ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เบื้องต้น...กับคณะเทคนิคการแพทย์
.........ตอนนี้ น้องๆม.6หลายคน คงจะกำลังคิดไม่ตกว่าตัวเองจะเลือกเรียนคณะอะไร มหาวิทยาลัยไหนดี เป็นธรรมดาค่ะ อนาคตของตัวเองคิดดีๆคิดนานๆ....หาตัวเองให้เจอ...
.........สำหรับน้องๆที่สนใจ อยากที่จะเรียนคณะเทคนิคการแพทย์ หรือน้องๆที่ยังไม่รู้ว่าจะเรียนอะไร และไม่รู้ว่าเทคนิคการแพทย์ เขาเรียนไปทำไม จบแล้วทำอะไรกิน...พี่ในฐานะนักเทคนิคการแพทย์คนหนึ่ง มีข้อมูลที่น่าสนใจ ดูๆแล้วพอจะเป็นประโยชน์ต่อน้องใช้ประกอบการตัดสินใจ มาแนะนำ....
.........วิชาชีพเทคนิคการพแพทย์ หมายความว่า "วิชาชีพที่กระทำต่อมนุษย์เพื่อให้ได้สิ่งตรวจตัวอย่างทางการแพทย์ และดำเนินการโดยวิธีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการตรวจ ทดสอบ วิเคราะห์ วิจัย และการรายงานผลการตรวจเพื่อการวินิจฉัย การติดตามการรักษา กาพยากรณ์โรค และการป้องกันโรคเพื่อการประเมินภาวะสุขภาพ"....ก่อนตัดสินใจเรียนน้องๆต้องรู้และเข้าใจความหมายของวิชาชีพเทคนิคการแพทย์กันก่อน
......วิชาชีพเทคนิคการแพทย์ มีเปิดสอนอยู่ 9 สถาบัน มี รังสิต, จุฬา, มหิดล,หัวเฉียว, วลัยลักษณ์, ขอนแก่น, เชียงใหม่, นเรศวร, ธรรมศาสตร์ ....พี่เชื่อว่าทุกสถาบัน จบแล้วมีศักดิ์ศรีในความเป็นนักเทคนิคการแพทย์เท่ากัน.....มีคำนำหน้าชื่อ ทนพ. และ ทนพญ. เหมือนกันไม่แบ่งแยกสถาบัน...
......ปี 1 เรียนอะไรกันบ้าง.....
สำหรับปี 1 วิชาที่ต้องเรียนส่วนมากเป็นวิชาพื้นฐานที่เคยเรียนมาบ้างแล้วตอน ม.ปลาย พวก ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิต เนื้อหาก็ไม่ต่างจาก ม.ปลายมากนัก เพียงแค่จะลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น ....
กิจกรรมที่น้องๆปี 1 ต้องทำก็เหมือนๆกับสถาบันอื่นๆ จะมีการรับน้อง
.........จะมีรับน้องคณะ ...งานนี้น้องๆจะต้องไปตามทำความรู้จักกับรุ่นพี่ชั้นปีต่างๆ เพื่อให้น้องๆได้รู้จัก รุ่นพี่ และงานนี้น้องๆจะได้ทำความรู้จักกันเพิ่มมากขึ้นด้วย
........มี Freshy Day Freshy Night เป็นงานรับน้องของมหาวิทยาลัย ....น้องจะได้เข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง ตามคณะต่างๆทั่วมหาวิทยาลัย พี่ๆคณะต่างๆเข้าจะเตรียมเกมส์ไว้ให้น้องๆได้เล่นกัน.....ตอนกลางคืนก็จะมีคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง มีการประกวดดาวเดือนประจำปี.....รับรองงานนี้น้องๆจะได้สนุกกันทั้งวัน
.......สำหรับกิจกรรมที่คณะหลักๆคือ งานกีฬา 9 สถาบันสานสัมพันธ์ เทคนิคการแพทย์ ที่จะจัดขึ้นทุกปี แล้วแต่ว่าปีนั้นๆจะมีมหาวิทยาลัยใดใน 9 สถาบันเป็นเจ้าภาพ....น้องก็จะได้ร่วมแข่งขันกีฬา ที่เน้นสนุกสนาน ได้เจอเพื่อจากมหาวิทยาลัยอื่นๆ....
........กิจกรรมอื่นๆ ก็แล้วแต่ว่าปีนั้นทางมหาวิทยาลัยมีอะไรพิเศษ.....
