คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 2nd CLASS • NEWBIE
2nd CLASS • NEWBIE
ถนนหนทางในบางกอกวันเสาร์แบบนี้นี่มันวุ่นวายจริงว้อย!
อันที่จริงแล้วไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ว่ารถมันจะติดนะครับ เพียงแต่ผมไม่คิดว่ามันจะบ้าติดขนัดแน่นเอี้ยดได้ถึงขนาดนี้มากกว่า ปกติแล้วถึงผมกับไอ้อาร์ทจะตื่นสาย แต่ก็ไม่เคยสายอย่างวันนี้ ลบกับเวลาปกติที่ไม่มีแอคซิเดนท์หน้าลิฟต์ที่คอนโดเมื่อเที่ยงด้วยแล้ว ผมกับมันก็คงจะออกมาจากคอนโดกันตั้งแต่ก่อนเที่ยง ซึ่งรถมันก็จะยังไม่ติดขนาดนี้ หรือบางสัปดาห์อย่างดีเลยก็คือออกไปโต๋เต๋อยู่สยามกันตั้งแต่สายๆแล้วค่อยขึ้นบีทีเอสเข้าตึกตอนบ่ายๆชิลๆก็ยังทัน
แต่ไอ้การนั่งแท็กซี่จากคอนโดเข้าตึกตอนบ่ายเนี่ย ทั้งที่อยู่ห่างกันไม่เท่าไหร่ ใกล้กว่ามาจากสยามตั้งเยอะ แต่ผมว่าแม่งช้าพอๆกับเดินมาเลย
นี่กูเสียเจ็ดสิบกว่าบาทนั่งตากแอร์แท็กซี่เพื่ออะไรวะ!!?
ผมแบมือรับแบงค์ยี่สิบสองใบมาจากไอ้อาร์ทแล้วควักที่เหลืออีกสามสิบกว่าบาทในกระเป๋าสตางค์ยื่นให้แท็กซี่ ปิดประตูเสียงดังโครมอย่างหงุดหงิดจนลืมตัว ไม่รู้ลุงคนขับแกจะหันมาด่ามั้ยแต่ผมก็ไม่ได้สนใจ แดดตอนบ่ายแรงๆสว่างจ้าเสียจนผมต้องหยีตาแล้วขมวดคิ้ว สองเท้าก็ก้าวเร็วๆเข้าตึกไป ให้ตาย… กูสายเกือบชั่วโมงแล้ว
•
ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้น 29 ด้วยความที่ทั้งชั้นมันมีแต่ห้องซ้อม ก็คงไม่แปลกอะไรถ้ามันจะไม่มีผู้คนเดินตัดไปตัดมาแถวนี้เท่าไหร่ ในเมื่อตอนนี้ทุกคนก็คงเข้าไปอยู่ในห้องกันหมดแล้ว ที่หน้าชั้นมีแค่พี่สุพีอาร์ของชั้นที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงเคาน์เตอร์ของพี่แก พี่สุหันมามองผมกับไอ้อาร์ทแล้วยิ้มๆให้ แต่ผมว่ามันดูเป็นยิ้มที่แปลกๆพิกล คาดว่าเพราะพี่แกก็คงรู้นั่นล่ะว่าผมมาสาย และดูท่าทางว่าคงมีอะไรน่าสะพรึงกลัวรออยู่ในห้องซ้อมด้วย
ว่าแต่ วันนี้ซ้อมห้องไหนแล้วนะ?
ผมยกมือขึ้นมาเกาหัวแล้วหันไปถามไอ้อาร์ทที่อยู่ด้วยกัน
“ เฮ้ย วันนี้ซ้อมห้องไหนวะ? “
“ ไม่รู้ดิ ห้องกลางปะ? “ มันตอบแล้วย้อนถามผม ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน =_= แต่ขาก็พาผมก้าวเข้าไปทางห้องกลางที่อยู่ลึกเข้าไป เพราะห้องใหญ่ที่อยู่ด้านนอกมันเงียบเ งียบซะจนผมยังสงสัย อะไรมันจะเงียบได้ขนาดนั้นวะ เงียบไปทั้งชั้นจนผมรู้สึกประหลาด เค้ายกเลิกซ้อมแล้วไม่ยอมบอกผมกับไอ้อาร์ทรึเปล่าเนี่ย?
