คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ส่งตัวละคร
Application
"ลื้ออย่าทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นสิ
ไปหาอะไรคลายเครียดกันดีกว่าน่า"
ชื่อ-นามสกุล : จิวซื่อ เฟยหลิง | Jiu shi Fei Ling
ชื่อเล่น : อาซื่อ/จิว | A Shi /Jiu
สัญชาติ : ไต้หวัน
เพศ : ชาย
ฉายา : พยัคฆ์เจ้าสำราญ
(เป็นเพราะบุคลิคภายนอกที่ดูเป็นคนกะล่อนมาก)
วันเกิด : 11 สิงหาคม
กรุ๊ปเลือด : O
อายุ : 18 ปี
ระดับชั้น : ม.5
ชมรม : ร้องเพลง (หรือประสานเสียงก็ได้นะคะ)
ฐานะ : ร่ำรวย
ลักษณะภายนอก : ชายหนุ่มที่มีผิวกายค่อนข้างขาว
เส้นผมสีเทาหม่นพร้อมทั้ง
ดวงตาสีเทาที่ค่อนข้างหายากสำหรับคนปกติ
รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าคือจุดเด่น
ของเขาด้วยรอยยิ้มที่ดูกะล่อนและขี้เล่นมีอารมร์ขันของเขานี่แหละ
ไม่ว่าผู้หญิง
คนไหนเขามาคุยด้วยเป็นต้องรู้สึกดีไปตามๆกัน ส่วนสูงประมาณ 180 น้ำหนัก65
อุปนิสัย : โดยปกติแล้วในสายตาของคนอื่นอาซื่อจะถูกมองว่าเป็นผู้ชายที่ค่อน
ข้างจะชอบเข้าสังคมเป็นเด็กกิจกรรมที่มักจะเป็นจุดเด่น
หรือบางคนอาจจะมอง
ว่าเขาเป็นหนุ่มกะล่อน เจ้าสำราญ เป็นคนที่มีแรงดึงดูด
ชวนให้เข้าหาเพราะว่า
เข้ากับคนอื่นได้ง่ายและชอบยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ชวนให้คนอื่นอ่อนไหวได้ง่ายๆ
ชอบพูดแทนตัวเองว่า ‘อั้ว’ และเรียกคนอื่นว่า ‘ลื้อ’
แต่จะไม่พูดกับการพูดใน
งานพิธีการกับคนที่ค่อนข้างพิเศษ นอกจากจะเข้าสังคมเก่งแล้วเจ้าตัวยังเป็น
คนที่ตลกมีอารมณ์ขัน
สามารถทำให้ใครหลายๆคนที่กำลังเครียดอยู่รู้สึกดีขึ้นมา
ได้ด้วยเหมือนกันซึ่งดูจากนิสัยก็คงเดาได้ไม่ยากว่าเขาเป็นคนง่ายๆ
สบายๆ
และบุคลิคที่เป็นคนร่าเริงแจ่มใสตลอดเวลาทำให้เขาเป็นคนค่อนข้างขี้แกล้ง
ถ้าเกิดว่าเขาเห็นว่าอีกฝ่ายน่าแกล้งล่ะก็นะ เห็นแบบนี้อาซื่อก็เป็นคนปากร้ายอยู่
เหมือนกันแถมขี้บ่น(?) ขี้โวยวาย อีกต่างหาก
บ้างครั้งก็ชอบพูดจู้จี้จุกจิก(?)เหมือนคุณพ่อ
ด้วย นั่นเป็นเพราะว่าเขาทำงานมาตั้งแต่เด็กเจออะไรมาเยอะ
พอเห็นอะไรที่น่า
จะไม่ได้ทางเลือกที่ดีก็เป็นต้องบ่น
เขาไม่ค่อยซีเรียสเรื่องเรียนเท่าไหร่แต่ก็ไม่ถึง
ขั้นกับปล่อยประละเลย
เขาไม่ใช่เด็กหลังห้องแต่ก็ไม่ใช่เด็กหน้าห้อง เจ้าตัวเป็น
คนที่ชอบแหย่และชอบแซวคนอื่นมาก
แต่เขาจะไม่ล้อพวกปมให้คนอื่นเสียใจนะ
เพราะลึกๆแล้ว เขาเข้าใจมันดีเลยล่ะ
ถือว่าค่อนข้างจะพูดสุภาพพอตัวแต่ก็ยัง
ยึดอยู่ในความเป็นหนุ่มขี้เล่นอยู่ดี
เวลาอยู่โรงเรียนช่วงพักถ้าไม่ไปเข้าร่วมเล่น
กับพวกที่เล่นกีฬาอยู่ก็ชอบเดินเล่น(?)
