ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END]Cupid's trap ซ้อนกลกามเทพ #Markbam

    ลำดับตอนที่ #11 : ซ้อนกลกามเทพ ตอนที่ 10

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ย. 58













                ผมนั่งลงบนม้านั่งระหว่างที่รอมาร์คไปซื้อไอติมให้กิน เราตกลงกันว่าจะออกมาเดินเล่นข้างนอก ไม่ต้องขับรถไปไหนไกลๆหรอก เพราะเราทั้งคู่ต่างก็เหนื่อยด้วยกันทั้งนั้น ถ้าออกไปที่ไหนไกลๆ ผมกับมาร์คก็คงจะต้องผลัดกันครับรถ

     

     

                ผมเหม่อมองท้องฟ้าที่บ่งบอกเวลาว่าตอนนี้จะเที่ยงเเล้ว อากาศเเละเเสงเเดดร้อนๆ มันทำให้เหงื่อผมออกไม่ขาดสาย มาร์คเองก็เหมือนกัน เผลอๆมาร์คเหงื่ออกมากกว่าผมอีก เพราะเขาน่ะขี้ร้อนกว่าผม

     

     

                ไอศกรีมโคนรสวานิลาถูกยื่นมาตรงหน้า ส่วนของมาร์คเป็นคุกกี้เเอนด์ครีมรสโปรดของมาร์ค จริงๆผมชอบเลม่อนนะ เเต่กินบ่อยเเล้วไงเลยให้มาร์คซื้ออะไรมาก็ได้

     

     

                "เเดดเริ่มเเรงเเล้วอ่ะ มาร์คว่า เราไปนั่งร้านหนังสือร้านนั้นมั้ย" มาร์คชี้ไปที่มุมถนนที่มีร้านขายหนังสือ เเละยังมีโซนที่จัดเอาไว้ให้ได้พักผ่อน พร้อมกับมีคาเฟ่เล็กๆอยู่ข้างใน

     

     

                ผมว่าอากาศร้อนๆเเบบนี้เข้าไปนั่งอ่านหนังสือในห้องเเอร์เย็นๆ มีเพลงสบายๆเปิดคลอ มีเครื่องดื่มรสชาติดี มันเป็นอะไรที่ฟินมากเลยนะ

     

     

                มาร์คน่ะไม่เคยทำให้ผมต้องผิดหวัง มาร์คมักจะหาสิ่งที่ดีที่สุดเเละเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผม

     

     

                ยกเว้นก็เเต่....เรื่องพี่เเจ็คสัน

     

     

                ผมไม่ได้โง่นะที่ดูไม่ออก

     

     

                พี่เเจ็คสันมีท่าทีจะจีบผมตั้งเเต่เราเจอกันครั้งเเรกเเล้ว ถึงเราจะเจอกันไม่บ่อย เเต่ทุกครั้งที่เราเจอกัน เขาจะทำให้ผมรู้สึกได้ว่า เขาคิดอะไรกับผม

     

     

                เเต่อันนั้น ช่างมันเถอะ ผมไม่ได้รู้สึกว่า มันน่าลำบากใจหรือน่ารำคาญอะไร เพราะผมมองพี่เขาเป็นเหมือนพี่ชายที่ดีคนนึงก็เท่านั้น รู้สึกดีด้วยซ้ำที่มีคนมาชอบ

     

     

                ผมว่าทุกๆคนก็อยากให้มีคนมาชอบมากกว่าเกลียดด้วยกันทั้งนั้นแหละ และหนึ่งในนั้นก็คือผมเอง

     

     

                เเต่มาร์คคงจะไม่รู้ หลายวันที่ผ่านมา มาร์คเหมือนจะทำตัวเป็นพ่อสื่อ เเบบที่ผมรู้สึกได้เลยว่า มาร์คพยายามเปิดโอกาสให้ผมอยู่กับพี่เเจ็คสัน พยายามพูดว่าพี่เขาดีพอสำหรับผม

     

     

                ผมก็อยากจะตะโกนใส่มาร์คเหลือเกินว่าเอาอะไรมาตัดสินว่าเขาดีพอสำหรับผม ชีวิตผม ผมเจอคนดีๆมาก็เยอะ เเต่คนที่ผมจะรักเเละฝากชีวิตเอาไว้ คือคนที่พอดีสำหรับผมต่างหาก

     

     

