ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END]Cupid's trap ซ้อนกลกามเทพ #Markbam

    ลำดับตอนที่ #6 : ซ้อนกลกามเทพ ตอนที่ 5

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ย. 58

















                มาร์คตื่นขึ้นมาในเวลาปกติเหมือนทุกๆวัน แต่ที่มันพิเศษกว่าเดิมคือ มีคนตัวเล็กนอนหลับอยู่ด้วยกัน จริงๆแล้วแบมกับเขาก็นอนด้วยกันบ่อยนะ แต่ครั้งนี้มันพิเศษกว่าทุกครั้งตรงที่

     

     

                แบมแบมนอนหลับอยู่บนตัวเขา

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ย้อนกลับไปเมื่อคืนนี้

     

     

                “มาร์คคคคคคคคคคคคค ไปใส่เสื้อเดี๋ยวนี้เลยนะ เดี๋ยวก็เป็นปอดบวมหรอก ไปใส่เสื้อ!!!” เสียงเล็กที่ตะโกนบอกมาร์คที่นอนเปลือยท่อนบนอยู่ข้างๆอย่างไม่ลดละ แบมแบมทั้งดึง ทั้งฉุดมาร์คให้ลุกขึ้นจากเตียง แต่มาร์คก็ไม่ยอมลุกสักที แถมยังนอนเล่นเกมในโทรศัพท์แบบสบายใจซะด้วย

     

                “เหนื่อยแล้วนะ ไม่อยากใส่ก็ไม่ต้องใส่หล่ะกัน ถ้าไม่สบายขึ้นมาจะปล่อยให้ป่วยตายคาห้องเลย” แบมแบมปล่อยแขนมาร์คที่ตัวจับลง แล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ

     

                มาร์คค่อยๆหันมามองใบหน้าหวานที่วันนี้นอนห่างออกไปชิดกับกับเตียงอีกฝั่งนั่งจนแทบจะตกเตียง ใบหน้าหวานที่งอง้ำเมื่อถูกขัดใจ มาร์คยิ่งมองแล้วยิ่งอยากจะแกล้งแบมเข้าไปอีก แบมแบมหันมามองหน้าคนที่แอบมองตัวเองอยู่ ก่อนจะส่งมือไปผลักหน้ามาร์คแรงๆ แล้วตัวเองก็หันหลังให้มาร์คทันที

     

                “เฮ้ย มาผลักหน้ากันแบบนี้ได้ไงอ่ะ”มาร์คเขยิบเข้าใกล้แบมแบมแล้วดึงเข้าหา เพราะกันแบมแบมจะหนีและตกเตียง

     

                ยิ่งซุ่มซ่ามอยู่

     

     

                “ถอยไปไกลๆเลยไป กลับห้องตัวเองไปเลยมาร์ค รำคาญว่ะ เบื่อขี้หน้า” แบมแบมพลิกตัวเข้าหามาร์คแล้วดันอกอีกคนให้ถอยห่างตัวเอง มาร์คมองคนในอ้อมกอดที่ตอนนี้ไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา แต่มาร์คน่ะรู้ดีว่าแบมกำลังงอนที่มาร์คไม่ยอมทำตาม

     

                “ไม่อยากใส่เสื้ออ่ะ มันร้อน แบมก็รู้ว่ามาร์คขี้ร้อน” มาร์คยกเหตุผลขึ้นมาอ้างแต่จริงๆคือขี้เกียจเดินไปหยิบและอีกอย่าง มาร์คกำลังหาข้ออ้างทำอะไรบางอย่างอยู่

     

                “ไม่ต้องมาอ้างเลย ห้องแบมเปิดแอร์เย็นยิ่งกว่าอยู่ขั้วโลกเหนืออีก ขี้เกียจก็บอกมาตรงๆ”

     

                “ครับ” มาร์คยอมรับออกมาตรงๆพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้กับคนตัวเล็ก

     