แต่ถ้าไม่มีอะไรทำจริงๆก็จะไปป่วนคน
นู้นคนนี้ไปเรื่อย
ถึงจะดูขี้เล่นง่ายๆสบายๆแบบนี้ แต่ก็เป็นคนที่ใส่ใจกับพวก
เรื่องละเอียดๆและควรใช้ในความประณีตมาก โดยเฉพาะการทำอาหาร งาน
ศิลปะ หรือการเล่นดนตรี และเขาจะไม่ชอบเอามากๆถ้ามีใครบางคนไปดูถูก
ฝีมือเรื่องพวกนี้ของคนอื่น อย่างเช่นเวลามีใครบางคนเล่นดนตรีอยู่
เขาจะ
พยายามทำให้รอบๆเงียบลงเพื่อไม่ให้รบกวนและเฝ้ามองอย่างเงียบๆ
ถึงวาดรูปไม่สวยเขาก็จะไม่ดูถูกรูปนะ
ในความคิดของเขาคือก็ในเมื่อคนๆ
นั้นทำด้วยใจ เราเองก็ควรใช้ใจมองเหมือนกัน
และให้คำแนะนำนิดๆหน่อยไป
ซึ่งขัดกับบุคลิคภายนอกจึงทำดูคล้ายพ่อศรีเรือน(?)มากๆ
แต่นั่นก็เป็นเสน่ห์ดึงดูดอย่างหนึ่งของอาซื่อ
เขาอาจจะให้คำปรึกษาไม่
ค่อยเก่งเท่าไหร่แต่ว่าเป็นคนที่หากใครต้องการความช่วยเหลือก็ยินดีที่จะเข้าไปช่วยเสมอ
เวลาคุยกับเขาก็อย่าได้แปลกใจถ้าเกิดบางครั้งดูเหมือนว่าเขาจะอ่าน
ใจคุณได้
เพราะดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะคาดเดาความคิดของคนอื่นได้เก่งเหมือนกัน
ถ้าเกิดกำลังคิดว่าควรจะทำของขวัญอะไรให้เพื่อนหรือคนพิเศษก็แล้วแต่
เขา
จะเป็นคนที่เสนอไอเดียได้ดีมากเลยล่ะ
เขาเป็นคนที่มักจะมีรอยยิ้มบนใบหน้า
เสมอ เป็นรอยยิ้มที่สดใสร่าเริง
ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นหนุ่มเจ้าสำราญนะแต่
ไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มที่จะเข้าหาก่อน
เขาอาจจะตอบรับไปก็จริงแต่สุดท้ายแล้ว
เมื่อผู้หญิงเจอคนใหม่สุดท้ายก็จากไปอยู่ดีแถมเขาก็ไม่เคยคิดจริงจังอะไรกับผู้
หญิงแบบนี้ด้วยแต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรนะ
เขาไม่เคยทำอะไร
ที่ไม่ดีไปหรอก ถ้าเกิดอีกฝ่ายมีปัญหาเมื่อไหร่เขาก็ยินดีรับฟังภายในของอาซื่อ
ความจริงแล้วเป็นคนที่ใจดีและอ่อนโยนเอามากๆ ถ้าเกิดรักใครขึ้นมาจะเอาใจใส่ดูแล
และพยายามหาเวลาให้เสมอแต่ความอ่อนโยนนี้กลับแทบจะไม่มีใครเคยเห็น
จึงเรียกได้ว่า กะล่อนแต่อ่อนโยน
และอีกอย่างของเขาก็คือมักมีเรื่องให้เศร้า
ตลอดแต่ไม่พูดและยิ้ม
เพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้เรื่องปมในใจของเขาแต่บาง
ทีอาซื่อเองก็ต้องการให้ใครซักคนมารับฟังเขาเหมือนกัน
เวลาโกรธนิดหน่อย
จะดูไม่ค่อยออกหรอกว่าเขากำลังหงุดหงิดแต่จะสังเกตด้วยน้ำเสียงและคิ้ว
ที่เริ่มขมวดเข้าหากันแต่ถ้าโกรธเข้ามากๆเขากลับไม่แสดงออกใดๆออกมาเลย
แต่มักจะเงียบและเดินจากไป
แต่ถ้าทนไม่ไหวเพราะอีกฝ่ายดูถูกหรืออะไรก็
แล้วแต่ระวังเขาจะเข้าไปต่อยหน้าล่ะ(...)