                เเล้วตอนนี้ผมก็คิดว่า....ผมเจอเเล้ว

     

     

     

                มั้ง

     

     

                "เลอะหมดเเล้วเเบม กินยังไงให้มันเลอะเนี่ย  ยื่นมือมานี่เลย" ไอติมเหนียวๆที่มันเริ่มละลายหกหยดใส่มือผมเต็มไปหมด มาร์คเลยดึงมือผมไปล้างกับน้ำเปล่าที่ซื้อมา

     

                "เย็นจัง"

     

                "ก็เย็นสิ ก็นี่มันน้ำเย็นนี่" มาร์คค่อยถูมือผมให้หายเลอะ เเล้วล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ามาเช็ดมือให้กับผม

     

                "อยู่กับเเบม เหมือนมาร์คมีลูกเลย" มาร์คคลี่ยิ้มบางๆ เเละเอาผ้าเช็ดหน้าไปวางไว้ที่พุ่มไม้

     

                "เเบมน่ารักเหมือนเด็กๆใช่ป่ะหล่ะ" ผมยื่นหน้าตัวเองไปใกล้ๆมาร์ค ยิ้มหวานๆส่งให้เขาด้วย

     

                "อืม น่ารัก" ก็ไม่ต้องพูดออกมาตอนที่หน้าเราใกล้กันเเบบนี้ได้ป่ะหล่ะ เขินเป็นเหมือนกันนะเว้ย

     

                "ปะ...ไปที่อื่นกันเถอะ ตรงนี้มันร้อน" ผมยกมือขึ้นมาพัดเเรงๆ ยิ่งตรงหน้าตัวเองด้วยเเล้วยิ่งต้องพัดให้หนัก ผมว่ามันต้องเเดงมากๆเเน่เลยอ่ะ งื้ออออ มาร์คต้องเห็นเเน่ๆเลย ถึงได้ยิ้มเเบบนั้นอ่ะ

     

                "ขอมือหน่อย" ผมยืนมือให้มาร์คจับเเต่โดยดี เพื่อให้เราสองคนข้ามถนนได้อย่างปลอดภัย

     

                "หนูระวัง!!!!" เสียงคุณป้าที่ขายของอยู่ริมฟุตบาทตะโกนบอกอะไรสักอย่างกับใครไม่รู้ แล้วอยู่ๆมันก็.............

     

     

     

     

                หมับ

     

     

     

                เอี๊ยดดดดดด โครมมมมมม

     

     

                มันเกิดอะไรขึ้น!!

     

     

                ผมค่อยๆลืมตาที่ปิดสนิทของตัวเองช้าๆ ผมเห็นคนยืนมุงเต็มไปหมด ไม่ใกล้จากผมมีมอเตอร์ไซค์ล้มอยู่

     

     

                ผมถูกมอเตอร์ไซค์ชนหรอ??

     

     

                ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วซะจนผมนึกว่าตัวเองฝัน เหมือนเพียงเเค่ชั่วพริบตาเดียว ผมก็มานอนอยู่ข้างริมฟุตบาท

     

     

                "เป็นอะไรรึป่าวเเบม" น้ำเสียงของมาร์คมันเเผ่วมาก เเละมันก็ดังอยู่ใกล้ๆผม เหมือนกับดึงสติผมให้กลับมา ผมมองหาเสียงของมาร์คที่มาจากไหนสักเเห่งที่อยู่ใกล้ๆ พอผมก้มหน้าลงถึงได้รู้ว่า....

     

                "เลือด!! มาร์ค เจ็บมั้ย ปะ...ไปหาหมอ....ลุกเร็ว" ผมรีบลุกขึ้นนั่ง พยายามจะดึงมาร์คขึ้นมา เเต่พอผมจับตัวมาร์ค เขาก็ร้องออกมา จนผมไม่กล้าจะทำอะไร นอกจากหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเรียกรถพยาบาล

     

     

     

     

     

     

     

     

                "ไม่เป็นอะไรมากหรอครับ เดี๋ยวทานยาตามที่หมอสั่งก็พอนะครับ เเล้วถ้าเกิดพรุ่งนี้มีอาการผิดปกติหรือเจ็บบริเวณใดบริเวณนึงมากๆ มาพบหมออีกครั้งนะครับ" หลังจากที่คุณหมอตรวจดูอาการเรียบร้อย ผมก็พามาร์คออกมานั่ง รอรับยา

     