                “งั้นแบมไปหยิบให้” แบมแบมพยายามจะแกะมือที่เหนียวยิ่งกว่าตุ๊กแกของมาร์คออกจากเอวตัวเอง แต่มันก็ไม่ออกไง เพราะมาร์คดื้อดึงและไม่ยอมปล่อยง่ายๆ

     

                “ไม่เห็นต้องลุกไปหยิบเลย จริงๆทำแบบนี้ก็ได้”

     

     

                พรึบ

     

                มาร์คกอดเอวเล็กๆของแบมแบมแน่นๆ ก่อนจะพลิกตัวแบมแบมให้ขึ้นมาอยู่บนตัวของมาร์คเอง ใช้มือข้างนึงดึงผ้าห่มมาคลุมตัวแบมแบมไว้ เพราะมันเท่ากับว่ามันคลุมมาร์คไว้ด้วย

     

                “ทำบ้าอะไรของมาร์คเนี่ย อึดอัด” แบมแบมพูดเสียงอู้อี้ พร้อมทั้งดันตัวเองออกจากอกมาร์ค พยายามจะลงจากตัวมาร์คที่ตัวเองนอนทับอยู่

     

                “อึดอัดที่ไหนอุ่นจะตาย..... เนอะ” นิ้วเรียวของแบมแบมดีดลงบนหน้าผากมาร์คเต็มแรง จนคนที่โดนถึงกับร้องออกมาด้วยความเจ็บ แต่มีหรือที่คนเจ็บจะยอมปล่อยแบมแบมลงจากตัว โมเม้นท์ดีๆ นานๆจะมาที มีมาไม่บ่อยแบบนี้ มาร์คไม่ยอมให้ความเจ็บเพียงแค่นี้มาทำร้ายความตั้งใจตัวเองหรอก

     

                “ไม่หนักรึไง เมื่อตอนอยู่ไหนครัวยังหาว่าแบมอ้วนอยู่เลย” แบมแบมใช้นิ้วชี้ตัวเองลูบเบาๆตรงที่ตัวเองดีดลงไป ใบหน้าของทั้งคู่ไม่ได้อยู่ห่างกันมาร์ค แต่แบมแบมที่มีสมาธิกับตรงแค่หน้าผากมาร์ค เลยไม่ได้รู้สึกอะไร ต่างจากมาร์คที่ลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากอยู่หลายที

     

                “ใครพูดว่าอ้วน มาร์คแค่บอกว่าแบมแก้มเยอะเป็นก้อนๆต่างหาก แบมไม่ได้อ้วนนะ คนอ้วนที่ไหนจะเอวเล็กนาดนี้”

     

                ถ้าแค่พูดเฉยๆแบมก็จะรู้สึกดีอ่ะนะ แต่นี่มือมาร์คที่ลูบอยู่ตรงเอวนี่คืออะไร

     

                แบมแบมรีบตะครุบมือมาร์คก่อนที่มันเคลื่อนต่ำลงไปมากกว่านี้ ก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าผู้ชายเงียบๆแต่ร้ายลึกแบบมาร์คจะทำอะไรต่อ ถึงได้ต้องรีบตะครุบมือไว้ไง แค่เล็กๆน้อยๆ จับมือ นอนกอด แบมไม่ว่ามาร์คหรอกนะ แต่ถ้าถึงขนาดเลื่อนมือไปจับสิ่งไม่ควร หรือทำอะไรมากกว่านั้น แบมว่ามันจะมากเกินไป

     

                “จะให้แบมนอนแบบนี้จริงๆใช่มั้ย” แบมแบมถามคนที่ให้ตัวเองมานอนทับอยู่บนตัวเพื่อความแน่ใจ

     

                “อืมมมมมมมม นอนแบบนี้แหละจะได้อุ่นทั้งแบมแล้วก็มาร์คเลย”

     

                “ไม่คิดว่าแบมอึดอัดหรอ???” เป็นคำถามที่ทำให้มาร์คนิ่งไป ก่อนที่มาร์คจะส่ายหน้าแล้วกดศีรษะแบมแนบกับอกตัวเอง

     

                “นอนกันเถอะ ดึกแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานนะ”

     

