ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอนพิเศษ - - สุดที่รัก
15 มิ.ย.
วันนี้ก็ดูเหมือนทุกวันตั้งแต่เริ่มเปิดเรียน ไปเรียน ตอนเย็นรับน้อง คุยกับเพื่อน บ้าๆ บอๆ
แต่สิ่งที่ต่างจากทุกวันก็คือ... \'เขา\'
ผู้ชายที่ดูร่าเริงสดใสเสมอ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูเศร้าจัง
....อกหักแล้วสิเรา...ผมนั่งมองท้องฟ้าที่ยังคงเป็นสีฟ้าอยู่ที่ริมสระน้ำของมหาวิทยาลัย เบื้องหลังของมันมีเสียงของกิจกรรมรับน้อง ปีนี้ผมอยู่ปี 2 เลยต้องมาช่วยกันคุมน้องๆ แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะทำอะไรสักนิดเดียว ให้ตายสิ ทำไมผมถึงได้รู้สึกเศร้าอย่างนี้ เฮ้อ...คบกันมาตั้ง 3-4 ปี ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ คำว่า \'รักแท้แพ้ระยะทาง\' เห็นได้ชัดก็งานนี้
\"เฮ้ คีมานั่งทำอะไรตรงนี้\" เสียงร้องเรียกผมด้วยระดับเสียง 180 เดซิเบล พร้อมกับตบไหล่ผมอย่างแรง อู้ย เจ็บใช้ได้เลยนะนั่น ผู้หญิงอะไรมือหนักชะมัด
\"ไอ้แพรวแกมาตีฉันทำบ้าอะไรวะ\" ผมหันไปด่าเพื่อนร่วมคณะ แพรวกับผมไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันก็จริง แต่ก็สนิทกันพอสมควร  ก็อย่างว่าแหละ คณะผมเวลาทำงานก็กินนอนที่คณะด้วยกัน มันก็รักใคร่สนิทสนมกันง่าย
\"อ้าว ก็เราเห็นคีทำหน้าเหมือนปวดขี้ ก็เลยตีให้จะได้ออกไวๆ ไง\" อย่าตกใจไปครับ เนี่ยแหละผู้หญิงคณะผม ให้ตะแคงดูหลับตาดูก็ไม่มีความเป็นผู้หญิงอยู่เลย พูดจาก็ไม่น่าฟัง ไม่เหมือน.... โอ้ย ผมจะไปคิดถึงเขาทำไมเนี่ย ไม่ๆ เลิกๆ เขาไปมีคนอื่นแล้ว
\"เฮ้ยๆ คี นั่นตัวอะไรอ่ะ\" แพรวพูดพลางชี้ชวนให้ผมดูอะไรในสระน้ำ ด้วยเหตุที่อกหักอยู่ หรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้ผมไม่ได้คิดเอะใจเลสักนิดเดียว ว่าเพื่อนจะทำกันได้ จังหวะที่ผมหันไปมองด้วยความอยากรู้เท่านั้นแหละ
....ตูม..... ไอ้แพรวครับ ไอ้แพรวมันผลักผมลงน้ำ ไอ้เพื่อน....เวร
\"ฮ่าๆๆ เล่นน้ำสนุกไหมคีตา\" แพรวยืนหัวเราะอย่างสะใจที่เห็นผมเปียกปอนไปหมดทั้งตัว ตอนนี้ทุกคนหันมาสนใจผมกันหมดแล้ว ก็แน่ละสิคนตกน้ำทั้งคนไม่สนใจได้ไง
\"ร้อนมากเหรอวะไคี\" ไอ้ภูเพื่อนซี้ผมถามกลั้วหัวเราะ หัวเราะกันเข้าไป ....แค้นนี้ต้องชำระ...
ว่าแล้วผมก็เอาตัวเองขึ้นจากสระน้ำ แล้ววิ่งจับไอ้แพรว ตอนนี้ขอเล่นงงานตัวการก่อนเถอะ เมื่อผมเปียกมันต้องเปียก แพรวก็วิ่งหนีผมสุดฤทธิ์เหมือนกัน แต่ขาสั้นๆ ของมันเหรอจะสู้ขายาวๆ ประดุจขาจิ้งโจ้ของผมได้ จ๊ากกกกกก ในที่สุดผมก็ล็อกตัวการเอาไว้ได้ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเพื่อนๆ ที่อยากรู้เต็มแก่ว่าผมจะจัดการยังไงกับแพรว หึๆๆ แพรวเอ๋ย เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับคีตา
\"โยนๆๆๆๆ\" เสียงเชียร์ดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ ขณะที่ยัยตัวดีดิ้นพร่าน ท่าทางจะรู้ชะตากรรมตัวเองในอีกไม่กี่นาทีต่อไปนี้ แต่ด้วยความที่ตัวโตกว่า แรงเยอะกว่า ผมก็จัดการกับผู้หญิงตรงหน้าไม่ยาก ขัดขืนนักก็อุ้มเสียแล้ว ก็อุ้มแบบอุ้มเจ้าสาวแหละครับ โยนสะดวกหน่อย
\"1...2...\" เสียงเพื่อนๆ ส่งเสียงเชียร์ขณะที่ผมกำลังจะเหวี่ยงแพรวลงน้ำ สระเดียวกับที่แพรวมันส่งผมลงไปนั่นแหลพ ส่วนแพรวก็ร้องแหกปากขอชีวิต แต่เมินไปเสียเถอะ การได้แกล้งคนเป็นความสุขอย่างนึงของผมเหมือนกัน ตอนนี้ยิ่งอกหัก ขอแกล้งให้หายเศร้าหน่อยเถอะ
\"3....ตู้ม....\" ในที่สุดผมก็ส่งแพรวลงไปเยี่ยมปลาจนได้ ผมมองด้วยความภูมิใจและสะใจ แต่....เฮ้ย
ผมลืมไปสนิทเลยว่าเสื้อนักศึกษามันเป็นสีขาว และก็บางมากๆ ด้วย โดยเฉพาะเสื้อผู้หญิง ตอนนี้ไอ้แพรวกำลังจะโผล่พ้นน้ำในสภาพที่เสื้อนักศึกษาโปร่งแสง ด้วยสัญชาตญาณผมกวาดสายตามองไปรอบๆ สระน้ำ เวร...ผู้ชายคนอื่นๆ จ้องแพรวตาเป็นมันเลย ผมนี่แย่จริงๆ ลืมไปได้ยังไง
\"ไอ้คี เพื่อนเวร เล่นกันอย่างนี้เลยเหรอ\" เสียงไอ้แพรวที่ยังคงไม่รู้ตัวเดินขึ้นมาจากน้ำในสภาพที่โป๊สุดๆ ผมรีบถอดเสื้อเปียกๆ ของผมออก ถึงแม้มันจะช่วยไม่ได้มาก แต่ก็ดีกว่าให้มันโปร่งแสงแบบโมเลกุลเดี่ยวอย่างนี้
\"มานี่ไอ้แพรว รู้เปล่าว่าคนอื่นเขาเห็นนมแกหมดแล้ว\" ผมพูดพลางเอาเสื้อคลุมมัน ส่วนไอ้แพรวจากที่เคยห้าวๆ หน้าแดงก่ำไปหมด
\"ก็เพราะใครล่ะ เล่นอะไรไม่รู้เรื่องเลย\" แพรวบ่นเบาๆ แต่ก็กระชับเสื้อผม ส่วนผมก็ส่งสายตาไปให้ผู้ชายคนอื่นประมาณว่าอย่ามองนะ มองตาย
วันนั้นผมก็เลยต้องขับรถไปส่งยัยตัวแสบ ด้วยความรู้สึกผิดหน่อยๆ ความจริงแพรวมันก็บอกแหละว่าไม่ต้องไปส่ง เพราะบ้านมันกับบ้านผมคนละทางเลย อีกอย่างเธอก็ได้เสื้อผ้าเปลี่ยนแล้ว แน่นอนว่าผมออกเงินซื้อให้ ความจริงผมก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมผมต้องรู้สึกผิดทั้งๆ ที่แพรวเป็นฝ่ายเริ่ม แต่ก็นั่นแหละนะ ผมเปียกน้ำมันไม่โป๊ แต่แพรวเปียกน้ำมันโป๊เห็นๆ เลย
\"ฮัดเช้ย\" เสียงจามดังสนั่นห้องนี้เกิดขึ้นหลายครั้งในคาบนี้ ทำให้ผมมองแพรวด้วยความเป็นห่วง เฮ้อ ไอ้คีนะไอ้คี อีกแล้วนะ ทำให้คนอื่นเดือดร้อนอีกแล้วไม่น่าเลย
\"เอ้า\" ผมยื่นกระดาษทิชชู่ให้ยัยตัวแสบที่กำลังจามไม่หยุด
\"ขอบใจ\" แพรวยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร จะว่าไปไอ้แพรวมันก็หน้าตาน่ารักนะ ตาโตๆ ผิวขาวๆ ตัวเล็กๆ ตามสมัยนิยม นิ้วของมันเรียวสวย สมกับที่เป็นคนที่เกิดมาเพื่องานศิลปะ แพรวเป็นคนที่วาดรูปเก่งมาก และรูปที่แพรววาดจะมีอารมณ์ความรู้สึกของภาพอยู่ในนั้น ไม่แข็งกระด้างเหมือนเวลาใครหลายๆ คนวาด แน่นอนว่ารวมถึงผมด้วย
ตอนที่ผมกับแพรวเจอกันครั้งแรกก็เพราะภาพวาดสีน้ำของแพรวเนี่ยแหละ แพรวกำลังวาดรูปอย่างตั้งใจในยามเย็นที่สวนสาธารณะแห่งนึง ด้วยความที่ผมชอบดูภาพวาด ผมจึงไปยืนดูด้วยความสนใจ แล้วก็ติดใจภาพของแพรวเข้าอย่างจัง
\'สวยนี่\' ผมพูดชมออกไป ทำให้คิ้วของแพรวขมวดเข้าหากันแล้วมองมาทางผมอย่างแปลกใจ ก่อนที่จะคลี่ยิ้มออกมา
\'ขอบคุณ... นายชื่อคีใช่ไหม?\' แพรวถามขึ้น ตอนนั้นผมจำไม่ได้หรอกว่าเป็นเพื่อนร่วมคณะ
\'ใช่ เราเคยรู้จักกันเหรอ\' ผมถามออกไปอย่างซื่อๆ เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากแพรว นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นรอยยิ้มของแพรว รอยยิ้มของเธอช่างทำให้โลกนี้ดูสดใสสว่างจ้าเสียจริง
\'เราเรียนคณะเดียวกัน จำไม่ได้เหรอ เมื่อวันก่อนเพิ่งจะรับน้องวันแรกไปเองนะ\' แพรวเฉลยให้ผมฟังก่อนที่ผมจะงงไปมากกว่านี้ ตั้งแต่นั้นมาผมก็มีชื่อเล่นใหม่ว่า \'ปลาทอง\' เพราะแพรวบอกว่าผมความจำปลาทอง ผมเคยบอกแพรวทีหลังว่า ถ้าวันที่เจอกันครั้งแรกแพรวยิ้มให้ ผมก็คงไม่ลืมแพรวอย่างแน่นอน
7 ส.ค.
ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันกลายเป็นอย่างนี้ได้ยังไง พอรู้สึกตัวอีกทีฉันกับเขาก็สนิทกันมากขึ้น ถึงขั้นไปไหนมาไหนด้วยกัน
ขยับฐานะจากเพื่อนร่วมคณะมากลายเป็นเพื่อนสนิท สาเหตุนึงอาจเป็นเพราะเพื่อนของเขาไปมีแฟนแล้วก็ได้
แต่สิ่งเดียวที่ฉันเป็นห่วงก็คือ เวลาเขาเผลอ เขามักจะทำหน้าเศร้าเสมอ เขาคงรักผู้หญิงคนนั้นมาก... มากเสียจนไม่อาจจะลืมได้
\"ไอ้คี ยังทำไฃใจไม่ได้อีกเหรอวะ\" เสียงไอ้ภูถามขึ้นพร้อมกับนั่งลงข้างๆ ผม ผมรู้นะว่าทุกคนเป็นห่วงที่ผมทำท่าซึมๆ ทุกครั้งที่ผมเผลอ แต่ผมก็พยายามแล้ว แต่บางทีมันอดคิดไม่ได้จริงๆ
\"ไอ้บ้าเอ้ย ใครจะเศร้านานขนาดนั้นวะ แค่เครียดๆ เรื่องสอบ\" ผมแก้ตัวพร้อมหัวเราะกลบเกลื่อน ผมไม่อยากจะให้เพื่อนรับรู้อะไรสักเท่าไหร่ ผมไม่อยากให้ใครเป็นห่วง
\"ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีไป\"
หลังจากคำพูดคำนั้นของไอ้ภูพวกเราก็นั่งเงียบๆ กันสักพัก ราวกับว่าแต่ละคนมีอะไรที่จะต้องคิดหนัก และคนที่เปิดปากก่อนก็เป็นไอ้ภู
\"เออ... ว่าแต่ว่าแกมานั่งตรงนี้ทำไมวะ\" พอไอ้ภูถาม ผมก็นึกอะไรออกทันที ผมก้มลงมองนาฬิกาอย่างหงุดหงิด
\"ไอ้แพรวน่ะสิ นัดกันไว้ยังไม่มาอีก มือถือก็ไม่มี โทรตามก็ไม่ได้\" พอผมนึกออกว่ามานั่งตรงนี้ทำไมผมก็เริ่มทำหน้าที่เป็นหมี บ่นมันเข้าไป ทั้งหมดเป็นเพราะแพรวคนเดียว ปล่อยให้มันมานั่งรอ จนความคิดฟุ้งซ่านไปหาเธอคนนั้น  โอ้ย แล้วตอนนี้มันอยู่ไหนเนี่ย
\"ไม่รอแล้วโว้ย ถ้าแกเจอมันก็บอกด้วยแล้วกัน ไปกินข้าวแล้ว เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน\" พูดจบผมก็ก้าวยาวๆ ไปทางโรงอาหาร แต่ก็เดินไปไม่กี่ก้าวหรอกก็ได้ยินเสียงใสๆ ของแพรว
\"คีๆ รอด้วย\" มาได้สักที ความจริงผมก็ไม่ได้โกรธอะไรมากหรอก แต่ขอแกล้งโกรธเสียหน่อยเถอะ เดี๋ยวจะได้ใจ เพราะกฎของการเลี้ยงหมาคือ ทำดีต้องให้รางวัล ทำผิดต้องลงโทษ
\"คี..รอด้วย..เราขอโทษ\" เสียงแพรวพูดไปหอบไป แต่ผมยังไม่หันไปมองหรอกครับ เดี๋ยวใจอ่อนเสียแผนหมด ต้องปั้นหน้ายักษ์ใส่ก่อน
\"คีเราขอโทษ\" ในที่สุดแพรวก็วิ่งมาทันผมจนได้แพรวจับแขนผมเอาไว้ราวกับกลัวว่าผมจะหนีหายไปไหน \"พอดีคุยกับอาจารย์นานไปหน่อย ขอโทษนะ\" ผมเหล่ตามองก่อนที่จะทำท่าเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ส่วนแพรวน่ะเหรอ ทำหน้าเหมือนลูกหมาถูกทิ้งเลย น่าแกล้งชะมัด
\"คีแกอย่างอนเดะวะ เหมือนเกย์เลย เฮ้ย... หรือว่าแกจะเป็น\" พูดจบมันก็เอามือปิดปากตัวเอง แล้วทำตาโตเท่าไข่ห่าน \"ไม่น่าเลยคี ไม่เป็นไรนะ ฉันเข้าใจ\"
\"ไอ้บ้าแพว นี่แกไม่มีอะไรจะคิดแล้วใช่ไหม หิวก็หิวต้องมานั่งรอแก แทนที่จะสำนึกกลับมาคิดอะไรบ้าๆ เดี๋ยวพ่อจับเหวี่ยงลงน้ำเลยนี่ รีบไปโรงอาหารกันเลย หิว!!\"
แน่นอนล่ะครับว่าผมก็มีวิธีลงโทษแพรวขั้นที่สองเหมือนกัน ก็เหมือนกับทุกครั้งที่มันมาช้าแหละครับ อ๊ะๆ อย่ามองผมอย่างนั้น ผมเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่ทำอะไรรุนแรง แค่ฉวยโอกาสนิดหน่อยเอง
...ฉวยโอกาสสบายไงครับ อย่าคิดลึก....