                โชคดีที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก เเค่หัวเเตก ข้อศอกเเตก  เข่าแตก เเล้วมาร์คน่าจะปวดหลังนิดหน่อย เพราะหลังของมาร์คกระเเทกกับขอบฟุตบาท เเต่ก็โชคดีที่ไม่ได้กระเเทกเเรง

     

     

                "มาร์ค ขอบคุณนะ" ทั้งๆอาจจะเป็นผมด้วยซ้ำที่ต้องเจ็บหนัก อาจจะโดนมอเตอร์ไซต์คันนั้นชนไปเเล้ว ถ้ามาร์คไม่ดึงตัวผมมากอดไว้ซะก่อน ปานนี้เเผลบนตัวมาร์คอาจจะอยู่ที่ผมเเทน

     

     

                "ไม่เป็นไรหรอก ก็เเลกกันกับช่วงนี้เเบมต้องเป็นคนดูเเลมาร์คไง เเฟร์ๆ" มาร์คหันมาพูดกับผมยิ้มๆ จับมือของผมเบาๆให้เลิกกังวลกับอาการของมาร์คได้เเล้ว เเต่ผมก็อดจะรู้สึกผิดไม่ได้จริงๆนะ ถ้าผมเจ็บครึ่งนึงของมาร์คได้ก็คงจะดี เเต่ผมเเค่ถลอกนิดหน่อยต่างจากมาร์ค

     

     

                "เเบมจะดูเเลมาร์คให้ดีที่สุดเลย สัญญา" ผมยกนิ้วก้อยขึ้นมาให้มาร์คเกี่ยว มาร์คก็ยอมทำตาม ถึงเเม้จะหัวเราะออกมานิดหน่อยก็ตาม

     

     

                เรากลับมาที่คอนโดกันเลย ไม่ได้เเวะไปไหนเเล้ว มาร์คบอกว่าขออยู่ที่ห้องตัวเอง เพราะเขาจะได้เคลียร์งานตัวเองด้วย

     

     

                ผมโทรไปบอกเเม่ของมาร์คเรียบร้อยเเล้วว่ามาร์คเป็นยังไงบ้างเเละก็ขอให้มาร์คหยุดงานด้วย เเละม๊าก็อนุญาต

     

     

                ผมกลับเข้ามาเก็บของใช้ในห้องตัวเองนิดหน่อยในเเล้วจะเดินไปห้องข้างๆ

     

     

                "เเบมจะไปไหนหรอ" พี่เเจ็คสันเดินออกมาจากลิฟต์มองมาที่กระเป๋าเป้ใบเล็กของผม

     

                "ไม่ได้ไปไหนหรอกครับ เเบมเเค่ย้ายห้องชั่วคราว"

     

                "ทำไมหล่ะ ห้องเเบมมีอะไรเสียหรอ"

     

                "ป่าวครับ คือมาร์คโดนรถเฉี่ยวเพราะเเบมครับ เเบมเลยต้องมาดูเเลมาร์ค"

     

                "เเล้วมาร์คเป็นอะไรมากรึป่าว ไปหาหมอรึยัง"

     

                "ไปมาเเล้วครับ ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอครับ เเบมเข้าห้องก่อนนะครับ จะไปหาข้าวให้มาร์ค มาร์คจะได้ทานยา"

     

                "พี่ขอไปดูมาร์คหน่อยได้มั้ยครับ" สีหน้าของพี่เเจ็คสันดูกังวลกับอาการของมาร์คเพราะยังไม่เห็นสภาพมาร์ค

     

     

                ผมเเสกนนิ้วเหมือนทุกๆครั้ง เปิดประตูให้พี่เเจ็คสันเข้าไปก่อน เเล้วค่อยเดินเข้าไป ผมเเยกเข้าไปครัว เพื่อทำข้าวต้มให้มาร์คทาน

     

     

     

     

     

     

     

                "ไม่ได้เป็นอะไรมากก็ดีเเล้ว ฉันไปนะ เเบมพี่กลับห้องเเล้วนะ"

     

                "ครับผม" ผมยกถาดข้าวกับยาเข้ามาในห้อง มาร์คนั่งอยู่บนเตียงเอาหลังพิงกับหัวเตียง ส่วนในมือก็มีโทรศัพท์เหมือนจะคุยกับใครสักคนอยู่

     