     

     

     

     

     

                กลับสู่สถานการณ์ปัจจุบัน

     

     

                มาร์คค่อยๆประคองร่างเล็กที่ซบอยู่กับอกตัวเองให้ลงมานอนเตียงเบาๆ พยายามทำทุกอย่างช้าๆและเบาที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนจองอีกฝ่าย พอหัวแบมลงหมอนปุ๊บ มาร์คก็ดึงผ้าห่มที่ล่นลงไปอยู่แค่เอวขึ้นมาให้ถึงอกของคนตัวเล็กแทนอ้อมกอดของตัวเอง มือหนาค่อยๆลูบผมนุ่มของอีกฝ่ายเบาๆ ส่งผ่านความอบอุ่นไปยังคนตัวเล็กที่ยังคงหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ

     

     

                มาร์คนอนอยู่อย่างนั้นจนได้ยินเสียงเคาะประตูจากด้านนอก เขาเลยต้องมองแบมแบมที่ขยับตัวเพียงเล็กน้อยแต่ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมา มาร์คตัดสินลุกจากเตียงและเดินออกไปด้านนอก เพราะไม่อยากให้เสียงเคาะรบกวนเวลานอนของแบมแบมและอยากจะรู้ด้วยว่าใครมาหาแบมแบมตั้งแต่เช้าแบบนี้ หวังว่าจะไม่ใช่เพื่อนสนิทของเขานะ

     

                “แบม พี่ซื้อ....” เพื่อนสนิทที่ยืนอยู่หน้าห้องมองสภาพมาร์คตั้งแต่หัวจรดเท้า กางเกงนอนขายาวและท่อนบนที่เปลือยเปล่า บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเพื่อนเขาคงจะนอนในห้องนี้ แจ็คสันยื่นโจ๊กที่ตั้งใจจะซื้อมาฝากแบมแบมให้กับมาร์ค และเดินกลับเข้าห้องตัวเองไป โดยที่ไม่เปิดปากพูดอะไรสักคำ

     

     

                แจ็คสันก็แค่...กลับไปตั้งหลัก

     

     

                มาร์คมองตามแผ่นหลังแจ็คสันที่หายไปหลังบานประตูนิ่งๆ ปิดประตูห้องแบมแบมลงเบาๆ และถือถุงโจ๊กที่แจ็คสันซื้อมาเข้าไปวางไว้ที่โต๊ะในครัว สองขายาวก้าวเข้าไปในห้องนอนของแบมแบม นั่งลงบนเตียงข้างๆคนตัวเล้กที่นอนหลับอยู่ มาร์คจ้องมองใบหน้าหวานที่เห็นหน้ากันแทบทุกวัน ทุกเวลาอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ก่อนที่ร่างกายตัวเองจะถูกครอบคลุมด้วยความต้องการของจิตใจไม่ใช่สมอง

     

     

                ริมฝีปากของคนที่มีลืมตาตื่นประกบลงบนปากอิ่มของคนที่หลับอยู่ มาร์คจูบลงบนปากแบมแบมเนิ่นนานราวกับว่า จูบครั้งนี้ จะเป็นจูบสุดท้ายของเขาทั้งคู่

     

     

                แผ่นหลังเปลือยเปล่าของคนที่เคยให้เขานอนอยู่บนตัวค่อยๆหายไป ดวงตากลมโตมองตามแผ่นหลังนั้นด้วยความรู้สึกที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจ แต่มันรู้สึกเหมือนกับข้างในอกซ้ายมันบีบรัดเหมือนกับมีบางอย่าง

     

                บางอย่าง....กำลังจะหายไป

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                เสียงเคาะประตูจากด้านนอกทำให้แบมแบมที่กำลังหาสมุดโน้ตเล่มเล้กๆหยุดชะงัก แบมแบมเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูและเปิดประตูออก ใบหน้าหล่อของคนข้างห้องมองมาที่แบมแบมตั้งแต่หัวจรดเท้า

     