\"ข้าวมาแล้วค่ะคุณชายคีตา นี่นมชมพูเย็นตามที่สั่ง\" แพรววางข้าวและน้ำที่ซื้อมาให้ผมพลางทำหน้ามุ่ย มันทำหน้าแบบนี้ทุกครั้ง แต่ก็ทำให้ผมทุกครั้ง แต่ก็เฉพาะเวลาที่มันทำผิดนะ ถ้าเป็นเวลาปกติแล้วผมใช้มันไปซื้อละก็ ข้าวที่อยู่ในจานจะมาอยู่ที่หัวผมแทน
\"ดีมาก เดี๋ยวกินเสร็จแล้วเอาของไปเก็บที่ล็อกเกอร์ให้ด้วยนะ\" ผมสั่งต่อ
\"ได้ค่ะเจ้านาย\" ไอ้แพรวกันฟันตอบ บอกแล้วไงครับว่าผมน่ะสุภาพบุรุษพอ แค่ลดระดับจากเพื่อนเป็นทาสชั่วคราว...ก็เท่านั้นเอง
ผมรู้ว่าใครๆ คงจะแปลกใจที่ทำไมอยู่ดีๆ ผมกับแพรวถึงสนิทกันมากขึ้นแบบกะทันหัน แต่ธรรมชาติของคนเราก็ย่อมอยากจะอยู่กับคนที่เรารู้สึกดีและสบายใจ และแพรวก็ทำให้ผมรู้สึกอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นท่าทางและคำพูดที่กวนประสาท หรือว่านิสัยอื่นๆ แพรวมักจะยิ้มร่าเริงอยู่เสมอ จนผมเคยคิดว่ามันเคยโกรธใครจริงๆ จังๆ บ้างหรือเปล่า เห็นอย่างมากก็แกล้งโกรธ จากนั้นไม่กี่นาทีก็หัวเราะร่า นี่เป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งของแพรว และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้แพรวมีเพื่อนเยอะมากๆ
เย็นวันนั้นก็คล้ายๆ กับเย็นวันอื่นๆ แพรวจะชวนผมออกไปวาดรูปตามที่ต่างๆ วันนั้นแพรววนผมไปที่สวนสาธารณะแถวๆ มหาวิทยาลัย ผมเองก็ตกปากรับคำเป็นอย่างดี อย่างน้อยๆ มันก็ดีกว่าไปเหงาอยู่ที่บ้านคนเดียวก็แล้วกัน พอถึงสถานที่ แทนที่แม่ตัวดีจะลงมือวาดรูปอย่างที่บอก กลับเดินดูนู่นดูนี่ด้วยความสนใจ เหมือนเด็กจริงๆ เลย
\"นี่... ตกลงจะวาดรูปหรือเปล่า?\" ผมถามด้วยความหมั่นไส้ ยัยคนหน้าเป็นก็กลับมาสั่นหัวดิก เล่นเอาผมอยากจะจับมาตีก้นเสียให้เข็ด ตัวเองเป็นคนชวนมาวาดรูป แต่พอมาถึงกลับไม่วาดเสียนี่
\"วันนี้มาดูสถานที่ก่อน\" แพรวตอบยิ้มๆ เอากับมันสิ
\"เออดี งั้นมานั่งตรงนี้... เร็วสิ!!\" แพรวมองผมงงๆ ก่อนที่มานั่งโดยดี \"เป็นแบบให้หน่อย\"
ทีแรกแพรวทำท่าจะไม่ยอม แต่พอผมทำตาดุๆ แพรวก็นั่งหน้ามุ่ยยอมเป็นแบบให้ผมวาดรูปแต่โดยดี  แต่บอกมันก็ยังบ่นไม่หยุดอยู่ดี
ความสัมพันธ์ของผมและแพรวก็เป็นอย่างนี้เรื่อยๆ จะมีตอนปี 2 เทอมปลายที่แพรวดูจะขยันขึ้นเป็นพิเศษ แพรวเริ่มหางานพิเศษทำ อย่างเช่นรับสอนศิลปะที่โรงเรียนพี่ของเพื่อนแพรวที่อยู่จิตรกรรม หรือว่าติวเอ็นฯ แถมยังมีรูปประกอบหนังสือตามสำนักพิมพ์ต่างๆ อีก
\"แกจะรีบร้อนหาเงินไปไหนวะแพรว\" ผมเคยแซวมันเล่นๆ ในวันนึงที่มันปฏิเสธไม่ไปดูหนังกับผม เพราะติดสอน
หลังจากที่ผมถามคำถามเล่นๆ คำถามนั้นไป ดวงตาที่เคยสดใสเป็นประกายอยู่เสมอสลดวูบเพียงชั่วเสี้ยววินาที แล้วกลับมาสดใสเหมือนเดิม จนผมคิดว่าผมตาฝาดไปเสียอีก
\"ไม่ดีเหรอจะได้รวยเร็วๆ ไง เพราะยังไงคนอย่างฉันก็คงไม่มีใครเอา ต้องเลี้ยงตัวเองไปจนแก่นั่นแหละ\" แพรวพูดกลั้วหัวเราะ ทำให้ผมรู้สึกหมั่นไส้ปนเอ็นดู ตอนนั้นผมไม่คิดเลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่สดใสอยู่คลอดเวลาอย่างแพรว จะต้องแบกรับอะไรมากมาย จนปัญหาที่านเข้ามาในชีวิตผมทั้งหมดดูเล็กไปเลย
14 กุมภาพันธ์
ความจริงวันนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่พอเห็นภูเดินมาท่าทางหัวเสียบอกแต่ว่าอยากต่อยคน
ทีแรกฉันก็นึกแปลกใต แต่พอภูบอก่าเขาเมามายไม่ได้สติ ปากก็เพ้อถึงผู้หญิงคนนึงที่ทิ้งเขาไม่นานแสนนาน
ภูบอกกับฉันว่า เขาเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินจูงมือกับแฟนใหม่
นี่เขายังทำใจไม่ได้อีกเหรอ? แล้วที่ฉันพยายามทำไปทั้งหมด มันคือความว่างเปล่า...ใช่ไหม?
\"ไงไอ้คี อุตส่าห์แอบหวังนะว่ามรึงจะไม่ตื่นมาดูโลกแล้ว\" เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับคำพูดที่น่าถีบของเพื่อนรัก และอาการเมาค้างอย่างรุนแรง
\"ไอ้เพื่อนเวร มาทำอะไรที่บ้านกรูวะ กลับไปเลยไปไ ผมไล่มันขณะที่หลับตาลงอีกครั้ง สมองผมก็เริ่มนึกทบทวนเหตุการณ์เมื่อวานที่ดูเหมือนว่าเลือนหายไปจากความทรงจำของผม เมาทีไรลืมทุกอย่างทุกที 
...ใช่...เมื่อคืน ผมเห็นเธอ ผู้หญิงที่คบกันมานานหลายปี เดินจับมือกับผู้ชายคนนึงแถมมหาวิทยาลัยของผม จากนั้นเพื่อนก็ชวนไปกินเหล้า หลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
\"แหกตาดูอีกทีซิ ว่านี่บ้านใคร\" เสียงไอ้ภูพูดขึ้นโหดๆ ยังไงชอบกล ผมปรือตามองห้องที่ผมนอนอยู่อย่างพินิจ นี่มันไม่ใช่ห้องผมนี่นา มันเป็นห้อง...ไอ้ภู
\"เออ ทีนี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าใครสมควรที่จะต้องไปมากกว่ากัน\" ไอ้ภูพูดจบก็มองหน้าผมนิ่ง ก่อนที่จะถามคำถามที่แทงใจดำผมดังจึก \"ใครบอกว่าทำใจได้แล้วไง\"
\"ก็ใช่..\" แต่มันเห็นตำตานี่นา... ผมพูดต่อในใจ
\"เหรอออออ\" ไอ้ภูลากเสียงยาว พลางทำหน้าไม่เชื่ออย่างแรง ความจริงถ้าเป็นผมผมก็ไม่เชื่อเหมือนกันนั่นแหละ \"ช่างเถอะ แล้วรู้เปล่าหรือเปล่าว่าเมื่อคืนทำอะไรลงไปบ้าง?\"
ทำอะไรลงไปบ้างอย่างนั้นเหรอ?...ผมมันประเภทเมาแล้วลืมด้วยสิ แต่ต้องนึกให้ออกสิ ดูจากหน้าไอ้ภูแล้วผมคงทำอะไรที่ทุเรศๆ ออกไปแน่ๆ เลย
\"อ้วก\" ผมเดาคำตอบแรกออกไป คนเราเมาแล้วก็ต้องอ้วกสิ แต่ไอ้ภูส่ายหน้า แล้วมองผมนิ่งๆ เวลามันทำหน้าแบบนี้น่ากลัวชะมัดเลย
\"ร้องไห้\" ผมพูดคำนี้เบาหวิว นี่ผมคงไม่ร้องไห้พร่ำเพ้อต่อหน้าประชาชีหรอกนะ แต่ไอ้ภูก็ยังคงส่ายหน้าอยู่ ผมก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
\"แก้ผ้าเหรอ?\" ผมพูดจบก็ทำตาโตเท่าไข่ห่าน ภาวนาไม่ให้ตัวเองทำแบบนั้นลงไป
\"ไอ้ทุเรศ ไม่ต้องเดาแล้ว แกลวนลามไอ้แพรว\"
\"หา!?\" ผมร้อง \'หา\' ลั่นบ้าน ตอนนี้ตาผมคงโตเท่าไข่ไดโนเสาร์ อาการเมาค้างหายไปอย่างปลิดทิ้ง  \"กรูๆๆ...\"
\"แค่นี้ถึงกับติดอ่างเลยเหรอวะ ทีเมื่อคืนกอดมันเสียแน่น ใครแยกยังไงก็ไม่ยอม แถมยังเรียกชื่อแฟนเก่าอีกนะ\" พูดจบไอ้ภูก็พ่นลมหายใจดังพรืด...ไอ้แพรวฉันขอโทษ...
\"แล้วไอ้แพรวมันโกรธไหมวะ มันเตะต่อยกรูเปล่า?\" 
\"ก็ลุ้นให้มันทำอย่างนั้นอยู่ แต่มันคงเห็นใจหมาบ้า ก็เลยไม่ได้ว่าอะไร แถมมาส่งมรึงที่นี่อีก ก็เล่นไม่ยอมปล่อยมันเลยนี่หว่า\"
\'ตายโหง\' ผมไม่ได้พูดออกไปหรอกครับ มันเป็นคำพูดในใจผม นี่ผมอะไรอย่างนั้นไปได้ยังไงเนี่ย
\"นอกจากกอดแล้ว...ทำอะไรอีกหรือเปล่าวะ\" ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
\"อยากรู้เหรอ?\" ไอ้ภูถามพลางมองหน้าผมอย่างกวนประสาทนิดๆ แต่ผมก็จำใจพยักหน้าด้วยความอยากรู้ \"ไปถามไอ้แพรวสิ\"
ถ้าให้นับกันจริงๆ ผมคงเดินมาหลายกิโลแล้ว ทั้งๆ ที่ผมเดินวนไปวนมาอยู่ไม่ดี่เมตรเอง
ตอนนี้ผมอยู่หน้าโรงเรียนสอนศิลปะที่แพรวสอนอยู่ ให้ตายสิทำไมผมถึงตื่นเต้นขนาดนี้นะ พอคิดถึงเหตุที่ทำให้ผมต้องมาเดินไปวนมาอยู่อย่างนี้ก็รู้สึกโกรธตัวเองไม่หาย ผมทำอะไรลงไป ผมกอดแพรว แถมยังคิดว่าแพรวเป็นเธอ... ให้ตายสิ
ตายเป็นตาย.. ผมตัดสินใจผลักประตูเข้าไปในโรงเรียน ถึงจะโดนมันอัดก็ยอม ในเมื่อผมเป็นคนผิดนี่นา จะกลัวก็กลัวอยู่อย่างเดียว กลัวมันไม่ยกโทษให้ แต่ไม่ว่ายังไงผมจะตามตื้อมันจนกว่ามันจะยกโทษให้นั่นแหละ
\"สวัสดีครับ ผมมาหาแพรวครับ\" ผมบอกกับประชาสัมพันธ์คนสวยที่นั่งอยู่ด้านหน้า พร้อมส่งรอยยิ้มหวานๆ ไปให้
\"แพรว ครูแพรวเหรอคะ สักครู่นะคะ\" ว่าแล้วเธอก็ต่อสาย และพูดอะไรสองสามคำกับแพรว
\"ครูแพรวบอกให้คุณขึ้นไปชั้น 3 เลยค่ะ\"
ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนที่จะเดินขึ้นไปยังชั้นบน ผมสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อเรียกความกล้าหาญที่มีอยู่เพียงน้อยนิดเวลานี้ ผมไม่คิดเลยว่าผมจะตื่นเต้นขนาดนี้ได้  ในใจผมคิดกังวลไปสารพัด ถ้าแพรวโกรธแบบไม่มองหน้าจะทำยังไง แต่ก็ใจชื้นตรงที่แพรวไม่ออกปากไล่เขาไปตั้งแต่ยังไม่เจอหน้า แต่ก็อย่างว่า คนอย่างแพรวไม่เคยกลัวที่จะเผชิญหน้ากับอะไรอยู่แล้ว
\"เดินช้าจัง มาช่วยฉันหยิบของหน่อยเร็ว\" แพรวพูดขึ้นมันทีที่เห็นผมเดินขึ้นมา ท่าทางของแพรวไม่มีความโกรธเคืองใดๆ อยู่เลย และนั่นทำให้ผมประหลาดใจยิ่งนัก \"เอ้า มัวแต่เหม่ออยู่นั่นแหละ รีบเดินหน่อยสิ\"
หลังจากนั้นผมก็โดนใช้ยับ ยัยแพรวให้ผมไปยกอุปกรณ์วาดรูปไปที่ห้องเรียนห้องหนึ่ง ผมก็ทำตามคำสั่งคุณเธอเงียบๆ ไม่มีโต้เถียงอะไรทั้งนั้น ก็คนมีความผิดอยู่นี่ครับ ใครจะไปกล้าหือ ผมมองดูแพรวสอนเด็กวาดรูปอย่างเพลิดเพลิน ผมว่าเวลาแพรววาดรูปแพรวดูน่ารักแล้วนะ แต่เวลาอยู่กับเด็กแพรวดูน่ารักกว่า อาจเป็นเพราะความอ่อนโยนที่ฉายชัดในแววตาคู่นั้น
\"เอ้ามีอะไรก็ว่ามา\" แพรวพูดขึ้นหลังจากที่สอนเสร็จ เด็กนักเรียนตัวน้อยๆ ของแพรวก็กลับกันไปหมด ในห้องเรียนจึงเหลือเพียงผมกับแพรว
\"เมือคืน....ฉัน...เอ่อ....\"
\"ขอโทษ\" แพรวต่อให้อย่างรู้ทันเมื่อเห็นผมเอาแต่อ้ำๆ อึ้งๆ \"โบราณท่านว่าอย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา แกทั้งบ้าทั้งเมา ฉันถือก็บ้าตามแกแล้ว\"
พูดแรกๆ ก็ดีอยู่หรอก แต่ประโยคหลังนี่สิ เล่นเอาฉุนนิดๆ ผมก็เลยลงโทษด้วยการล็อคคอมันหลวมๆ โทษฐานพูดมาก ปากไม่ดี ส่วนแพรวก็แกล้งร้องโอโอยอย่างไม่จริงจัง ก่อนที่เราสองคนจะหัวเราะเล่นกัน
\"ถามอะไรหน่อยได้ไหมคี\" แพรวหยุดหัวเราะมองหน้าผมนิ่ง เล่นเอาผมใจไม่ดีไปเหมือนกัน เพราะเวลาคนถามอย่างนี้ทีไร ต้องเป็นเรื่องที่ผมไม่อยากตอบแทบจะทุกที
\"เออ\" ผมตอบห้วนๆ พลางอมองทางอื่น เลี่ยงที่จะไม่สบตากับแพรว
\"แกร้องไห้บ้างหรือยัง?\" ทีแรกผมจะอ้าปากถามอยู่ว่าผมต้งร้องไห้เรื่องอะไร แต่พอหันไปเจอหน้าแพรว ตะกอนที่ตกค้างอยู่ในใจผมก็ถูกกวนให้ขุ่นขึ้นมาทันที ผมไม่อยากอ่อนแอ ผมไม่อยากฟูมฟาย แต่ผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมรักผู้หญิงคนนั้นมาก... อาจจะมากเท่าชีวิตของผมเลยด้วยซ้ำ
\"แล้วมันจะผ่านไป\" แพรวพูดพลางเอามือตบไหล่ผมเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ ผมไม่รู้เลยว่าน้ำที่ไหลออกมาจากตาของผมมันมาจากไหน แต่มันก็เหมือนกับว่าผมได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่างออกจากใจ ขอเถอะนะ... วันนี้ขออ่อนแอสักวัน
\"ขอกอดหน่อยนะแพรว\" ผมพูดขออนุญาตพร้อมดึงตัวแพรวมากอดเสียแน่น ผมรู้แล้วล่ะว่าทำไมเมื่อคืนผมถึงกอดแพรวไม่ยอมปล่อย ก็อ้อมกอดแพรวออกจะอบอุ่นขนาดนี้ ไหนจะมือที่คอยลูกหลังปลอบประโลมอีก แค่นี้ผมก็ไม่อยากจะไปไหนอีกเลย....
11 พ.ค.
ไม่น่าเชื่อว่าวันเวลาจะผ่านไปได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้
จากปี 1 ที่เราเป็นกันได้เพียงเพื่อนร่วมคณะ พอปี 2 ก็ขยับมาฐานะมาเป็นเพื่อนสนิทของเขาคนนึง
ตอนนี้ฉันกำลังจะขึ้นปี 3 และได้กลายเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเขา
ไม่รู้จะขอบคุณหรือว่าโทษภูดีที่เป็นแฟนกับมิว
เพราะมันก็จริงอย่างที่ใครๆ เขาว่า.... ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ
\"แพรวแกก็ช่วยฉันหน่อยดิวะ แค่นี้ช่วยไม่ได้เหรอ ฉันชอบมลจริงๆ นะเว้ย\" ผมอ้อนวอนแพรวสุดฤทธิ์ให้มันเป็นแม่สื่อให้ตั้งแต่เมื่อวาน แต่มันก็ไม่ยอมสักที ความจริงมลเป็นเพื่อนสมัยเรียนม.ปลายของผมเองแหละครับ  และที่สำคัญมีแฟนแล้วด้วย เพราะฉนั้นสิ่งที่ผมอยากดูจริงๆ คือ ปฏิกิริยาของแพรวต่างหาก ว่ามันจะมีอาการแค่ไหน ผมเองก็อยากจะให้แพรวหึงหวงผมก็เท่านั้นเอง แต่ผลที่ได้มาคือนิ่งสนิท โอ้ย ผมอยากจะบ้าตาย นี่ผมทำมาทุกวิถีทางแล้วนะ แต่ผมก็ยังไม่รู้ใจแพรวเสียที บางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่าแพรวเองก็มีใจให้ผม แต่พอผมเข้าไปใกล้ แพรวก็หนีออกไปไกลทุกที
\"ไม่เอาหรอกเป็นแม่สื่อแม่ชัก ฉันไม่ชอบ อีกอย่างฉันไม่ว่าง แกชอบก็ไปจีบเองสิ\" แพรวบอกผมอย่างไม่ยี่หระ โธ่..แพรวจะรู้ไหมว่าที่ผมต้องการมันไม่ใช่อย่างนี้
\"แพรวใจร้าย\" ผมไม่ได้ว่าที่แพรวไม่ไปเป็นแม่สื่อให้หรอกครับ แต่ผมว่าที่แพรวมันใจแข็งกับผมต่างหาก
ทีแรกผมก็ไม่รู้ใจตัวเองหรอกครับว่าชอบแพรวเข้าไปเต็มเปา จนกระทั่งเห็นพี่ชายของเด็กคนนึงที่มาเรียนวาดรูปกับแพรวทำท่าจะชอบแพรว ผมก็เลยเกิดอาการหวงก้างขึ้นมาทันที ผมไม่อยากให้ผู้ชายหน้าไหนมาเข้าใกล้แพรว และผมก็ไม่อยากเป็นผู้ชายหน้าโง่ที่มารู้ใจตัวเองเมื่อสายไปแล้ว วันนั้นผมกลับมานั่งทบทวนจิตใจของตัวเอง จนกระทั่งรู้แน่ขัดว่าผมมอบหัวใจของผมไปให้แพรวแล้ว ผมชอบแพรว ผู้หญิงที่ซ่อนความอ่อนหวานเอาไว้ใต้ท่าทีที่แข็งกระด้าง ผู้หญิงที่มีอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น
ผมลอบมองหน้าด้านข้างของแพรวที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว แถมยังหันไปคุยกับเพื่อนอีกคนอย่างสนุกสนาน เฮ้อ.. อย่างนี้ต้องไปปรึกษามืออาชีพเสียแล้ว
\"แพรวว่าไง\" ไอ้มลมองหน้าผม เหมือนเห็นลูกหมาถูกทิ้ง ผมหอบเอาหัวใจที่แสนห่อเหี่ยวมาที่คณะมัน เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านความรักอย่างมัน
\"นิ่งสนิท\" ผมตอบอย่างเซ็งๆ พลางฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
\"แกสังเกตไม่ดีหรือเปล่าวะ เราว่าแพรวเขาเก็บความรู้สึกเก่งออก ไม่ค่อยแสดงออก แกต้องสังเกตดีๆ แต่ความจริงแกบอกเขาไปตามตรงก็สิ้นเรื่อง ไม่ต้องมานั่งเดาว่าเขารู้สึกยังไง หรือว่าแกกลัว?\"
สมแล้วที่ไอ้มลเป็นเพื่อนกับผมมานาน รู้ใจดีเหลือเกิน ผมกลัวเหลือเกินว่าถ้าบอกแพรวไปแล้ว แพรวจะห่างจากผมไป แล้วชีวิตของผมที่เหลือต่อไปนี้จะไม่มีผู้หญิงที่ชื่อแพรวอยู่ข้างๆ แถมผมยังกลัวอีกว่าใครจะมาแย่งแพรวไป ผมก็เลยทำตัวเป็นมดแดงอย่างนี้ เพราะตราบใดที่ผมยังเป็นเงาตามตัวแพรวก็ไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าเข้ามา เพราะคิดว่าผมกับแพรวเป็นแฟนกัน แต่ถ้าผมบอกแพรวไปว่าผมคิดยังไง แล้วแพรวปฏิเสธขึ้นมา แล้วแพรวมาห่างจากผมไป หัวใจของผมคงแตกสลาย ไหนจะพวกที่ต้องการจะมาเสียบอีกล่ะ
\"เฮ้ย แกอย่าทำหน้าเศร้าไป เอางี้แกลองทำอย่างนี้\" มลบีบไหล่ผมเบาๆ ก่อนที่จะบอกแผนขั้นต่อไปให้ฟัง
...