เวลาเศร้าจะสามารถดูออกและรู้
ได้ในทันที
ถ้าเกิดเขาไว้ใจเขาก็อาจจะพูดให้ฟังว่าเขากำลังคิดอะไร เมื่อมี
ปัญหาเขาจะไม่เก็บไว้แต่จะพูดและแก้ไขปัญหาตรงๆเพราะเขาเป็นพวกไม่ชอบ
อารมณ์ค้างคาใจ ชอบเข้าสังคมแต่ว่าขี้เหงา
ด้วยเหตุนี้เขาจึงชอบเข้ากลุ่มไปคุย
กับคนอื่นเสมอๆ
ไม่ใช่คนเอาแต่ใจแต่มักจะต่อรองแทน(?) อาทิเช่นเขาเสนอที่
จะเล่นเกมอะไรซักอย่าง
หากชนะผู้ชนะก็ย่อมขออะไรก็ได้ เป็นคนที่ชอบแหย่
ชอบแซวแต่ให้เกียรติ์คนอื่นเสมอ
เขาจะไม่ลามปามแต่ไม่ใช้คำพูดส่อเสียด
เพราะเจ้าตัวคิดว่าอีกฝ่ายคงจะเสียใจน่าดู
ดูเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจกับอะไรแต่ว่า
จะนึกถึงจิตใจของอีกฝ่ายก่อนเสมอว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร
แต่ถ้าเขาไม่ชอบก็จะ
พูดออกไปตรงๆเลยว่าไม่ชอบ
เป็นพวกที่ชอบพูดอะไรให้คิดลึก(?)แต่ความจริง
แล้วกลับไม่มีอะไร
นั่นก็เป็นอีกเหตุผลที่อยากให้อีกฝ่ายหายเครียดและยิ้มออก
มาในฉบับของเขา
ยิ่งใครเป็นคนพิเศษสำหรับเขาจะยิ่งเห็นด้านที่อ่อนโยนของ
เขามากขึ้น
เขาดูไม่ค่อยจริงจังแต่ถ้าเป็นคนสำคัญจะจริงจังเสมอ ไม่ว่าจะเกิด
อะไรขึ้นเขานี่แหละจะเป็นคนที่คอยเป็นห่วงแถมยังเป็นคนเอาการเอางานด้วย
ถ้าตั้งใจอะไรก็จะทำเต็มที่ อาซื่อเป็นคนที่โรแมนติกแบบผู้ใหญ่
คอยดูแลเอาใจใส่ไม่ใช่อะไรที่หวือหวาแค่เข้าใจกันก็พอ
ถ้าอยากเห็นใบหน้า
ที่มีรอยยิ้มอันอ่อนโยน(ปกติจะเป็นรอยยิ้มขี้เล่น)หรือใบหน้าที่จริงจังของเขาล่ะ
ก็หากเป็นคนสำคัญของเขาจริงๆ
อาจจะได้เห็นก็ได้นะ
สิ่งที่ชอบ : โมเดลเครื่องบินกระดาษ(เวลาว่างๆเขาจะชอบนั่งพับโมเดล
ถ้าได้
เข้าไปในห้องนอนของเขานะ จะมีเครื่องบินกระดาษห้อยอยู่บนเพดานด้วย)
น้ำผลไม้(เห็นแบบนี้แต่อาซื่อเป็นคนที่รักสุขภาพมากๆเลย) เสียงดนตรี(เพราะ
