คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 5th CLASS • Dinner(?)
5th CLASS • Dinner(?)
“คีย์…”
หลังจากปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำสถานการณ์หน้าประตูอยู่นาน ในที่สุดเสียงทุ้มนุ่มบาดใจก็หลุดออกมาจากริมฝีปากคู่ตรงหน้า หากแต่ดังแผ่วจนเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังพูดกับตัวเอง อีกทั้งดวงตาคู่นั้นก็ยังคงจับจ้องตรงมาที่ผม
ณ จุดๆนั้น ผมคิดว่าต่อมรับรู้ ประมวลผล และต่อมกวนตีน มันหยุดทำงานไปชั่วขณะ
“ม… มึง” ผมยืนจับลูกบิดประตูค้างไว้ในกำมือ มองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา และลิ้นก็รู้สึกชาซะจนขยับออกเสียงเป็นคำไม่ค่อยจะถูก
คือผมไม่เข้าใจ ไอ้หล่อ(แต่เลวโคตรๆในความรู้สึกผม!!)นี่ สะเออะมายืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ตรงนี้ได้ยังไงกัน!!?
“อ้าวเฮ้ย!! ภีม!!” เสียงไอ้อาร์ทลอยเป็นแบ็คกราวด์มาจากเบื้องหลัง ซึ่งถ้าผมฟังไม่ผิด นอกจากน้ำเสียงของมันจะเต็มไปด้วยความประหลาดใจแล้ว มันยังปิดบังความสะใจเอาไว้ไม่มิดอีกด้วย =_=
“มาได้ไงวะเนี่ย?” ไอ้อาร์ทรีบถามด้วยน้ำเสียงน่าหมั่นไส้ มันลุกขึ้นจากเตียงแล้วสกรูเท้าเข้ามายืนอยู่ข้างๆผม ผู้ซึ่งจนถึง ณ ตอนนี้ก็ยังคงยืนนิ่งเป็นไม้ยืนต้นอยู่ท่าเดิม
“เอ่อ… คือ ผม” ไอ้หล่อตรงหน้าขยับปากพูดตะกุกตะกัก มองหน้าผมทีมองหน้าไอ้อาร์ทที ท่าทางงกๆเงิ่นๆเหมือนจะเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก
“แล้วนั่นกล่องไรอะ?” ทั้งที่ไอ้คนมาเยือนก็ยังไม่ทันได้ตอบคำถามเดิม ไอ้อาร์ทก็เสือกคำถามใหม่ใส่อีกข้อซะแล้ว คนตรงหน้าผมก้มลงมองกล่องกระดาษในมือตัวเอง หน้าตาดูเหมือนเพิ่งนึกได้ว่าถือไอ้กล่องนี่มาด้วย
“คือ มันอยู่ที่เคาน์เตอร์ข้างล่าง ผมเห็นว่ามันเป็น EMS ก็เลยเอาขึ้นมาให้”
ผมขมวดคิ้ว รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา มองหน้าไอ้คนตัวสูงกว่าแล้วคว้าเอากล่องนั่นมาจากมือมันเพื่อพลิกอีกด้านอ่านดู
อา… ชื่อผมจริงๆด้วย นึกออกแล้วว่ากล่องอะไร
“เออ ของกูเองอะ” ผมพูดแล้วมองหน้ามัน ถึงที่มันทำให้นี่จะเป็นการหวังดีก็เถอะ แต่สิ่งที่ผมตอบแทนกลับไปก็คือการทำตาขวางใส่อยู่ดีนั่นล่ะ
ก็ผมยังไม่เคลียร์ไอ้เรื่องข้อความในกระดาษนั่นนี่หว่า แล้วก็กรณีใหม่โทษฐานที่อยู่ดีๆมันก็มายืนอยู่หน้าห้องผมนี่อีก!!
“แล้วมานี่ได้ไงอะภีม มาหาไอ้คีย์มันเหรอ?” ไอ้อาร์ทยิ้มชั่วแล้วยื่นหน้ายื่นตาไปถาม หน้าตามันทำเป็นรู้ทันทั้งๆที่ไม่ได้รู้ห่านอะไรเลยซักอย่าง
ถามจริงเหอะ นั่นปากเหรอวะที่ถามออกมา นั่นสมองเหรอวะที่คิดได้!!
กูไม่ได้คบชู้สู่ชายขนาดจะนัดให้มาเจอถึงห้องนะไอ้เชี่ย!!