                "มาร์คไลน์ไปบอกจินยองเเล้วนะ ว่าช่วงนี้เเบมจะมาอยู่ห้องมาร์ค" ผมพยักหน้ารับเเล้วยื่นชามข้าวต้มไปให้มาร์ค

     

                "ร้อนนะ ค่อยๆกิน เดี๋ยวเเบมขอไปอาบน้ำก่อนนะ"

     

                "อืม"

     

     

                ผมเดินเข้ามาในห้องน้ำที่ดีไซน์ไม่ต่างจากห้องน้ำที่ห้องตัวเองเท่าไหร่เเต่จะต่างก็ตรงที่มันเป็นห้องน้ำที่มีระเบียบมากกว่าผมเยอะ เเถมยังสะอาดมากๆด้วย พื้นงี้เงาวับเเทบจะสะท้อนเห็นหน้าตัวเอง

     

     

                "มาร์คคคค ยืมสบู่กับยาสระผมนะ" ผมตะโกนออกไปทั้งๆที่ความจริงเเล้วผมก็พกของผมมานะ เเต่ไม่อยากใช้ คิกๆ ผมชอบยาสระผมกับสบู่ที่มาร์คใช้นะ หอมดี ดูเป็นผู้ชายเเมนๆสุดๆต่างจากผมที่ใช้สบู่เด็กกลิ่นอ่อนๆ เเต่ก็หอมเหมือนกัน มาร์คเคยบอก เเต่ก็ไม่เคยเห็นมาร์คซื้อมาใช้

     

     

                ผมปล่อยให้สายน้ำเย็นๆชำระล้างคราบสบู่เเละยาสระผมออกให้หมด ความเย็นของน้ำที่ไหลไม่ขาดสายบอกกับกลิ่นหอมๆของสบู่ที่ผมใช้มันทำให้ผมสดชื่นมากๆเลยหล่ะ

     

     

                ผมออกมาพร้อมกับกลิ่นหอมๆที่ผมชอบ มาร์คหันมามองผมเเว๊บเดียวก็หันไปสนใจทีวีที่เปิดดูต่อ อย่างว่าเเหละ ตั้งเเต่มาร์คไม่ทำงาน เวลาพักเเทบจะไม่มี จะมีก็เเต่ผมเเวะไปหาบ้าง ชวนหยุดบ้าง นอกนั้นมาร์คก็จะอยู่เเต่กับกองเอกสาร

     

     

                "เมื่อกี้มีสายเข้าอ่ะ" ผมใช้ผ้าขนหนูพื้นเล็กขยี้ที่หัวตัวเองเบาๆ เดินเข้าไปหามาร์คที่นอนอยู่ เเล้วยื่นโทรศัพท์มาให้

     

                "ใครโทรมาอ่ะ กดรับรึเปล่า" ไม่ได้ห่วงโทรศัพท์นะครับ เพราะปกติผมก็ให้มาร์คเล่นโทรศัพท์ตัวเองบ่อยๆอยู่เเล้ว เเค่ถามดู เผื่อว่าคนที่โทรมามีเรื่องเร่งด่วนอะไร

     

                "ยูคยอม เเต่มาร์คไม่ได้รับนะ" ผมพยักหน้าหงึกหงักทันทีที่มาร์คพูดชื่อเพื่อนสนิทอีกคนออกมา

     

     

                มาร์คกับยูคยอมเป็นอะไรไม่รู้ เจอหน้ากันทีไรเหมือนจะมีเรื่องทุกที ผมเคยถามทั้งคู่นะ เเต่ทั้งสองคนก็ตอบมาเหมือนกันเลยว่า เกลียดขี้หน้ากันเฉยๆ เห็นเเล้วไม่ถูกชะตา อะไรทำนองนี้ ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไงเหมือนกัน เเต่ก็ยังดีที่เวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน 4 คน ก็ยังพอไปด้วยกันได้ ไม่ใข่ต่างคนต่างยื่นคำขาดไม่ยอมไปด้วยกัน ผมคงจะลำบากใจเเน่ๆ

     

     

                "งั้นเเบมออกไปคุยโทรศัพท์เเป๊บนึงนะ" มาร์คไม่ตอบอะไร สนใจอยู่เเต่ทีวี ผมเลยเดินออกมาโทรหายูคยอมที่ระเบียง ไม่นานปลายสายก็กดรับด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงเเบบสุดๆ

     