\"เฮ้ย จะดีเหรอวะ\" ผมมองหน้าไอ้มลอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
\"อย่ามาปฏิเสธว่าแกไม่อยากทำอย่างนี้\" ไอ้อยากน่ะอยากอยู่หรอก แต่กลัวแพรวจะฆ่าผมน่ะสิ แต่เห็นหน้าตาจริงจังของมลแล้ว.. ลองสักตั้งก็ได้วะ
วันนั้นผมเดินกลับคณะด้วยใจตุ๋มๆ ต่อมๆ ในใจก็มีแต่คำพูดของมล ผมรู้สึกมือไม้สั่นไปหมด ไม่รู้จะเอามันวางเอาไว้ไหนดี แต่ก็พยายามควบคุมสติจนมาถึงที่โต๊ะจนได้ ผมมองเห็นแพรวกำลังนั่งคะยกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน ผมก็คงไม่ว่าอะไร ถ้าไม่มีเด็กคณะจิตรกรรมมานั่งมองหน้าไอ้แพรวแบบหยาดเยิ้ม ให้ตายสิ แค่ผมไม่อยู่ข้างๆ แพรวแค่แป๊บเดียวเอง
\"ตุ้บ\" ผมวางข้าวของลงบนโต๊ะด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง แล้วมองไปที่ไอ้เด็กจิตกรรมคนนั้นด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตร
\"ไปไหนมาเหรอคี\" แพรวถามผมยิ้มๆ ทำให้ใบหน้าของผมที่บึ้งตึงอยู่คลายลงได้นิดหน่อย
\"ไปหาสาวที่คณะผมใช่ไหม ชื่อมลใช่เปล่า ตาถึงนะ ไอ้มลนิสัยดีจะตาย เราช่วยไหม\" หมอนั่นทะลุขึ้นมากลางปล้อง ทำให้ผมหน้าบึ้งเข้าไปใหญ่ ผมจะคุยกับแพรวมันเป็นใครถึงเข้ามาสอด
\"ไม่ต้อง\" ผมรู้ตัวเลยว่าพูดเสียงแข็งมากๆ แต่มันช่วยไม่ได้นี่นา
\"ก็ดีนี่ ให้บีมเขาช่วย เมื่อเช้าแกยังอยากให้ฉันช่วยอยู่เลย\" แพรวพูดด้วยสีหน้าที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวจนผมน้อยใจ ถ้าผมเดินออกไปจากชีวิตของแพรว แพรวคงไม่รู้สึกอะไรเลยใช่ไหม
\"ฉันเปลี่ยนใจแล้ว\" ผมพูดพลางตีหน้าขรึม ได้ผลแหะ แพรวหน้าจ๋อยไปเลย แต่นี่เหรอที่ผมต้องการ
\"เออแพรว เรื่องงานถ้ายังไงก็โทรมาบอกแล้วกันนะ\" เสียงไอ้บีมพูดขึ้นแล้วลุกขึ้น ...ไปเสียได้ก็ดี...
\"ได้ๆ คิดว่าไปได้นะ ไม่น่ามีปัญหา\"
\"ไปไหนกัน\" ผมถามด้วยความไม่พอใจหลังจากที่บีมเดินออกไปแล้ว ส่วนเพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็ทยอยเดินออกไปเรียน
\"อ๋อ บีมเขาชวนไปดูแกลลอรี่ขององโกมินทร์ที่กำลังจะเปิดเร็วๆ นี้ บีมเขามีบัตรเชิญวันเปิดงาน แกก็รุ้ใช่ไหมว่าฉันชอบภาพอาจารย์เขา\"
รู้น่ะรู้ แต่ไม่อยากให้ไปเลย ผมเอมมือไปเกาะกุมมือแพรวที่วางอยู่บนโต๊ะ โดยที่แพรวไม่มีท่าทางขัดขืน ก่อนที่จะมองหน้าแพรวด้วยแววตาที่อ้อนวอนสุดฤทธิ์
\"อย่าไปเลยนะแพรว เอาไว้ไปกับฉันวันหลัง นะแพรว\" ใช้ไม้แข็งไม่ได้ก็ขอให้ลูกอ้อนเนี่ยแหละ
\"แต่ว่า..\"  นั่นไงแพรวเริ่มที่จะใจอ่อนลงแล้ว แถมไม่มีทีท่าที่จะชักมือกลับอีกต่างหาก ผมเห็นได้ทีก็เลยเอามือแพรวมาจับเล่นเสียเลย
\"นะแพรนะ เอาไว้ไปดูกันสองคนไง\" พูดพูดอ้อนๆ มองแพรวตาแป๋ว
\"อื้อ\" แพรวตอบตกลงด้วยใบหน้าเขินๆ ให้ตายสิ ถ้ารู้ว่าผมแบบนี้แล้วแพรวทำท่าแบบนี้ ผมทำไปตั้งนานแล้ว
เย็นวันนั้นก็เลยกลายเป็นเย็นที่แสนสุขของผม ตอนนี้ผมนึกแน่ใจอยุ่ในใจว่าแพรวต้องมีใจให้ผมแน่ๆ ตอนนั้นเราก็เลยดูเหมือนกับคู่รักทั่วๆ ไปผมช่างเป็นผู้ชายที่มีความสุขเสียจริง อย่างนี้ต้องตบรางวัลยัยมลเสียหน่อยแล้ว
กุหลาบยังมีหนาม แล้วความรักของผมกับแพรวจะไม่มีขวากหนามได้ยังไง จริงไหมครับ และหนามอันแรกของผมก็คือไอ้บีมเนี่ยแหละ ผมให้มลไปสืบมาแล้ว มันชอบแพรวจริงๆ แผนการของผมก็คือ ให้ไอ้มิวช่วยพูดกัน
ความจริงแพรวเองก็ไม่ใช่คนที่น่ารัสะดุดตา แต่แพรวเป็นคนมีสเน่ห์ ประกอบกับนิสัยที่อ่อนโยน (ข้างใน) และดูแลเออาใจใส่คนอื่นเสมอ ทำให้แพรวเป็นคนที่มีผู้ชายมาชอบเยอะพอสมควรเลยล่ะ แต่นิสัยตรงนี้แหละครับ ที่ทำให้ผมชอบแพรว
\"ไอ้แพรวมันมีแฟนแล้วนะ\" ไอ้มิวพูดขึ้นหลังจากที่บีมมานั่งรอแพรวอยู่ที่คณะผม โดยไม่สนสายตาที่อำมหิตของผมเลย
\"ใคร?\" ไอ้บีมพูดพลางมำหน้าตกใจ ให้มันรู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร
\"ใช่ ตัดใจเสียเถอะบีม แฟนมันหน้าตาดีใช่หยอก\" ไอ้ตูนเพื่อนสนิทของแพรวพูดเสริม ดีมากเพื่อนๆ ช่วยๆ กัน มันจะได้เลิกยุ่งกับแพรวของผมเสียที แต่เอ...ตูนรู้ได้ไงว่าผมชอบแพว และเรา(กำลัง)จะเป็นแฟนกัน
\"ใช่คนที่เรียนแพทย์ จุฬาป่ะ ที่เคยมารับมันตอนปี 1 น่ะ โคตรหล่เลยนะเว้ย\"
\"เฮ้ย!!\" คราวนี้เป็นเสียงผมเองแหละ ไม่จริงน่า ไอ้แพรวมีแฟนแล้ว เป็นไปไม่ได้ ทำไมผมถึงไม่รู้เรื่อง
จากนั้นหัวสมองของผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย ไม่ว่าใครจะพูดยังไง ผมคงยังช็อคไม่หาย แพรวมีแฟนแล้วจริงๆ เหรอ ผมอยากถามแพรวเหลือเกิน แต่ก็กลัวคำตอบ
เย็นวันั้นแพรวก็ยังเหมือนเดิม นั่งเล่นคุยเล่นกับผม แต่ข้อมูลที่ได้รับมาจากตูนทำให้ผมไม่สามารถที่จะร่าเริงได้เหมือนเคย คำว่า \'แพรวมีแฟน\' ดังก้องอยู่ในหัวผมไม่หยุด ผมมองหน้าแพรวที่อ่านหนังสือเตรียมสอบสลับกับการถอนหายใจ ผมควรจะทำยังไงดี มอแดงอย่าผงกำลังจะตาย เพราะมะม่วงลูกนี้มีเจ้าของเสียแล้ว
\"คีเป็นอะไรไป ไม่สบายใจอะไรบอกเราได้นะ เรื่องมลเหรอ?\" แพรวแสดงความเป็นห่วงผม แต่ก็ในฐานะ \'เพื่อน\' คำว่าเพื่อนทำให้ผมเจ็บไปทั้งใจ
\"เปล่า กลับกันเถอะ\" ผมพูดพลางลุกขึ้นอย่างล้าๆ วันนี้ไม่ไหวแล้ว ขอกลับไปนอนคิดก่อนว่าจะเอายังไงดี
ในขณะที่ผมกำลังเก็บข้างของ มือเล็กๆ ของแพรวก็จับแขนผมอย่างแผ่วเบา แล้วมองด้วยสายตาที่เป็นห่วง สายตาของแพรวทำให้ผมยิ้มออกมาบางๆ จากนั้นก็เอามืออีกข้างที่แพรวไม่ได้จับลูบผมแพรวเบาๆ เป็นเชิงบอกว่าผมไม่เป็นไรจริงๆ ความจริงได้แค่นี้ ผมก็น่าจะพอใจ...ใช่ไหม?
27 มิ.ย.
ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองหรือเปล่า ฉันรู้สึกว่าพักนี้เขาดูเปลี่ยนๆ ไปไม่ค่อยยิ้มให้ฉันเหมือนวันเก่าๆ
หรือว่าเขาอาจจะล่วงรู้ความในใจที่ฉันเก็บซ่อนเอาไว้ แล้วเขาลำบากใจที่จะเป็นเพื่อนกับฉัน...
หรือไม่เขาก็อาจจะกลัวว่ามลจะเข้าใจผิด วันก่อนฉันเดินผ่านแถวคณะจิตรกรรม เห็นเขาคุยเล่นกับผู้หญิงที่ชื่อมลอย่างสนุกสนาน
ที่ตรงนั้นใช่ไหมที่เขาต้องการ ที่ที่ไม่ใช่ข้างฉัน แต่เป็นข้างเธอคนนั้น
\'ความห่างเหิน\' เกิดขึ้นแล้วระหว่างผมกับแพรว มันคงเริ่มจากการที่ผมไม่กล้าที่จะถามแพรวไปตรงๆ ผมขี้ขลาดเกินไปใช่ไหม แต่ผมไม่อยากจะรับรู้ความจริงนั้นเลย แต่ผมก็ไม่สามารถเห็นแพรวเดินห่างจากผมไปทุกทีๆ ได้เช่นกัน
\"แพรวไปกินข้าวกันไหม?\" ผมถามแพรวเหมือนกับคนที่ไม่เคยไปกินข้าวด้วยกัน
\"กินแล้ว ไปชวนมลสิ\" นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่แพรวไล่ผมไปอยู่กับมล มันจะรู้ไหมว่าทำให้ผมน้อยใจแค่ไหน
\"ถ้าไม่อยากกินด้วยกัน ก็ไม่ต้องไล่ไปกินกับคนอื่น ไม่ชอบ!!\" ผมตะคอกเสียงดัง ทำให้คนแถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียวกัน แต่ผมทนไม่ไหวแล้ว ทำไมแพรวต้องทำท่าไม่อยากอยู่ใกล้ผมด้วย
ตอนนี้แพรวไม่ยอมหันมามองหรือว่าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว เธอเม้มปากสนิทมองไปอีกทาง น้ำใสๆ เคลือบอยู่ที่ตาคู่สวยของแพรว น้ำตาของแพรวเรียกสติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของผมกลับคืนมาได้ ผมตัดสินใจนั่งลงข้างๆ แพรวอีกครั้ง ก่อนที่จะคว้ามือแพรวมาจับเหมือนแต่ก่อน แต่คราวนี้แพรวคงโกรธผมมาก เพราะแพรวสะบัดมืออกกจากมือของผม การกระทำของแพรวไม่เพียงแต่สะบัดมือของผมให้ออกห่างเท่านั้น แต่เป็นการสลัดใจที่ผมมอบให้ไปอย่างไม่ไยดี เราสองคนนั่งอยู่ในความเงียบกันเพียงชั่วครู่ ก่อนที่แพรวจะปาดน้ำตาอย่างลวกๆ แล้วหยิบข้าวของเดินจากผมไป ให้ตายสิ นี่ผมทำอะไรลงไปเนี่ย...
ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้คุยกับแพรวอีกเลย แพรวคงโกรธผมมาก เวลานั่งเรียนถ้าแพรวเห็นผมนั่งตรงไหน ก็จะเดินไปอีกมุมนึง นี่หรือคือผลของการที่ผมระเบิดอารมณ์ออกไป ผมไม่เคยต้องการอย่างนี้เลย ผมอยากให้แพรวอยู่ข้างๆ ผม ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใดก็ตาม ความรักที่แท้จริงก็คือการเห็นคนที่เรารักมีความสุขใช่ไหม ไม่ว่าคนที่ทำให้แพรวมีความสุขที่สุดจะไม่ใช่ผมก็ตาม
ผมตัดสินใจที่จะเข้าไปขอโทษแพรวตรงๆ ตอนเย็นผมจึงดักรอแพรวที่อาคารเรียน วันนี้แพรวกลับเย็นกว่าทุกวัน อาจเป็นเพราะแพรวไม่มีสอน ก็เลยอยู่นั่งวาดรูปที่คณะนานกว่าปกติ ผมมองแพรวที่นั่งทำงานอยู่เพียงลำพัง โดยที่แพรวไม่รู้สึกตัว แล้วผมก็ได้เห็นภาพที่ทำให้ผมรู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก
แพรวนั่งทำงานไปได้สักพักก็หยุดแล้วก็ทำงานต่อเหมือนคนไม่มีสมาธิจะทำอะไร สักพักแพรวก็เอามือปิดหน้าร้องไห้สะอื้นตัวโยน ผมใช่ไหมที่ทำให้แพรวเป็นอย่างนี้ ผมนี่มันเลวจริงๆ ผมไม่รู้เลยว่าขาของผมพาผมไปยืนอยู่ข้างๆ แพรวตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมรู้สึกตัวอีกที แพรวก็ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของผมเสียแล้ว
\"ฉันขอโทษ แกอย่าร้องไห้สิ ฉันใจไม่ดีเลย\" ผมพูดไปลูบผมแพรวไปเพื่อปลอบโยน แต่ดูเหมือนว่าการกระทำของผมจะยิ่งทำให้แพรวร้องไห้หนักขึ้น  มือของแพรวจับเสื้อของผมเอาไว้แน่นราวกับว่าจะเกาะเกี่ยวผมเอาไว้ตลอดชีวิต  ท่าทางของแพรวทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะจูบลงที่เรือนผมของเธออย่างแผ่วเบา
เหตุการณ์นี้เป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมกับแพรวโกรธกันและน้อยใจกัน และนับตั้งแต่วันนั้น ผมก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ทำให้แพรวมีน้ำตาเพราะผมอีกต่อไป แม้ต้องแลกกับความเจ็บปวดรวดร้าวของผมก็ตาม อะไรก็ตามที่ทำให้แพรวมีความสุข ผมจะทำ
\"ตกลงพวกมึงดีกันแล้วสิ\" ไอ้ภูถามขึ้นตอนที่พวกเรานั่งเล่นกันอยู่ที่โต๊ะ ตอนนี้แพรวไปซื้อขนมกับพวกตูน ผมพยักหน้าเบาๆ ใจนึงก็โล่ง แต่ก็มีบางอย่างที่ค้างคาใจอยู่
\"นี่คุณคีตา มิวมีข่าวหมอกอล์ฟมาขายล่ะ\" ไอ้มิวพูดพลางทำหน้าเจ้าเล่ห์
\"หมอกอล์ฟไหนวะ\" ผมถามงงๆ เกิดมายังไม่เคยได้ยินชื่อคนที่ชื่อ \'หมอกอล์ฟ\' มาก่อนเลย
\"ก็ที่ไอ้ตูนบอกว่าเป็นแฟนไอ้แพรวไง\" มิวพูดอย่างรำคาญๆ ที่ผมไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรมากขนาดนี้ ความจริงผมก็หมั่นไส้ที่มันท่ามากเหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้ผมต้องง้อมันครับ
\"มิวจ๋า มิวคนสวย บอกหน่อยสิ\" ผมพูดพลางกระโดดไปนั่งข้างๆ มิว แล้วบีบแขนมันเอาใจ
\"ไอ้คี เอามือออกไปจากแขนแฟนกรู\" ไอ้ภูพูดเสียงโหด ดูมันสิ ผมเป็นเพื่อนมันมันยังหึงยังหวง ไอ้นิสัยขี้หึงขึ้นสมองเนี่ย แก้ไม่หายจริงๆ ไอ้มิวก็โรคจิตพอกัน พอไอ้ภูหึงก็หัวเราะคิกคักชอบใจที่ทำให้แฟนตัวเองหึงได้ ประสาทพอกัน ถึงเป็นแฟนกันได้  ส่วนผมกับแพรวน่ารักเหมือนกันทั้งคู่ถึงได้สมกัน
\"เออๆ เอ้ามิวว่ามา\" ผมถามด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือร้น ท่าทางและน้ำเสียงของมิวบอกผมว่า ข่าวที่มันจะนำเสนอ ไม่น่าจะเป็นข่าวร้ายสำหรับผม แต่คำถามของผมก็ต้องเป็นหมันไป เพราะไอ้ปอวิ่งหน้าตาตื่นมาเสียก่อน
\"ควายหายเหรอวะไอ้ปอ วิ่งมายังกะมีสงครามโลก\" ไอ้ภูถามกวนๆ
\"ไอ้บ้า ไอ้แพรวเป็นลมล้มพับไปแล้ว ฉัน....เฮ้ย ไอ้คีจะไปไหน\" ทันทีที่ปอบอกว่าแพรวเป็นลม ผมก็ลุกขึ้นทันที \'ความห่วง\' ของผมมันมีมากจนผมนั่งเฉยไม่ได้
\"ไปหาแพรว\" ผมตะโกนอย่างหัวเสียที่ปอทำให้ผมเสียเวลาตอบคำถาม
\"แล้วแกรู้เหรอว่ามันอยู่ไหน\" เออว่ะ จริงๆ ด้วย ผมหันไปมองหน้ามันพลางทำหน้าแหยๆ ให้
\"อยู่ไหน?\"
\"หน้ามหา\'ลัย เดินมาอยู่ดีๆ ก็วูบไปเลย เฮ้ยคีใจเย็น\" คำพูดของปอต่อจากนั้นผมไม่รู้แล้วล่ะครับ ตอนนี้จิตใจของผมทั้งหมดจดจ่ออยู่กับแพรว ผมวิ่งด้วยความรวดเร็วยิ่งกว่านักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิกมายังหน้ามหาวิทยาลัย พอผมเห็นหน้าแพรวเท่านั้นแหละ หัวใจผมก็หล่นวูบ ก็ตอนนี้หน้าแพรวแทบไม่มีสีเลือดอยู่เลย
\"แพรว\" ผมเรียกแพรวด้วยความตกใจ แล้วรีบไปประคองแพรวที่ตอนนี้ไอ้ตูนคอยดูแลอยู่ เชื่อไหมว่าแม้กระทั่งตอนนี้แพรวก็ยังยิ้มแหยๆ ให้ผม
\"ฉันไม่ตายหรอกน่าคี\" แพรวพูดติดตลก แต่ตอนนี้ผมไม่รู้สึกตลกด้วยสักนิด ผมอุ้มแพรวขึ้นท่ามกลางความตกใจของแพรวและตูน แพรวร้องห้ามผมพัลวัน แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจหรอกครับ
\"ไปห้องพยาบาลนะ\" ผมพูดพลางกระชับตัวแพรวให้อยู่ตำแหน่งที่ปลอดภัยที่สุด ก่อนจะรีบออกเดินด้วยความรวดเร็ว ตอนนี้ผมไม่วางใจอะไรทั้งนั้น ต้องให้คุณหมอที่ประจำห้องพยาบาลดูก่อน ถ้าเห็นท่าไม่ดียังไงผมจะได้พาไปโรงพยาบาลทันที
\"พักผ่อนน้อยน่ะ ปกติคนเราต้องพักผ่อนวันละ 6-8 ชั่วโมง นี่เล่นนอนน้อยจิตต่อกัน ข้าวปลาก็ไม่ค่อยได้กิน จะไม่ให้เป็นลมได้ยังไง\" คุณหมอบ่นยาว หลังจากที่คุยถามอาการจากคนไข้พักใหญ่ แล้วได้คำตอบเไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่ และคำตอบของแพรวก็เล่นเอาผมอยากจะจับมาตีก้นเสียให้เข็ด นอนดึกติดต่อกันหลายคืน แถมลืมกินข้าวไปหลายมื้อ ผมอยากจะบ้าตาย แต่ตอนนี้จะบ่นก็บ่นไม่ออก เพราะแพรวหน้าซีดเป็นไก่ต้มอยู่ ผมจึงวิ่งออกไปหาอะไรให้แพรวกินรองท้อง ก่อนที่จะปล่อยให้แพรวหลับอย่างสบายอารมณ์
ผมมองแพรวที่หลับตาพริ้มอย่างเป็นสุข ผมอดไม่ได้ที่จะลูบไล้ไปที่แก้มของแพรวอย่างแผ่วเบา ร่องรอยของการอดนอนหลายคืนติดกันปรากฏขึ้นบนวงหน้าของแพรว ขอบตาคล้ำกว่าปกติ แล้วผมก็รู้สึกว่าแพรวผอมลงไปด้วย แม้จะเพียงเล็กน้อยก็เถอะ ผมจับมือแพรวมาแนบมันแก้มของผม แม้จะรู้แล้วว่าแพรวเพียงแค่เพลียเพราะพักผ่อนและกินอาหารไม่เพียงพอ แต่ผมก็เป็นห่วงแพรวมากเหลือเกิน
เย็นวันนั้นผมไปส่งแพรวที่บ้าน โดยที่ไม่ฟังเสียงคัดค้านของแพรว ผมรู้อย่างที่แพรวรู้ว่าบ้านเราอยู่คนละมุมของกรุงเทพฯ แต่ผมเป็นห่วงนี่นา ถึงแม้ว่าแพรวจะมีใครก็ตามเถอะ แต่ผมห่วงในฐานะ \'เพื่อน\' คงจะไม่ผิดมากใช่ไหม
\"ขอบคุณมากนะคี ส่งฉันแค่นี้แหละ\" แพรวหันมาบอกผม และกำลังจะลงจากรถไป แต่ผมก็คว้าข้อมือเล็กๆ ของแพรวได้ก่อน ผมมองบ้านแพรวที่ตอนนี้ดวงไฟปิดสนิท เป็นสัญญาณบอกว่าไม่มีใครอยู่บ้าน แล้วนี่ใครจะดูแลแพรวล่ะเนี่ย
\"ไม่มีใครอยู่บ้านเลยเหรอ?\" ผมถามแพรวหน้าเครียด ส่วนแพรวก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ
\"คงกลับประมาณ 2 ทุ่มแหละ\"
\"งั้นเดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อน ไม่ต้องเถียง ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาอีกจะทำยังไง\" ผมจอดรถ ก่อนที่จะเดินลงจากรถ แล้วประคองแพรวเข้าบ้านไป โดยที่แพรวไม่สามารถโต้เถียงได้เลย
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้าบ้านแพรว ปกติแล้วแพรวจะไม่ค่อยให้ผมมาส่งที่บ้าน หรือถ้าให้มาส่งก็จะจอดแค่หน้าบ้านเท่านั้น เพราะแพรวไม่เคยชวนผม และผมเองก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร ผมถือวิสาสะนั่งลงบนโซฟา แล้วรั้งคนตัวเล็กลงมานั่งข้างๆ ปัดปอยผมที่ละอยู่ที่ข้างแก้มของแพรวอย่างแผ่วเบา ให้ตายสิตอนนี้ผมคิดอะไรบ้าๆ อยู่เนี่ย ผมอยากกอดแพรว ผมอยากจูบแพรว ไอ้คีตาเอ๋ย แพรวไม่สบายอยู่นะ
\"เหนื่อยจังเลยคี\" แพรวพูดจบก็เอาศีรษะมาซบที่ไหล่ผม เล่นเอาใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ  ผมอยากจะบอกแพรวไม่ให้ทำอย่างนี้ เพราะมันจะทำให้ผมควบคุมตัวเองไม่อยู่
\"แกไม่กลัวฉันเลยเหรอแพรว\" ผมถามออกไปอย่าที่ใจคิด แพรวเหลือบตามองผมด้วยความสงสัย \"ก....แกไม่กลัวฉันทำอะไรไม่ดีกับแกเหรอ?\"
คำถามของผมทำให้แพรวหัวเราะคิก ผมสงสัยจริงๆ ว่ามันน่าขำตรงไหน ผมพูดจริงจังนะเนี่ย
\"คีไม่ทำหรอก\" แพรวพูดยิ้มๆ ผมไม่เคยเห็นแพรวยิ้มใกล้ๆ อย่างนี้มาก่อนเลย \'น่ารักจัง\'
ผมกระชับวงแขนแน่นขึ้น แล้วเชยคางของเธอมาคบตาของผม มีเสียงเล็กๆ ดังมาจากแดนไกลที่ห้ามผมไม่ให้กระทำการที่อุกอาจ ที่อาจจะทำลายมิตรภาพของเราสองคน แต่เสียงนั้นก็ไกลเหลือเกิน แล้วแพรวก็อยู่ใกล้ผมแค่นี้เอง ผมก้มลงไปใกล้แพรวมากขึ้นเรื่อยๆ ผมได้กลิ่นหอมกรุ่นจากตัวแพรวเบาบาง อีกเพียงนิดเดียวผมก็จะได้สัมผัสกับความหอมหวานที่ผมต้องการ ที่สำคัญแพรวไม่หลบผม แถมยังหลับตานิ่งรอรับสัมผัสของผมอีกต่างหาก
\"ติดๆๆๆๆๆๆๆ ตื้อตือ\" เสียงริงโทนของผมดังขึ้น ให้ตายสิ ใครโทรมาตอนนี้ฟร่ะ ผมจะฆ่ามัน ทีแรกผมจะไม่รับอยู่หรอก แต่บรรยากาศมันเสียไปแล้ว แล้วแพรวก็ลืมตานั่งหน้าแดงเขยิบห่างไปจากผมเสียแล้วสิ
\"คีไม่รับโทรศัพท์เหรอ?\" แพรวถามขึ้นเขินๆ ถ้าถามใจผมไม่อยากจะรับเลย แต่ถ้าไม่รับมันก็คงดังน่ารำคาญอย่างนี้ไปเรื่อยๆ  ใครนะโทรมาได้จังหวะจริ๊งจริง อีกนิดเดียว... อีกนิดเดียวเท่านั้น เวรกรรมของผมจริงๆ เลย
\"ว่าไงมล\" ผมกรอกเสียงลงไป พยายามไม่ให้มีพิรุธ ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน มันไม่ดีกับแพรวเท่าไหร่ ที่อยู่กับผู้ชายสองต่อสองในบ้าน
\"เพื่อนๆ นัดออกมากินข้าวกัน ออกมาหน่อยเดะวะ\" มลพูดอย่างร่าเริง ...มันจะมานัดอะไรกันวันนี้ ตอนนี้ ไม่ว่างไปโว้ย....
\"ไปไม่ได้คราวหน้าแล้วกัน แค่นี้นะ\" ผมพูดจบก็วางสายแล้วก็ปิดโทรศัพท์กันการรบกวนไปเลย
ผมหันหน้ามามองแพรวที่นั่งนิ่ง แม้ว่าผมจะไม่สามารถสร้างบรรยากาศเมื่อกี้ให้กลับคืนมาได้ แต่ผมเองก็รู้สึกดีไม่น้อยที่คิดว่าแพรวมีใจให้กับผมบ้าง ไม่ามากก็น้อย ส่วนเรื่องหมอกอล์ฟนั่นหน่ะ เอาไว้ก่อนเถอะ ไม่แน่อาจจะไม่ใช่แฟนกันจริงๆ ก็ได้ ใครต่อใครอาจจะเข้าใจผิดกันไปเอง
\"คีไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก เดี๋ยวพ่อกับแม่แพรวก็กลับมา\" แพรวพูดจบก็ลุกขึ้นยืน แต่ผมก็ฉุดให้แพรวนั่งลงมาเหมือนเดิม แต่ดูเหมือนว่าแพรวจะไม่ได้ทันตั้งตัวเลยหล่นตุ๊บมาที่ตักของผม ในเมื่อสวรรค์เป็นใจ ผมก็เลยถือโอกาสกอดแพรวเอาไว้เสียเลย
\"ปล่อย\" แพรวพยายามที่จะผลักผมออกไปห่าง แต่ผมไม่ยอมหรอก
\"ทำไมชอบไล่ฉันไปหาคนอื่นจัง\" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ตัดพ้อ ....ให้ตายสิ ผมกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย...
\"ฉันไม่ได้ไล่ แต่อยากให้คีมีความสุขกับคนที่รัก คีชอบมลนี่นา คีไม่อยากอยู่กับเขาเหรอ\" แพรวถามผม แต่ผมก็จับความสั่นไหวที่ปลายเสียงของแพรวได้ นี่ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า หรือว่านี่เป็นการกันไม่ให้ผมอยู่กับเธอ
\"ที่ที่ฉันอยากอยู่คือข้างแกแพรว แต่แกคงอยากอยู่ข้างหมอกอล์ฟมากกว่า\" ผมพูดด้วยความน้อยใจอีกครั้ง คราวนี้ผมปล่อยแพรวให้เป็นอิสระ จากนั้นผมก็ลุกขึ้นทำท่าจะเดินจากไป แต่คราวนี้กลับเป็นแพรวที่ไม่ยอม
\"คีพูดเรื่องอะไร แล้วพี่กอล์ฟมาเกี่ยวอะไรด้วย\" แพรวถามด้วยเสียงที่ดังพอควร
\"ก็พี่กอล์ฟแฟนแกที่เรียนหมอที่จุฬาฯไงล่ะ\" ผมพูดออกไปแล้ว ผมพูดออกไปแล้ว แล้วนี่ผมต้องเจออะไรต่อไปล่ะเนี่ย ความรู้สึกผมตอนนี้เหมือนกำลังยืนรอคำตัดสินจากผู้พิพากษาอะไรอย่างนั้น
ดูเหมือนว่าตอนนี้แพรวจะอ้าปากค้างนิ่งอึ้งไป และผมไม่สามารถเดาอะไรจากสีหน้าของแพรวได้เลยนอกจากความตกใจ แต่แพรวตกใจเรื่องอะไรล่ะ เรื่องที่ผมรู้มันถูกหรือผิด แพรวตกใจในด้านไหนกันแน่
\"บ้า แกนี่มันบ้าที่สุดเลยคี พี่กอล์ฟน่ะ... แฟนน้องสาวฉันนะ\" แพรวพูดออกมาอย่างเคืองๆ มองผมตาเขียวปั๊ด
...แฟนน้องสาว... คำๆ นี้ตะโกนก้องอยู่ในหัวผมอยู่เนิ่นนาน ก่อนที่ผมจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ
\"จริงเหรอแพรว แกยังไม่มีแฟนเหรอ?\" ผมละล่ำละลักถามออกไปด้วยความดีใจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแพรวจะไม่อยู่ในอารมณ์เดียวกับผมสักเท่าไหร่ ดูจากคิ้วที่ขมวดยุ่งกัน
\"แกมันบ้าคี ถ้าฉันมีแฟนแกก็ต้องรู้ อีกอย่างถ้าฉันมีแฟนฉันจะให้แกจับมือ กอด หรือว่า...ได้ไงกันเล่า\" แพรวพูดไปก็หน้าแดงไป สงสัยจะคิดถึงเรื่องเมื่อครู่นี้
\"ไม่ต้องมาขำเลยนะ\" แพรวตวาดผมซ้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นผมอมยิ้ม \"ออกไปหามลของแกเลยไป๊ ฉันมันไม่มีค่าอะไรหรอก ฉันก็แค่เพื่อนสนิทคนนึงที่แอบรักแกเท่านั้นเอง\"
ดูเหมือนว่าแพรวจะหลุดปากพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดมาเสียแล้ว เพราะหลังจากพูดประโยคนั้นออกมา แพรวก็ทำตาโต อ้าปากค้างยิ่งกว่าเก่า และทำท่าจะวิ่งหนีไป แต่ก็ช้ากว่ามือของผมที่จับแขนเรียวของเธอเอาไว้ก่อน  ผมดึงแพรวเข้ามากอดเบาๆ โดยไม่สนใจคนตัวเล็กกว่าที่ดิ้นขลุกขลักอย่างดื้อดึงอยู่ในอ้อมแขนผม
\"แกพูดว่าอะไรนะแพรว\" ผมถามที่ข้างหูแพรวเบาๆ คราวนี้ผมไม่ยอมให้แพรวเดินห่างจากผมไปไหนอีกแล้ว
\"บ้า ฉันว่าแกบ้า ได้ยินไหม?\" แพรวพูดอู้อื้อ และพยายามที่จะละคำนั้นที่แพรวหลุดออกมา
\"ไม่ใช่คำนี้สิ ประโยคหลังจากนั้นหลายประโยคเลย ที่แพรวบอกว่าแอบรัก...\"
\"อย่าพูดนะ\" แพรวร้องห้ามเสียงดัง หน้าแดงแปร๊ด เอาเถอะ ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไรงั้นฟังแล้วกัน ผมกอดคนตรงหน้าให้แนขึ้น แล้วกระซิบลงที่ข้างหูพอให้ได้ยินอย่างชัดเจนกันสองคน
\"ฉันรักแกแพรว ฉันจะบอกรักให้แกฟังอย่างนี้ทุกวันจนเบื่อเลย\"
วันนี้ก็ดูเหมือนทุกวันตั้งแต่เริ่มเปิดเรียน ไปเรียน ตอนเย็นรับน้อง คุยกับเพื่อน บ้าๆ บอๆ
แต่สิ่งที่ต่างจากทุกวันก็คือ... \'เขา\'
ผู้ชายที่ดูร่าเริงสดใสเสมอ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูเศร้าจัง
....อกหักแล้วสิเรา...ผมนั่งมองท้องฟ้าที่ยังคงเป็นสีฟ้าอยู่ที่ริมสระน้ำของมหาวิทยาลัย เบื้องหลังของมันมีเสียงของกิจกรรมรับน้อง ปีนี้ผมอยู่ปี 2 เลยต้องมาช่วยกันคุมน้องๆ แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะทำอะไรสักนิดเดียว ให้ตายสิ ทำไมผมถึงได้รู้สึกเศร้าอย่างนี้ เฮ้อ...คบกันมาตั้ง 3-4 ปี ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ คำว่า \'รักแท้แพ้ระยะทาง\' เห็นได้ชัดก็งานนี้
\"เฮ้ คีมานั่งทำอะไรตรงนี้\" เสียงร้องเรียกผมด้วยระดับเสียง 180 เดซิเบล พร้อมกับตบไหล่ผมอย่างแรง อู้ย เจ็บใช้ได้เลยนะนั่น ผู้หญิงอะไรมือหนักชะมัด
\"ไอ้แพรวแกมาตีฉันทำบ้าอะไรวะ\" ผมหันไปด่าเพื่อนร่วมคณะ แพรวกับผมไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันก็จริง แต่ก็สนิทกันพอสมควร  ก็อย่างว่าแหละ คณะผมเวลาทำงานก็กินนอนที่คณะด้วยกัน มันก็รักใคร่สนิทสนมกันง่าย
\"อ้าว ก็เราเห็นคีทำหน้าเหมือนปวดขี้ ก็เลยตีให้จะได้ออกไวๆ ไง\" อย่าตกใจไปครับ เนี่ยแหละผู้หญิงคณะผม ให้ตะแคงดูหลับตาดูก็ไม่มีความเป็นผู้หญิงอยู่เลย พูดจาก็ไม่น่าฟัง ไม่เหมือน.... โอ้ย ผมจะไปคิดถึงเขาทำไมเนี่ย ไม่ๆ เลิกๆ เขาไปมีคนอื่นแล้ว
\"เฮ้ยๆ คี นั่นตัวอะไรอ่ะ\" แพรวพูดพลางชี้ชวนให้ผมดูอะไรในสระน้ำ ด้วยเหตุที่อกหักอยู่ หรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้ผมไม่ได้คิดเอะใจเลสักนิดเดียว ว่าเพื่อนจะทำกันได้ จังหวะที่ผมหันไปมองด้วยความอยากรู้เท่านั้นแหละ
....ตูม..... ไอ้แพรวครับ ไอ้แพรวมันผลักผมลงน้ำ ไอ้เพื่อน....เวร
\"ฮ่าๆๆ เล่นน้ำสนุกไหมคีตา\" แพรวยืนหัวเราะอย่างสะใจที่เห็นผมเปียกปอนไปหมดทั้งตัว ตอนนี้ทุกคนหันมาสนใจผมกันหมดแล้ว ก็แน่ละสิคนตกน้ำทั้งคนไม่สนใจได้ไง
\"ร้อนมากเหรอวะไคี\" ไอ้ภูเพื่อนซี้ผมถามกลั้วหัวเราะ หัวเราะกันเข้าไป ....แค้นนี้ต้องชำระ...