(เอ้ะ ถ้าพูดแบบนั้นมันแปลว่าปกติผมต้องคบผู้ชายเปล่าวะ? =_=)
“ตลก จะมาหากูได้ไง กูไม่ได้บอกที่อยู่อะไรมันไปซะหน่อย” ผมมองหน้าไอ้คนตัวสูงอย่างจับผิดทั้งที่พูดกับไอ้อาร์ท
“อ้าว??” ไอ้อาร์ททำเสียงประหลาดใจ หน้าตาก็ดูเป็นน้องฉงนน้องฉงายได้ที่ ควาย!! จะตกใจเพื่อ?? เมิงคิดว่ากูนัดมันมาจริงๆรึไงวะ!!
“คือผมเพิ่งย้ายมาอยู่ห้องข้างๆนี่เอง…”
ว… ว่าไงนะ?
ไอ้หล่อ ไอ้สูง ไอ้ภอทอรอ มันย้ายมาอยู่ข้างๆห้องผมงั้นเรอะ!!?
ใครก็ได้ บอกผมที เมื่อกี๊ผมแค่ฟังผิดไป ใช่มั้ยครับ?
•
ร้านประจำของผมกับไอ้อาร์ท เป็นร้านอาหารห้องกระจกใสติดแอร์เย็นฉ่ำ ค่ำๆแบบนี้คนเยอะใช้ได้ แต่เพราะไอ้อาร์ทเลือกโต๊ะด้านในสุดที่ประจำอันติดกับครัวที่อยู่ถัดเข้าไป ทำให้ตรงนี้ไม่วุ่นวายเท่ากับหน้าร้านที่มีลูกค้าเข้ามานั่งและมีเด็กเสิร์ฟเดินกันให้ว่อนสวนไปสวนมา
ว่าแต่ว่า กูมานั่งอยู่ที่นี่ทำไมวะ!! ไม่เข้าใจตัวเองโว้ย!!
ผมสบถก่นด่าตัวเองอยู่ในใจเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่ได้นับ หลังจากไอ้อาร์ทตกลงปลงใจสวามิภักดิ์ต้อนรับสมาชิกร่วมชั้น 15 คนใหม่แล้ว มันก็ออกอาการเชื้อเชิญให้ไอ้วัตถุประหลาดตรงหน้าเข้ามานั่งในห้อง และพร้อมกันนั้นมันยังแสดงอาการยัดเยียดผมให้ปรนนิบัติไอ้ภีมอย่างออกหน้าออกตา
ห่า เมิงรู้ตัวมั้ยว่าที่เมิงทำอยู่น่ะ คือการพาเพื่อนไปสู่การสูญเสียเอกราชเลยนะเว้ย!!
ซึ่งก็นั่นล่ะ มันพยายามเต็มที่ที่จะให้ผมกับไอ้ภีมได้คุยโน่นคุยนี่ด้วยกัน แม่ง เพื่ออะไรวะ?? มึงสะใจใช่มั้ย?? สนุกมากใช่ปะ?? แต่กูไม่ขำนะโว้ย!! แน่ล่ะ ว่าเรื่องอะไรผมจะยอมคุยกับไอ้สูงนั่น ผมยังหงุดหงิดกับข้อความในกระดาษของมันไม่หายเลย
แล้วก็นะ พอผมไม่ชวนมันคุย ไอ้คุณภีมมันก็ไม่ชวนผมคุยเหมือนกัน ผมเหลือบมองหน้ามันที่เอาแต่จดๆจ้องๆมองๆเงียบๆแล้วก็อึดอัดจนปวดประสาท ส่วนไอ้อาร์ทนั่งจิ้มๆกดๆอะไรอยู่กับแล็ปท็อปของมันอย่างรีบๆ ไม่ได้สนใจผมซักนิด
ผมสาบานได้ว่าผมไม่ได้คิดไปเองนะ ว่ายิ่งหน้าตาผมดูหงุดหงิดมากเท่าไหร่ ไอ้ภีมที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆก็ยิ่งอมยิ้มกรุ้มกริ่มสะใจมากขึ้นไปเท่านั้น
ไอ้เชี่ย!! โรคจิตปะวะ!!
