ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END]Cupid's trap ซ้อนกลกามเทพ #Markbam

    ลำดับตอนที่ #15 : ซ้อนกลกามเทพ ตอนที่ 14

    • อัปเดตล่าสุด 3 ต.ค. 58


















              ผมนั่งเอื้อยๆอยู่ริมสระน้ำมาหลายนาทีเเล้ว หลังจากวันนั้น วันที่มาร์คขอผมคบ เราก็ยังคงทำตัวเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนเเปลงอะไรมากมาย ก็เเค่บอกกับตัวเองว่า เราเปลี่ยนสถานะกันเเล้วนะ ผมกับมาร์คคงคล้ายๆกันในเรื่องพวกนี้ เราเลยตกลงกันง่าย ที่จะไม่บอกความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ให้ใครได้รู้



              ไม่ได้อยากให้เป็นความลับ



              ก็เเค่อยากลองดูก่อนว่าถ้าคบกันเเบบนี้เเล้ว มันจะไปรอดรึป่าว ผมน่ะกลัวเจ็บกับเรื่องพวกนี้นะ เเล้วยิ่งคนที่ผมคบอยู่เป็นมาร์ค ผมก็ยิ่งกลัว



              กลัวว่าถ้าวันนึงเราไม่ได้อยู่ในสถานะนี้ ทั้งตัวเราเอง คนรอบข้างขอพวกเราจะเป็นยังไง



              "คุณเเบมค่ะ ตั้งโต๊ะเรียบร้อยเเล้วนะคะ" ผมพยักหน้าเเล้วส่งยิ้มบางๆให้กับคุณเเม่บ้านของที่นี่



              ผมทานข้าวกลางวันกับเย็นคนเดียวมาสองวันเเล้วหล่ะครับ คืองานที่บริษัทมันมีปัญหาใหญ่อยู่ มาร์คเองก็เครียดๆด้วย ออกจากบ้านเเต่เช้าเเล้วก็กลับดึกมาก จนบางที ผมโทรหา เขาพึ่งตื่นจากการที่เขานั่งฟุบหลับไปกับกองเอกสาร



              เเต่วันนี้ไม่รู้ว่าตอนเย็นจะกลับมามั้ย ถ้าไปกลับมา ผมคงต้องไปตามกลับด้วยตัวเองเเล้วหล่ะ ขืนให้มาร์คมาขับรถกลับเอง ผมเป็นห่วงเขาน่ะ กลัวจะหลับใน



              "เดี๋ยวสัก 5 โมงเย็นช่วยเตรียมอาหารตามนี้ให้ผมด้วยนะครับ ผมจะเอาไปให้มาร์ค" เมื่อเช้าหลังจากที่มาร์คออกจากบ้าน ผมก็นั่งเขียนรายการอาหารที่มาร์คชอบที่ผุดขึ้นมาในหัวไว้ในกระดาษ เเล้วก็เลือกเป็นมื้อเย็นให้กับมาร์คในวันนี้ ส่วนพรุ่งนี้ก็เป็นอีกเซตนึงที่ผมจดเอาไว้เรียบร้อยเเล้วว่าจะให้มาร์คทานอะไรบ้าง









    5 โมงเย็น




              อาหารถูกเเพ็คใส่กล่องเป็นอย่างดี ผมยืนมองกล่องอาหารตรงหน้า ตรวจดูอีกครั้งว่าครบตามที่ผมเขียนเอาไว้รึเปล่า



              "ขอบคุณนะครับที่ต้องเหนื่อยเพราะความบ้าไม่เข้าเรื่องของเเบม" ผมยิ้มเเล้วขอบคุณเธอที่อุตส่าห์ตั้งใจทำอาหารให้มาร์ค ผมอยากทำเองอยู่หรอกนะ เเต่ติดว่า ผมทำไม่เป็น


              "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ทานให้อร่อยนะคะคุณเเบมเเบม" ผมพยักหน้าเเล้วยกกล่องอาหารที่ใส่ไว้ในตระกร้าเป็นอย่างดี