                "ว่าไงครับ มีอะไรกับเเบม" ผมเเกล้งพูดสุภาพไปงั้นเเหละ ทั้งๆที่ความจริงไม่ใช่คนสุภาพอะไรเท่าไหร่

     

                "ป่าวหรอก ยูคเเค่รู้สึกว่าชีวิตช่วงนี้ของยูคว่างเกิน ก็เลย...จะชวนเเบมไปเที่ยว เมื่อกี้ก็โทรถามยองเเจเเล้วด้วยนะ วันอาทิตย์ยองเเจหยุดงานพอดี เเบมไปป่าว"

     

                "เอ่อ...คือ...เเบมก็อยากไปนะ เเต่เเบมต้องดูเเลมาร์คอ่ะ มาร์คโดนรถเฉี่ยว"

     

                "ทำไมพี่เขาไม่จ้างพยาบาลมาดูเเลหล่ะ หรือไม่ก็นอนโรงบาล ยังไงก็มีคนดูเเล"

     

                "คือที่มาร์คโดนรถเฉี่ยวมันเป็นเพราะเเบมไง"

     

                "อ๋อ ยูคพอจะเข้าใจเเล้วหล่ะ ไม่เป็นไร เเบมไม่ว่างก็ไม่เป็นไรครับ ไว้วันหลังหล่ะกันเนอะ"

     

                "เราขอโทษจริงๆนะยูค เอางี้มั้ย วันอาทิตย์เรามาปาร์ตี้ที่ห้องเเบมกันมั้ย จะได้ประหยัดเวลา ไม่ต้องเดินทาง อีกอย่างมาร์คก็อยู่ข้างๆห้องเเบมเเบมไม่อยากให้มาร์คไปไหนมาไหนด้วย"

     

                "โอเค ยูคเข้าใจเเล้วครับ งั้นไปปาร์ตี้ที่ห้องเเบมก็ได้ครับ เดี๋ยวยูคโทรชอกเเจให้ เเละจัดการซื้อทุกอย่างกับเเจก็ได้ เเบมอยากได้อะไรเป็นพิเศษก็โทรบอกยูคนะครับ"

     

                "ขอบคุณนะยูค ขอบคุณที่เข้าใจเรา"

     

                "ครับ ไม่เป็นไรครับ" ผมยืนยิ้มอยู่คนเดียว มันเป็นความรู้สึกที่ดีนะครับที่เพื่อนเข้าใจเราเเบบนี้ เเต่ก็รู้สึกผิดหน่อยๆเเหละ ที่เพื่อนๆหยุดทั้งที่เเต่ต้องมาปาร์ตี้ที่ห้องผม

     

                "มีอะไรรึป่าวเเบม"

     

                "วันอาทิตย์ เเบมนัดยูคยอมกับยองเเจมาปาร์ตี้ที่ห้อง นี่ก็จะเข้ามาชวนมาร์คด้วย ไปด้วยกันนะ เเบมจะได้ดูเเลมาร์คด้วย"

     

                "ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยววันเสาร์-อาทิตย์ มาร์คไปค้างที่บ้านก็ได้ เเบมออกไปเที่ยวกับเพื่อนก็ได้นะ ไม่เป็นไร"

     

                "ไม่เอาอ่ะ เเบมอยากดูเเลมาร์ค ถ้ามาร์คจะไปค้าง เเบมจะไปด้วย เเบมคิดถึงม๊าเหมือนกัน"

     

                "เเต่ที่บ้านคนอยู่เยอะนะ ไม่ต้องห่วง เเบมไม่ต้องไปก็ได้ ไปเที่ยวกับเพื่อนเถอะ"

     

                "เเต่เเบม....." ผมจะร้องไห้อีกเเล้วนะ มาร์คพูดเหมือนไล่ผมอีกเเล้วอ่ะ

     

     

                ผมเป็นเเบบนี้มาตั้งเเต่วันกลับจากผับคืนนั้นอ่ะ เเค่มาร์คพูดในทำนองเเบบนี้ น้ำตาผมมันพาลจะไหลออกมาดื้อๆ

     

     

                "ก็ได้ๆ ไปกับมาร์คก็ได้ ทำไมเดี๋ยวนี้ร้องไห้ง่ายจัง เป็นพวกเซ้นซิทีฟตั้งเเต่เมื่อไหร่เนี่ย"

     

                "ไม่รู้เหมือนกัน เเล้วมาร์คออกจากห้องมาทำไมเนี่ย จะเอาอะไรทำไมไม่เรียกเเบม"

