ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : คำขอร้อง ......[chae]
หลังจากวันนั้นเป็นยังไงเหรอครับ อย่าว่าแต่หน้าผมเลยครับ เท้าผมนัตยังไม่มองเลย แต่กลุ่มห้องผมกับห้องนัตก็ยังคงมีเรื่องกันอยู่เรื่อยๆ สังเกตได้จากที่หมิงเองก็อารมณ์เสีย และบ่นกระปอดกระแปดอยู่บ่อยๆ และบางทีเวลาที่ห้องผมเดินผ่านห้องนัต หรือห้องนัตเดินผ่านห้องผมก็จะมีเสียงประชดประชัน กระทบกระเทียบกันเสมอๆ แต่ก็ไม่มีเรื่องถึงขั้นลงไม้ลงมือเหมือนวันนั้น
\"เฌปีหน้าจะเลือกเรียนแผนอะไรเหรอ\" เสียงฟ่างถามผมขณะที่ผมกำลังเหม่อมองไปทางห้องนัต พอขึ้นม.2เราจะต้องเลือกวิชาเสรีเอง ซึ่งส่วนใหญ่เพื่อนๆ ของผมจะเลือกพวกวิชาที่เตรียมเอาไว้เรียนสายวิทย์ ประเภทฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แต่ผมตั้งใจจะเลือกภาษาอังกฤษ เพราะผมอยากจะเป็นทูต ไม่เหมือนเพื่อนๆ ที่อยากจะเป็นหมดบ้าง วิศวะกรบ้าง ส่วนบางคนที่ไม่รู้ว่าอยากเป็นอะไรก็เลือกสายวิทย์เอาไว้ก่อน เพราะจะได้มีทางเลือกมากๆ
\"คงอังกฤษแหละ\" ผมตอบฟ่าง
\"เหรอ ความจริงเฌก็เก่งอังกฤษอยู่แล้วนะ น่าเรียนสายวิทย์นะ เผื่อจะเปลี่ยนใจอยากเรียนอย่างอื่น วิชาอื่นๆ เฌก็เก่งอยู่แล้วนี่\" ฟ่างพูดโน้มน้าวผม ฟ่างอยากเป็นหมอเพมือนพ่อ จึงเลือกเรียนสายวิทย์อย่างไม่ต้องสงสัย
\"จะลองไปคิดดูแล้วกัน\" ผมพูดยิ้มๆ ในใจก็คิดไปถึงเด็กผู้หญิงอีกคน ว่าเธอจะเลือกเรียนแผนไหน เผื่อว่าจะได้เรียนห้องเดียวกัน แล้วจะทำให้เธอหันมามองผมด้วยสายตาที่เป็นมิตรขึ้นมาบ้าง
*****
\"เฮ้ยนัตแกเลือกแผนอะไรว่ะปีหน้า\" เสียงนี้ดังขึ้น ระหว่างที่ผมนั่งอยู่ตรงที่ม้าหิน เพื่อรอให้คนขับรถมารับ เมื่อได้ยินชื่อนัต ผมเลยเบี่ยงสายตามามองทางเสียงคนพูด ใช่เลยครับ นัตกับเพื่อนของเธอ
\"อังกฤษแหละ ถนัดที่สุดแล้ว\" คำตอบของนัตทำให้ผมอมยิ้มด้วยความดีใจ หัวใจของผมพองโตจนแทบจะล้นออกมาจากอก  เท่าที่ผมรู้แผนอังกฤษมีทั้งหมด 3 ห้อง อย่างน้อยๆ ก็หนึ่งในสามก็แล้วกัน แต่หนึ่งในสามก็ยังมากไป ตอนนี้ในหัวของผมอยากที่จะอยู่ห้องเดียวกับนัต แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากภาวนา
\"เออ นัต จะว่าไปยังเจ็บใจยัยหมิงกับพวกของมันไม่หายเลยนะ\" เสียงเพื่อนของนัตพูดขึ้นอีก ทำให้ผมแอบถอนหายใจเล็กน้อย
\"นั่นสิ เรื่องคราวก่อนยังไม่ได้เอาคืนเลย\" นัตพูดเสียงเบาลง แต่ก็ไม่พ้นรัศมีการได้ยินของผม