นั่นแหละ เชี่ยอาร์ทมันปล่อยให้ผมแง่งๆทางสายตาเล่นสงครามประสาทอยู่กับไอ้ภีมได้ไม่นาน ในที่สุดมันก็พูดขึ้นอาดๆว่าวันนี้จะพาไอ้ภีม(ในฐานะเด็กใหม่หอนี้ และนิวบี้ ณ คลาสเทรน) ไปเลี้ยงข้าวเย็นเพื่อทำความรู้จักร้านข้าวที่อร่อยและใกล้ที่สุดกับคอนโด
ด้วยเหตุการณ์ก่อนหน้านานาประการดังนั้น ปัจจุบันผมก็เลยกำลังนั่งเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตสูงร้อยแปดสิบกว่าๆ ณ ตรงนี้
ผมกำลังนั่งขมวดคิ้วจ้องหน้ามัน ในขณะที่ผมทำแบบนั้น มันก็จ้องผมกลับด้วยท่าทางสบายๆ
คนห่าอะไร ทำตัวน่าโมโหได้ตลอดเวลา!!!!
“ภีมอายุเท่าไหร่นะ? รุ่นๆเดียวกับไอ้คีย์ปะ?” ท่ามกลางสมรภูมิสงครามประสาท ไอ้อาร์ทที่นั่งกดๆมือถือจนเบื่อก็เงยหน้าขึ้นมาถามเมื่อพบว่าความพยายามที่จะให้ผมกับไอ้คีย์คุยกันเองนั้น ไม่เป็นผลสำเร็จแน่แล้ว
“ครับ เกิดปีเดียวกัน” ไอ้คนถูกถามมันยิ้มตอบ ผมเหลือบมองหน้าไอ้อาร์ทที่นั่งอยู่ข้างตัว ไง? มึงไม่รู้สึกแปลกๆบ้างเหรอวะ เวลาไอ้ห่านี่มันพูดเพราะๆใส่ =_=
“เออ งั้นพี่ก็แก่กว่า” ไอ้อาร์ทมันพูดแล้วก็ส่งยิ้มให้ ห่า เอาใหญ่เชียะ กูว่ามันก็ไม่เรียกมึงพี่หรอก กูยังไม่เรียกเล้ย
“อ๋อครับ งั้น พี่อาร์ท? ใช่มั้ยครับ?” มันถามด้วยท่าทีสุภาพเมื่อรู้ว่าไอ้อาร์ทอายุมากกว่า ดูเหมือนไม่แน่ใจว่าไอ้อาร์ทอยากจะให้มันเรียกยังไง ให้ตาย มารยาทดีเกินไปป่าววะมึง??
“แล้วแต่สะดวกเหอะ ไม่ซิเรียสๆ” คนพูดยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบๆแล้วโบกไม้โบกมือสบายๆ อ้าว ไหงงั้นล่ะวะ!!?
“อะไรวะ!! ทีกูมึงยังบังคับให้เรียกพี่เลยอะ!!” ผมโวยวายผ่าขึ้นมากลางวงทันที อะไรวะ แบบนี้แม่งลำเอียงนี่หว่า ยอมไม่ได้!!
“แล้วมึงเคยเรียกกูพี่มั้ยล่ะเชี่ยคีย์ ห๊า!!” ไอ้อาร์ทมันเอ็ดกลับมา พอได้ฟังมันว่าแบบนั้นผมก็โต้กลับทันที
“โหยยยยยยยย แรกๆที่มึงบอกกูใหม่ๆ กูก็เรียกเหอะ”
“สามวัน!! เมิงเรียกกูพี่แค่สามวันเหอะไอ้คีย์”
“ก็พอเข้าวันที่สี่ เมิงก็หยิบของในกระเป๋ากูไปใช้แบบไม่บอกไม่กล่าวกูซักคำ น่านับถือจังล่ะ” ในเมื่อมันไม่หยุด ผมก็ไม่ยอมลดละ เรื่องอะไรจะต้องไปยอมมันล่ะครับ ผมก็มีเหตุผลของผมนี่
“ห่านี่ เถียงกูจังเว้ย!!” ไอ้อาร์ทร้องโวยออกมาอย่างหมดแรงจะเถียงสู้ เอาสิ ถ้าเมิงคิดจะเถียงกับกู เมิงพูดได้กูก็พูดได้เว้ย
ผมกับไอ้อาร์ทนั่งจ้องหน้ากันพักใหญ่ เหมือนดูเชิงว่าฝ่ายไหนจะยกประเด็นขึ้นมาต่อได้ก่อน
(ไม่ต้องตกใจครับ พวกผมทะเลาะกันทีก็แบบนี้แหละ บางทีมันก็เป็นสีสันดีนะคุณ!!)
”เอ่อ… อาร์ทกับคีย์เป็นพี่น้องกันเหรอ?” จู่ๆไอ้ภีมที่นั่งเงียบไปพักใหญ่ก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเนิบนุ่ม มันเหลือบมองผมสองคน ประโยคคำถามของมันคงออกมาพร้อมความหวังว่าจะสงบศึกของผมกับไอ้อาร์ทได้
หากแต่ หมดหวังไปซะเถอะมึง!!
