ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนตราจันทรา

    ลำดับตอนที่ #1 : การพบกันใต้แสงจันทร์

    • อัปเดตล่าสุด 4 ม.ค. 48


    สายลมเย็นๆ ในช่วงหน้าหนาวช่างบาดผิวของคนที่มายืนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ยามค่ำคืนยิ่งนัก สายลมที่อ่อนโยนเมื่อตอนช่วงหน้าร้อน ในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับมีดโกนที่เสียดแทงเข้าไปในผิว ทำให้เกิดอาการหนาวสะท้าน และยิ่งคนที่มายืนใต้เงาจันทร์ไม่มีเสื้อผ้าที่ปกคลุมร่างกายมากไปกว่าเสื้อยืดบางๆ เพียงหนึ่งตัวก็ยิ่งทำให้สายลมเย็นๆ บาดลึกเข้าไปในร่างกายมากขึ้น ตอนนี้ผู้ชายคนที่ออกมาชมแสงจันทร์ยามเที่ยงคืนทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากยืนกอดอกเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายเพียงเล็กน้อย คืนนี้เขารู้สึกอ้างว้างและหงอยเหงามากเป็นพิเศษ มากเกินกว่าที่จะอยู่ในห้องที่แสนอุดอู้ มากเกินกว่าที่จะข่มตาให้หลับลงได้ เขาค่อยถูกแขนทั้งสองข้างไปมา ตาก็มองพระจันทร์ที่กำลังจะเต็มดวงในอีกไม่กี่วันข้างหน้าราวกับว่ามันเป็นที่พึ่งพิงขอใจที่อ่อนแรงของเขาในยามนี้



    \"เสื้อไหมค่ะ\" เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น ทำให้เขาหันไปมองด้วยความแปลกใจ แน่ละสิ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาต้องแปลกใจ เพราะเวลาค่ำคืนในที่เปลี่ยวๆ เช่นนี้ไม่น่าจะมีใครมายืนอยู่แถวนี้ และยิ่งคนๆ นั้นเป็นผู้หญิงด้วยแล้ว มันยิ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ใหญ่ เขาหันไปมองผู้หญิงคนนั้นช้าๆ เธอยิ้มให้เขา ในมือของเธอมีเสื้อกันหนาวตัวโคร่งอยู่หนึ่งตัว เขารับมันมาด้วยสีหน้างงๆ



    \"ขอบคุณครับ\" เขาพูดพลางใส่เสื้อตัวนั้น ตาก็มองเธอตาไม่กระพริบ เขาชักนึกสงสัยตะหงิดๆ แล้วว่า เธอเป็นใครกันแน่ ไม่แน่ว่าเธออาจจะเป็นพราย หรือว่าวิญญาณที่อยู่แถวนี้ก็ได้ เพราะภายใต้แสงจันทร์เธอดูซีดเซียวเกินกว่าที่จะเป็นมนุษย์เดินดินได้ \"ทำไมมาเดินคนเดียวเปลี่ยวๆ ล่ะครับ เป็นผู้หญิงมันอันตราย\" เขาพูดขึ้น ทำให้เธอหันมายิ้มอย่างอ่อนโยน



    \"พระจันทร์สวยนะค่ะ\" เธอไม่ตอบเขา แต่หันหน้าไปมองพระจันทร์ที่กำลังส่องแสงอย่างอ่อนโยน ท่ามกลางหมู่ดาวที่กระจัดกระจายบนท้องฟ้า



    \"ครับ\" เขารู้สึกผิดหวังที่เธอไม่ยอมตอบคำถามของเขา แต่ก็ปัดความรู้สึกนั้นออกไปจากใจ เพราะเขาคิดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาหงุดหงิดใจ เขาตั้งใจจะมาเดินเล่นใต้แสงจันทร์เพื่อจะผ่อนคลายอารมณ์อ้างว้างที่คุกรุ่นในตอนนี้



    ทั้งสองนิ่งเงียบกันอยู่นาน ตาของทั้งคู่จับจ้องไปที่ดวงจันทร์บนท้องฟ้า ในบางครั้งเขาก็ละสายตาจากพระจันทร์มามองเธอ เขายอมรับเลยว่าเธอเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีคนหนึ่ง แม้ว่าเธอจะผอมและซีดเซียวไปหน่อยก็เถอะ