.........ปี 2 เริ่มยากขึ้น......
ช่วงปี 2 นี้น้องๆจะเริ่มได้เรียนวิชาพื้นฐาน ก่อนจะได้เรียนวิชาคณะ จริงๆตอนปี 3 วิชาพื้นฐาน เช่น
Anatomy = วิชานี้น้องๆที่มีความสนใจด้านนี้อยู่บ้างก็คงจะนึกออก วิชานี้จะสอนเกี่ยวกับร่างกายของคนเรา มีกล้ามเนื้ออะไร อยู่ตรงไหน และที่สำคัญน้องๆจะได้สัมผัสกับอาจารย์ตัวจริงๆ (แต่ไม่ใช่ตัวเป็นๆนะ) .....
Physiology = วิชานี้ว่าด้วยเรื่องกลไกการทำงานของร่างกายมนุษย์ ในส่วนต่างๆ ....น้อง วิชานี้ยากและต้องสอบให้ผ่านไม่อย่างนั้นจะตกรุ่นทันที.....
Biochem = วิชานี้ค่อนข้างตรงและเราจะได้นำไปใช้ในตอนขึ้นวิชาคณะมากที่สุด วิชานี้จะเกี่ยวกับ สารต่างๆในร่างกาย ที่ทำให้มนุษย์เรามีชิวิตอยู่ได้ ....ถ้าสารตัวใดมากขึ้นหรือน้อยลงมันก็จะส่งผลให้ร่างกายทำงานผิดปกติเป็นที่มาของโรคต่างๆ
Miocrobiolgy = เป็นวิชาจุลชีววิทยาพื้นฐาน ที่เริ่มสอนให้เรารู้จักพวกแบคทีเรียชนิดต่างๆทั้งที่ก่อโรคและไม่ก่อโรค.....วิชานี้ยากพอสมควรเพราะน้องๆจะต้องจำชื่อแบคทีเรียเป็นภาษาอังกฤษ....และเช่นกันถ้าวิชานี้ไม่ผ่านก็ตกรุ่นแน่นอน
Pathology = กลไกการเกิดโรคต่างๆของร่างกาย
Analytical Chemistry = เคมีวิเคราะห์ วิชานี้เกี่ยวกับการตรวจวิเคราะห์สารเคมีชนิดต่างๆ มีคำนวณสูตรเคมี มี lab ทดลอง วิชานี้เป็นวิชาปราบเซียน ถ้าคนเข้าใจเคมีก็สบายไปถ้าคนไม่ชอบก็หนักเอาการ......
Genetic = เกี่ยวกับพันธุกรรมต่างๆของมนุษย์ พวก DNA ,โครโมโซม อะไรพวกนี้
Basic Medical technology = วิชาที่ว่าด้วยพื้นฐานทางเทคนิคการแพทย์ล้วนๆ วิชานี้จะทำให้เราได้เจาะเลือดกันจริงๆ (ก็เจาะกันเองนั่นแหล่ะ) ได้เรียนรู้ว่าทำอย่างไรให้ได้สารในร่างกายคน มาวิเคราะห์.....
..........วิชาที่ยกตัวอย่างให้ดู เป็นวิชาพื้นฐานที่จำเป็นต้องสอบให้ผ่าน จึงจะสามารถเรียน ปี 3 ได้อย่างเต็มภาคภูมิ....และถ้าผ่าน ปี 1-2 มาได้ ปี 3- 4 ก็เรียนสบายๆเพราะเป็นวิชาคณะ ที่มีอาจารย์คอยให้คำปรึกษาแนะนำอย่างใกล้ชิด......
..........ขึ้นปี 3 ก็เป็นนักศึกษาคณะเทคนิคการแพทย์เต็มตัว เพราะแต่ละรายวิชาจะเป็นวิชาชีพ ที่จะต้องนำไปใช้ตอนทำงานจริง ส่วนมากวิชาชีพนี่จะเรียนกัน 1-2 เล่มดังนั้นวิชาส่วนใหญ่ จะมี 1 และต่อด้วย 2 ถ้าเรียน 1 ไม่ผ่านก็จะไม่ได้เรียน 2 จะทำให้เสียเวลาไป 1 ปี เพราะ เล่ม 1 จะเปิดแค่ปี ละครั้ง ....น้องๆจึงต้องตั้งใจเรียนให้ผ่าน ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ให้ถามอาจารย์....ปี 3 จะได้เริ่มทำปริญญานิพนธ์
.........ปี 4 เทอม 1 จะเรียนวิชาที่เป็นเล่มต่อเนื่องจากปี 3 แต่จะเน้นการปฏิบัติจริง สามารถนำความรู้ที่เรียนมาไปใช้ในงานประจำวันได้จริง เพราะปี 4 เทอม 2 เราจะต้องออกฝีกงานกัน ไม่ได้เรียนอีกแล้ว จึงเป็นช่วงที่ควรจะเก็บเกี่ยวทุกอย่างให้ได้มากที่สุด.....