ว่าแล้วผมก็เอาตัวเองขึ้นจากสระน้ำ แล้ววิ่งจับไอ้แพรว ตอนนี้ขอเล่นงงานตัวการก่อนเถอะ เมื่อผมเปียกมันต้องเปียก แพรวก็วิ่งหนีผมสุดฤทธิ์เหมือนกัน แต่ขาสั้นๆ ของมันเหรอจะสู้ขายาวๆ ประดุจขาจิ้งโจ้ของผมได้ จ๊ากกกกกก ในที่สุดผมก็ล็อกตัวการเอาไว้ได้ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเพื่อนๆ ที่อยากรู้เต็มแก่ว่าผมจะจัดการยังไงกับแพรว หึๆๆ แพรวเอ๋ย เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับคีตา
\"โยนๆๆๆๆ\" เสียงเชียร์ดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ ขณะที่ยัยตัวดีดิ้นพร่าน ท่าทางจะรู้ชะตากรรมตัวเองในอีกไม่กี่นาทีต่อไปนี้ แต่ด้วยความที่ตัวโตกว่า แรงเยอะกว่า ผมก็จัดการกับผู้หญิงตรงหน้าไม่ยาก ขัดขืนนักก็อุ้มเสียแล้ว ก็อุ้มแบบอุ้มเจ้าสาวแหละครับ โยนสะดวกหน่อย
\"1...2...\" เสียงเพื่อนๆ ส่งเสียงเชียร์ขณะที่ผมกำลังจะเหวี่ยงแพรวลงน้ำ สระเดียวกับที่แพรวมันส่งผมลงไปนั่นแหลพ ส่วนแพรวก็ร้องแหกปากขอชีวิต แต่เมินไปเสียเถอะ การได้แกล้งคนเป็นความสุขอย่างนึงของผมเหมือนกัน ตอนนี้ยิ่งอกหัก ขอแกล้งให้หายเศร้าหน่อยเถอะ
\"3....ตู้ม....\" ในที่สุดผมก็ส่งแพรวลงไปเยี่ยมปลาจนได้ ผมมองด้วยความภูมิใจและสะใจ แต่....เฮ้ย
ผมลืมไปสนิทเลยว่าเสื้อนักศึกษามันเป็นสีขาว และก็บางมากๆ ด้วย โดยเฉพาะเสื้อผู้หญิง ตอนนี้ไอ้แพรวกำลังจะโผล่พ้นน้ำในสภาพที่เสื้อนักศึกษาโปร่งแสง ด้วยสัญชาตญาณผมกวาดสายตามองไปรอบๆ สระน้ำ เวร...ผู้ชายคนอื่นๆ จ้องแพรวตาเป็นมันเลย ผมนี่แย่จริงๆ ลืมไปได้ยังไง
\"ไอ้คี เพื่อนเวร เล่นกันอย่างนี้เลยเหรอ\" เสียงไอ้แพรวที่ยังคงไม่รู้ตัวเดินขึ้นมาจากน้ำในสภาพที่โป๊สุดๆ ผมรีบถอดเสื้อเปียกๆ ของผมออก ถึงแม้มันจะช่วยไม่ได้มาก แต่ก็ดีกว่าให้มันโปร่งแสงแบบโมเลกุลเดี่ยวอย่างนี้
\"มานี่ไอ้แพรว รู้เปล่าว่าคนอื่นเขาเห็นนมแกหมดแล้ว\" ผมพูดพลางเอาเสื้อคลุมมัน ส่วนไอ้แพรวจากที่เคยห้าวๆ หน้าแดงก่ำไปหมด
\"ก็เพราะใครล่ะ เล่นอะไรไม่รู้เรื่องเลย\" แพรวบ่นเบาๆ แต่ก็กระชับเสื้อผม ส่วนผมก็ส่งสายตาไปให้ผู้ชายคนอื่นประมาณว่าอย่ามองนะ มองตาย
วันนั้นผมก็เลยต้องขับรถไปส่งยัยตัวแสบ ด้วยความรู้สึกผิดหน่อยๆ ความจริงแพรวมันก็บอกแหละว่าไม่ต้องไปส่ง เพราะบ้านมันกับบ้านผมคนละทางเลย อีกอย่างเธอก็ได้เสื้อผ้าเปลี่ยนแล้ว แน่นอนว่าผมออกเงินซื้อให้ ความจริงผมก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมผมต้องรู้สึกผิดทั้งๆ ที่แพรวเป็นฝ่ายเริ่ม แต่ก็นั่นแหละนะ ผมเปียกน้ำมันไม่โป๊ แต่แพรวเปียกน้ำมันโป๊เห็นๆ เลย
\"ฮัดเช้ย\" เสียงจามดังสนั่นห้องนี้เกิดขึ้นหลายครั้งในคาบนี้ ทำให้ผมมองแพรวด้วยความเป็นห่วง เฮ้อ ไอ้คีนะไอ้คี อีกแล้วนะ ทำให้คนอื่นเดือดร้อนอีกแล้วไม่น่าเลย
\"เอ้า\" ผมยื่นกระดาษทิชชู่ให้ยัยตัวแสบที่กำลังจามไม่หยุด
\"ขอบใจ\" แพรวยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร จะว่าไปไอ้แพรวมันก็หน้าตาน่ารักนะ ตาโตๆ ผิวขาวๆ ตัวเล็กๆ ตามสมัยนิยม นิ้วของมันเรียวสวย สมกับที่เป็นคนที่เกิดมาเพื่องานศิลปะ แพรวเป็นคนที่วาดรูปเก่งมาก และรูปที่แพรววาดจะมีอารมณ์ความรู้สึกของภาพอยู่ในนั้น ไม่แข็งกระด้างเหมือนเวลาใครหลายๆ คนวาด แน่นอนว่ารวมถึงผมด้วย
ตอนที่ผมกับแพรวเจอกันครั้งแรกก็เพราะภาพวาดสีน้ำของแพรวเนี่ยแหละ แพรวกำลังวาดรูปอย่างตั้งใจในยามเย็นที่สวนสาธารณะแห่งนึง ด้วยความที่ผมชอบดูภาพวาด ผมจึงไปยืนดูด้วยความสนใจ แล้วก็ติดใจภาพของแพรวเข้าอย่างจัง
\'สวยนี่\' ผมพูดชมออกไป ทำให้คิ้วของแพรวขมวดเข้าหากันแล้วมองมาทางผมอย่างแปลกใจ ก่อนที่จะคลี่ยิ้มออกมา
\'ขอบคุณ... นายชื่อคีใช่ไหม?\' แพรวถามขึ้น ตอนนั้นผมจำไม่ได้หรอกว่าเป็นเพื่อนร่วมคณะ
\'ใช่ เราเคยรู้จักกันเหรอ\' ผมถามออกไปอย่างซื่อๆ เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากแพรว นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นรอยยิ้มของแพรว รอยยิ้มของเธอช่างทำให้โลกนี้ดูสดใสสว่างจ้าเสียจริง
\'เราเรียนคณะเดียวกัน จำไม่ได้เหรอ เมื่อวันก่อนเพิ่งจะรับน้องวันแรกไปเองนะ\' แพรวเฉลยให้ผมฟังก่อนที่ผมจะงงไปมากกว่านี้ ตั้งแต่นั้นมาผมก็มีชื่อเล่นใหม่ว่า \'ปลาทอง\' เพราะแพรวบอกว่าผมความจำปลาทอง ผมเคยบอกแพรวทีหลังว่า ถ้าวันที่เจอกันครั้งแรกแพรวยิ้มให้ ผมก็คงไม่ลืมแพรวอย่างแน่นอน
7 ส.ค.
ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันกลายเป็นอย่างนี้ได้ยังไง พอรู้สึกตัวอีกทีฉันกับเขาก็สนิทกันมากขึ้น ถึงขั้นไปไหนมาไหนด้วยกัน
ขยับฐานะจากเพื่อนร่วมคณะมากลายเป็นเพื่อนสนิท สาเหตุนึงอาจเป็นเพราะเพื่อนของเขาไปมีแฟนแล้วก็ได้
แต่สิ่งเดียวที่ฉันเป็นห่วงก็คือ เวลาเขาเผลอ เขามักจะทำหน้าเศร้าเสมอ เขาคงรักผู้หญิงคนนั้นมาก... มากเสียจนไม่อาจจะลืมได้
\"ไอ้คี ยังทำไฃใจไม่ได้อีกเหรอวะ\" เสียงไอ้ภูถามขึ้นพร้อมกับนั่งลงข้างๆ ผม ผมรู้นะว่าทุกคนเป็นห่วงที่ผมทำท่าซึมๆ ทุกครั้งที่ผมเผลอ แต่ผมก็พยายามแล้ว แต่บางทีมันอดคิดไม่ได้จริงๆ
\"ไอ้บ้าเอ้ย ใครจะเศร้านานขนาดนั้นวะ แค่เครียดๆ เรื่องสอบ\" ผมแก้ตัวพร้อมหัวเราะกลบเกลื่อน ผมไม่อยากจะให้เพื่อนรับรู้อะไรสักเท่าไหร่ ผมไม่อยากให้ใครเป็นห่วง
\"ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีไป\"
หลังจากคำพูดคำนั้นของไอ้ภูพวกเราก็นั่งเงียบๆ กันสักพัก ราวกับว่าแต่ละคนมีอะไรที่จะต้องคิดหนัก และคนที่เปิดปากก่อนก็เป็นไอ้ภู
\"เออ... ว่าแต่ว่าแกมานั่งตรงนี้ทำไมวะ\" พอไอ้ภูถาม ผมก็นึกอะไรออกทันที ผมก้มลงมองนาฬิกาอย่างหงุดหงิด
\"ไอ้แพรวน่ะสิ นัดกันไว้ยังไม่มาอีก มือถือก็ไม่มี โทรตามก็ไม่ได้\" พอผมนึกออกว่ามานั่งตรงนี้ทำไมผมก็เริ่มทำหน้าที่เป็นหมี บ่นมันเข้าไป ทั้งหมดเป็นเพราะแพรวคนเดียว ปล่อยให้มันมานั่งรอ จนความคิดฟุ้งซ่านไปหาเธอคนนั้น  โอ้ย แล้วตอนนี้มันอยู่ไหนเนี่ย
\"ไม่รอแล้วโว้ย ถ้าแกเจอมันก็บอกด้วยแล้วกัน ไปกินข้าวแล้ว เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน\" พูดจบผมก็ก้าวยาวๆ ไปทางโรงอาหาร แต่ก็เดินไปไม่กี่ก้าวหรอกก็ได้ยินเสียงใสๆ ของแพรว
\"คีๆ รอด้วย\" มาได้สักที ความจริงผมก็ไม่ได้โกรธอะไรมากหรอก แต่ขอแกล้งโกรธเสียหน่อยเถอะ เดี๋ยวจะได้ใจ เพราะกฎของการเลี้ยงหมาคือ ทำดีต้องให้รางวัล ทำผิดต้องลงโทษ
\"คี..รอด้วย..เราขอโทษ\" เสียงแพรวพูดไปหอบไป แต่ผมยังไม่หันไปมองหรอกครับ เดี๋ยวใจอ่อนเสียแผนหมด ต้องปั้นหน้ายักษ์ใส่ก่อน
\"คีเราขอโทษ\" ในที่สุดแพรวก็วิ่งมาทันผมจนได้แพรวจับแขนผมเอาไว้ราวกับกลัวว่าผมจะหนีหายไปไหน \"พอดีคุยกับอาจารย์นานไปหน่อย ขอโทษนะ\" ผมเหล่ตามองก่อนที่จะทำท่าเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ส่วนแพรวน่ะเหรอ ทำหน้าเหมือนลูกหมาถูกทิ้งเลย น่าแกล้งชะมัด
\"คีแกอย่างอนเดะวะ เหมือนเกย์เลย เฮ้ย... หรือว่าแกจะเป็น\" พูดจบมันก็เอามือปิดปากตัวเอง แล้วทำตาโตเท่าไข่ห่าน \"ไม่น่าเลยคี ไม่เป็นไรนะ ฉันเข้าใจ\"
\"ไอ้บ้าแพว นี่แกไม่มีอะไรจะคิดแล้วใช่ไหม หิวก็หิวต้องมานั่งรอแก แทนที่จะสำนึกกลับมาคิดอะไรบ้าๆ เดี๋ยวพ่อจับเหวี่ยงลงน้ำเลยนี่ รีบไปโรงอาหารกันเลย หิว!!\"
แน่นอนล่ะครับว่าผมก็มีวิธีลงโทษแพรวขั้นที่สองเหมือนกัน ก็เหมือนกับทุกครั้งที่มันมาช้าแหละครับ อ๊ะๆ อย่ามองผมอย่างนั้น ผมเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่ทำอะไรรุนแรง แค่ฉวยโอกาสนิดหน่อยเอง
...ฉวยโอกาสสบายไงครับ อย่าคิดลึก....