              โชคดีที่บ้านหลังนี้มีคนขับรถที่พ่วงตำเเหน่งคนสวนไปด้วย เขาจะอยู่บ้านตลอด ผมเลยต้องขอให้เขาไปส่งผมที่บริษัทมาร์ค



              "ให้ผมรอรับกลับด้วยมั้ยครับ คุณเเบมเเบม" คุณลุงคนขับหันมาถามผมด้วยรอยยิ้ม


              "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมกลับกับมาร์ค ขอบคุณนะครับที่มาส่ง" ผมก็ตอบกลับไปะร้อมกับรอยยิ้มด้วยเช่นกัน ผมถือตระกร้าลงจากรถ มองตึกสูงที่อยู่ตรงหน้า นี่เป็นครั้งเเรกเลยนะครับที่ผมมาที่นี่


              "มาติดต่อเรื่องอะไรครับ" คุณรปภ.หน้าตึกเดินเข้ามาทักทายผมตามหน้าที่ของเขา


              "เอ่อ....ผมมา...ส่งข้าวให้พนักงานในบริษัทครับ" หน้าผมเด็กหรือเป็นเพราะการเเต่งตัวของผมน่ะ ที่ทำให้เขามองผมเหมือนเด็กที่จะวิ่งเข้ามาเล่นในบริษัท เเละดูเหมือนเขาจะเชื่อด้วยนะว่าผมเป็นเด็กส่งของ


              "งั้นรอสักครู่นะครับ" คุณรปภ.เดินไปที่โต๊ะประจำตำเเหน่งเเละกดโทรศัพท์หาใครสักคน ไม่นานเขาก็กลับมาเเล้วเปิดประตูให้ผม



              คงจะมีพนักงานสักคนบนตึกสั่งอาหารพอดีมั้งครับ อ่า ผมเริ่มสงสารเด็กส่งข้าวตัวจริงเเล้วสิ



              ผมยืนรอลิฟต์สักพัก ประตูลิฟต์ก็เปิดออก พร้อมด้วยเหล่าพนักงานจำนวนมากที่เดินออกมา ผมยืนหลบให้พวกเขาออกไปก่อนเเล้วถึงเข้าไปในตัวลิฟต์



              ชั้นบนสุดเป็นชั้นที่ผมกดเเละรอให้ประตูลิฟต์เปิด เสียงสัญญาณลิฟต์ที่ดังขึ้นมาทำให้ผมต้องรีบก้าวออกมา



              ทั้งชั้นเงียบมากเลยหล่ะครับ เหมือนกับไม่มีคนอยู่ ผมเลยเดินตามทางไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่หน้าห้องประธานบริษัท ว่าเเต่เลขาหน้าห้องหายไปไหนอ่ะ



              ก๊อกๆๆๆ



              "เชิญครับ" ผมเอื้อมมือหมุนลูกบิดเปิดประตูออก มาร์คยังคงไม่ละสายตาจากเอกสารตรงหน้า ผมเลยวางตะกร้าที่ถือมาไว้ที่โต๊ะข้างโซฟาเงียบๆ เเล้วเดินไปหยุดอยู่ข้างตัว



              หมับ!!



              มาร์คกอดเอวผมไว้ซะเเน่นเเล้วดึงมานั่งตักเขาเเบบพอดิบพอดี ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเลยนะครับ หรือเป็นเพราะมาร์คเป็นพวกทำอะไรไวๆด้วยก็ไม่รู้



              "คิดถึงมาร์คอ่ะดิ ถึงได้มาหามาร์คถึงบริษัทเลย" เสียงของมาร์คดังอยู่ข้างๆหูผม ทำให้ผมไม่กล้าที่จะหันไปมองเขาเเบบเต็มตา ได้เเต่นั่งให้มาร์คกอดเเล้ววางคางไว้กับไหล่ของผมเเบบนี้


