ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TRAINEE : เทรนหัวใจให้ลุ้นรัก < YAOI >

    ลำดับตอนที่ #5 : 4th CLASS • นายภทร

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ย. 52


    4th CLASS • นายภทร

     

                    เสียงน้ำไหลจากฝัวบัวเรื่อยๆเอื่อยๆลอยมาเข้าสู่โสตประสาทครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมย่นหัวคิ้วเข้าหากันอย่างเคยชินทุกครั้งที่รู้สึกตัวตื่นนอน แสงในห้องเรือนสลัว ผมหยีตาน้อยๆมองไปที่หน้าต่างเบวิวบานใหญ่ที่ถูกม่านกันแสงรูดปิดหมิ่นเหม่เกือบทั้งหมดจนมีแสงจากอาทิตย์อัสดงลอดเข้ามาเพียงนิด

     

    อืมมมมกี่โมงแล้ววะเนี่ย

     

    ผมผงกหัวขึ้นมองนาฬิกาที่อยู่บนผนังตรงข้ามเตียง และพบว่ามันบอกเวลาหกโมงเย็นกว่าๆ เห็นแบบนั้นก็เลยยันตัวขึ้นมาจากเตียงแล้วเปิดปากหาววอดไปตามประสา วันนี้เลิกซ้อมเร็วครับ ไม่ได้มีอะไรมาก ซักไม่ถึงสี่โมงเย็นพี่โม่ก็ปล่อยให้กลับกันได้ ผมกับไอ้อาร์ทก็เลยกลับหอมา เพราะว่าผมนี่ล่ะที่อยากนอนต่ออีก

     

    กลับมาถึง หัวผมก็ถึงหมอนทันที นี่ก็นอนมาได้ซักสองชั่วโมงละ ค่อยยังชั่ว ไหนๆพรุ่งนี้วันอาทิตย์ก็ว่างๆไม่มีอะไรอยู่แล้ว คืนนี้จะนอนดึกคึกไม่หลับก็ช่างมัน ยังไงพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องรีบตื่นไปไหน

     

    ผมถีบๆผ้าห่มลงไปกองอยู่ปลายเตียงแล้วลุกขึ้นมาเดินโงนเงนๆไปเปิดไฟในห้องให้สว่างขึ้น พอดีกับที่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำออกมา ผมเลยหมุนตัวกลับไป ไอ้อาร์ทในชุดลำลองสบายๆเดินออกมานั่งเช็ดผมที่เพิ่งสระอยู่บนเก้าอี้หน้ากระจกติดตู้เสื้อผ้า

     

    “หิวข้าวยัง?” คนร่วมห้องถามผมขณะที่ขยี้เส้นผมตัวเองเปียกๆพอหมาด ผมเดินกลับมานั่งลงบนเตียงแล้วส่ายหัวมึนๆ

     

    “ยังไม่หิวอะ”

     

    “อืม งั้นก็ไปอาบน้ำไป” มันพูดแล้วพาดผ้าขนหนูไว้ที่คอ ส่วนผมก็กลับไปเอนหลังพิงหัวเตียงอีกรอบ

     

                “ไม่เอา เดี๋ยวก่อน ขี้เกียจ” พูดไปก็ส่วยหัวงึกงักไปด้วย แต่อีกคนหันกลับมาจากหน้ากระจกมองหน้าผม

     

                “ไปอาบน้ำเลยไอ้คีย์ กลับมาก็นอนเลยได้ไง น้ำเนิ้มไม่อาบ อย่าหัดทำตัวซกมก” มันพูดกับผม น่าน ได้ทีสอนเลยนะ =_=

     

                “อะไรเล่า เพิ่งอาบไปเมื่อตอนเที่ยงเองนะ” ผมขมวดคิ้วเถียงพลางก้มลงมองตัวเองที่ยังอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์แบบที่ใส่ออกไปซ้อม เชื่อยังล่ะว่าตอนกลับมาผมโคตรง่วงจริงๆ ใส่กางเกงยีนส์ผมก็หลับได้ครับ เทพ!

     

                “แล้วตอนบ่ายมึงไปทำอะไรมา? ซ้อมเต้นนะเว้ย ไม่เหนียวตัวรึไง” มันมองหน้าผมแล้วลุกขึ้นเอาผ้าขนหนูเช็ดผมไปตากไว้ที่ราวใกล้ๆประตูระเบียงแล้วกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมอีกรอบ

     

                “โหย ก็เดี๋ยวจะนอนค่อยอาบงาย จะได้หลับสบายๆ” ผมก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเถียงต่อไปครับ คนมันก็ต้องมีอารมณ์ขี้เกียจบ้างอะไรบ้างเว้ย ก็ตอนนี้ยังขี้เกียจอาบอยู่นี่หว่า!!