    \"คุณชื่ออะไร\" เขาถามขึ้น เขาต้องการที่จะพูดอะไรกับเธอบ้าง เพราะมันคงประหลาดไม่เบาที่เขาและเธอจะมายืนมองพระจันทร์กันโดยไม่พูดไม่จา นอกจากนั้นเธอยังมีน้ำใจกับเขาให้ยืมเสื้อ เพื่อไม่ให้เขาหนาวเหน็บในคืนที่อ้างว้างอย่างนี้ เธอละสายตาจากแสงนวลมามองหน้าเขา และยิ้มให้อย่างอ่อนโยน



    \"รันค่ะ มาจากชื่อจริง สิมิรัน\" เธอตอบเสียงนุ่ม แววตาเป็นประกายระยิบระยับ จนเขาไม่อาจละสายตาไม่จากเธอได้เลย เขายอมรับว่าแววตาและคำพูดของเธอมีพลังดึงดูดอย่างประหลาด เหมือนกับว่ามันมีพลังพิเศษที่เขาไม่อาจที่จะต้านทานได้



    \"ชื่อแปลกดีนะครับ\" เขาพูดขึ้นยิ้มๆ ทำให้เธอหัวเราะขึ้นมาเบาๆ เคยมีคนบอกกับเขาว่าผู้หญิงบางคนหัวเราะแล้วโลกดูสดใสขึ้นมาทันตาเห็น เขาไม่เคยเจอผู้หญิงอย่างนั้นสักที จนกระทั่งวันนี้ เมื่อยามที่เธอหัวเราะเขารู้สึกเหมือนมีพระอาทิตย์ขึ้นอยู่แทนพระจันทร์ เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขายิ้มขึ้นมาโดยอัตโนมัติ



    \"คุณพ่อกับคุณแม่พบกันที่สิมิรันน่ะค่ะ\" เธอตอบเสียงใส \"แล้วคุณ....\" เธอลากเสียงพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเขา ทำให้เขาตื่นจากภวังค์ แล้วรีบบอกชื่อตัวเอง



    \"ต้นครับ\" เขาพูดตอบเธอ เธอยิ้มให้เขาบางๆ แล้วหันไปมองพระจันทร์ น่าแปลกที่ตอนนี้เขาไม่อยากที่จะชวนเธอคุยอีกต่อไป เขาอยากจะปล่อยให้เธอมองพระจันทร์อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ส่วนเขาก็อยากจะมองเธอมากกว่าที่จะมองพระจันทร์ตามความตั้งใจเดิมแล้วตอนนี้ เพราะสำหรับเขาในตอนนี้ สิ่งที่ทำให้เขายิ้มออกและสบายใจขึ้น ไม่ใช่ธรรมชาติรอบตัวหรือว่าแสงจันทร์อีกต่อไป หากแต่เป็นเธอ ผู้หญิงที่ทำให้โลกสดใสขึ้นมาเมื่อเธอแย้มยิ้มหรือหัวเราะ



    \"ฉันต้องไปแล้วล่ะค่ะ\" เธอพูดเสียงเบา คำพูดของเธอทำให้ใจเขาหายวาบ แม้เขาจะรู้ว่าเธอคงมายืนอาบแสงจันทร์อีกไม่นาน แต่เขาก็รู้สึกดี เมื่อมีใครยืนอยู่ข้างๆ เขาในความที่แสนอ้างว้าง



    \"ครับ\" เขาตอบเธอเบาๆ แม้ว่าเขาอยากจะรั้งเธอให้อยู่เป็นเพื่อนเขามากเท่าไหร่ แต่เขาก็ต้องรับความจริงว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะรั้งเธอเอาไว้ เพราะเขาและเธอเป็นเพียงคนที่ผ่านมาเจอกันโดยบังเอิญเท่านั้น เขาทำท่าจะถอดเสื้อคืนให้เธอ แต่เธอสั่นหัวแล้วบอกกับเขาว่าให้เก็บเอาไว้



    \"เอาไว้เป็นที่ระลึกเถอะค่ะ เผื่อว่าเมื่อคุณเห็นเสื้อตัวนี้จะคิดถึงฉันบ้าง\" เธอยิ้มบางๆ ให้เขา ทำให้เขารู้สึกสั่นสะท้านในใจ นั่นสินะ จากวันนี้ไปเขาและเธอคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไรเธอจึงยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เขา และเดินจากไป เขาไม่ขยับร่างกายหรือว่าริมฝีปากเลยสักนิดเดียว เขามองเธอเดินหายไปกับความมืดยามค่ำคืน เขายืนมองพระจันทร์อยู่สักครู่ก่อนที่จะเงยหน้ามองพระจันทร์ที่สาดแสงนวล เขาทอดถอนหายใจเบาๆ กระชับเสื้อแขนยาวที่รับมาจากเธอ ก่อนที่จะหันหน้าไปตามเธอที่เขาเดินมา............
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×