     

                "เห็นเเบมคุยโทรศัพท์อยู่ มาร์คเเค่จะออกมาหยิบน้ำเฉยๆ"

     

                "เดี๋ยวเเบมไปหยิบให้ กลับเข้าไปนั่งในห้องดีกว่า เดี๋ยวเเบมพยุงเข้าไป" ผมค่อยๆยกเเขนมาร์คขึ้นพาดกับไหล่ตัวเอง ใช้เเขนข้างนึงโอบเอวมาร์คเอาไว้

     

                "กลิ่นคุ้นๆเนอะ กลิ่นเหมือนสบู่กับยาสระผมมาร์คเลย ฟุดฟิดๆๆ"

     

                "เลิกดมเป็นหมาได้เเล้วมาร์ค สบู่มาร์คนั้นเเหละ เเบมขอยืมใช้ก่อน มันหอมดี"

     

                "เเบมใช้กลิ่นนี้ก็เเปลกๆไปอีกเเบบ ปกติมาร์คจะได้กลิ่นอ่อนๆเหมือนสบู่เด็กมากกว่า"

     

                "เเล้วมาร์คชอบเเบบไหนมากกว่า"

     

                "เเบบไหนหรอ??? อ่า... มาร์คชอบเเบบไหนก็ได้ ที่อยู่บนตัวเเบม^_____^"

     

     

     

                มาร์ค ต้วน มันร้ายย!!!!!

     

     

                "ค่อยๆนั่งลง เดี๋ยวเเบมไปหยิบน้ำมาให้" หลังจากที่มาร์คทิ้งระเบิดไว้ลูกใหญ่ ผมก็ค่อยๆประคองมาร์คเข้ามาโดยที่ไม่พูดอะไรกับมาร์คเลย ไม่ใช่ว่าโกรธนะ เเต่เขินอยู่ต่างหาก >///< มาร์คเก่งเรื่องพูดจาเเบงนี้อ่ะ พูดให้ผมเขินเเล้วก็เเซวผมทุกที

     

                "คร้าบบบบผม รีบๆมานะ มาร์คคิดถึง"

     

                "หยุดพูดได้เเล้วมาร์ค นอนไปเลย ไม่ต้องพูดมาก"

     

                "ทำไมอ่ะ ไม่อยากได้ยินเสียงมาร์คหรอครับ มาร์คหลับก็ได้นะ เเต่เเบมต้องมานอนข้างๆ มาร์คจะได้หลับฝันดี"

     

                "บอกให้เลิกพูดไง มาร์ค ต้วน!!! >//<"

     

                "คิกๆๆ อ่ะๆ เลิกเเกล้งก็ได้" มาร์คยอมปล่อยมือผมออกเเต่โดยดี ผมเลยหันไปค้อนให้มาร์คทีนึงเเล้วเดินไปหยิบน้ำมาให้มาร์คตามที่มาร์คขอ มาร์คดื่มน้ำเข้าไปจนหมดเเก้ว ผมเลยรับมาเก็บเอาไว้ ก่อนที่จะเดินออกไป อยู่ๆมาร์คก็พูดขึ้นมา....

     

                "เริ่มง่วงเเล้วอ่ะ ขอนอนก่อนนะ เเล้วเจอกันในฝันนะครับ...ที่รัก"

     

     

                มาร์ค ต้วน!!! มันจะมากเกินไปเเล้วนะเว้ย!!!

     

     

     

     

     

     

    วันเสาร์

     

     

                ผมถูกปลุกตั้งแต่เช้าจากคนที่นอนข้างๆผมในหลายๆวัน มาร์คแต่งตัวเรียบร้อยเตรียมตัวจะออกจากคอนโด ต่างจากผมที่ยังคงนอนอยู่บนเตียง

     

     

                ขี้เกียจอ่ะ บอกมาร์คไม่ไปแล้วได้มั้ยเนี่ย ขี้เกียจลุกชะมัด

     

     

                “ถ้าอีก 5 นาทีไม่ตื่น มาร์คจะไปแล้วนะ” มาร์คก็เป็นแบบนี้อ่ะ ชอบขู่ตลอด ไม่รู้เป็นโรคอะไร แล้วไงหล่ะ ผมก็ต้องทำตามไง

     

     