\"เอาไงดีล่ะ คราวนี้เอาให้ขายหน้าทั้งโรงเรียนไปเลยดีไหม\" เสียงเพื่อนนัตอีกคนถามขึ้น จากนั้นผมก็ไม่ได้ยินบทสนทนาต่อไปแล้วล่ะครับ เพราะทั้งหมดก็ขยับเข้าใกล้กันยิ่งขึ้น และพูดกันเบาๆ ผมเหลือบตามองด้วยความกังวล นัตกับเพื่อนจะทำอะไรผมไม่อยากจะคิดเลย เพราะถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ พ่อของหมิงไม่ยอมแน่ๆ พ่อของหมิงเป็นนักการเมือง และหมิงเป็นลูกสาวคนเดียวที่จะแสนรักและสุดหวง และถ้าวันนั้นผมไม่เอาตัวเองเข้าไปขวางนัต ผมเองก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เพราะพ่อหมิงคงไม่ยอมง่ายๆ อย่างแน่นอน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะคิดทำอะไร พี่ชาติคนขับรถบ้านผมก็โทรเข้ามาก่อนว่าเขารออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนแล้ว ผมเองก็ได้แต่มองกลุ่มนัตด้วยความเป็นห่วง และแล้วก่อนที่ผมจะออกจากโรงเรียน ผมก็เดินผ่านห้องทะเบียน แล้วผมก็คิดอะไรบางอย่างออก ใช่ผมต้องพูดอะไรสักอย่างกับนัต กับนัตแค่สองคน
\"มีอะไรเหรอเฌราทร\" เสียงครูวรรณิการ์ถามขึ้น เมื่อเห็นผมด้อมๆ มองๆ อยู่แถวห้องทะเบียน
\"เอ่อ พอดีไฟล์ข้อมูลรายงานของผมติดไปกับกรธนัทห้องสิบน่ะครับ เลยอยากจะขอดูเบอร์โทร กับที่อยู่ จะได้ไปเอา เพราะผมต้องรีบทำส่ง\" ผมกุเรื่องขึ้นมา เพื่อที่จะได้เบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของนัต
\"แล้วทำไมไปอยู่กับเขาได้ล่ะ\" ครูวรรณิการ์ถามและมองผมลอดแว่นอย่างพินิจ
\"พอดีกรธนัทเขายืมสมุดศัพท์ผมไป แล้วผมสอดดิสก์เอาไว้ในสมุดน่ะครับ\" ผมพูดยิ้มๆ ใจเต้นตึกตักราวกับจะออกมาเต้นอยู่ข้างนอกร่างกายของผม
\"ได้สิ เธอลองไปหาดูในแฟ้มน่ะ\" ฟู่ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก หลังจากที่ผมได้เบอร์นัตมา ผมแทบจะกระโดดออกจากห้องเลยด้วยซ้ำ ในวินาทีที่ผมได้เบอร์นัตมาอยู่ในมือ ผมแทบจะลืมไปเลยว่าผมจะเอาเบอร์นัตมาทำอะไร และเพื่ออะไร
***
พอกลับมาถึงบ้าน ผมก็ไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากถือโทรศัพท์เดินไปเดินมาอยู่บริเวณสระว่ายน้ำของบ้าน ผมไม่รู้ว่าผมกดโทรศัพท์หานัตกี่รอบ แล้วก็กดวางกี่รอบ เฮ้อ ทำไมผมถึงได้ปอดแหกขนาดนี้ แค่โทรหาผู้หญิงเท่านั้น ผมก็เคยโทรหาผู้หญิงคนอื่นตั้งหลายครั้ง อย่างฟ่าง หมิง เคท หรือเพื่อนคนอื่นๆ แต่ทำไมถึงไม่ตื่นเต้นเหมือนกับโทรหานัตนะ แต่เอาว่ะ เป็นไงเป็นกัน
\"สวัสดีครับ ขอสายนัตครับ\" ผมพูด ใจเต้นไม่เป็นระส่ำ ผมพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นไปตามใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่ง
\"พูดอยู่ ใครอ่ะ\" เสียงนัตพูดอู้อี้ เหมือนกับเคี้ยวอะไรสักอย่าง ทำให้ผมอดที่จะขำไม่ได้
\"เฌนะ\" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายขึ้น จังหวะของหัวใจเริ่มเต้นช้าลง แต่ก็ยังเร็วอยู่เมื่อเทียบกับเวลาปกติ
\"เฌไหน\" นัตพูดอย่างแปลกใจ
\"ก็.......\" ผมจะบอกว่าเฌไหนดีล่ะ บางทีนัตอาจจะไม่รู้ชื่อผม หรือว่าเคยรู้แต่ไม่ใส่ใจก็เป็นได้
\"ถ้าไม่พูดจะวางแล้วนะ\" เสียงนัตดูเหมือนจะไม่พอใจเล็กน้อยที่ผมอ้ำๆ อึ้งๆ