“ตลกเหอะ!! เมิงใช้ตาตุ่มดูเหรอ? หน้าพวกกูเหมือนกันมากเลยดิ!?” ผมหันขวับไปโต้ตอบไอ้บุคคลที่สาม (ซึ่งตอนแรกมั่นนั่นแหละที่เป็นประเด็น =_=)
“เออ นั่นดิ เราหล่อกว่ามันตั้งเยอะเหอะภีม ไม่มีน้องหน้าตาอย่างมันหรอก” ไอ้อาร์ทตอบแล้วลอยหน้ามองผมอย่างน่าหมั่นไส้
“ไอ้อาร์ท!!!!”
“โว้ย กูบอกกี่ทีแล้ววะว่ากูเป็นพี่เมิง เรียกพี่สิวะ!!”
“กู ไม่ เรียก ไอ้เตี้ย!!!!”
“อู๊ยยยยยยยยย ทะเลาะกันอะไรอีกแล้วจ๊ะหนุ่มโต๊ะนี้ มาทีไรไม่เคยจะอยู่กับสงบๆเลยนะเราน่ะ” ป้าจ๋าในชุดผ้ากันเปื้อนสีหม่นที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชนเดินออกมาพร้อมกับผัดบล็อกเคอรี่และฉู่ฉี่พริกแกงที่พวกผมสั่ง วางถ้วยลงบนโต๊ะได้ป้าแกก็เช็ดมือเช็ดไม้กับผ้ากันเปื้อนของแก
แน่นอนว่าไอ้อาร์ทที่กำลังอ้าป้ากเตรียมพร้อมปล่อยกระสุนด่าผมตอบเต็มที่ก็มีอันต้องเหยียบเบรคไปทันทีเมื่อป้าแกเข้ามาแทรกคั่น
“ไอ้อาร์ทมันลำเอียงครับป้า มันแกล้งคีย์” พอได้ทีผมนี่ก็รีบฟ้องเลยครับ ฮ่า คือต้องทำความเข้าใจก่อนว่าพวกผมอยู่คอนโดนี้กันมาระยะนึงแล้ว แล้วปกติผมกับไอ้อาร์ทก็ลงมากินข้าวร้านป้าจ๋ากันนี่ล่ะ เป็นประจำ และด้วยความที่… อ่านะ ผมมันก็คนหน้าตาดี (หึหึ) แล้วไอ้อาร์ทมันก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร (เออ ยอมรับว่ามันหล่อก็ได้ แต่ต้องหล่อน้อยกว่าผมนะ!!) นั่นล่ะ ป้าจ๋าแกก็เลยเอ็นดูผมกับมันเป็นพิเศษ และป้าแกจะเอียงมาทางผมด้วยนะ ก็เงี้ยะ คนมันหล่อกว่าอะนะ เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว =v=
“ผมไม่ได้ลำเอียงนะป้า มันน่ะแหละตัวดี โวยวายใส่ผมก่อน เสียงโคตรดังเลย” ไอ้อาร์ทมันก็แก้ต่างของมันไปครับ แต่ผมงี้เกาะแขนป้าจ๋าก่อนแล้ว ขอพวกไว้ก่อนก็ยังดี แต่เอะ ทำไมรู้สึกเหมือนวันนี้ป้าจ๋าแกจะไม่ดี๊ด๊าใส่ผมเหมือนปกติวะ..?
“ตายแล้ว นี่เพื่อนใหม่เหรอลูก? ใครจ๊ะเนี่ย? พ่อหนุ่มหล่อตัวสูงคนเนี้ยะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองป้าจ๋าที่ยืนอยู่ โอ้โห… ผมจะอธิบายภาพที่ผมเห็นอยู่นี่ยังไงดี…
สตรีวัยสี่สิบกว่าแต่มีแววตาเป็นประกายเหมือนสาวเมื่อวัยแรกแย้ม
ป้าจ๋าแกกำลังทอดสายตาให้ไอ้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมเต็มที่!!!
ผมตวัดสายตามองตามป้าจ๋าไปจ้องหน้าไอ้คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามทันที มันยกหลังมือขึ้นมาปิดปากยิ้มด้วยท่าทางที่เหมือนกับว่า เขิน?? โอ้โห เชี่ย ท่าเขินเมิงยังคุณชาย จะอะไรขนาดนั้นวะ!!?