                “พร้อมรึยัง” มาร์คเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จนคนฟังนึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา ทำแค่เพียงพยักหน้าและเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ใบเล็กขึ้นมาสะพาย

     

               

     

     

     

                ตึกสูงระฟ้าตรงหน้า สถานที่ที่แบมแบมคุ้นเคยไม่น้อยพร้อมกับร่างสูงที่เดินเคียงข้าง ทุกอย่างดูเหมือนเดิม ยกเว้นก็แต่ บรรยากาศรอบตัวของแบมแบมมันกำลังเปลี่ยนไป แบมแบมรู้สึกได้ ใบหน้าของคนข้างกายเรียบนิ่งราวกับไม่รู้สึกอะไร สายตาที่ว่างเปล่าและเฉยชาของมาร์คมันทำให้แบมแบมทำตัวไม่ถูก

     

     

                “มาร์ค...”แค่เพียงเรียกชื่ออีกฝ่ายแบมแบมยังไม่กล้าที่จะเรียกด้วยเสียงปกติของตัวเอง ทำได้เพียงแค่เอ่ยชื่ออีกฝ่ายเบาๆ

     

                มาร์คหันมามองคนตัวเล็กข้างกายแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จนลิฟต์มาหยุดอยู่ที่ชั้นที่เขากด มาร์คเดินออกจากลิฟต์โดยที่ไม่รอแบมแบมที่เดินหลังมาเลยสักนิด

     

                “มาร์ค...มาร์ค...หยุดก่อน....อย่าพึ่งเข้าไป” แบมแบมพยายามเดินตามมาร์คทัน เขาจับที่ชายสูทของอีกฝ่ายและกระตุกแรงๆเพื่อให้อีกฝ่ายหยุด และมาร์คก็หยุดจริงๆพร้อมกับหันมามองด้วยสายตาเชิงตำหนิ

     

                “ขอคุยด้วยหน่อยได้รึป่าว แบมแค่อยากรู้...”

     

                “มันถึงเวลาแล้วหล่ะแบม”









    50%







    เมื่อสองปีก่อน


     


     


     


              มาร์คเดินด้วยสองเท้าของตัวเองไปตามทางของสนามบิน วันนี้เขาต้องมารับเพื่อนสนิทที่บินมาเยี่ยมตัวเองและแจบอม ตาคมกวาดสายตาหาคนที่ตัวเองมารับ โดยที่ไม่ได้สนใจสายตาของคนรอบกายที่มองมาที่เขาเลยสักนิด


     


     


              “เฮ้!! ไงว่ะ ไม่ตกใจเลยหรอว่ะ สักนิดก็ยังดี อุตส่าห์โผล่มาจากด้านหลังเลยนะเนี่ย” แจ็คสันอดเสียดายไม่ได้ ที่อุตส่าห์วางแผนซะดิบดีว่าจะทำให้ไอ้คนหน้านิ่งๆ ไร้อารมณ์แสดงสีหน้าตกใจหรือสะดุ้งสักนิด แต่พอเอาเข้าจริง พอเขาโผล่มาตีไหล่มาร์คจากด้านหลัง กลับได้รับสายตาดุๆจากมาร์คแทน


     


              “ปัญญาอ่อนว่ะแจ็คสัน กลับไปพักกันได้แหละ” มาร์คมองอีกคนด้วยสายตาเอือม เดินกอดอกมาที่รถตัวเองที่ขับมารับแจ็คสัน


     


              “เออ มาร์ค มาคนเดียวหรอว่ะ แล้ว....”แจ็คสันกวาดสายตามองหาใครอีกคนอย่างคาดหวัง ว่าคนๆนั้นจะต้องติดสอยห้อยตามมาร์คมา


     


              “แจบอมทำงานที่คณะ ดึกๆคงจะกลับ”มาร์คบอกแจ็คสันที่น่าจะถามถึงเพื่อนสนิทอีกคน ที่เป็นถึงเดือนคณะ


     


     