\"ก็คนที่โดนนัตตบวันนั้นไง\" ผมพูดเสียงเบา ความจริงผมไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้หรอก แต่ก็ไม่มีเรื่องไหนที่นัตจะจำผมได้ดีเท่าเรื่องนี้อีกแล้ว
\"โทรมาทำไม\" นัตเสียงแข็งขึ้นทันทีอย่างเห็นได้ชัด เฮ้อ ท่าทางนัตจะไม่ชอบหน้าผมเอาเสียมากๆ เลย
\"นัต เอ่อ เรามีเรื่องจะพูดด้วย\" นัตเงียบ ไม่พูดอะไร ผมจึงพูดต่อไป \"นัตอย่ามีเรื่องกับหมิงเลยนะ ถ้ามีเรื่องกัน...\"
\"แล้วมันเรื่องอะไรของนาย ห่วงกันมาก เข้าข้างกันมาก นายชอบยัยหมิงอะไรนั่นหรือไง\" นัตตะโกนขึ้นมาด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
\"เปล่า ไม่ใช่นะนัต\" ผมพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ แม้ว่าจะรู้ว่ามันไม่ได้ผลก็ตาม
\"เหรอ เชื่อตายเลย ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับนาย\" นัตพูดกระแทกเสียง
\"เราเป็นห่วงนัตนะ\" ผมพูดออกไปตามที่ใจผมบอก นัตเงียบ ไม่พูดอะไรออกมา \"เราเป็นห่วงนัตจริงๆ พ่อหมิงเขาเป็นนักการเมือง ถ้าลูกสาวเขาเป็นอะไรขึ้นมา เขาไม่ยอมแน่ๆ นัตจะเอาอนาคตมาทิ้งเพียงเพราะการทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ เหรอ นัต เราขอร้อง เราไม่อยากเห็นนัตเดือดร้อน\"
\"นายจะมาห่วงฉันทำไม คุยเราก็ไม่เคยคุยกัน นายบ้าหรือเปล่า\" นัตพูดเบาลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็เจือปนไปด้วยความสงสัยเต็มกำลัง ก็แน่ละสิ อยู่ๆ เจอคนไม่เคยคุยด้วยตามปกติมาบอกว่าเป็นห่วง เป็นผมผมก็แปลกใจ แต่ทำไงได้ละครับ ในเมื่อผมเป็นห่วงนัตจริงๆ ห่วงมากเสียด้วยสิ
\"เราก็ไม่รู้ แต่เราขอเถอะนะนัต\" ผมพูดอ้อนวอน
\"นายก็ไปบอกเพื่อนนายก็แล้วกันว่าเลิกทำสายตาดูถูกพวกฉันสักที เพราะถ้าพวกฉันเห็นอีกละก็ ต่อให้พ่อใหญ่มาจากไหน ฉันก็ไม่เว้นหรอก จำเอาไว้ แค่นี้นะ\" นัตพูดจบก็วางสายทันที ผมถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก ถึงแม้นัตจะไม่พูดออกมาตรงๆ แต่นัตก็บอกว่าถ้าพวกผมไม่หาเรื่องก่อน นัตก็จะไม่ทำอะไร แต่ปัญหาก็คือ ผมจะทำยังไงให้เพื่อนๆ ของผมเลิกส่งสายตาอย่างนั้น และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
หลังจากทานข้าวเย็นเรียบร้อย ผมจึงตัดสินใจโทรหาฟ่าง เพื่อให้ฟ่างบอกกับคนอื่นๆ ให้ยุ่งกับพวกห้องนัต ฟ่างดูแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็บอกว่าจะพยายาม ทีแรกฟ่างก็จะไม่ยอมอยู่หรอกครับ แต่ผมขอร้อง พร้อมทั้งเสนอข้อเสนอ โดยการพาไปเลี้ยงหนัง ฟ่างก็ดูอารมณ์ดีขึ้น และตกลงรับปากจะช่วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้แค่ไหน ผมก็ได้แต่ภาวนาว่าขอเรื่องทุกอย่างจบลงและผ่านไปด้วยดี และก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีจริงๆ จนกระทั่งวันกีฬาสีของโรงเรียน ที่จัดขึ้นช่วงเดือนธันวา............