                ผมค่อยลุกขึ้นนั่งบนเตียงนิ่งๆ พยายามลืมตาอย่างสุดความสามารถ อุ้ย เสื้อเลิกขึ้น โชว์ขาอ่อน แอบเซ็กซี่เบาๆ เดี๋ยวมาร์คเห็นก็คิดว่าผมอ่อยเขาอีก จริงๆก็ไม่ได้อยากจะใส่แต่เชิ้ตกับบ๊อกเซอร์หรอกนะ แต่ใส่แบบนี้นอนแล้วมันโคตรสบายเลยไง ผมถึงได้ชอบใส่

     

     

                “เร็วๆแบมแบม เดี๋ยวม๊ากับป๊ารอทานข้าว” ผมหันไปมองคนที่ยืนสไลด์หน้าจอข้างๆเตียงด้วยหางตา พอมาร์คหันมามองก็รีบลุกอย่างว่องไว

     

     

                ก็ไม่ได้กลัวเท่าไหร่ ก็แค่เกรงใจเฉยๆเท่านั้นแหละ

     

     

                ฮ้าววววววววววว ง่วงๆๆๆ ง่วงกว่านี้มีอีกมั้ย ผมเกาะไหล่มาร์คและเดินตามเหมือนขบวนรถไปเด็กอนุบาลที่มีมาร์คและผมอยู่บนขบวนรถ มาร์คเดินนำไปที่รถเรื่อยๆ พอมาถึง ผมก็ต้องสารถีของวัน เพราะสภาพร่างกายของมาร์คไม่ค่อยอำนวย ถึงแม้ว่ามาร์คจะเริ่มมีแผลตกสะเก็ดบ้างแล้ว แต่อาการปวดหลังยังมีอยู่บ้าง ผมเลยให้เขานั่งเฉยๆจะดีกว่า

     

                วันก่อนผมพึ่งเข้าไปบริษัทมาร์คมา แวะไปเอาเอกสารมาให้มาร์คเซ็น เจอป๊ามาร์คด้วยแหละ ป๊าก็เลยเลี้ยงข้าวตามระเบียบ แล้วยังซื้อฝากมาร์คอีก ก่อนจะกลับผมยังแวะไปซื้อเค้กร้านโปรดของผมด้วยแหละ เมื่อวานก็ไม่ได้ถือว่าตะล่อนเท่าไหร่หรอก ก็แค่ไปหลายที่แล้วปล่อยให้คนป่วยนอนเฝ้าคอนโดแค่นั้น

     

                “ถึงแล้ว ลงกันเถอะ” ผมหันไปบอกคนข้างๆที่นั่งหลับแบบโคตรจะสบายใจ มาร์คค่อยๆตื่นลืมตาขึ้นมามองบ้านหลังใหญ่ของตัวเอง ผมรอให้มาร์คลงก่อนแล้วค่อยขับรถเข้าไปเก็บ

     

                เข้ามาในบ้านผมก็เห็นหลานๆมาร์ควิ่งลงมา หนูน้อยทั้งสองคนเข้ามากอดผมแน่น จนผมต้องก้มตัวลงไปจุ๊บแก้มพวกเธอเบาๆแล้วจับมือให้พาผมไปหาม๊า

     

                “ม๊า สวัสดีครับ คิดถึงม๊าจัง”อดไม่ได้ที่จะไปกอดและหอมแก้มม๊าเหมือนทุกๆครั้งที่มา มาร์คก็ได้แต่ยื่นยิ้มอยู่ข้างๆเวลาที่ผมอ้อนม๊า แล้วมาร์คกลายเป็นหมาหัวเน่า

     

                “ขอบคุณนะแบมที่ดูแลมาร์คให้น่ะ” ม๊ายิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นและอ่อนโยนมากๆ ผมผละจากอ้อมกอดของผู้หญิงที่สวยที่สุดในสายตามาร์ค (มาร์คบอกมา)

     

                “ไม่เป็นไรเลยครับ แบมต่างหากที่ต้องพูดคำนี้ ถ้าวันนั้นไม่ได้มาร์คแบมอาจจะโดนชนไปแล้ว”

     

                “ไม่เป็นอะไรมากด้วยกันทั้งคู่ก็ดีแล้วแหละลูก มากันเหนื่อยๆ ไปนั่งพักกันก่อนเถอะ เดี๋ยวม๊าดูในครัวเสร็จ จะให้เด็กไปตาม” พวกเราสองคนเดินออกมาจากครัว มาร์คนั่งลงที่โซฟาแล้วหยิบรีโมตมาเปิดหาอะไรดู