.........ปี 4 เทอม 2 ตอนนี้เราก็จะได้ออกไปชมโลกภายนอกกันแล้ว เราจะได้ฝึกภาคปฏิบัติจริง รายวิชาละ 2 ครั้ง ครั้งแรกจะฝึก ที่ห้องปฏิบัติการคณะ ตอนฝึกที่คณะแนะนำให้น้องๆตั้งใจปฏิบัติเพราะเวลาเราออกไปฝึกงานที่ รพ. เราจะได้ทำได้.....
รพ.ที่เราจะได้ไปฝึกงานก็มี รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ, รพ.จุฬา, รพ.วชิร, รพ.ราชวิถี,รพ.เด็ก,รพ.พระนั่งเกล้าฯ, ฯลฯ แต่ละ รพ.ก็จะผลัดเปลี่ยนกันไป ได้ไปหลายที่
........ช่วงปี 4 เรายังมีวิชาที่ต้องเรียนวันเสาร์และอาทิตย์ด้วย คือ กฎหมายวิชาชีพ, และต้องนำเสนอปริญญานิพนธ์ด้วย
........ทั้งหมดนี้เป็นแผนการเรียนอย่างคร่าวๆ ไม่ได้เจาะลึกในรายวิชา ถ้าน้องๆคนไหน สงสัยตรงจุดไหนก็สามารถเมลล์เข้ามาสอบถามกันได้
ท้ายนี้....พี่ขอให้น้องๆทุกคนโชคดี .... กรรมเป็นผลของการกระทำ ใครตั้งใจเรียนมาตลอดก็จะสมหวังในสิ่งที่ตั้งใจ ส่วนใครที่ไม่ค่อยสนใจมากนักก็ขอให้ไม่ต้องรับกรรมมากแล้วกัน
พี่ MT-RSU
.
.........สำหรับน้องๆที่สนใจ อยากที่จะเรียนคณะเทคนิคการแพทย์ หรือน้องๆที่ยังไม่รู้ว่าจะเรียนอะไร และไม่รู้ว่าเทคนิคการแพทย์ เขาเรียนไปทำไม จบแล้วทำอะไรกิน...พี่ในฐานะนักเทคนิคการแพทย์คนหนึ่ง มีข้อมูลที่น่าสนใจ ดูๆแล้วพอจะเป็นประโยชน์ต่อน้องใช้ประกอบการตัดสินใจ มาแนะนำ....
.........วิชาชีพเทคนิคการพแพทย์ หมายความว่า "วิชาชีพที่กระทำต่อมนุษย์เพื่อให้ได้สิ่งตรวจตัวอย่างทางการแพทย์ และดำเนินการโดยวิธีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการตรวจ ทดสอบ วิเคราะห์ วิจัย และการรายงานผลการตรวจเพื่อการวินิจฉัย การติดตามการรักษา กาพยากรณ์โรค และการป้องกันโรคเพื่อการประเมินภาวะสุขภาพ"....ก่อนตัดสินใจเรียนน้องๆต้องรู้และเข้าใจความหมายของวิชาชีพเทคนิคการแพทย์กันก่อน
......วิชาชีพเทคนิคการแพทย์ มีเปิดสอนอยู่ 9 สถาบัน มี รังสิต, จุฬา, มหิดล,หัวเฉียว, วลัยลักษณ์, ขอนแก่น, เชียงใหม่, นเรศวร, ธรรมศาสตร์ ....พี่เชื่อว่าทุกสถาบัน จบแล้วมีศักดิ์ศรีในความเป็นนักเทคนิคการแพทย์เท่ากัน.....มีคำนำหน้าชื่อ ทนพ. และ ทนพญ. เหมือนกันไม่แบ่งแยกสถาบัน...
......ปี 1 เรียนอะไรกันบ้าง.....