***
\"เฌปีหน้าจะเลือกเรียนแผนอะไรเหรอ\" เสียงฟ่างถามผมขณะที่ผมกำลังเหม่อมองไปทางห้องนัต พอขึ้นม.2เราจะต้องเลือกวิชาเสรีเอง ซึ่งส่วนใหญ่เพื่อนๆ ของผมจะเลือกพวกวิชาที่เตรียมเอาไว้เรียนสายวิทย์ ประเภทฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แต่ผมตั้งใจจะเลือกภาษาอังกฤษ เพราะผมอยากจะเป็นทูต ไม่เหมือนเพื่อนๆ ที่อยากจะเป็นหมดบ้าง วิศวะกรบ้าง ส่วนบางคนที่ไม่รู้ว่าอยากเป็นอะไรก็เลือกสายวิทย์เอาไว้ก่อน เพราะจะได้มีทางเลือกมากๆ
\"คงอังกฤษแหละ\" ผมตอบฟ่าง
\"เหรอ ความจริงเฌก็เก่งอังกฤษอยู่แล้วนะ น่าเรียนสายวิทย์นะ เผื่อจะเปลี่ยนใจอยากเรียนอย่างอื่น วิชาอื่นๆ เฌก็เก่งอยู่แล้วนี่\" ฟ่างพูดโน้มน้าวผม ฟ่างอยากเป็นหมอเพมือนพ่อ จึงเลือกเรียนสายวิทย์อย่างไม่ต้องสงสัย
\"จะลองไปคิดดูแล้วกัน\" ผมพูดยิ้มๆ ในใจก็คิดไปถึงเด็กผู้หญิงอีกคน ว่าเธอจะเลือกเรียนแผนไหน เผื่อว่าจะได้เรียนห้องเดียวกัน แล้วจะทำให้เธอหันมามองผมด้วยสายตาที่เป็นมิตรขึ้นมาบ้าง
*****
\"เฮ้ยนัตแกเลือกแผนอะไรว่ะปีหน้า\" เสียงนี้ดังขึ้น ระหว่างที่ผมนั่งอยู่ตรงที่ม้าหิน เพื่อรอให้คนขับรถมารับ เมื่อได้ยินชื่อนัต ผมเลยเบี่ยงสายตามามองทางเสียงคนพูด ใช่เลยครับ นัตกับเพื่อนของเธอ
\"อังกฤษแหละ ถนัดที่สุดแล้ว\" คำตอบของนัตทำให้ผมอมยิ้มด้วยความดีใจ หัวใจของผมพองโตจนแทบจะล้นออกมาจากอก  เท่าที่ผมรู้แผนอังกฤษมีทั้งหมด 3 ห้อง อย่างน้อยๆ ก็หนึ่งในสามก็แล้วกัน แต่หนึ่งในสามก็ยังมากไป ตอนนี้ในหัวของผมอยากที่จะอยู่ห้องเดียวกับนัต แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากภาวนา
\"เออ นัต จะว่าไปยังเจ็บใจยัยหมิงกับพวกของมันไม่หายเลยนะ\" เสียงเพื่อนของนัตพูดขึ้นอีก ทำให้ผมแอบถอนหายใจเล็กน้อย
\"นั่นสิ เรื่องคราวก่อนยังไม่ได้เอาคืนเลย\" นัตพูดเสียงเบาลง แต่ก็ไม่พ้นรัศมีการได้ยินของผม
\"เอาไงดีล่ะ คราวนี้เอาให้ขายหน้าทั้งโรงเรียนไปเลยดีไหม\" เสียงเพื่อนนัตอีกคนถามขึ้น จากนั้นผมก็ไม่ได้ยินบทสนทนาต่อไปแล้วล่ะครับ เพราะทั้งหมดก็ขยับเข้าใกล้กันยิ่งขึ้น และพูดกันเบาๆ ผมเหลือบตามองด้วยความกังวล นัตกับเพื่อนจะทำอะไรผมไม่อยากจะคิดเลย เพราะถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ พ่อของหมิงไม่ยอมแน่ๆ พ่อของหมิงเป็นนักการเมือง และหมิงเป็นลูกสาวคนเดียวที่จะแสนรักและสุดหวง และถ้าวันนั้นผมไม่เอาตัวเองเข้าไปขวางนัต ผมเองก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เพราะพ่อหมิงคงไม่ยอมง่ายๆ อย่างแน่นอน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะคิดทำอะไร พี่ชาติคนขับรถบ้านผมก็โทรเข้ามาก่อนว่าเขารออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนแล้ว ผมเองก็ได้แต่มองกลุ่มนัตด้วยความเป็นห่วง และแล้วก่อนที่ผมจะออกจากโรงเรียน ผมก็เดินผ่านห้องทะเบียน แล้วผมก็คิดอะไรบางอย่างออก ใช่ผมต้องพูดอะไรสักอย่างกับนัต กับนัตแค่สองคน