แสงไฟในห้องซ้อมห้องกลางติดอยู่ ผมถอนหายใจโล่งอกถึงแม้จะยังสงสัยในความเงียบ แต่อย่างน้อยก็คงมีคนอยู่ในนั้นนั่นล่ะ ผมยืนเกาะประตูอยู่กับไอ้อาร์ท เขย่งๆเผื่อจะมองเห็นอะไรผ่านหลังบานประตูบ้างแต่มันก็ไม่ช่วยอะไร ในที่สุดก็ต้องเสี่ยงตายด้วยการเปิดประตูเข้าไปช้าๆและเงียบเชียบที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้พึงจะกระทำได้
แต่เมื่อผมเปิดประตูเข้าไป ผมก็พบว่าตัวเองกำลังยืนจังก้าอยู่ท่ามกลางความสงบ...
คือที่จริงทุกคนก็อยู่ในห้องครบนั่นแหละ แต่ที่ผมเห็นอยู่คือทุกคนกำลังนั่งปิดตาหยั่งกับกำลังทำวิปัสสนากรรมฐานกันอยู่ เฮ้ย ผมเข้าผิดคลาสรึเปล่าวะ? แต่ไอ้ที่นั่งๆกันอยู่นี่ก็เพื่อนผมทั้งนั้นนี่หว่า ผมรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ไอ้อาร์ทเอาศอกสะกิดๆไหล่ผม ผมเลยปิดประตูลงให้เสียงเบาที่สุด แล้วไอ้อาร์ทมันก็พยักเพยิดหน้าให้เดินไปทางหน้าห้อง นู่นครับ พี่โม่ยืนกอดอกมองมาด้วยสายตาคาดโทษหมายหัวเรียบร้อยแล้ว
ผมกับไอ้อาร์ทก็จำต้องเดินไปด้วยสภาพอนาทรอ่อนใจสุดๆ
พี่โม่มองหน้าพวกผมสองคนแล้วทำท่ายกนิ้วขึ้นมาแตะที่ปาก ได้ยินเสียงชู่วววเบาๆจากปากพี่แก จากนั้นโดยไม่ทันได้บอกล่วงหน้า มะเหงกลูกไม่ใช่เล็กๆก็ถูกประเคนลงมากลางหัวผมกับไอ้อาร์ททันที ดีนะที่ผมกับมันไม่ทันได้ร้องซักแอะ เพราะดูตามกาลเทศะแล้ว ตอนนี้คงไม่ควรส่งเสียงดังเท่าไหร่
ผมเดาว่าไอ้ที่นั่งสมาธิกันอยู่นี่ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการทำ Ice Breaking ชื่อฟังดูเหมือนของกินปะ? แต่ไม่ใช่นะครับ =_= มันเป็นขั้นตอนการละลายพฤติกรรมน่ะครับ เป็นกิจกรรมทางจิตวิทยาอย่างนึงที่จะทำให้เราคุ้นกับเพื่อนและกิจกรรมต่างๆที่ต้องทำร่วมกัน ปกติก็ไม่ได้ทำทุกสัปดาห์หรอก แต่ก็มีอยู่เรื่อยๆ แล้วแต่ว่าพี่แกจะเฮี้ยนขึ้นมาสั่งให้ทำเมื่อไหร่
สายตาผมไล่มองไปเรื่อยเปื่อยจนถึงเยื้องๆกลางห้องไปหน่อย แล้วสายตาก็สะดุดเข้ากับคนหน้าใหม่ที่ไม่เคยเห็นในคลาสมาก่อน พลันก็นึกขึ้นได้ถึงคำที่เพื่อนสนิทเพิ่งบอกเมื่อตอนก่อนออกมาจากคอนโด วันนี้จะมีเด็กใหม่นี่หว่า และไอ้นี่ล่ะคงเป็นต้นเหตุให้พี่โม่นึกคึกทำ Ice Breaking