     

                “แล้วกว่าจะนอนก็ตีอะไรเข้าไปแล้ววะ?? ไปอาบซะ มึงยังไม่ได้นอนง่ายๆหรอก ไปอาบเลยยยยยยยยย” คราวนี้ไอ้อาร์ทไม่พูดเปล่า แต่มันคว้าเอาผ้าเช็ดตัวของผมจากข้างตู้ขึ้นมาโวนใส่ลงกลางหัวผมพอดี ผมมุ่ยหน้า โหย แม่ง แม่นแท้เนาะมึง =_=

     

                “เออๆๆๆ อาบก็อาบ!!

     

                ผมยอมแพ้ในที่สุด คว้าผ้าเช็ดตัวได้ก็ลุกขึ้นไปหยิบชุดลำลองใส่สบายๆ แค่เสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงขายาวออกมาจากตู้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ไม่ลืมจะปิดประตูกระแทกใส่หน้ามันเป็นการประชดประชันซักหน่อยดังปัง

     

                อะนะ

     

                จริงๆแล้วการที่ผมกับไอ้อาร์ทมาเป็นรูปเมทกันน่ะ ก็คงเพราะว่านิสัยคล้ายๆกันด้วยล่ะมั้ง เอาเข้าจริงๆ ผมกับมันก็ไม่มีใครมีความรับผิดชอบไปกว่าใครหรอก ขี้เกียจเป็นพักๆมีระเบียบเป็นพักๆ เหมือนจะผลัดกันมากกว่า แล้วแต่เวลาแล้วแต่อารมณ์ อย่างเมื่อเช้ามันขี้เกียจๆอยู่ ก็จะเป็นผมที่เป็นฝ่ายขยัน ในขณะที่ตอนนี้ฝ่ายจ้ำจี้จ้ำไชเป็นมัน ผมก็กลายเป็นฝ่ายขี้เกียจไปแทนซะเอง

     

                นั่นแหละครับ ก็คือความรับผิดชอบร่วมกันอย่างหนึ่ง ถึงผมกับมันจะไม่มีใครได้เรื่องไปกว่าใครทั้งคู่ แต่อยู่ด้วยกันแล้วก็ไม่เลวร้าย อีกอย่างถึงจะเห็นว่าผมกับมันแง่งๆใส่กันตลอดเวลาแบบนี้ แต่ผมกับมันก็เทคแคร์กันดีนะ คุณก็เห็นใช่ป่าวล่ะ?

     

                อย่างน้อยมันก็เป็นห่วงผม ที่จริงมันก็ดีกับผมในฐานะพี่ชายที่ดีคนนึงนั่นล่ะ ถึงผมจะปีนเกลียวใส่มันไปบ้างในหลายๆครั้ง ผมก็ยอมรับ แต่มันก็เป็นพี่ที่ดีคนนึงเลยล่ะ ถึงปากมันจะด่า โกรธบ้าง เอือมบ้าง แต่เอาจริงๆมันก็ไม่เคยคิดจริงจังอะไร ผมว่าเรื่องแบบนี้ บางทีก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่มันเป็นความรู้สึกที่ใกล้ชิด ไว้ใจ มันคือความสนิทใจ ที่ผมกับมันรู้สึกเหมือนคลานตามกันออกมายังไงอย่างงั้นนั่นแหละ!

     

                ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก ก่อนจะปิดฝักบัว เช็ดตัว แล้วแต่งตัวออกจากห้องน้ำ พอออกมาก็เห็นไอ้อาร์ทเปิดคอมนอนคว่ำหน้ากดๆจิ้มๆแป้นพิมพ์อยู่บนเตียง

     

                ผมเดินไปหยิบกระเป๋า ตั้งใจว่าจะหยิบมือถือออกมาเช็คดูนู่นนี่หน่อย แต่พอเปิดกระเป๋าดูก็เจอกับกระดาษใบนึงที่เพิ่งได้มาเมื่อบ่ายนี่ แล้วก็เกือบลืมไปแล้วด้วยว่ายังไม่ได้หยิบขึ้นมาอ่านเลย