              ช่วงนี้แจบอมค่อนข้างจะยุ่งเพราะต้องไปช่วยเทรนหลานรหัสตัวเองที่จะประกวดเดือนคณะ เลยไม่ค่อยว่างไปไหนมาไหนแบบมาร์ค ทั้งๆที่หน้าที่มารับแจ็คสันต้องเป็นของแจบอมด้วยซ้ำ


     


              “ไม่ใช่ เรื่องแจบอมน่ะฉันรู้แล้ว หมายถึง น้องระ....”แจ็คสันกำลังจะพูดถึงใครอีกคนที่คาดหวังว่าจะมา และยังเป็นคนสนิทของมาร์คมากๆอีกด้วย


     


              “ขึ้นรถ!!” แจ็คสันสะดุ้งกับเสียงของมาร์คที่อยู่ๆก็ตะคอกใส่โดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะตะคอกแจ็คสันทำไมเหมือนกัน


     


     


              ทั้งๆที่รู้ว่าเพื่อนสนิทชอบเด็กนั้น เด็กที่เป็นทั้งน้องรหัสเขา เป็นทั้งเด็กข้างห้อง และยังเป็น....


     


     


     


              คนที่เขาแอบชอบ


     


     


     


     


              “มาร์คคคคค นะๆๆ มาร์คนะ ชวนแบมแบมไปเถอะน้า ให้ฉันไหว้นายก็ได้ ถ้าชวนแบมไปฉันจะไม่ขออะไรแกอีกเลย นะเว้ยมาร์ค ช่วยหน่อยนะมาร์คนะ พลีสสสสส” แจ็คสันที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นด้วยที่มาร์คนั่งกินข้าวอยู่ที่ครัวภายในห้องตัวเอง กำลังอ้อนวอนขอให้มาร์คไปชวนแบมแบมไปปาร์ตี้ที่ผับ แต่มาร์คก็คือมาร์ค ต่อให้แจ็คสันอ้อนวอนแค่ไหน ก็ไม่ยอมไปชวนเด็ดขาด


     


              “เงียบได้แล้วแจ็คสัน รำคาญ” มาร์คลุกขึ้นไปล้างจานโดยที่ไม่สนใจพื้นสนิทที่นั่งคุกเข้าอยู่ที่พื้นเลนสักนิด


     


              “ก็ได้ๆๆๆ งั้นฉันไปชวนแบมแบมเองก็ได้ เชอะ” แจ็คสันลุกขึ้นยืน เดินกระแทกเท้าออกจากห้องมาร์คไป


     


     


     


              “มาร์ค มาร์คเว้ยยยยย แบมแบมไปกับเราด้วยเว้ย เป็นไงหล่ะ ไม่ต้องง้อนาย แบมแบมก็ยอมไป รู้งี้ไม่นั่งคุกเข่าให้เข่าด้านหรอก” แจ็คสันกระโดดดีใจไปรอบๆห้องโดยไม่ทันสังเกตสีหน้ามาร์คเลยสักนิดว่าหงุดหงิดแค่ไหน


     


     


     


     


     


     


     


     


    21.00 น.


     


              3 ทุ่ม คือเวลานัดของทุกคน มาร์คนั่งดื่มเงียบๆอยู่คนเดียวระหว่างรอคนอื่นๆมา เขาไม่ได้สนใจใครหรืออะไรภายในผับนี้อยู่แล้ว เขาก็แค่มาเพราะแจ็คสันขอก็เท่านั้น


     


     


     


              และที่สำคัญ...... เขาก็แค่อยากตามมาเฝ้าเด็กนั้นด้วย


     


     


              ร่างเล็กเดินเข้ามาในสถานบันเทิงที่ตัวเองไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่ ตากลมกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณชั้นร่างเพื่อหาใครสักคนที่ตัวเองรู้จัก แบมแบมมองเห็นใบหน้าหล่อของใครสักคนที่ตัวเองรู้จักเป็นอย่างดี เพียงแค่เสี้ยวหน้าของคนๆนั้น แบมแบมคนนี้ก็จำได้ ว่าต้องเป็นมาร์คแน่ๆ


     


     