ดนตรีทำให้จิตใจของเขาสงบ) งานศิลปะและการเย็บปักถักร้อย (เวลาว่าง
เขามักจะเย็บตุ๊กตาแต่ถ้าอารมณ์ไม่ดีละก็จะชอบไประบายอารมณ์จนงานออก
มาเป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าดีขึ้นเมื่อไหร่ก็จะกลับไปแก้งานเอง)
การทำอาหาร(มันทำให้เขามีความสุขแต่ถ้าอารมณ์ไม่ดีจะไม่ลงกับอาหารเด็ด
ขาดเพราะมันเสียดายของ…เพียงแต่รสชาติจะแปลกไป)
สุนัข(เขาชอบความร่าเริงของมันเหมือนกับว่าตัวเองมีเพื่อนคอยอยู่ข้างๆ
สมัยที่เขาตาบอดก็ได้สุนัขคอยช่วยดูทางให้) เด็ก(เพราะเวลาคุยด้วยมันไม่มีอะไร
ต้องเครียด อยู่แล้วสบายใจ)
ทาร์ตผลไม้(ต้องไม่หวานจนเกินไปเขาถึงจะยอมกิน)
สิ่งที่ไม่ชอบ : แตงกวา(?)
>เจ้าตัวบอกว่ามันแหยะๆรู้สึกแปลกๆ เลยไม่ชอบ
อาหารหวานจัด >เจ้าตัวบอกว่ากินแล้วมึนหัว
ไม่ค่อยชอบแถมแสบคอด้วย
ซอสมะเขือเทศและซอสพริก >เจ้าตัวบอกว่ากินแล้วมันแสบคอ
สิ่งที่เกลียด : ผู้หญิงเห็นแก่ได้>ตอนเด็กๆเคยถูกคนแบบนี้รังแก จนตัวเองบาดเจ็บ
พวกที่ชอบดูถูกความคิดของคนอื่น>เขาเห็นแล้วรู้สึกรำคาญตาเพราะว่ามันทำ
ใครบางคนที่ได้ยินต้องร้องไห้
โชคชะตา>เขาไม่เคยเชื่อในสิ่งนี้ออกจะเกลียดเอามากๆเพราะว่าสิ่งที่ทำให้ตัวเอง
อยู่ดีได้วันนี้ก็เพราะตัวเองทั้งนั้น
ดวงตา>เขาเกลียดและกลัวที่มันจะมองไม่เห็นอีกครั้งและจะทำให้ตัวเองทำอะไรไม่ได้
ช่วยเหลือใครก็ไม่ได้ จึงเกลียดมันที่ทำให้ตนเองเหมือนคนไร้ค่า
สิ่งที่กลัว : ความมืด ความโดดเดี่ยว>ติดนิสัยมาจากตอนที่ตาบอดมาหลายปี
เพราะเขาไม่รับรู้อะไรนอกจากเสียงและสัมผัส
เหมือนกับว่าโลกที่เคยสว่าง
สุดท้ายก็ดับมืดลงไม่เหลืออะไร การไม่เป็นที่ต้องการ>เขากลัวว่าตัวเองจะไม่
เป็นประโยชน์กับคนอื่นและเป็นตัวน่ารำคาญ ผีเสื้อ>เคยประสบเหตุการณ์สมัย
เด็กที่ว่าเปิดตู้หนึ่งออกมาแล้วมีฝูงผีเสื้อบินใส่หน้า(….)
