแล้ว

     

                “ขอบใจนะแบมแบม พี่สัญญาว่าจะไม่หักโหม จะค่อยๆทำดีไหม”

     

                “ดีครับ อย่าเป็นคนบ้างานนักเลย มีเวลาไปเที่ยว ไปหาความสุขให้ชีวิตบ้างก็ได้” ผมมองไปทางมาร์ค เป็นจังหวะเดียวกับมาร์คเองก็มองมาทางผมเหมือนกัน เราสบตากันเพียงนิดเดียว มาร์คก็เป็นคนหันหน้าหนี

     

                “พี่ไม่กวนแบมแล้วดีกว่า แต่ถ้ามีอะไรอยากจะถาม ถามพี่ได้นะครับ ถึงจะไม่เก่งเท่ามาร์คแต่พี่ก็พอถูไถนะครับ” พี่แจ็คสันพูดพร้อมส่งยิ้มให้กับผมแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ข้างๆพี่แจบอม ผมเลยหันมาสนใจแชทของยองแจต่อ

     

     

    อยู่ไหนจ๊ะ พ่อคนว่างงาน

    บริษัทมาร์ค ทำไมหรอ

    แหนะๆ ไปนั่งเฝ้าพี่เขารึไงจ๊ะ

    ป่าวซะหน่อย มาทำงาน

    พูดจริง?

    โกหกมั้ง

    แล้วทำไมมาตอบแชทเราได้หล่ะจ๊ะ

    ไม่มีอะไรทำง่ะ

    มาร์คไม่ว่าง

    คุยกับเพื่อนๆเค้าอยู่

    เพื่อนๆ?

    หมายถึงพี่แจบอมกับพี่แจ็คสันอ่ะหรอ

    อืมมมม

    แล้วกลางวันนี้ทานข้าวที่ไหน

    เห็นมาร์คบอกว่า

    ไปกับเพื่อนๆเขา

    งั้นหรอ

    มีอะไรรึป่าว

    นึกว่าแบมยังไม่มีนัดเราจะได้ชวน

    เราไปกับยองแจก็ได้นะ

    เดี๋ยวเราบอกมาร์คได้

    ว่าไม่ไปกับมาร์ค

    ไม่เป็นไรๆไว้วันอิ่นก็ได้

    แจไปทำงานก่อนนะ

    แล้วตอนเย็นค่อยคุยกันใหม่

    คร้าบบบบบ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    12.00 น.

     

     

                “แบมไปทานข้าวกันเถอะครับ” พี่แจ็คสันเดินมาหาผมที่ตะทำงาน ตอนที่ผมก้มลงเก็บปากกาที่ตกพอดี

     

                “ได้ครับ เดี๋ยวแบมปิดคอมแป๊บนึงนะ” พี่แจ็คสันเดินไปรอผมที่โซฟา พอผมเก็บตะทำงาน จัดการปิดคอมเรียบร้อย ผมก็มองหาใครอีกหนึ่งคนที่ตอนนี้หายตัวไปไหนก้ไม่รู้

     

                “มาร์คหล่ะครับ”

     

                “มาร์คมันออกไปคุยงานกับลูกค้าน่ะ แบมคงต้องไปทานกับพี่แค่สองคนแล้วหล่ะ”

     

                “แต่ผมไม่เห็นว่า คุณเลขาจะมาบอกกับมาร์คเลยนี่ครับว่ามีงาน มาร์คก็ไม่ได้บอกผมว่าตอนเที่ยงจะมีงาน”

     

                “มาร์คมันคงกลัวว่าแบมจะตามไปแล้วไม่ได้ทานข้าวเหมือนมันมั้ง พี่ว่าเรารีบไปเถอะ เผื่อมาร์คกลับมา จะได้ซื้ออาหารมาเผื่อมาร์คด้วย”

     

                “ก็ได้ครับ” ผมเดินตามหลังพี่ชายทั้งสองคนออกมาจาห้องทำงานมาร์คเงียบๆ หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดเข้าโปรแกรมแชทและส่งข้อคสามหามาร์ค

     

     

    Read จะทานอะไร เดี๋ยวแบมซื้อมาให้

    ไม่เป็นไร เดี่ยวมาร์คทานข้างนอก

    ขอบคุณนะ

    Read มีงานก็น่าจะบอกกันบ้าง

    ขอโทษนะ

    Read อืม

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk

     

    นึกว่าจะแน่!! ไรท์เนี่ย ตอนแรกก็เย็นชาซะ ไปๆมาเริ่มไม่ไหว ไรท์ไม่อยากให้เขาเย็นชาใส่กันนานอ่ะ55555555 สุดท้ายก็กลับมาเป็นปกติ คาดว่าตอนหน้า อาจจะมาลงพรุ่งนี้มั้ง วันนี้เอาไปแค่นี้ก่อนเนอะ 555

     

    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ เม้นท์ไว ไรท์ก็ลงไวตามสัญญา สำหรับใครที่อยากจะคุยหรือเข้าไปเม้าส์มอยกันเรื่องนี้ แนะนำ #ฟิคซ้อนกลมบ ในทวิตเตอร์โลดดดด สงสัยอะไร หรือหงุดหงิดใครคนไหน เข้ามาคุยกันได้ 5555


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×