              มาร์คเงยหน้าจากแก้วเครื่องดื่มที่ตัวเองถืออยู่ในมือ มองคนที่มาหยุดยืนอยู่ที่โต๊ะ ตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะกวาดสายตาไปมองข้างหลังของร่างเล็ก มือหนาฉุดข้อมือของอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้และกดไหล่บางให้นั่งลงข้างกาย


     


              “มาร์ค มานานแล้วหรอ” เสียงใสเอ่ยถามพี่รหัสตัวเองที่เอาแต่ดื่มไม่หยุด ทั้งๆที่ปกติเวลาไปเลี้ยงสาย มาร์คจะดื่มแค่น้ำเปล่า หรือไม่ก็นั่งเงียบๆ


     


              “ทำไมถึงมาที่นี่” มาร์คไม่ได้ตอบคำถามของแบมแบม กลับถามอีกฝ่ายในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้แทน


     


              “ก็เพื่อนมาร์คอุตส่าห์ไปชวน” แบมแบมตอบไปตามความจริง ก็ในเมื่อคนที่ชวนเขาก็เป็นคนที่เขาพอจะรู้จักและอีกอย่างก็เป็นเพื่อนสนิทมาร์ค ถ้าเกิดปฏิเสธออกไป แบมแบมก็คิดว่ามันคงจะดูหักหน้าแจ็คสันไม่น้อย และมันก็ไม่ผิดไม่ใช่หรอที่แบมแบมจะออกมาปาร์ตี้


     


              “หรอ” มาร์คพูดออกมาเบาๆแล้วยกเครื่องดื่มในมือขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ แบมแบมมองตามมือของมาร์คที่ยกแก้วขึ้นดื่มไม่หยุด


     


              “ไปอดอยากมาจากไหนเนี่ย” แบมแบมถือวิสาสะดึงแก้วเหล้าของพี่รหัสออกและวางลงบนโต๊ะ ถึงแม้มาร์คจะไม่ใช่คนที่ดื่มบ่อยแต่แบมก็พอจะรู้มาว่ามาร์คเป็นคนคอแข็งจะตาย แต่มันใช่ไหมหล่ะ ที่จะมากระดกเอาๆแบบนี้


     


              “พอเลย เดี๋ยวเมา เดี๋ยวไม่มีคนพาแบมกลับคอนโด” แบมแบมเอ่ยยิ้มๆกับอีกคนแล้วกวาดสายตามองหาแจ็คสันกับแจบอมที่ยังไม่มา


     


              “เพื่อนมาร์คเมื่อไหร่จะมา ฮ้าวววว แบมชักจะง่วงแล้วว่ะ อ๊ะ!!” จมูกโด่งๆของอีกคนขยับเข้ามาใกล้จนแบมแบมรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แบมแบมพยายามจะขยับห่างจากอีกคน แต่มาร์คกลับดึงเอวแบมแบมเอาไว้


     


              “จะ...จะทำอะไร มาร์ค” แบมแบมถามคนที่อยู่ข้างๆตัวด้วยเสียงสั่นๆ


     


              ถึงจะสนิทกัน ขนาดที่ต่างฝ่ายต่างเขาห้องของกันและกันได้ แต่มาร์คก็ไม่เคยทำกับแบมแบมแบบนี้มาก่อน  สองมือยกขึ้นมาดันอกของพี่รหัสตัวเองเพื่อเว้นระยะห่าง แต่เหมือนยิ่งแบมแบมดันมาร์คเท่าไหร่ มาร์คก็ยิ่งดึงแบมแบมเข้าหาตัวมากขึ้นมาอีก


     


              “ขอโทษที่มาช้า” แบมแบมอาศัยจังหวะที่แจ็คสันกำลังเดินมาที่โต๊ะ ผลักมาร์คออกพร้อมกับขยับให้ห่างจากมาร์ค


     