              "ป่าวซะหน่อย ก็เเค่กลัวว่าจะมีคนเป็นโรคกระเพาะเลยเอาข้าวมาให้ นั้นนะข้าวที่คุณเเม่บ้านฝากมา ปล่อยเเบมได้เเล้ว เเบมจะกลับบ้าน"


              "จะรีบไปไหนหล่ะ คนขับรถปกลับไปเเล้วไม่ใช่หรอ" มาร์ครู้ได้ไงอ่ะ หรือรปภ.บอก เเต่ก็ไม่น่าจะใช่นะ เขาจะรู้ได้ว่าผม คือเเบมเเบม เป็น...เอ่อ...เป็นเเฟนลูกชายเจ้าของบริษัท


              "รู้ได้ไงอ่ะ อุ๊ย!" เพราะตกใจที่มาร์ครู้เเละไม่ทันได้ระวัง ผมเลยรีบหันไปถามมาร์ค จมูกเราสัมผัสกันนิดๆเเต่ความรู้สึกข้างในนี่ไม่นิดเลย เเค่เพียงปลายจมูกเเตะกัน ผมก็เเทบ....


         "อยากจูบอ่ะ คิดถึง" มาร์คทำสายตาอ้อนๆพร้อมกับเบะปากเหมือนหลานสาวทั้งสองคนของเขา ผมก็อยากจะยอมเเพ้ต่อสายตาเเละท่าทางของมาร์คอยู่หรอกนะมันน่ารักเกิน เเต่ก็กลัวว่า ถ้าใจอ้อนง่ายๆ มันจะไม่หยุดอยู่เเค่จูบน่ะสิ


              "ไม่ให้ได้ป่ะหล่ะ" ผมค่อยเบี่ยงหน้าหนีเเล้วซบหน้าลงบนไหล่ของมาร์คเเทน อยู่เเบบนี้น่าจะปลอดภัยกว่าเมื่อกี้ขึ้นมานิดนึง


              "ไปนั่งที่โซฟากันมั้ย เก้าอี้มันตัวเล็กอ่ะ ทำอะไรไม่ถนัด"


              "คิดจะทำอะไร!" ผมดักทางคนเจ้าเล่ห์เอาไว้ ขืนปล่อยให้ทำอะไรตามใจตัวเอง ผมคงได้เจ็บอีกเเน่ๆ เเค่สองวันก่อนผมก็เกือบไข้ขึ้น เเทบจะลุกเดินไม่ได้เป็นวัน


              "ป่าวซะหน่อย เเบมน่ะ คิดว่ามาร์คจะทำอะไรเเบม หืม?"


              "จะไปรู้หรอ ช่วงนี้ยิ่งหื่นๆอยู่"


              "ใครบอกว่าช่วงนี้ มาร์คน่ะหื่นของมาร์คมานานเเล้ว เเค่ไม่ได้เเสดงออกมาให้เเบมเห็นเท่านั้นเเหละ"


              "ดูภูมิใจในความหื่นของตัวเองเนอะ! ชิ ไปกินข้าวได้เเล้วไป มัวเเต่ชวนคุยเดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก"


              "ไม่อยากกินข้าวอ่ะ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ป่ะ" มาร์คยกยิ้ม พร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้


              "เเล้วจะกินอะไร อย่ามาเล่นมุขจะกินเเบมน่ะ พ่อจะต่อยให้คว่ำเลยคอยดู" ผมยกหมัดขึ้นมาขู่คนตรงหน้า ถึงเเม้จะรู้อยู่เเล้วว่า ทำไปมาร์คก็ไม่กลัวหรอก เเต่ก็อยากเเสดงให้มาร์คเห็นว่า ผมก็มีหมัดเล็กๆที่พร้อมจะต่อยเขา


              "ไม่ได้พูด ไม่ได้คิดอะไรเเบบนั้นเลย จะบอกว่า อยากกินพวกเค้ก โดนัท ขนมปังอะไรเเบบนี้ต่างหาก เเบมน่ะคิดไปไกล จริงๆมาร์คว่า มาร์คไม่ได้หื่นว่ะ เเบมนั้นเเหละที่หื่น ตัวเองหื่นก็หาว่าเค้าหื่น ฮ่าๆๆ"