\"มีอะไรเหรอเฌราทร\" เสียงครูวรรณิการ์ถามขึ้น เมื่อเห็นผมด้อมๆ มองๆ อยู่แถวห้องทะเบียน
\"เอ่อ พอดีไฟล์ข้อมูลรายงานของผมติดไปกับกรธนัทห้องสิบน่ะครับ เลยอยากจะขอดูเบอร์โทร กับที่อยู่ จะได้ไปเอา เพราะผมต้องรีบทำส่ง\" ผมกุเรื่องขึ้นมา เพื่อที่จะได้เบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของนัต
\"แล้วทำไมไปอยู่กับเขาได้ล่ะ\" ครูวรรณิการ์ถามและมองผมลอดแว่นอย่างพินิจ
\"พอดีกรธนัทเขายืมสมุดศัพท์ผมไป แล้วผมสอดดิสก์เอาไว้ในสมุดน่ะครับ\" ผมพูดยิ้มๆ ใจเต้นตึกตักราวกับจะออกมาเต้นอยู่ข้างนอกร่างกายของผม
\"ได้สิ เธอลองไปหาดูในแฟ้มน่ะ\" ฟู่ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก หลังจากที่ผมได้เบอร์นัตมา ผมแทบจะกระโดดออกจากห้องเลยด้วยซ้ำ ในวินาทีที่ผมได้เบอร์นัตมาอยู่ในมือ ผมแทบจะลืมไปเลยว่าผมจะเอาเบอร์นัตมาทำอะไร และเพื่ออะไร
***
พอกลับมาถึงบ้าน ผมก็ไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากถือโทรศัพท์เดินไปเดินมาอยู่บริเวณสระว่ายน้ำของบ้าน ผมไม่รู้ว่าผมกดโทรศัพท์หานัตกี่รอบ แล้วก็กดวางกี่รอบ เฮ้อ ทำไมผมถึงได้ปอดแหกขนาดนี้ แค่โทรหาผู้หญิงเท่านั้น ผมก็เคยโทรหาผู้หญิงคนอื่นตั้งหลายครั้ง อย่างฟ่าง หมิง เคท หรือเพื่อนคนอื่นๆ แต่ทำไมถึงไม่ตื่นเต้นเหมือนกับโทรหานัตนะ แต่เอาว่ะ เป็นไงเป็นกัน
\"สวัสดีครับ ขอสายนัตครับ\" ผมพูด ใจเต้นไม่เป็นระส่ำ ผมพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นไปตามใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่ง
\"พูดอยู่ ใครอ่ะ\" เสียงนัตพูดอู้อี้ เหมือนกับเคี้ยวอะไรสักอย่าง ทำให้ผมอดที่จะขำไม่ได้
\"เฌนะ\" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายขึ้น จังหวะของหัวใจเริ่มเต้นช้าลง แต่ก็ยังเร็วอยู่เมื่อเทียบกับเวลาปกติ
\"เฌไหน\" นัตพูดอย่างแปลกใจ
\"ก็.......\" ผมจะบอกว่าเฌไหนดีล่ะ บางทีนัตอาจจะไม่รู้ชื่อผม หรือว่าเคยรู้แต่ไม่ใส่ใจก็เป็นได้
\"ถ้าไม่พูดจะวางแล้วนะ\" เสียงนัตดูเหมือนจะไม่พอใจเล็กน้อยที่ผมอ้ำๆ อึ้งๆ
\"ก็คนที่โดนนัตตบวันนั้นไง\" ผมพูดเสียงเบา ความจริงผมไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้หรอก แต่ก็ไม่มีเรื่องไหนที่นัตจะจำผมได้ดีเท่าเรื่องนี้อีกแล้ว
\"โทรมาทำไม\" นัตเสียงแข็งขึ้นทันทีอย่างเห็นได้ชัด เฮ้อ ท่าทางนัตจะไม่ชอบหน้าผมเอาเสียมากๆ เลย