การแสดงที่ต้องอยู่ต่อหน้าคนเยอะๆหรือบนเวที>สมัยเด็กที่เคยแสดง เมื่อหยุด
กลางคันมักจะมีเสียงซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์จึงทำให้เขากลัวเสียงซุบซิบที่ดังก้องในหู
แม้จะไม่แสดงออกจะสังเกตได้จากเหงื่อที่ซึมออกมามากกว่าปกติ
กลัวการสูญเสีย>เพราะได้ยินข่าวร้ายว่าแม่บาดเจ็บสาหัสแม้ว่า
จะปลอดภัย แต่ความกลัวที่จะต้องเสียคนที่รักไปยังคงอยู่ในใจ
สิ่งที่แพ้ : -
ความสามารถพิเศษ : -งานเย็บปักถักร้อยกับงานประณีตที่โดดเด่นมาก
-การร้องเพลง
-เล่นดนตรี(กีต้าร์)
-ทำอาหารเก่งสุดๆ
เก่งยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก(?)
ลักษณะการพูด :
ลื้ออยากให้อั้วช่วยอะไรรึเปล่า?>พูดกับคนทั่วไปด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มที่
สดใส
เห…ดูเหมือนว่าลื้ออยากจะมีปัญหากับอั้วนะ?>พูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลงนิด
หน่อยแต่ยังคงยิ้มออกมาปกติ
ขอโทษนะแต่อั้วไม่ค่อยชอบให้ลื้อทำนิสัยแบบนั้นเท่าไหร่น่ะ…>เวลามีคน
ทำนิสัยที่ทำให้ไม่พอใจหรือรำคาญแต่ยังคงยิ้มอย่างสุภาพ
ลื้อจะคนที่ไม่เอาการเอางานแบบนี้มาทำงานเหรอ!
อั้วไม่ยอมนะ ขืนปล่อย
ไว้แบบนี้คอยช่วยตลอด
ก็ทำอะไรไม่เป็นกันพอดี>พูดเวลาโวยวายพร้อมกับ
บ่นไปด้วยอย่างท่าทางไม่พอใจที่ชัดเจน
โธ่…คราวหลังมีอะไรก็บอกสิ
อย่าปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ ฉันเป็นห่วงนะ
รู้ไหม?>เขาพูดไปบ่นไปด้วยความเป็นห่วงด้วยสีหน้าที่จริงจังและเป็นห่วงมาก
กับคนที่ตัวเองชอบ
เธอเนี่ยเป็นแบบนี้ทุกทีเลยนะ
อย่าเครียดไปเลยเรามาช่วยกันแก้ไขกันดี
กว่า…นะ?>พูดพลางยีผมคนที่ชอบด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงที่อ่อนโยน
ทำไมทุกอย่างถึงมืดไปหมดล่ะ…?
ไม่เอาแล้ว ไม่เอานะ ฉันไม่อยากอยู่ใน
ความมืดแบบนี้อีกแล้ว!>พูดเมื่อตัวเองเกิดอาการตาบอดชั่วคราวขึ้นมาตอน
กำลังสับสน
บางครั้งถ้าหนักเอามากๆก็ถึงกับนั่งกอดเข่าร้องไห้เลยล่ะ
ประวัติ : ที่บ้านมีฐานะที่ร่ำรวยมากแต่ไม่ได้ร่ำรวยเพราะสมบัติที่มีมาจากต้น
ตระกูลแต่เป็นเพราะน้ำพักน้ำแรงของเขาและผู้เป็นพ่อและแม่ต่างหาก
ปัจจุบันทางบ้านทำธุรกิจส่งออกขนมไหว้พระจันทร์ชื่อดัง
ทางบ้านของเขา