“มันชื่อภีมป้า เพิ่งย้ายมาอยู่ข้างๆห้องอาร์ท” ไอ้อาร์ทตอบแทนให้เพราะมันไม่ได้อยู่ท่ามกลางสมรภูมิครับ ตอนนี้มันกำลังเอาช้อนมาเขี่ยๆผัดพริกในจาน
“ตายแล้วลูก รูปก็งามนามก็เพราะ” ป้าแกพูดพร้อมกับสายตาหยาดเยิ้มที่ยังส่งไปไม่ขาดหาย ผมที่เกาะแขนป้าแกไว้เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นตัวอะไรที่ไร้ค่าลงมาทันที =_=
ห่า เมิงนี่สำแดงอิทธิฤทธิ์ไม่เลือกเด็ก สตรี และคนชรา(?)เลยเนอะ
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ…” ไอ้หล่อภีมมันพูดเสียงนุ่มแล้วค้อมหัวให้พร้อมทั้งรอยยิ้มในแบบของมัน แบบที่ทำคนอื่นเค้าใจสั่นอะ แต่ตอนนี้นอกจากใจผมจะสั่นแล้ว ตีนยังสั่นอีกด้วย โว้ย เห็นแล้วอยากถีบ แต่… แต่กูถีบไม่ลง สัดเอ๊ย! T^T อะไรวะ!!
“ตายแล้ว มารยาทก็ดี๊ดี มาทานบ่อยๆนะจ๊ะ น้องภีม มื้อนี้ป้าจะถือว่ารับขวัญ ทานกันตามสบายนะ ป้าเลี้ยง อย่ากระโตกกระตากไปล่ะ จุ๊ๆ” ป้าแกพูดพลางขยิบตาให้พวกผมสามคนทั้งโต๊ะ ผมผงะปล่อยมือป้าแกแทบไม่ทัน ในขณะที่ไอ้ภีมเปิดปากทำท่าจะปฏิเสธน้ำใจของป้าจ๋านั้น ป้าแกก็เดินหายลับกลับเข้าครัวหลังร้านแกไปอย่างสบายอกสบายใจแล้ว
“เอ่อ…”
ไอ้ภีมนั่งทำหน้าตาปุเลี่ยนๆมองผมกับไอ้อาร์ทที่ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ถึงแม้ป้าแกจะเอ็นดูผม แต่ก็ยังไม่เคยโดนขนาดนี้ครับ ไม่รู้เรียกว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของไอ้ภีมดี ทั้งที่พวกผมก็รู้น่ะแหละว่าป้าแกคงไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าโคตรรักและเอ็นดู
แต่ยังไงก็ตาม นี่พิสูจน์แล้วว่าความหล่อของไอ้ภีมมันทรงอานุภาพ
ทำลายล้างและสร้างสรรค์ในคราวเดียว
นี่ผมต้องขอบคุณมันรึเปล่าวะ?? ที่ทำให้ผมได้กินข้าวฟรีมื้อนึง
เมิงเทพจริงว่ะภทร กูบวกแต้มความดีความชอบให้มึงแล้วกันนะ
ความผิดที่ผ่านมา กูยอมอโหสิให้ก็ด้ะ ไว้มีกรณีหน้า ค่อยมาเคลียร์!!
To be continue...
TALK: ก่อนอื่นต้องขอโทษก่อนเลยค่ะที่มาอัพช้า พอดีว่าเน็ทที่หอมีปัญหาอะ เล่นไม่ได้ ก็เลยมาอัพช้าไปหน่อย ประกอบกับทุกวันอังคารมีคลาสเรียนถึงเย็นมากๆ กว่าจะกลับมาถึงหอก็มืดละ เลยแบบว่าอัพไม่ค่อยทัน เพราะฉะนั้นถ้าถึงวันอังคารอาจมีกุกกักเล็กน้อยแบบนี้บ้างอะไรบ้างนะคะ
แต่ว่ายังไงก็จะพยายามมาอัพทุกวันตามที่สัญญาไว้เหมือนเดิมค่ะ แอบเห็นว่ามีหลายคนบอกว่าอยากให้นายภทรเค้ารุกนายเอกของเราไวๆ ยังไงก็รอลุ้นกันต่อไปนะ อดใจอีกนิดนึงเนอะ ไม่ปล่อยให้ลุ้นกันเก้อแน่นอนค่ะ ยังไงก็ขอคอมเม้นเป็นกำลังใจเยอะๆนะคะ เห็นคอมเม้นน้อยๆแล้วกำลังใจจะเขียนแอบลดน้อยถอยลงไปทุกวัน TT
แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ :)
ความคิดเห็น