ผมมองเด็กใหม่นั่นจากตรงนี้ ไม่ใกล้ไม่ไกล รู้สึกคุ้นหน้าพิลึกๆอย่างบอกไม่ถูก พยายามนึกว่าเคยเห็นจากไหนก็นึกไม่ออก บางทีคงเป็นจากโฆษณาหรือว่าแม็กกาซีนอะไรซักอย่างล่ะมั้ง ก็โครงหน้าหล่อเด่นซะขนาดนั้น ขนาดว่าพวกเด็กฝึกคนอื่นก็ต้องคัดหน้ามาแล้วส่วนนึงนะ มันก็ยังดูเด่นกว่าคนอื่นๆขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แถมตัวก็สูงซะยิ่งกว่าอะไร ขนาดนั่งเฉยๆหลังยังตรงหยั่งกับมีใครเอาอะไรมาค้ำหลังมันไว้
คนห่าอะไรวะ ดูดีจริงจัง
“เอ้า เอาล่ะ ที่นี่เราจะทำกิจกรรมใหม่กันแล้วนะ เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งลืมตาขึ้นมาด้วย หลับตาไว้อย่างนั้นก่อน “ ผมละสายตาหันไปตามเสียงพี่โม่ที่ยืนพูดอยู่หน้ากระจกในห้องซ้อม ไอ้พวกที่เหลือก็ยังนั่งกันอยู่เหมื อนเดิมครับ หลับตากันอยู่เหมือนเดิม เออ แต่ได้มายืนหน้าห้องแบบนี้ รู้สึกเหมือนได้เป็นผู้หลักผู้ใหญ่เลยแฮะ ไอ้คามรู้สึกได้ยืนมองคนอื่นจากหน้าห้องนี่มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
ไอ้พวกนี้ก็ดูเชื่องดีเนอะ สั่งอะไรมันก็ทำตามว่ะ (เลวซะละกู แอบด่าเพื่อนในใจ ได้ข่าวว่าปกติกูก็ต้องไปนั่งรวมอยู่กับพวกมันนี่หว่า =_=)
“ เนื่องจากตอนนี้ สมาชิกร่วมคลาสของเราอีกสองคนที่เราพยายามจะจุดธูปอัญเชิญมันมาตั้งแต่ต้นคาบแต่มันก็ไม่มา มันเพิ่งมาถึงเอาเมื่อกี๊นี้ซึ่งผ่านมาเกือบชั่วโมงได้แล้ว…”
“ ไอ้คีย์กับไอ้อาร์ทใช่มั้ยพี่!!? “
ผมหันไปตามเสียงตะโกนนั่นทันที ซึ่งก็พบไอ้ฟรองค์ที่นั่งอยู่มุมห้องหลับหูหลับตาแต่สีหน้ากวนประสาทสุดๆทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“ นั่นแหละ “ พี่โม่ตอบ แล้วไอ่ฟรองค์ก็อมยิ้ม ผมเลิกคิ้วมอง มันยิ้มเชี่ยไรวะ?
“ พี่มีกิจกรรมใหม่มาให้เราทำกัน เพิ่งคิดได้สดๆร้อนๆตะกี๊นี้เลย “ เสียงเฮียโม่แกพูด แล้วผมก็รอฟัง “ เดี๋ยวพี่จะปล่อยให้พวกเราลุกขึ้น แล้วก็เดินไปรอบๆห้อง โดยที่ห้ามลืมตานะ เสร็จแล้วพอเดินไปชนใคร หรือจับใครได้ ก็ให้เราถามชื่อเค้า คนที่ถูกจับ ถูกถาม ก็ตอบไปว่าตัวเองชื่ออะไร แต่ที่พี่ต้องการคือ ต้องจับให้ได้ตัวคีย์กับอาร์ท ”
พี่แกพูด แล้วผมก็ได้แต่ทำหน้าตาประหลาดใส่พี่แก ไอ้อาร์ทก็ไม่ได้ต่างหัน หน้าตาดูงงโลกด้วยกันทั้งคู่ แบบว่า เพื่ออะไรวะพี่??