     

                ผมเลิกคิ้วค้าง คว้ากระดาษที่ยับยู่อยู่ในกระเป๋าติดมือขึ้นมานอนพิงหัวเตียงแล้วพลิกดูอีกฝั่ง ลายมืออ่านง่ายเป็นระเบียบก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าให้ตายเหอะ คนเชี่ยอะไรวะ ขนาดลายมือยังผู้ดีนะมึง

     

                ภีม ภทร

              9 ธันวา 1991

              สูง 184 กรุ้ปเลือด B

              ชอบ ดูบอล เล่นกีฬา เล่นเกมส์

              ไม่ชอบ อืมไม่รู้เหมือนกัน

              ความสามารถพิเศษ ฟุตบอล บาสเก็ตบอล

              ความใฝ่ฝัน ได้ทำในสิ่งที่รักให้ดีที่สุด และภาคภูมิใจ

              สเป็ค คนที่ยิ้มเก่ง สดใส มีน้ำใจกับคนอื่น แล้วก็ตั้งใจจริง

     

              อืม ปี 91 อายุเท่ากูนี่หว่า

     

              แต่ โหยยยยยยยยยยยยย!!! เมิงตอบคำถามได้คุณชายมากอะ!!! (ถ้าไม่นับอิข้อที่ถามว่าไม่ชอบอะไรแล้วเสือกตอบว่าไม่รู้อะนะ =_=) แต่ว่า ความสามารถเมิงคือฟุตบอลกับบาสเก็ตบอลเนี่ยนะ?? แล้วมาเป็นนักร้องทำเพื่อวะ?? เตะบอลเก่งนักเมิงก็ไปฟักตัวเป็นทีมชาติโน่นป๊าย แล้วสเป็ค โอ้โห คำตอบมาตรฐานมาก ผู้หญิงที่ไหนแม่งก็ชอบยิ้มทั้งนั้นแหละ (ถ้าเจอคนหล่อๆอย่างมึงอะนะ สาวที่ไหนเห็นเค้าก็ยิ้มให้มึงวะ!!) แบบนี้แม่งไม่ต้องสเป็คมึงไปหมดเลยไง๊??

     

                โวะ!! ทำไมอ่านแล้วหมั่นไส้มันจังวะ =_=

               

                แล้ว ภทร นี่ล่ะ ชื่อหรือนามสกุลวะ?? ชื่อจริง?? มั้ง?? หรือชื่อจริงมันชื่อภีม นามสกุลภทร?? เออ ช่างมันเหอะ ว่าแต่ ภทร นี่มันอ่านยังไงนะ?? ภทร พะ-ทอน??? พะ-ทะ-ระ??? พด-ทะ-ระ???

     

                กูเปล่าตกภาษาไทยนะ แต่กูสับสนวุ้ย!!!

     

                ผมพึมพำๆง้องแง่งพยายามอ่านสะกดชื่อของเจ้าของลายมือบนกระดาษตรงหน้าอยู่ซักพัก ไอ้คนที่จิ้มคีย์บอร์ดอยู่อีกฝั่งเตียงกเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะชะโงกหน้าเข้ามาดูด้วย

     

                “อะไรวะ??” มันเอ่ยปากถามเมื่อเห็นกระดาษที่อยู่ในมือผม

     

                “ไอ้ใบนั่นไง ที่พี่โม่ให้เขียนอะ” ผมตอบ แต่รู้สึกเหมือนคิ้วตัวเองยังผูกโบว์กันอยู่นิดๆแฮะ

     

                “นี่ลายมือมึงเหรอ????” ไอ้อาร์ทถามด้วยน้ำเสียงอะเมซซิ่งขึ้นมาทันที ผมส่ายหัวเนือยๆ

     

                “เหอะ ไม่ใช่อะ ลายมือไอ้ภีมมัน”

     

                “อ่าว? เมิงให้มันเขียนให้??”