ต่างก็เคยพบเจอสถานการณ์ที่ลำบากและเลวร้ายมาก่อน
เมื่อพบคนที่ตกทุกข์
ได้ยากก็มักจะเข้าไปช่วยเหลือจนอีกฝ่ายสามารถดูแลตนเองได้
ในสมัยก่อน
ตอนที่อาซื่ออายุได้ประมาณ5-7ขวบก็ต้องทำงานช่วยพ่อแม่ซะแล้ว แม้ว่าจะไม่
สามารถช่วยทำงานด้านนอกได้ตลอดแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ชอบ
แอบไปเย็บตุ๊กตาด้วยตัวเอง พอไปที่โรงเรียนก็จะนำไปขาย
เขาทำแบบนี้เป็น
ประจำทุกวัน…ทุกวัน ในฐานะลูกคนหนึ่งก็ควรจะทำให้พ่อกับแม่มีความสุข
เขารู้สึกแย่ทุกครั้งที่ต้องเห็นพ่อกับแม่ของตนเหนื่อย
ทำงานทุกวัน แม้ว่าร่าง
กายของเขาที่ยังเด็กจะเหนื่อยและอ่อนล้าแค่ไหน
เขาก็จะยิ้มและทำทุกอย่าง
ที่เขาคิดว่ามันตลกหรือทำให้พ่อกับแม่มีความสุขได้
เขายังคงทำแบบนี้ทุกครั้ง
ตอนที่เขาอายุได้9ขวบ
ดูเหมือนทุกๆอย่างค่อยๆดีขึ้น ฐานะของพวกเขาเริ่ม
เป็นอยู่ดีขึ้นแม้ว่าจะไม่มากก็ตาม
ในขณะที่คิดว่าทุกอย่างจะค่อยๆดีขึ้นแต่
สุดท้ายก็จบลง
ในวันหนึ่งขณะที่อาซื่อกำลังขายตุ๊กตาอยู่ก็ถูกกลุ่มเด็กรุ่นพี่ที่
มาจากฐานะที่ร่ำรวยรังแก
หนึ่งในนั้นที่เป็นผู้หญิงอยากได้ตุ๊กตา พวกนั้นจึง
พยายามเข้ามาแย่งตุ๊กตา
แต่ด้วยกำลังที่มากกว่าก็ทำให้ร่างของเขาถูกผลัก
ล้มลงจนหัวไปกระแทกก้อนหินเข้าอย่างจัง
แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ตั้งใจให้เรื่อง
ร้ายแรงแบบนี้แต่ด้วยสมองที่ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงก็ทำให้
‘ดวงตา’ ของอาซื่อบอดสนิท กลุ่มเด็กพวกนั้นตกใจจนวิ่งหนีไปไม่มีใครช่วย
เขาเลยจนได้เด็กคนหนึ่งที่อยู่ชั้นเดียวกันช่วยเอาไว้(มาร์คัสเองค่ะ)
ด้วยค่า
รักษาที่สูงมากทางบ้านก็ไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายได้
แต่เพราะได้เพื่อนร่วมชั้น
ที่ช่วยออกค่ารักษาให้
อาซื่อต้องทนอยู่กับโลกที่มืดสนิทมาโดยตลอด เขากลัว
ที่จะต้องเป็นภาระและหวาดกลัวการที่เหมือนตกอยู่ในความมืดตลอดเวลา
เขาพยายามทุกวิธีทางที่จะช่วยพ่อกับแม่
สุดท้ายเขาก็พบว่าตนเองสามารถ
ร้องเพลงได้
เขาร้องเพลงเพื่อหาเงินให้กับพ่อแม่จนกระทั่งอายุได้12ปี
ในตอนนี้เขาก็มีโทรศัพท์ถูกๆที่พอจะโทรเข้าโทรออกได้
แต่ก็เกิดเรื่องไม่คาด
ฝัน