     

                Hi แบม หวัดดีเฮีย เห็นม๊าบอกว่าจะมาค้างที่นี่กันหรอ กี่วันอ่ะ” โจอี้นั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับผม โดยที่ไม่สนใจมาร์คเท่าไหร่นัก แค่ทักทายกันตามประสาพี่น้องแล้วคุยแต่กับผมเหมือนทุกๆครั้งแทน

     

                “น่าจะอยู่ค้างกันนานๆนะ เราก็พึ่งกลับมาจากเมกา มีของฝากและเรื่องเล่าให้แบมฟังเยอะแยะเลย ถ้าแบมค้างนานกว่านี้เราคงจะได้เล่าให้แบมฟังได้ทุกเรื่องเลย”

     

                “ขี้โม้” ตามาร์คน่ะสนใจทีวีนะ แต่คำพูดอ่ะแขวะโจอี้เต็มๆ แต่พี่น้องคู่นี้เขาก็เป็นแบบนี้กันประจำอ่ะ แขวะกันไปแขวะกันมา แต่ก็รักกันมาก

     

                “นี่แบมอยากได้ขนมป่ะ เราซื้อมาเยอะเลยนะ ขึ้นไปดูกันมั้ย”

     

                “หลอกเด็กน่าอี้ ถ้าอยากให้แบม แกก็ขึ้นไปเอามาให้แบมเลือกดิ่” จริงๆก็อยากจะขึ้นไปเลือกขนมนะ ถ้ามาร์คไม่แทรกขึ้นมาก่อน  เวลาโจอี้บินไปไหนมาไหนก็มักจะซื้อขนม ซื้อของฝากมาให้ผมเยอะมากเลยหล่ะ ตั้งแต่ผมรู้จักกับครอบครัวมาร์ค ผมก็ไม่ค่อยผอมเท่าไหร่ ฮ่าๆๆ

     

                “มันเยอะมากเลยนะเฮีย ผมขนมาไม่ไหวหรอก” โจอี้ก็ยังคงยืนกรานตามเดิม ผมเกือบจะลุกแล้วนะ ถ้ามาร์คไม่หันมาทำตาดุใส่

     

                “งั้นก็ไม่ต้องเอา เดี๋ยวมาร์คพาไปซื้อถึงที่เลยก็ได้” มาร์คลุกขึ้นนั่งดีๆ แล้วหันมาพูดกับผม

     

                “พูดเหมือนตัวเองว่างมากเลย แบมอย่าไปเชื่อเฮีย ก็เห็นแล้วไม่ใช่หรอ พอเฮียเริ่มทำงานก็แทบไม่มีเวลาเลย อย่าไปหวัง.....”

     

     

                ปึก!!

     

     

                “ไปหาม๊าเลยไปอี้” หมอนใบเล็กถูกปาใส่คนที่นั่งตรงข้ามกับผมเต็มๆ ดีที่มาร์คโยนไม่สูงมากเลยโดนแค่อกโจอี้ ถ้าสูงกว่านี้ก็คงจะโดนหน้าเต็มๆ

     

                “ม๊า เฮียยยยย ทำร้ายร่างกายผมอีกแล้วอ่ะม๊า ช่วยอี้ด้วย” โจอี้ยอมเดินออกจากห้องไปจริงๆ ถึงจะโยนหมอนคืนมาร์คแล้วไม่โดนก่อนเดินออกไปก็ตาม

     

     

     

     










     

     

     

    Talk

    พาทหน้าเจอกัน เป็นพาทของมาร์ค ไม่รู้ทุกคนลืมยูคยอมเเละยองเเจไปรึยัง ตอนหน้ามาเเน่ๆ เเล้วมาดูกันว่าพอมาร์คกับยูคยอมเจอกันจะเป็นยังไง

    เห็นคอมเม้นท์ขึ้นถี่ๆเเล้วรู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจ อยากจะเเต่งต่อไวๆเเละลงสัก 5 ตอน 55555555

    ขอบคุณทุกคอมเม้นท์จริงๆนะคะ รวมทั้งคนที่ติดเเท็ก #ฟิคซ้อนกลมบ ด้วยนะคะ ไปติดเเท็กในทวิตกันเยอะๆ

     

    ©
    t
    h
    e
    m
    y
    b
    u
    t
    t
    e
    r
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×