              “แบมก็พึ่งมาถึงเองฮะ พี่แจ็คสัน แบมว่าพี่มานั่งตรงนี้ดีกว่า แล้วพี่แจบอมหล่ะฮะ” แบมแบมถามแจ็คสันที่มาถึงก็นั่งลงข้างๆตัวเอง แบมแบมเลยลุกขึ้นแล้วย้ายไปนั่งอีกฝั่งเพื่อให้มาร์คกับแจ็คสันนั่งใกล้กัน แล้วเว้นที่ให้แจบอมนั่งกั้นระหว่างตัวเองกับมาร์ค


     


              มาร์คมองการกระทำของแบมแบมแล้วเค้นยิ้มกับตัวเองนิดๆ มือหนาคว้าแก้วเหล้าตัวเองขึ้นมาดื่มอีกครั้ง แบมแบมที่เห็นแบบนั้นกำลังจะเอ่ยปากห้าม แต่แจ็คสันกลับถามคำถามขึ้นมาก่อน


     


     


              เวลาล่วงเลยไปจนผับปิด แบมแบมประคองร่างพี่รหัสตัวเองที่เมาจนแทบไม่มีสติกลับมาที่รถที่แบมแบมจำได้ดีว่าเป็นของมาร์ค


     


              “แบมพี่ฝากเพื่อนพี่ด้วยนะ” แจบอมตะโกนบอกแบมแบมพร้อมกับประคองร่างแจ็คสันเข้าไปนั่งในรถของตัวเอง แบมแบมทำเพียงพยักหน้าตอบกลับไปพร้อมกับค่อยๆปรับจังหวะหายใจของตัวเองให้เป็นปกติ


     


              “ตัวก็ไม่ได้ต่างกันมาก ทำไมหนักแบบนี้ว่ะมาร์ค” แบมแบมพึมพำกับตัวเองเบาๆ ปิดประตูรถฝั่งมาร์คให้สนิทแล้วอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับและขับรถกลับคอนโดทันที


     


             


     


     


     


              “เฮ้ออออออออออ เหนื่อย ดีนะที่ไม่อ้วก ไม่งั้นแบมจะตีมาร์คให้สร่างเลย” แบมแบมทิ้งร่างของพี่รหัสลงบนโซฟาภายในห้องของมาร์ค และทิ้งตัวลงนั่งข้างๆมาร์คอย่างเหนื่อยอ่อน


     


              “แล้วจะให้แบมทำไรต่อว่ะ ปกติมันใช่หน้าที่แบมมั้ยว่ะ มาร์ค” ปากก็บ่นไป แต่สองมือค่อยๆถอดรองเท้าออกให้มาร์คและเอาไปวางไว้ที่ชั้นวางรองเท้าให้เรียบร้อย แบมแบมเดินเข้าไปหยิบผ้าห่มภายในห้องนอนของมาร์คที่เขาเคยมานอนช่วงที่ให้มาร์คติวหนังสือตอนสอบให้


     


              “ฝันดีนะ มาร์ค”แบมแบมก้มตัวไปจัดผ้าห่มให้คนเป็นพี่เรียบร้อย กำลังจะหันหลังกลับ แต่ก็ถูกมือของคนเมาดึงเอาไว้ก่อน


     


              “อะไร?? ยังไม่หลับหรอ” มาร์คลืมตามองคนที่ยืนอยู่ก่อนที่ฉุดแบมแบมจนแบมล้มมาอยู่บนตัวของตัวเองแบบเหมาะเจาะ


     


              “เฮ้ย มาร์ค เล่นบ้าอะไรเนี่ย” แบมแบมดันตัวเองออกจากอกของคนเมา แต่คนเมาดันแรงเยอะกว่า กดแบมแบมซบลงกับอกตัวเองตามเดิม มือเล็กกำมือแน่นกะว่าจะทุบลงบนอกมาร์คเต็มแรง แต่มาร์คกลับรู้ทันจับข้อมือแบมแบมเอาไว้ซะก่อน


     


              “แกล้งเมาหรอ??” แบมแบมพยายามชวนคุยเผื่อว่ามาร์คจะเผลอและตัวเองจะหลุดจากการเกาะกุมของมาร์คได้


     