              "หยุดเลยมาร์ค ใครหื่น หื่นบ้าอะไร เลิกพูด! เลิกเล่น! ไปกินข้าวนู้นไป"


              "พอพูดความจริงก็ทำมาเป็นโมโหกลบเกลื่อน ดูดิ่คนเรา" มาร์คค่อยๆปล่อยผมออกจากอ้อมกอด ผมเลยลุกออกจากตัก


              "มาร์ค! ไปกินข้าว!!" มาร์คยอมลุกจากเก้าอี้เเล้วเดินตามผมอย่างว่าง่าย ผมเลยเปิดกล่องอาหารที่เตรียมมา ยื่นตะเกียบให้มาร์คด้วย


              "มีเเต่ของโปรดมาร์คทั้งนั้นเลยนี่หน่า ว่าเเต่ใครทำอ่ะ หรือซื้อมา"


              "คุณเเม่บ้าน เเบมให้คุณเเม่บ้านทำให้ เเบมทำอาหารจีนเป็นซะที่ไหนหล่ะ"


              "กลับไปก็ให้ม๊าสอนสิ ม๊าทำอาหารจีนอร่อยมากๆเลยนะ"


              "อยากให้เรียนทำอาหารหรอ หรือว่าอยากกินอาหารจีนบ่อยๆ"


              "ทั้งสองอย่าง ก็เเบมมาเป็นสะใภ้บ้านมาร์คก็น่าจะหัดเอาไว้ คนไทยเขาบอกว่าอะไรนะ เสน่ห์ปลายจวัก สามีรักสามีหลง ใช่ป่ะ"


              "อืม >///<"


              "งั้นไปเรียนกับม๊าสิ ม๊าจะได้มีเพื่อนคุยด้วย งานอ่ะไม่ต้องทำหรอก เเบมนอนรอมาร์คอยู่ที่ห้องก็ได้ นอนสบายๆเป็นคุณนายรอนับเงินดีกว่า"


              "ใครเขาอยากจะเป็นกัน เเต่ว่าไปเรียนกับม๊าก็ดี เเบมชอบกับข้าวฝีมือม๊า คราวนี้จะไปขโมยสูตรม๊ามาให้หมดเลย"


              "มาร์คว่าเเบมไม่ต้องขโมยม๊าเขาก็ยอมยกสูตรให้อยู่เเล้ว ยิ่งถ้าเขารู้ว่าตอนนี้เราเป็นอะไรกันนะ มาร์คว่าม๊าคงยกบ้านหลังนั้นให้เเบมด้วยเเหละ"


              "ตลกเหอะ! ไม่ต้องให้ม๊ารู้หรอก"


              "เเบม มาร์คมานั่งคิดดูเเล้วนะ มาร์คว่า เราบอกคนในครอบครัวของเราให้ท่านรับรู้ดีมั้ย ทำเเบบนี้มาร์ครู้สึกไม่ให้เกียรติเเบมเลยอ่ะ ไม่ต้องบอกเพื่อนมาร์คกับเพื่อนเเบมเหมือนเดิมก็ได้ เเต่น่าจะให้ผู้ใหญ่รับรู้ ทำเเบบนี้เหมือนมาร์คไม่ให้เกียรติเเบมจริงๆนะ"


              "อ่า เเต่เเบมไม่ได้รู้สึกเเบบนั้นนะ"


              "เเต่เพื่อความสบายใจของมาร์ค เเละเป็นคำยืนยันว่ามาร์คจริงจังกับเเบม ให้มาร์คบอกม๊าเเบมเถอะนะ"


              "ก็ได้ ถ้ามันจะทำให้มาร์คสบายใจ"


              "ขอบคุณครับ ^^"


              "เเล้วนั้นจะทำอะไร"


              "โทรบอกม๊าเเบมไง"