\"ข้าวมาแล้วค่ะคุณชายคีตา นี่นมชมพูเย็นตามที่สั่ง\" แพรววางข้าวและน้ำที่ซื้อมาให้ผมพลางทำหน้ามุ่ย มันทำหน้าแบบนี้ทุกครั้ง แต่ก็ทำให้ผมทุกครั้ง แต่ก็เฉพาะเวลาที่มันทำผิดนะ ถ้าเป็นเวลาปกติแล้วผมใช้มันไปซื้อละก็ ข้าวที่อยู่ในจานจะมาอยู่ที่หัวผมแทน
\"ดีมาก เดี๋ยวกินเสร็จแล้วเอาของไปเก็บที่ล็อกเกอร์ให้ด้วยนะ\" ผมสั่งต่อ
\"ได้ค่ะเจ้านาย\" ไอ้แพรวกันฟันตอบ บอกแล้วไงครับว่าผมน่ะสุภาพบุรุษพอ แค่ลดระดับจากเพื่อนเป็นทาสชั่วคราว...ก็เท่านั้นเอง
ผมรู้ว่าใครๆ คงจะแปลกใจที่ทำไมอยู่ดีๆ ผมกับแพรวถึงสนิทกันมากขึ้นแบบกะทันหัน แต่ธรรมชาติของคนเราก็ย่อมอยากจะอยู่กับคนที่เรารู้สึกดีและสบายใจ และแพรวก็ทำให้ผมรู้สึกอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นท่าทางและคำพูดที่กวนประสาท หรือว่านิสัยอื่นๆ แพรวมักจะยิ้มร่าเริงอยู่เสมอ จนผมเคยคิดว่ามันเคยโกรธใครจริงๆ จังๆ บ้างหรือเปล่า เห็นอย่างมากก็แกล้งโกรธ จากนั้นไม่กี่นาทีก็หัวเราะร่า นี่เป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งของแพรว และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้แพรวมีเพื่อนเยอะมากๆ
เย็นวันนั้นก็คล้ายๆ กับเย็นวันอื่นๆ แพรวจะชวนผมออกไปวาดรูปตามที่ต่างๆ วันนั้นแพรววนผมไปที่สวนสาธารณะแถวๆ มหาวิทยาลัย ผมเองก็ตกปากรับคำเป็นอย่างดี อย่างน้อยๆ มันก็ดีกว่าไปเหงาอยู่ที่บ้านคนเดียวก็แล้วกัน พอถึงสถานที่ แทนที่แม่ตัวดีจะลงมือวาดรูปอย่างที่บอก กลับเดินดูนู่นดูนี่ด้วยความสนใจ เหมือนเด็กจริงๆ เลย
\"นี่... ตกลงจะวาดรูปหรือเปล่า?\" ผมถามด้วยความหมั่นไส้ ยัยคนหน้าเป็นก็กลับมาสั่นหัวดิก เล่นเอาผมอยากจะจับมาตีก้นเสียให้เข็ด ตัวเองเป็นคนชวนมาวาดรูป แต่พอมาถึงกลับไม่วาดเสียนี่
\"วันนี้มาดูสถานที่ก่อน\" แพรวตอบยิ้มๆ เอากับมันสิ
\"เออดี งั้นมานั่งตรงนี้... เร็วสิ!!\" แพรวมองผมงงๆ ก่อนที่มานั่งโดยดี \"เป็นแบบให้หน่อย\"
ทีแรกแพรวทำท่าจะไม่ยอม แต่พอผมทำตาดุๆ แพรวก็นั่งหน้ามุ่ยยอมเป็นแบบให้ผมวาดรูปแต่โดยดี  แต่บอกมันก็ยังบ่นไม่หยุดอยู่ดี
ความสัมพันธ์ของผมและแพรวก็เป็นอย่างนี้เรื่อยๆ จะมีตอนปี 2 เทอมปลายที่แพรวดูจะขยันขึ้นเป็นพิเศษ แพรวเริ่มหางานพิเศษทำ อย่างเช่นรับสอนศิลปะที่โรงเรียนพี่ของเพื่อนแพรวที่อยู่จิตรกรรม หรือว่าติวเอ็นฯ แถมยังมีรูปประกอบหนังสือตามสำนักพิมพ์ต่างๆ อีก
\"แกจะรีบร้อนหาเงินไปไหนวะแพรว\" ผมเคยแซวมันเล่นๆ ในวันนึงที่มันปฏิเสธไม่ไปดูหนังกับผม เพราะติดสอน
หลังจากที่ผมถามคำถามเล่นๆ คำถามนั้นไป ดวงตาที่เคยสดใสเป็นประกายอยู่เสมอสลดวูบเพียงชั่วเสี้ยววินาที แล้วกลับมาสดใสเหมือนเดิม จนผมคิดว่าผมตาฝาดไปเสียอีก
\"ไม่ดีเหรอจะได้รวยเร็วๆ ไง เพราะยังไงคนอย่างฉันก็คงไม่มีใครเอา ต้องเลี้ยงตัวเองไปจนแก่นั่นแหละ\" แพรวพูดกลั้วหัวเราะ ทำให้ผมรู้สึกหมั่นไส้ปนเอ็นดู ตอนนั้นผมไม่คิดเลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่สดใสอยู่คลอดเวลาอย่างแพรว จะต้องแบกรับอะไรมากมาย จนปัญหาที่านเข้ามาในชีวิตผมทั้งหมดดูเล็กไปเลย
14 กุมภาพันธ์
ความจริงวันนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่พอเห็นภูเดินมาท่าทางหัวเสียบอกแต่ว่าอยากต่อยคน
ทีแรกฉันก็นึกแปลกใต แต่พอภูบอก่าเขาเมามายไม่ได้สติ ปากก็เพ้อถึงผู้หญิงคนนึงที่ทิ้งเขาไม่นานแสนนาน
ภูบอกกับฉันว่า เขาเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินจูงมือกับแฟนใหม่
นี่เขายังทำใจไม่ได้อีกเหรอ? แล้วที่ฉันพยายามทำไปทั้งหมด มันคือความว่างเปล่า...ใช่ไหม?
\"ไงไอ้คี อุตส่าห์แอบหวังนะว่ามรึงจะไม่ตื่นมาดูโลกแล้ว\" เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับคำพูดที่น่าถีบของเพื่อนรัก และอาการเมาค้างอย่างรุนแรง
\"ไอ้เพื่อนเวร มาทำอะไรที่บ้านกรูวะ กลับไปเลยไปไ ผมไล่มันขณะที่หลับตาลงอีกครั้ง สมองผมก็เริ่มนึกทบทวนเหตุการณ์เมื่อวานที่ดูเหมือนว่าเลือนหายไปจากความทรงจำของผม เมาทีไรลืมทุกอย่างทุกที 
...ใช่...เมื่อคืน ผมเห็นเธอ ผู้หญิงที่คบกันมานานหลายปี เดินจับมือกับผู้ชายคนนึงแถมมหาวิทยาลัยของผม จากนั้นเพื่อนก็ชวนไปกินเหล้า หลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
\"แหกตาดูอีกทีซิ ว่านี่บ้านใคร\" เสียงไอ้ภูพูดขึ้นโหดๆ ยังไงชอบกล ผมปรือตามองห้องที่ผมนอนอยู่อย่างพินิจ นี่มันไม่ใช่ห้องผมนี่นา มันเป็นห้อง...ไอ้ภู
\"เออ ทีนี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าใครสมควรที่จะต้องไปมากกว่ากัน\" ไอ้ภูพูดจบก็มองหน้าผมนิ่ง ก่อนที่จะถามคำถามที่แทงใจดำผมดังจึก \"ใครบอกว่าทำใจได้แล้วไง\"
\"ก็ใช่..\" แต่มันเห็นตำตานี่นา... ผมพูดต่อในใจ
\"เหรอออออ\" ไอ้ภูลากเสียงยาว พลางทำหน้าไม่เชื่ออย่างแรง ความจริงถ้าเป็นผมผมก็ไม่เชื่อเหมือนกันนั่นแหละ \"ช่างเถอะ แล้วรู้เปล่าหรือเปล่าว่าเมื่อคืนทำอะไรลงไปบ้าง?\"
ทำอะไรลงไปบ้างอย่างนั้นเหรอ?...ผมมันประเภทเมาแล้วลืมด้วยสิ แต่ต้องนึกให้ออกสิ ดูจากหน้าไอ้ภูแล้วผมคงทำอะไรที่ทุเรศๆ ออกไปแน่ๆ เลย
\"อ้วก\" ผมเดาคำตอบแรกออกไป คนเราเมาแล้วก็ต้องอ้วกสิ แต่ไอ้ภูส่ายหน้า แล้วมองผมนิ่งๆ เวลามันทำหน้าแบบนี้น่ากลัวชะมัดเลย
\"ร้องไห้\" ผมพูดคำนี้เบาหวิว นี่ผมคงไม่ร้องไห้พร่ำเพ้อต่อหน้าประชาชีหรอกนะ แต่ไอ้ภูก็ยังคงส่ายหน้าอยู่ ผมก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
\"แก้ผ้าเหรอ?\" ผมพูดจบก็ทำตาโตเท่าไข่ห่าน ภาวนาไม่ให้ตัวเองทำแบบนั้นลงไป
\"ไอ้ทุเรศ ไม่ต้องเดาแล้ว แกลวนลามไอ้แพรว\"
\"หา!?\" ผมร้อง \'หา\' ลั่นบ้าน ตอนนี้ตาผมคงโตเท่าไข่ไดโนเสาร์ อาการเมาค้างหายไปอย่างปลิดทิ้ง  \"กรูๆๆ...\"
\"แค่นี้ถึงกับติดอ่างเลยเหรอวะ ทีเมื่อคืนกอดมันเสียแน่น ใครแยกยังไงก็ไม่ยอม แถมยังเรียกชื่อแฟนเก่าอีกนะ\" พูดจบไอ้ภูก็พ่นลมหายใจดังพรืด...ไอ้แพรวฉันขอโทษ...
\"แล้วไอ้แพรวมันโกรธไหมวะ มันเตะต่อยกรูเปล่า?\" 
\"ก็ลุ้นให้มันทำอย่างนั้นอยู่ แต่มันคงเห็นใจหมาบ้า ก็เลยไม่ได้ว่าอะไร แถมมาส่งมรึงที่นี่อีก ก็เล่นไม่ยอมปล่อยมันเลยนี่หว่า\"
\'ตายโหง\' ผมไม่ได้พูดออกไปหรอกครับ มันเป็นคำพูดในใจผม นี่ผมอะไรอย่างนั้นไปได้ยังไงเนี่ย
\"นอกจากกอดแล้ว...ทำอะไรอีกหรือเปล่าวะ\" ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
\"อยากรู้เหรอ?\" ไอ้ภูถามพลางมองหน้าผมอย่างกวนประสาทนิดๆ แต่ผมก็จำใจพยักหน้าด้วยความอยากรู้ \"ไปถามไอ้แพรวสิ\"
ถ้าให้นับกันจริงๆ ผมคงเดินมาหลายกิโลแล้ว ทั้งๆ ที่ผมเดินวนไปวนมาอยู่ไม่ดี่เมตรเอง
ตอนนี้ผมอยู่หน้าโรงเรียนสอนศิลปะที่แพรวสอนอยู่ ให้ตายสิทำไมผมถึงตื่นเต้นขนาดนี้นะ พอคิดถึงเหตุที่ทำให้ผมต้องมาเดินไปวนมาอยู่อย่างนี้ก็รู้สึกโกรธตัวเองไม่หาย ผมทำอะไรลงไป ผมกอดแพรว แถมยังคิดว่าแพรวเป็นเธอ... ให้ตายสิ
ตายเป็นตาย.. ผมตัดสินใจผลักประตูเข้าไปในโรงเรียน ถึงจะโดนมันอัดก็ยอม ในเมื่อผมเป็นคนผิดนี่นา จะกลัวก็กลัวอยู่อย่างเดียว กลัวมันไม่ยกโทษให้ แต่ไม่ว่ายังไงผมจะตามตื้อมันจนกว่ามันจะยกโทษให้นั่นแหละ
\"สวัสดีครับ ผมมาหาแพรวครับ\" ผมบอกกับประชาสัมพันธ์คนสวยที่นั่งอยู่ด้านหน้า พร้อมส่งรอยยิ้มหวานๆ ไปให้
\"แพรว ครูแพรวเหรอคะ สักครู่นะคะ\" ว่าแล้วเธอก็ต่อสาย และพูดอะไรสองสามคำกับแพรว
\"ครูแพรวบอกให้คุณขึ้นไปชั้น 3 เลยค่ะ\"
ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนที่จะเดินขึ้นไปยังชั้นบน ผมสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อเรียกความกล้าหาญที่มีอยู่เพียงน้อยนิดเวลานี้ ผมไม่คิดเลยว่าผมจะตื่นเต้นขนาดนี้ได้  ในใจผมคิดกังวลไปสารพัด ถ้าแพรวโกรธแบบไม่มองหน้าจะทำยังไง แต่ก็ใจชื้นตรงที่แพรวไม่ออกปากไล่เขาไปตั้งแต่ยังไม่เจอหน้า แต่ก็อย่างว่า คนอย่างแพรวไม่เคยกลัวที่จะเผชิญหน้ากับอะไรอยู่แล้ว
\"เดินช้าจัง มาช่วยฉันหยิบของหน่อยเร็ว\" แพรวพูดขึ้นมันทีที่เห็นผมเดินขึ้นมา ท่าทางของแพรวไม่มีความโกรธเคืองใดๆ อยู่เลย และนั่นทำให้ผมประหลาดใจยิ่งนัก \"เอ้า มัวแต่เหม่ออยู่นั่นแหละ รีบเดินหน่อยสิ\"
หลังจากนั้นผมก็โดนใช้ยับ ยัยแพรวให้ผมไปยกอุปกรณ์วาดรูปไปที่ห้องเรียนห้องหนึ่ง ผมก็ทำตามคำสั่งคุณเธอเงียบๆ ไม่มีโต้เถียงอะไรทั้งนั้น ก็คนมีความผิดอยู่นี่ครับ ใครจะไปกล้าหือ ผมมองดูแพรวสอนเด็กวาดรูปอย่างเพลิดเพลิน ผมว่าเวลาแพรววาดรูปแพรวดูน่ารักแล้วนะ แต่เวลาอยู่กับเด็กแพรวดูน่ารักกว่า อาจเป็นเพราะความอ่อนโยนที่ฉายชัดในแววตาคู่นั้น
\"เอ้ามีอะไรก็ว่ามา\" แพรวพูดขึ้นหลังจากที่สอนเสร็จ เด็กนักเรียนตัวน้อยๆ ของแพรวก็กลับกันไปหมด ในห้องเรียนจึงเหลือเพียงผมกับแพรว
\"เมือคืน....ฉัน...เอ่อ....\"
\"ขอโทษ\" แพรวต่อให้อย่างรู้ทันเมื่อเห็นผมเอาแต่อ้ำๆ อึ้งๆ \"โบราณท่านว่าอย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา แกทั้งบ้าทั้งเมา ฉันถือก็บ้าตามแกแล้ว\"
พูดแรกๆ ก็ดีอยู่หรอก แต่ประโยคหลังนี่สิ เล่นเอาฉุนนิดๆ ผมก็เลยลงโทษด้วยการล็อคคอมันหลวมๆ โทษฐานพูดมาก ปากไม่ดี ส่วนแพรวก็แกล้งร้องโอโอยอย่างไม่จริงจัง ก่อนที่เราสองคนจะหัวเราะเล่นกัน
\"ถามอะไรหน่อยได้ไหมคี\" แพรวหยุดหัวเราะมองหน้าผมนิ่ง เล่นเอาผมใจไม่ดีไปเหมือนกัน เพราะเวลาคนถามอย่างนี้ทีไร ต้องเป็นเรื่องที่ผมไม่อยากตอบแทบจะทุกที
\"เออ\" ผมตอบห้วนๆ พลางอมองทางอื่น เลี่ยงที่จะไม่สบตากับแพรว
\"แกร้องไห้บ้างหรือยัง?\" ทีแรกผมจะอ้าปากถามอยู่ว่าผมต้งร้องไห้เรื่องอะไร แต่พอหันไปเจอหน้าแพรว ตะกอนที่ตกค้างอยู่ในใจผมก็ถูกกวนให้ขุ่นขึ้นมาทันที ผมไม่อยากอ่อนแอ ผมไม่อยากฟูมฟาย แต่ผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมรักผู้หญิงคนนั้นมาก... อาจจะมากเท่าชีวิตของผมเลยด้วยซ้ำ
\"แล้วมันจะผ่านไป\" แพรวพูดพลางเอามือตบไหล่ผมเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ ผมไม่รู้เลยว่าน้ำที่ไหลออกมาจากตาของผมมันมาจากไหน แต่มันก็เหมือนกับว่าผมได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่างออกจากใจ ขอเถอะนะ... วันนี้ขออ่อนแอสักวัน
\"ขอกอดหน่อยนะแพรว\" ผมพูดขออนุญาตพร้อมดึงตัวแพรวมากอดเสียแน่น ผมรู้แล้วล่ะว่าทำไมเมื่อคืนผมถึงกอดแพรวไม่ยอมปล่อย ก็อ้อมกอดแพรวออกจะอบอุ่นขนาดนี้ ไหนจะมือที่คอยลูกหลังปลอบประโลมอีก แค่นี้ผมก็ไม่อยากจะไปไหนอีกเลย....
11 พ.ค.
ไม่น่าเชื่อว่าวันเวลาจะผ่านไปได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้
จากปี 1 ที่เราเป็นกันได้เพียงเพื่อนร่วมคณะ พอปี 2 ก็ขยับมาฐานะมาเป็นเพื่อนสนิทของเขาคนนึง
ตอนนี้ฉันกำลังจะขึ้นปี 3 และได้กลายเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเขา
ไม่รู้จะขอบคุณหรือว่าโทษภูดีที่เป็นแฟนกับมิว
เพราะมันก็จริงอย่างที่ใครๆ เขาว่า.... ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ
\"แพรวแกก็ช่วยฉันหน่อยดิวะ แค่นี้ช่วยไม่ได้เหรอ ฉันชอบมลจริงๆ นะเว้ย\" ผมอ้อนวอนแพรวสุดฤทธิ์ให้มันเป็นแม่สื่อให้ตั้งแต่เมื่อวาน แต่มันก็ไม่ยอมสักที ความจริงมลเป็นเพื่อนสมัยเรียนม.ปลายของผมเองแหละครับ  และที่สำคัญมีแฟนแล้วด้วย เพราะฉนั้นสิ่งที่ผมอยากดูจริงๆ คือ ปฏิกิริยาของแพรวต่างหาก ว่ามันจะมีอาการแค่ไหน ผมเองก็อยากจะให้แพรวหึงหวงผมก็เท่านั้นเอง แต่ผลที่ได้มาคือนิ่งสนิท โอ้ย ผมอยากจะบ้าตาย นี่ผมทำมาทุกวิถีทางแล้วนะ แต่ผมก็ยังไม่รู้ใจแพรวเสียที บางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่าแพรวเองก็มีใจให้ผม แต่พอผมเข้าไปใกล้ แพรวก็หนีออกไปไกลทุกที
\"ไม่เอาหรอกเป็นแม่สื่อแม่ชัก ฉันไม่ชอบ อีกอย่างฉันไม่ว่าง แกชอบก็ไปจีบเองสิ\" แพรวบอกผมอย่างไม่ยี่หระ โธ่..แพรวจะรู้ไหมว่าที่ผมต้องการมันไม่ใช่อย่างนี้
\"แพรวใจร้าย\" ผมไม่ได้ว่าที่แพรวไม่ไปเป็นแม่สื่อให้หรอกครับ แต่ผมว่าที่แพรวมันใจแข็งกับผมต่างหาก
ทีแรกผมก็ไม่รู้ใจตัวเองหรอกครับว่าชอบแพรวเข้าไปเต็มเปา จนกระทั่งเห็นพี่ชายของเด็กคนนึงที่มาเรียนวาดรูปกับแพรวทำท่าจะชอบแพรว ผมก็เลยเกิดอาการหวงก้างขึ้นมาทันที ผมไม่อยากให้ผู้ชายหน้าไหนมาเข้าใกล้แพรว และผมก็ไม่อยากเป็นผู้ชายหน้าโง่ที่มารู้ใจตัวเองเมื่อสายไปแล้ว วันนั้นผมกลับมานั่งทบทวนจิตใจของตัวเอง จนกระทั่งรู้แน่ขัดว่าผมมอบหัวใจของผมไปให้แพรวแล้ว ผมชอบแพรว ผู้หญิงที่ซ่อนความอ่อนหวานเอาไว้ใต้ท่าทีที่แข็งกระด้าง ผู้หญิงที่มีอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น
ผมลอบมองหน้าด้านข้างของแพรวที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว แถมยังหันไปคุยกับเพื่อนอีกคนอย่างสนุกสนาน เฮ้อ.. อย่างนี้ต้องไปปรึกษามืออาชีพเสียแล้ว
\"แพรวว่าไง\" ไอ้มลมองหน้าผม เหมือนเห็นลูกหมาถูกทิ้ง ผมหอบเอาหัวใจที่แสนห่อเหี่ยวมาที่คณะมัน เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านความรักอย่างมัน
\"นิ่งสนิท\" ผมตอบอย่างเซ็งๆ พลางฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
\"แกสังเกตไม่ดีหรือเปล่าวะ เราว่าแพรวเขาเก็บความรู้สึกเก่งออก ไม่ค่อยแสดงออก แกต้องสังเกตดีๆ แต่ความจริงแกบอกเขาไปตามตรงก็สิ้นเรื่อง ไม่ต้องมานั่งเดาว่าเขารู้สึกยังไง หรือว่าแกกลัว?\"
สมแล้วที่ไอ้มลเป็นเพื่อนกับผมมานาน รู้ใจดีเหลือเกิน ผมกลัวเหลือเกินว่าถ้าบอกแพรวไปแล้ว แพรวจะห่างจากผมไป แล้วชีวิตของผมที่เหลือต่อไปนี้จะไม่มีผู้หญิงที่ชื่อแพรวอยู่ข้างๆ แถมผมยังกลัวอีกว่าใครจะมาแย่งแพรวไป ผมก็เลยทำตัวเป็นมดแดงอย่างนี้ เพราะตราบใดที่ผมยังเป็นเงาตามตัวแพรวก็ไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าเข้ามา เพราะคิดว่าผมกับแพรวเป็นแฟนกัน แต่ถ้าผมบอกแพรวไปว่าผมคิดยังไง แล้วแพรวปฏิเสธขึ้นมา แล้วแพรวมาห่างจากผมไป หัวใจของผมคงแตกสลาย ไหนจะพวกที่ต้องการจะมาเสียบอีกล่ะ
\"เฮ้ย แกอย่าทำหน้าเศร้าไป เอางี้แกลองทำอย่างนี้\" มลบีบไหล่ผมเบาๆ ก่อนที่จะบอกแผนขั้นต่อไปให้ฟัง
...