“ คีย์กับอาร์ทลืมตาได้นะ แต่คนอื่นห้ามลืมตา จะจับจะอะไรยังไงก็ได้ แต่ต้องเอาให้ชัวร์ว่าอีกฝ่ายน่ะคีย์กับอาร์ท คนที่จับได้ตัวคีย์กับอาร์ทแล้ว นั่งลง ส่วนคนอื่น ถ้ามีคนจับได้ตัวคีย์กับอาร์ทครบแล้ว พี่จะบอกให้นั่งลงได้ ” พี่แกก็ยังคงอธิบายครับ ผมก็ทำความเข้าใจกติกาตามใจ แต่หน้าตาผมสงสัยจะยังดูเหรอหราๆอยู่ดีนั่นแหละ
“ เอ้า เข้าใจแล้วก็ลุกขึ้นเลย! ”
เท่านั้นแหละ สิ้นคำสั่ง มือใหญ่บนแขนขาวๆล่ำๆของพี่แกก็ผลักทั้งผมทั้งไอ้อาร์ทออกไปข้างหน้าพร้อมๆกัน ผมทำได้แต่เบี่ยงตัวหลบ เพราะแทบจะเซแท่ดๆไปล้มใส่ไอ้เก้าที่กำลังจะลุกขึ้นยืน ผมมองหันซ้ายหันขวา ไอ้พวกที่เหลือก็ยืนกันแล้วครับ แม่งว่าง่ายกันจริงๆนะเนี่ย พอลุกขึ้นได้ พวกมันก็ริ่มเดินสะเปะสะปะกันทันที พวกผมถูกฝึกมาดีนะครับ ขอบอกไว้ก่อน ไม่มีการโกง เพราะถูกสอนมาว่าผลลัพธ์ที่มีค่าย่อมมาจากการตั้งใจจริงที่บริสุทธิ์
นั่นแหละครับ เพราะคำสอนที่ปลูกฝังเด็กฝึกอย่างพวกผมมาแบบนั้น ตอนนี้ประชากรเด็กฝึกเพื่อเตรียมเป็นศิลปิน เลยเต็มไปด้วยฝูงซอมบี้ขนาดย่อมแทน
คือลองนึกภาพตามดูนะ เด็กผู้ชายวัยกำลังกินกำลังนอนเกือบยี่สิบคนเดินปิดตาแล้วยื่นแขนออกมาพยายามจะไล่คว้าเอาสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกันคนไหนก็ได้ที่อยู่ใกล้มือใกล้ไม้ที่สุด จากนั้นก็พูดใส่หน้ากันว่า
“ เฮ้ย มึงชื่อไร? ”
“ ใครวะเนี่ย? ”
“ ไอ้คีย์ป้ะ? ”
“ ไอ้อาร์ทใช่มั้ย? ”
หรืออะไรทำนองนี้กันซ้ำไปซ้ำมาระงมรอบห้องซ้อมเสียงก้องนี่
อยากขำอะ!! ตลกชิบหาย!!
ผมก็กวนตีนด้วยสิ ใครมันเดินเข้ามาใกล้ ผมก็หลบ เรื่องอะไรจะให้มันจับกันล่ะ หลบคนนู้นทีหลบคนนี้ที มองไอ้พวกที่หลับตาอยู่มันจับกันเองก็สนุกดีนะครับ บางทีก็เริ่มได้ยินเสียงร้องโวยวายเมื่อไอ้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมันเสือกอุตริไปจับในที่พิเรนทร์บ้างอะไรบ้าง ผมยืนขำ แต่ก็ขำดังมากไม่ได้ เดี๋ยวไอ้พวกซอมบี้นี่มันหันมารุมทึ้งล่ะแย่เลย
แต่แล้วทำไมไม่รู้ จู่ๆสายตาก็ไปหยุดลงที่ไอ้คนๆนึงที่ผมไม่คุ้นหน้าแต่มันก็สะดุดตายิ่งกว่าใครตั้งแต่แว่บแรกที่ผมเห็น เมื่อเจ้าตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ส่วนสูงที่มีมากกว่าใครในห้องนี้ก็ยิ่งทำให้เจ้าของร่างดูโดดเด่นสะดุดตาขึ้นกว่าเดิม ใบหน้าหล่อเหลาที่ยังหลับตาพริ้มไม่ได้แสดงอารมณ์ตื่นเต้นหรือกระตือรือร้นอะไร หากแต่คิ้วที่ขมวดมุ่นเล็กๆนั่นบอกให้ผมรู้ว่าเจ้าตัวก็คงกำลังตั้งใจไม่น้อย
แต่ก็นี่แหละน๊า เพิ่งมาวันแรก คงไม่กล้าไปเล่นกับใครแรงๆเหมือนไอ้พวกที่เหลือล่ะสิ
ไอ้หน้าใหม่นั่นเดินเปะปะ พอไปใกล้ใครก็ไม่กล้าจับเค้าจบผมเห็นแล้วยังนึกสงสาร ผมหันกลับไปมองพี่โม่ที่ยืนมองผมอยู่ พี่แกยิ้มให้เหมือนจะรู้ทันว่าผมมองอะไรและคิดอะไรอยู่ ใช่ครับ ไอ้กิจกรรมแบบนี้มันก็เป็นส่วนนึงที่จะช่วยทำให้สมาชิกใหม่ลดช่องว่างระหว่างคนอื่นๆในกลุ่มลงด้วย และผมก็เดาออกว่าพี่โม่อยากให้ผมเข้าไปหาไอ้หน้าหล่อนั่น
นั่นแหละครับ ผมก็เลยเดินเข้าไป เดินตรงเข้าไปหามันผ่านดงซอมบี้นั่นแหละ ผมยืนจังก้าอยู่ตรงหน้ามัน แม่งเอ๊ย เวทนาว่ะ ไอ้หน้าหล่อเอ๊ย จะจับใครก็ไม่กล้าจับเนอะมึงอะ เอ้า คนหล่อกว่าที่มึงต้องหาให้เจอมายืนโปรดอยู่ตรงหน้าแล้ว จับกูเร็วเข้า!