              "เฮ้ย เร็วขนาดนี้เลย ให้เเบมตั้งตัวก่อนก็ได้มั้ง เเบมไม่กล้าพูดกับม๊าอ่ะ มาร์ค"


              "เเบมไม่ต้องพูดไงครับ เดี๋ยวมาร์คพูดเอง นั่งให้กำลังใจมาร์คก็พอ โอเคมั้ย" มาร์คเอื้อมมากุมมือผมเอาไว้หลวมๆ ผมมองการกระทำของมาร์คนิ่งๆ ในใจก็กังวลว่าม๊าจะรู้สึกไม่ดีที่เราคบกัน เพราะม๊าก็ไว้ใจให้มาร์คคอยดูเเลผม ม๊าอาจจะมองมาร์คเป็นเเค่พี่ชายคนนึงของผมก็ได้


              "ฮัลโหล สวัสดีครับ ม๊า"


              "ว่าไงจ๊ะมาร์ค โทรหาม๊าเเบมนี้ เเบมดื้ออะไรกับเราหล่ะ" ผมหันไปมองหน้ามาร์คทันที อย่าบอกนะว่าเวลาผมดื้อ มาร์คโทรไปฟ้องม๊าอ่ะ


              "ผมมีเรื่องอยากจะบอกม๊าครับ" มาร์คมองผมนิดๆเเล้วหันกลับไปสนใจกับการคุยโทรศัพท์กับม๊าต่อ


              "ว่ามาสิจ๊ะ มีเรื่องอะไรหรอ"


              "คือ...ผม...ผมกับเเบมขอคบกันได้มั้ยครับม๊า"


              "..........." ม๊าเงียบไป จนใจผมสั่น น้ำตามันเหมือนมาเอ่อบริเวณขอบตา จนมาร์คต้องจับมือผมเอาไว้


              "ผมรักเเบมจริงๆนะครับ" ก็รู้ว่ามาร์คพูดเพื่อยืนยันกับม๊า เเต่มันก็อดเขินไม่ได้นี่ นี่เป็นครั้งที่สองหรือที่สามมั้งที่มาร์คพูดว่า รักผม


                "........" เเต่ม๊าก็ยังเงียบอยู่ดี หรือบางทีการที่ม๊าเงียบจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนอยู่เเล้ว


          "ให้ผมสองคนคบกันเถอะนะครับ ไม่งั้นผมคงต้อง...พาเเบมหนีเเล้ว ถ้าม๊าไม่ยอม"


              "รักน้องมากขนาดนั้นเลยหรอมาร์ค" ม๊าถามกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ผมเองยังเดาอารมณ์ม๊าไม่ถูก


              "ครับ รักครับ รักมากครับ" มาร์คบีบมือผมเเน่นขึ้น เหมือนอยากจะย้ำว่าสิ่งที่เขาพูด เขาพูดความจริง ให้ผมเชื่อในคำว่าเราของเขา น้ำเสียงที่หนักเเน่นจริงจัง ไหนจะเเววตาที่มองผมอยู่ ผมว่ามาร์คไม่ได้พูดคำว่ารักเเค่เล่นๆหรอก เพราะสิ่งที่สะท้อนออกมาจากดวงตามันไม่สามารถจะโกหกได้


              "จริงๆม๊าก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ม๊าเเค่เเปลกใจว่าพึ่งตกลงคบกันหรอ นึกว่าจะโทรมาขอลูกชายม๊าเเต่งงานซะอีก ฮ่าๆๆๆ นี่ม๊าก็นึกว่าเราสองคนคบกันตั้งเเต่น้องอยู่ปีสองเเล้วน่ะเนี่ย สรุปคือพึ่งคบกันหรอ" อะไรนะ!!! นี่ม๊าคิดว่าผมกับมาร์คคบกันมาตลอดเลยหรอเนี่ย ไม่น่าหล่ะถึงได้มีอะไรก็ฝากให้มาร์คดูเเลผมตลอด ยอมให้ผมไปนอนค้างบ้านมาร์ค ห้องมาร์คได้อีกต่างหาก