\"เฮ้ย จะดีเหรอวะ\" ผมมองหน้าไอ้มลอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
\"อย่ามาปฏิเสธว่าแกไม่อยากทำอย่างนี้\" ไอ้อยากน่ะอยากอยู่หรอก แต่กลัวแพรวจะฆ่าผมน่ะสิ แต่เห็นหน้าตาจริงจังของมลแล้ว.. ลองสักตั้งก็ได้วะ
วันนั้นผมเดินกลับคณะด้วยใจตุ๋มๆ ต่อมๆ ในใจก็มีแต่คำพูดของมล ผมรู้สึกมือไม้สั่นไปหมด ไม่รู้จะเอามันวางเอาไว้ไหนดี แต่ก็พยายามควบคุมสติจนมาถึงที่โต๊ะจนได้ ผมมองเห็นแพรวกำลังนั่งคะยกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน ผมก็คงไม่ว่าอะไร ถ้าไม่มีเด็กคณะจิตรกรรมมานั่งมองหน้าไอ้แพรวแบบหยาดเยิ้ม ให้ตายสิ แค่ผมไม่อยู่ข้างๆ แพรวแค่แป๊บเดียวเอง
\"ตุ้บ\" ผมวางข้าวของลงบนโต๊ะด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง แล้วมองไปที่ไอ้เด็กจิตกรรมคนนั้นด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตร
\"ไปไหนมาเหรอคี\" แพรวถามผมยิ้มๆ ทำให้ใบหน้าของผมที่บึ้งตึงอยู่คลายลงได้นิดหน่อย
\"ไปหาสาวที่คณะผมใช่ไหม ชื่อมลใช่เปล่า ตาถึงนะ ไอ้มลนิสัยดีจะตาย เราช่วยไหม\" หมอนั่นทะลุขึ้นมากลางปล้อง ทำให้ผมหน้าบึ้งเข้าไปใหญ่ ผมจะคุยกับแพรวมันเป็นใครถึงเข้ามาสอด
\"ไม่ต้อง\" ผมรู้ตัวเลยว่าพูดเสียงแข็งมากๆ แต่มันช่วยไม่ได้นี่นา
\"ก็ดีนี่ ให้บีมเขาช่วย เมื่อเช้าแกยังอยากให้ฉันช่วยอยู่เลย\" แพรวพูดด้วยสีหน้าที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวจนผมน้อยใจ ถ้าผมเดินออกไปจากชีวิตของแพรว แพรวคงไม่รู้สึกอะไรเลยใช่ไหม
\"ฉันเปลี่ยนใจแล้ว\" ผมพูดพลางตีหน้าขรึม ได้ผลแหะ แพรวหน้าจ๋อยไปเลย แต่นี่เหรอที่ผมต้องการ
\"เออแพรว เรื่องงานถ้ายังไงก็โทรมาบอกแล้วกันนะ\" เสียงไอ้บีมพูดขึ้นแล้วลุกขึ้น ...ไปเสียได้ก็ดี...
\"ได้ๆ คิดว่าไปได้นะ ไม่น่ามีปัญหา\"
\"ไปไหนกัน\" ผมถามด้วยความไม่พอใจหลังจากที่บีมเดินออกไปแล้ว ส่วนเพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็ทยอยเดินออกไปเรียน
\"อ๋อ บีมเขาชวนไปดูแกลลอรี่ขององโกมินทร์ที่กำลังจะเปิดเร็วๆ นี้ บีมเขามีบัตรเชิญวันเปิดงาน แกก็รุ้ใช่ไหมว่าฉันชอบภาพอาจารย์เขา\"
รู้น่ะรู้ แต่ไม่อยากให้ไปเลย ผมเอมมือไปเกาะกุมมือแพรวที่วางอยู่บนโต๊ะ โดยที่แพรวไม่มีท่าทางขัดขืน ก่อนที่จะมองหน้าแพรวด้วยแววตาที่อ้อนวอนสุดฤทธิ์
\"อย่าไปเลยนะแพรว เอาไว้ไปกับฉันวันหลัง นะแพรว\" ใช้ไม้แข็งไม่ได้ก็ขอให้ลูกอ้อนเนี่ยแหละ
\"แต่ว่า..\"  นั่นไงแพรวเริ่มที่จะใจอ่อนลงแล้ว แถมไม่มีทีท่าที่จะชักมือกลับอีกต่างหาก ผมเห็นได้ทีก็เลยเอามือแพรวมาจับเล่นเสียเลย
\"นะแพรนะ เอาไว้ไปดูกันสองคนไง\" พูดพูดอ้อนๆ มองแพรวตาแป๋ว
\"อื้อ\" แพรวตอบตกลงด้วยใบหน้าเขินๆ ให้ตายสิ ถ้ารู้ว่าผมแบบนี้แล้วแพรวทำท่าแบบนี้ ผมทำไปตั้งนานแล้ว
เย็นวันนั้นก็เลยกลายเป็นเย็นที่แสนสุขของผม ตอนนี้ผมนึกแน่ใจอยุ่ในใจว่าแพรวต้องมีใจให้ผมแน่ๆ ตอนนั้นเราก็เลยดูเหมือนกับคู่รักทั่วๆ ไปผมช่างเป็นผู้ชายที่มีความสุขเสียจริง อย่างนี้ต้องตบรางวัลยัยมลเสียหน่อยแล้ว
กุหลาบยังมีหนาม แล้วความรักของผมกับแพรวจะไม่มีขวากหนามได้ยังไง จริงไหมครับ และหนามอันแรกของผมก็คือไอ้บีมเนี่ยแหละ ผมให้มลไปสืบมาแล้ว มันชอบแพรวจริงๆ แผนการของผมก็คือ ให้ไอ้มิวช่วยพูดกัน
ความจริงแพรวเองก็ไม่ใช่คนที่น่ารัสะดุดตา แต่แพรวเป็นคนมีสเน่ห์ ประกอบกับนิสัยที่อ่อนโยน (ข้างใน) และดูแลเออาใจใส่คนอื่นเสมอ ทำให้แพรวเป็นคนที่มีผู้ชายมาชอบเยอะพอสมควรเลยล่ะ แต่นิสัยตรงนี้แหละครับ ที่ทำให้ผมชอบแพรว
\"ไอ้แพรวมันมีแฟนแล้วนะ\" ไอ้มิวพูดขึ้นหลังจากที่บีมมานั่งรอแพรวอยู่ที่คณะผม โดยไม่สนสายตาที่อำมหิตของผมเลย
\"ใคร?\" ไอ้บีมพูดพลางมำหน้าตกใจ ให้มันรู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร
\"ใช่ ตัดใจเสียเถอะบีม แฟนมันหน้าตาดีใช่หยอก\" ไอ้ตูนเพื่อนสนิทของแพรวพูดเสริม ดีมากเพื่อนๆ ช่วยๆ กัน มันจะได้เลิกยุ่งกับแพรวของผมเสียที แต่เอ...ตูนรู้ได้ไงว่าผมชอบแพว และเรา(กำลัง)จะเป็นแฟนกัน
\"ใช่คนที่เรียนแพทย์ จุฬาป่ะ ที่เคยมารับมันตอนปี 1 น่ะ โคตรหล่เลยนะเว้ย\"
\"เฮ้ย!!\" คราวนี้เป็นเสียงผมเองแหละ ไม่จริงน่า ไอ้แพรวมีแฟนแล้ว เป็นไปไม่ได้ ทำไมผมถึงไม่รู้เรื่อง
จากนั้นหัวสมองของผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย ไม่ว่าใครจะพูดยังไง ผมคงยังช็อคไม่หาย แพรวมีแฟนแล้วจริงๆ เหรอ ผมอยากถามแพรวเหลือเกิน แต่ก็กลัวคำตอบ
เย็นวันั้นแพรวก็ยังเหมือนเดิม นั่งเล่นคุยเล่นกับผม แต่ข้อมูลที่ได้รับมาจากตูนทำให้ผมไม่สามารถที่จะร่าเริงได้เหมือนเคย คำว่า \'แพรวมีแฟน\' ดังก้องอยู่ในหัวผมไม่หยุด ผมมองหน้าแพรวที่อ่านหนังสือเตรียมสอบสลับกับการถอนหายใจ ผมควรจะทำยังไงดี มอแดงอย่าผงกำลังจะตาย เพราะมะม่วงลูกนี้มีเจ้าของเสียแล้ว
\"คีเป็นอะไรไป ไม่สบายใจอะไรบอกเราได้นะ เรื่องมลเหรอ?\" แพรวแสดงความเป็นห่วงผม แต่ก็ในฐานะ \'เพื่อน\' คำว่าเพื่อนทำให้ผมเจ็บไปทั้งใจ
\"เปล่า กลับกันเถอะ\" ผมพูดพลางลุกขึ้นอย่างล้าๆ วันนี้ไม่ไหวแล้ว ขอกลับไปนอนคิดก่อนว่าจะเอายังไงดี
ในขณะที่ผมกำลังเก็บข้างของ มือเล็กๆ ของแพรวก็จับแขนผมอย่างแผ่วเบา แล้วมองด้วยสายตาที่เป็นห่วง สายตาของแพรวทำให้ผมยิ้มออกมาบางๆ จากนั้นก็เอามืออีกข้างที่แพรวไม่ได้จับลูบผมแพรวเบาๆ เป็นเชิงบอกว่าผมไม่เป็นไรจริงๆ ความจริงได้แค่นี้ ผมก็น่าจะพอใจ...ใช่ไหม?
27 มิ.ย.
ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองหรือเปล่า ฉันรู้สึกว่าพักนี้เขาดูเปลี่ยนๆ ไปไม่ค่อยยิ้มให้ฉันเหมือนวันเก่าๆ
หรือว่าเขาอาจจะล่วงรู้ความในใจที่ฉันเก็บซ่อนเอาไว้ แล้วเขาลำบากใจที่จะเป็นเพื่อนกับฉัน...
หรือไม่เขาก็อาจจะกลัวว่ามลจะเข้าใจผิด วันก่อนฉันเดินผ่านแถวคณะจิตรกรรม เห็นเขาคุยเล่นกับผู้หญิงที่ชื่อมลอย่างสนุกสนาน
ที่ตรงนั้นใช่ไหมที่เขาต้องการ ที่ที่ไม่ใช่ข้างฉัน แต่เป็นข้างเธอคนนั้น
\'ความห่างเหิน\' เกิดขึ้นแล้วระหว่างผมกับแพรว มันคงเริ่มจากการที่ผมไม่กล้าที่จะถามแพรวไปตรงๆ ผมขี้ขลาดเกินไปใช่ไหม แต่ผมไม่อยากจะรับรู้ความจริงนั้นเลย แต่ผมก็ไม่สามารถเห็นแพรวเดินห่างจากผมไปทุกทีๆ ได้เช่นกัน
\"แพรวไปกินข้าวกันไหม?\" ผมถามแพรวเหมือนกับคนที่ไม่เคยไปกินข้าวด้วยกัน
\"กินแล้ว ไปชวนมลสิ\" นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่แพรวไล่ผมไปอยู่กับมล มันจะรู้ไหมว่าทำให้ผมน้อยใจแค่ไหน
\"ถ้าไม่อยากกินด้วยกัน ก็ไม่ต้องไล่ไปกินกับคนอื่น ไม่ชอบ!!\" ผมตะคอกเสียงดัง ทำให้คนแถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียวกัน แต่ผมทนไม่ไหวแล้ว ทำไมแพรวต้องทำท่าไม่อยากอยู่ใกล้ผมด้วย
ตอนนี้แพรวไม่ยอมหันมามองหรือว่าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว เธอเม้มปากสนิทมองไปอีกทาง น้ำใสๆ เคลือบอยู่ที่ตาคู่สวยของแพรว น้ำตาของแพรวเรียกสติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของผมกลับคืนมาได้ ผมตัดสินใจนั่งลงข้างๆ แพรวอีกครั้ง ก่อนที่จะคว้ามือแพรวมาจับเหมือนแต่ก่อน แต่คราวนี้แพรวคงโกรธผมมาก เพราะแพรวสะบัดมืออกกจากมือของผม การกระทำของแพรวไม่เพียงแต่สะบัดมือของผมให้ออกห่างเท่านั้น แต่เป็นการสลัดใจที่ผมมอบให้ไปอย่างไม่ไยดี เราสองคนนั่งอยู่ในความเงียบกันเพียงชั่วครู่ ก่อนที่แพรวจะปาดน้ำตาอย่างลวกๆ แล้วหยิบข้าวของเดินจากผมไป ให้ตายสิ นี่ผมทำอะไรลงไปเนี่ย...
ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้คุยกับแพรวอีกเลย แพรวคงโกรธผมมาก เวลานั่งเรียนถ้าแพรวเห็นผมนั่งตรงไหน ก็จะเดินไปอีกมุมนึง นี่หรือคือผลของการที่ผมระเบิดอารมณ์ออกไป ผมไม่เคยต้องการอย่างนี้เลย ผมอยากให้แพรวอยู่ข้างๆ ผม ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใดก็ตาม ความรักที่แท้จริงก็คือการเห็นคนที่เรารักมีความสุขใช่ไหม ไม่ว่าคนที่ทำให้แพรวมีความสุขที่สุดจะไม่ใช่ผมก็ตาม
ผมตัดสินใจที่จะเข้าไปขอโทษแพรวตรงๆ ตอนเย็นผมจึงดักรอแพรวที่อาคารเรียน วันนี้แพรวกลับเย็นกว่าทุกวัน อาจเป็นเพราะแพรวไม่มีสอน ก็เลยอยู่นั่งวาดรูปที่คณะนานกว่าปกติ ผมมองแพรวที่นั่งทำงานอยู่เพียงลำพัง โดยที่แพรวไม่รู้สึกตัว แล้วผมก็ได้เห็นภาพที่ทำให้ผมรู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก
แพรวนั่งทำงานไปได้สักพักก็หยุดแล้วก็ทำงานต่อเหมือนคนไม่มีสมาธิจะทำอะไร สักพักแพรวก็เอามือปิดหน้าร้องไห้สะอื้นตัวโยน ผมใช่ไหมที่ทำให้แพรวเป็นอย่างนี้ ผมนี่มันเลวจริงๆ ผมไม่รู้เลยว่าขาของผมพาผมไปยืนอยู่ข้างๆ แพรวตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมรู้สึกตัวอีกที แพรวก็ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของผมเสียแล้ว
\"ฉันขอโทษ แกอย่าร้องไห้สิ ฉันใจไม่ดีเลย\" ผมพูดไปลูบผมแพรวไปเพื่อปลอบโยน แต่ดูเหมือนว่าการกระทำของผมจะยิ่งทำให้แพรวร้องไห้หนักขึ้น  มือของแพรวจับเสื้อของผมเอาไว้แน่นราวกับว่าจะเกาะเกี่ยวผมเอาไว้ตลอดชีวิต  ท่าทางของแพรวทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะจูบลงที่เรือนผมของเธออย่างแผ่วเบา
เหตุการณ์นี้เป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมกับแพรวโกรธกันและน้อยใจกัน และนับตั้งแต่วันนั้น ผมก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ทำให้แพรวมีน้ำตาเพราะผมอีกต่อไป แม้ต้องแลกกับความเจ็บปวดรวดร้าวของผมก็ตาม อะไรก็ตามที่ทำให้แพรวมีความสุข ผมจะทำ
\"ตกลงพวกมึงดีกันแล้วสิ\" ไอ้ภูถามขึ้นตอนที่พวกเรานั่งเล่นกันอยู่ที่โต๊ะ ตอนนี้แพรวไปซื้อขนมกับพวกตูน ผมพยักหน้าเบาๆ ใจนึงก็โล่ง แต่ก็มีบางอย่างที่ค้างคาใจอยู่
\"นี่คุณคีตา มิวมีข่าวหมอกอล์ฟมาขายล่ะ\" ไอ้มิวพูดพลางทำหน้าเจ้าเล่ห์
\"หมอกอล์ฟไหนวะ\" ผมถามงงๆ เกิดมายังไม่เคยได้ยินชื่อคนที่ชื่อ \'หมอกอล์ฟ\' มาก่อนเลย
\"ก็ที่ไอ้ตูนบอกว่าเป็นแฟนไอ้แพรวไง\" มิวพูดอย่างรำคาญๆ ที่ผมไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรมากขนาดนี้ ความจริงผมก็หมั่นไส้ที่มันท่ามากเหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้ผมต้องง้อมันครับ
\"มิวจ๋า มิวคนสวย บอกหน่อยสิ\" ผมพูดพลางกระโดดไปนั่งข้างๆ มิว แล้วบีบแขนมันเอาใจ
\"ไอ้คี เอามือออกไปจากแขนแฟนกรู\" ไอ้ภูพูดเสียงโหด ดูมันสิ ผมเป็นเพื่อนมันมันยังหึงยังหวง ไอ้นิสัยขี้หึงขึ้นสมองเนี่ย แก้ไม่หายจริงๆ ไอ้มิวก็โรคจิตพอกัน พอไอ้ภูหึงก็หัวเราะคิกคักชอบใจที่ทำให้แฟนตัวเองหึงได้ ประสาทพอกัน ถึงเป็นแฟนกันได้  ส่วนผมกับแพรวน่ารักเหมือนกันทั้งคู่ถึงได้สมกัน
\"เออๆ เอ้ามิวว่ามา\" ผมถามด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือร้น ท่าทางและน้ำเสียงของมิวบอกผมว่า ข่าวที่มันจะนำเสนอ ไม่น่าจะเป็นข่าวร้ายสำหรับผม แต่คำถามของผมก็ต้องเป็นหมันไป เพราะไอ้ปอวิ่งหน้าตาตื่นมาเสียก่อน
\"ควายหายเหรอวะไอ้ปอ วิ่งมายังกะมีสงครามโลก\" ไอ้ภูถามกวนๆ
\"ไอ้บ้า ไอ้แพรวเป็นลมล้มพับไปแล้ว ฉัน....เฮ้ย ไอ้คีจะไปไหน\" ทันทีที่ปอบอกว่าแพรวเป็นลม ผมก็ลุกขึ้นทันที \'ความห่วง\' ของผมมันมีมากจนผมนั่งเฉยไม่ได้
\"ไปหาแพรว\" ผมตะโกนอย่างหัวเสียที่ปอทำให้ผมเสียเวลาตอบคำถาม
\"แล้วแกรู้เหรอว่ามันอยู่ไหน\" เออว่ะ จริงๆ ด้วย ผมหันไปมองหน้ามันพลางทำหน้าแหยๆ ให้
\"อยู่ไหน?\"
\"หน้ามหา\'ลัย เดินมาอยู่ดีๆ ก็วูบไปเลย เฮ้ยคีใจเย็น\" คำพูดของปอต่อจากนั้นผมไม่รู้แล้วล่ะครับ ตอนนี้จิตใจของผมทั้งหมดจดจ่ออยู่กับแพรว ผมวิ่งด้วยความรวดเร็วยิ่งกว่านักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิกมายังหน้ามหาวิทยาลัย พอผมเห็นหน้าแพรวเท่านั้นแหละ หัวใจผมก็หล่นวูบ ก็ตอนนี้หน้าแพรวแทบไม่มีสีเลือดอยู่เลย
\"แพรว\" ผมเรียกแพรวด้วยความตกใจ แล้วรีบไปประคองแพรวที่ตอนนี้ไอ้ตูนคอยดูแลอยู่ เชื่อไหมว่าแม้กระทั่งตอนนี้แพรวก็ยังยิ้มแหยๆ ให้ผม
\"ฉันไม่ตายหรอกน่าคี\" แพรวพูดติดตลก แต่ตอนนี้ผมไม่รู้สึกตลกด้วยสักนิด ผมอุ้มแพรวขึ้นท่ามกลางความตกใจของแพรวและตูน แพรวร้องห้ามผมพัลวัน แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจหรอกครับ
\"ไปห้องพยาบาลนะ\" ผมพูดพลางกระชับตัวแพรวให้อยู่ตำแหน่งที่ปลอดภัยที่สุด ก่อนจะรีบออกเดินด้วยความรวดเร็ว ตอนนี้ผมไม่วางใจอะไรทั้งนั้น ต้องให้คุณหมอที่ประจำห้องพยาบาลดูก่อน ถ้าเห็นท่าไม่ดียังไงผมจะได้พาไปโรงพยาบาลทันที
\"พักผ่อนน้อยน่ะ ปกติคนเราต้องพักผ่อนวันละ 6-8 ชั่วโมง นี่เล่นนอนน้อยจิตต่อกัน ข้าวปลาก็ไม่ค่อยได้กิน จะไม่ให้เป็นลมได้ยังไง\" คุณหมอบ่นยาว หลังจากที่คุยถามอาการจากคนไข้พักใหญ่ แล้วได้คำตอบเไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่ และคำตอบของแพรวก็เล่นเอาผมอยากจะจับมาตีก้นเสียให้เข็ด นอนดึกติดต่อกันหลายคืน แถมลืมกินข้าวไปหลายมื้อ ผมอยากจะบ้าตาย แต่ตอนนี้จะบ่นก็บ่นไม่ออก เพราะแพรวหน้าซีดเป็นไก่ต้มอยู่ ผมจึงวิ่งออกไปหาอะไรให้แพรวกินรองท้อง ก่อนที่จะปล่อยให้แพรวหลับอย่างสบายอารมณ์
ผมมองแพรวที่หลับตาพริ้มอย่างเป็นสุข ผมอดไม่ได้ที่จะลูบไล้ไปที่แก้มของแพรวอย่างแผ่วเบา ร่องรอยของการอดนอนหลายคืนติดกันปรากฏขึ้นบนวงหน้าของแพรว ขอบตาคล้ำกว่าปกติ แล้วผมก็รู้สึกว่าแพรวผอมลงไปด้วย แม้จะเพียงเล็กน้อยก็เถอะ ผมจับมือแพรวมาแนบมันแก้มของผม แม้จะรู้แล้วว่าแพรวเพียงแค่เพลียเพราะพักผ่อนและกินอาหารไม่เพียงพอ แต่ผมก็เป็นห่วงแพรวมากเหลือเกิน
เย็นวันนั้นผมไปส่งแพรวที่บ้าน โดยที่ไม่ฟังเสียงคัดค้านของแพรว ผมรู้อย่างที่แพรวรู้ว่าบ้านเราอยู่คนละมุมของกรุงเทพฯ แต่ผมเป็นห่วงนี่นา ถึงแม้ว่าแพรวจะมีใครก็ตามเถอะ แต่ผมห่วงในฐานะ \'เพื่อน\' คงจะไม่ผิดมากใช่ไหม
\"ขอบคุณมากนะคี ส่งฉันแค่นี้แหละ\" แพรวหันมาบอกผม และกำลังจะลงจากรถไป แต่ผมก็คว้าข้อมือเล็กๆ ของแพรวได้ก่อน ผมมองบ้านแพรวที่ตอนนี้ดวงไฟปิดสนิท เป็นสัญญาณบอกว่าไม่มีใครอยู่บ้าน แล้วนี่ใครจะดูแลแพรวล่ะเนี่ย
\"ไม่มีใครอยู่บ้านเลยเหรอ?\" ผมถามแพรวหน้าเครียด ส่วนแพรวก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ
\"คงกลับประมาณ 2 ทุ่มแหละ\"
\"งั้นเดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อน ไม่ต้องเถียง ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาอีกจะทำยังไง\" ผมจอดรถ ก่อนที่จะเดินลงจากรถ แล้วประคองแพรวเข้าบ้านไป โดยที่แพรวไม่สามารถโต้เถียงได้เลย
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้าบ้านแพรว ปกติแล้วแพรวจะไม่ค่อยให้ผมมาส่งที่บ้าน หรือถ้าให้มาส่งก็จะจอดแค่หน้าบ้านเท่านั้น เพราะแพรวไม่เคยชวนผม และผมเองก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร ผมถือวิสาสะนั่งลงบนโซฟา แล้วรั้งคนตัวเล็กลงมานั่งข้างๆ ปัดปอยผมที่ละอยู่ที่ข้างแก้มของแพรวอย่างแผ่วเบา ให้ตายสิตอนนี้ผมคิดอะไรบ้าๆ อยู่เนี่ย ผมอยากกอดแพรว ผมอยากจูบแพรว ไอ้คีตาเอ๋ย แพรวไม่สบายอยู่นะ
\"เหนื่อยจังเลยคี\" แพรวพูดจบก็เอาศีรษะมาซบที่ไหล่ผม เล่นเอาใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ  ผมอยากจะบอกแพรวไม่ให้ทำอย่างนี้ เพราะมันจะทำให้ผมควบคุมตัวเองไม่อยู่
\"แกไม่กลัวฉันเลยเหรอแพรว\" ผมถามออกไปอย่าที่ใจคิด แพรวเหลือบตามองผมด้วยความสงสัย \"ก....แกไม่กลัวฉันทำอะไรไม่ดีกับแกเหรอ?\"
คำถามของผมทำให้แพรวหัวเราะคิก ผมสงสัยจริงๆ ว่ามันน่าขำตรงไหน ผมพูดจริงจังนะเนี่ย
\"คีไม่ทำหรอก\" แพรวพูดยิ้มๆ ผมไม่เคยเห็นแพรวยิ้มใกล้ๆ อย่างนี้มาก่อนเลย \'น่ารักจัง\'
ผมกระชับวงแขนแน่นขึ้น แล้วเชยคางของเธอมาคบตาของผม มีเสียงเล็กๆ ดังมาจากแดนไกลที่ห้ามผมไม่ให้กระทำการที่อุกอาจ ที่อาจจะทำลายมิตรภาพของเราสองคน แต่เสียงนั้นก็ไกลเหลือเกิน แล้วแพรวก็อยู่ใกล้ผมแค่นี้เอง ผมก้มลงไปใกล้แพรวมากขึ้นเรื่อยๆ ผมได้กลิ่นหอมกรุ่นจากตัวแพรวเบาบาง อีกเพียงนิดเดียวผมก็จะได้สัมผัสกับความหอมหวานที่ผมต้องการ ที่สำคัญแพรวไม่หลบผม แถมยังหลับตานิ่งรอรับสัมผัสของผมอีกต่างหาก
\"ติดๆๆๆๆๆๆๆ ตื้อตือ\" เสียงริงโทนของผมดังขึ้น ให้ตายสิ ใครโทรมาตอนนี้ฟร่ะ ผมจะฆ่ามัน ทีแรกผมจะไม่รับอยู่หรอก แต่บรรยากาศมันเสียไปแล้ว แล้วแพรวก็ลืมตานั่งหน้าแดงเขยิบห่างไปจากผมเสียแล้วสิ
\"คีไม่รับโทรศัพท์เหรอ?\" แพรวถามขึ้นเขินๆ ถ้าถามใจผมไม่อยากจะรับเลย แต่ถ้าไม่รับมันก็คงดังน่ารำคาญอย่างนี้ไปเรื่อยๆ  ใครนะโทรมาได้จังหวะจริ๊งจริง อีกนิดเดียว... อีกนิดเดียวเท่านั้น เวรกรรมของผมจริงๆ เลย
\"ว่าไงมล\" ผมกรอกเสียงลงไป พยายามไม่ให้มีพิรุธ ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน มันไม่ดีกับแพรวเท่าไหร่ ที่อยู่กับผู้ชายสองต่อสองในบ้าน
\"เพื่อนๆ นัดออกมากินข้าวกัน ออกมาหน่อยเดะวะ\" มลพูดอย่างร่าเริง ...มันจะมานัดอะไรกันวันนี้ ตอนนี้ ไม่ว่างไปโว้ย....
\"ไปไม่ได้คราวหน้าแล้วกัน แค่นี้นะ\" ผมพูดจบก็วางสายแล้วก็ปิดโทรศัพท์กันการรบกวนไปเลย
ผมหันหน้ามามองแพรวที่นั่งนิ่ง แม้ว่าผมจะไม่สามารถสร้างบรรยากาศเมื่อกี้ให้กลับคืนมาได้ แต่ผมเองก็รู้สึกดีไม่น้อยที่คิดว่าแพรวมีใจให้กับผมบ้าง ไม่ามากก็น้อย ส่วนเรื่องหมอกอล์ฟนั่นหน่ะ เอาไว้ก่อนเถอะ ไม่แน่อาจจะไม่ใช่แฟนกันจริงๆ ก็ได้ ใครต่อใครอาจจะเข้าใจผิดกันไปเอง
\"คีไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก เดี๋ยวพ่อกับแม่แพรวก็กลับมา\" แพรวพูดจบก็ลุกขึ้นยืน แต่ผมก็ฉุดให้แพรวนั่งลงมาเหมือนเดิม แต่ดูเหมือนว่าแพรวจะไม่ได้ทันตั้งตัวเลยหล่นตุ๊บมาที่ตักของผม ในเมื่อสวรรค์เป็นใจ ผมก็เลยถือโอกาสกอดแพรวเอาไว้เสียเลย
\"ปล่อย\" แพรวพยายามที่จะผลักผมออกไปห่าง แต่ผมไม่ยอมหรอก
\"ทำไมชอบไล่ฉันไปหาคนอื่นจัง\" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ตัดพ้อ ....ให้ตายสิ ผมกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย...
\"ฉันไม่ได้ไล่ แต่อยากให้คีมีความสุขกับคนที่รัก คีชอบมลนี่นา คีไม่อยากอยู่กับเขาเหรอ\" แพรวถามผม แต่ผมก็จับความสั่นไหวที่ปลายเสียงของแพรวได้ นี่ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า หรือว่านี่เป็นการกันไม่ให้ผมอยู่กับเธอ
\"ที่ที่ฉันอยากอยู่คือข้างแกแพรว แต่แกคงอยากอยู่ข้างหมอกอล์ฟมากกว่า\" ผมพูดด้วยความน้อยใจอีกครั้ง คราวนี้ผมปล่อยแพรวให้เป็นอิสระ จากนั้นผมก็ลุกขึ้นทำท่าจะเดินจากไป แต่คราวนี้กลับเป็นแพรวที่ไม่ยอม
\"คีพูดเรื่องอะไร แล้วพี่กอล์ฟมาเกี่ยวอะไรด้วย\" แพรวถามด้วยเสียงที่ดังพอควร
\"ก็พี่กอล์ฟแฟนแกที่เรียนหมอที่จุฬาฯไงล่ะ\" ผมพูดออกไปแล้ว ผมพูดออกไปแล้ว แล้วนี่ผมต้องเจออะไรต่อไปล่ะเนี่ย ความรู้สึกผมตอนนี้เหมือนกำลังยืนรอคำตัดสินจากผู้พิพากษาอะไรอย่างนั้น
ดูเหมือนว่าตอนนี้แพรวจะอ้าปากค้างนิ่งอึ้งไป และผมไม่สามารถเดาอะไรจากสีหน้าของแพรวได้เลยนอกจากความตกใจ แต่แพรวตกใจเรื่องอะไรล่ะ เรื่องที่ผมรู้มันถูกหรือผิด แพรวตกใจในด้านไหนกันแน่
\"บ้า แกนี่มันบ้าที่สุดเลยคี พี่กอล์ฟน่ะ... แฟนน้องสาวฉันนะ\" แพรวพูดออกมาอย่างเคืองๆ มองผมตาเขียวปั๊ด
...แฟนน้องสาว... คำๆ นี้ตะโกนก้องอยู่ในหัวผมอยู่เนิ่นนาน ก่อนที่ผมจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ
\"จริงเหรอแพรว แกยังไม่มีแฟนเหรอ?\" ผมละล่ำละลักถามออกไปด้วยความดีใจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแพรวจะไม่อยู่ในอารมณ์เดียวกับผมสักเท่าไหร่ ดูจากคิ้วที่ขมวดยุ่งกัน
\"แกมันบ้าคี ถ้าฉันมีแฟนแกก็ต้องรู้ อีกอย่างถ้าฉันมีแฟนฉันจะให้แกจับมือ กอด หรือว่า...ได้ไงกันเล่า\" แพรวพูดไปก็หน้าแดงไป สงสัยจะคิดถึงเรื่องเมื่อครู่นี้
\"ไม่ต้องมาขำเลยนะ\" แพรวตวาดผมซ้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นผมอมยิ้ม \"ออกไปหามลของแกเลยไป๊ ฉันมันไม่มีค่าอะไรหรอก ฉันก็แค่เพื่อนสนิทคนนึงที่แอบรักแกเท่านั้นเอง\"
ดูเหมือนว่าแพรวจะหลุดปากพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดมาเสียแล้ว เพราะหลังจากพูดประโยคนั้นออกมา แพรวก็ทำตาโต อ้าปากค้างยิ่งกว่าเก่า และทำท่าจะวิ่งหนีไป แต่ก็ช้ากว่ามือของผมที่จับแขนเรียวของเธอเอาไว้ก่อน  ผมดึงแพรวเข้ามากอดเบาๆ โดยไม่สนใจคนตัวเล็กกว่าที่ดิ้นขลุกขลักอย่างดื้อดึงอยู่ในอ้อมแขนผม
\"แกพูดว่าอะไรนะแพรว\" ผมถามที่ข้างหูแพรวเบาๆ คราวนี้ผมไม่ยอมให้แพรวเดินห่างจากผมไปไหนอีกแล้ว
\"บ้า ฉันว่าแกบ้า ได้ยินไหม?\" แพรวพูดอู้อื้อ และพยายามที่จะละคำนั้นที่แพรวหลุดออกมา
\"ไม่ใช่คำนี้สิ ประโยคหลังจากนั้นหลายประโยคเลย ที่แพรวบอกว่าแอบรัก...\"
\"อย่าพูดนะ\" แพรวร้องห้ามเสียงดัง หน้าแดงแปร๊ด เอาเถอะ ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไรงั้นฟังแล้วกัน ผมกอดคนตรงหน้าให้แนขึ้น แล้วกระซิบลงที่ข้างหูพอให้ได้ยินอย่างชัดเจนกันสองคน
\"ฉันรักแกแพรว ฉันจะบอกรักให้แกฟังอย่างนี้ทุกวันจนเบื่อเลย\"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น