     

                “ก็ต่างคนต่างเขียนแล้วแลกกันไง ง่ายดี” ผมตอบ

     

                “ขี้เกียจนักนะมึงอะ”

     

                “เอ๊า!!” ผมร้องเมื่อโดนไอ้อาร์ทเหน็บเอา แล้วมันก็ดันตัวขึ้นมานิดนึงก่อนจะเพ่งตามามองกลับหัวที่บนกระดาษ

     

                “ตรงนี้เขียนว่าไรวะ??” มันถามแล้วเอานิ้วจิ้มๆไปที่ตัวหนังสือตรงมุมล่างของกระดาษ ซึ่งผมเองก็เพิ่งสังเกตเห็นตอนที่ไอ้อาร์ทมันถามนี่เอง

     

                ผมเลิ่กคิ้วแล้วยกกระดาษขึ้นมาอ่านใกล้ๆ ตัวหนังสือที่ไอ้อาร์ทถามนั่นเล็กกระปิ๋ว แถมเขียนตัวลีบเบียดชิดติดกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถอ่านออกเป็นคำด้วยลายมือที่เป็นระเบียบ

     

                คีย์ยิ้มเยอะๆหน่อยสิ :)

     

                            .

                            .

     

    คีย์ยิ้มเยอะๆหน่อยสิ :)

     

    .

    .

    คีย์ยิ้มเยอะๆหน่อยสิ :)

     

    ผมถลึงตามองประโยคนั้นแล้วอ่านซ้ำไปซ้ำมา เหมือนตัวหนังสือเล็กๆนั่นมันค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นไปเองอยู่ในหัว ตัวโตขึ้นเรื่อยๆจนน่ากลัว

     

    เมิงหมายความว่ายังไงวะ!!?

     

    แล้วพอดีกับที่สายตาผมก็ย้อนกลับขึ้นไปที่ประโยคสุดท้ายด้านบน

     

    สเป็ค คนที่ยิ้มเก่ง สดใส มีน้ำใจกับคนอื่น แล้วก็ตั้งใจจริง

     

    เชี่ย

     

    คนที่ยิ้มเก่ง สดใส

    คีย์ยิ้มเยอะๆหน่อยสิ :)

     

    เชี่ย

    เชี่ย

    เชี่ย!!!

     

    เมิงเขียนเชี่ยไรมาวะ ไอ้คุณ ภอทอรอ!!!!!

     

    “คีย์ยิ้มเยอะๆหน่อยสิ

     

    เสียงไอ้อาร์ทพึมพำอ่านตามอยู่ใกล้หู แต่ผมรู้สึกหยั่งกับว่าตัวเองกำลังหลอนได้ยินเป็นเสียงทุ้มๆนุ่มๆของไอ้คนเขียนตัวจริง เชี่ยอะไรวะ อะไรวะ อะไรของเมิงวะ!!

     

    “เชี่ยคีย์ มึงมีหนุ่มหล่อมาจีบแล้วเว้ย” ไอ้อาร์ทพูด ผมหันขวับไปมองหยน้ามันแล้วก็เห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มยั่วเย้าลอยไปมาอยู่ข้างๆ แต่เหตุผลอะไรไม่รู้ ผมรู้สึกวูบวาบอยู่ในท้องอย่างบอกไม่ถูก

     

    “จีบเชี่ยไรล่ะ!! ไม่ใช่โว้ย” ผมรีบพูดสวน แล้วพับไอ้กระดาษเจ้าปัญหานั่นเก็บทันที อะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้ผมพูดไม่ออกบอกไม่ถูก อา หน้าร้อนๆแฮะ นี่กูเป็นไข้รึเปล่าวะ??

     

    “เอาแล้วเว้ยน้องกู โปรดระวังประตูหลังนะเมิงงงงงงง”

     

    “ไอ้เชี่ย!!!!!!!!!!!” ผมแหกปากร้องลั่นทันที คว้าหมอนมาไว้ในมือได้ก็ปาใส่หัวมันอย่างแรง โทษฐานมาพูดอะไรให้ใจกูตุ้มๆต่อมๆ ห่านเอ๊ย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมโดนล้อโดนอะไรไปเรื่อยเปื่อย ที่จริงมันก็เล่นกันแบบนี้หมดนั่นล่ะ ขำๆ ซึ่งผมก็ขำทุกครั้ง

     

    แต่ทำไมคราวนี้ผมไม่ขำวะ!!?

    แล้วที่ใจเต้นแรงๆตอนหน้าไอ้ห่านั่นโผล่ขึ้นมาอยู่นี่ล่ะ? หมายความว่ายังไง!!?