              "ครับ พึ่งคบกับได้สามวัน เเต่มาร์ครักน้องมานานเเล้วนะครับ" มาร์คคลี่ยิ้มออกมาตอนพูดประโยคนั้น มันเลยทำให้ผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้


              "ม๊าเชื่อจ๊ะ น้ำเสียง เเววตา ทุกๆการกระทำของมาร์คมันก็ชัดเจนมานานเเล้ว คงจะมีเเต่ลูกชายม๊ามั้งที่ซึน ฮ่าๆๆ เเต่เดี๋ยวเเค่นี้ก่อนนะมาร์ค เพื่อนๆม๊าจะไปช๊อปต่อที่เเล้ว ฝ๊าคงต้องวางเเล้วหล่ะ ยังไงก็ฝากหอมเเก้มลูกชายม๊าให้ที บอกด้วยว่าม๊าคิดถึงมาก" ห้ะ!! อะไรนะ!! การกระทำ คำพูดของมาร์คงั้นหรอ ทำไม....ทำไมผมไม่เห็นจะเคยรู้ตัวเลยหล่ะ



                   ฟอดดดดดด



              "ม๊าฝากมา บอกว่าคิดถึงมากๆ" ผมยกมือลูบเเก้มตัวเองข้างที่มาร์คขโมยหอม กำลังจะเอื้อมมืออีกข้างไปตีคนนิสัยไม่ดี ก็โดนมาร์คยึดข้อมือไปจับ


              "ปล่อยเลย! คนขี้ขโมย ฉวยโอกาสด้วย"




                   ฟอดดดดด




              "ส่วนอันนี้ของมาร์ค ไม่ได้หอม ไม่ได้กอด ไม่ได้จูบมาสองวันเเล้ว คิดถึงๆๆๆ" มาร์คเเทบจะพรมจูบไปทั่วหน้าผมเลย ผมพยายามเเล้วนะ พยายามที่จะเบี่ยงหน้าหลบ เเต่มาร์คก็ยังจะพยายามจนสำเร็จ


              "จะไม่กินใช่มั้ยข้าวเนี่ย ปล่อยได้เเล้ว จะคิดถึงอะไรขนาดนั้น ปล่อยๆๆ เเบมไม่เห็นจะคิดถึงมาร์คเลย"


              "จริงง่ะ" มาร์คค่อยคล้ายมืออกจากข้อมือของผม มันเป็นรอยเเดงนิดๆเเต่ผมไม่ได้เจ็บอะไร


              "ไม่คิดถึงเค้าจริงหรอตะเองงงงง" มาตะองตะเองบ้าบออะไรเนี่ย >//< ทำงานหนักเเล้วคงจะเพี้ยน สมงสมองไปหมด


              "ไม่ต้องเอาคางมาเกย มาทานข้าวนี่" ผมครีบเนื้อปลาที่ทอดใหม่ๆ สีเหลืองทอง กลิ่นหอมชวนน้ำลายสอขึ้นมา ยื่นไปใกล้ปากมาร์คให้กินเข้าไปสักที จะได้เลิกเล่นได้เเล้ว


              "มีฮะเก๋าด้วยหรอ" มาร์คชี้ไปที่กล่องที่ผมลืมหยิบออกมาจากตะกร้า


              "อืม เห็นวันนั้นมาร์คบ่นๆว่าอยากกินไม่ใช่หรอ เเบมเลยให้คุณเเม่บ้านทำฮะเก๋ากุ้งมาให้"


              "ขอบคุณครับ จำได้ด้วยหรอว่ามาร์คอยากกิน น่ารักจริงๆเลย เเฟนใครหว่า"


              "รู้เเล้วยังมาถามให้เขินอีก"


              "ก็มาร์คชอบเห็นเเบมเขินนี่ ยิ่งเวลาเเก้มเเบมเเดงๆนะ มาร์คอยากกัด^___^"