              “ป่าว มาร์คเมา” มาร์คพูดเสียงเบาๆ ก้มลงมองคนที่พยายามจะลุกออกจากอกตัวเอง มาร์คกระชับอ้อมกอดที่กอดแบมแบมเอาไว้ให้แน่นขึ้นก่อนจะพลิกร่างของแบมแบมให้นอนลงที่โซฟา มาร์คตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาแบมแบม มองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตของน้องรหัสตัวเอง


     


              “แบมว่ามาร์คเมามากแล้วนะ แล้วนี่ก็ดึกมากด้วย แบมอยากกลับห้องแบมแล้ว” แบมแบมขยับตัวให้ห่างจากอีกคนจนหลังติดกับโซฟา มาร์คไม่ได้ขยับเข้าใกล้แบมแบม ทำเพียงแค่มองหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆ


     


              “แบม...แบมชอบมาร์ครึป่าว” แบมแบมมองหน้าพี่รหัสตัวเองนิ่ง อกข้างซ้ายกระตุกทันทีที่ได้ยินคำถามของพี่รหัสตัวเอง


     


              “บะ...แบมม...แบมว่ามาร์คเมาแล้ว นอนเถอะ แบมก็ง่วงเหมือนกัน” แบมแบมพลิกตัวหันหลังให้กับมาร์ค ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าสายตาที่มาร์คมองมาที่ตัวเอง มันเหมือนคาดหวังกับคำตอบของเขาอยู่


     


     


              ลมหายใจอุ่นๆและกลิ่นน้ำหอมของร่างสูงมันใกล้มาก ยิ่งแรงกระชับที่เอวมันทำให้แบมแบมรับรู้ได้ว่ามาร์คขยับเข้ามาใกล้ จมูกของคนที่อยู่ด้านหลังซุกลงที่คอเขา มาร์คไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่กอดเขาเอาไว้และหลับตาลงช้าๆ


     


              “ขอได้ไหมแบม อยู่กับมาร์คแบบนี้จนกว่าแบมจะเรียนจบได้ไหม อย่าพึ่งมีใครเลยนะ” มาร์คพูดแค่นั้นก่อนจะกดจูบลงบนลำคอขาวของแบมแบมแล้วหลับไป ปล่อยให้แบมแบมยกมือกุมอกตัวเองแน่นกับคำพูดและการกระทำของมาร์คคนเดียว


     


     


     


     


     


     


     


     


     


     












    Talk 50%



    มาต่อกันเเบบครึ่งตอน 5555 ตอนที่เเล้วยังหวานช่ำ เเจ็คสันยังน่าสงสารอยู่เลย มาตอนนี้ก็เหมือนจะหวานนะตอนเเรก เเต่ทำไมเเค่มาร์คเปิดประตูออกไปเจอเเจ็คสัน เหมือนจะมีบางอย่างเปลี่ยนไป......


    เอาเป็นว่า มันจะเกิดจากอะไร ค่อยมาลุ้นกันอีก 50% หล่ะกัน ตอนนี้ก็ลองเดาๆกันดูก่อน 5555 #ฟิคซ้อนกลมบ







    Talk 100%




    เป็น 100% ที่แต่งเองแล้วก็อึดอัดมากเลย เรื่องนี้จริงๆก็ไม่ได้อยากจะให้หน่วงหรืออ่านแล้วเหนื่อยนะ แต่มันก็เป็นไปตามอารมณ์และเรื่องราวที่ดำเนินไปเรื่อยๆ ไม่ต้องทำใจกันล่วงหน้าหรอกค่ะ เรื่องนี้คงไม่มีใครเสียน้ำตา....มั้ง 5555555


    ครบ 100% แล้วอยากเห็นคอมเม้นท์สักนิดนึง หรือไม่ก็ไปติดแท็ก #ฟิคซ้อนกลมบ ถ้าไม่อยากรู้สึกแบบนี้กันไปนานๆ รับรองถ้าไรท์เห็น สัญญาว่าอีกวันสองวันจะอัพอีกสักตอนหรือสองตอน 55555





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×