ในขณะที่เขากำลังร้องเพลงในงานโรงเรียนดูเหมือนว่าเสียงโทรศัพท์จะดัง
ขัดจังหวะขึ้นมา สิ่งที่ได้รับก็คือข่าวร้าย แม่ของเขาประสบอุบัติเหตุได้รับบาด
เจ็บสาหัส ในวันนั้นระหว่างที่รีบร้อนไปหาแม่
อาซื่อก็ตกบันไดหัวกระทบกระ
เทือนอีกครั้ง โชคยังดีที่ทั้งสองรอดมาได้
ส่วนค่ารักษาก็ได้เพื่อนคนเดิมช่วยไว้
และอย่างกับความฝันที่ดวงตาของเขากลับมามองเห็นอีกครั้ง
เมื่อโตขึ้นม.ต้น
ก็ยังคงช่วยเหลือพ่อแม่ต่อไป
เขาพยายามทำตัวเช่นเดิมคือ ‘ยิ้มแย้มเสมอ’
ภายหลังทางบ้านที่ให้ความสนใจทางด้านขนมก็สามารถทำขนมไหว้พระจันทร์
ที่มีรสชาติอร่อยและเป็นเอกลักษณ์ขึ้นมาได้
จึงทำให้ครอบครัวของเขาก่อร่าง
สร้างตัวได้ถึงวันนี้
เพิ่มเติม: -เขาเป็นเพื่อนสนิทของมาร์คัส
-ความจริงแล้วต้องอยู่ชั้นม.6
แต่กลับมาซ้ำชั้นเพราะว่าไปเรียน
แลกเปลี่ยนมา1ปี
-นอกจากคำนวณกับภาษา(ช่วยกิจการที่บ้านแล้วก็เคยไปเรียน
แลกเปลี่ยน) วิชาอื่นๆดันไม่ค่อยเด่นถือว่าพอไปรอดแต่กับวิชาการจำนี่…
ห่วยสุดๆไปเลย
-เลี้ยงสุนัขพันธุ์โกลเด้นไว้หนึ่งตัว
ชื่อว่า ‘วิน’(เขาชอบนั่งคุยกับมันล่ะ)
-แม้ตาจะกลับมาเป็นปกติ
แต่ก็ยังมีอาการตาบอดชั่วคราวอยู่
ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้มาจากร่างกายเหมือนรายอื่นที่เป็นกัน
แต่สาเหตุของเขา
ดูท่าจะเป็นปมในใจ
พอเกิดอาการสับสนอย่างหนักดูเหมือนว่าเขาจะมองไม่
เห็นสิ่งใดเลย
Talk With Character
สวีสดีค่ะ
: อ๊ะ สวัสดี!
//เขาพูดพลางหันมายิ้มกว้างให้ด้วยท่าทีร้อนรนเพราะดูเหมือนว่า
สุนัขของเขาที่พามาด้วยจะเริ่มยุ่งวุ่นวายกับข้าวของในห้อง
ดีที่ไม่มีอะไรเสียหาย
สุดท้ายเขาก็ทำให้มันนิ่งสงบและนั่งเรียบร้อยจนได้
อั้วขอโทษที่เสียมารยาทนะ…พอดีว่าวันนี้ที่บ้านไม่มีใครว่างดูแลน่ะ
อั้วเลยต้อง
พามาด้วย อั้วขอโทษจริงๆนะ แหะๆ… //เขายิ้มแหยๆพลางเกาหัวตัวเอง
คุณชื่ออะไรเหรอคะ ฉัน 'เรนโบว์' ประธานนักเรียนของอีสเทียร่าค่ะ
:เห…ลื้อชื่อเรนโบว์งั้นเหรอ เพราะจังเลยนะ~ อั้วชื่อว่า ‘จิวซื่อ’
น่ะ ถ้ามัน
ออกเสียงยากจะเรียกอั้วว่าจิลก็ได้นะ
//เขายังคงยิ้มอย่างร่าเริงมาให้
ทำไมคุณถึงมาเข้าโรงเรียนนี้คะ
:อั้วได้ยินมาว่าโรงเรียนนี้มีตำนานที่น่าสนใจล่ะ!
ที่ว่าทุกฤดูกาลจะมีนักเรียน1คู่
เป็นแฟนกันล่ะ…อั้วล้อเล่นนะ!