              ร่างสูงของผู้บริหารหนุ่มเดินออกมาจากตัวลิฟต์ สองเท้าก้าวไปตามทางเเละหยุดอยู่หน้าโต๊ะของเลขาสาวที่เงยหน้าจากเอกสารมองเขาเเทบไม่กระพริบตา



              "ผมมาหาปาร์ค จินยองครับ" ชายหนุ่มเอ่ยกับเลขาสาวเสียงทุ่มพร้อมกับส่งยิ้มตามมารยาทไปให้


              "ไม่ทราบว่าจะให้บอกกับท่านรองว่าใครมาขอพบค่ะ" เธอพูดพร้อมส่งยิ้มยั่วยวนให้ชายหนุ่มตรงหน้า เเต่ร่างสูงกลับมองด้วยสายตาปกติ ไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิด


              "อิม เเจบอมครับ" เธอพยักหน้ารับพร้อมกับจำชื่อของคนตรงหน้าไว้เป็นอย่างดี


              "อะ....เอ่อ...คือท่านรองไม่สะดวกที่จะพบคุณตอนนี้น่ะคะ ดิฉันว่า...."


              "ช่วยบอกท่านรองของคุณใหม่นะครับ ว่าว่าที่สามีในอนาคตมาหา อย่าชักช้า ถ้าไม่อยากให้ผมต้องป่าวประกาศสถานะตัวเองกับเขา" ใบหน้าซีดเผือกของเลยขาสาวทำให้เเจบอมยกยิ้มในใจ คงจะคิดว่านี่เป็นเรื่องจริงสินะ เเล้วก็คงจะกลัวจินยองเอามากๆ เเค่เเจบอมพูดไปว่าเป็นอะไรกับเจ้านายตัวเอง เธอถึงได้หน้าซีดขนาดนี้


              "ท่านรองบอกว่า อีก 5 นาทีให้คุณ...."


              "เขาอยู่ในห้องใช่มั้ยครับ งั้นผมขอตัวนะครับ" เเจบอมไม่สนใจเสียงของเลขาหน้าห้องจินยองที่พยายามเข้ามาห้ามเลยสักนิดเปิดประตูเข้าไปภายในห้องทำงาน พร้อมกับปิดมันลงเเละล็อกประตูให้เเน่นหนา


              "มาทำไม" เสียงเย็นๆของคนที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โต๊ะตรงกลางห้อง ไม่ได้ทำให้เเจบอมรู้สึกกลัวเเม้เเต่น้อย เพราะต่อจากนี้เเจบอมจะไม่กลัวอะไรจินยองอีกเเล้ว ในเมื่อเขาประกาศออกไปเเบบนั้นว่าจะให้จินยองมาเป็นสะใภ้ตระกูลเขา เเจบอมต้องทำให้ได้



              ที่ทำเเบบนี้ไม่ได้ต้องการอยากเอาชนะหรือลบคำสบประมาทของใครทั้งนั้น ที่ทำเเบบนี้ก็เพราะ......



               เสียงหัวใจตัวเองล้วนๆ



              ใครจะไปรู้หล่ะว่า จากคนที่ไม่ชอบขี้หน้า เจอกันที่ไรต้องทะเลาะกันตลอด เเต่พอไม่เจอ ไม่ได้คุย มันก็รู้สึกเเปลกๆ



                     ตอนเเรกเเจบอมก็คิดว่าเป็นเพราะตัวเองเหงาปากมากกว่า ไม่มีใครให้เถียงเเล้วต่อกรกับตัวเองได้สูสีเท่ากับคนตรงหน้าเฉยๆ เเต่มันไม่ใช่ เวลาผ่านไปหลายเดือน มันทำให้เเจบอมเหมือนจะกลายเป็นคนบ้า เวลาที่นั่งรอช่วงเที่ยงๆเเล้วจินยองไม่มาหาเเบมเเบมที่คณะ เป็นเพราะตอนนั้นกำลังมีคนมาจีบจินยองอยู่



                   ไม่รู้ว่าเริ่มมั่นใจตัวเองตอนไหน เเต่ตลอดเวลาหลายปีที่รู้จักกัน เเจบอมไม่เคยมีใครเลย ไม่เคยคบกับใครหรือคุยกับใครเเบบพิเศษเลยสักคน