\"นัต เอ่อ เรามีเรื่องจะพูดด้วย\" นัตเงียบ ไม่พูดอะไร ผมจึงพูดต่อไป \"นัตอย่ามีเรื่องกับหมิงเลยนะ ถ้ามีเรื่องกัน...\"
\"แล้วมันเรื่องอะไรของนาย ห่วงกันมาก เข้าข้างกันมาก นายชอบยัยหมิงอะไรนั่นหรือไง\" นัตตะโกนขึ้นมาด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
\"เปล่า ไม่ใช่นะนัต\" ผมพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ แม้ว่าจะรู้ว่ามันไม่ได้ผลก็ตาม
\"เหรอ เชื่อตายเลย ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับนาย\" นัตพูดกระแทกเสียง
\"เราเป็นห่วงนัตนะ\" ผมพูดออกไปตามที่ใจผมบอก นัตเงียบ ไม่พูดอะไรออกมา \"เราเป็นห่วงนัตจริงๆ พ่อหมิงเขาเป็นนักการเมือง ถ้าลูกสาวเขาเป็นอะไรขึ้นมา เขาไม่ยอมแน่ๆ นัตจะเอาอนาคตมาทิ้งเพียงเพราะการทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ เหรอ นัต เราขอร้อง เราไม่อยากเห็นนัตเดือดร้อน\"
\"นายจะมาห่วงฉันทำไม คุยเราก็ไม่เคยคุยกัน นายบ้าหรือเปล่า\" นัตพูดเบาลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็เจือปนไปด้วยความสงสัยเต็มกำลัง ก็แน่ละสิ อยู่ๆ เจอคนไม่เคยคุยด้วยตามปกติมาบอกว่าเป็นห่วง เป็นผมผมก็แปลกใจ แต่ทำไงได้ละครับ ในเมื่อผมเป็นห่วงนัตจริงๆ ห่วงมากเสียด้วยสิ
\"เราก็ไม่รู้ แต่เราขอเถอะนะนัต\" ผมพูดอ้อนวอน
\"นายก็ไปบอกเพื่อนนายก็แล้วกันว่าเลิกทำสายตาดูถูกพวกฉันสักที เพราะถ้าพวกฉันเห็นอีกละก็ ต่อให้พ่อใหญ่มาจากไหน ฉันก็ไม่เว้นหรอก จำเอาไว้ แค่นี้นะ\" นัตพูดจบก็วางสายทันที ผมถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก ถึงแม้นัตจะไม่พูดออกมาตรงๆ แต่นัตก็บอกว่าถ้าพวกผมไม่หาเรื่องก่อน นัตก็จะไม่ทำอะไร แต่ปัญหาก็คือ ผมจะทำยังไงให้เพื่อนๆ ของผมเลิกส่งสายตาอย่างนั้น และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
หลังจากทานข้าวเย็นเรียบร้อย ผมจึงตัดสินใจโทรหาฟ่าง เพื่อให้ฟ่างบอกกับคนอื่นๆ ให้ยุ่งกับพวกห้องนัต ฟ่างดูแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็บอกว่าจะพยายาม ทีแรกฟ่างก็จะไม่ยอมอยู่หรอกครับ แต่ผมขอร้อง พร้อมทั้งเสนอข้อเสนอ โดยการพาไปเลี้ยงหนัง ฟ่างก็ดูอารมณ์ดีขึ้น และตกลงรับปากจะช่วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้แค่ไหน ผมก็ได้แต่ภาวนาว่าขอเรื่องทุกอย่างจบลงและผ่านไปด้วยดี และก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีจริงๆ จนกระทั่งวันกีฬาสีของโรงเรียน ที่จัดขึ้นช่วงเดือนธันวา............
***
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น