     

    “เอ่าๆ มาทำหน้าเหม็นเน่าใส่กูอีก ยิ้มสิเมิง ยิ้มมมมมม คุณภีมเค้าบอกให้คีย์ยิ้มเยอะๆนะคร้าบบบบบบบบ” มันล้อไม่เลิกแล้วหัวเราะก้ากลั่นห้อง ผมจัดการยันโครมลงกลางหลังมันไปทีนึง ถีบผ้าห่งผ้าห่มลงไปกองรวมกันที่พื้นอย่างหงุดหงิด

     

    “ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

     

    ผมแหกปากลั่นอย่างอึดอัดเพราะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นประสาทอะไร ไอ้อาร์ทที่เพิ่งโดนผมถีบไปหันกลับมาแทบจะในทันที

     

    “เอ่าเชี่ย ถีบกูแล้วยังจะด่ากูอีก กูเป็นพี่เมิ…..

     

    “กูด่าไอ้ห่าภีม ไอ้เชี่ย ไอ้เลว สัดเอ๊ย ถ้าเมิงมาให้กูเห็นหน้าตอนนี้ กูจะยันให้ลงไปกองกับพื้นเลยคอยดู เชี่ยภีม ไอ้เชี่ย เชี่ยๆๆๆๆๆๆ” ผมร้องโวยวาย ถีบหมอนหนุนหมอนข้างกระจุยกระจายร่วงไปที่พื้นจนเกือบหมด ไอ้อาร์ทรีบคว้าไวโอ้ลูกรักมันขึ้นไปกอดไว้ทันที เออดี ตอนนี้อะไรอยู่ในรัศมีตีน กูจะยันให้หมดเลย คอยดูเซ๊!!!!!

     

    “ไปด่ามันทำไมวะ เชี่ยคีย์ เมิงบ้าไปแล้วป้ะเนี่ยะ!!” ไอ้อาร์ทมองสภาพผมที่กำลังอาละวาดขึ้นมาซะอย่างนั้นเหมือนคนบ้า เออ สงสัยผมจะบ้าไปแล้วจริงๆนั่นล่ะ กูไม่เข้าใจตัวเองโว้ย!!

     

    “กูจะถีบมึง ไอ้ภีม!!

     

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

     

    เสียงเคาะประตูจากหน้าห้องทำให้ผมหยุดตีนตัวเองไว้เท่านั้น ไอ้อาร์ทก็ทำหน้าปะหลับปะเหลือก อยู่เหมือนจะตกใจจากอาการของผมเมื่อกี๊ไม่หาย ในขณะที่ตอนนี้ผมตาขวางหยั่งกับหมาบ้า

     

    เอาสิ เชี่ย ใครมาเคาะประตูตอนนี้แล้วไม่มีกิจสำคัญ กูจะยันให้ หงุดหงิดโว้ย!!!!!!!!!!!

     

    ผมกระเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงไปก่อนที่ไอ้อาร์ทจะทันวางไวโอ้ของมันลง สองขาผมก้าวดุ่มๆจ้ำๆไปที่ประตู มือจับลูกบิดแน่นแล้วกระชากเปิดออกอย่างแรง

    ณ วินาทีนั้น

    สถานการณ์ตรงหน้าทำให้ผมเกลียดคำว่า บุพเพสันนิวาส

     

    เพราะกลัวว่ามันจะเป็นนิยามของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง

     

    สิ่งมีชีวิตสูง 184 ตามที่มันให้รายละเอียดไว้ในกระดาษบนเตียงผมกำลังยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาคมโตนั่นเบิกกว้างขึ้น ผมหงะค้าง ในขณะที่อีกฝ่ายก็มีท่าทางไม่ต่างกัน

     

    นายภีม ภทร มายืนอยู่ตรงหน้ารอให้ผมยันอย่างที่ว่าไว้เมื่อไม่ถึงนาทีก่อนแล้ว!!!!!!!

    To be continue...

    TALK: ปกติจะลงตอนประมาณตีหนึ่งตีสองตอนเริ่มวัน วันนี้มาลงสายหน่อยเนอะ ลงซะบ่ายแก่เลย ขอประทานอภัยด้วยน๊า แบบว่าเมื่อคืนติดภารกิจเล็กน้อยเลยแต่งช้าไปหน่อยนึง แหะๆ แต่ก็มาอัพทุกวันตามสัญญาแล้วนะ!! พาร์ทนี้ได้รู้จักพระเอกเพิ่มขึ้นอีกนิดนึงแล้ว เนอะ?? หวังว่านายภทรจะทำให้คนอ่านใจสั่นได้เหมือนกับที่นายคีตภัทรหวั่นไหวไปแล้ว คึคึ แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ :)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×