          "มาจีบ ไปกินข้าวกัน นี่มันเที่ยงเเล้ว เก็บเอกสารเเล้วไปกันเถอะ"


         "ประสาทหรออิม เเจบอม หรือหัวนายกระเเทกพื้น เป็นอะไรของนายเนี่ย ถ้าจะมาก่อกวนก็กลับไปทำงานทำการเลยไป รำคาญ"


              "ไม่กลับ ก็บอกเเล้วไงว่าตั้งใจจะมาจีบ ลุกขึ้นเร็วจินยอง หิวข้าวเเล้ว"


              "หิวก็ไปกินสิ มาบอกฉันทำไม นู้นประตู รู้จักมั้ย เข้ามาทางไหนก็รีบออกไปทางนั้นเลย"


              "นี่นายไม่หิวหรอ นี่มันเที่ยงกว่าเเล้วนะ"


              "เเล้วไง ต่อให้ฉันหิว ฉันก็ออกไปหาอะไรกินเองได้ อ้อ อีกอย่างอีก 5 นาที ฉันก็จะออกไปคุยงานกับลูกค้าเเล้ว"


              "เป็นถึงรองประธาน ต้องออกไปคุยงานกับลูกค้าด้วยหรอ"


              "ทำไม? เเปลกตรงไหน เเล้วจะยืนอยู่ในห้องนี่อีกนานป่ะ ถ้านานก็อย่าขโมยของนะ เพราะในห้องมีกล้องวงจรปิด ฉันไปหล่ะ" จินยองหยิบกระเป๋าเเละเอกสารสำคัญเตรียมจะเดินออกจากห้อง เเต่กลับถูกมือหนาของอีกคนจับไว้จนเซไปปะทะกับเเผงอก



              เเจบอมรวบเอวอีกคนเอาไว้เเน่น ก่อนจะเเกล้งเอาปลายจมูกถูไถลงบนเเก้มนิ่มของอีกฝ่าย จินยองยกมือขึ้นมาตบลงบนเเก้มสากของอีกคนเเบบเต็มเเรง จนเเจบอมต้องผละออก เเล้วยอมปล่อยจินยองเเต่โดยดี



              "ไอ้โรคจิต" กระทืบลงบนเท้าอีกคนทิ้งท้ายก่อนจะยกกระเป๋าฟาดลงบนหัวอีกฝ่ายอีกที เเล้วรีบเดินออกจากห้องไป


              "โอ๊ยยยยย ฝากไว้ก่อนเถอะนะจินยอง ยังไงวันนี้ นายก็ไม่รอดเเน่"














    ตอนที่ 14 มาเเล้วค่ะ จะบอกว่าตอนต่อๆไปจะมีคู่อื่นๆเข้ามาเเทรกด้วยครึ่งนึง ใครไม่อยากอ่าน ให้รออ่านตอนต่อๆไป เพราะบางคนอาจจะไม่ได้ชิปคู่เดียวกับไรท์ทั้งหมด จะพยายามไม่ให้เชื่อมโยงกันเยอะ จะได้ไม่รู้ฝืนใจกันเนอะ


    เเอบกระซิบนิดนึงว่าใกล้จะจบเเล้วหล่ะค่ะ ไม่อยากเเต่งฟิคเเบบเรื่อยๆ เพราะกลัวจะเเต่งจบไม่ลง เรื่องนี้ไม่ได้กำหนดตาบตัวว่าจะจบที่ตอนที่เท่าไหร่ เพราะฉะนั่นอ่านๆไปอาจจะเเบบ อ้าว จบเเล้วหรอ 55555


    ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เเละการเฝ้ารอค่ะ อย่าลืมเข้ามาติดเเท็ก #ฟิคซ้อนกลมบ กันเยอะๆนะคะ

    ©
    t
    h
    e
    m
    y
    b
    u
    t
    t
    e
    r
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×