นั่นอั้วเพิ่งได้ยินตอนจะเดินมาที่ห้องนี้นี่แหละ
ความจริงแล้วอั้วชอบการดูแลนักเรียนกับระบบการศึกษาที่นี่น่ะเท่าๆที่อั้วลอง
ศึกษามานะ~! อ่อใช่แล้ว
อั้วได้ยินมาว่าเพื่อนสนิทของอั้วมาเรียนที่นี่ด้วย
ถึงจะไม่ได้เจอกันนานแล้วก็เถอะนะ
//เขาหันไปมองรอบๆห้องอย่างสนอกสนใจ
อ๋อ แล้วคุณคิดว่าจะสอบเข้าผ่านมั้ยคะ
:อั้วคิดว่าน่าจะผ่านอยู่นา…ไม่รู้สิก็อั้วทำเต็มที่แล้วนี่นา
เนอะ~? //เจ้าตัวก็ยัง
คงพูดด้วยน้ำเสียงสดใสตามปกติ
เข้าใจแล้วล่ะค่ะ
: อั้วขอความกรุณาด้วยนะ~! //เขาส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
ฉันหวังว่าคุณจะสอบได้นะคะ งั้นฉันไปก่อนนะ
:ขอบคุณลื้อมากนะ หวังว่าจะเจอกันอีกนะ! อ๊ะ ไปกันเถอะ
//อาซื่อค่อยๆลุกไป
พร้อมกับพาสุนัขของเขาออกไปอย่างเงียบๆ
Talk With parents
สวัสดีคร้า >W<
:สวัสดีค่ะ! กลับมาส่งลูกชายคนที่สองแล้วนะคะ~ //ยิ้มแล้วโค้งอย่างสุภาพ
ชื่อไรอ่ะคะ เค้าอยากรู้
:เราชื่อว่าดรีมเมลค่ะ
เพราะดีนะๆ
:ขอบคุณนะคะ~ //ยิ้ม
เข้าเรื่องดีกว่านะคะ ทำไมถึงมาสมัครเหรอคะ เค้าอยากรู้มากๆเลยอ่ะ
:ครั้งที่แล้วก็มาตอบไปแล้วเนอะ? งั้นคราวนี้ขอเพิ่มเติมแล้วกันค่ะ
ดรีมเห็น
ว่าบางคู่ดูน่าสนใจมากอะ ชอบคาแรกเตอร์แถมอยากเห็นไวๆด้วยว่าตอนแรก
จะออกมาเป็นยังไง นี่มาส่งเผื่อว่าลูกจะติดค่ะ อยากเห็นตอนครบ100%ไวๆ
ไรต์อาจจะแต่งลูกไม่ค่อยดีนะ ไรต์มือใหม่หัดแต่ง แต่งเพี้ยนๆ สบายๆ
:เรื่องนั้นไม่มีปัญหาค่ะ ฝึกไปเรื่อยๆเนอะ สู้ๆค่ะ~! //ยิ้มกว้าง
แล้วอยากให้ลูกได้บทอะไรเหรอคะ
:บทอะไรก็ได้ที่ไรต์เห็นว่าเหมาะสมเช่นเดิมเลยค่ะ //เกาแก้ม
อยากให้ลูกมีคู่ไหมคะ
แล้วถ้าอยากมีคู่นี่อยากให้เป็นนิสัยยังไงเหรอคะ
:อยากให้มีค่ะ อยากให้เป็นรุ่นน้องที่ค่อนข้างเงียบๆ แต่ภายในเป็นคนที่
จริงใจเอามากๆ ไร้เดียงสาเรื่องความรักยิ่งดีเลยค่ะ หรือถ้าเป็นไปได้…
เล่นดนตรีหรือร้องเพลงแล้วก็สามารถดูแลตัวเองได้จะโอเคมากเลยค่ะ
เพราะถ้าเจ้าตัวได้ดูแลใครซักคนแล้วอ่อนโยนเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาคงจะน่ารักน่าดู
//รอบนี้รู้สึกจะพิมพ์เยอะ…
อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะ แล้วคิดว่าจะติดไหมคะ
:อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันนะคะ //หัวเราะ
งั้นเดี๋ยวเค้าจะรับไว้พิจารณานะ บาย
:ขอบคุณมากๆอีกครั้งนะคะ~! //โค้ง
ความคิดเห็น