ผมยืนเฉยๆอยู่ตรงหน้ามันอย่างนั้น และแน่นอน พอมันกวาดๆแขนอีกรอบ มือมันก็พาดหมับจับลงที่แขนผมได้พอดิบพอดี
ผมยิ้มกว้างทั้งที่มันยังไม่ได้ลืมตา และคงไม่เห็นหรอกว่าผมนะกำลังยิ้มให้มันด้วยรอยยิ้มกว้างที่โคตรมีเสน่ห์ (สาวๆบอกว่าผมยิ้มหวานที่สุดในคลาสนะครับขอบอก!!) ขนาดไหน!!
เหมือนมันจะทำหน้าตาตื่นที่จับคนได้คนแรก แม่งประสาทปะวะ ผมยืนเลิกคิ้วมองมันที่ยังหลับตาอยู่ เหมือนมันประมวลผลสติสตังของตัวเองไม่ค่อยได้ ถามสิเมิง ถามสิว่ากูชื่ออะไร เมื่อยโว้ย จะได้นั่งลงซักที
ผมมองริมฝีปากของคนตรงหน้าเหมือนกับว่าจะสามารถสะกดจิตให้มันเอ่ยถามชื่อผมออกมาได้…
หากแต่แทนที่มันจะพูดอะไรกลับกลายเป็นผมต้องร้องว๊ากเสียงดังขึ้นมาแทน เมื่อแรงเหวี่ยงจากไหนไม่รู้มากระแทกที่หลังผมเข้าอย่างจังจนผมทรงตัวเอาไว้ไม่ได้…
เหี้ย!!
คือทำที่เหมาะสมที่สุดคำเดียวที่ผมนึกออกในตอนนี้
ถ้านี่เป็นละครไทย ผมคงกำลังสวมบทนางเอกที่ละครหลังข่าวทุกเรื่องเขาทำกัน
กว่าจะรู้ตัวอีกที ผมก็ดันไอ้คนตรงหน้าหงายหลังลงไปแผ่หลากับพื้นพร้อมกับทั้งกำลังนั่งคร่อมคนแปลกหน้าที่ยังไม่รู้จักกระทั่งชื่อเขาซะเรียบร้อยเสร็จสรรพ
“ เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ”
โอ้วพระเจ้าาาาาาาาาาาาาา เกิดมาไม่เคยมีโพสิชั่นล่อแหลมกับผู้ชายด้วยกันขนาดนี้มาก่อน
ก็อดแดมอะไรของมึงวะไอ้คีย์!!!!
To be continue...
TALK: มีปณิธานตั้งเอาไว้กับตัวเองไว้ว่าอยากจะอัพทุกวันจังเลย แต่ไม่รู้จะทำได้รึเปล่า จะพยายาม อยากลองเขียนฟิคยาวๆดูบ้าง หวังว่าแรงบันดาลใจที่มีอยู่ตอนนี้จะไม่หมดไปง่ายๆ ตอนนี้คุณไมด์ Unloveable มาเล่นร้องเพลงอยู่ข้างๆหอ ร้องมาสิบกว่าเพลงละ ขณะนี้กำลังครวญเพลง 30 ยังแจ๋ว ตะกี๊ร้องงึกๆงักๆด้วย แหมคุณ เปลี่ยนแนวเมื่อไหร่ทำไมไม่บอกกัน =_= ฮ่าๆ อีกสองร้านมีจุ๋ยจุ๋ย กับสครับ สามร้านรอบหอกันเลยทีเดียว เจ๋งค่ะ จะให้ไปดูร้านไหนดีล่ะเนี่ย (สรุปคือไม่ดูซักร้านนั่นล่ะ นั่งปั่นฟิค ฮ่าๆๆ)
พาร์ทนี้พระเอกออกแล้ว เห็นมั้ย เห็นมั้ย... ผ่านเข้ามาอ่านแล้ว ขอคอมเม้นเป็นกำลังใจหน่อยนะคะ เจอกันพาร์ทหน้าค่ะ :)
ความคิดเห็น