สำหรับปี 1 วิชาที่ต้องเรียนส่วนมากเป็นวิชาพื้นฐานที่เคยเรียนมาบ้างแล้วตอน ม.ปลาย พวก ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิต เนื้อหาก็ไม่ต่างจาก ม.ปลายมากนัก เพียงแค่จะลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น ....
กิจกรรมที่น้องๆปี 1 ต้องทำก็เหมือนๆกับสถาบันอื่นๆ จะมีการรับน้อง
.........จะมีรับน้องคณะ ...งานนี้น้องๆจะต้องไปตามทำความรู้จักกับรุ่นพี่ชั้นปีต่างๆ เพื่อให้น้องๆได้รู้จัก รุ่นพี่ และงานนี้น้องๆจะได้ทำความรู้จักกันเพิ่มมากขึ้นด้วย
........มี Freshy Day Freshy Night เป็นงานรับน้องของมหาวิทยาลัย ....น้องจะได้เข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง ตามคณะต่างๆทั่วมหาวิทยาลัย พี่ๆคณะต่างๆเข้าจะเตรียมเกมส์ไว้ให้น้องๆได้เล่นกัน.....ตอนกลางคืนก็จะมีคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง มีการประกวดดาวเดือนประจำปี.....รับรองงานนี้น้องๆจะได้สนุกกันทั้งวัน
.......สำหรับกิจกรรมที่คณะหลักๆคือ งานกีฬา 9 สถาบันสานสัมพันธ์ เทคนิคการแพทย์ ที่จะจัดขึ้นทุกปี แล้วแต่ว่าปีนั้นๆจะมีมหาวิทยาลัยใดใน 9 สถาบันเป็นเจ้าภาพ....น้องก็จะได้ร่วมแข่งขันกีฬา ที่เน้นสนุกสนาน ได้เจอเพื่อจากมหาวิทยาลัยอื่นๆ....
........กิจกรรมอื่นๆ ก็แล้วแต่ว่าปีนั้นทางมหาวิทยาลัยมีอะไรพิเศษ.....
.........ปี 2 เริ่มยากขึ้น......
ช่วงปี 2 นี้น้องๆจะเริ่มได้เรียนวิชาพื้นฐาน ก่อนจะได้เรียนวิชาคณะ จริงๆตอนปี 3 วิชาพื้นฐาน เช่น
Anatomy = วิชานี้น้องๆที่มีความสนใจด้านนี้อยู่บ้างก็คงจะนึกออก วิชานี้จะสอนเกี่ยวกับร่างกายของคนเรา มีกล้ามเนื้ออะไร อยู่ตรงไหน และที่สำคัญน้องๆจะได้สัมผัสกับอาจารย์ตัวจริงๆ (แต่ไม่ใช่ตัวเป็นๆนะ) .....
Physiology = วิชานี้ว่าด้วยเรื่องกลไกการทำงานของร่างกายมนุษย์ ในส่วนต่างๆ ....น้อง วิชานี้ยากและต้องสอบให้ผ่านไม่อย่างนั้นจะตกรุ่นทันที.....
Biochem = วิชานี้ค่อนข้างตรงและเราจะได้นำไปใช้ในตอนขึ้นวิชาคณะมากที่สุด วิชานี้จะเกี่ยวกับ สารต่างๆในร่างกาย ที่ทำให้มนุษย์เรามีชิวิตอยู่ได้ ....ถ้าสารตัวใดมากขึ้นหรือน้อยลงมันก็จะส่งผลให้ร่างกายทำงานผิดปกติเป็นที่มาของโรคต่างๆ
Miocrobiolgy = เป็นวิชาจุลชีววิทยาพื้นฐาน ที่เริ่มสอนให้เรารู้จักพวกแบคทีเรียชนิดต่างๆทั้งที่ก่อโรคและไม่ก่อโรค.....วิชานี้ยากพอสมควรเพราะน้องๆจะต้องจำชื่อแบคทีเรียเป็นภาษาอังกฤษ....และเช่นกันถ้าวิชานี้ไม่ผ่านก็ตกรุ่นแน่นอน
Pathology = กลไกการเกิดโรคต่างๆของร่างกาย
Analytical Chemistry = เคมีวิเคราะห์ วิชานี้เกี่ยวกับการตรวจวิเคราะห์สารเคมีชนิดต่างๆ มีคำนวณสูตรเคมี มี lab ทดลอง วิชานี้เป็นวิชาปราบเซียน ถ้าคนเข้าใจเคมีก็สบายไปถ้าคนไม่ชอบก็หนักเอาการ......
Genetic = เกี่ยวกับพันธุกรรมต่างๆของมนุษย์ พวก DNA ,โครโมโซม อะไรพวกนี้
Basic Medical technology = วิชาที่ว่าด้วยพื้นฐานทางเทคนิคการแพทย์ล้วนๆ วิชานี้จะทำให้เราได้เจาะเลือดกันจริงๆ (ก็เจาะกันเองนั่นแหล่ะ) ได้เรียนรู้ว่าทำอย่างไรให้ได้สารในร่างกายคน มาวิเคราะห์.....
..........วิชาที่ยกตัวอย่างให้ดู เป็นวิชาพื้นฐานที่จำเป็นต้องสอบให้ผ่าน จึงจะสามารถเรียน ปี 3 ได้อย่างเต็มภาคภูมิ....และถ้าผ่าน ปี 1-2 มาได้ ปี 3- 4 ก็เรียนสบายๆเพราะเป็นวิชาคณะ ที่มีอาจารย์คอยให้คำปรึกษาแนะนำอย่างใกล้ชิด......
..........ขึ้นปี 3 ก็เป็นนักศึกษาคณะเทคนิคการแพทย์เต็มตัว เพราะแต่ละรายวิชาจะเป็นวิชาชีพ ที่จะต้องนำไปใช้ตอนทำงานจริง ส่วนมากวิชาชีพนี่จะเรียนกัน 1-2 เล่มดังนั้นวิชาส่วนใหญ่ จะมี 1 และต่อด้วย 2 ถ้าเรียน 1 ไม่ผ่านก็จะไม่ได้เรียน 2 จะทำให้เสียเวลาไป 1 ปี เพราะ เล่ม 1 จะเปิดแค่ปี ละครั้ง ....น้องๆจึงต้องตั้งใจเรียนให้ผ่าน ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ให้ถามอาจารย์....ปี 3 จะได้เริ่มทำปริญญานิพนธ์
.........ปี 4 เทอม 1 จะเรียนวิชาที่เป็นเล่มต่อเนื่องจากปี 3 แต่จะเน้นการปฏิบัติจริง สามารถนำความรู้ที่เรียนมาไปใช้ในงานประจำวันได้จริง เพราะปี 4 เทอม 2 เราจะต้องออกฝีกงานกัน ไม่ได้เรียนอีกแล้ว จึงเป็นช่วงที่ควรจะเก็บเกี่ยวทุกอย่างให้ได้มากที่สุด.....
.........ปี 4 เทอม 2 ตอนนี้เราก็จะได้ออกไปชมโลกภายนอกกันแล้ว เราจะได้ฝึกภาคปฏิบัติจริง รายวิชาละ 2 ครั้ง ครั้งแรกจะฝึก ที่ห้องปฏิบัติการคณะ ตอนฝึกที่คณะแนะนำให้น้องๆตั้งใจปฏิบัติเพราะเวลาเราออกไปฝึกงานที่ รพ. เราจะได้ทำได้.....
รพ.ที่เราจะได้ไปฝึกงานก็มี รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ, รพ.จุฬา, รพ.วชิร, รพ.ราชวิถี,รพ.เด็ก,รพ.พระนั่งเกล้าฯ, ฯลฯ แต่ละ รพ.ก็จะผลัดเปลี่ยนกันไป ได้ไปหลายที่
........ช่วงปี 4 เรายังมีวิชาที่ต้องเรียนวันเสาร์และอาทิตย์ด้วย คือ กฎหมายวิชาชีพ, และต้องนำเสนอปริญญานิพนธ์ด้วย
........ทั้งหมดนี้เป็นแผนการเรียนอย่างคร่าวๆ ไม่ได้เจาะลึกในรายวิชา ถ้าน้องๆคนไหน สงสัยตรงจุดไหนก็สามารถเมลล์เข้ามาสอบถามกันได้
ท้ายนี้....พี่ขอให้น้องๆทุกคนโชคดี .... กรรมเป็นผลของการกระทำ ใครตั้งใจเรียนมาตลอดก็จะสมหวังในสิ่งที่ตั้งใจ ส่วนใครที่ไม่ค่อยสนใจมากนักก็ขอให้ไม่ต้องรับกรรมมากแล้วกัน
พี่ MT-RSU
.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น